Professional Documents
Culture Documents
ลิขส
ิทธิ์ข
องก
รมท
างห
ลวง
เท่า
นั้น
@
@
ลิขส
ิทธิ์ข
องก
รมท
างห
ลวง
เท่า
นั้น
@
เล่มที่ 4 คู่มือการใช้อปุ กรณ์ควบคุมการจราจร
– บริเวณทางแยก
@
พิมพ์ครัง้ ที่ 1 (กันยายน 2554)
นั้น
โดย
เท่า
กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
ถนนศรีอยุธยา แขวงทุง่ พญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
ได้ใช้มาเป็ นระยะเวลานาน ให้มคี วามทันสมัยและเป็ นมาตรฐานเดียวกันทัวประเทศ ่
การควบคุมการจราจรให้เป็ นระเบียบ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อผูข้ บั ขีย่ วดยานพาหนะนัน้ จําเป็ นต้อง
นั้น
ออกแบบและติดตัง้ อุปกรณ์ควบคุมการจราจรประเภทต่างๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึง่ ประกอบไปด้วย ป้ายจราจร
(Traffic Signs) เครื่องหมายจราจรบนพืน้ ทาง (Pavement Markings) สัญญาณไฟจราจร (Traffic Signals) ตลอดจน
เท่า
อุปกรณ์ อ่ืนๆ ที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ ข้างต้น เช่น เครื่องหมายนํ าทาง (Delineators) และไฟฟ้าแสงสว่างบนทางหลวง
(Road Lightings) เป็ นต้น นอกจากนี้การเลือกใช้วสั ดุและชิ้นส่วนต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการผลิตและวิธกี ารติดตัง้
ลวง
จะต้อ งเป็ น ไปตามข้อ กํ า หนดและมาตรฐานที่ก รมทางหลวงได้ร ะบุ ไ ว้ เพื่อ ให้ไ ด้ผ ลิต ภัณ ฑ์ ง านทางที่ม ีคุ ณ ภาพ
มีความทนทานในการใช้งาน และประหยัดค่าใช้จา่ ยการซ่อมบํารุงในระยะยาว
ในการออกแบบทางแยกนัน้ จําเป็ นต้องมีการบริหารและจัดการ ทางร่วม ทางแยก การเข้า-ออก จากทางหลัก
างห
เนื่องจากมีการตัดกันของกระแสการจราจร และการไหลของกระแสจราจรที่มคี วามเร็วสูง อุปกรณ์ควบคุมการจราจร
มีบทบาทในการบริหารจัดการดังกล่าว เพื่อให้การจราจรบริเวณทางแยกสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างปลอดภัย สะดวก
รมท
รวดเร็ว ผู้ใ ช้ท างไม่เ กิด ความสับ สนในการเลือ กใช้เ ส้น ทาง เนื่ อ งจากอุ ป กรณ์ ค วบคุ ม การจราจรบริเ วณทางแยก
ซึ่งอาจต้องใช้อุป กรณ์ ควบคุมการจราจรหลายอย่างประกอบกัน ได้แ ก่ ป้า ยจราจร เครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง
สัญ ญาณไฟจราจร รวมถึง เครื่อ งหมายนํ า ทาง เพื่อ ให้ เ กิด ประสิท ธิภ าพสูง สุ ด และถู ก ต้ อ งตามหลัก วิศ วกรรม
องก
บทที่ 1 บทนํา 1
1.1 วัตถุประสงค์ของอุปกรณ์ควบคุมการจราจรบริเวณทางแยก 1
1.2 หลักการปฏิบตั โิ ดยทัวไป
่ 1
@
บทที่ 2 หลักการพืน้ ฐาน 2
นั้น
2.1 ทางแยกระดับเดียวกัน 2
2.1.1 ลําดับขัน้ ของการควบคุมทางแยก 3
เท่า
2.1.1.1 ระดับที่ 1 กฎเบือ้ งต้นของการใช้ถนน 3
2.1.1.2 ระดับที่ 2 การใช้ป้ายให้ทางหรือป้ายหยุด 5
ลวง
2.1.1.3 ระดับที่ 3 การใช้สญ ั ญาณไฟจราจร 5
2.2 ทางแยกต่างระดับ 7
างห
บทที่ 3 ป้ ายจราจรบริ เวณทางแยก 9
3.1 ป้ายจราจรบริเวณทางแยก 9
รมท
3.1.1 ป้ายบังคับ 9
3.1.1.1 ป้ายหยุด (บ.1) 9
3.1.1.2 ป้ายให้ทาง (บ.2) 10
องก
3.1.4 ป้ายชุด 15
3.1.4.1 ป้ายชุดระบุทศิ ทาง 15
3.1.4.2 ป้ายชุดบอกรายละเอียดทางแยก 16
@
3.1.5 ป้ายจราจรมาตรฐานสูง 16
3.1.5.1 หลักเกณฑ์การติดตัง้ ป้ายจราจรมาตรฐานสูงประเภทแขวนสูง
นั้น
17
3.1.5.2 รายละเอียดบนแผ่นป้าย 18
เท่า
3.1.5.3 ป้ายจราจรมาตรฐานสูงชุดทางแยก 19
3.2 การติดตัง้ ป้ายจราจรทัวไปและการติ
่ ดตัง้ ป้ายจราจรบริเวณทางแยก 25
ลวง
3.2.1 การติดตัง้ ป้ายจราจรทัวไป
่ 25
3.2.2 ความสูงของป้ายจราจร 25
3.2.3 ระยะติดตัง้ ตามแนวขวางของป้ายจราจร 25
างห
3.2.4 การติดตัง้ ป้ายจราจรบริเวณทางแยก 26
3.2.5 การติดตัง้ ป้ายชุดบริเวณทางแยก กรณีเป็ นทางแยกระดับเดียวกัน 27
รมท
4.2.2 เส้นแบ่งทิศทางจราจรห้ามแซง 34
4.2.3 เส้นแบ่งช่องเดินรถ หรือเส้นแบ่งช่องจราจร 34
4.2.4 เส้นห้ามเปลีย่ นช่องเดินรถ 34
@
4.2.5 เส้นหยุด 35
4.2.6 เส้นให้ทาง 36
4.2.7 เส้นทางข้าม 36
4.2.8 เส้นทแยงห้ามหยุดรถ 38
4.2.9 ปลอดภัยหรือเกาะสี 38
@
4.3.1 เส้นขอบทาง (พต. 1 และ พต.3) 50
นั้น
4.3.2 เส้นแนวช่องจราจรผ่านทางแยก 53
4.3.3 เส้นชะลอความเร็ว (พต.6) 54
เท่า
4.4 ตัวอย่างการตีเส้นจราจรบริเวณทางแยก 55
ลวง
บทที่ 5 สัญญาณไฟจราจรบริ เวณทางแยก 57
5.1 สัญญาณไฟจราจร 57
5.2 ตําแหน่งการติดตัง้ สัญญาณไฟจราจร 57
างห
5.3 การวางตําแหน่งโคมสัญญาณไฟจราจรและจํานวนโคมสัญญาณไฟขัน้ ตํ่า 59
5.4 ระยะการมองเห็นสัญญาณไฟ 60
รมท
5.5 ความสูงของโคมสัญญาณไฟ 60
6.1 หลักการทัวไป่ 63
6.2 การติดตัง้ อุปกรณ์ควบคุมการจราจรบริเวณสามแยก 64
ิทธิ์ข
บรรณานุกรม 79
@
@
เนื่องจากมีการตัดกันของกระแสการจราจร และการไหลของกระแสจราจรที่มคี วามเร็วสูง อุปกรณ์ควบคุมการจราจรมี
บทบาทในการบริห ารจัด การดังกล่า วเพื่อ ให้ก ารจราจรเป็ น ไปอย่า งมีป ระสิทธิภาพ ซึ่ง การติดตัง้ อุ ป กรณ์ ค วบคุ ม
นั้น
การจราจรบริเวณทางแยกมีวตั ถุประสงค์หลักดังนี้
เพือ่ ให้การจราจรบริเวณทางแยกสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างปลอดภัย สะดวก และรวดเร็ว
เท่า
เพื่อ แนะนํ า เส้น ทางแก่ ผู้ใ ช้ทาง ให้ไ ปยังจุดหมายปลายทาง โดยไม่เกิด ความสับ สนในการ
เลือกใช้เส้นทาง (กรณีป้ายจราจร)
เปลีย่ นแปลงไป
