You are on page 1of 11

99

การบริ บ าลทางทัน ตกรรมพร้ อ มมู ล : นิ ย ามและ


เคล็ดลับการสอน
นัยนา บูรณชาติ* สิ ริรัก ศุภอมรกุล** ธารี จาปี รั ตน์ * สมชัย มโนพัฒนกุล*

บทคัดย่ อ
วัตถุประสงค์ ของบทความปริ ทัศน์ นีค้ ือทบทวนวรรณกรรมทั้งในเรื่ องแม่ แบบหลักของทฤษฎีการศึกษาและการจัดการเรี ยนการสอนแบบ
จิตตปั ญญาศึกษา เพื่อนิยามและอธิ บายเทคนิคในการส่ งเสริ มการเรี ยนรู้ การบริ บาลทางทันตกรรมพร้ อมมูลของนักศึกษาทันตแพทย์ โดยส่ งเสริ มให้
เกิดการเรี ยนรู้ ด้ วยการสอนแบบมนุษยนิยมและศึกษาสานึก หรื อแท้ จริ งแล้ วก็คือใช้ “การสื่ อสารด้ วยความเมตตา” ต่ อผู้เรี ยนนั่นเองโดยผู้สอนเริ่ มมี
ขั้นตอนแรกที่เรี ยบง่ ายด้ วย “การฟั งอย่ างลึกซึ ้ง” จะสามารถนาไปสู่ การเป็ นผู้ส่งเสริ มการเรี ยนรู้ กระบวนกรหรื อผู้อานวยให้ เกิดทันตแพทยศาสตร
ศึ กษาได้ ซึ่ งก็จะส่ งผลดีต่อ อาจารย์ นักศึ กษาทันตแพทย์ และผู้ป่วยอั นถื อเป็ นเป้ าหมายสู งสุ ด คาดหวังว่ าผู้วางนโยบายการศึ กษาจะเล็งเห็ นถึ ง
ความสาคัญและเป็ นกาลังสาคัญยิ่งในการรั งสรรค์ ให้ ก้าวเล็ก ๆ ของการเริ่ มต้ นนี ้ เป็ นก้ าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ ของวงการทันตแพทยศาสตรศึกษาไทย

คำไขรหัส: การบริ บาลทางทันตกรรมพร้ อมมูล/ แม่ แบบหลักของทฤษฎีการศึกษา/ การจัดการเรี ยนการสอนแบบจิตตปั ญญาศึกษา/


การสื่ อสาร/ การร่ วมรู้ สึก/ เมตตา

Received: Jan 28, 2020


Revised: June 12, 2021
Accepted: June 16, 2021
บทนา
การด าริ ริ เริ่ มเล็ ง เห็ น ความส าคัญ และการวาง ประเทศไทยเริ่ ม มี ผู ้เ ล็ ง เห็ น ถึ ง ความส าคัญ และเริ่ ม บรรจุ
รากฐานการสอนของการบริ บ าลทางทัน ตกรรมพร้ อ มมูล เทคนิ คการสอนด้านนี้ มากขึ้ น7–10 ทั้งนี้ อาจเป็ นเพราะทักษะ
(Comprehensive dental care) ในประเทศไทยได้ม ีม านาน การสื่ อสารแบบมนุษยนิยมที่นาไปสู่การบริ บาลทางทันตกรรม
แล้ว รวมถึงได้มีการจัดตั้งให้มีการเรี ยนการสอนในด้านนี้ให้ พร้ อ มมู ล มี ค วามส าคัญ ต่ อ การบริ บ าลทางทัน ตกรรมใน
เกิด ขึ้ น ในหลายสถาบัน การศึก ษา ในระยะหลัง ด้ว ยความ อนาคต กล่ า วคื อ ช่ ว ยลดความขัด แย้ง ความไม่ ม ั่น ใจและ
เจริ ญ ก้า วหน้า ทางเทคโนโลยีส่ ง ผลให้ม ีก ารพัฒ นาทาง ความเครี ยด11 ดังนั้น การอธิ บายความหมายของการบริ บาล
ทันตกรรมอย่างรุ ดหน้ามาก ส่งผลให้การบริ บาลทางทันตกรรม ทางทันตกรรมพร้อมมูลแบบมนุษยนิยมและการสอนในแบบ
ในเชิ งเทคนิ คทาได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาสั้นลง และลดทักษะงาน ที่ มีเทคนิ คการสอนที่ น่าสนใจจึ งสมควรได้รับการส่ งเสริ ม
ฝี มือลงกว่าก่อน พบว่าความเจริ ญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทา เป็ นอย่างยิง่
ให้นกั ศึกษาแพทย์ลดการสื่ อสารแบบมนุษยนิยม (Humanistic อุปสรรคประการหนึ่งของการศึกษาเรื่ องการบริ บาล
communication) กลับไปส่ งเสริ มการสื่ อสารแบบเครื่ องจักร ทางทัน ตกรรมพร้ อ มมู ล คื อ ข้อ จ ากัด ด้า นทรั พ ยากรต ารา
หรื อหุ่ นยนต์มากขึ้น1 ยิ่งไปกว่านั้น นักศึ กษาแพทย์ฝึกหัดที่ หนังสื อ งานวิจยั บทความ ในภาษาไทยที่ยงั ไม่แพร่ หลายมาก
ต้องสอนนักศึกษาแพทย์ก็รู้สึกว่าตนต้องการการฝึ กฝนทักษะ นัก12–16 จึ งยังคงต้องการการเผยแพร่ ปรั บให้ทนั สมัย อี กทั้ง
การสื่ อสารกับผูป้ ่ วยในเรื่ องที่สลับซับซ้อนหรื อการแจ้งข่าว ความเข้าใจในการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูล ในปั จจุบนั
ร้าย2 และยังพบว่าการได้รับการฝึ กฝนทางด้านการสื่ อสารช่วย ยังต้องการแนวทางการอธิ บายรวมไปถึงการสื่ อสารที่ ชดั เจน
ให้สอนได้อย่างมัน่ ใจ3 อาจเป็ นด้วยเหตุน้ ีเองที่ทาให้หลักสูตร ของผูส้ อนเพื่อนาไปสู่ ความเข้าใจ และการปฏิบตั ิได้จริ งของ
ทันตแพทยศาสตร์ ในต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสาคัญของ ผูเ้ รี ยนและทาให้อาจารย์ทนั ตแพทย์มีส่วนร่ วม (Engage) มาก
วิชาและเทคนิคการสอนที่ผนวกทักษะการสื่ อสารแบบมนุษย ขึ้น17 ซึ่ งควรมีเอกสารหรื อสื่ อในภาษาไทยที่มีความน่าสนใจ
นิ ยมเพื่อนาไปสู่ การบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลมากขึ้น เพิ่ ม ขึ้ น รวมไปถึ ง มี ค วามต้อ งการค านิ ย ามหรื อ ค าอธิ บ าย
โดยบรรจุไว้เป็ นส่ วนหนึ่ งของรายวิชาในหลักสู ตร4–6 สาหรับ ความหมายของการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลที่ เข้าใจ

* ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิ ดล ราชเทวี กรุ งเทพฯ


** โรงเรี ยนทันตแพทยศาสตร์ นานาชาติ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิ ดล ราชเทวี กรุ งเทพฯ
100

ง่ าย ซึ่ งในบทความปริ ทัศน์น้ ี ได้รวบรวมและนาเสนอการ แม่ แบบหลักของทฤษฎีการศึกษา แม่แบบหลักของ


