Professional Documents
Culture Documents
การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่อง
เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร
สำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1
Development of multimedia to enhance science learning
on How to learn science
th
for 7 grade students
บทคัดย่อ
งานวิจัยนีม
้ ีวัตถุเพื่อ 1) สร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 2) เพื่อสร้างแผนการจัดการเรียน
รู้วิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียและประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ 3)
์ างการเรียนวิทยาศาสตร์ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนที่
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิท
ได้รับการเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
สื่อมัลติมีเดีย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยเป็ นนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 จำนวน
1 ห้อง (n=28) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) สื่อมัลติมีเดีย 2) แผนการจัดการ
์ างการเรียน 4) แบบตรวจสอบความ
เรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท
สอดคล้องระหว่างจุดประสงค์การเรียนรู้กับข้อคำถามของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ ์
ทางการเรียน 5) แบบประเมินคุณภาพสื่อมัลติมีเดีย 6) แบบประเมินคุณภาพ
แผนการจัดการเรียนรู้ 7) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อ
มัลติมีเดีย การวิจัยนีใ้ ช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวที่มีการทดสอบ
ก่อนเรียนและหลังเรียน ผลการวิจัย พบว่า 1) คุณภาพของสื่อมัลติมีเดียอยู่ในระดับ
2
Abstract
The objectives of this research were to 1) develop multimedia to
th
enhance science learning on How to learn science for 7 grade
students and assess the quality by experts, 2) develop lesson plans
and assess the quality by experts, 3) compare the students’ learning
achievement before and after learning by using multimedia, and 4)
study the students’ satisfaction toward learning. The sample group
th
was one classroom of 7 grade students (N=28). The research tools
consisted of 1) the multimedia on How to learn science, 2) the lesson
plans, 3) the learning achievement test, 4) the item-objective
consistency assessment form, 5) the multimedia quality assessment
form, 6) the lesson plan quality assessment form, and 7) the students’
satisfaction questionnaire toward the learning using multimedia. The
research design of one group pretest-posttest design was used in this
study. The statistics used for analyzing data were mean ( x ), standard
deviation (S.D.), percentage, and t-test for dependent sample. The
results showed that 1) the quality of the multimedia was at very good
level ( x = 4.65, S.D. = 0.48), 2) the quality of the lesson plans was at
very good level ( x = 4.71, S.D. = 0.46), 3) the mean scores of students’
learning achievement of posttest were higher than of pretest at the
statistically significant .05 level, improvement 23.35%, Effectiveness
3
Index .46, and 4) the students’ satisfaction toward the learning using
multimedia was at very good level.
Keywords: Learning media, Science learning, Learning achievement
Email address : numphon@g.swu.ac.th
ใช้ในชีวิตประจำวันหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่นำไปสู่
การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์หรือสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต
โดยการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมาก
ที่สุด เพื่อให้ได้ทัง้ กระบวนการและความรู้จากการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การ
ทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็ นหลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ (กระทรวง
ศึกษาธิการ, 2564) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการ
ศึกษาขัน
้ พื้นฐานพุทธศักราช 2551 ระบุให้หน่วยที่ 1 วิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 เป็ นเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร เนื่องจาก
วิทยาศาสตร์เป็ นทัง้ ความรู้และกระบวนการให้ได้มาซึ่งความรู้ ดังนัน
้ ผู้เรียนจึง
จำเป็ นต้องเรียนรู้ถึงความสำคัญและความหมายของวิทยาศาสตร์ กระบวนการ
ทำงานของนักวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทำงานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อมุ่ง
เน้นให้ผู้เรียนตระหนักถึงคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ทำความ
เข้าใจกระบวนการและทักษะที่ใช้ในการสร้างองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ รวมถึงเสริม
สร้างให้ผู้เรียนสามารถเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เข้าใจได้มากยิ่งขึน
้ (กระทรวง
ศึกษาธิการ, 2564) ดังนัน
้ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะสร้างสื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้
วิทยาศาสตร์อย่างไร เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความสำคัญ ความหมายของวิทยาศาสตร์
ทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึน
้
จากการศึกษางานวิจัยของ ศิรธันย์ เกียรติโสภณรักษา (2556, น. 634) พบ
ว่า การเรียนด้วยสื่อมัลติมีเดียมีการเพิ่มเติมรูปภาพและเสียงแอนนิเมชั่น มาช่วยใน
การนำเสนอ สามารถกระตุ้นและเร้าความสนใจของผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถ
รับรู้ได้ดีมากยิ่งขึน ์ างการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อน
้ จึงทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิท
เรียน อีกทัง้ จากการศึกษาของ สุภัค โอฬารพิริยกุล (2562, น. 106-109) พบว่า
การสร้างชุดการเรียนรู้ด้วยสื่อมัลติมีเดีย เป็ นสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายและน่า
สนใจ มีภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง อักษร คำอธิบายที่ชัดเจน ส่งผลให้นักเรียนเกิด
ความสนใจ มีความสุข สนุกสนาน กระตุ้นให้นักเรียนตัง้ ใจ ฝึ กฝน และพัฒนาทักษะ
์ างการเรียนหลังเรียนสูง
ในการเรียนและทำกิจกรรม จึงทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิท
กว่าก่อนเรียนและพบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดการเรียนรู้ส่ อ
ื มัลติมีเดียใน
6
วัตถุประสงค์การวิจัย
7
1. เพื่อสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องเรียนรู้
วิทยาศาสตร์อย่างไรสำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 และประเมินคุณภาพโดยผู้
เชี่ยวชาญ
2. เพื่อสร้างแผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์
อย่างไรสำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 และประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ
์ างการเรียนวิทยาศาสตร์เรื่องเรียนรู้
3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท
วิทยาศาสตร์อย่างไรระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่
1 ที่ได้รับการเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้
วิทยาศาสตร์อย่างไร
นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย
การเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรสำหรับ
นักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 หมายถึง การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่ใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดียประกอบการเรียนการสอนโดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3 ขัน
้ ได้แก่
ขัน
้ นำเข้าสู่บทเรียน ขัน
้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และขัน
้ สรุปบทเรียน โดยใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดียที่ผู้วิจัยสร้างขึน
้ ในขัน
้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างสื่อ
มัลติมีเดียจำนวน 4 สื่อ ได้แก่ สื่อที่ 1 เรื่องความสำคัญของวิทยาศาสตร์ สื่อที่ 2
เรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน 8 ทักษะ สื่อที่ 3 เรื่องทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ บูรณาการ 6 ทักษะ และสื่อที่ 4 เรื่องวิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ โดยสื่อที่สร้างนำเสนอเป็ นสื่อวีดิทัศน์ที่มีตัวการ์ตูนและแอนิเมชัน
กราฟิ กภาพเคลื่อนไหว มีเสียงประกอบ และข้อความบรรยาย โดยสร้างสื่อด้วย
โปรแกรม Keynote , iMovie และ Final Cut Pro
์ างการเรียนวิทยาศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้
ผลสัมฤทธิท
เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรของนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่ได้รับการจัดการ
ื มัลติมีเดีย ซึ่งวัดจากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ ์
เรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึน
้ เป็ นแบบทดสอบ
ปรนัย แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ (20 คะแนน) ซึ่งวัดพฤติกรรมด้าน
8
วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