4) การติดตัง้ อุปกรณ์ควบคุมการจราจรจะต้องคํานึงถึงมาตรฐานของการออกแบบอุปกรณ์ควบคุมการจราจร
ิทธิ์ข
@
2. ทางแยกต่างระดับ (Interchange)
นั้น
2.1 ทางแยกระดับเดียวกัน (At-Grade Intersection)
บริเวณทางแยกระดับเดียวกัน (At-Grade Intersection) เช่น บริเวณจุดตัดของถนนขนาด 2 ช่องจราจร ของสองสาย
เท่า
ทาง จะมียวดยานเข้าสูท่ างแยกสีด่ า้ น (Approach) ซึง่ แต่ละด้านนัน้ จะมียวดยานสามทิศทาง (Movement) ได้แก่ เลีย้ วซ้าย
ตรง เลี้ยวขวา ซึ่งรวมแล้วหากเป็ นสีแ่ ยกจะมียวดยานเคลื่อนที่ทงั ้ หมด 12 ทิศทาง นอกจากนี้แล้วหากมีคนข้ามถนน
ลวง
ด้วยแล้ว จะเกิดการตัดกันของกระแสจราจรด้วยกันเองและกระแสจราจรกับคนข้ามถนน
จากรูปที่ 2-1 จะเห็นว่า สําหรับบริเวณสามแยกจะเกิดการขัดแย้งกันของกระแสจราจร (Conflict) เท่ากับ 9 จุด
างห
ซึง่ ประกอบไปด้วย 3 จุดตัด (Crossing) 3 จุดรวม (Merging) และ 3 จุดแยก (Diverging) รวมถึงจุดตัดกับคนเดินข้าม
อีก 12 จุด ส่วนบริเวณสีแ่ ยกนัน้ เกิดการตัดกันของกระแสจราจรทัง้ สิน้ 32 จุด และคนเดินข้ามอีก 24 จุด ดังนัน้ จึงเป็ น
หน้าที่สาํ คัญของวิศวกรจราจรที่จะต้องควบคุมและจัดการกับการขัดแย้งเหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
รมท
ของการเคลื่อนตัวของกระแสจราจรและคนเดินข้ามสูงสุด
องก
ิทธิ์ข
ถนน 2 ช่องจราจร
ลิขส
@
กฎเบือ้ งต้นของการใช้ถนน ใช้ในกรณีทไ่ี ม่มกี ารกําหนด Right-of-Way โดยใช้ป้ายให้ทาง หรือป้ายหยุด ซึง่
นั้น
หลักในการใช้ทางร่วมทางแยกมีดงั นี้ (กรมการขนส่งทางบก)
1) ถ้ามีรถอื่นอยูใ่ นทางร่วมทางแยก ผูข้ บั ขีต่ อ้ งให้รถทีอ่ ยูใ่ นทางร่วมทางแยกนัน้ ผ่านไปก่อน
เท่า
2) ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่มรี ถอยูใ่ นทางร่วมทางแยก ผูข้ บั ขีต่ อ้ งให้รถทีอ่ ยูท่ างด้าน
ซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทางเดินรถทางเอกตัดผ่านทางเดินรถทางโท
ลวง
ให้ผขู้ บั ขีใ่ นทางเอกมีสทิ ธิผา่ นไปก่อน
3) ถ้าสัญญาณไฟเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทางแยกมีรถหยุดขวางอยูจ่ นไม่สามารถผ่านไปได้
ผูข้ บั ขีต่ อ้ งหยุดรถทีห่ ลังเส้นให้หยุดรถจนกว่าจะสามารถเคลื่อนรถผ่านไปได้
างห
4) เมือ่ อยูใ่ นทางร่วมทางแยก ผูข้ บั ขีต่ อ้ งให้รถทางตรงทีว่ งิ่ สวนมาผ่านไปก่อนแล้วจึงเลีย้ วขวาได้
ในการจะใช้ก ฎของการขับ ขี่บนท้อ งถนนนัน้ ผู้ข บั ขี่จ ะต้อ งมองเห็น ซึ่งกัน และกัน และมีเ วลาเพีย งพอที่จ ะ
รมท
ตัด สิน ใจกระทํา อย่า งใดอย่ า งหนึ่ ง เพื่อ หลีก เลี่ย งอุ บ ัติเ หตุ โดยปกติบ ริเ วณทางแยกนัน้ ระยะการมองเห็น (Sight
Distance) จะถูกจํากัดด้วยอาคารหรือสิง่ กีดขวางอื่นๆ ทีอ่ ยูใ่ กล้หวั มุมตรงทางแยก จากรูปที่ 2-2 รถ A อยูห่ ่างจากจุดที่
องก
จะชนกับรถ B เป็ นระยะทาง และรถ B อยูห่ ่างจากจุดชนเป็ นระยะทาง ซึง่ จากรูป ความสัมพันธ์ของสามเหลีย่ ม
คล้าย จะได้
−
ิทธิ์ข
=
−
= (2-1)
ลิขส
โดยที่
= ระยะทางจากรถ A ถึงจุดชน (เมตร)
@
= ∗ + ( )
(2-2)
โดยที่
= ระยะหยุด (เมตร)
@
= ความเร็วรถ (เมตรต่อวินาที)
= ระยะเวลาตอบสนองต่อเหตุการณ์ (วินาที)
นั้น
g = ค่าแรงโน้มถ่วง (9.81 เมตรต่อวินาทีต่อวินาที)
f = ค่าสัมประสิทธิ ์ความเสียดทานระหว่างล้อรถกับถนน (โดยปกติคา่ f = 0.348)
เท่า
G = ค่าความชันของถนน (เช่น ความชัน 3 %, G = 0.03)
ลวง
จากสมการ 2-1 และ 2-2 สามารถตรวจสอบว่าทางแยกมีระยะหยุดปลอดภัยหรือไม่ ตามขัน้ ตอนดังนี้
างห
1) สมมุติ รถ A อยูท่ ต่ี าํ แหน่ง ระยะหยุดปลอดภัย จากจุดชน หรือ = S โดยระยะ S หาได้โดยใช้สมการ
2-2 โดยให้รถ A อยูบ่ นถนนสายรอง (Minor Street)
2) ใช้สมการ 2-1 คํานวณหาตําแหน่ง รถ B ( , ) ซึง่ จะเป็ นตําแหน่ งทีค่ นขับรถเห็นรถอีกคันหนึ่ง
รมท
@
นั้น
เท่า
รูปที่ 2-3 ป้ายหยุด (Stop Sign) และป้ายให้ทาง (Yield Sign)
ลวง
ในกรณีท่ที างแยกผ่านเกณฑ์ในการติดตัง้ สัญญาณไฟจราจร ตามคู่มอื และมาตรฐานสัญญาณไฟจราจร อาจ
พิจารณาติดตัง้ สัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยก ซึง่ ในการติดตัง้ สัญญาณไฟจราจรนัน้ มีทงั ้ ข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
างห
ข้อดีของการติดตัง้ สัญญาณไฟจราจร
1) ช่วยในการจัดลําดับการเคลื่อนทีข่ องการจราจร
รมท
ตัว แปรที่เ ป็ น ตัวจัด การสัญ ญาณไฟ ถูก ตรวจสอบและปรับปรุง โดยอาศัย พื้น ฐานทางด้า น
วิศวกรรมในการกําหนดนัยสําคัญของการไหลของการจราจร และ/หรือ การเปลีย่ นแปลงการใช้
พืน้ ที่ เพื่อให้เกิดความสามารถสูงสุดของสัญญาณไฟจราจรเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ิทธิ์ข
การจราจรในขณะนัน้ ได้
3) ช่วยลดความถีข่ องอุบตั เิ หตุ และความรุนแรงของอุบตั เิ หตุเมือ่ มีการชน
ลิขส
4) ช่วยให้มกี ารเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่องของการจราจรถ้ามีการประสานสัญญาณไฟจราจรของทางแยกต่างๆ
อย่างเหมาะสม
5) เป็ นการหยุดกระแสจราจรทีม่ ปี ริมาณมากเพือ่ ให้กระแสจราจรในทิศทางอื่น หรือคนเดินเท้าสามารถข้าม
ได้
@
@
4) เพิม่ จํานวนอุบตั เิ หตุ โดยเฉพาะชนท้าย (Rear-end Collisions)
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
@