สอนทักษะการสื่ อสารแบบมนุษยนิยม การสอนเช่นนี้เน้นการ ทฤษฎีการศึกษากล่าวถึงการเรี ยนรู ้วา่ ผูเ้ รี ยนมีหลักการเรี ยนรู ้
ฝึ กอย่างต่อเนื่ อง จึงจะเชื่อมโยงส่ งผลให้เกิดความเข้าใจและ บนพื้นฐานการพัฒนาคุ ณลักษณะที่ สาคัญสามด้านคือ ด้าน
เข้าถึงนิยามของการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลได้แม่นยา พฤติกรรมการเรี ยนรู ้ ด้านปริ ชาน และด้านภาพสร้าง20 โดย
มากขึ้ น ปฏิ บัติ ใ ห้ เ กิ ด ได้ง่ า ยขึ้ น รวมทั้ง ช่ ว ยถ่ า ยทอดและ - คุณลักษณะด้านพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ หมายถึง การ
สื่ อสารการศึกษาเรื่ องการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลให้ พัฒนาคุ ณลักษณะ การกระทา กิ ริยาอาการที่ แสดงออกทาง
เป็ นที่เข้าใจได้มากขึ้น18,19 ร่ างกาย ความคิด หรื อความรู ้สึกเพื่อตอบสนองต่อสิ่ งเร้า คือ
บทความปริ ทศั น์น้ ี เริ่ มต้นจาก การทบทวนแม่แบบ ผูส้ อนสังเกตการกระทา กิริยาอาการของผูเ้ รี ยนเพื่อทราบและ
หลักของทฤษฎีการศึกษา (Mainstreaming education) และการ เน้นสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผูเ้ รี ยน การสอน
จัดการเรี ยนการสอนแบบจิ ตตปั ญญาศึ กษา (Contemplative เน้นการตอบสนองต่อสิ่ งเร้าด้วยใจของผูเ้ รี ยนที่ สนุกกับการ
pedagogy) ซึ่ งตามแม่แบบหลักของทฤษฎี การศึกษานั้น เน้น เรี ยนเป็ นหลัก เหมาะสมกับการศึกษาชั้นต้น
ส่ ง เสริ มการพัฒ นาคุ ณ ลั ก ษณะที่ ส าคัญ สามด้ า นคื อ ด้ า น - คุ ณลักษณะด้านปริ ชาน หมายถึ ง การพัฒ นาการ
พฤติกรรมการเรี ยนรู ้ (Learning behavioral attribute) ด้านปริ ชาน กระท าหรื อกระบวนการทางสมอง ผ่ า นทางความคิ ด
(Cognitive attribute) และด้ า นภาพสร้ า ง (Constructivist ประสบการณ์ และประสาทสั ม ผั ส ผู ้ ส อนพึ ง ลดความ
attribute) โดยให้ผูส้ อนหมัน่ เฝ้ าดู และประเมิ นรู ปแบบและ สลับซับซ้อนของบทเรี ยน ทาให้เข้าใจง่าย จาได้เร็ วและเรี ยก
ระยะของการพัฒ นาการเรี ย นรู ้ (Style and stage of learning กลับ มาใช้ไ ด้ท นั ท่ว งทีที่ต อ้ งการ เหมาะกับ การเรี ย นรู ้ใ น
development) ของผู ้เ รี ยนเพื่ อ ออกแบบการให้ ค าแนะน า ทฤษฎีที่สลับซับซ้อนขึ้น
(Instructional design) อย่างเหมาะสม ส่ วนในทางการจัดการ - คุณลักษณะทางด้านภาพสร้าง หมายถึง การเรี ยนรู ้ที่
เรี ยนการสอนแบบจิ ตตปั ญญาศึ กษานั้นเป็ นการปฏิ บัติเพื่อ ขึ้นกับคุณลักษณะภายในของตัวผูเ้ รี ยนที่จะสร้างขึ้นมาเฉพาะ
การเรี ยนรู ้ตนเอง โดยใช้หลัก 7 ตัวอักษรซี ในภาษาอังกฤษ ในตัวผูเ้ รี ยนเอง โดยผูเ้ รี ยนจะนาข้อมูลจากบทเรี ยนที่ ได้รับ
โดยเริ่ มจากกิ จกรรมที่ง่าย ทาได้บ่อย สนุ ก และผูเ้ รี ยนสนใจ จากผูส้ อน มาทบทวน ผสมผสานและใคร่ ครวญอีกครั้ง และ
เช่น การฟังอย่างลึกซึ้ ง ซึ่ งในที่สุด ทั้งสองแนวทางการศึกษา สร้ างเป็ นบทเรี ยนภายในของตนเอง เหมาะกับบทเรี ยนที่ มี
มาบรรจบกันที่การบริ บาลร่ วมรู ้สึก (Empathic care) และการ ความสลับซับซ้อนมาก ผูเ้ รี ยนมีความรู ้พ้นื ฐานในบทเรี ยนดี มี
บริ บาลทางทั น ตกรรมพร้ อ มมู ล (รู ปที่ 1) ซึ่ งท าให้ เ กิ ด การพัฒนาคุณลักษณะด้านภาพสร้างมาก่อน มีประสบการณ์
ความหมายในใจผูบ้ ริ บาลตามนิ ยามหลักการบริ บาลทางทัน ในการปรั บ ตัวเพื่ อ การเรี ย นรู ้ บ ทเรี ย นที่ ย งั ไม่ มี โ ครงสร้ าง
ตกรรมพร้อมมูล พร้อมนาเสนอเทคนิ คในการส่ งเสริ ม การ ทางการเรี ยนรู ้มาก่อน หรื อมีโครงสร้างการเรี ยนรู ้ไม่ชดั เจน
เรี ยนรู ้จากทฤษฎีท้ งั สอง ต่อด้วยวิธีการเริ่ มสอนโดยมีเคล็ดลับ เช่น การประดิษฐ์นวัตกรรม
การสอนผนวกไว้ด้วย เป็ นที่ คาดหวังว่า บทความนี้ จะช่ วย คุ ณลักษณะทั้งสามนี้ มี อยู่ในตัวผูเ้ รี ยนทุกคน และ
สร้างความเข้าใจต่อการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลมาก ผูเ้ รี ยนแต่ละคนก็มีคุณลักษณะเฉพาะสาหรับการเรี ยนในแต่ละ
ขึ้ น เพื่อนาไปสู่ ความเจริ ญ ก้า วหน้าทางทัน ตแพทยศาสตร วิชาที่อาจแตกต่างกัน ขึ้นกับประสบการณ์การเรี ยนรู ้ในแต่ละ
ศึ ก ษา และน้อ มน าให้ผูว้ างนโยบายให้ความส าคัญต่ อการ วิชา จึงอาจดูคล้ายมีรูปแบบและระยะของการพัฒนาการเรี ยนรู ้
บริ บาลทางทัน ตกรรมพร้ อ มมู ล เพื่ อ ส่ ง ผลดี ต่ อ อาจารย์ ที่ผสู ้ อนอาจพึงเข้าใจให้ได้วา่ ผูเ้ รี ยนถนัดหรื อมีคุณลักษณะใด
นักศึกษาทันตแพทย์และผูป้ ่ วย อันถือเป็ นเป้ าหมายสูงสุดของ โดดเด่น ผูเ้ รี ยนมีการเรี ยนรู ้อยูใ่ นระยะใด และผูส้ อนพึงเลือก
ทันตแพทยศาสตรศึกษา ที ่จ ะออกแบบการให้ค าแนะน าเพื ่อ ส่ ง เสริ ม การเรี ย นรู ้
(Instructional design) ให้เหมาะสมกับ คุณลักษณะ สภาวะ
และระยะของการพัฒนาการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน 21–24 (รู ปที่ 1)
101

รูปที่ 1 การสอนการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลตามแบบมนุ ษยนิ ยมและแบบศึกษาสานึ ก (Humanistic and Heuristic) ร่ วมกับการสื่ อสารแบบมีเมตตา
ตามแม่แบบหลักของทฤษฎี การศึกษา เน้นการพัฒนาคุ ณลักษณะคือ ด้านพฤติกรรมการเรี ยนรู ้ ด้านปริ ชาน และด้านภาพสร้าง ผูส้ อนพึงวิเคราะห์
รู ปแบบและระยะของการพัฒนาการเรี ยนรู ้ เพื่อออกแบบการให้คาแนะนา (Instructional design) อย่างเหมาะสม ทฤษฎี จิตตปั ญญาศึกษาเน้น การ
ปฏิบตั ิเพื่อการเรี ยนรู ้ตนเอง มีหลักการตาม 7 ตัวอักษรซีในภาษาอังกฤษ ในทางแม่แบบหลักของทฤษฎีการศึกษาให้ออกแบบการสอนแบบมนุษยนิยม
และศึกษาสานึ ก ในเชิ งจิ ตตปั ญญาศึกษาให้เริ่ มจากการฟั งอย่างลึกซึ้ ง ซึ่ งในที่สุด ทั้งสองแนวทางการศึกษามาบรรจบกันที่การบริ บาลร่ วมรู ้สึก และ
การบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูล
Figure 1 Comprehensive dental care teaching with humanistic and heuristic approaches using compassionate communication. Mainstreaming education
emphasizes the development of learning behavioral, cognitive, and constructivist attributes. Instruction is designed with regard to students’ styles
and stages of learning development. Contemplative pedagogue stresses on self-awareness pertaining to 7 Cs components. While mainstreaming
education proposes the humanistic and heuristic approaches, contemplative pedagogue insinuates deep listening as the first coaching step. Finally,
these two educational theories mutually lead to empathic and comprehensive dental care.

