You are on page 1of 13

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา

Factors Affecting Academic Achievement of Nakhon Ratchasima


College Students
กชพร ใจอดทน1 , อรณิชชา ทศตา2
คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา,
Kotchaporn Jaiodton1 ,Onnitca Thodsata2
Faculty of Education Nakhon Ratchasima College 1,2
E-mail: onnitcha@nmc.ac.th2

Received: April, 27, 2021; Revised: November 12, 2021; Accepted: November 30, 2021

บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพี่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และสร้างสมการพยากรณ์
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2562
จานวน 346 คน ด้วยการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ ในแต่ละสาขาวิชา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามชนิดประมาณค่า
มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.936 และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน การวิจัยพบว่า
1. ปั จจั ยที่ มี สหสั มพั นธ์ ทางบวกกั บผลสั มฤทธิ์ ท างการเรี ย น คื อ ปั จจั ยด้ านผู้ เรี ย นและปั จจั ย
ด้านสภาพแวดล้อม ส่วนปัจจัยด้านครูผู้สอน ปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน
มี สหสั มพั นธ์ทางลบกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยมีค่าสั มประสิทธิ์สหสั มพั นธ์ อยู่ระหว่าง 0.010 ถึง 0.481
2. ตัวแปรพยากรณ์ ที่ทานายผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลั ยนครราชสีมาได้ คือ ปัจจัยด้าน
ผู้เรียน ปัจจัยด้านครูผู้สอน และปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี ได้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเท่ากับ
ร้อ ยละ 21.30 อย่ างมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิติ ที่ ระดับ .01 มีค่ าสั ม ประสิ ท ธิ์ก ารท านายร้อ ยละ 4.60 โดยค่ า
สัมประสิทธิ์การถดถอยของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้าน
อุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี และปัจจัยด้านครูผู้สอน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยในรูปของคะแนนมาตรฐาน
เท่ า กั บ .209, .153, .130 เขี ย นสมการพยากรณ์ ได้ ดั งนี้ สมการพยากรณ์ ในรู ป คะแนนดิ บ Y = -3.141
+.216X1 - .144X3 - .128 X2 ในรูปของคะแนนมาตรฐาน Z = .209X1 - .153X3 - .130 X2

คาสาคัญ : ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา

ABSTRACT
The purposes of this research were to study the factors affecting the academic
achievement and to create the predicting equations for the academic achievement of
Nakhon Ratchasima College students. The samples were 346 senior students of academic
year 2019. They were purposively and stratified randomly selected from each field of study.
The instrument used was a rating scale questionnaire, with reliability 0.936. The collected
ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 29
data were analyzed using a stepwise multiple regression analysis. The results of the analysis
revealed that 1) learner factor and environmental factor were positively correlated with
academic achievement, 2) the three factors of learner, teacher and media / technology
equipment were found to be predictive factors of academic achievement of Nakhon
Ratchasima College students, with the multiple correlation coefficient of 21.30% and the
prediction coefficient 4.60%, statistically significant at the .01 level. The regression
coefficients of the factors mostly affecting the academic achievement were the learners’
factor, the equipment, media / technology factor and the teacher factor. The regression
coefficient in the form of standard scores was .209, .153, and 130, respectively. The
forecasting equations could be written as follows:
Forecasting equations in raw scores Y = -3.141 +.216X1 - .144X3 - .128 X2
In the form of standard scores Z = .209X1 - .153X3 - .130 X2
.

KEYWORDS: Factors affecting Academic Achievement, Nakhonratchasima College Students.

บทนา ทางการเรียนของผู้เรียนแต่ละคนแตกต่างกันไป โดย


ปั จ จุ บั น สั งคมเผชิ ญ ความเปลี่ ย นแปลง ปั จจั ยด้ านหนึ่ งอาจจะส่ งเสริ มผลสั มฤทธิ์ ทางการ
และความเจริญก้าวหน้ าด้านเศรษฐกิจ การเมือง เรี ยนของผู้ เรี ยนคนหนึ่ ง แต่ อาจเป็ นอุ ป สรรคต่ อ
สังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว สิ่ง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนอีกคนหนึ่งก็ได้
เหล่ านี้ ส่ งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของทุกคนในสั งคม จากการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น เพื่อให้รู้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของ กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นงานวิจัยเชิงสารวจ
สังคมโลกทุกคนจึงต้องพัฒนาความรู้ในด้านต่าง ๆ ศึกษาปั จจัยที่ ส่ ง ผลต่ อผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนใน
รวมทั้งทักษะพื้นฐานที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต โดย รายวิช าต่าง ๆ และมีบางเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยเชิง
มีการศึกษาเป็นปัจจัยสาคัญของการพัฒนาคนให้มี สาเหตุ ที่ ส่ งผลต่ อ ผลสั มฤทธิ์ ทางการเรี ยน ได้ แ ก่
คุณภาพ แรงจู ง ใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ เจตคติ ใ นการเรี ย น การ
ผลสั มฤทธิ์ ทางการเรี ยนมี ความส าคั ญต่ อ ส่ ง เสริม สนั บ สนุ น จากครอบครัว ความสั ม พั น ธ์
ผู้เรียนและเป็ นปั จจัยสาคัญของคุ ณภาพการศึกษา ภายในครอบครัว ปฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ ผู้ เรีย น วิธี ก าร
ของชาติ ซึ่ งเกี่ ยวข้ องกั บการจั ดการเรี ยนรู้ และมี วัดผลประเมินผล ความเหมาะสมของอุปกรณ์ สื่อ
ความสั ม พั น ธ์ กั บ การเรี ย นการสอนด้ วยคุ ณ ภาพ ต่ อ การจั ด การเรี ย นการสอน สภาพแวดล้ อ มที่
ผู้ เรี ย นที่ มี ผ ลสั ม ฤทธิ์ท างการเรี ย นสู งนั้ น มี หลาย เอื้ อ อ านวยต่ อ การเรี ย นรู้ พฤติ ก รรมของผู้ ส อน
ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ปัจจัยด้านร่างกาย ปั จจัยด้าน การสอนซ่ อ มเสริ ม ครอบครั ว เพื่ อ น หลั ก สู ต ร
ความรัก ปัจจัยด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ปัจจัย ผู้ บ ริห าร และทรัพ ยากรเพื่ อ การเรียนการสอน
ด้านความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนวัยเดียวกัน ปัจจัยด้าน (สุ ภ าพร ค ารศ, 2555; กนกภรณ์ เทสิ น ทโชติ ,
พั ฒ นาการแห่ ง ตนและปั จ จั ย ด้ า นการปรั บ ตั ว 2560; วราภรณ์ ลวงสวาส, 2561; นัฐพล วัฒนสุข,
(Danial A. Prescott, 1961) ปัจจัยทั้ง 6 ด้านนี้ โดย 2559; พรรณภัทร แซ่โท้ว, 2562 ; ปัญญา กันเกตุ,
ธรรมชาติแล้วบางปัจจัยที่ส่งเสริมผล สัมฤทธิ์ทางการ 2558)
เรี ย น แต่ บ างปั จ จั ย เป็ น อุ ป สรรคต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์