ต่างระดับทีอ่ าศัยพืน้ ทีก่ ว้าง เนื่องจากมีทางเชื่อมขึน้ ลง โดยปกติจะก่อสร้างในพืน้ ทีน่ อกเขตเมือง
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
ติดตัง้ ป้ายประเภทอื่นในบริเวณทางแยก อาจก่อให้เกิดความสับสน จึงควรติดตัง้ เท่าที่จําเป็ นและได้พจิ ารณาแล้วว่า
นั้น
เหมาะสมและปลอดภัยเท่านัน้
เท่า
3.1.1 ป้ ายบังคับ
3.1.1.1 ป้ ายหยุด (บ.1)
ลวง
เนื่องจากการติดตัง้ ป้ายหยุดอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกต่อผูใ้ ช้รถ ดังนัน้
จึงควรใช้ป้ายนี้เฉพาะจําเป็ นและมีเหตุอนั ควร (Warrants) เท่านัน้
เหตุอนั ควร (Warrants) ในการพิจารณาเพือ่ ติดตัง้ ป้ายหยุด มีดงั นี้
างห
1) ทางแยกซี่งไม่ตดิ ตัง้ ป้ายหยุดที่ดา้ นหนึ่ง และให้การจราจรผ่านทางแยกตามสิทธิผ่านทางแยกก่อน มัก
ก่อให้เกิดอันตรายอยูเ่ สมอ
รมท
2) ถนนทีเ่ ข้าบรรจบกับทางหลวงสายหลัก
3) ทางแยกทีอ่ ยู่ในบริเวณพืน้ ทีม่ กี ารควบคุมการจราจรด้วยสัญญาณไฟ แต่ไม่ได้มกี ารติดตัง้ สัญญาณไฟที่
ทางแยกนัน้
องก
จุดตัดกับทางข้างหน้าซึง่ ไม่ใช่ทางหลวงพิเศษ
2) ห้ามติดตัง้ ป้ายหยุดตรงทางแยก ซึ่งควบคุมการจราจรโดยใช้ไฟสัญญาณ เพราะจะทําให้เกิดความสับสน
ต่อผูข้ บั รถ กรณีทห่ี ยุดใช้ไฟสัญญาณควบคุมการจราจรในบริเวณทางแยกก็ให้ใช้ไฟกะพริบสีเหลืองหรือสี
แดงแทน โดยให้ใช้ไฟกะพริบสีเหลืองทางด้านทีม่ ปี ริมาณจราจรสูงกว่า และให้ใช้ไฟกะพริบสีแดงด้านทาง
หลวงทีต่ อ้ งการให้ยวดยานหยุดทีท่ างแยกก่อนทีจ่ ะผ่านเลยทางแยกนัน้ ไป
@
4) โดยทัวไปให้
่ ตดิ ตัง้ ป้ายหยุดด้านซ้ายของทาง สําหรับทางแยกทีม่ รี ศั มีกว้าง (Wide Throat Intersection)
ป้ายหยุดที่ติดตัง้ ไว้แล้วทางด้านซ้ายอาจมองเห็นไม่ชดั เจน ควรใช้เส้นหยุดโดยมีคําว่า “หยุด” บนผิว
นั้น
จราจรช่วยและอาจติดตัง้ ป้ายหยุดเสริมด้านขวาของทางด้วยก็ได้
5) ตรงทางแยกซึง่ มีเกาะแบ่งช่องจราจร ให้ตดิ ตัง้ ป้ายหยุดบนเกาะแบ่งช่องจราจร (Chanalizing Islands)
เท่า
6) ควรระวังไม่ให้คนขับรถในทิศทางทีไ่ ม่ตอ้ งการให้หยุดมองเห็นป้ายหยุดได้ชดั เจน
7) ในกรณีทต่ี ําแหน่งของป้ายหยุดอาจมองเห็นไม่ชดั ในระยะทีร่ ถจะหยุดได้ทนั เนื่องจากถูกบดบัง หรือเป็ น
ลวง
ทางโค้ง ให้ตดิ ตัง้ ป้ายเตือน “หยุดข้างหน้า” ก่อนทีจ่ ะถึงป้ายหยุด
างห
3.1.1.2 ป้ ายให้ทาง (บ.2)
ป้ายให้ทางใช้ตดิ ตัง้ เช่นเดียวกับป้ายหยุด คือ แสดงความสําคัญของทาง
ข้างหน้า แตกต่างจากป้ายหยุดตรงทีร่ ถไม่ตอ้ งหยุดเมือ่ มาถึงทางแยก
รมท
@
เพียงป้ายเดียว
2) ระยะติดตัง้ ให้อยู่ก่อนถึงจุดเริม่ เลี้ยวโค้งทางแยกไม่น้อยกว่า 200 เมตร สําหรับทางในเมืองระยะ
ติดตัง้ อาจลดลง หรือไม่จาํ เป็ นต้องติดตัง้ เลย
นั้น
ป้ ายเตือนทางแยกรูปแบบต่างๆ
เท่า
ต.11 ต.12 ต.13 ลวง ต.14 ต.15
างห
รมท
@
กว่า 100 ม. และไม่มากกว่า 150 ม.
นั้น
3.1.2.4 ป้ ายเตือนให้ทางข้างหน้ า (ต.55)
ใช้ตดิ ตัง้ บนทางทีจ่ ะเข้าสูท่ างแยกทีต่ ดิ ตัง้ ป้ายบังคับให้ทาง (บ.2) หรือในกรณีทผ่ี ขู้ บั
เท่า
ขีไ่ ม่สามารถมองเห็นป้ายให้ทางในระยะทีเ่ พียงพอ เนื่องจากเป็ นโค้งราบ โค้งตัง้ หรือมีสงิ่ กีด
ขวางการมองเห็นอื่นๆ หรือในกรณีทร่ี ถมาด้วยความเร็วสูงก่อนเข้าสูท่ างแยก จนทําให้ผขู้ บั ขี่
ไม่สามารถหยุดรถตรงแนวทีจ่ ะให้รถหยุดเพือ่ ให้ทาง
ลวง
การติดตัง้ ให้ติดตัง้ ก่อนถึงป้ายเตือนทางแยกไม่น้อยกว่า 100 ม. และไม่มากกว่า
างห
150 ม. ยกเว้น กรณี ไ ม่ม ีการติดตัง้ ป้ ายเตือนทางแยก ให้ติดตัง้ ก่ อนถึงป้ายบอกจุด หมาย
ปลายทางไม่น้อยกว่า 100 ม. และไม่มากกว่า 150 ม.
รมท
โดยทัวไปให้
่ ตดิ ตัง้ ป้ายเตือนเครื่องหมายลูกศรคู่ สูง 2.0 เมตร วัดจากส่วนล่างสุดของป้ายถึง
ระดับผิวจราจร และให้มุมนอกสุดของป้ายอยู่ห่างจากขอบของสันขอบทางไม่น้อยกว่า 30
เซนติเ มตร เพื่อ ให้ย วดยานที่วิ่ง ตามหลัง คัน อื่น มองเห็น ป้ า ยได้ช ดั เจน และไม่ก่ อ ให้เ กิด
ลิขส
@
(ทางซ้าย ต.72) (ทางขวา ต.73)
นั้น
เท่า
ต.71 ต.72 ต.73
@
จําเป็ นต้องติดตัง้ เสมอไป
การติดตัง้ ให้ติดตัง้ ในตําแหน่ งที่ระยะทางลงตัวใน
นั้น
หลัก 100 เมตร หรือมีเศษ 50 เมตร โดยติดตัง้ ด้านล่างของ
ป้ายเตือนทางแยก
เท่า
ตส.12 ตส.13
โดยปกติ ป้ายเตือนเสริม ตส.8 และ ตส.9 จะใช้ควบคู่กบั ป้ายเตือนทางร่วมซ้าย (ต.46) และ ป้ายเตือนทาง
ลวง
ร่วมขวา (ต.47) ตามลําดับ ส่วนป้ายเตือนเสริม ตส.12 และ ตส.13 จะใช้ควบคูก่ บั ป้ายเตือนสัญญาณไฟ (ต.53)
3.1.3 ป้ ายแนะนํา
างห
3.1.3.1 สีป้ายแนะนํา
ลักษณะของสีพน้ื ป้าย สัญลักษณ์ ตัวอักษร และตัวเลข จะเปลี่ยนไปตามประเภทของทางหลวง ดังแสดงใน
รมท
ตารางที่ 3-1
ทางหลวง
นํ้าเงิน ขาว ขาว
พิ เศษระหว่างเมือง
ลิขส
ทางหลวง
เขียว ขาว ขาว
พิ เศษ
@
ทางหลวง
ขาว ดํา ดํา
แผ่นดิ น*
หมายเหตุ *ยกเว้นเป็ นป้ายทีแ่ นะนํ าเส้นทางเข้าสู่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ให้ใช้สเี ช่นเดียวกับทางหลวงพิเศษ
ระหว่างเมือง
@
3.1.3.3 ป้ ายบอกจุดหมายปลายทาง
นั้น
ป้ายบอกจุดหมายปลายทางมีวตั ถุประสงค์ในการบอก
ทิศทางของจุดหมายปลายทางโดยทัวไปให้ ่ ใช้เครื่องหมายลูกศร
เท่า
ชี้ข้นึ ตัง้ ฉากกับป้ายหรือขนานกับป้าย เพื่อใช้ระบุทศิ ทางของ
จุดหมายปลายทางทีอ่ ยูข่ า้ งหน้า หรือทางซ้าย หรือทางขวาของ
ลวง