สื่อมัลติมีเดีย
สื่อมัลติมีเดีย คือ การนำสื่อประเภทต่าง ๆ เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
ข้อความ วีดิทัศน์ ภาพกราฟิ ก และเสียง มาใช้ร่วมกันให้เป็ นสื่อที่สามารถมี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้ โดยมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ร่วมด้วยในการผลิตหรือควบคุม
การทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการนำเสนอข้อมูล องค์ประกอบของมัลติมีเดียจะ
ต้องประกอบด้วยสื่อการรับรู้ในรูปแบบต่าง ๆ โดยประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี ้
(ณัฐกร สงคราม, 2554 น. 5-6) 1) ตัวอักษร (Text) 2) ภาพนิ่ง (still Image) 3)
เสียง (Sound) 4) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) 5) ปฏิสัมพันธ์ (Interactive) 6) วี
ดิทัศน์ (Video) สื่อมัลติมีเดียแบ่งออกเป็ น
2 ประเภท ดังนี ้ 1) สื่อมัลติมีเดียเพื่อการนำเสนอ เป็ นมัลติมีเดียที่มุ่งสร้างความตื่น
ตาตื่นใจ น่าสนใจและถ่ายทอดประสาทสัมผัสที่หลากหลายผ่านตัวอักษร ภาพและ
เสียง สื่อมัลติมีเดียลักษณะนีจ
้ ัดเป็ นการสื่อสารแบบทางเดียว 2) สื่อมัลติมีเดีย
ปฏิสัมพันธ์ (Interactive Multimedia) เป็ นรูปแบบที่เน้นให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบ
สื่อสารกับสื่อได้โดยตรงผ่านโปรแกรมมัลติมีเดียที่มีลักษณะของสื่อหลายมิติที่เนื้อหา
ภายในสามารถเชื่อมโยงถึงกัน มัลติมีเดียรูปแบบนีน
้ อกจากผู้ใช้จะสามารถดูข้อมูล
ได้หลากหลายลักษณะเช่นเดียวกับรูปแบบมัลติมีเดียเพื่อการนำเสนอแล้ว ผู้ใช้ยัง
สามารถสื่อสารโต้ตอบกับบทเรียนผ่านการคลิกเมาส์ แป้ นพิมพ์หรืออุปกรณ์อ่ น
ื ๆ
เพื่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ว่าผู้ใช้ต้องการอะไร มัลติมีเดียรูปแบบนีจ
้ ึงจัดเป็ นการ
สื่อสารแบบสองทาง สื่อมัลติมีเดียช่วยให้นักเรียนเข้าใจและจดจำเนื้อหาได้ดีขึน
้ มี
9
เนื้อหาครอบคลุมกับวัตถุประสงค์ เนื้อหามีความถูกต้องและยังมีการบูรณาการเข้า
กับชีวิตประจำวัน การใช้ตัวอักษรอ่านง่าย ภาพประกอบมีความความชัดเจน ภาษา
ที่ใช้ในการบรรยายมีความเหมาะสม เข้าใจได้ง่าย ระยะเวลาการนำเสนอในแต่ละ
คลิปวีดิโอสอนมีความเหมาะสม เน้นผู้เรียนเป็ นศูนย์กลาง สื่อมีความน่าสนใจ
เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ส่งผลให้นักเรียนเกิดความสนใจ มีความสุข สนุกสนาน
กระตุ้นให้นักเรียนตัง้ ใจ ฝึ กฝน และพัฒนาทักษะในการเรียนและทำกิจกรรม จึง
์ างการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและนักเรียนมีความ
ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิท
พึงพอใจต่อชุดการเรียนรู้ส่ อ
ื มัลติมีเดียในระดับมาก (Akbar Iskandar, 2018:1-7;
ธนายงค์ จำปาศรีและ ยาใจ พงษ์บริบูรณ์, 2564 น. 502-504; สุภัค โอฬารพิริยกุล,
2562 น. 106-109; ดวงสมร อ่องแสงคุณ, 2564 น. 15-26) ดังนัน
้ จึงสรุปได้ว่า สื่อ
มัลติมีเดียที่มีคุณภาพ ควรจะเป็ นสื่อที่มีความสร้างสรรค์และน่าสนใจ มีความทัน
สมัย เหมาะสำหรับวัยของผู้เรียน อีกทัง้ สามารถทำให้เนื้อหาที่มีความยากและซับ
้ โดยสื่อมัลติมีเดียที่มีคุณภาพจะส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ ์
ซ้อนให้เข้าง่ายมากยิ่งขึน
ทางการเรียนที่สูงขึน
้ กว่าก่อนเรียน
สื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรทัง้ 4 สื่อ มีเนื้อหาเหมาะสม
สำหรับนักเรียนระดับชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1
โดยรูปแบบการนำเสนอภายในสื่อมัลติมีเดียเป็ นการจำลองสถานการณ์ที่เกิดขึน
้ จริง
ภายในชีวิตประจำวันและเชื่อมโยงกับความสำคัญของวิทยาศาสตร์ และมีการนำ
สถานการณ์การทดลองและโครงงานวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงกับทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ทัง้ ขัน
้ พื้นฐานและขัน
้ บูรณาการ อีกทัง้ มีการจำลองสถานการณ์
ปั ญหาที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน โดยให้ใช้วิธีการทางวิทยาศาตร์มาแก้ไข้ปัญหา
สื่อมัลติมีเดียที่สร้างขึน
้ มีการลำดับเนื้อหาที่เหมาะสมกับวัยของนักเรียนเป็ นไปอย่าง
ต่อเนื่อง มีเนื้อหาเพียงพอที่จะเสริมสร้างความเข้าใจได้ เนื้อหามีความสอดคล้องกับ
จุดประสงค์การเรียนรู้และถูกต้องตามหลักวิชาการ มีการออกแบบและสร้างสื่อ
มัลติมีเดียที่มีรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย เช่น ข้อความ ภาพกราฟิ ก ภาพ
เคลื่อนไหว และเสียงประกอบ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียนระหว่างรับชมสื่อ
มัลติมีเดีย ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและสื่อความหมายได้ชัดเจน นอกจากนีย
้ ังมีคำถาม
10
กรอบแนวคิดในการวิจัย
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