หน้า 30 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


จากเหตุ ผ ลดั งกล่ า วผู้ วิ จั ย จึ ง สนใจที่ จ ะ 2. ข้ อ มู ล ที่ เป็ น แนวทางในการวางแผน
ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ส่ ง เสริ ม และสนั บ สนุ น ให้ นั ก ศึ ก ษามี ผ ลสั ม ฤทธิ์
นั ก ศึ ก ษาวิท ยาลั ย นครราชสี ม า โดยผลที่ ได้ จาก ทางการเรียนให้สูงขึ้น
การศึกษาครั้งนี้จะทาให้ทราบปัจจัยที่ เกี่ยวข้องกับ 3. สามารถ น าผลการวิ จั ย ไป ใช้ เ ป็ น
ผลสั มฤทธิ์ทางการเรีย น เพื่อเป็ น แนวทางในการ แนวทางในการปรั บ ปรุ งการเรี ย นการสอนของ
ปรั บ ปรุ งการเรีย นการสอน และเป็ น สารสนเทศ อาจารย์ แ ละเพื่ อ เป็ น สารสนเทศประกอบการ
ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการอันจะส่งผล ตัดสิ น ใจในการบริห ารจัด การเรียนการสอนของ
ให้ นั ก ศึ ก ษามี ผ ลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นสู ง ขึ้ น ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องอันจะส่งผลให้นักศึกษามี
สอดคล้องกับ ภารกิจการผลิต บัณฑิตให้มีคุณภาพ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นสู ง ขึ้ น สอดคล้ อ งตาม
และมีมาตรฐานที่เหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง ภารกิจการผลิตบัณฑิตด้านวิชาการและวิชาชีพให้
ต่อไป มี คุณ ภาพและมาตรฐานที่ เหมาะสมกั บ การเป็ น
วิชาชีพชั้นสูงต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาสหสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ การทบทวนวรรณกรรม
ทางการเรีย นของนักศึกษาวิทยาลัย นครราชสีมา ก า ร ศึ ก ษ า ปั จ จั ย ต่ า ง ๆ ที่ ส่ งผ ล ต่ อ
กั บ ปั จ จั ย ด้ า นต่ า ง ๆ ได้ แ ก่ ปั จ จั ย ด้ า นผู้ เ รี ย น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาเพื่อจะช่วยให้
ปั จ จั ย ด้ า นครู ผู้ ส อน ปั จ จั ย ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ / เกิด แนวทางส าหรับ ใช้ เป็ น รูป แบบการวิเคราะห์
เทคโนโลยี ปั จ จั ย ด้ านครอบครั ว และเพื่ อน และ สมการเชิงเส้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า มีปัจจัยใดบ้างที่เป็น
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ตั ว แปรซึ่ ง ส่ งผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรีย นของ
2. เพื่ อสร้ างสมการพยากรณ์ ผ ลสั ม ฤทธิ์ นักศึกษา เพื่อจะได้นาข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางใน
ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา การวางแผนการจั ด กระบวนการเรี ย นรู้ แ ละ
สารสนเทศประกอบการตั ด สิ น ใจในการบริ ห าร
สมมติฐาน จัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
1. ผลสั มฤทธิ์ทางการเรีย นมีส หสั มพั น ธ์ เรียนให้สูงขึ้น ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ผู้วิจัยได้
กับ ปั จ จั ย ด้านผู้ เรี ย น ปั จจั ย ด้านครูผู้ ส อน ปั จจัย ศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้
ด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี ปัจจัยด้านครอบครัว 1. ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย น หมายถึ ง
และเพื่อน และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ปริมาณและทักษะของความรู้ในสาขาวิชาที่บุคคล
2. ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้านครูผู้สอน ได้ รั บ จากกระบวนการเรี ย นการสอนเป็ น ความ
ปั จ จั ย ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ / เทคโนโลยี ปั จ จั ย ด้ า น สามารถหรื อ ผลส าเร็ จ ที่ ได้ รั บ จากกิ จ กรรมการ
ครอบครัวและเพื่อน และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม เรียนการสอน ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ
ร่ ว มกั น พยากรณ์ ผ ลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของ ประสบการณ์ เรีย นรู้ท างด้ านพุ ท ธิ พิ สั ย จิต พิ สั ย
นักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมาได้ และทั ก ษะพิ สั ย และยั ง ได้ จ าแนกผลสั ม ฤทธิ์
ทางการเรียนไว้ตามลักษณะของวัตถุประสงค์ของ
ประโยชน์ที่ได้รับ การเรี ย นการสอนที่ แ ตกต่ างกั น (กรมวิ ช าการ,
1. ได้ ท ราบข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ ความคิ ด เห็ น 2551; ปราณี กองจิ น ดา, 2549; พิ ม พั น ธ์ เดชะ
ของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมาต่อปัจจัยที่มีผล คุปต์, 2548)
ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 31