การจัดเรียนการสอนแบบจิตตปัญญาศึกษา หากจะ แง่ความรู ้สึกของผูเ้ รี ยน รวมถึงการจบการสอนด้วยการกล่าว


อธิ บายในอี กมุมมองหนึ่ งและเป็ นไปตามสมัยนิ ยม นั่นคื อ ชื่นชมในการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน
การออกแบบการให้ ค าแนะน าเพื่ อ ส่ ง เสริ มการเรี ย นรู ้ น้ ี - การเชื่ อ มโยง (Connection) คื อ การช่ ว ยให้ผูเ้ รี ยน
สามารถเกิ ด ขึ้ น ได้ด้ว ยการสอนให้มี ก ารรู ้ ภ าวะ หรื อ การ เชื่อมโยงประสบการณ์การเรี ยนรู ้ให้นาไปใช้ในการทางานได้
ส่ งเสริ มการรู ้ภาวะ หรื อ จิตตปั ญญาศึกษา คือให้มีการเรี ยนรู ้ - ความมุ่ ง มั่ น (Commitment) คื อ การส่ ง เสริ มให้
สภาวะภายใน ในปั จจุบนั ขณะของตนเอง รู ้เท่าทันความคิด ผูเ้ รี ยนมีความตั้งใจมุ่งมัน่ เพื่อเอื้อให้ผูเ้ รี ยนนาการเรี ยนรู ้ ไป
ความรู ้สึก อารมณ์ ของตน เพื่อนาไปสู่ความมัน่ คง ผ่อนคลาย ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
และเข้าใจวิธีการเรี ยนรู ้ ของตนเอง โดยเรี ยนรู ้ผ่านกิ จกรรม - การเผชิญหน้า (Confrontation) คือการเปิ ดให้ผเู ้ รี ยน
ต่าง ๆ การฝึ กนี้ ใช้หลัก 7 ตัวอักษรซี ในภาษาอังกฤษ25 (รู ปที่ เผชิญหน้ากับการเรี ยนรู ้ใหม่ เพื่อเข้าถึงศักยภาพของตนเองต่อ
1) อันได้แก่ การเรี ยนรู ้
- การรู ้ภาวะ (Contemplation) คือ การเข้าสู่ สภาวะใน - ความต่ อ เนื่ อ ง (Continuity) คื อ การเสริ ม ศักยภาพ
ใจที่เหมาะสมต่อการเรี ยนรู ้ ไม่ตื่นเต้นหรื อเครี ยดจนเกินไป ของผูเ้ รี ยนไปสู่การเรี ยนอย่างต่อเนื่องและยัง่ ยืน
- ความเมตตา (Compassion) คือการโอบอุม้ ดูแลจาก
ผูส้ อนด้วยบริ บทที่เกื้อกูลต่อการเรี ยนรู ้ แสดงความห่วงใยใน
102

- ประชาคม (Community) คือความรู ้สึกร่ วมกันของ ขึ้ นเอง เป็ นความปรารถนาที่ จะช่ วยให้ผูป้ ่ วยพ้นจากความ
ผูเ้ รี ยนให้เป็ นชุมชนแห่ งการเรี ยนรู ้ รวมถึงการสร้างเครื อข่าย เจ็บป่ วย ปรารถนาให้ ผูเ้ รี ยนเข้าใจบทเรี ยนอย่างแท้จ ริ ง ว่า
แลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ ผูเ้ รี ย นจะทาให้ผูป้ ่ วยผ่า นพ้น จากความเจ็บป่ วยได้อย่างไร
ซึ่ ง การฝึ กนี้ มัก เริ่ ม ต้น จากกิ จ กรรมหลากหลายที่ ปรารถนาให้ผูเ้ รี ยนพ้นจากความทุกข์ ความกลัว ความไม่รู้
ผูเ้ รี ยนมีความปรารถนาต้องการทาอย่างไม่รู้จกั เหน็ดเหนื่ อย หรื อคิดว่ารู ้ไม่พอ ผูเ้ รี ยนสามารถเข้าใจและรู ้เท่าทันถึงความ
และสามารถท าได้บ่ อ ย หรื อ สามารถท าได้แ ม้ก ระทั่ง ใน คาดหวังในตัวผูเ้ รี ยนเองว่า มีความคาดหวังที่ตอ้ งได้ปริ มาณ
ชี วิต ประจ าวัน 26 หนึ่ ง ในนั้น คื อ การฝึ กการฟั ง อย่า งลึ ก ซึ้ ง งานครบตามที่หลักสูตรกาหนดและได้คุณภาพของงานชนิดที่
(Deep listening) และ สุ น ทรี ยสนทนา (Dialogue) ดั ง นั้ น สมบู รณ์ แบบที่ สุด ทั้งที่ ผูเ้ รี ยนยังขาดประสบการณ์ สาหรับ
นอกจากผูส้ อนที่ พึงเข้าใจในทฤษฎี การเรี ยนรู ้ อย่างถ่องแท้ การประเมินความสมบูรณ์แบบที่อยูบ่ นพื้นฐานของความเป็ น
และเลื อ กที่ จ ะออกแบบการให้ค าแนะน าเพื่ อ ส่ ง เสริ ม การ จริ ง รวมทั้งผูเ้ รี ยนยังต้องเผชิ ญกับสภาวะความกดดันรอบ
เรี ยนรู ้ ให้เหมาะสมกับผูเ้ รี ยนแต่ละบุ คคล ในแต่ละโอกาส ด้านและข้อกาหนดต่าง ๆ เช่น ปริ มาณงานขั้นต่าในระยะเวลา
และหัวข้อ การสอนให้เหมาะสมแล้ว ผูเ้ รี ย นเองก็ ส ามารถ ที่ จากัด และที่ สาคัญที่ สุดคือความกังวลใจว่าเพื่อน อาจารย์
พัฒนาทักษะในการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองไปพร้อมกันได้11,20,27 และผูป้ ่ วยจะคิดกับตนว่าอย่างไร เช่น เมื่อทางานผิดพลาด31
นิยามของการบริบาลทางทันตกรรมพร้ อมมูลและ ด้วยการที่ อาจารย์สามารถรับรู ้ความรู ้สึก และ สามารถรู ้ สึก
เคล็ดลับการสอน ในบทความปริ ทศั น์ฉบับนี้ เลือกใช้ท้ งั สอง ร่ วม (Empathize) กับผูเ้ รี ยนได้ ความมัน่ คงในใจนี้ จะนาไปสู่
แนวทางคือ ทั้งในแม่แบบหลักของทฤษฎีการศึกษา และการ การสื่ อสารด้วยความเมตตาของอาจารย์ พร้อมกันนั้นอาจารย์
จัดการเรี ยนการสอนแบบจิตตปั ญญาศึกษามาผสมผสานกัน ก็ให้การดูแล และกาลังสื่ อสารกับ “รุ่ นน้องที่ กาลังฝึ กรักษา
ซึ่ งในท้ายที่สุดก็พบว่าทั้งสองแนวทางก็มาบรรจบที่แนวทาง โรค” คล้ า ยคลึ ง กั บ การรั ก ษาผู ้ป่ วยเหมื อ นเป็ นคนใน
การศึกษาแบบเดียวกัน ในทางทฤษฎีการศึกษา การออกแบบ ครอบครัว32 ดังประโยคสนทนา เช่น
นี้ ใช้แนวการส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้เพียงสองแนวเท่านั้นคือ แบบ “น้องเริ่ มกรอไปก่อน ถ้ามีอะไรที่ รู้สึกไม่สบายใจ
มนุษยนิ ยมและแบบศึกษาสานึ ก18 คือ การส่ งเสริ มให้เกิ ดการ หรื อไม่พร้อม ขอให้บอกพี่ได้ทนั ที พี่พร้อมที่จะช่วยนะครับ
เรี ยนรู ้แบบใช้ความเป็ นมนุษย์สื่อสารต่อกัน (แบบมนุษยนิยม)19 (คะ)”
โดยฝึ กการเรี ยนรู ้จากการใช้กระบวนการของประสบการณ์ “ถ้ารู ้สึกว่าไม่ถนัด หรื อทาไม่ได้ ให้พี่ทาให้ดูก่อน
สดใหม่ ในปั จ จุ บัน ขณะ (แบบศึ ก ษาส านึ ก )6,28,29 (รู ป ที่ 1) ได้นะ”
ผูส้ อนจะรั บ รู ้ ถึ ง สภาวะของ ตนเอง ผูเ้ รี ย นและผูป้ ่ วยโดย ในขณะเดี ยวกันก็ออกแบบการส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้
ทั้ง หมด ไม่ มี ค วามคิ ด ใดดัก รอไว้ก่ อ นและปราศจากการ เผื่ อ โอกาสให้ กับ ผู ้เ รี ย นที่ ป รั บ ตัว ได้เ ร็ ว ได้เ รี ย นรู ้ ไ ปด้วย
ตัดสิ น เป็ นเหตุให้ผสู ้ อนพร้อมสอนและสามารถรับรู ้สภาวะ ตนเอง ดังประโยคว่า
ของผูเ้ รี ยน ผูส้ อนจึงสามารถเลือกออกแบบการให้คาแนะนา “อยากท าเองหรื อให้ พี่ ท าให้ ดู ก่ อ นก็ ไ ด้น ะครั บ
เพื่อส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้ ให้เหมาะสมกับคุ ณลักษณะ สภาวะ (คะ)”
และระยะของการเจริ ญเติบโตของการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยนว่าที่ คุณลักษณะเหล่านี้ เมื่อได้รับการเอาใจใส่ จากผูส้ อน
ณ จุดเวลานั้น สภาวะนั้น ผูส้ อนพึงพัฒนาคุณลักษณะที่สาคัญ ก็จะนาไปสู่ ความสามารถที่ไม่เป็ นเพียงการรู ้ขอ้ มูล แต่เข้าใจ
ด้านใดจากทั้งสามด้าน คื อ ด้านพฤติ กรรมการเรี ยนรู ้ ด้าน รับรู ้และรู ้สึกได้อย่างแท้จริ งถึ งความรู ้ สึกเจ็บป่ วย ไม่สบาย
ปริ ชาน และด้ า นภาพสร้ า ง ซึ่ งก็ ล ้ว นแล้ว แต่ มี จุ ด เด่ น ที่ กาย ไม่ ส บายใจของผูป้ ่ วย (I feel how you feel, not I know
เหมาะสมในแต่ละสภาวะของผูเ้ รี ยนแต่ละคน how you feel.)33 ท าให้ นัก ศึ ก ษาทัน ตแพทย์ส ามารถดู แ ลที่
แท้จริ งแล้วก็อาจสามารถเขียนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น “ความเจ็บป่ วย” หรื อ อวัยวะที่ มีปัญหา และยังขยายการรับรู ้
โดยใช้ท ฤษฎี ท างจิ ต ตปั ญ ญาศึ ก ษาว่า ควรมี ก ระบวนการ หรื อจุดโฟกัสไปที่ “ความเจ็บป่ วยของผูป้ ่ วย” ในขณะเดียวกัน
ให้ผเู ้ รี ยนได้เรี ยนรู ้ โดยใช้ “การสื่ อสารด้วยความเมตตา” ต่อ ก็สามารถมองเห็ นตัวผูป้ ่ วยได้ท้ งั หมด ตลอดไปจนรับรู ้และ
ผูเ้ รี ยนนัน่ เอง30 การส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้น้ ี เกิดจากความมัน่ คง เข้าใจได้ถึงความคิด ความเชื่ อที่ เป็ นที่ มาของการเกิ ดอาการ
ในใจของผูส้ อนในทุ กขณะที่ จะรั บรู ้ ถึงสภาวะของ ตนเอง เจ็บป่ วย ความรู ้สึกเจ็บป่ วยนี้ ผูป้ ่ วยอาจเข้าใจว่าเป็ นผลมาจาก
ผูเ้ รี ยนและผูป้ ่ วยโดยทั้งหมด ผูส้ อนจะเกิดความปรารถนาดี โรคทางกาย หรื ออาจเป็ นผลมาจากสภาวะทางจิตใจ อารมณ์
103