(Independent (Dependent Variable)
Variable) ์ างการเรียนวิทยาศาสตร์เรื่อง
1. ผลสัมฤทธิท
การเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร
วิธีดำเนินการวิจัย
รูปแบบการวิจัย การวิจัยนีเ้ ป็ นการวิจัยเชิงทดลองแบบมีกลุ่มทดลองกลุ่ม
เดียวที่มีการสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One group pretest-posttest)
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างทีใ่ ช้ในการวิจัย
ประชากรที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่
กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2
ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร จังหวัด ชลบุรี จำนวน
9 ห้องเรียน มีนักเรียน 316 คน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ได้แก่ นักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี
ที่ 1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2
12
ขัน
้ ตอนที่ 2 การออกแบบและสร้างสื่อมัลติมเี ดีย แผนการจัดการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรและ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
การออกแบบและสร้างสื่อมัลติมีเดียจำนวน 4 สื่อ มีสาระสำคัญดังนี ้
1) สื่อมัลติมีเดียที่ 1 เรื่องความสำคัญของวิทยาศาสตร์ มีการนำเสนอเป็ นก
ราฟิ กภาพเคลื่อนไหว มีเสียงประกอบ และข้อความบรรยายความรู้ โดยจะนำเสนอ
ข้อมูลความรู้เรื่องความหมายและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ผ่านเรื่องราวของตัว
ละคร 3 คนที่สนทนากันเรื่องปรากฏการณ์สุริยุปราคา ความหมายของวิทยาศาสตร์
และยกตัวอย่างการนำวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่ออธิบายความสำคัญ
ของวิทยาศาสตร์ (ความยาวของสื่อ 5.06 นาที)
2) สื่อมัลติมีเดียที่ 2 เรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน 8
ทักษะ มีรูปการนำเสนอเป็ นกราฟฟิ กภาพเคลื่อนไหวและมีการสาธิตตัวอย่าง มีเสียง
ประกอบและข้อความบรรยายความรู้ โดยจะนำเสนอข้อมูลความรู้เรื่องทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 8 ทักษะ ได้แก่ การสังเกต, การวัด, การจำแนก
14
ภาพที่ 1 ตัวอย่างภาพในสื่อมัลติมีเดียที่ 1
ภาพที่ 2 ตัวอย่างภาพในสื่อมัลติมีเดียที่ 2
ภาพที่ 3 ตัวอย่างภาพในสื่อมัลติมีเดียที่
3
ภาพที่ 4 ตัวอย่างภาพในสื่อมัลติมีเดีย
ที่ 4
2. ออกแบบและสร้างแผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย
โดยกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ กำหนดขอบเขตเนื้อหาสาระในแต่ละแผน
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ กำหนดสื่อมัลติมีเดียที่ใช้ กำหนดวิธีการวัดผลและ
ประเมินผล และออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 2 แผน ได้แก่ แผนการ
จัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องความสำคัญของวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน 8 ทักษะ (1 คาบ คาบเรียนละ 50 นาที) และแผนการ
จัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ บูรณาการ 6 ทักษะ
17
ขัน
้ ตอนที่ 3 การประเมินคุณภาพเครื่องมือทีใ่ ช้ในการวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญ
นำสื่อมัลติมีเดีย แผนการจัดการเรียนรู้ และเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเสนอแก่
ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญมีจำนวน 5 ท่าน แบ่งเป็ นผู้
เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา 2 ท่าน ด้านเทคโนโลยีการศึกษา 2 ท่าน และด้านการวัดและ
ประเมินผล 1 ท่าน แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ผล พบว่า ผลการประเมินคุณภาพ
สื่อในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.67 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.48 แสดงว่า
สื่อมัลติมีเดียมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการ
เรียนรู้ในภาพรวมทัง้ 2 แผน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ
0.46 แผนการจัดการเรียนรู้มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ผลการตรวจสอบความ
สอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมของแบบทดสอบที่สร้างขึน
้
19
ขัน
้ ตอนที่ 4 การนำสื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรสำหรับนักเรียน
ชัน
้ มัธยมศึกษาที่ 1 และเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
ทดลองใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียและแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างกับนักเรียนชัน
้
มัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร จังหวัดชลบุรี จำนวน 1 ห้องเรียน