สถานทีต่ ดิ ตัง้ ป้าย ในกรณีจําเป็ นอาจใช้เครื่องหมายลูกศรเอียง
ทํามุมกับป้ายเล็กน้อย เพือ่ ให้สอดคล้องกับทิศทางทีแ่ ท้จริงได้
การติดตัง้ ให้เรียงลําดับการติดตัง้ โดยให้ป้ายทีแ่ สดงจุดหมายปลายทางตรงไปอยูบ่ นสุด และตามด้วยด้านซ้าย
างห
และด้านขวา ตามลําดับ และเครื่องหมายลูกศรทีช่ ท้ี ศิ ทางตรงไป ให้อยู่ดา้ นขวาของป้าย เครื่องหมายลูกศรที่ชท้ี ศิ ทาง
ไปทางด้านซ้ายให้อยู่ทางด้านซ้ายของป้าย เครื่องหมายลูกศรที่ช้ที ศิ ทางไปทางด้านขวาให้อยู่ทางด้านขวาของป้าย
รมท
ยกเว้น เมื่อป้ ายที่ มีลูกศรตรงติ ดตัง้ คู่กบั ป้ ายที่ มีลูกศรที่ ชี้ไปทางขวาเท่ านัน้ ให้เครื่องหมายลูกศรตรงไป อยู่
ทางด้านซ้ายของป้ าย
องก
3.1.3.4 ป้ ายบอกระยะทาง
ใช้ระบุขอ้ ความแสดงถึงจุดหมายปลายทาง และตัวเลข
บอกระยะทางทีไ่ ปสูจ่ ุดหมายปลายทางนัน้ ๆ เป็ นกิโลเมตร
ิทธิ์ข
ลิขส
3.1.4 ป้ ายชุด
3.1.4.1 ป้ ายชุดระบุทิศทาง
@
1) ป้ ายเตือนทางแยกข้างหน้ า
@
ป้ ายเตือนทางแยกข้า งหน้ า ใช้เพื่อเตือน และแสดง
นั้น
คุณลักษณะของทางแยกแก่ผขู้ บั ขีใ่ ห้ทราบล่วงหน้าว่า ทางแยก
ที่จ ะถึง มีรูป แบบอย่า งไร เป็ น ทางแยกที่ม ีส ญ ั ญาณไฟจราจร
เท่า
ควบคุมหรือไม่ เพือ่ ทีผ่ ขู้ บั ขีจ่ ะได้เตรียมพร้อมในการเดินทางเข้า
สูท่ างแยกได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย อีกทัง้ ยังระบุระยะทาง
ลวง
เพื่อลดความสับสนในกรณีท่มี ที างแยกเล็กอยู่ระหว่างตําแหน่ ง
การติดตัง้ ป้ า ยกับทางแยกหลัก การติดตัง้ ป้ ายเตือนทางแยก
ข้างหน้านี้ให้ตดิ ควบคูก่ บั ป้ายบอกรายละเอียดทางแยก
างห
2) ป้ ายบอกรายละเอียดทางแยก
ป้ ายบอกรายละเอี ย ดทางแยก ภายในป้ ายจะระบุ จุ ด หมาย
รมท
3.1.5 ป้ ายจราจรมาตรฐานสูง
ลิขส
ป้ายมาตรฐานทัวไป่
การติดตัง้ ป้ายจราจรมาตรฐานสูงต้องใช้งบประมาณเป็ นจํานวนมาก ดังนัน้ การติดตัง้ จึงควรคํานึงถึงประโยชน์
ใช้สอย ความจําเป็ นและความปลอดภัยเป็ นหลัก โดยปกติป้ายมาตรฐานสูง ใช้สาํ หรับติดตัง้ บนทางหลวงพิเศษ อย่างไร
ก็ตาม การนําคุณสมบัตขิ องป้ายมาตรฐานสูงมาประยุกต์ใช้กบั ทางหลวงประเภทอื่นก็สามารถทําได้เช่นกัน
@
3.1.5.1 หลักเกณฑ์การติ ดตัง้ ป้ ายจราจรมาตรฐานสูงประเภทแขวนสูง
เนื่องจากการติดตัง้ ป้ายจราจรมาตรฐานสูงประเภทแขวนสูง โดยปกติจะใช้กบั ทางหลวงพิเศษ อย่างไรก็ตาม
นั้น
เนื่องจากการออกแบบทางหลวงแผ่นดินในปจั จุบนั เอื้อให้การจราจรสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง ป้ายจราจร
เท่า
มาตรฐานสูงประเภทแขวนสูงจึงมีบทบาทสําคัญสําหรับระบบการติดตัง้ ป้ายจราจรบนทางหลวงแผ่นดินทัวไป ่ ทัง้ นี้ การ
เลือกใช้และการติดตัง้ จะต้องเป็ นไปตามหลักเกณฑ์การติดตัง้ ป้ายจราจรแขวนสูง
ลวง
ป้ า ยจราจรมาตรฐานสูง ประเภทแขวนสูง ที่ส ามารถนํ า มาใช้ก ับ ทางหลวงแผ่ น ดิน ทัวไป
่ โดยปกติจ ะแบ่ง
ออกเป็ น 2 กลุม่ ได้แก่ ป้ ายจราจรแขวนสูงแบบแขนยื่น (Overhang Sign) และป้ ายจราจรแขวนสูงแบบคร่อมผิ ว
จราจร (Overhead Sign) ทัง้ นี้ขน้ึ อยูก่ บั การใช้งานในแต่ละประเภทของทางหลวง หรือสภาพของทางแยก
างห
1) ป้ ายจราจรแขวนสูงแบบแขนยื่น (Overhang Sign)
ป้ายจราจรแบบแขวนสูงแบบแขนยื่น จะติดตัง้ ที่บริเวณทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจรหรือมากกว่า และที่
รมท
เป็ นทางแยกต่างระดับ
สภาพข้างทางไม่เอือ้ อํานวยต่อการติดตัง้ ป้ายข้างทาง เช่น ถนนทีม่ ไี หล่ทางแคบ การติดตัง้ อาจ
ลํ้าเข้าไปในอาคาร มีป้ายร้านค้าหรือป้ายโฆษณามาก อาจทําให้สบั สน
ทางหลวงทีค่ วบคุม จุดเข้า - ออก
@
2) ขนาดของตัวอักษรและตัวเลข (Size of Character) ตัวอักษรและตัวเลขทีใ่ ช้บนแผ่นป้ายมาตรฐานสูง
จะต้องมีขนาดใหญ่กว่าป้ายแนะนํ าทัวไป ่ เนื่องจากทางหลวงทีม่ คี ุณสมบัตใิ นการติดตัง้ ป้ายมาตรฐานสูง
นั้น
ได้ออกแบบให้สามารถรองรับการจราจรที่ไหลอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง ขนาดของตัวอักษรและ
ตัวเลขสามารถดูได้จากตารางที่ 3-2 สําหรับการลดขนาดของตัวอักษรและตัวเลข ให้ใช้ในกรณีจําเป็ น
เท่า
เท่านัน้ และให้เป็ นไปตามสัดส่วนของป้ายและขนาดของข้อความ ซึ่งได้กําหนดไว้ในหนังสือมาตรฐาน
ตัวอักษรและตัวเลขสําหรับป้ายจราจร
ลวง
ตารางที่ 3-2 ตารางแสดงขนาดตัวอักษรและตัวเลขของป้ ายมาตรฐานสูง (หน่วย: เซนติเมตร)
างห
ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
ชนิ ดป้ าย
ปกติ กรณี จาํ เป็ น ปกติ (ตัวตาม) กรณี จาํ เป็ น ตัวอักษรนํา
Overhang 30 ไม่น้อยกว่า 25 15 ไม่น้อยกว่า 12.5
รมท
4/3 ของตัวตาม
Overhead 50 ไม่น้อยกว่า 40 25 ไม่น้อยกว่า 20
ในกรณีทเ่ี ป็ นป้ายแนะนําล่วงหน้าชนิดแผนที่ สามารถปรับลดได้ตามความเหมาะสมแต่ทงั ้ นี้ไม่ควรมีขนาดเล็ก
องก
ชื่อจุดหมายปลายทาง และชื่อย่อ
- ตัวนํา เป็ นตัวพิมพ์ใหญ่
ลิขส
@
รูปแบบต่างๆ ตามประเภทของการใช้งาน ดังนี้
นั้น
ป้ ายแนะนํ า ทางออกล่ ว งหน้ า สํา หรับ ทางแยกต่ า งระดับ รายละเอีย ดของป้ า ยจะระบุ ส ญ
ั ลัก ษณ์
หมายเลขทางหลวง ชื่อถนน จุดหมายปลายทาง หรือชื่อทางแยก และระยะทางจากตําแหน่งของป้ายจนถึงทางออก
เท่า
การติด ตัง้ โดยทัว่ ไปให้ ติ ด ตัง้ ที่ร ะยะ 2
