Professional Documents
Culture Documents
3 งานวิศวกรรมปรับอากาศและระบายอากาศ
3 งานวิศวกรรมปรับอากาศและระบายอากาศ
งานวิศวกรรมระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
RE00-(24-03-2023)
โครงการ โรงไฟฟ้าปลวกแดง
(Pluak Daeng Power Plant)
GLUF PD VISITOR CENTER
3. การดาเนินงานที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรม และโครงสร้ าง
3.1 กำรทำช่องเปิ ด และ กำรตัด-เจำะ M-9
3.2 กำรอุดปิ ดช่องว่ำง M-9
3.3 ช่องเปิ ดเพื่อกำรซ่อมบำรุ ง M-9
3.4 กำรจัดทำแท่นเครื่ อง M-9
3.5 กำรยึดท่อ และอุปกรณ์กบั โครงสร้ำงอำคำร M - 10
3.6 งำนติดตั้งในห้องเครื่ อง M - 10
3.7 กำรป้ องกันน้ ำเข้ำอำคำร M - 10
I
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
4. การประสานงาน
4.1 กำรให้ควำมร่ วมมือต่อผูค้ ุมงำน และวิศวกร M - 11
4.2 กำรประชุมโครงกำร M - 11
4.3 กำรประสำนงำนในด้ำนมัณฑนำกำร M - 11
4.4 กำรติดต่อประสำนงำนกับผูร้ ับจ้ำงรำยอื่นๆ M - 11
4.5 สำธำรณูปโภค เพื่อใช้ระหว่ำงกำรก่อสร้ำง M - 11
4.6 กำรรักษำควำมสะอำด M - 11
4.7 กำรรักษำควำมปลอดภัย M - 11
4.8 กำรติดต่อหน่วยงำนรัฐ และค่ำธรรมเนียม M - 12
5. แบบ และเอกสาร
5.1 ระยะ ขนำด และตำแหน่งที่ปรำกฏในแบบ M - 13
5.2 ข้อขัดแย้งของแบบ M - 13
5.3 แบบประกอบสัญญำ M - 13
5.4 แบบใช้งำน (SHOP DRAWINGS) M - 13
5.5 แบบก่อสร้ำงจริ ง (AS-BUILT DRAWINGS) M - 14
5.6 หนังสื อคู่มือกำรใช้งำน และ บำรุ งรักษำเครื่ อง อุปกรณ์ M - 14
II
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
8. รหัส สัญลักษณ์ และป้ ายชื่อ
8.1 ควำมต้องกำรทัว่ ไป M - 20
8.2 รหัส M - 20
8.3 สัญลักษณ์ M - 20
8.4 ตำแหน่งของ รหัส และสัญลักษณ์ M - 20
8.5 ขนำดของแถบรหัส และสัญลักษณ์ M - 21
8.6 สี และอักษรสัญลักษณ์ M – 21
8.7 ข้อกำหนดพิเศษสำหรับกำรทำสี M – 22
III
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
12. เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่ วน
12.1 ข้อกำหนดทัว่ ไป M – 44
12.2 รำยละเอียดอุปกรณ์ปรับอำกำศ M – 45
12.3 เครื่ องระบำยควำมร้อน (CONDENSING UNIT) M - 45
12.4 เครื่ องเป่ ำลมเย็น (FAN COIL UNIT) M - 46
12.5 กำรบำรุ งรักษำเครื่ องปรับอำกำศรำยปี ตลอดระยะเวลำรับประกัน 2 ปี M – 47
12.6 กำรส่งมอบ M – 48
IV
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
16. ระบบไฟฟ้ า
16.1 ควำมต้องกำรทัว่ ไป M - 72
16.2 มำตรฐำนวัสดุ อุปกรณ์และกำรติดตั้ง M - 72
16.3 ระบบแรงดันไฟฟ้ ำและรหัส M - 72
16.4 กำรต่อลงดิน M - 73
16.5 กำรเดินสำยไฟฟ้ ำ M - 73
16.6 แผงควบคุม M - 73
16.7 กำรตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้ ำ M - 73
V
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
17.12 CIRCUIT BREAKER BOX (ENCLOSED CIRCUIT BREAKER) M - 85
17.13 กำรติดตั้ง M - 86
17.14 กำรทดสอบ M - 86
VI
สารบัญ (ต่ อ)
หน้ า
20.6 กำรติดตั้ง M - 115
20.7 กำรทดสอบ M - 115
VII
รายละเอียดข้อกาหนดประกอบแบบ
งานวิศวกรรมระบบปรับอากาศและระบายอากาศ
1. ข้ อกำหนดทั่วไป
1.1 บทนำ
1.1.1 บริ ษทั กัลฟ์ พีดี จากัด ในฐานะเจ้าของโครงการ มีความประสงค์จะว่าจ้างจัดหา พร้อมติดตั้งวัสดุและ
อุปกรณ์ สาหรับงานวิศวกรรมระบบประกอบอาคาร ตลอดจนระบบงานอื่นๆ สาหรับการใช้งานของโครงการ โรงไฟฟ้ า
ปลวกแดง GULF PD VISITOR CENTER สถานที่ต้ งั โครงการ สวนอุตสาหกรรมปลวกแดง ตาบลมาบยางพร อาเภอ
ปลวกแดง จังหวัดระยอง ให้แล้วเสร็ จอย่างสมบูรณ์ตามรายละเอียดที่ระบุ หรื อแสดงไว้ในแบบและรายละเอียดประกอบ
แบบนี้ทุกประการ
1.1.2 วัสดุและอุปกรณ์ตลอดจนการติดตั้งระบบต่างๆ ตามข้อกาหนดต้องมีความเหมาะสมกับการใช้งาน