มีนักเรียน 28 คน ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองที่มีกลุ่มทดลอง 1 กลุ่ม ทดสอบก่อน
เรียนและหลังเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนทาง Google form ที่มี
จำนวน 20 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที ซึ่งทำการ
ทดสอบก่อนเรียนล่วงหน้าก่อนนำสื่อไป
ทดลองใช้ 1 สัปดาห์ จากนัน
้ ทดลองใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดียกับนักเรียนโดยจัดการเรียนการ
สอนในรูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม
Google meet เนื่องจากสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา หรือโรค
โควิด-19 จึงทำให้ทางโรงเรียนกำหนดให้นักเรียนเรียนออนไลน์ ดังนัน
้ ผู้วิจัยจึงได้
ดำเนินการสอนแบบออนไลน์ด้วยโปรแกรม Google meet โดยสอนตามแผนการ
จัดการเรียนรู้ที่สร้างไว้ทัง้ 2 แผน จำนวน 2 คาบเรียน เป็ นเวลา 100 นาที ในการ
จัดการเรียนรู้ ครูใช้คำถามในขัน
้ นำเข้าสู่บทเรียน ให้นักเรียนชมสื่อมัลติมีเดียในขัน
้
การจัดกิจกรรม หลังจากชมสื่อมัลติมีเดียแล้วผู้วิจัยใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียน
อภิปราย ตอบคำถาม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจในเนื้อหา และทำการทดสอบหลัง
เรียนโดยใช้แบบทดสอบชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียนโดยนักเรียนทำแบบ
20
ภาพที่ 5 ผู้เรียนชมสื่อมัลติมีเดียและตอบคำถาม
ขัน
้ ตอนที่ 5 การวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล
นำข้อมูลที่เก็บรวมรวมจากการทดลองใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียและแผนการจัดการ
เรียนรู้กับนักเรียนชัน ์ างการเรียน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 6 มาวิเคราะห์คะแนนผลสัมฤทธิท
โดยนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบทัง้ ก่อนเรียนและหลังเรียน มาคำนวณหา
ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาค่าร้อยละ และวิเคราะห์เปรียบเทียบความ
แตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติ t-test for dependent
sample วิเคราะห์ค่าร้อยละความก้าวหน้า และดัชนีประสิทธิผล และวิเคราะห์
ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย โดยนำข้อมูลมาคำนวณหาค่าเฉลี่ย
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากนัน
้ นำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ดังนี ้
4.50-5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3.50–4.49 หมายถึง มี
ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 2.50–3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ
ปานกลาง 1.50–2.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย และ 1.00 –1.49
หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด (อโรชา ทองลาวและคณะ, 2564, น.
617-632)
ผลการวิจย
ั
1. ผลการประเมินคุณภาพสื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร
21
ตารางที่ 1 ผลการประเมินคุณภาพสื่อมัลติมีเดีย
ผลการ
สื่อมัลติมีเดีย X S.D.
ประเมิน
สื่อมัลติมีเดียที่ 1 เรื่องความสำคัญของ 0.5
4.61 มากที่สุด
วิทยาศาสตร์ 1
สื่อมัลติมีเดียที่ 2 เรื่องทักษะกระบวนการทาง 0.4
4.62 มากที่สุด
วิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน 8
สื่อมัลติมีเดียที่ 3 เรื่องทักษะกระบวนการทาง 0.4
4.69 มากที่สุด
วิทยาศาสตร์ขัน
้ บูรณาการ 6
0.4
สื่อมัลติมีเดียที่ 4 เรื่องวิธีการทางวิทยาศาสตร์ 4.68 มากที่สุด
5
0.4
ค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.65 มากที่สุด
8
2. ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย
ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ แสดงดังตาราง
ที่ 2
22
ตารางที่ 2 ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดีย
X
แผนการจัดการเรียนรู้ S.D. ผลการ
ประเมิน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องความ 4.71 0.46 มากที่สุด
สำคัญของวิทยาศาสตร์และทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่องทักษะ 4.71 0.46 มากที่สุด
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ บูรณา
การ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ค่าเฉลี่ยโดยรวม 4.71 0.46 มากที่สุด
์ างการเรียนวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการ
3. ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิท
เรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย
นำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนมาวิเคราะห์
เปรียบเทียบได้ผลดังตารางที่ 3
์ างการเรียน
ตารางที่ 3 ผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิท
จำน ร้อยละ
การ วน คะแนน ค่า ความ
S.D. % t Sig.