สังคม ผูเ้ รี ยนจะขยายความเข้าใจไปถึงบริ บทชี วิตที่ มีผลต่อ ห้าสิ บ การฝึ กการฟั งจึ งเป็ นประโยชน์มาก เพราะมี เวลาใน
การตัดสิ นใจในการเลือกแผนการรักษา รวมทั้งผลกระทบจาก การฝึ กมากที่ สุด37,38 ดังนั้นการฝึ กการฟั งจึ งมีความสาคัญใน
การรักษาที่มีต่อวิถีชีวิต นอกจากจะสามารถรับรู ้ และรู ้สึกได้ การกาหนดความความสาเร็ จของการสื่ อสารอย่างมาก การฟัง
จริ งถึงความรู ้สึกของผูป้ ่ วยแล้วยังสามารถแสดงออกให้ผปู ้ ่ วย มีการแบ่งได้เป็ นระดับต่าง ๆ 4 ระดับตามแนวคิดของ Claus
รับรู ้ได้วา่ การรับรู ้น้ ี ได้เกิดขึ้นแล้วในตัวผูบ้ ริ บาล ซึ่ งก็มกั จะ Otto Scharmer39,40 ตามทฤษฎี ก ารฟั ง แบบตั ว อั ก ษรยู ใน
เป็ นการแสดงออกด้วยภาษาพูดและภาษากาย ทักษะเหล่านี้ ภาษาอังกฤษ (Theory U) การฟัง 4 ระดับ อธิบายได้ ดังนี้
รวมเรี ย กว่า การบริ บ าลร่ ว มรู ้ สึ ก (Empathic care)32,34,35 การ 1. ฉั น ในตัว ฉั น (ฟั ง แบบดาวน์ โ หลด) [I in me
บริ บาลเช่นนี้ เองช่วยให้ผปู ้ ่ วยได้รับการดูแลอย่างครอบคลุม (Downloading)] ฟังแบบยืนยันในสิ่ งที่เชื่อไว้แล้ว มีการตัดสิ น
ทั้งการดูแลสุ ขภาพ การป้ องกันโรค การรักษาและการฟื้ นฟู ผูพ้ ูด อย่า งอัต โนมัติ และเกิ ดขึ้ นเร็ ว มาก ก่ อ นที่ จ ะรั บข้อมูล
สุ ขภาพและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล ผูป้ ่ วยก็จะ ทั้งหมด
สัมผัสได้ถึงการดูแลและสามารถให้ความร่ วมมือในการรักษา 2. ฉันในมัน (ฟังตามเหตุผลจริ ง) [I in it (Factual)]
การดูแลป้ องกันได้ดีข้ ึน ส่ งผลให้ผลลัพธ์การรักษาเป็ นไปใน เป็ นการเลือกฟั งเรื่ องราวที่ แตกต่างจากที่ รู้ มีความใส่ ใจ จับ
ทิศทางที่ดีข้ ึน32 ประเด็นสาระ ยังมีการตัดสิ นโดยใช้เหตุผล กฏ ระเบียบเป็ น
หากอธิ บายมาถึงจุดนี้ แล้วก็จะเห็นได้วา่ มีการเขียน หลัก
นิ ย ามของการบริ บ าลทางทัน ตกรรมพร้ อ มมู ล ดัง กล่ า วว่า 3. ฉันในตัวเธอ (ฟังร่ วมรู ้สึก) [I in you (Empathic)]
“การบริ บาลทางทันตกรรมพร้ อมมูล คื อ การบริ บาลที่ช่วยให้ เป็ นการฟั งอย่างเข้าอกเข้าใจ รับรู ้ความรู ้สึกของผูอ้ ื่นได้จริ ง
ผู้ป่วยได้ รับการดูแลอย่ างครอบคลุมทั้งการดูแลสุ ขภาพ การ แต่ ย งั ระแวงความเป็ นตัว เรา ถ้า มี ค าพู ด กระทบตัว ตนจะ
ป้ องกันโรค การรั กษาและการฟื ้ นฟูสุขภาพและสอดคล้ องกับ ปกป้ องทันที
วิ ถีชีวิต ของแต่ ล ะบุคคล” นิ ย ามนี้ สามารถเกิ ดในใจของผู ้ 4. ฉั น ในปั จ จุ บัน ขณะ (ฟั ง ก่ อ ก าเนิ ด ) [I in now
บริ บาลขึ้นมาได้โดยเสร็ จสรรพ ตรงกับที่มีผแู ้ สดงหลักฐานที่ (Generative)] เป็ นการฟั งที่ รู้ทนั ปั จจุบนั ขณะ คลายความคิด
มีไว้12-16 มิตอ้ งมีกรรมวิธี ขั้นตอนที่ยงุ่ ยากแต่ประการใด เดิม ข้ามผ่านความกลัวการสู ญเสี ยตัวตน เกิดพื้นที่วา่ งและรับ
การสื่ อสารด้ วยความเมตตา การสื่ อสารตามนิ ยาม องค์ความรู ้ใหม่ร่วมกัน
ของพจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ พ.ศ. 2554 สรุ ปได้ การฟั ง เป็ นกระบวนการทางานภายในตัวผูฟ้ ั ง คือ
ว่าคือ วิธีการนาถ้อยคา ข้อความ หรื อหนังสื อ จากบุคคลหนึ่ง การทางานกับ ความคิดคล้อยตาม หรื อ อคติที่เกิ ดขึ้นภายใน
หรื อ สถานที่ ห นึ่ ง ไปยัง อี กบุ ค คลหนึ่ งหรื อ อี กสถานที่ หนึ่ ง ระหว่า งการฟั ง ซึ่ ง เป็ นสิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ตามธรรมชาติ แ ละเป็ น
ส่ ว นความเมตตาได้มี ค าบัญ ญัติ ไ ว้ใ นพจนานุ ก รม ฉบับ กระบวนการเกื อบอัตโนมัติ การฟั งมีหลายรู ปแบบส่ งผลต่อ
ราชบัณฑิตยสถานว่าคือ ความรักและเอ็นดู ความปรารถนาจะ ระดับการฟังที่ต่างไป การฟังที่ต่างกันย่อมส่ งผลต่อตัวผูฟ้ ั ง29
ให้ผูอ้ ื่ นได้สุข เป็ นหนึ่ งในพรหมวิหาร 4 คื อ เมตตา กรุ ณา ซึ่ งสามารถอธิ บายและเที ยบเคี ยงกับการฟั งในระดับต่าง ๆ
มุ ทิ ต า อุ เ บกขา 36 แปลโดยตรงแล้ว การสื่ อ สารด้ว ยความ ดังนี้
เมตตาในที่ น้ ี ก็คือ วิธีการนาข้อมูลจากบุ คคลหนึ่ งไปยัง อี ก การฟังแบบคล่อง (Active listening) คือ การฟังอย่าง
บุคคลหนึ่ งโดยมีความรัก ความเอ็นดู ความปรารถนาจะให้ ตั้งใจ พยายามเข้าใจในเนื้ อหา ใจความของสิ่ งที่ผพู ้ ูดต้องการ
ผูอ้ ื่นได้สุขเป็ นสื่ อนาไป ซึ่ งในขั้นต้นนี้จะขออธิ บายในอีกนัย สื่ อ1,41 การฟังแบบนี้ ตรงกับระดับการฟังแบบฉันในมัน ตาม
หนึ่งว่าการสื่ อสารด้วยความเมตตานั้น ควรเริ่ มด้วยการอธิบาย นิยามของ Otto Scharmer
เรื่ อ งการสื่ อ สารก่ อ น ซึ่ งรู ป แบบหนึ่ ง ของการสื่ อ สารที่ มี การฟั งร่ วมรู ้ สึก (Empathic listening) ไม่เป็ นเพียง
ความสาคัญมาก ก็คือการฟัง ซึ่ งรวมไปถึงระดับและรู ปแบบ แค่ ก ารรั บ ฟั ง เฉพาะแต่ ใ นสิ่ ง ที่ ผู ้พู ด พู ด ออกมา แต่ เ ปิ ดใจ
ของการฟั ง การสื่ อ สารของมนุ ษ ย์ใ นชี วิ ต ประจ าวัน นั้น ยอมรั บ เข้า อกเข้า ใจในอารมณ์ แ ละความรู ้ สึ ก ของผู ้พู ด
ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คื อ การฟั ง การพูด การอ่าน ซาบซึ้ งใจในความเป็ นมนุษย์อย่างเสมอภาคกัน มองเห็นโลก
และการเขียน มนุษย์พฒั นาการสื่ อสารโดยเริ่ มจากการฟังก่อน ในแบบที่ เป็ นจริ ง42 การฟั งแบบนี้ ตรงกับระดับการฟั งแบบ
จึ งนาไปสู่ ทกั ษะอื่นตามมา นอกจากนี้ ยังจะเห็นได้วา่ มนุษย์ ฉันในตัวเธอ
ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการฟังมากที่สุด คือประมาณร้อยละ
104