กิโลเมตร ก่อนถึงทางออกทีน่ ําไปจุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ตาม ตําแหน่ งป้ายอาจปรับเปลี่ยนได้ หาก
มีวตั ถุหรือโครงสร้างที่อาจบดบังป้าย เช่น สะพาน
ลวง
างห
สะพานลอยคนข้า ม หรือทางโค้ง ให้ป รับตําแหน่ ง
การติ ด ตั ้ง มาด้ า นหน้ า จุ ด ดั ง กล่ า ว แต่ ไ ม่ ค วร
เปลีย่ นแปลงเกิน 500 เมตร
รมท
ป้ายแขวนสูง ทัง้ นี้ขน้ึ อยูก่ บั ความจําเป็ น สําหรับการติดตัง้ เป็ นป้ายข้างทาง อาจไม่จาํ เป็ นต้องมีสญ
ั ลักษณ์หมายเลขทาง
หลวงในแผ่นป้าย
ิทธิ์ข
ป้ ายแนะนําทางออกล่วงหน้ าสําหรับทางหลวงที่มีทางขนาน
ลิขส
ป้ ายแนะนําทางออกล่วงหน้ าสําหรับทางเข้าทางหลัก
รายละเอียดในแผ่นป้าย สําหรับป้ายทางเข้า จะระบุ
ข้อความ “เข้าทางหลัก”และระยะทางจากตําแหน่ งที่ติดตัง้
ป้ ายถึง ทางเข้า และใช้ร่ว มกับ ป้ ายชี้ท างเข้า สํา หรับ ทาง
@
ขนาน
การติดตัง้ ให้ตดิ ตัง้ ทีร่ ะยะ 1 กิโลเมตรก่อนถึงทางเข้า
ทางหลัก อาจติดตัง้ เป็ นป้ายข้างทางหรือป้ายแขวนสูง
@
ท้องถิน่ และให้เรียงลําดับความสําคัญ ดังนี้ โรงพยาบาลทีม่ ี
ห้อ งฉุ ก เฉิ น สถานที่ร าชการ กิจ การของเอกชนที่เ ปิ ด ใช้
นั้น
สําหรับบุคคลทัวไป ่ และใช้รว่ มกับป้ายชีท้ างออกสําหรับทาง
ขนาน โดยชื่อในป้ายจะต้องเป็ นชื่อเดียวกันทัง้ สองป้าย
เท่า
หากทางออกนี้เป็ นทางที่นําไปสู่ทางแยกที่จําเป็ นต้องใช้ทางออกนี้สําหรับเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง
ลวง
ต่างๆ ทีแ่ ยกออกจากทางหลัก ให้ระบุช่อื จุดหมายปลายทางเป็ นอันดับแรก และให้ระบุช่อื ภาษาอังกฤษกํากับด้วย
การติดตัง้ ให้ตดิ ตัง้ ที่ระยะ 1 กิโลเมตรก่อนถึงทางออกจากทางหลัก “กรณีทางสายหลักมีช่องจราจรตัง้ แต่ 3
ช่องจราจรขึน้ ไป และการจราจรใช้ความเร็วสูง การเปลี่ยนช่องจราจรทําได้ลําบาก อาจปรับเปลี่ยนเป็ นป้ายแขวนสูง
างห
แบบคร่อมผิวจราจร”
รมท
ป้ ายแนะนําการใช้ช่องจราจรสําหรับทางแยกต่างระดับ
ป้ ายแนะนํ า ล่ ว งหน้ า นี้ ส ามารถใช้ไ ด้ก ับ ทางแยกต่ า ง
@
ระดับ และทางแยกทัว่ ไป ข้ อ ความในป้ ายจะระบุ ส ัญ ลัก ษณ์
หมายเลขทางหลวง ชื่อทางหลวง ชื่อถนน จุดหมายปลายทาง
หรือ ชื่อ ทางแยก ทัง้ นี้ จ ะต้อ งเป็ น ชื่อ เดีย วกัน กับ ที่ร ะบุ ใ นป้ าย
นั้น
แนะนํ า ล่ ว งหน้ า ชนิ ด บอกระยะทาง ในการระบุ ส ญ ั ลัก ษณ์ เ ลข
้
เท่า
หมายทางหลวงจะใช้ในปายแขวนสูงชนิดคร่อมผิวจราจรเท่านัน้
ในกรณี ท่ีม ีก ารติด ตัง้ ป้ ายแนะนํ า ล่ ว งหน้ า ชนิ ด บอก
ระยะทางทีร่ ะยะ 1 กิโลเมตรแล้ว ให้ตดิ ตัง้ ป้ายนี้เป็ นป้ายข้างทาง
ทีร่ ะยะ 750 เมตร
ลวง
างห
ป้ ายแนะนําการใช้ช่องจราจรสําหรับทางหลวงที่มีทางขนาน
ป้ายแนะนํ าล่วงหน้าสําหรับทางขนานเป็ นป้ายจราจรที่
ใช้แนะนําให้ผขู้ บั ขีเ่ ตรียมพร้อมทีจ่ ะเข้าหรือออกทางขนาน และมี
รมท
(3) ป้ ายแนะนําชี้ทางออก
เป็ นป้ายแนะนําชีท้ างออกเป็ นป้ายบอกจุดหมายปลายทางทีต่ ดิ ตัง้ ทีจ่ ุดเริม่ ผาย หรือช่วงผายของช่องทางออก
@
@
และให้ใช้จาํ นวนลูกศรเท่ากับจํานวนของช่องจราจร
นั้น
ป้ ายชี้ทิศทาง
ป้ายชี้ทิศทาง เป็ นป้ายจราจรแขวนสูงชนิดคร่อมผิวจราจรเพื่อบอกถึงทิศทางที่สามารถ
เท่า
นําไปสูจ่ ุดหมายปลายทางต่างๆ โดยลูกศรชี้ทศิ ทาง เป็ นลูกศรชี้ขน้ึ แสดงถึงทิศทางของจุดหมาย
ปลายทางนัน้ ๆ ลูกศรให้ใช้เพียงลูกศรเดียว ไม่ว่าช่องจราจรที่ไปยังจุดหมายปลายทางนัน้ จะมี
ลวง
มากกว่ า 1 ช่ อ งจราจร สํา หรับ ลูก ศรชี้ทิศ ทางจะมีอ ยู่ 2 ลัก ษณะ ทัง้ นี้ ข้ึน อยู่ก ับ ลัก ษณะทาง
เรขาคณิต และความเร็วในการออกแบบ
- แบบชี้เอียง
างห
ลูกศรชีเ้ อียง ใช้กรณีเป็ นทางแยกต่าง
ระดับ หรือสะพานยกระดับ หรือใช้เมื่อมีการแยก
รมท
- แบบชี้ฉาก
ิทธิ์ข
ลูกศรชีฉ้ าก ใช้เมื่อมีการแยกออกจาก
ทางตรงด้ ว ยรัศ มี โ ค้ ง น้ อ ยกว่ า 40 ม. หรื อ
ความเร็วโค้งน้อยกว่า 30 กม./ชม.
ลิขส
@
ทิ ศ ทางไปทางด้ า นซ้ า ยให้ อ ยู่ ท างด้ า นซ้ า ยของป้ าย
เครื่องหมายลูกศรที่ช้ที ศิ ทางไปทางด้านขวาให้อยู่ทางด้าน
นั้น
ขวาของป้าย
ยกเว้น เมื่อป้ ายที่มีลูกศรตรงติ ดตัง้ คู่กบั ป้ ายที่
เท่า
มีลูกศรที่ชี้ไปทางขวาเท่านัน้ ให้เครื่องหมายลูกศรตรง
ไป อยู่ทางด้านซ้ายของป้ าย
ป้ ายชี้ทางออกสําหรับทางหลวงที่มีทางขนาน
ลวง
ป้ า ยชี้ท างออกชนิ ด ระบุจุ ด หมายปลายทาง เป็ น
างห
ป้ายจราจร ที่แนะนํ าให้ผู้ขบั ขีท่ ราบว่าเมื่อจะเดินทางไปยัง
จุ ด หมายปลายทางนั น้ ๆ จะต้ อ งออกจากทางหลัก เพื่อ
รมท
เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางทีร่ ะบุในแผ่นป้าย
ส่วนบนของป้ายจะระบุ ข้อความ “ทางออก” และ
หมายเลขทางออก ในกรณีท่ีทางหลวงมีก ารใช้หมายเลข
องก
ยิง่ ขึน้
เมื่อ ติด ตัง้ กับ ทางออกทางขนาน ให้ติด ตัง้ ที่จุ ด ผายของช่อ งทางออกหรือ ที่ร ะยะ 150-200 เมตร ก่ อ นถึง
ทางออก และใช้รว่ มกับป้ายชีท้ างออกซึง่ ติดตัง้ ทีจ่ ุดแยก (Gore area)
@
@
(5) ป้ ายหมายเลขทางออก
ป้ายหมายเลขทางออก เป็ นป้ายจราจรเสริมประกอบกับป้าย
นั้น
แนะนําชีท้ างออกเพื่อให้ผขู้ บั ขีเ่ ตรียมพร้อมทีจ่ ะออกจากระบบทางหลวงได้
เท่า
อย่างถูกต้องและปลอดภัย
ป้ายหมายเลขทางออก ใช้ในกรณีท่ที างหลวงมีการควบคุมการ
ลวง
เข้า -ออก อย่า งมีร ะบบ เช่น ทางหลวงพิเ ศษระหว่า งเมือ ง (Motorway)
กรุงเทพ – ชลบุรี หรือใช้กบั ทางหลวงทีม่ ที างขนานและมีระยะทางไกล เช่น