บลูม (Bloom, 1976) กล่าวว่าปัจจัยที่มีผล ผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนทั้ งทางตรงและทางอ้อม
ต่ อ ร ะ ดั บ ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ ท า ง ก า ร เ รี ย น มี คื อ 1) ปั จ จั ย ด้ า นคุ ณ ลั ก ษณะของตั ว ผู้ เรี ย นซึ่ ง
3 ปัจจัย (ประยูรศรี บุตรแสนคม, ฐิญตา คาภูแก้ว, ประกอบด้วยผลสั มฤทธิ์เดิม เจตคติต่อการเรียน
สุนทรพจน์ ดารงพานิช, 2555; นวรัตน์ ศึกษากิจ, แรงจู งใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ 2) ปั จ จั ย ด้ านการเรี ย นการ
2561 ปราณี กองจิ น ดา, 2549; สุ ท ธภา บุ ญ แซม, สอน ประกอบด้วย พฤติกรรมการสอนของครูและ
2553; วรพล วิแหลม, วันวิศา วงษ์แหวน, 2562) กลยุ ท ธ์ ในการเรี ย นของนั ก เรี ย น 3) ปั จ จั ย ด้ า น
คือ สิ่ ง แวดล้ อ มทางการเรี ย น ได้ แ ก่ ปั จ จั ย ด้ า น
1. พ ฤติ ก รรมน าเข้ า ด้ า น พุ ทธิ พิ สั ย สภาพแวดล้ อมทางบ้ านและสภาพแวดล้ อ มทาง
หมายถึง ความสามารถและความถนัดของผู้เรียนที่ โรงเรียน
จาเป็นต่อการเรียนรู้ ทั้งสอประการนี้ที่เกิดขึ้นก่อน วนิดา ดีแป้น. 2553; อ้างอิงจาก สุ มิ ตรา
การเรียนรู้ อั ง วั ฒ นกุ ล , 2539) ได้ ส รุ ป ว่ า ปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผลต่ อ
2. คุณลักษณะทางด้านจิตพิสัย หมายถึง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบ่งออกเป็น 4 ปัจจัย ดังนี้
แรงจู ง ใจหรื อ ทั ศ นคติ ที่ มี ต่ อ รายวิ ช าและต่ อ 1. ปัจจัยเกี่ยวกับผู้เรียนจากแนวคิดของ
สภาพแวดล้อมในการเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใน นั ก จิ ต วิ ท ยากลุ่ ม พฤติ ก รรมนิ ย ม (Behavioral
ตัวผู้เรียนเอง psychologists) เชื่ อ ว่ า คนเราทุ ก คน สามารถ
3. คุณ ภาพของการสอน หมายถึง การ เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ หากมีตัวกระตุ้นและการ
วางแผนการสอนหรือจุดมุ่งหมายรายวิชาที่ผู้สอน เสริมแรงการเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการด้านกลไกที่
ได้วางแผน รวมถึงการให้คาปรึกษา แรงเสริมจาก ถูกควบคุมจากสิ่งต่าง ๆ ภายนอก แต่นักจิตวิทยา
ผู้สอน และวิธีการสอนที่ให้ผู้เรี ยนมีส่วนร่วมหรือ การรู้คิด เชื่อว่าผู้ เรียนเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการ
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เรียนรู้ ความรู้และสติปัญญา ตลอดจนกระบวนการ
ตัวแปรทั้งสามตัวนี้สามารถอธิบายความ เรี ย นรู้ ข องผู้ เ รี ย นเป็ น ปั จ จั ย ที่ ส าคั ญ ที่ สุ ด ต่ อ
แปรปรวนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ถึงร้อยละ ผลสัมฤทธิ์ในการเรียน ผู้สอนเป็นเพียงผู้รับผิดชอบ
90 แต่ ถ้ า พิ จ ารณ าที ล ะตั ว แปรจะเห็ น ได้ ว่ า ในการสอน แต่ผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียน
พฤติ ก รรมน าเข้ าด้ า นพุ ท ธิ พิ สั ย สามารถอธิ บ าย 2. ปัจจัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางการ
ความแปรปรวนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ร้อย เรีย นการสอนในโรงเรีย นที่ มิ ได้ ขึ้ น อยู่ กั บ ปั จ จั ย
ละ 50 ส่วนคุณลักษณะนาเข้าด้านจิตพิสัยสามารถ เกี่ยวกับตัวผู้เรียนหรือการเรียนการสอนเท่านั้น
อธิบายความแปรปรวนของผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน 3. ปัจจัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยทั่ว ๆ ไป
ได้ ร้ อยละ 25 และคุ ณ ภาพของการสอนสามารถ สภาพแวดล้อมทางครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่
อธิ บ ายความแปรปรวนของผลสั ม ฤทธิ์ ท างการ ไม่ได้เกิดจากตัวผู้เรียนเอง
เรี ย นได้ ร้ อ ยละ 25 แต่ ถ้ า น าตั ว แปรพฤติ ก รรม 4. ปัจจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนและ
นาเข้าด้านพุทธิพิสัยและคุณลักษณะนาเข้าด้านจิต ปัจจัยที่เกี่ยวกับบริบทการเรียนการสอน รวมถึง
พิ สั ย มาพิ จ ารณาร่ ว มกั น สามารถอธิ บ ายความ ปัจจัยด้านผู้สอน ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน
แปรปรวนของผลสั มฤทธิ์ทางการเรีย นได้ร้อยละ ทั้งในและนอกชั้นเรียน และด้านจุดมุ่งหมายของ
65 ( Herbert J. Walberg, 1984) อ้ า ง ถึ ง ใ น การสอน
เอื้อมพร หลินเจริญ , สิริศักดิ์ อาจวิชัย; และภีรภา นอกจากนี้ วนิ ดา ดี แป้ น , 2553; อ้ างอิ ง
จั น ทร์ อิ น ทร์ , 2552) โดย Walberg ผู้ ตั้ ง ทฤษฎี จาก สุ มิตรา อังวัฒนกุล, (2539) ได้สรุปเพิ่ มเติมว่ า
ผลผลิตทางการศึกษา (A theory of education ปั จ จั ย ที่ ส าคั ญ ต่ อกิ จ กรรมการเรี ย นการสอนทั้ ง
productivity) กล่ า วว่ า ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ ภายในและภายนอกชั้นเรียน มี 3 ปัจจัย คือ

หน้า 32 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


1. ปัจจัยด้านผู้สอน ซึ่งผู้สอนมีบทบาท และร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งในและนอกชั้นเรียน
สาคัญในฐานะผู้ให้ความรู้ ผู้สอนที่เข้าใจหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในการเรียน ทั้งนี้
ในการจัดการเรียนการสอน มีความรู้ ความสามารถ จะสอนโดยเน้นเนื้อหาและการจัดกิจกรรมทุกด้าน
ประสบการณ์ มีแนวการสอนดีและมีศรัทธาต่อการ ที่จะพัฒนาเกี่ยวกับวิชาเรียน
ประกอบอาชีพครู ย่ อมจะ (สอน) ช่วยให้ ผู้ เรียน 3. ปั จ จั ย ด้ าน สั งค ม เป็ น ปั จ จั ย ที่
ได้รับความรู้ และประสบการณ์เป็นอย่างดี ความรู้ เกี่ ยวข้ องกั บ บริบ ททางสั งคม เช่ น การเป็ น ส่ ว น
ความเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ วิ ธี ก ารสอนต่ า ง ๆ จะช่ ว ย หนึ่งของสังคมที่ใช้ประโยชน์จากรายวิชานั้น การ
เพิ่ มพูน ความรู้ และประสบการณ์ ของผู้ สอนให้ มี สนับสนุนทางการเรียนของครอบครัว เป็นต้น
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่ องไปถึง จากผลการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
ประสิทธิภาพที่น่าพอใจของนักเรียนด้วย ผู้วิจัยจึงพัฒนากรอบแนวความคิดในการวิจัยดังนี้
2. ปั จ จั ย ด้ า นการสอน เป็ น ปั จ จั ย ที่
เกี่ย วข้อ งกั บ การจั ด การให้ ผู้ เรี ย นเกิด การเรีย นรู้

ตัวแปรพยากรณ์ ตัวแปรเกณฑ์
ปัจจัยด้านผู้เรียน
1. เจตคติต่อการเรียน
2. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
3. พฤติกรรมในการเรียน

ปัจจัยด้านครูผู้สอน
1. ปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน
2. คุณภาพการสอน
3. กระบวนการจัดการเรียนการสอน
4. วิธีการวัดผลประเมินผล
ผลสัมฤทธิ์
ปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี
ทางการเรียน
1. การพัฒนาสื่อ นวัตกรรมการสอน
2. ความเหมาะสมของอุปกรณ์การสอน

ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน
1. การสนับสนุนจากครอบครัว
2. ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
3. ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน

ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม
1. สภาพแวดล้อมด้านกายภาพ
2. สภาพแวดล้อมด้านวิชาการ

ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
วิธีดาเนินการวิจัย ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (Correlational
การศึ ก ษาปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ Research) โดยวิเคราะห์ ส หสั ม พั น ธ์ ของตั ว แปร
ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมานี้
ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 33
ต่างๆที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้กาหนด นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เพื่อศึกษาผลลัพธ์จากปัจจัยที่
ขอบเขตของการวิจัยดังนี้ สั ม พั น ธ์กับ การศึก ษาปั จจัย มูล เหตุ ที่ ส่ งผลให้ ผ ล
ประชากรและตัวอย่าง สัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
1. ประชากรที่ ใช้ ในการวิ จั ย ครั้ ง นี้ เป็ น 3. ตัวแปรที่ศึกษา
นั กศึกษา วิทยาลั ย นครราชสี มาในภาคเรีย นที่ 2 3.1 ตั ว แปรพยากรณ์ (Predictive
ปีการศึกษา 2562 จานวน 3,455 คน (ข้อมูลจาก Variables) ได้แก่
สานักทะเบียนวิทยาลัยนครราชสีมา มี.ค. 63) 1) ปัจจัยด้านผู้เรียน ได้แก่ เจตคติ
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็น ต่อการเรียน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และพฤติกรรมใน
นั กศึกษาชั้น ปี ที่ 4 ในภาคเรีย นที่ 2 ปี การศึกษา การเรียน
2562 วิ ท ยาลั ย นครราชสี ม า จ านวน 346 คน 2 ) ปั จ จั ย ด้ าน ค รู ผู้ ส อ น ได้ แ ก่
ได้มาโดยใช้สูตรของ Taro Yamane แล้วใช้วิธีการ ปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนคุณภาพการสอนกระบวนการ
สุ่ ม ตั วอ ย่ า งใน แ ต่ ล ะส าขาแบ บ แบ่ งชั้ น ภู มิ จัดการเรียนการสอนและวิธีการวัดผลประเมินผล
(Stratified Sampling) โดยสุ่ ม ตั ว อย่ า งเฉพาะ
3) ปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี เรียน 10 ข้อ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 10 ข้อ พฤติกรรม
ได้ แ ก่ การพั ฒ นาสื่ อ นวั ต กรรมการสอนและ ในการเรี ยน 10 ข้ อ ปฏิ สั มพั นธ์ กั บผู้ เรี ยน 10 ข้ อ
ความเหมาะสมของอุปกรณ์การสอน คุณภาพการสอน 10 ข้อ กระบวนการจั ดการเรียน
4) ปั จ จั ย ด้ า นครอบครั ว และเพื่ อ น การสอน 10 ข้อ วิธีการวัดผลประเมินผล 6 ข้อ การ
ได้แก่ การสนับสนุนจากครอบครัว ความสัมพันธ์ พัฒนาสื่อ นวัตกรรมการสอน 5 ข้อ ความเหมาะสม
ภายในครอบครัว และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ของอุ ป กรณ์ ก ารสอน 6 ข้ อ การสนั บ สนุ น จาก
5) ปั จจัย ด้านสภาพแวดล้ อม ได้แก่ ครอบครัว 7 ข้อ ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว 10
สภาพแวดล้อมด้านกายภาพ และสภาพแวดล้อม ข้ อ ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ างเพื่ อ น 10 ข้ อ สภาพ
ด้านวิชาการ แวดล้อมทางกายภาพ 8 ข้อ และสภาพ แวดล้อมทาง
3.2 ตั วแปรเกณฑ์ (Criteria Variables) วิ ช าการ 5 ข้ อ และวิ เคราะห์ ค วามเชื่ อ มั่ น ด้ ว ย
คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สั ม ประสิ ท ธิ์ แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s
ภาคเรีย นที่ 2 ปี การศึกษา 2562 โดยใช้ คะแนน Alpha Coefficient) มีค่าเท่ากับ 0.936
เฉลี่ ย สะสมตลอดมาตั้ ง แต่ ปี ที่ 1 ถึ ง เทอม 1 ปี การวิเคราะห์ข้อมูล
การศึกษา 2562 โดยใช้ ค่ า เฉลี่ ย ( X ) ค่ าส่ วนเบี่ ยงเบน
เครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ในการวิ จั ย ครั้ งนี้ ส ร้ า งขึ้ น มาตรฐาน (S.D.) การวิ เคราะห์ ค่ าสั มประสิ ทธิ์
จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารงานวิจัย สห สั ม พั น ธ์ ขอ งเพี ย ร์ สั น (Pearson’ Product
ที่เกี่ย วข้อ งแล้ ว กาหนดนิ ย ามเชิ งปฏิ บั ติ การแล้ ว Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์
สร้ า งแบบสอบถามการศึ ก ษาปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผลต่ อ การถดถอยพหุ คู ณ (Multiple Regression Analysis)
ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษาวิ ท ยาลั ย โดยวิธีแบบมีขั้นตอน (Stepwise)
นครราชสีมา ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5
ระดับ (Rating Scale) จาแนกเป็ น เจตคติต่อการ

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบสหสัมพันธ์
ของปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
สรุปผลการวิจัย นักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา

หน้า 34 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


ผู้วิจัยวิเคราะห์ สหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย (Y) ด้วยการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบ
ด้านผู้เรียน (X1) ปัจจัยด้านครูผู้สอน (X2) ปัจจัย เพี ย ร์ สั น (Pearson’s Correlation Analysis)
ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ / เทคโนโลยี (X3) ปั จ จั ย ด้ า น ได้ผลการวิเคราะห์ดังตารางที่ 1
ค รอ บ ค รั ว แ ล ะเพื่ อ น (X4) แล ะปั จจั ย ด้ าน
สภาพแวดล้อม (X5) กับ ผลสั มฤทธิ์ทางการเรียน

ตารางที่ 1 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนของนักศึกษา

ตัวแปร GPA X1 X2 X3 X4 X5
GPA 1.000
X1 0.071 1.000
X2 -0.093* 0.481** 1.000
X3 -0.092* 0.480** 0.367** 1.000
X4 0.029 0.010 0.072 0.131** 1.000
X5 -0.046 0.057 0.245** 0.049 0.419** 1.000
** P< .01, * P<.05

ตารางที่ 1 แสดงว่ า ค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ ปั จ จั ย ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ / เทคโนโลยี (X3) (rxy =
สหสัมพันธ์พหุคูณระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 0.480) และปั จ จั ย ด้ านครอบครัว และเพื่ อ น (X4)
(Y) มี สหสั มพั นธ์ทางบวกบ้ างพอสมควรกับปั จจั ย กั บปั จ จั ย ด้ า นสภาพแวดล้ อ ม (X5) (rxy = 0.419)
ด้านผู้เรียนและปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน แต่ ตามลาดับ
มี ส หสั ม พั น ธ์ ท างลบอย่ างมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่
ระดับ .05 กับปัจจัยด้านครูผู้สอน และ ปัจจัยด้าน 2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
อุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี แต่ไม่มีนัยสาคัญกับปัจจัย นักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา
ด้านสภาพแวดล้อม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 2.1 ปัจจัยที่ส่ งผลต่อผลสั มฤทธิ์ทางการ
(rxy) อยู่ระหว่าง 0.010 ถึง 0.481 เรียนของนักศึกษา ปรากฏผลดังนี้
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาสหสัมพันธ์ระหว่าง การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์
ปั จ จั ย ด้ ว ยกั น พบว่ า ปั จ จั ย ที่ มี ค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา
สหสั ม พั น ธ์ สู งและมี นั ย ส าคั ญ 3 ล าดั บ แรก คื อ ด้วยการทดสอบ F-test ส าหรับตัวแปรพยากรณ์
ปัจจัยด้านผู้เรียน (X1) กับปัจจัยด้านครูผู้สอน (X2) ในแต่ละสมการสามารถร่วมกันทานาย (พยากรณ์)
โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ในระดับสูง (rxy ตัวแปรตาม
= 0.481) รองลงมา คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน (X1) กับ