การฟั งอย่างมี สติ (Mindfulness listening) เป็ นการ ความรู ้ความสามารถในการดูแลผูป้ ่ วย แต่ถา้ ผูส้ อนเปิ ดโอกาส
ฟั งในขณะที่ มีสติ รู ้สึกตัวอยู่ในปั จจุบนั ขณะ เป็ นการฟั งที่ มี ให้ผเู ้ รี ยนได้เล่าให้ฟัง ผูส้ อนอาจได้รับคาตอบว่า
ความเห็ นอกเห็นใจ เมตตา สนับสนุนให้กาลังใจ และมีความ “หนู/ผมไม่เคยทาสิ่ งนี้มาก่อนเลย เคยเห็นแต่ใน
เชื่อใจ ความเชื่อใจที่ไม่ได้หมายถึงการเห็นด้วยแต่เชื่อในสิ่ งที่ แล็บ”
ผูพ้ ูดพูดออกมา ไม่วา่ จะดีหรื อไม่ดี แต่ผพู ้ ูดได้พูดออกมาตาม การฟั งอย่างลึ กซึ้ งของผูส้ อน จึ งเป็ นการสอนด้วย
จริ งจากสิ่ งที่ได้ประสบมา การฟังแบบนี้ ตรงกับระดับการฟัง การ “ลงมื อ ท า” และผู ้เ รี ย นซึ่ งเป็ นผูไ้ ด้รั บ ข้อ มู ล และการ
แบบฉันในปั จจุบนั ขณะ36,37 สื่ อสารจากผูส้ อน จะเกิดความเข้าใจได้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากการ
การฟั ง อย่า งลึ ก ซึ้ ง ได้รั บ การน าเสนอโดย David รับฟั งอย่างลึกซึ้ งที่ แตกต่างไปจากการฟั งที่ ผ่านมา เป็ นแรง
Joseph Bohm นักฟิ สิ กส์ผแู ้ ต่งตาราชั้นนาทางฟิ สิ กส์ ประสาท สนับสนุนให้ผเู ้ รี ยนอยากพัฒนาทักษะการฟังของตนเองเพื่อ
จิตวิทยาและปรัชญาจิต (Neuropsychology and Philosophy of รับฟังผูป้ ่ วยด้วยความเข้าใจ ดังคากล่าวที่วา่
mind) หลายเล่ม โดย Bohm กล่าวถึงการฟังอย่างลึกซึ้งว่า เป็ น “นัก เรี ย นเรี ย นจากสิ่ ง ที่ ค รู เ ป็ น มากกว่า สิ่ ง ที่ ค รู
ขั้นตอนแรกที่สาคัญของ สุ นทรี ยสนทนา ซึ่ งสุ นทรี ยสนทนา สอน” 43