ถนนพหลโยธินช่วงกรุงเทพ-สระบุรี การติดตัง้ จะติดตัง้ อยูด่ า้ นบนของป้าย
างห
ชี้ทางออกหรือป้ายบอกจุดหมายปลายทาง หมายเลขทางออกให้ใช้เป็ น
กิโลเมตรตําแหน่งของทางออก
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
เนื่องจากผูข้ บั ขีท่ อ่ี ยูบ่ นช่องจราจรด้านขวาไม่สามารถมองเห็นป้ายจราจรทางด้านซ้ายชัดเจน เพราะถูกรถทางด้านซ้าย
นั้น
บังสายตา
3) ป้ายจราจรจะต้องติดตัง้ ให้หนั หน้าเข้าหาทิศทางของยวดยานพาหนะ โดยให้เอียงออกจากแนวตัง้ ฉาก
เท่า
เล็กน้อยประมาณ 5 องศา เพือ่ ไม่ให้เกิดการสะท้อนแบบกระจกเงา (Mirror -Reflection) นอกจากนี้ การติดตัง้ ป้ายตาม
ทางโค้ง จะต้องคํานึงถึงทิศทางการมองเห็นของผูข้ บั ขีด่ ว้ ย
ลวง
4) ป้ายจราจรจะต้องติดตัง้ ให้อยู่ในแนวดิง่ นอกจากในกรณีเป็ นทางขึน้ เขาหรือทางลงเขา แผ่นป้ายจราจร
อาจจะติดตัง้ ทํามุมกับแนวดิง่ เล็กน้อย เพือ่ ช่วยให้ผขู้ บั รถมองเห็นป้ายได้ชดั เจนยิง่ ขึน้
5) ทีเ่ สาหรือทีต่ ดิ ตัง้ ป้ายสําหรับการจราจรในทิศทางหนึ่ง
างห
ห้ามติดตัง้ ป้ายแนะนําร่วมกับป้ายประเภทอื่นนอกจากทีก่ าํ หนดไว้โดยเฉพาะ
ไม่ควรติดตัง้ ป้ายบังคับหรือป้ายเตือนเกิน 1 ป้าย ยกเว้นป้ายเตือนความเร็วทีใ่ ช้ตดิ ตัง้
รมท
ร่วมกับป้ายเตือนอื่นๆ
การติดตัง้ ป้ายบังคับและป้ายเตือนร่วมกันจะต้องเป็ นป้ายทีม่ คี วามหมายเสริมกัน
ป้ายหยุดให้ตดิ ตัง้ เดีย่ ว
องก
ป้ า ยจราจรซึ่ง ติด ตัง้ ข้า งทางนอกเมือ ง จะต้อ งสูง อย่า งน้ อ ย 1.50 เมตร แต่ ถ้า ติด ตัง้ ป้ ายในแนวดิ่ง เกิน
1 ป้าย บนทีเ่ ดียวกัน ต้องให้สว่ นล่างของป้ายล่างสุด สูงจากขอบผิวจราจรไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร
สําหรับป้ายที่ตดิ ตัง้ ในเมือง บนทางหลวงพิเศษหรือในที่ซ่งึ คาดว่าอาจจะมีสงิ่ กีดขวางระดับสายตา ส่วนล่าง
ลิขส
ของป้ ายอัน ล่ า งสุ ด ที่เ ป็ น ป้ ายเดีย วหรือ เกิน 1 ป้ ายที่ติด ตัง้ บนที่เ ดีย วกัน ต้อ งสูง จากขอบผิว จราจรไม่ น้ อ ยกว่ า
2.00 เมตร ในกรณีทต่ี ดิ ตัง้ ป้ายตรงเสาไฟจราจรให้ตดิ ตัง้ ข้างใต้สญ ั ญาณไฟจราจรได้
ป้ายเตือนสิง่ กีดขวาง ให้ขอบล่างสุดของป้ายสูงจากขอบผิวจราจร 0.50 เมตร ในกรณีทไ่ี ม่สามารถติดตัง้ ได้ ให้
@
@
เท่ากับความกว้างของไหล่ทาง หรือห่างจากสันขอบทางอย่างน้อย 0.30 เมตร
นั้น
3.2.4 การติ ดตัง้ ป้ ายจราจรบริ เวณทางแยก
1) การติด ตัง้ ป้ ายชุ ด ทางแยกให้ติด ตัง้ ตามมาตรฐานที่กํ า หนดในคู่ม ือ นี้ ระยะติด ตัง้ เป็ น ระยะแนะนํ า
เท่า
ตําแหน่งอาจปรับเปลีย่ นได้ตามสภาพพืน้ ที่ เพือ่ ให้สามารถมองเห็นป้ายได้ชดั เจน
2) ตําแหน่ งที่ติดตัง้ ป้ายไม่ควรอยู่หลังอุปสรรคหรือสิง่ กีดขวางใดๆในการมองเห็น เช่น ทางโค้ง ต้นไม้
ลวง
ศาลาทางหลวง เสาไฟ ตอม่อสะพานลอยคนข้าม เป็ นต้น
3) ไม่ควรมีป้ายใดๆติดตัง้ ในบริเวณพืน้ ทีท่ ต่ี ดิ ตัง้ ป้ายชุดทางแยก
4) ป้ายสถานทีท่ ่องเทีย่ ว ป้ายหน่ วยงาน และป้ายเอกชนอื่นๆให้ตดิ ตัง้ ก่อนถึงชุดป้ายทางแยก ไม่น้อยกว่า
างห
150 เมตร และไม่ควรติดตัง้ ใกล้กนั เกินไป ในกรณีมปี ้ ายจํานวนมาก ให้รวมป้ายอยูใ่ นตําแหน่งเดียวกัน
5) ป้ายจราจรต่างๆที่ต้องการให้ผูใ้ ช้ทางตัดสินใจที่ต่างกัน จะต้องติดตัง้ ให้ห่างกันเพียงพอ เพื่อให้มเี วลา
รมท
หลักเกณฑ์การกําหนดชื่อจุดหมายปลายทาง อย่างเคร่งครัด
7) ป้ายบอกระยะทางเพื่อยืนยันจุดหมายปลายทางข้างหน้า จะต้องติดตัง้ หลังจากผ่านทางแยก กรณีทท่ี าง
ิทธิ์ข
@
2) หลังจากผ่านทางแยก
ป้ายหมายเลขทางหลวง
นั้น
ป้ายบอกระยะทาง
เท่า
รูปแบบการติดตัง้ จะแสดงไว้ในบทที่ 6
ลวง
3.2.6 การติ ดตัง้ ป้ ายชุดบริ เวณทางแยก กรณี เป็ นทางแยกต่างระดับ
การแสดงการติดตัง้ ป้ายจราจรในทางแยกต่างระดับ จะเป็ นการแสดงรูปแบบการติดตัง้ ในรูปแบบปกติของแต่
ละประเภทของรูปแบบทางแยกต่างระดับ เช่น เป็ น Loop Ramp, Directional Ramp หรือ Trumpet เป็ นต้น
างห
เนื่องจากการออกแบบทางแยกต่างระดับมีป จั จัยอื่น ๆ ที่มผี ลกระทบต่อรูปแบบทางด้านเรขาคณิต จึงไม่
สามารถทํา ให้ค รอบคลุ ม ในทุก ๆ รูป แบบได้ การนํ า ไปใช้จึง ต้อ งอยู่บ นพื้น ฐานของความเข้า ใจในคุ ณ สมบัติ และ
รมท
2 ส่วนด้วยกัน คือ
1) ก่อนเข้าทางแยก จะประกอบด้วย
ิทธิ์ข
ป้ายแนะนําทางออกล่วงหน้า
ป้ายแนะนําการใช้ชอ่ งจราจร
ป้ายแนะนําชีท้ างออก
ลิขส
2) หลังจากผ่านทางแยก
ป้ายหมายเลขทางหลวง
ป้ายบอกระยะทาง
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
[ 31 ]
@
บทที่ 4
@
สือ่ สารกับผูข้ บั ขีเ่ พื่อให้ยวดยานพาหนะสามารถเคลื่อนทีไ่ ด้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัย ซึ่งมีอยู่ดว้ ยกัน
หลายรูปแบบ เช่น เส้น ข้อความ ลูกศร สันขอบทาง ปุ่มบนผิวจราจร หลักนํ าทาง และเป้าสะท้อนแสง โดยสิง่ ต่างๆ
เหล่านี้ สามารถนํ าไปใช้ร่วมกับอุ ปกรณ์ ค วบคุม การจราจรประเภทอื่น เช่น ป้า ย และ สัญญาณไฟจราจร เพื่อเพิ่ม
นั้น
ประสิทธิภาพในการสือ่ สารกับผูข้ บั ขีม่ ากยิง่ ขึน้
เท่า
วัตถุประสงค์ของเครือ่ งหมายจราจรบนพืน้ ทางบริเวณทางแยก ได้แก่ การให้การแนะนําและให้ขอ้ มูลแก่ผขู้ บั ขี่
ดังนัน้ การใช้เครือ่ งหมายจราจรบนพืน้ ทางจะต้องไม่ก่อให้เกิดความสับสนแก่ผขู้ บั ขี่ และในกรณีทเ่ี ป็ นเครื่องหมายจราจร
