Professional Documents
Culture Documents
ลักษณะการผุดขึ้นมายาวรี ขนาด1-2 นิ้ว ขึ้นตามขาหนีบ ต้นขา ในที่ลับทั้งสองข้าง ตามรักแร้ หลัง อก ทาพิษให้สลบ ถ้าไม่รู้โรค สาคัญว่าลมจับ ถ้า
สงสัยให้เอาเทียนส่องดู=กาฬแม่ตะงาว
21.ให้ปวดศีรษะ ตาแดง ตัวร้อนเป็นเปลว ไอ สะบัดร้อน สะท้านหนาว ให้ปากขม ปากเปรี้ยว กินข้าวไม่ได้ อาเจียน นอนไม่หลับ หมายถึงไข้ใดใน
คัมภีรต์ ักศิลา=ไข้กาเดาน้อย
34.ในไข้กาฬ 9 จาพวกใด มีลักษณะผุดขึ้นมาเป็นเมล็ดถั่วเล็กๆ เป็นหมู่ ขนาด 1-2 นิ้ว ทั้งตัว ตาแดงเป็นโลหิต บางทีให้กระทาพิษภายใน=ไข้รากสาด
ปานแดง
39.ขึ้นมาเท่าเมล็ดงา เมล็ดถั่ว เมล็ดผักปลังสุก เมล็ดถั่วดานูนสูงขึ้นมา เป็นหลังเบี้ยก้มี เกิดขึ้นในปาก ในลิ้น ทาพิษให้กินข้าว กินน้าไม่ได้ คือโรคใด=
กาฬฟองสมุทร
56.ไข้ดานหิน=ต้นขาเป็นดานอาการตัวเย็นดังหิน(หรือเอาขาพาดหิน)
64.ไข้สังวาลย์พระอินทร์= พระอินทร์หอบเพราะห้อยสังวาลย์เป็นแถวๆ
66.ไข้ดาวเรือง= ดาวครึ่งดวงมองแล้วปวดหัวจนตาจะแตก
71.ไข้รากสาดปานขาว=สีดังน้าข้าวเช็ด
72.ไข้รากสาดปานแดง= เม็ดถั่วแดง
75.ไข้รากสาดปานเขียว= ลิ้นเขียว
76.ไข้รากสาดปานม่วง= ผลผักปลังสุกตาย
77.ไข้รากสาดนางแย้ม= เหมือนดอกนางแย้ม
78.ไข้รากสาดพนันเมือง= ปลิงชอบเล่นการพนันเดิมพันหม้อ
81.ไข้ประดงช้าง= ผิวช้างเหมือนผิวมะกรูด
82.ไข้ประดงควาย= ควายลงเงาหนอง
83.ไข้ประดงวัว= วัวกินมะยมสุก
84.ไข้ประดงลิง= ลิงนั่งคั่วข้าวสาร
85.ไข้ประดงแมว= แมวกินตาปลา
89.ไข้ประกายดาษ= เหมือนฝีดาษ
90.ไข้ประกายเพลิง= เหมือนฝีดาษแต่เม็ดใหญ่กว่า
94.ไข้เริมน้าค้าง= เม็ดใส
95.ไข้เริมน้าข้าว= เม็ดขุ่น
97.ไข้ไฟลามทุ่ง= รวดเร็วมากกว่าลาลาบเพลิง
98.ไข้กาแพงทลาย= ทลายกาแพงคนเดียวจนฟกบวม
99.กาฬฟองสมุทร= ฟองเบียร์ในปาก ลิ้น เพดาน
100.กาฬเลี่ยมสมุทร= เลี่ยมริมฝีปาก
101.กาฬทามสมุทร= กาฬทามตามข้างลิ้น
102.กาฬทามควาย= ควายบ้ากรามขมขืนปลิง
103.กาฬไข้ละลอกแก้ว= แก้วอาบยาพิษ เกิดท่ามกลางไข้พิษ จนเป็นเงาหนอง
108.ไข้มะเร็งเปลวไฟ= ทาพิษเหมือนถูกไฟไหม้ให้สลบ
109.ไข้กระโดงไฟ= ร้อนในกระหายน้า
