Professional Documents
Culture Documents
ตอบ
"ภูมิลำเนา" เป็ นสถานที่ที่ใช้กับทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อ
สำหรับเป็ นที่อยู่ในการติดต่อกับผู้ที่จะผูกนิติสัมพันธ์กัน ซึ่งตามความเข้าใจ
ของคนทั่วไป ภูมิลำเนาก็คือ การมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั่นเอง หรือบางคน
อาจเข้าใจว่า คือ มาตุภูมิ ก็เป็ นการไม่ถูกต้อง
ภูมิลำเนาของนิติบุคคล ได้แก่ ถิ่นอันเป็ นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือถิ่นอัน
เป็ นที่ตั้งที่ทำการ หรือถิ่นที่ได้เลือกเอาเข็นภูมิลำเนาเฉพาะการ
ตามข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้ง
ภูมิลำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แก่ ถิ่นอันบุคคลนั้นมีสถานที่อยู่เป็ น
แหล่งสำคัญ
ในที่นี้จะให้ความสำคัญกับภูมิลำเนาของบุคคลธรรมดาเท่านั้น เพราะว่า
บุคคลธรรมดาสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลาตามความชอบตาม
ความสมัครใจของตน ต่างกับภูมิลำเนาของนิติบุคคล ซึ่งเป็ นบุคคลตาม
กฎหมาย หากจะเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาย่อมทำได้ยาก ภูมิลำเนาของบุคคล
ธรรมดาได้เป็ นสองประเภท คือ ตามที่มีเจตนาอยากจะอยู่ที่ไหน กับตามที่
กฎหมายกำหนดไว้เป็ นการเฉพาะอีก ดังนั้น บุคคลธรรมดาจึงอาจมีภูมิลำเนา
ได้รวมทั้งหมดเป็ น 10 แห่ง ดังนี้
1. ที่ใช้เป็ นถิ่นที่อยู่ถาวร คือ ไม่จำเป็ นจะต้องมีชื่อตามทะเบียนราษฎร์
หรือทะเบียนสำมะโนครัว และไมใช่ถิ่นที่อยู่ที่พักอาศัยในระยะเวลาสั้น ๆ
2. ถ้ามีที่อยู่หลายแห่งชื่งใช้อยู่สับเปลี่ยนกันไปหรือมีที่ทำงานเป็ นปกติ
หลายแห่ง โดยที่ทุกแห่งก็ล้วนแต่สำคัญและไม่อาจถือได้ว่าที่ใดสำคัญกว่า
กัน ก็ให้ถือเอาที่ใดที่หนึ่งก็ได้เป็ นภูมิลำเนาของบุคคลนั้น ทำให้เป็ นบุคคลนี้
มีภูมิลำเนาหลายแห่ง
เช่น ประกอบอาชีพหลายแห่ง
3.กรณีภูมิลำเนาไม่ปรากฏ ให้ถือว่า ถิ่นที่อยู่ที่พำนักนั้นเป็ นภูมิลำเนา
หากนักหลายแห่ง ก็ให้เลือกถิ่นที่อยู่ใดที่พำนักนั้นเป็ นภูมิลำเนาก็ได้
เช่น คนนั้นไม่เปิดเผยให้ผู้ใดทราบ หรือไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ถิ่นใดเป็ น
ภูมิลำเนาของตน
4. กรณีได้เลือกเอาถิ่นใดโดยมีเจตนาปรากฎชัดแจ้งว่าจะให้เป็ น
ภูมิลำเนาเฉพาะการเพื่อกระทำการใด ก็ให้ถือว่าถิ่นนั้นเป็ นภูมิลำเนาเฉพาะ
การสำหรับการนั้น
5. กรณีไม่มีที่อยู่ปกติเป็ นหลักแหล่ง หรือ เป็ นผู้ครองชีพในการเดินทาง
ไปมาปราศจากหลักแหล่งที่ทำการงาน ดังนี้ ถ้าพบตัวผู้นั้นในถิ่นไหนก็ให้
ถือว่าถิ่นนั้นเป็ นภูมิลำเนาของบุคคลนั้น เช่น ทำงานและปฏิบัติกิจวัตรต่าง 1
บนรถบรรทุก พวกเร่ร่อน รับจ้างไปเรื่อย ๆ
6.กรณีสามีภริยา ให้ถิ่นที่อยู่ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา เป็ นภูมิลำเนา
อีกแห่งหนึ่ง เว้นแต่ จะได้แสดงเจตนาให้ปรากฎว่ามีภูมิลำเนาแยกต่างหาก
จากกัน
7. กรณีผู้เยาว์ ให้ภูมิลำเนาของผู้แทนโดยชอบธรรม ซึ่งเป็ นผู้ใช้อำนาจ
ปกครอง หรือผู้ปกครอง เป็ นภูมิลำเนาของผู้เยาว์ ในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจ
ปกครองของผู้เยาว์คือบิดาและมารดา ถ้าบิดาและมารดามีภูมิลำเนาแยกต่าง
หากจากกัน ภูมิลำเนาของ
ผู้เยาว์ได้แก่ภูมิลำเนาของบิดาหรือมารดาซึ่งตนอยู่ด้วย (จนกว่าจะบรรลุ
นิติภาวะ) ต้องเป็ นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง จดทะเบียน
สมรส หรือ บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง บิดาที่จด
ทะเบียนรับรองบุตร หรือ มารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็ นเสมอ
8.กรณีคนไร้ความสามารถ ให้ภูมิลำเนาของผู้อนุบาล เป็ นภูมิลำเนาของ
คนไร้ความสามารถ(แต่ถ้าเป็ นคนเสมือนไร้ความสามารถ ได้แก่ภูมิลำเนาของ
ตนเอง)
9.กรณีข้าราชการ ให้ถิ่นอันเป็ นที่ทำการตามตำแหน่งหน้าที่ เป็ น
ภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่ง หากมิใช่เป็ นตำแหน่งหน้าที่ชั่วคราวชั่วระยะเวลา หรือ
เป็ นเพียงแต่งตั้งไปเฉพาะการครั้งเดียว คราวเดียว
10. กรณีผู้ที่ถูกจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลหรือตามคำสั่งโดย
ชอบด้วยกฎหมาย ให้ภูมิลำเนาได้แก่ เรือนจำ หรือทัณฑสถานที่ถูกจำคุกอยู่
จนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว ไม่รวมถึงการถูกคุมขังเป็ นการชั่วคราว หรือถูก
คุมขังในระหว่างการพิจารณาคดี