ลวง
บนพืน้ ทางทีท่ ําด้วยสีเทอร์โมพลาสติก ควรมีการรักษาระดับค่าการสะท้อนแสง (Retroreflectivity) ไม่ให้ต่ํากว่าเกณฑ์
มาตรฐานด้วย
างห
เครือ่ งหมายจราจรบนพืน้ ทางแบ่งเป็ น 2 ประเภท ได้แก่
รมท
@
ข้อความบังคับบนพืน้ ทาง (พบ.21)
นั้น
4.1.2 เครื่องหมายจราจรบนพืน้ ทางประเภทเตือน ได้แก่ เครือ่ งหมายจราจรทีม่ คี วามหมายเป็ นการเตือนผูใ้ ช้ทาง
เท่า
ให้ทราบล่วงหน้าถึงสภาพทางหรือข้อมูลอย่างอื่นทีเ่ กิดขึน้ ในทาง หรือทางหลวงข้างหน้าอันอาจก่อให้เกิด
อันตรายหรืออุบตั เิ หตุขน้ึ ได้ เพื่อให้ผใู้ ช้ทางใช้ความระมัดระวังในการใช้ทาง ซึง่ จะช่วยป้องกันการเกิดอันตราย
ลวง
หรืออุบตั เิ หตุดงั กล่าวได้
เส้นขอบทาง (พต.1 พต.2 พต.3 และพต.4)
างห
เส้นแนวช่องเดินรถผ่านทางแยก (พต.5)
เส้นชะลอความเร็ว (พต.6)
เส้นทางรถไฟผ่าน (พต.7)
รมท
@
2) เส้นทึบคู่สีเหลือง (พบ.3) ใช้เป็ นเส้นแบ่งทิศทางจราจรในบริเวณทีห่ า้ มแซงทัง้ สองทิศทางบนทาง
หลวง 2 ช่องจราจร ทีม่ คี วามกว้างของผิวจราจรตัง้ แต่ 6.00 ม. ขึน้ ไป หรือบนทางหลวงมีปริมาณ
นั้น
จราจรมากกว่า 500 คันต่อวัน
เท่า
4.2.3 เส้นแบ่งช่องเดิ นรถ หรือเส้นแบ่งช่องจราจร (พบ. 5)
ลักษณะ เป็ นเส้นประสีขาว แบ่งทางเดินรถ หรือทางจราจรที่มที ศิ ทางเดียวกัน ให้เป็ นช่องเดินรถ หรือช่อง
จราจร
ลวง
ความหมาย ผูข้ บั ขีต่ ้องขับรถภายในช่องเดินรถ หรือช่องจราจร ห้ามขับรถคร่อมเส้น เว้นแต่จะเปลี่ยนช่อง
างห
เดินรถ หรือช่องจราจร
การใช้ ให้ใช้เส้นแบ่งช่องเดินรถปกติบนทางหลวงทีม่ กี ารจราจรแล่นไปในทิศทางเดียวกันตัง้ แต่ 2 ช่องจราจร
รมท
@
เส้นหยุด ควรตัง้ ฉากกับแนวจราจร หรือขนานกับขอบทางทีข่ วางหน้า เส้นหยุดไม่ควรทํามุมกับ
แนวตัง้ ฉากเกิน 30 องศา
นั้น
เส้นหยุด จะต้องอยูต่ รงตําแหน่งทีต่ อ้ งการให้หยุด โดยห่างจากแนวขอบผิวจราจรของทางขวาง
หน้าไม่น้อยกว่า 1 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร
เท่า
ในกรณีทม่ี เี ส้นทางข้าม เส้นหยุด จะต้องอยูก่ ่อนถึงเส้นทางข้ามประมาณ 1 เมตร และขนานกัน
ลวง
กับเส้นทางข้ามนัน้
ในกรณีทใ่ี ช้ เส้นหยุด ประกอบกับป้ายหยุด ควรติดตัง้ ป้ายหยุดใกล้ เส้นหยุด เท่าทีจ่ ะทําได้
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
เส้นให้ทางมีลกั ษณะเป็ นเส้นประ ยาว 0.60 ม. เว้นช่องว่าง 0.30 ม. และมีความกว้าง 0.30 ถึง 0.60 ม. ขึน้ อยู่
กับความเร็วของการจราจรก่อนถึงเส้นให้ทางทีว่ างขวางแนวทางเดินรถใน 1 ทิศทาง ในบริเวณทางแยกปกติ หรือทาง
นั้น
แยกทีม่ กี ารออกแบบทางเชื่อมโยง
เท่า
4.2.7 เส้นทางข้าม (พบ. 13 – พบ. 14)
ลักษณะ เป็ นแถบสีขาวกว้าง และยาวหลายๆ แถบประกอบกันขวางทางเดินรถ หรือเป็ นเส้นทึบสีขาวสองเส้น
ขนานกันขวางแนวทางเดินรถ และมีเส้นหยุดหรือเส้นให้ทางประกอบ
ลวง
ความหมาย ผูข้ บั ขีต่ ้องขับรถให้ชา้ ลง และพร้อมที่จะหยุดรถได้ทนั ท่วงที เมื่อมีคนเดินข้ามทาง ณ ทางข้าม
างห
นัน้ ในเขตทางข้ามที่ไม่มเี จ้าหน้าที่ หรือสัญญาณจราจร ให้คนมีสทิ ธิขา้ มทางไปก่อน ฉะนัน้ ในขณะที่คนกําลังเดินอยู่
ในทางข้าม ผูข้ บั ขีต่ อ้ งหยุดรถก่อนถึงเส้นหยุด หรือเส้นให้ทาง และเมือ่ คนเดินข้ามทางได้ขา้ มไปแล้ว จึงเคลื่อนรถต่อไป
ได้
รมท
ถนนมีการติดตัง้ สัญญาณไฟกะพริบหรือการควบคุมจราจรอย่างอื่นร่วมด้วย
@
ทิศทางอื่นทีไ่ ด้รบั สัญญาณไฟเขียว
ให้ใ ช้เส้นทแยงห้า มหยุดรถ ณ บริเวณทางเชื่อ มขนาดเล็ก ที่สํา คัญ ซึ่งมีป ริม าณจราจรเข้า ออกมาก และ
นั้น
การจราจรบนทางตรงติดขัดขวางทางเข้าออกนัน้ แต่ทงั ้ นี้การติดตัง้ จะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากกรมทางหลวงทีด่ แู ล
พืน้ ทีน่ นั ้ ๆก่อน
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
และล้อมรอบด้วยเส้นทึบสีขาว หรือสีเหลือง
ความหมาย ห้ามขับรถลํ้าเข้าไปในพืน้ ทีด่ งั กล่าว
การใช้ ใช้แสดงบริเวณเขตปลอดภัย และแนวเกาะต่างๆ บนถนน
@
หมายเหตุ
* ความกว้างปกติของเส้นสีขาว 0.10 ม. แต่ปรับเพิม่ เป็น 0.15 ม. ได้ ถ้ามีปริมาณจราจรมากกว่า 32,000 คัน/วัน
องก
@
0.10**
0.10**
นั้น
X = 3.0 ม. สําหรับทางหลวงในเมือง และ 9.0 ม. สําหรับทางหลวงนอกเมือง มิติเปนเมตร
รูปที่ 4-5 มาตรฐานการตีเส้นบัง้ เฉียง (Cross Hatching)
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
หมายเหตุ
** ความกว้างปกติของเส้นสีเหลือง 0.10 ม. แต่สามารถปรับเพิม่ ขึน้ ได้ตามตารางที ่ 2-2 ในคูม่ อื และมาตรฐาน
เครือ่ งหมายจราจรบนพื้นทางและเครือ่ งหมายนําทาง
ิทธิ์ข
หมายเหตุ
ิทธิ์ข
0.70 (0.47)
0.30 (0.20)
0.70 (0.47)
0.40 (0.27)
0.70 (0.47)
องก
2.80 (1.87)
4.50 (3.00)
ิทธิ์ข
1.00 (0.67)
0.30 (0.20)
(0.10)
0.80 (0.53)
0.15
.20 .30
(.13) (.20)
0.45 (0.30)
0.20 (0.13)
0.68 (0.45)
0.50 (0.33)
0.72 (0.48)
0.40 (0.27)
@
2.00 (1.33)
1.00 (0.67)
.30 (.20)
.30 (.20)
.35 (.23)
@
1) ลูกศร 1 อัน แสดงทิศทางจราจรได้ไม่เกิน 2 ทิศทาง เช่น เลีย้ วขวา หรือ ตรงไปหรือเลีย้ วซ้าย
2) ลูกศรแรก ควรอยูห่ า่ งจากเส้นหยุดหรือแนวของทางขวางหน้า 15 - 25 ม.
นั้น
3) ลูกศรทีส่ อง ควรห่างจากลูกศรแรก 25 ม.
4) ลูกศรทีส่ าม (ถ้ามี) ควรห่างจากลูกศรทีส่ อง 50 ม.