นี้ ตามคาแปลภาษากรี ก หมายถึ ง คาที่ ทะลุปรุ โปร่ ง มี หลัก การฟั งอย่างลึ กซึ้ งเป็ นหนึ่ งในรู ปแบบการฟั งที่ อยู่
สาคัญ 4 ประการ คือ การฟังอย่างลึกซึ้ ง การให้เกียรติเคารพ ในระดับการฟังแบบฉันในปั จจุบนั ขณะ ทาให้สามารถรับรู ้ถึง
ซึ่ งกันและกัน การพักการตัดสิ น และการเปิ ดเผยเสี ยงภายใน สภาวะของตนเอง และคู่ ส นทนา ไม่ มี ก ารตัด สิ น ไม่ เ กิ ด
ใจ การสนทนารู ปแบบนี้ ก่อให้เกิดความเข้าใจซึ่ งกันและกัน ความคิ ด ดัก รอ โดยเฉพาะอย่า งยิ่ ง เมื่ อ ได้รั บ การฝึ กอย่า ง
เรี ยนรู ้ร่วมกันผ่านทางคาพูด และนาไปสู่ การอยูร่ ่ วมกันของผู ้ ต่อเนื่ องจะเป็ นเหตุนาให้เกิดการสื่ อสารด้วยความเมตตา และ
สนทนาได้อย่างสงบสุ ข ซึ่ งการฟังอย่างลึกซึ้ ง เป็ นประตูด่าน นาไปสู่ การร่ วมรู ้สึกกับคู่สนทนา ซึ่ งผูส้ อนสามารถร่ วมรู ้สึก
แรกของการสนทนาแบบเปิ ดกว้าง โดยการใช้ท้ งั ตัว หัวใจ ใน กับผูเ้ รี ยนได้เช่นเดี ยวกับการใช้เทคนิ คการสอนแบบมนุ ษย
การอยู่กับคนที่ นั่งอยู่ตรงหน้า พูดคุ ยอย่างเปิ ดใจเพื่อรั บฟั ง นิยมและแบบศึกษาสานึก
อย่างลึกซึ้ ง ฟังเพื่อสารวจ ความคิด ความเชื่อ สมมติฐานของ
ตนเองแล้ววางลง อีกทั้งเพื่อยกระดับสมาธิ และมีความตั้งใจ บทวิจารณ์
ฟั งอย่างเต็มที่ ทาความเข้าใจต่อกันและกัน และคิ ดต่อยอด การสอนการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลนั้น แม้
ร่ วมกันโดยไม่ตดั สิ นถูกผิด การฟั งอย่างลึกซึ้ ง เมื่อได้ฝึกจน ได้มีการริ เริ่ มในประเทศไทยมานาน มีบทความภาษาไทยที่ดี
ชานาญแล้ว มีความหมายและอยูใ่ นระดับเดียวกับการฟังอย่าง ทว่ามีปริ มาณและการเผยแพร่ ค่อนข้างน้อย จึงยังต้องการนิยาม
มีสติ ทั้งลักษณะการปฏิ บตั ิและเป้ าหมายของการฟั ง การฟั ง ที่ ชดั เจน ปรับให้เข้ากับบริ บทสังคมที่ เปลี่ ยนไป และง่ายต่อ
อย่างลึกซึ้งจึงนาไปสู่การเรี ยนรู ้และการอยูร่ ่ วมกันขององค์กร การศึ กษา ทาความเข้าใจ ซึ่ งก็จะสามารถทาให้ทุกคนเข้าถึง
อย่างมีความสุขตามแนวคิดสุนทรี ยสนทนา11,37 ศักยภาพของตนเองได้เพียงแค่ใช้ การสื่ อสารด้วยความเมตตา
การฟังอย่างลึกซึ้ งของผูส้ อน จะส่ งผลให้ผเู ้ รี ยนเกิด โดยเริ่ มได้จากเทคนิ คที่ง่ายที่ สุดคือ การฝึ กการฟังอย่างลึ กซึ้ ง
ความรู ้สึกปลอดภัยจากการถูกตัดสิ นของผูส้ อน กล้าที่จะบอก ทั้งนี้ เป็ นเพราะการศึ กษาการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูล
สิ่ งที่ ไม่รู้หรื อไม่มนั่ ใจในการดู แลผูป้ ่ วยอย่างตรงไปตรงมา ด้วยการสื่ อสารด้วยความเมตตานั้นจะช่วยลดความขัดแย้ง จึง
การที่ผเู ้ รี ยนกล้าบอกความจริ งนั้น เกิดผลดีคือ ผูส้ อนได้สอน อาจช่ วยลดจ านวนนักศึ กษาทันตแพทย์ที่ มี ค วามเครี ย ดสู ง
ในสิ่ งที่ผเู ้ รี ยนยังไม่รู้ให้ได้รู้ จากประสบการณ์ตรงหน้าทันที และเป็ นการยกระดั บ การผลิ ต ทั น ตแพทย์ ให้ ทั ด เที ย ม
และผูป้ ่ วยได้รับการดูแลที่ เหมาะสมปลอดภัยจากหมอ และ มาตรฐานสากลด้วย โดยสังเกตได้จากการที่ แม่แบบหลักของ
การฟังอย่างลึกซึ้ งยังช่วยให้ผูส้ อนเข้าใจผูเ้ รี ยนแต่ละคนตาม ทฤษฎีการศึกษาและการจัดการเรี ยนการสอนแบบจิตตปั ญญา
ความเป็ นจริ งถึงประสบการณ์การเรี ยนทั้งบรรยายและปฏิบตั ิ ศึ กษาได้พฒั นามาบรรจบที่ เทคนิ คเดี ยวกันในท้ายที่ สุด18,20,26
ที่ ผูเ้ รี ยนเคยผ่านมา ไม่เช่นนั้นผูส้ อนอาจใช้ประสบการณ์ใน คือการเข้าถึงนิ ยาม ความหมายของการบริ บาลทางทันตกรรม
อดี ตของผูส้ อนมาตัดสิ น ผูเ้ รี ยน เช่ น หากผูส้ อนในวัยนี้ เคย พร้อมมูลที่กล่าวว่า “ผูป้ ่ วยจะได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมทั้ง
สามารถท าทัก ษะบางอย่า งได้ดี แต่ เ มื่ อ เจอเด็ ก ที่ ท าทักษะ การดู แ ลสุ ข ภาพ การป้ อ งกัน โรค การรั ก ษาและการฟื้ นฟู
เดียวกันไม่ได้ มีแนวโน้มที่ผสู ้ อนจะเผลอตัดสิ นผูเ้ รี ยนว่าขาด สุขภาพและสอดคล้องกับวิถีชีวติ ของแต่ละบุคคล” การบริ บาล
105