ทดสอบ นักเรี เต็ม เฉลี่ย ก้าวหน้า
ยน
23
์ างการเรียน
ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของคะแนนผลสัมฤทธิท
ก่อนเรียนและหลังเรียน
จำนวน คะแนนเต็ม ร้อยละของ ร้อยละของ ค่าดัชนี
นักเรียน ผลรวม ผลรวม ประสิทธิผล
คะแนนก่อน คะแนนหลัง
เรียน เรียน
28 20 48.95 72.30 .46
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีส่ อ
ื มัลติมีเดีย
นำแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย มาวิเคราะห์
ข้อมูลได้ผลดังตารางที่ 5
24
ตารางที่ 5 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย
การอภิปรายผล
1. ผลการประเมินคุณภาพของสื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร
สำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 โดยผู้เชี่ยวชาญ มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด
( x = 4.65, S.D. = 0.48) สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้ เนื่องจากผู้วิจัยได้
ทำการการศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และศึกษาวิธี
การออกแบบการสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้เรียน ซึ่งได้
กำหนดเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และถูกต้องตามหลัก
วิชาการ มีการออกแบบและสร้างสื่อมัลติมีเดียที่มีรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย
เช่น ข้อความ ภาพกราฟิ ก ภาพเคลื่อนไหว และเสียงประกอบ ออกแบบและสร้าง
25
2. ผลการประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์
อย่างไร สำหรับนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่ามีคุณภาพอยู่ใน
ระดับมากที่สุด ( x = 4.71, S.D. = 0.46) สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการ
สอนได้ เนื่องจากในแผนการจัดการเรียนรู้นไี ้ ด้มีการกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ไว้
ครอบคลุมทัง้ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ และด้าน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พื้นฐานพุทธศักราช 2551 เนื้อหาในแผนการ
จัดการเรียนรู้มีสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และมีความยากง่ายเหมาะสมกับ
ระดับชัน
้ ของผู้เรียน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีลำดับขัน
้ ตอนและระยะเวลาที่
หมาะสมกัน สื่อมัลติมีเดียที่ผู้วิจัยสร้างขึน
้ และนำไปใช้ในแผนการจัดการเรียนรู้มีรูป
แบบการนำเสนอที่น่าสนใจ มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมกับเนื้อหา รวม
ถึงในการวัดและประเมินผลยังมีความเหมาะสมกับระดับชัน
้ ของผู้เรียนและมีการ
ระบุเครื่องมือสำหรับการวัดผลประเมินผลไว้อย่างชัดเจน นอกจากนีใ้ นแผนการ
จัดการเรียนรู้ยังมีการตัง้ คำถามให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์เพื่อค้นหาคำตอบ เช่น ในขัน
้
นำเข้าสู่บทเรียนครูใช้คำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ว่านักเรียนคิดว่าเรา
สามารถเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้อย่างไร มีการยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่อให้นักเรียน
ร่วมกันวิเคราะห์ว่าจากสถานการณ์ขา้ งต้นต้องใช้ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์อะไรบ้าง ซึ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองและเข้าใจ
เนื้อหาได้ดี สามารถโต้ตอบมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและผู้สอนจากการร่วมกันแลก
เปลี่ยนเรียนรู้กันได้ รวมถึงยังมีการให้ยกตัวอย่างสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ส่ง
เสริมให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง ตามที่ของอารีรักษ์ มีแจ้ง และ
วรรณประภา สุขสวัสดิ ์ (2564, น. 1-12) และนวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์ (2560, น.
111-127) ได้อธิบายว่า ในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ จะต้องเรียงลำดับอย่าง
เหมาะสม มีความละเอียด ถูกต้อง และมีความชัดเจน การกำหนดวัตถุประสงค์การ
เรียนรู้ต้องครอบคลุมพฤติกรรมการเรียนรู้ทงั ้ 3 ด้าน กิจกรรมการเรียนการสอนต้อง
มีวิธีสอนที่เหมาะสมกับธรรมชาติของการเรียนรู้ของผู้เรียน และมีรายละเอียดที่
ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทครู ผู้เรียน การใช้ส่ อ
ื และการใช้เครื่องมือวัดประเมินผล ใน
27
การวัดและประเมินผลต้องมีการตรวจสอบให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ของบทเรียน และมีการระบุเครื่องมือที่ใช้ให้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้บทเรียนที่สอนมี
ความหมายต่อผู้เรียน สามารถสร้างแรงจูงใจและความสนใจให้แก่ผู้เรียน ทำให้ผู้
เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของบทเรียนและชีใ้ ห้เห็นถึงประสิทธิภาพของการเรียนการ
สอนได้
์ างการเรียนวิทยาศาสตร์เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรของ
3. ผลสัมฤทธิท
นักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่ได้รับการเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียหลังเรียนสูงกว่า
ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 9.79
คะแนน และหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 14.46 คะแนน ทัง้ นีอ
้ าจเนื่องมาจากการเรียนรู้
เรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรของนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 โดยใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดียเป็ นการจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ผ่านการ
ใช้ประสาทสัมผัสด้านการมอง การฟั งด้วยตนเอง การนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้ในการ
จัดการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึน
้ เนื่องจากภายในสื่อ
มัลติมีเดียมีการลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยาก มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและครบถ้วน มี
การเชื่อมโยงสู่ชีวิตประจำวัน เช่น สื่อมัลติมีเดียที่ 2 และ 3 มีการยกตัวอย่าง
สถานการณ์การทดลองและการทำโครงงานที่ต้องอาศัยทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่ง
ขึน
้ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงยังสามารถนำ
ทักษะและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ การ
เรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียส่งผลให้ผู้เรียนจดจำและเข้าใจเนื้อหาได้ดี เกิดการเรียนรู้
ได้ดีมากยิ่งขึน ์ างการเรียน
้ สามารถทบทวนความรู้ได้ด้วยตนเอง จึงทำให้ผลสัมฤทธิท
หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ตามที่ชัชชนันท์ ตระกูลอยู่สบาย (2558, น. 9) อธิบายว่า
สื่อมัลติมีเดียสามารถนำเสนอเนื้อหาได้ลึกซึง้ กว่าการบรรยายแบบปกติ มัลติมีเดีย
เพื่อการเรียนรู้ก่อให้เกิดประโยชน์ดังนี ้ 1) สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้และดึงดูด
ความสนใจของกลุ่มเป้ าหมายโดยการใช้เทคนิคการนำเสนอที่หลากหลาย สวยงาม
ช่วยให้เกิดความคงทนในการจดจำเพราะรับรู้ได้จากหลายช่องทางทัง้ ภาพและเสียง
2) ช่วยให้เกิดการเรียนรู้และสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดี อธิบายสิ่งที่ซับซ้อนให้ง่ายขึน
้
เป็ นรูปธรรม สามารถทบทวนบทเรียนซ้ำได้ตามความต้องการ อีกทัง้ ยังสอดคล้อง
28
กับ มณฑล อินแบน, อัคพงศ์ สุขมาตย์ และพรรณี สีกิจวัฒนะ (2561, น. 43) ได้
ศึกษาการพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดียที่อธิบายว่า การพัฒนาและออกแบบบทเรียน
มัลติมีเดีย มีการผสมผสานในส่วนของสื่อมัลติมีเดียเข้าด้วยกันประกอบด้วยข้อความ
ภาพ กราฟิ ก ภาพเคลื่อนไหวและเสียง รวมถึงหลักการออกแบบที่มีความทันสมัย
์ างการเรียนหลังเรียนสูงกว่า
เหมาะสมกับนักเรียน จึงส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิท
ก่อนเรียน
แต่อย่างไรก็ตามการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ พบปั ญหาที่เกิดขึน
้ เนื่องจาก
นักเรียนส่วนใหญ่จะปิ ดกล้อง จึงทำให้ผู้วิจัยซึ่งเป็ นผู้สอนไม่สามารถสังเกต
พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนได้ แต่ผู้วิจัยได้กระตุ้นนักเรียนให้คิด ให้มีส่วนร่วม
ในการตอบถามคำถาม และแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ส่งเสริมให้นักเรียนสนใจใน
การเรียนรู้มากขึน
้
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่มีต่อสื่อมัลติมีเดียเรื่อง
เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.69 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ
0.52 โดยสื่อมัลติมีเดียมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( x = 4.69, S.D. =
0.52) ทัง้ นีอ
้ าจเนื่องมาจาก สื่อมัลติมีเดียเรื่องเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไรทัง้ 4 สื่อ
ได้ออกแบบและสร้างตามหลักการสร้างสื่ออย่างเป็ นระบบ มีการจัดวางโครงร่าง
การดำเนินเรื่องโดยใช้สถานการณ์ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร ใช้ตัวการ์ตูนที่
ออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ใส่เสียงบรรยายประกอบ รวมทัง้ มีคำบรรยาย
ใต้ภาพในแต่ละฉากที่นำเสนอเนื้อหา มีการลำดับเนื้อหาและการใช้ภาษาที่เหมาะ
สมกับวัยของผู้เรียนเป็ นไปอย่างต่อเนื่อง มีเนื้อหาเพียงพอที่จะเสริมสร้างความ
เข้าใจของผู้เรียนได้ อีกทัง้ ขนาดและรูปแบบตัวอักษรชัดเจน โดยสื่อมัลติมีเดียที่
สร้างขึน
้ มีการเรียงลำดับเนื้อหาจากเรื่องที่ง่ายไปยาก และเป็ นเรื่องที่เกี่ยวข้องใน
ชีวิตประจำวันของนักเรียน จึงสร้างความสนใจในการเรียนรู้ของนักเรียน นักเรียนได้
เรียนรู้ความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน
้ พื้นฐาน
และขัน
้ บูรณาการ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยในสื่อมัลติมีเดียมีการอธิบาย ยก
ตัวอย่าง มีสถานการณ์การทำการทดลองต่าง และมีการใช้คำถามกระตุ้นความสนใจ