เท่า
5) บนทางหลวงทีย่ วดยานใช้ความเร็วสูง ให้เพิม่ ระยะห่างระหว่างลูกศรได้อกี 50%
6) การใช้ลูกศรต้องสอดคล้องกับปริมาณจราจรในแต่ละทิศทาง เช่น กรณีทางเข้าแยกมีเพียง 2 ช่อง
ลวง
จราจร และมีปริมาณรถเลีย้ วขวาสูงมาก ให้ใช้ลกู ศรเลีย้ วขวาในช่องทีต่ ดิ เกาะกลางหรือเส้นแบ่งทิศทาง
จราจร และใช้ลกู ศรตรงไปหรือเลีย้ วซ้ายในช่องทีเ่ หลือด้านซ้าย
างห
7) การใช้ลกู ศรต้องสอดคล้องกับสัญญาณไฟจราจร เช่น ถ้าบริเวณทางแยกมีการใช้ลกู ศรตรงไปหรือเลีย้ ว
ขวา สัญญาณไฟจราจรในทิศทางตรงไปและเลีย้ วขวาต้องเปิดพร้อมกัน
กรณีถนนทางตรงทีม่ ที างเบีย่ งให้เข้าช่องจราจรลดความเร็ว (Deceleration Lane) จะใช้เครื่องหมายลูกศรยาว
รมท
80
205
205
50
75
@
50
85
นั้น 70
500
เท่า
80
ลวง 50
295
295
260
50
างห
100
70
รมท 35
องก
170
100
60
70
20
530
500
@
508
230
205
EDGE OF PAVEMENT
20๐
นั้น
100
60
เท่า
115
45๐
130
50
15 110 75 60
ลวง
200 160 50
มิตเิ ป็ นเซนติเมตร
างห
รูปที่ 4-14 เครือ่ งหมายลูกศร “กลับรถ” และ”เบีย่ งเข้า”
รมท
ไหล่ดา้ นใน
างห
[ 51 ]
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
เส้น รายละเอียดด้านรูปแบบ ระยะห่างระหว่างเส้น และระยะห่างระหว่างชุด ขึน้ อยู่กบั ความเร็วในการออกแบบ และ
วัตถุประสงค์ของการติดตัง้
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
5.1 สัญญาณไฟจราจร
การติดตัง้ สัญญาณไฟจราจร เพื่อเป็ นการบริหารจัดการทางแยกให้มปี ระสิทธิภาพสูงสุด โดยเกณฑ์การติดตัง้
@
สัญญาณไฟจราจร อ้างอิงตามคูม่ อื และมาตรฐานสัญญาณไฟจราจร กรมทางหลวง สามารถแบ่งได้เป็ น
1) เกณฑ์การพิจารณา โดยใช้ปริมาณจราจร 1 ชัวโมง่
นั้น
2) เกณฑ์การพิจารณา โดยใช้ขอ้ มูลอุบตั เิ หตุ
3) เกณฑ์การพิจารณา โดยใช้ขอ้ มูลคนเดินข้ามถนน
เท่า
4) เกณฑ์การพิจารณา จากโครงข่ายถนน
5) เกณฑ์การพิจารณา โดยใช้หลายปจั จัยประกอบกัน
ลวง
6) เกณฑ์การพิจารณา บริเวณหน้าโรงเรียนและสถานศึกษา
7) เกณฑ์การพิจารณาติดตัง้ สัญญาณไฟนับเวลาถอยหลัง
างห
5.2 ตําแหน่ งการติ ดตัง้ โคมสัญญาณไฟจราจร
ตําแหน่ งการติดตัง้ จะต้องกําหนดรายละเอียดบริเวณทางแยกโดยนายช่างผูค้ วบคุม ถนนแต่ละด้านจะต้องมี
รมท
ไฟสัญญาณอย่างน้อยสองชุด ดังนี้
ตําแหน่ งการติดตัง้ จะต้องกําหนดรายละเอียดบริเวณทางแยกโดยนายช่างผูค้ วบคุม ถนนแต่ละด้านจะต้องมี
องก
ไฟสัญญาณอย่างน้อยสองชุด ดังนี้
สัญญาณหลัก (Primary signal) ติดตัง้ ด้านซ้ายใกล้ ก่อนเข้าทางแยก โดยจะต้องอยูเ่ ลยเส้นหยุดไปไม่น้อย
กว่า 1.0 เมตร และไม่เลยถนนทีต่ ดั ผ่านไป และโคมสัญญาณจะต้องไม่มสี ว่ นหนึ่งส่วนใดอยูภ่ ายในระยะ 0.5 เมตร จาก
ิทธิ์ข
@
โคมสัญญาณไฟจราจรรองด้านขวาไกล (เสาธรรมดา) และ
โคมสัญญาณไฟจราจรรองด้านซ้ายไกล (เสาสูง)
นั้น
กรณีมชี ่องจราจรเลีย้ วขวาเฉพาะ (Exclusive Right Turn Lane) โคมสัญญาณไฟจราจรรองด้านขวาไกลควร
เท่า
เป็ นแบบสีด่ วง (L-Shape) และโคมสัญญาณไฟจราจรรองด้านซ้ายไกล (เสาสูง) ควรเป็ นแบบสามดวงคู่ เพื่อเพิม่
ประสิทธิภาพการมองเห็นให้แก่ผขู้ บั ขี่
ลวง
3) ไม่ควรใช้เสาสูงทัง้ สําหรับโคมสัญญาณไฟหลักและโคมสัญญาณไฟรอง เพราะจะทําให้เกิดการซ้อนทับของ
ดวงโคมเมื่อผูข้ บั ขีม่ องจากระยะไกล ทําให้เกิดความสับสนได้ โดยปกติโคมสัญญาณไฟหลักให้ใช้เสาธรรมดา และโคม
สัญญาณไฟรองด้านซ้ายไกลให้ใช้เสาสูง ยกเว้นกรณีหากการติดตัง้ ดังกล่าวแล้วก่อให้เกิดความสับสนแก่ผใู้ ช้ถนน อาจ
างห
ติดตัง้ โคมสัญญาณไฟหลักด้านใกล้โดยใช้เสาสูง และติดตัง้ โคมสัญญาณไฟรองด้านไกลโดยใช้เสาธรรมดา
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
ตารางที่ 5-1 ระยะมองเห็นขัน้ ตํ่าสําหรับสัญญาณไฟจราจร
ความเร็วที่ 85 เปอร์เซนต์ไทล์ ระยะมองเห็นขัน้ ตํา่
นั้น
(กิ โลเมตร/ชัวโมง)
่ (เมตร)
เท่า
30 50
40 65
ลวง
50 85
60 110
70 140
างห
80 165
90 195
รมท
100 230
หมายเหตุ : ปรับปรุงจาก MUTCD 2009
องก
5.5 ความสูงของโคมสัญญาณไฟ
1) ความสูงของโคมสัญญาณไฟแบบถาวรเมื่อติดตัง้ แล้วจะต้องให้ศูนย์กลางของไฟเหลืองอยู่สงู จากระดับผิว
ิทธิ์ข
3) โดยทัวไปให้
่ ตดิ ตัง้ โคมสัญญาณไฟให้ใกล้กบั ความสูงขัน้ ตํ่าเข้าไว้ นอกจากจะมีเหตุผลทีจ่ ําเป็ นจึงจะติดตัง้
ให้สงู ขึน้ ไปได้
@
[ 61 ]
@
[ 62 ]
@
ลิขส
ิทธิ์ข
องก
รมท
างห
ลวง
เท่า
รูปที่ 5-5 ความสูงของเสาสัญญาณไฟแบบ เสาแขวนสูง
6.1 หลักการทัวไป
่
การวางแผนและติดตัง้ อุปกรณ์ควบคุมการจราจรในบริเวณทางแยกในแต่ละกรณีมคี วามแตกต่างกันขึน้ อยูก่ บั
ปจั จัยหลายประการ เช่น ลักษณะพื้นที่การใช้งาน เช่น การใช้งานในเขตเมือ งหรือนอกเขตเมือง ชนิ ดของถนนที่
@
ประกอบเป็ นทางแยก ชนิดของทางแยก รูปแบบของทางแยก ลักษณะการออกแบบทางกายภาพของถนน ผูใ้ ช้ถนน
นั้น
ปริมาณการจราจร ประเภทของยานพาหนะ และการจํากัดความเร็ว
เท่า
โดยการติดตัง้ ทีแ่ สดงเป็ นตัวอย่างนี้ จะแยกประเภทดังนี้
บริเวณสามแยก
ลวง
บริเวณสีแ่ ยก
บริเวณทางแยกต่างระดับ
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
นั้น
เท่า
ลวง
างห
รมท
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
@
4. กรมทางหลวง, “คูม่ อื เครือ่ งหมายควบคุมการจราจรภาค 1”, ฉบับปี พ.ศ. 2531
5. กรมทางหลวง, “คู่มอื เครื่องหมายควบคุมการจราจรภาค 2 – เครื่องหมายจราจร (MARKINGS)”, ฉบับปี พ.ศ.
นั้น
2533
เท่า
6. กรมทางหลวง, “มาตรฐานตัวอักษรและตัวเลข สําหรับป้ายจราจร ขนาด 10 ซม.”, 2521
7. กรมทางหลวง, “มาตรฐานตัวอักษรและตัวเลข”, 2526
ลวง
8. กรมทางหลวง, “มาตรฐานตัวอักษรสําหรับป้ายจราจร อักษรโรมัน Series G. และ Lower Case ขนาด 10 ซม.
อักษรไทย ชุด ก. ขนาด 5 ซม.”, 2526
9. กรมทางหลวง, “มาตรฐานป้ายจราจร ชุดที่ 1”, 2521
างห
10. กรมทางหลวง, “มาตรฐานป้ายจราจร ชุดที่ 2”, 2521
11. กรมทางหลวง, “รายละเอียดและข้อกําหนดการจัดทําเครื่องหมายจราจรบนผิวทาง (การตีเส้น ลูกศร ขีดเขียน
รมท
@
Executive, Welsh Assembly Government, “Traffic Signs Manual – Chapter 4 Warning Signs”, 2004.
26. Department of Highways, Thailand, “Standard Drawings for Highway Construction”, 1994
นั้น
27. Duarte, A., & Corben, B. Improvement to black spot treatment strategy (No. 132). Clayton: Monash
University Accident Research Centre, 1998.
เท่า
28. Institute of Transportation Engineers, Manual of Transportation Engineering Studies, Prentice-Hall,
Inc, 1994.
ลวง
29. Queensland Government, Australia, “Manual of Uniform Traffic Control Devices”, May 2009.
30. Queensland Government, Department of Main Roads, Australia, “Guide to Pavement Markings”,
างห
Edition 2, June 2001.
31. Roess, R. P., Elena S. P., William R., McShane. Traffic Engineering, 3rd Ed., Pearson Prentice Hall,
New Jersey, 2004.
รมท
32. U.S. Department of Transportation, Federal Highway Administration, “Manual on Uniform Traffic
Control Devices for Streets and Highways”, 2009 Edition.
องก
ิทธิ์ข
ลิขส
@
2. นายสุจณ
ิ มังนิ
่ มติ ร ------------------------------------------------------------------------------------------------------- กรรมการ
@
วิศวกรโยธาเชีย่ วชาญ
นั้น
รก.วิศวกรโยธาเชีย่ วชาญ
เท่า
4. นายสว่าง บูรณธนานุกจิ ------------------------------------------------------------------------------------------------ กรรมการ
วิศวกรโยธาชํานาญการพิเศษ
ลวง
5. นายพลเทพ เลิศวรวนิช ------------------------------------------------------------------------------------------------- กรรมการ
วิศวกรโยธาชํานาญการพิเศษ
างห
6. นายวิชติ นามประสิทธิ ์ -------------------------------------------------------------------------------------------------- กรรมการ
วิศวกรโยธาชํานาญการพิเศษ
รมท