110.ไข้กระโดงน้า= โดดลงน้าเพราะโดนมดแดงกัด
111.ไข้กระโดงแกลบ= เม็ดทรายให้คัน
117.กาฬตะบองชนวน(ใช้ตะบองกาฬ)= บึงกาฬขายมะตูมลงตามข้อ
119.ไข้หวัดน้อย= น้ามูกตก
120.ไข้หวัดใหญ่= น้ามูกตกมาก
121.ไข้กาเดาน้อย=ปวดศีรษะ สะบัดร้อนสะบัดหนาว
ชีพจรระบายยา
146.แรม-แปดค่าว่าหนักหน่วง อยู่ในทรวงย่อมจะตาย
147.แรม- เก้าค่าประจาคาง เป็นปานกลางคลื่นลงสาย
มรณญาณสูตร
154.อาการไข้หนัก หรือถึงระยะตรีทูต (อาการหนักใกล้จะตาย)= 1. อาการเจ็บป่วย ที่ดูรุนแรงแต่ก่อน ดูค่อยยังชั่วขึ้น /2. ชีพจรเต้นอ่อน /3.ลิ้ นแห้ง
และเป็นสีน้าตาล /4.ริมฝีปากและฟันมีเมือกเกรอะ /5.กล้ามเนื้อหมดกาลังอ่อนปวกเปียก /6.มีอาการไม่ค่อยได้สติ /7.นัยน์ตาเป็นเกล็ดกระดี่หรือมัว
ลืมตาแจ๋วแต่มองไม่เห็น /8.หยิบและดึงผ้าปูนอน หรือยกมือขวักไขว่ หรือเพ้อ /9.นอนตัวจมที่นอน และเลื่อนตา่ ลงทุกที /10. ใบหน้า นิ้ว และเล็บ
เป็นเขม่า หรือสีดา
155.เห็นก้อนรัศมีโชติช่วงดังแสงปริมณฑลแห่งพระจันทร์=พลธาตุ(กาลังธาตุ) ขาด
156.เห็นเป็นรูปสตรีถือดวงไฟลอยออกไปทางหน้าต่าง หรือประตู=เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) ขาด
165.บุคคลผู้ใดไม่มเี งา ไอ จาม หาว เรอ ในคราวเดียวกัน จมูกที่ตนได้เคยเห็นก็ดไู ม่เห็น -บุคคลผู้ใดขาดความสัมผัส ตามผิวกายจมูกไม่ได้กลิ่น ไม่รู้จักรู้
ร้อนเย็น -ให้เอามือขวามาปิดตาซ้าย แต่ตาไม่เห็น -ยกมือขึ้นหว่างคิ้ว ให้มองดูข้อมือทั้งสองถ้าเห็นขาดหรือโตโดยผิดธรรมดา -เวลาถ่ายอุจจาระ เมื่อ
เอามือปิดหูเข้าทั้งสองข้างจะไม่ได้ยินเสียงอย่างหนึ่งอย่างใด -เห็นรูปเงาภายในกระจกของตนเปลีย่ นเป็นรูปวิกลยาวรี บูดเบีย้ ว -ลิ้นขาดรสสัมผัส ไม่
รู้จักรสเป็นรสอะไร=คนๆ นั้นถ้าไม่มีอาการ เปลี่ยนแปลงคงปกติคงเดิม ภายใน 1 ปี ไซร้ จะอยู่ได้อีก 15 วัน เท่านั้นก็ตาย
167.บุคคลผู้ใดเมื่อเดินไปตามทางรู้สึกคล้ายว่า มีคนถืออาวุธแกว่งไกวเข้ามาจะฆ่าฟันหรือ เห็นเป็นงู เสือ หมี ช้าง หรือ อาวุธ ตกลงมา หรือปรากฏอยู่
ข้างๆ แล้วหายไป=บุคคลนั้นจะต้องตายด้วยอาวุธ หรือเขี้ยวงา ถ้ามิตายหรือมิถูกต้องภัย อันนั้น จะต้องเจ็บป่วยเกือบเสียชีวิต