ด้วยวิธีน้ ี ลว้ นใช้สิ่งที่มีอยูแ่ ล้วตามธรรมชาติในตัวของมนุ ษย์ เหล่านี้ ก็เป็ นเทคนิ คการสอนที่สร้างบทเรี ยนอันเรี ยบง่ายที่มี
ทุ กคน ตามแบบทฤษฎี มนุ ษยนิ ยม พบได้ท้ งั ในตัวอาจารย์ ค่ามากที่สุดต่อผูเ้ รี ยน20,27
นั ก ศึ ก ษา และผู ้ป่ วย เมื่ อ เกิ ด ขึ้ นแล้ว ก็ ส ามารถเข้า ใจถึ ง การสื่ อ สารด้ว ยความเมตตานี้ จึ ง สามารถน าไป
ความหมาย หรื อนิ ยามได้เอง ปราศจากข้อซักถาม ข้อสงสัย ฝึ กฝนใช้ได้ตลอดเวลา และเมื่อฝึ กฝนเทคนิ คนี้ อย่างต่อเนื่ อง
จึ ง อาจกล่ า วได้ว่า ได้มี ก ารสอนให้มี ก ารรู ้ ภ าวะ หรื อ การ จะปรากฏว่า ทุกคนล้วนทาหน้าที่ สลับปรับเปลี่ยนกันไปมา
ส่งเสริ มการรู ้ภาวะ ตามแบบจิตตปั ญญาศึกษา เพื่อนาไปสู่การ ไม่มีผสู ้ อนผูเ้ รี ยน หรื อผูป้ ่ วยอย่างแท้จริ งตลอด ในบางโอกาส
บริ บาลทางทันตกรรมพร้ อมมูลขึ้ นแล้ว ดังที่ Baron-Cohen ผูเ้ รี ย น และผูป้ ่ วยเองก็ ส่ งเสริ ม ภาวะการเรี ยนรู ้ ข องผูส้ อน
ได้ ก ล่ า วไว้ว่ า “การร่ วมรู ้ สึ ก เป็ นดั่ ง ตัว ท าละลายสากล ผูส้ อนบางครั้งก็กลับกลายเป็ นผูเ้ รี ยน ต่างฝ่ ายต่างกาลังเรี ยนรู ้
(universal solvent) ปั ญหาอะไรก็ตามเมื่อนามาจุ่มแช่ในตัวทา และส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ดว้ ยกันในสภาวะที่มีความเมตตา
ละลายนี้ ก็จะพลันมลายไป” 44 การฟังอย่างลึกซึ้ งเป็ นเพียงด่านแรกของการสื่ อสาร
ด้ว ยเทคนิ ค ที่ เ รี ย บง่ า ยนี้ ก็ อ าจสามารถเข้า ใจถึ ง ทั้ง นี้ สุ น ทรี ย สนทนายัง ต้อ งมี อ งค์ป ระกอบอื่ น ๆ ที่ ก ารฟั ง
นิ ยามของการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลได้ง่ายขึ้นโดย อย่างลึกซึ้ งจะค่อย ๆ น้อมนาให้เกิดขึ้นตามมา อันได้แก่ การ
ใช้ทฤษฎีทางจิตตปั ญญาศึกษาว่าควรมีกระบวนการให้ผเู ้ รี ยน ให้เกี ยรติและเคารพตนเองและผูอ้ ื่น การพักการตัดสิ น และ
ได้เรี ยนรู ้โดยใช้ การสื่ อสารด้วยความเมตตาต่อผูเ้ รี ยนนัน่ เอง การเปิ ดเผยเสี ยงภายในใจ 37 องค์ประกอบเหล่านี้ จะทาให้เรา
เป็ นการศึ กษาที่ ใช้การสื่ อสารเหมื อนเป็ นคนในครอบครั ว มองทะลุเหตุผลที่ แตกกระจายเป็ นชิ้ นเล็กชิ้ นน้อยมาต่อกัน
แบบพี่ ดู แ ลน้ อ ง 32 โดยผู ้ส อนอาจอยู่ ใ นภาวะความรู ้ สึ ก เป็ นองค์รวมและเกิดเป็ นองค์ความรู ้ใหม่ร่วมกันได้ วิธีการนี้
ตระหนักถึงวันที่ผสู ้ อนเองยังเป็ นผูเ้ รี ยนและทางานนี้เป็ นครั้ง สามารถฝึ กต่อเนื่ องในชี วิตประจาวันได้อย่างเป็ นธรรมชาติ
แรก เทคนิคนี้จะช่วยขยายขอบเขตของการส่งเสริ มการเรี ยนรู ้ ก่ อ ให้เ กิ ด ความเข้าใจโลกตามความจริ ง เป็ นกระบวนการ
อย่างอัตโนมัติ ลดทอนการตัดสิ น ลดทอนความคิดของผูส้ อน กระตุน้ ตนเองตามธรรมชาติ น้อมนาให้เกิ ดวิถีในการปฏิบตั ิ
ที่เปรี ยบเทียบผูเ้ รี ยนกับตนเองซึ่งเก่งกว่าหรื อชานาญกว่า หรื อ เพื่อการเรี ยนรู ้ตนเองของผูฟ้ ั งและคนรอบข้างซึ่ งก็จะเป็ นไป
เปรี ยบเที ย บกับ นัก ศึ ก ษาในอดี ต หรื อเพื่ อ นนั ก ศึ ก ษาใน ตาม 7 ตัวอักษรซี ในภาษาอังกฤษ ซึ่ งเป็ นคาอธิ บายหลักการ
ปั จจุบนั ผูส้ อนจะสื่ อสารให้คาแนะนาเฉพาะที่ ช่วยอานวยให้ ของจิ ตตปั ญญาศึกษา 45 (รู ปที่ 1) เมื่อเริ่ มต้นด้วยการฟั งอย่าง
เกิ ดการเรี ยนรู ้ ตามวัตถุประสงค์ที่ผูส้ อนได้วางแผนไว้แต่ตน้ ลึ ก ซึ้ งเป็ นประจาขณะบริ บาลผูป้ ่ วยก็ จะโยงใยนาไปสู่ การ
คื อส่ งเสริ มให้ผูเ้ รี ยนมี โอกาสพัฒนาทักษะในการช่ วยเหลือ บริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลได้ในที่สุด
ผูป้ ่ วยให้พน้ จากความเจ็บป่ วย และผูส้ อนอาจพบว่า ข้อกาหนด
และเหตุผลต่าง ๆ มากมายในความคิดของผูส้ อนที่ไม่ส่งเสริ ม บทสรุป
การเรี ยนรู ้ ของผูเ้ รี ยนจะดูมีน้ าหนักเบาลง การส่ งเสริ มการ บทความนี้ ช่ ว ยน้อ มน ากระบวนการที่ ท าให้เ กิ ด
เรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยนในรู ปแบบนี้ยงั จะช่วยทาให้ผเู ้ รี ยนสัมผัสได้ ความเข้ า ใจการบริ บาลทางทั น ตกรรมพร้ อ มมู ล ในแง่
ถึ งความปรารถนาดี ของผูส้ อน ผูเ้ รี ยนสามารถละวางความ การศึกษาผ่านทางสองทฤษฎีการศึกษา ซึ่ งแท้จริ งแล้วเทคนิค
กังวลต่าง ๆ รู ้สึกผ่อนคลาย31 เริ่ มมีความมัน่ คงในใจ และเริ่ ม ที่ ช่วยให้สามารถทาความเข้าใจและเข้า ถึ งความหมายตาม
รับรู ้สภาวะความรู ้สึกของตัวผูเ้ รี ยนเอง และผูเ้ รี ยนจะได้นาเอา นิ ยามของการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูล และก่อให้เกิด
ศักยภาพที่มีอยูแ่ ล้วของตนเองกลับคืนมา พร้อมมีกาลังขยาย การบริ บ าลทางทัน ตกรรมพร้ อ มมู ล ขึ้ น ได้น้ ัน ท าได้ด้ว ย
ออกไปรับรู ้ขอ้ มูลการรักษา และเผื่อแผ่การรับรู ้น้ ีถึงการได้รับ เทคนิ คการสอนแบบมนุ ษยนิ ยมผนวกกับแบบศึ กษาสานึ ก
ข้อมูลของผูป้ ่ วยอย่างรอบด้าน พร้อมไปด้วยกันนั้น ผูเ้ รี ยนก็ และก็ ส ามารถท าได้เ ช่ น กัน ผ่า นทางการสื่ อ สารด้ว ยความ
เข้าถึ งการเรี ยนรู ้ จากผูส้ อนอย่างถ่องแท้ สัมผัสได้ถึงความ เมตตา และมีเทคนิ คในการเริ่ มต้นง่ายที่ สุดนั่นก็คือ ฝึ กผ่าน
เมตตาที่อาจารย์ทนั ตแพทย์มีต่อผูป้ ่ วย ความเมตตาที่อาจารย์มี กิ จกรรมที่ ตอ้ งทาบ่อย เช่น การฝึ กการฟั งอย่างลึ กซึ้ ง ซึ่ งทั้ง
ความปรารถนาที่จะรักษาผูป้ ่ วยให้พน้ จากความเจ็บป่ วย ความ สองแนวทางหากฝึ กอย่างสม่าเสมอ ก็จะสามารถนาหลักการ
เมตตาที่ อาจารย์มีความปรารถนาจะช่ วยเหลื อให้ผูเ้ รี ยนได้ ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน หรื อใช้เป็ น
เรี ย นรู ้ เป็ นการออกแบบการส่ ง เสริ ม การเรี ย นรู ้ ด้า นการ แนวทางในการพัฒ นา บุ ค ลากร หรื อองค์ ก ร ให้ ดี ยิ่ ง ขึ้ น
บริ บาลร่ วมรู ้สึก (Instructional design for empathic care) ซึ่ ง รายละเอี ย ดในการฝึ กการฟั ง อย่า งลึ ก ซึ้ งนี้ จะน าเสนอใน
106

บทความปริ ทัศน์ตอนต่อไปซึ่ งจะอธิ บายถึ ง ความแตกต่าง 7. Watanapa A, Tienmontri A, Thitasomakul S. [homepage


ของการฟั งโดยทัว่ ไปกับการฟั งอย่างลึกซึ้ ง หลักการฝึ กการ on the Internet]. Songkhla: Prince of Songkhla
ฟั ง อย่า งลึ ก ซึ้ ง ปั ญ หาและอุ ปสรรคที่ อาจเกิ ดขึ้ น ได้เมื่ อฝึ ก University; c 2010 [updated 2017; cited 2021 Jan 7]
ปฏิบตั ิ Learning experience in hospital and community. Available
คาดหวังว่าบทความนี้ จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อ from:http://ed.dent.psu.ac.th/var/www/service/Upload/
การบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลมากขึ้น และนาไปสู่ การ files/3_ คู่มือ รพ_สมทบ ฉบับ Online.pdf.
ลดความข ดั แย ง้ สนับ สนุน ความเจริ ญ ก้า วหน้า ทาง 8. Ratanasuwan P. [homepage on the Internet]. Phayao: University
ทัน ตแพทยศาสตรศึกษา และน้อ มนาให้ผูว้ างนโยบายให้ of Phayao; c [updated 2020; cited 2021 Jan 7] Facilitate dental
ความสาคัญต่อการบริ บาลทางทันตกรรมพร้อมมูลเพื่อส่ งผล students quality with contemplative pedagogy. Available from:
ดีต ่อ อาจารย์ นัก ศึก ษาทัน ตแพทย์แ ละผู ป้ ่ วย อัน ถือ เป็ น https://up.ac.th/th/NewsRead.aspx?itemID=15929&title=ข่าว
เป้ าหมายสู งสุ ดของทันตแพทยศาสตรศึกษา ประชาสัมพันธ์.
9. Chatiketu P, Patanaporn V, Wattanachai T. Dental students’
เอกสารอ้างอิง achievement and satisfaction of two learning methods in an
1. Chan KD, Humphreys L, Mey A, Holland C, Wu C, orthodontic case seminar, Faculty of Dentistry, Chiang Mai
Rogers GD. Beyond communication training: The University. CM Dent J 2015;36(2):131–43.
MaRIS model for developing medical students’ human 10. Education section, Student development section, Alumni
capabilities and personal resilience. Med Teach and community relation section. [homepage on the
2020;42(2):187–95. Internet]. Khon Kaen: Khon Kaen University; c [updated
2. Kelly C, Noonan CLF, Monagle JP. Preparedness for 2016; cited 2021 Jan 7] Contemplative pedogogy by
internship: a survey of new interns in a large Victorian Faculty of Dentistry: New age dentists’ mind and physical
Health Service. Aust Heal Rev 2011;35:146–51. growth for social skill development. Available from:
3. Barth RJ, Rowland-Morin PA, Mott LA, Burchard KW. https://home.kku.ac.th/dentist/news.php?id=53.
Communication effectiveness training improves surgical 11. Swendiman RA. Deep listening. Acad Med 2014;89(6):950.
resident teaching ability. J Am Coll Surg 1997;185(6): 12. Leowsrisook K. Comprehensive dental care. J Dent
516–9. Assoc Thai 1995;45(4):214–21.
4. ADEA House of Delegates. American dental education 13. Leowsrisook K. Comprehensive Dental Care Behavior
association competencies for the new general dentist. J Science Health Education and Ethics Context. 1st ed.
Dent Edu 2011;75(7):932–5. Bangkok Thailand: Emotion art; 2012.
5. ADEA House of Delegates [homepage on the Internet]. 14. Chanthorn R. Comprehensive dental care concept. KDJ
Washington DC: The Association; c 2013-2020 [updated 2008;11(1):23–33.
2008; cited 2021 Jan 7] Competencies for the new 15. Tuongratanaphan S, Kanchanakamol U. Comprehensive
general dentist. Available from https://www.adea. dental care concept. CM Dent J 2000;21(2):7-24.
org/about_adea/governance/Pages/Competencies-for- 16. Chuengpattanawadee A. Humanized dentistry. JDAT
the-New-General-Dentist.aspx. 2009;59(1):63-73.
6. Majeski RA, Stover M. Contemplative pedagogy in 17. Sweet J, Wilson J, Pugsley L. Chairside teaching and the
hybrid and asynchronous online undergraduate aging perceptions of dental teachers in the UK. Br Dent J
services/gerontology courses. Gerontol Geriatr Educ 2008;205(10):565–9.
2018;39(1):75-85. 18. Dennick R. Twelve tips for incorporating educational
theory into teaching practices. Med Teach 2012;34(8):
618–24.
107

