Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 1
บทนำ
หลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลา
และกระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็ นหลักสูตรการศึกษาที่เน้นผู้เรียน
เป็ นสำคัญ และเป็ นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ
นอกระบบ และตามอัธยาศัยครอบคลุมทุกกลุ่มเป้ าหมาย สามารถ
เทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ (กระทรวงศึกษาธิการ,
2551 หน้า 4)
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์
ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็ นระบบ มี
แบบแผน สามารถวิเคราะห์ปั ญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน
รอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปั ญหา และนำ
ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้
คณิตศาสตร์ยังเป็ นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนิน
ชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หน้า 56) คณิตศาสตร์
ยังมีความสำคัญในแง่ที่นำไปใช้ประโยชน์ทั้งในชีวิตประจำวันและใน
งานอาชีพ เช่น การซื้อขาย การคาดคะเนระยะทาง และการ
กำหนดรายรับรายจ่ายในครอบครัว หรือแม้แต่การเล่นกีฬา เป็ นต้น
คณิตศาสตร์มีความสำคัญในแง่ที่เป็ นเครื่องมือปลูกฝั งอบรมให้นักเรียน
4
หาค่าประมาณของจำนวนจริงที่อยู่ในรูปกรณฑ์ และจำนวนจริงที่อยู่
ในรูปเลขยกกำลังได้โดยใช้วิธีการคำนวณที่เหมาะสม สามารถนำ
สมบัติของจำนวนจริงไปใช้ได้ สามารถนำความรู้เรื่องอัตราส่วน
ตรีโกณมิติไปใช้คาดคะเนระยะทาง ความสูง และแก้ปั ญหาเกี่ยวกับ
การวัดได้ มีความคิดรวบยอดในเรื่องเซต การดำเนินการของเซต
และใช้ความรู้เกี่ยวกับแผนภาพเวนน์–ออยเลอร์แสดงเซต ไปใช้แก้
ปั ญหาและตรวจสอบความสมเหตุสมผลของการให้เหตุผล มีความ
เข้าใจและสามารถให้เหตุผลแบบอุปนัยและนิรนัยได้ มีความคิดรวบ
ยอดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน สามารถใช้ความสัมพันธ์และ
ฟั งก์ชันแก้ปั ญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ สามารถเข้าใจความหมาย
ของลำดับเลขคณิต ลำดับเรขาคณิต และสามารถหาพจน์ทั่วไปได้
เข้าใจความหมายของผลบวกของ n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิต
อนุกรมเรขาคณิต และหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิต
และอนุกรมเรขาคณิต โดยใช้สูตรและนำไปใช้ได้ รู้และเข้าใจการแก้
สมการ และอสมการตัวแปรเดียวดีกรีไม่เกินสอง รวมทั้งใช้กราฟของ
สมการ อสมการ หรือฟั งก์ชันในการแก้ปั ญหา เข้าใจวิธีการสำรวจ
ความคิดเห็นอย่างง่าย เลือกใช้ค่ากลางได้เหมาะสมกับข้อมูลและ
วัตถุประสงค์ หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน ฐานนิยม ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน และเปอร์เซ็นไทล์ของข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และนำผล
6
จากการวิเคราะห์ข้อมูลไปช่วยในการตัดสินใจ มีความเข้าใจเกี่ยวกับ
การทดลองสุ่ม เหตุการณ์ และความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์
สามารถใช้ความรู้เกี่ยวกับความน่าจะเป็ นในการคาดการณ์ประกอบ
การตัดสินใจ และแก้ปั ญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ สามารถใช้วิธี
การที่หลากหลายในการแก้ปั ญหา ใช้ความรู้ ทักษะและกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในการแก้ปั ญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสม ให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ และสรุปผลได้
อย่างเหมาะสม ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ในการสื่อสาร
การสื่อความหมาย และการนำเสนอได้อย่างถูกต้องและชัดเจน เชื่อม
โยงความรู้ต่าง ๆ ในคณิตศาสตร์ และนำความรู้ หลักการ
กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับศาสตร์อื่น ๆ และมีความ
คิดริเริ่มสร้างสรรค์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หน้า 62–63)