ตารางที่ 2 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยนครราชสีมา
ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 35
แหล่งความแปรปรวน SS df MS F Sig
Regression 2.462 5 .492 3.242 .007**
Residual 51.652 340 .152
Total 54.114 345
** P< .01

ตารางที่ 2 แสดงว่ า ปั จจั ย ที่ ส่ งผลต่ อ ผลสั มฤทธิ์ ต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นกั บ ตั ว แปรเกณฑ์
ทางการเรียนของนักศึกษา มีสหสัมพันธ์เชิงเส้นตรง ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย น โดยปั จ จั ย ที่ ค าดว่ าจะ
กับกลุ่มตัวแปรพยากรณ์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ทานายและอธิบายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีทั้งหมด
ระดั บ 0.01 และสามารถสร้ างสมการท านายเชิ ง 5 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้านครูผู้สอน
เส้ นตรงได้ 2.2 สมการพยากรณ์ ปั จจั ยที่ ส่ งผลต่ อ ปั จ จั ย ด้ านอุ ป กรณ์ สื่ อ / เทคโนโลยี ปั จ จั ย ด้ า น
ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษาวิ ท ยาลั ย ครอบครัวและเพื่อน และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม
นครราชสีมา ด้วยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณและ (Stepwise Multiple Regression Analysis)
สร้างสมการระหว่างตัวแปรพยากรณ์ ปั จจัยที่ส่ งผล

ตารางที่ 3 ค่าสัมประสิทธิ์ของตัวแปรพยากรณ์ ความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของสัมประสิทธิ์ตัวแปรพยากรณ์

ตัวแปรพยากรณ์ b SE Beta t Sig Tolerance VIF


ปัจจัยด้านผู้เรียน (X1) .216 .067 .209 3.197 .002** .658 1.520
ปัจจัยด้านครูผู้สอน (X2) -.128 .063 -.130 -2.052 .041* .696 1.437
ปั จ จั ย ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ /
-.144 .059 -.153 -2.454 .015* .727 1.375
เทคโนโลยี (X3)
ปัจจัยด้านครอบครัวและ
.080 .061 .078 1.311 .191 .803 1.245
เพื่อน (X4)
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม
-0.35 .041 -.051 -8.39 .402 .769 1.300
(X5)
ค่าคงที่ (Constant) = 3.141, R = 0.213 , R2 = 0.046 , Adjusted R Square = 0.031 ,SE = .3897
** P< .01, * P<.05

ตารางที่ 3 แสดงว่ า ตั ว แปรพยากรณ์ ที่ พหุ คูณ เท่ากับร้อยละ 21.30 (R = 0.213) และค่า
สามารถท านายผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย น ของ สัมประสิทธิ์การทานายหรืออานาจพยากรณ์ร้อยละ
นั ก ศึ ก ษาวิ ท ยาลั ย นครราชสี ม า มี 3 ปั จ จั ย คื อ 4.60 (R2 = 0.046) อย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่
ปั จ จั ย ด้ า นผู้ เรี ย น (X1) ปั จ จั ย ด้ า นครู ผู้ ส อน (X2) ระดับ .01 โดยค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยของปัจจัย
และปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี (X3) เมื่อเข้า ที่ ส่ งผลต่ อ ผลสั มฤทธิ์ท างการเรียนของนั ก ศึ กษา
สมการถดถอยแล้ ว ได้ ค่ าสั ม ประสิ ท ธิ์ ส หสั ม พั น ธ์ วิทยาลัยนครราชสีมาสูงที่สุด คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน

หน้า 36 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


(X1) รองล งม า คื อ ปั จจั ยด้ าน อุ ป ก รณ์ สื่ อ / ระหว่ า งปั จ จั ย ด้ า นผู้ เ รี ย น (X1) กั บ ปั จ จั ย ด้ า น
เทคโนโลยี (X3) และปัจจัยด้านครูผู้สอน (X2) โดยมี ครูผู้สอน (X2) โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่
ค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ ก ารถดถอยในรู ป ของคะแนน ในระดั บ สู ง (rxy = 0.481) รองลงมา คื อ ระหว่าง
ม า ต ร ฐ า น (Beta) เท่ า กั บ .209, .153, .130 ปัจจัยด้านผู้เรียน (X1) กับปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/
ตามลาดับ และสามารถเขียนสมการพยากรณ์ในรูป เทคโนโลยี (X3) (rxy = 0.480) และระหว่างปัจจัย
คะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานได้ดังนี้ ด้ า นครอบครั ว และเพื่ อ น (X4) กั บ ปั จ จั ย ด้ า น
Y = 3.141 +.216X1 - .144X3 - .128 X2 สภาพแวดล้ อม (X5) (rxy = 0.419) ทั้ งนี้ อาจเป็ น
Z = .209X1 - .153X3 - .130 X2 เพราะว่าการที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาของ
สถานศึกษานั้นอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
การอภิปรายผลการวิจัย ด้วยกัน ซึ่งจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี การร่วมมือ
1. ปั จ จั ย ที่ มี ส หสั ม พั น ธ์ ท างบวกกั บ ร่ ว มใจกั น ระหว่ า งห ลายๆ ฝ่ า ยทั้ ง ผู้ บ ริ ห าร
ผลสั ม ฤทธิ์ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษา (Y) ได้ แก่ สถานศึ กษา คณาจารย์ /บุ ค ลากรทางการศึก ษา
ปั จ จั ย ด้านผู้ เรี ย นและปั จ จั ย ด้านสภาพแวดล้ อ ม ความร่วมมือของผู้ปกครอง/นักศึกษา และชุมชน
ส่ วนปั จ จั ย ด้านครู ผู้ ส อน ปั จ จั ย ด้านอุป กรณ์ สื่ อ / จึ ง จะสามารถพั ฒ นาและยกระดั บ ผลสั ม ฤทธิ์
เทคโนโลยี และปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน มี ทางการเรียนของนักศึกษาให้สูงขึ้นได้ซึ่งสอดคล้อง
สหสัมพันธ์ทางลบกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ กั บ งานวิ จั ย ของวราภรณ์ ลวงสวาส (2561) ที่
นักศึกษา โดยที่สองปัจจัยแรกนั้นมีนัยสาคัญทาง ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
สถิติที่ระดับ.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1 คือ นั ก เรี ย น สั ง กั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ปั จ จั ย ด้ านผู้ เรี ย น (X1) ปั จ จั ย ด้ านครู ผู้ ส อน (X2) ประถมศึกษาระยอง เขต 1 พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์
ปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี (X3) และปัจจัย สหสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งปั จ จั ย ที่ ส่ งผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์
ด้ า นครอบครั ว และเพื่ อ น (X4) และปั จ จั ย ด้ า น ทางการเรียน โดยภาพรวม มีสหสัมพันธ์ทางบวก
สภาพแวดล้ อม (X5) มี ส หสั ม พั น ธ์กั บ ผลสั มฤทธิ์ ค่อนข้างสูงอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01
ทางการเรีย นของนักศึกษาวิทยาลัย นครราชสีมา โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง .473-
โดยมี ค่ าสั มประสิ ท ธิ์ สหสั มพั น ธ์ (rxy) อยู่ ระหว่ าง .689 ส่ว นปั จจัยที่ แต่ล ะด้านส่งผลต่อผลสั มฤทธิ์
0.010 ถึ ง 0.481 สอดคล้ องกั บ งาน วิ จั ยของ ทางการเรีย นของนั ก เรียนมี ค่ าสหสั ม พั น ธ์ระดั บ
สุกฤตา เส็งเข้ม, สาราญ มีแจ้งและเทียมจันทร์ พา ปานกลาง คือ ปัจจัยด้านผู้บริหาร (X1) (r = .581)
นิชย์ผลินไชย (2556) ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ปั จจั ย ด้ า น ค รู (X3 ) (r = .513) ปั จจั ย ด้ า น
ปั จจัยต่าง ๆ กับผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนของนิ สิ ต ผู้ปกครอง (X4) (r = .508) และปัจจัยด้านผู้เรียน
ทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวรพบว่า นิสัยในการ (X2 ) (r = .473) และสอดคล้ อ งกั บ งานวิ จั ย ของ
เรียน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ คุณภาพการสอน เจตคติ ฉัตรแก้ว เภาวิเศษ (2556) ที่ศึกษาปัจจัยที่ส่งผล
ต่อวิชาชีพทั นตแพทย์ ความสั มพั นธ์ในครอบครัว ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหลักสูตร
และความสั มพั น ธ์ กั บ กลุ่ มเพื่ อน มี ความสั มพั น ธ์ ภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ทางบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิ สิตคณะ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่พบว่า สัมประสิทธิ์
ทันตแพทย์ศาสตร์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ สหสั ม พั น ธ์พ หุ คู ณ ระหว่างปั จ จัย ด้านต่ าง ๆ กั บ
.01 ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษาหลั ก สู ต ร
นอกจากนี้ เมื่ อ พิ จ ารณาความสั ม พั น ธ์ ภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ระหว่างปัจจัยด้วยกัน(พบ)จะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่มีค่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มีค่าเท่ากับ 0.210
สั มประสิ ทธิ์ ส หสั มพั น ธ์ สู งที่ สุ ด 3 ล าดั บ แรก คื อ (R = .210) โดยปัจจัยทุกด้านมีสหสัมพันธ์ทางบวก
ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 37
กับ ผลสั มฤทธิ์ท างการเรี ย นของนั ก ศึกษาอย่ างมี พฤติ ก รรมทางการเรี ย น เจตคติ แรงจู ง ใจใฝ่
นัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความผันแปร สัมฤทธิ์มีผลโดยตรงต่อนักศึกษา ดัง นั้นนักศึกษาที่
ร่วมกัน หรือส่งผลร่วมกันระหว่างตัวแปรปัจจัยและ มี พ ฤติ ก รรมทางการเรี ย นและเจตคติ ดี ย่ อ มมี
ตั ว แปรเกณฑ์ ร้ อ ยละ 4.40 (R2 = .044) และ แนวโน้ มที่ จะมี ผ ลต่ อผลสั มฤทธิ์ท างการเรียนสู ง
สอดคล้ อ งกั บ งานวิ จั ย ของ รุ่ ง ฤดี กล้ า หาญ ประกอบกับการที่อาจารย์ใช้เทคนิคในการจัดการ
(2557)ที่ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างนักศึกษาให้มีคุณภาพ โดยใช้
เรี ย นภาคปฏิ บั ติ ข องนิ สิ ต พยาบาลชั้ น ปี ที่ 3 เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ นักศึกษาได้
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่พบว่า ความมีวินัย อย่ า งเหมาะสม สามารถบริ ห ารจั ด การเป็ น ที่
ในตนเอง แรงจู ง ใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ ในการเรี ย นและ ปรึกษาและเสริมสร้างกาลังใจในการจัดการเรียน
ความรู้ พื้ น ฐานเดิม มี ส หสั ม พั น ธ์ทางบวกอย่างมี การสอนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการ
นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ กั บ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย น ใช้ สื่ อ เทคโนโลยี แ ละการใช้ ท รั พ ยากรเพื่ อ การ
ภาคปฏิ บั ติ (r = 0.26, 0.25 และ 0.23, p< .05) เรี ย นการสอน ทั้ ง สภาพแวดล้ อ มทางกายภาพ
ตามล าดั บ โดยตั ว แปรด้ า นความมี วิ นั ย และ ภายในและภายนอกห้ องเรียนที่ใช้ในการจัดการ
แรงจู งใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ ในการเรี ย นสามารถร่ ว มกั น เรียนรู้ สามารถนาไปสู่ความรู้ความเข้า ใจในเรื่องที่
ทานายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตพยาบาล ศึกษาเป็นไปตามความมุ่งหมายของหลักสูตร และ
ชั้นปีที่ 3 ได้ร้อยละ 14.1 (p< .01) เป็ น ไปตามความต้ อ งการของนั ก ศึ ก ษาอย่ า งมี
2. ผลจากการศึ ก ษาปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ประสิทธิภาพส่งผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษาวิ ท ยาลั ย ทาให้ นักศึกษามีผ ลสั มฤทธิ์ท างการเรียนที่ สู งขึ้น
นครราชสีมา มีส หสัมพันธ์เชิงเส้น ตรงกับกลุ่มตัว สอดคล้ อ งกั บ งานวิ จั ย ของ วราภรณ์ ลวงสวาส
แปรพยากรณ์ อ ย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ (2561) ที่ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ
0.01 และสามารถสร้างสมการทานายเชิงเส้นตรง เรี ย นของนั ก เรี ย น สั ง กั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่
ด้ว ยการวิเคราะห์ ถ ดถอยเชิงพหุ คุ ณ ด้วยตั วแปร การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 พบว่า ปัจจัย
พยากรณ์ 3 ตัวแปร ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้เรียน (X1) ที่ เป็ น ตั ว พยากรณ์ ผ ลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของ
ปั จจั ย ด้านครูผู้ ส อน (X2) ปั จจั ย ด้านอุป กรณ์ สื่ อ/ นักเรียน มี 4 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านผู้บริหาร (X1)
เทคโนโลยี (X3) เข้ า สมการถดถอยแล้ ว ได้ ค่ า ปั จ จั ย ด้ า นผู้ เรี ย น (X2 ) ปั จ จั ย ด้ า นครู (X3 ) และ
สั ม ประสิ ท ธิ์ ส หสั ม พั น ธ์ พ หุ คู ณ เท่ า กั บ ร้ อ ยละ ปั จ จั ย ด้ า นผู้ ป กครอง (X4 ) ได้ ค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์
21.30 (R = 0.213) และค่ า สั ม ประสิ ท ธิ์ ท านาย สหสัมพันธ์พหุคูณร้อยละ 69.40 (R = 0.694) ซึ่งมี
หรืออานาจพยากรณ์ ร้ อยละ 4.60 (R Square = นั ยส าคั ญ ทางสถิ ติที่ ระดับ .05 มี ค่ าสั ม ประสิ ท ธิ์
0.046) ส่ งผลต่ อผลสั ม ฤทธิ์ท างการเรี ย น (Y) ได้ การทานายหรืออานาจพยากรณ์ร้อยละ 48.10 (R2
อย่ างมีนั ยส าคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.01 ซึ่ งตัวแปร = 0.481) (ซึ่ ง ) นอกจากนั้ น ยั ง สอดคล้ อ งกั บ
พยากรณ์ทั้ง 3 ตัวแปรสามารถอธิบายการผันแปร งานวิ จั ย ของ กนกภรณ์ เทสิ น ทโชติ (2560) ที่
ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั กศึ กษาได้ ร้ อยละ ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
4.60 จากค่าสัมประสิ ทธิ์การตัดสินใจ (R Square) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียน
= 0.046 เป็ นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2 คือ ปัจจัย ขนาดเล็ ก สั ง กั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
ด้านผู้เรียน (X1) ปัจจัยด้านอุปกรณ์สื่อ/ เทคโนโลยี ประถมศึ ก ษาสระแก้ ว เขต 1 พบว่า ปั จ จั ย ด้า น
(X3) และปัจจัยด้านครูผู้สอน (X2) สามารถร่วมกัน ผู้เรียน ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านบุคลากร
พยากรณ์ ผ ลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษา ทางการศึ ก ษา และปั จ จั ย ด้ า นอุ ป กรณ์ สื่ อ /
วิ ท ยาลั ย นครราชสี ม า ทั้ ง นี้ อาจเป็ นเพ ราะ เทคโนโลยีสามารถร่วมกันอธิบายความแปรผันของ