19. Quick KK. A humanistic environment for dental 31. Moore R. Psychosocial student functioning in
schools: What are dental students experiencing? J Dent comprehensive dental clinic education: A qualitative
Educ 2014;78(12):1629-35. study. Eur J Dent Educ 2018;22(3):e479–87.
20. Ertmer PA, Newby TJ. Behaviorism, cognitivism, 32. Wongnavee, K, Buranachad, N. Essence of comprehensive
constructivism: Comparing critical features from an dentistry scrutinized from dental care experience of
instructional design perspective. Perform Improv Q advanced general dentists. M Dent J 2020;40(3):289-98.
2013;26(2):43–71. 33. Hein G, Singer T. I feel how you feel but not always: The
21. Chambers D. Toward a competency-based curriculum. J empathic brain and its modulation. Opin Neurobiol
Dent Educ 1993;57(11):790-3. 2008;18(2):153–8.
22. Cook DA, Durning SJ, Sherbino J, Gruppen LD. 34. Hojat M, Gonnella JS, Nasca TJ, Mangione S, Vergare
Management reasoning. Acad Med 2019;94(9):1310-6. M, Magee M. Physician empathy: Definition,
23. Jordan A, Carlile O, Stack A. Approaches to Learning: components, measurement, and relationship to gender
A Guide for Educators. Glasgow, England: Open and specialty. Am J Psychiatry 2002;159(9):1563-9.
University Press; 2008. 35. Hojat M, Gonnella JS, Mangione S, Nasca TJ, Magee M.
24. Martimianakis M, Tilburt J, Michalec B, Hafferty F. Myths
Physician empathy in medical education and practice:
and social structure: The unbearable necessity of mythology
Experience with the Jefferson scale of physician empathy.
in medical education. Med Educ 2019; 54(1):15–21.
Semin Integr Med 2003;1(1):25–41.
25. Chiddee K, Uthaithum N. Contemplative Education
36. The Royal Institute[homepage on the Internet]. Bangkok:
Activities : Personality development strategies for student
Office of the Royal Society;. c 2020 [updated 2020; cited
nurses. Princess Naradhiwas Univ J 2013;5(2):106–17.
26. Srisuwan S. Contemplative education for humanized 2021 Jan 7] Thai Dictionary of the Royal Institute 2011.
media journalist. In: Bunkarn C, editor. Active Learning: Available from: http:// https://dictionary.orst.go.th/.
Key to Thailand 4.0. Academic meeting: 2018 Mar 26-27; 37. Bohm DJ. On dialogue. 2nd Ed. Nichol L, editor. New
Nakonsrithammarat, Thailand: Walailuck University York, US.: Taylor and Francis e-Library; 2003.
website; 2018:197-203. 38. Jagosh J, Boudreau JD, Steinert Y, MacDonald ME,
27. Karagiorgi Y, Symeou L. International forum of educational Ingram L. The importance of physician listening from
technology & society translating Constructivism into the patients’ perspective: Enhancing diagnosis, healing,
Instructional design: Potential and limitations. Source J and the doctor-patient relationship. Patient Educ Couns
Educ Technol Soc 2005;8(1):17-27. doi:10.2307/ 2011;85(3):369-74.
jeductechsoci.8.1.17 39. Otto Scharmer C. Theory U: Leading from the Future as
28. Alvarez S, Schultz JH. A communication-focused It Emerges. 2 ed. San Francisco, United States: Berrett-
curriculum for dental students - An experiential training Koehler Publishers; 2016.
approach. BMC Med Educ 2018;18(1):1–6. 40. Sathirakoses-Nagapradipa Foundation [homepage on the
29. Kisfalvi V, Oliver D. Creating and maintaining a safe Internet]. Bangkok: The foundation;. c 2020 [updated 2020;
space in experiential learning. J Manag Educ 2015; cited 2021 Nov 7] Solve life wicked problems for inner
39(6):713–40. freedom. Available from: https://www.healthymediahub.
30. Poljun T, Buranachad N, Wongtanet J. [account on the
com/media/detail/เยียวยาปมชีวติ -เพื่ออิสรภาพภายใน
Internet]. Nakonpathom: Mahidol University; c 2021
41. Fassaert T, Van Dulmen S, Schellevis F, Bensing J.
[updated 2021; cited 2021 Jan 7] Well aware101: Class for
change. Available from: https://www.facebook.com/ Active listening in medical consultations: Development
2482835288425469/posts/ 2505000706208927/. of the active listening observation scale (ALOS-global).
Patient Educ Couns 2007;68(3):258-64.
108

42. Preece, JJ. Empathic communities:Reaching out across ผู้รับผิดชอบบทควำม


the web: Interaction[serial on the Internet]. 1998 Mar-
สมชัย มโนพัฒนกุล
Apr [cited 2021 Jan 7];5(2):32-43. Available from
ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขัน้ สูง
http://people.dsv.su.se/~torgny/pdf/Preece.pdf.
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิ ดล
43. Palmer PJ. The Courage to Teach: Exploring the inner
ราชเทวี กรุ งเทพฯ 10400
landscape of a teacher’s life, 10th Anniversary ed: San
โทรศัพท์ 02 200 7853-4
Francisco, CA: Jossey-Bass;2007.
โทรสาร 02 200 7852
44. Baron-Cohen S. Zero Degrees of Empathy: A new
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ : msomchai@rocketmail.com
theory of human cruelty. Allen Lane Publishing; 2011.
45. Onsri P. Contemplative education: Education for human
development in 21st century. J R Thai Army Nurses
2014;15(1):7–11.
109

Comprehensive Dental Care: Definition and


Teaching Tips
Buranachad N* Supa-amonkul S** Champirat T* Manopatanakul S*

Abstract
The aim of this literatures review is to assemble the mainstream educational theories and contemplative pedagogy to explain the
concept of comprehensive dental care. Technique to develop comprehensive mind in dental students was also included. Humanistic coaching
with heuristic approach or simply “teaching with compassionate communication” is the key to this success. The first move to this path is “deep
listening”. With this easy step, teachers are all invited to become a dental educational developer or ingenuous dental educational coach or
facilitator. To patronize dental students and patients, policy makers are key persons to transform this little step into a great leap of Thai dental
education.
Keywords: Comprehensive Dental Care/ Mainstreaming Education/ Contemplative Pedagogy/ Communication/ Empathy/ Compassion

Corresponding Author
Somchai Manopatanakul,
Department of Advanced General Dentistry,
Faculty of Dentistry, Mahidol University,
Ratchathewi, Bangkok, 10400.
Tel.: +66 2 200 7853-4
Fax.: +66 2 200 7852
Email: msomchai@rocketmail.com

* Department of Advanced General Dentistry, Faculty of Dentistry, Mahidol University, Ratchathewi, Bangkok.
** Mahidol International Dental School (MIDS), Faculty of Dentistry, Mahidol University, Ratchathewi, Bangkok.

You might also like