นอกจากนี้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ได้กำหนดตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 4 – 6) ไว้ดังนี้ 1) แสดงความสัมพันธ์ของจำนวน
ต่าง ๆ ในระบบจำนวนจริง 2) มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับ
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
3) มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับจำนวนจริงที่อยู่ในรูปเลขยกกำลังที่มี
เลขชี้กำลังเป็ นจำนวนตรรกยะ และจำนวนจริงที่อยู่ในรูปกรณฑ์ 4)
7
ดังจะเห็นได้จากรายงานผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้น
พื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ปี การศึกษา 2555 ซึ่งมี
คะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 22.73 คะแนน และปี การศึกษา 2556
มีคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ 20.48 คะแนน จะเห็นว่าคะแนนเฉลี่ย
ของทั้ง 2 ปี มีอัตราลดลง
และมีคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม
(http://www.newonetresult.niets.or.th)
เมื่อพิจารณาในระดับโรงเรียน พบว่า ปี การศึกษา 2555 มีคะแนน
เฉลี่ย 24.09 คะแนน ปี การศึกษา 2556 มีคะแนนเฉลี่ย 23.66
คะแนน เมื่อพิจารณารายสาระทั้งปี การศึกษา 2555 และ 2556 พบ
ว่า สาระที่ 4 พีชคณิต เป็ นสาระที่มีคะแนนต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ
สาระอื่น ๆ ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ย 21.46 คะแนน และเป็ นเช่นนี้มาแล้ว
หลายปี (แผนงานบริหารวิชาการ, 2555, หน้า 61) และ (แผนงาน
บริหารวิชาการ, 2556, หน้า 63)
จากผลการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ในภาคเรียนที่ 1 ตามหลักสูตร
สถานศึกษาโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การ
ศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 มีจำนวนทั้งสิ้น 3 หน่วยการเรียนรู้ คือ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง จำนวนจริง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง
11
สำหรับปั ญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการ
เรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่เกิดจากตัวนักเรียนนั้น พบว่านักเรียนส่วนใหญ่
ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเนื้อหามีแต่ตัวเลขและสัญลักษณ์ ไม่
ชอบครูผู้สอนที่ขาดความเข้าใจในเนื้อหาของเรื่องที่เรียน ขาดความรู้
พื้นฐานที่ดีจากการเรียนในระดับชั้นต้นประกอบกับเนื้อหาในชีวิต
ประจำวันทำให้นักเรียนขาดประสบการณ์ตรง ขาดทักษะในการคิด
คำนวณ คิดแก้ปั ญหา เป็ นต้น
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา
คณิตศาสตร์เพิ่มเติม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 โรงเรียนเทพศิรินทร์
ร่มเกล้า ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำนั้นอาจเกิดจากปั จจัยต่าง ๆ ทั้ง
ด้านผู้เรียน ด้านครูผู้สอน รวมถึงด้านสื่อการเรียนการสอนที่อาจจะ
เป็ นปั จจัยที่ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่ม
เติมต่ำลง สำหรับปั ญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระ
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่เกิดจากตัวนักเรียนนั้น พบว่า นักเรียนส่วน
ใหญ่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเนื้อหามีแต่ตัวเลขและสัญลักษณ์
ไม่ชอบครูผู้สอนที่ขาดความเข้าใจในเนื้อหาของเรื่องที่เรียน ตัว
นักเรียนเองขาดความรู้พื้นฐานที่ดีจากการเรียนในระดับชั้นต้น ทำให้
ขาดทักษะในการคิดคำนวณ คิดแก้ปั ญหา และมองวิชาคณิตศาสตร์
เป็ นวิชาที่น่าเบื่อเป็ นต้น นอกจากนี้จากการศึกษาถึงสภาพปั ญหา พบ
13
ว่า สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการขาดสื่อการเรียนการสอนที่จะนำ
นักเรียนไปสู่เป้ าหมายในสาระการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน ซึ่งผู้ศึกษาพบว่า
เป็ นสาระการเรียนรู้ที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาก นักเรียนหลายคนยังเรียน