หน้า 38 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


อิท ธิพ ลต่อ ผลสั ม ฤทธิ์ท างการเรี ย นของนั ก เรีย น ตามคะแนนมาตรฐาน (Beta) เท่ ากับ .209, .153,
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คิดเป็นร้อยละ 50.10 .130 ตามลาดับ
เมื่อพิจ ารณาเป็ น รายตัวแปรอิสระ พบว่า ปัจจัย
ด้ า นผู้ เรี ย น คื อ แรงจู ง ใจใฝ่ สั ม ฤทธิ์ ปั จ จั ย ด้ า น ข้อเสนอแนะ
ครอบครั ว คื อ รายได้ข องผู้ ป กครอง ปั จ จั ย ด้ าน 1. ข้อเสนอแนะในการนาผลวิจัยไปใช้
บุ คลากรทางการศึก ษา คือ วิธีวัดผลประเมินผล 1.1 เป็ น แนวทางส าหรับ อาจารย์ ห รื อ
และปั จ จั ย ด้ า นโรงเรี ย น คื อ สภาพแวดล้ อ มที่ ผู้เกี่ยวข้องในการพัฒ นาผลสั มฤทธิ์ทางการเรียน
เอื้ อ อ านวยต่ อ การเรี ย นรู้ มี ผ ลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ กิ จ กรรมและกระบวนการเรี ย นการสอนเพื่ อ
ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปี ส่ งเสริมสนับ สนุ นและพั ฒ นาผลสั ม ฤทธิ์ท างการ
ที่ 6 ในโรงเรี ย นขนาดเล็ ก สั งกั ด ส านั ก งานเขต เรียน ซึ่ งจะเป็ นประโยชน์ ต่อการปรับปรุง ส่ งเสริม
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 อย่าง หรือพัฒนาสติปัญญา ความสามารถและทักษะต่างๆ
มี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ ที่ ร ะดั บ 0.05 สอดคล้ อ งกั บ อันจะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตต่อไป
งานวิจัยของ ชนิดา ยอดสาลี และกาญจนา บุญส่ง 1.2 ท าให้ ท ราบว่ า ตั ว แปรที่ ส่ งผลต่ อ
(2560) ศึ ก ษาปั จ จั ย ที่ ส่ ง ผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ ท าง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้เรียน
การเรี ย นของนั ก เรี ย นในสถานศึ กษาขั้น พื้ น ฐาน (X1) รอ งล งม าคื อ ปั จ จั ย ด้ าน อุ ป ก รณ์ สื่ อ /
สังกัดสานั กงานเขตพื้น ที่การศึกษาประถมศึกษา เทคโนโลยี (X3) และปัจจัยด้านครูผู้สอน ซึ่งปัจจัย
ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ได้แก่ ปัจจัยด้านครูผู้สอน 2. ข้อเสนอแนะสาหรับการวิจัยครั้งต่อไป
ปั จ จั ย ด้ า นนั ก เรี ย น และปั จ จั ย ด้ า นผู้ บ ริ ห าร 2.1 ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์
สอดคล้องกับงานวิจัยของ กานดา คามากและภัท ทางการเรี ยนของนั กศึ กษาในรู ปแบบงานวิ จั ยเชิ ง
ราวรรณ์ สุ น ทราศี (2558) (ได้ ) ที่ ศึ ก ษาปั จ จั ย ที่ คุณภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องชัดเจนและ
ส่ งผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของนั ก ศึ ก ษา สามารถน ามาใช้ ในการพั ฒ นาผลสั มฤทธิ์ ทางการ
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เรียนของนักศึกษา รวมทั้งการจัดการเรียนการสอนที่
อย่ า งมี นั ยส าคั ญ ท างสถิ ติ ที่ ระดั บ .05 คื อ ส่งเสริมให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
พฤติกรรมการเรียน และยังสอดคล้องกับงานวิจัย ในทุกด้าน
ของ ขนิ ษ ฐา บุ ญ ภั ก ดี (2552) พบว่ า ปั จ จั ย ที่ 2.2 ควรศึ กษาตั วแปรด้ านการวิ จั ยด้ าน
สามารถพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ดีที่สุด อื่ น ๆ ที่ ส่ งผลต่ อ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย น เช่ น
และมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คือ เจตคติต่อ ความเครียด ความถนั ด การปรับตั วทางการเรียน
การเรียนและพฤติกรรมการเรียน พฤติกรรมของผู้สอน ซึ่งอาจมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์
ดั ง นั้ น จึ ง สรุ ป ได้ ว่ า ตั ว แปรพยากรณ์ ที่ ทางการเรียนของนักศึกษาได้
สามารถท านายผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นของ 2.3 ควรศึ กษาเกี่ ยวกั บโมเดลเชิ งสาเหตุ
นั ก ศึ ก ษาวิ ท ยาลั ย นครราชสี ม า มี 3 ปั จ จั ย คื อ ของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดย
ปั จ จั ย ด้ านผู้ เรี ย น (X1) รองลงมาคื อ ปั จ จั ย ด้ า น จาแนกตามสาขาวิชา หรือระดับชั้นอื่น ๆ เพื่อนาผล
อุ ป กรณ์ สื่ อ / เทคโนโลยี (X3) และปั จ จั ย ด้ า น ที่ ได้ จากการศึ กษามาเป็ น แนวทางในการพั ฒ นา
ครู ผู้ ส อน ซึ่ งมี ค่ าสั มประสิ ทธิ์ การถดถอยสู งที่ สุ ด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่อไป
เหล่ านี้ ล้ วนแต่ ส่ งผลต่ อผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ยน เรียนการสอนของอาจารย์และเพื่ อเป็ นสารสนเทศ
ดังนั้ น จึ งควรมี การส่ งเสริ มให้ ครอบคลุ มทุ กปัจจั ย ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการเรียนการ
เพื่อจะนาไปสู่กาพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งนา สอนของผู้ บ ริ ห ารและผู้ เกี่ ยวข้ องอั น จะส่ งผลให้
ผลการวิ จั ยไปใช้ เป็ น แนวทางในการปรั บปรุ งการ นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 39
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุม
สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.
กานดา คามากและภัทราวรรณ์ สุนทราศรี. (2558). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี. รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
กนกภรณ์ เทสินทโชติ. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
6 ในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1 (วิทยานิพนธ์รัฐ
ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา.
ขนิษฐา บุญภักดี. (2552). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. (วิทยานิพนธ์
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี). มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี.
ฉัตรแก้ว เภาวิเศษ. (2556). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ
คณะมนุษยศาสตร์แ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสิต. รายงานการวิจัย.มหาวิทยาลั ย
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
ชนิ ด า ยอดสาลี และกาญจนา บุ ญ ส่ ง. (2560). ปั จจัยที่ ส่ งผลต่อผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนของนั กเรียนใน
สถานศึ ก ษาขั้ น พื้ น ฐาน สั งกั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ กษาประถมศึ ก ษาประจวบคี รีขัน ธ์ เขต 2 .
วารสารวิช าการ Veridian E-Journal, Silpakorn University ISSN 1906 – 3431 ฉบับ ภาษาไทย สาขา
มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศิลปะ. 10 (2) พฤษภาคม–สิงหาคม. 1208–1223.
นวรั ตน์ ศึกษากิจ . (2561). ปั จ จั ย ที่มี ผ ลต่อผลสั มฤทธิ์ท างการเรียนตามความคิด เห็ น ของนักเรียน ระดั บ
ประกาศนี ย บั ต รวิช าชี พ สาขาพาณิ ช ยกรรมของโรงเรีย นอาชี ว ศึก ษา. (วิท ยานิ พ นธ์ ศึก ษาศาสตร
มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสยาม.
นัฐพล วัฒนสุข. (2559). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของนักเรียนระดับ
ประกาศนียบั ตรวิชาชีพประเภทวิชาอุตสากรรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร สังกัด
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยศรี
นครินทรวิโรฒ.
ประยูรศรี บุ ตรแสนคม, ฐิญตา คาภูแก้ว , สุนทรพจน์ ดารงพานิช. (2555). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาอุดรธานี : โมเดลสมการโครงสร้างพหุ ระดับ. วารสารวิจัยและพัฒ นา มหาวิทยาลัยราชภัฏ
เลย. 7 (21). 35- 47.
ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะการ คิดเลขในใจ
ของ นั กเรี ย นที่ ได้รั บ การสอนตามรูป แบบซิ ป ปาโดยใช้ แบบฝึ ก หั ดที่ เน้ น ทั กษะการคิด เลขในใจกั บ
นักเรียนที่ ได้รับ การสอนโดยใช้คู่มือครู. (วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณ ฑิต ). มหาวิทยาลั ยราชภัฏ
พระนครศรีอยุธยา.