คำถามท้ายทายความคิด ในด้านสื่อมัลติมีเดียมีการการนำเสนอเนื้อหาที่เหมาะสม
กับวัยของผู้เรียนและเพียงพอที่จะเสริมสร้างความเข้าใจของผู้เรียนได้ มีการลำดับ
29
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำงานวิจัยไปใช้
ผู้สอนควรชีแ
้ จงให้ผู้เรียนเตรียมความพร้อมในด้านอุปกรณ์ และสัญญาณ
อินเตอร์เน็ต ให้พร้อมก่อนจัดการเรียนรู้ควรมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการใช้งานสื่อ
มัลติมีเดียให้แก่ผู้เรียน สนับสนุน ส่งเสริม และให้คำแนะนำแก่ผู้เรียน เมื่อผู้เรียน
เกิดข้อสงสัยหรือปั ญหาขึน
้ ระหว่างการรับชมสื่อมัลติมีเดีย และก่อนการจัดเรียนรู้ผู้
30
สอนควรกระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าเรียนพร้อมกัน เพื่ออธิบายวิธีการใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย และ
กฎระเบียบในการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนชีแ
้ จงการปฏิบัติตนของผู้เรียนในระหว่าง
การรับชมสื่อมัลติมีเดีย ผู้สอนควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สร้างความ
สนใจ ใช้คำถามควบคู่ไปกับการเรียนการสอนออนไลน์ และให้นักเรียนอภิปรายและ
แสดงความคิดเห็นในประเด็นคำถามต่างๆ หลังจากเรียนรู้ด้วยสื่อมัลติมีเดีย
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครัง้ ต่อไป
ควรมีการพัฒนาสื่อมัลติมีเดียให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับบทเรียนบนเครือ
ข่ายอินเตอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชันสำหรับการเรียนรู้ ควรมีการศึกษาทักษะการใช้
เทคโนโลยีของนักเรียนหลังจากการเรียนรู้โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดีย เพิ่มสถานการณ์
จำลองภายในสื่อมัลติมีเดียให้มีความหลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และ
สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึน
้ และควรพัฒนาทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนโดยให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรม
จริง ได้ทำการทดลอง และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ของนักเรียน โดยใช้การ
วัดผลและประเมินผลด้วยการทดสอบการปฏิบัติงาน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542.
สืบค้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2564.
จาก
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2542/A/074/1.PDF
กนกกาญจน์ ทองศฤงคลี, ขวัญหญิง ศรีประเสริฐภาพ และสุวิมล กฤชคฤหาสน์.
(2556). การพัฒนาชุดเครื่องมือการประเมิน
สื่อการเรียนการสอนสำหรับการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีการศึกษา. วารสาร
วิจัยราชภัฏพระนคร, 8(2), 1-10.
ชัชชนันต์ ตระกูลอยู่สบาย. (2558). การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง
ระบบนิเวศชายเลย อุทยานสิ่งแวดล้อม
นานาชาติสิริรธร (การศึกษาค้นคว้าอิสระ, มหาวิทยาลัยศิลปากร, บัณฑิต
วิทยาลัย). สืบค้นจาก http://ithesis-
31
ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/124
ณัฐกร สงคราม. (2554). การออกแบบและพัฒนามัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ (พิมพ์
ครัง้ ที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดวงสมร อ่องแสงคุณ. (2564). การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียตามแนวคิดวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี สังคมและสิ่งแวดล้อม บูรณาการ
สาระท้องถิ่น เรื่อง นาเกลือสมุทรสาคร เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิด
วิเคราะห์และจิตวิทยาศาสตร์ ของนักเรียน
้ ประถมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรียนวัดโสภณาราม(ปลั่งร่วมราษฎ์บำรุง) วารสาร
ชัน
คุรุสภาวิทยาจารย์ journal of teacher
professional development, 2(3), 15-26
์ างการ
ทัศนาวลัย อินทร์ยาและอรนุช ลิมตศิริ. (2564). การศึกษาผลสัมฤทธิท
เรียนและความพึงพอใจของนักเรียนชัน
้
มัธยมศึกษาปี ที่2 โรงเรียนหนองใหญ่ศิริวรวาทวิทยา ที่เรียนโดยใช้ส่ อ
ื
มัลติมีเดียในวิชาประวัติศาสตร์. Journal of Roi
Kaensarn Academi, 6(9), 85-98
ธณัชช์นรี สโรบล, นิตยา บุญลือ, สมพร สิทธิสงคราม และสุมิตรพร จอมจันทร์.
(2563). การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเรื่องการ
สื่อสารเพื่อการบำบัดทางการพยาบาลจิตเวช. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์,
7(12), 252-263.
ธนายงค์ จำปาศรี และยาใจ พงษ์บริบูรณ์. (2564). การพัฒนาทักษะและผล
์ างการเรียน เรื่องการใช้คอมพิวเตอร์
สัมฤทธิท
เบื้องต้นของนักเรียนชัน ื มัลติมีเดีย. วารสาร
้ ประถมศึกษาปี ที่ 2 โดยใช้ส่ อ
มจร อุบลปริทรรศน์, 6(1), 495-508.
ธราพงษ์ กรรขำ และทรงภพ ขุนมธุรส. (2563). การพัฒนาความสามารถการคิด
วิเคราะห์บทอาขยานสำหรับนักเรียนชัน
้
มัธยมศึกษาปี ที่ 3 โดยใช้ส่ อ
ื มัลติมีเดียร่วมกับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้.
วารสารครุพิบูล, 7(2), 207-219.
32