รู้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร บางคนทำกิจกรรมในห้องเรียนเสร็จไม่ทันตามเวลา
ที่กำหนด ขาดสมาธิในการเรียน กังวลกับการจดตัวอย่าง และวิธีทำที่
ครูอธิบายโดยเฉพาะบางเนื้อหาที่มีกระบวนการในการหาคำตอบที่ซับ
ซ้อน และเนื้อหาที่ต้องมีการเขียนกราฟ ครูผู้สอนต้องใช้เวลามากใน
การเขียนกราฟแสดงตัวอย่างเพื่ออธิบายให้นักเรียนเข้าใจและนักเรียน
ก็ต้องใช้เวลามากในการเขียนกราฟลงในสมุด จนทำให้ครูไม่สามารถ
แสดงตัวอย่างได้ครบทุกกรณี ส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถศึกษาเพิ่ม
เติมหรือทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปแล้วได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จนเกิด
ปั ญหาในการทำแบบฝึ กหัด ทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย ขาด
ความกระตือรือร้นในการเรียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
ดังนั้นครูผู้สอนจึงจำเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำสื่อ หรือนวัตกรรม ซึ่ง
มีอยู่หลายประเภท เช่น แบบฝึ กทักษะ ชุดกิจกรรม คอมพิวเตอร์
ช่วยสอน มัลติมีเดีย ชุดการสอน เอกสารประกอบการสอน เอกสาร
ประกอบการเรียน และเทคนิคการสอนแบบต่าง ๆ เป็ นต้น เอกสาร
ประกอบการเรียนเป็ นหนึ่งในสื่อการจัดการเรียนการสอนที่กล่าวมา
14
2. วัตถุประสงค์ของการศึกษา
2.1 เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการ
เรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80
2.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลัง
การจัดการเรียนการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา
คณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
2.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน
รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน
3. สมมติฐานของการศึกษา
3.1 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม
เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
18
4. ขอบเขตของการศึกษา
4.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนที่
1 ปี การศึกษา 2558 โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า จำนวน 12 ห้อง
จำนวน 496 คน ดังนี้
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/1 จำนวน 32 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/2 จำนวน 45 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/3 จำนวน 45 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/4 จำนวน 44 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/5 จำนวน 41 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/6 จำนวน 41 คน
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4/7 จำนวน 31 คน
19
- กราฟของความสัมพันธ์
- ตัวผกผันของความสัมพันธ์
- ความหมายของฟั งก์ชัน
- ฟั งก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง
- ฟั งก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
- ฟั งก์ชันเพิ่มฟั งก์ชันลด
- สัญลักษณ์และการหาค่าของฟั งก์ชัน
- โดเมนและเรนจ์ของฟั งก์ชัน
- ฟั งก์ชันผกผัน
- พีชคณิตของฟั งก์ชัน
- ฟั งก์ชันประกอบ
21
4.3 ขอบเขตด้านระยะเวลาในการดำเนินการ
ขอบเขตด้านระยะเวลาในการดำเนินการ แบ่งเป็ น 2 ขั้น
ตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสาร
ประกอบการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์
และฟั งก์ชัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2557 ตั้งแต่เดือน
พฤษภาคม 2557 – กันยายน 2557
ขั้นตอนที่ 2 การทดลองใช้เอกสารประกอบการเรียน
รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน สำหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปี การ
ศึกษา 2558 ใช้เวลา 39 ชั่วโมง ระหว่างเดือน กรกฎาคม 2558
– กันยายน 2558 โดยใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ มีราย
ละเอียดดังนี้
ชั่วโมงที่ 1 ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน
เรียน ศึกษาส่วนประกอบของเอกสารประกอบการเรียน คำนำ คำ
ชี้แจง วิธีการใช้
ชั่วโมงที่ 2 คู่อันดับ
ชั่วโมงที่ 3 ผลคูณคาร์ทีเซียน
22
ชั่วโมงที่ 4 จำนวนผลคูณคาร์ทีเซียน
ชั่วโมงที่ 5 ความสัมพันธ์
ชั่วโมงที่ 6 การเขียนความสัมพันธ์แบบแจกแจงสมาชิก
ชั่วโมงที่ 7 การเขียนความสัมพันธ์แบบบอกเงื่อนไข
ชั่วโมงที่ 8 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณีโดเมน
เป็ นเซตจำกัด)
ชั่วโมงที่ 9 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณีความ
สัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขอยู่ในรูปสมการเชิงเส้นสองตัวแปร)
ชั่วโมงที่ 10 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณีความ
สัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขอยู่ในรูปเศษส่วน)
ชั่วโมงที่ 11 – 12 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณี
ความสัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขอยู่ในรูปกรณฑ์ที่ 2)
ชั่วโมงที่ 13 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณีความ
สัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขอยู่ในรูป ยกกำลังสอง)
ชั่วโมงที่ 14 โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์ (กรณีความ
สัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขอยู่ในรูป ค่าสัมบูรณ์)
ชั่วโมงที่ 15 กราฟจุด และกราฟของความสัมพันธ์ที่กำหนด
เงื่อนไขเป็ นสมการเชิงเส้น สองตัวแปรที่อยู่ในรูป y = mx + k
เมื่อ m และ k เป็ นค่าคงตัว
23
ชั่วโมงที่ 16 กราฟของความสัมพันธ์ที่กำหนดเงื่อนไขเป็ น
2 2 2
สมการในรูป y = ax , y = ax + k, y = a(x – h) และ
2
y = a(x – h) + k เมื่อ a, h, k เป็ นค่าคงตัว
ชั่วโมงที่ 17 กราฟของความสัมพันธ์ที่กำหนดเงื่อนไขเป็ น
สมการในรูป y = |x|,
y = |x| + k, y = |x– h| และ y = |x – h| + k เมื่อ h, k เป็ น
ค่าคงตัว
ชั่วโมงที่ 18 กราฟของความสัมพันธ์ที่กำหนดเงื่อนไขเป็ น
สมการในรูป y = √ x a
เมื่อ a เป็ นค่าคงตัว และกราฟพื้นที่บางส่วนของระนาบ
ชั่วโมงที่ 19 โดเมนและเรนจ์ของกราฟของความสัมพันธ์
ชั่วโมงที่ 20 ตัวผกผันของความสัมพันธ์
ชั่วโมงที่ 21 ตัวผกผันของความสัมพันธ์กรณีกำหนดเป็ น
กราฟ
ชั่วโมงที่ 22 – 23 โดเมนและเรนจ์ของตัวผกผันของความ
สัมพันธ์
ชั่วโมงที่ 24 – 25 ความหมายของฟั งก์ชัน
ชั่วโมงที่ 26 ฟั งก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง
ชั่วโมงที่ 27 ฟั งก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง
ชั่วโมงที่ 28 – 29 ฟั งก์ชันเพิ่มฟั งก์ชันลด
24
5. นิยามศัพท์เฉพาะ
5.1 เอกสารประกอบการเรียน หมายถึง สื่อการเรียนที่พัฒนา
ขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เรื่องความ
สัมพันธ์และฟั งก์ชัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4
ซึ่งประกอบด้วย คำนำ คำชี้แจง สารบัญ หัวข้อเรื่อง จุดประสงค์
เนื้อหา ตัวอย่าง แบบฝึ กหัด แบบเฉลยแบบฝึ กหัด และเกณฑ์การ
ประเมิน มีทั้งหมด 2 เล่ม เอกสารประกอบการเรียน เล่มที่ 1 เรื่อง
ความสัมพันธ์ และเอกสารประกอบการเรียน เล่มที่ 2 เรื่อง ฟั งก์ชัน
5.2 ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน หมายถึง
คุณภาพของเอกสารประกอบ
การเรียน เรื่องความสัมพันธ์และฟั งก์ชัน กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม สำหรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2545 อ้างอิง
ใน
ศิวัชญ์ ราชพัฒน์, 2552, หน้า 20) โดย
80 ตัวแรก (E1) หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้จาก
แบบฝึ กหัดและแบบทดสอบหลังเรียนของแต่ละเล่ม
26
6. ประโยชน์ที่ได้รับ
6.1 ได้เอกสารประกอบการเรียน เรื่องความสัมพันธ์และ
ฟั งก์ชัน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่ม
เติม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 ที่สามารถ
นำไปใช้เป็ นสื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
6.2 เป็ นแนวทางในการสร้างเอกสารประกอบการเรียนในสาระ
การเรียนรู้อื่น ๆ ต่อไป
28