หน้า 40 : วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.)


ปั ญ ญา กัน เกตุ. (2558). ปั จจั ยที่ส่ งผลต่อผลสั มฤทธิ์ท างการเรียนการสอนวิ ช าภาษาไทยของนักเรียนชั้น
ประถมศึ กษาปี ที่ 3 สั งกั ดส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ กษาประถมศึก ษาระยอง เขต 2. (วิท ยานิพ นธ์
การศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา.
พรรณภัทร แซ่โท้ว. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี พัทยา.
วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี. 13(2), 294- 306.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2548). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป
แบเนจ เม็นท์.
รุ่งฤดี กล้ าหาญ. (2557). ปั จ จั ย ที่ส่ งผลต่ อผลสั มฤทธิ์ท างการเรียนภาคปฏิ บัติของนิ สิ ต พยาบาลชั้ นปี ที่ 3
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วารสารพยาบาลทหารบก. 15(3) : 412-420.
วราภรณ์ ลวงสวาส. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต 1. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา.
วนิดา ดีแป้น. (2553). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ในโรงเรี ย นสั ง กั ด ส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษาเลย โดยการวิ เคราะห์ พ หุ ร ะดั บ .
(วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย.
วรพล วิแหลม, วันวิศา วงษ์แหวน. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาแพทย์
ระดับ ชั้นพรีคลินิก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ธรรมศาสตร์เวชสาร. 19(2), 155-163.
สุกฤตา เส็งเข้ม, สาราญ มีแจ้งและเทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย. (2556). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรี ย นของนิ สิ ต คณะทั น ตแพทยศาสตร์ มหาวิท ยาลั ยนเรศวร. วารสารมหาวิทยาลั ยนเรศวร. 21(3),
79-91.
สุภ าพร คารศ. (2555). ปั จจั ยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยพะเยา .
(วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยพะเยา.
สุทธภา บุญแซม. (2553). การศึกษาความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาฟิสิกส์ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การสอน
แบบสื บ เสาะหาความรู้ (7E).(วิทยานิพ นธ์ครุศ าสตรมหาบัณ ฑิ ต สาขาวิช าหลั กสู ตรและการสอน).
มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา.
เอื้อมพร หลินเจริญ, สิริศักดิ์ อาจวิชัย และ ภีรภา จันทร์อินทร์. (2552). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ทาให้คะแนนการสอบ
O-NET ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่า. รายงานการวิจัย. กรุงเทพฯ:
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน).
Bloom, B. S. (1976). Human characteristics and school learning. McGraw-Hill.
Prescott, D. (1961). A Report of the Conference on Child Study. Bangkok: Chulalongkorn University.

ปีที่ 27 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม – ธันวาคาม 2564 หน้า 41

You might also like