ภายใต้สภาพภูมิอากาศแวดล้อมที่เหมาะสมกับสถานที่ต้งั ของโครงการ
1.1.3 ถ้ามิได้กาหนดเป็ นอย่างอื่น สภาวะที่ใช้เป็ นข้อมูลในการออกแบบโดยเฉพาะงานวิศวกรรมระบบปรับ
อากาศและระบายอากาศของโครงการนี้ มีดงั ต่อไปนี้
1.1.3.1 อุณหภูมิอากาศภายนอก 35°C db/83° Fwb
1.1.3.2 อุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศโดยทัว่ ไป 25 °C ± 2°C
1.1.3.3 ความชื้นสัมพัทธ์ในห้องปรับอากาศโดยทัว่ ไป 55 ± 10%
1.2 คำจำกัดควำม
คานาม คาสรรพนาม ที่ปรากฏในข้อกาหนดสัญญาและรายการก่อสร้าง รวมทั้งเอกสารอื่นที่แนบสัญญา ให้มี
ความหมายตามที่ระบุไว้ในหมวดนี้ นอกจากจะมีการระบุเฉพาะไว้เป็ นอย่างอื่น
เจ้าของโครงการ หมายถึง เจ้าของงานก่อสร้างโครงการนี้ ตามที่ลงนามในสัญญา และมี
อานาจตามที่ระบุในสัญญา
วิศวกร หมายถึง สถาปนิ ก หรื อวิศวกรผูม้ ี อานาจซึ่ งปรากฏอยู่ในแบบและใน
เอกสารต่ า งๆ ในฐานะเป็ นผูอ้ อกแบบ และก าหนดรายการ
ก่อสร้าง
ผูค้ วบคุมงาน หมายถึง ผูแ้ ทนเจ้าของโครงการ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ควบคุมงาน
ผูร้ ับจ้าง หมายถึง นิ ติบุคคล และตัวแทน หรื อลูกจ้างของนิ ติบุคคลที่ลงนามเป็ น
คู่สัญญากับเจ้าของโครงการ
งานก่อสร้าง หมายถึง งานต่างๆ ที่ ได้ระบุในแบบก่ อสร้ างประกอบสัญญา รายการ
ก่อสร้าง และเอกสารแนบสัญญา รวมทั้งงานประกอบอื่นๆ ที่
เกี่ยวข้อง
แบบประกอบสัญญา หมายถึง แบบก่ อ สร้ า งทั้ง หมดที่ มี ป ระกอบในการท าสั ญ ญาจ้างเหมา
รวมถึ ง แบบที่ มี ก ารแก้ไ ข และเพิ่ ม เติ ม ที่ ไ ด้รั บ การอนุ มัติ
เห็นชอบจากเจ้าของโครงการ และผูค้ วบคุมงาน
รายละเอียดประกอบแบบ หมายถึง ข้อความและรายละเอียดที่กาหนด เพื่อควบคุมคุณภาพของ
1.3 สถำบันมำตรฐำน
นอกเหนือจากข้อบังคับ และ/หรื อ ข้อบัญญัติแห่งกฎหมายท้องถิ่น ตลอดจนกฎระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต่างๆ แล้ว ถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น มาตรฐานทัว่ ไปของ วัสดุ-อุปกรณ์ การประกอบและการติดตั้ง ที่ระบุไว้ใน
แบบ และรายละเอียดประกอบแบบ เพื่อใช้อา้ งอิงสาหรับงานโครงการนี้ ให้ถือตามมาตรฐานของสถาบันที่เกี่ยวข้อง
ดังต่อไปนี้
1.3.1 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร กฎกระทรวง และประกาศกระทรวงมหาดไทย
1.3.2 มาตรฐานการพลังงานแห่งชาติ
1.3.3 กฎ ระเบียบ และมาตรฐานของการไฟฟ้ าท้องถิ่นได้แก่ การไฟฟ้ านครหลวง หรื อการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาค
1.3.4 สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
1.3.5 มาตรฐานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (ในพระบรมราชูปถัมภ์)
1.3.6 AMERICAN SOCIETY OF HEATING, REFRIGERATING AND AIR CONDITIONING
ENGINEERS (ASHRAE)
1.3.7 ASSOCIATION OF HOME APPLIANCE MANUFACTURERS (AHAM)
1.3.8 AIR MOVING AND CONDITIONING ASSOCIATION (AMCA)
1.3.9 AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE (API)
1.3.10 INTERNATIONAL ELECTRO-TECHNICAL COMMISSION (IEC)
1.3.11 UNDERWRITERS’ LABORATORIES, INC. (UL)
1.3.12 NATIONAL FIRE PROTECTION ASSOCIATION (NFPA)
1.3.13 VERBAND DEUTSCHER ELECTROTECHNIKER (VDE)
1.3.14 BRITISH STANDARD (BS)
1.3.15 DEUTSCHE INDUSTRIENORMEN (DIN)
1.3.16 AMERICAN NATIONAL STANDARD INSTITUTE (ANSI)
1.3.17 NATIONAL ELECTRICAL CODE (NEC)
1.3.18 NATIONAL ELECTRICAL MANUFACTURERS ASSOCIATION (NEMA)
1.3.19 JAPANESE INDUSTRIAL STANDARD (JIS)
1.3.20 FACTORY MUTUAL (FM)
1.4 สถำบันตรวจสอบ
ในกรณี ที่ตอ้ งทดสอบคุณภาพ วัสดุ-อุปกรณ์ ที่ใช้งานตามสัญญานี้ อนุมตั ิให้ทดสอบในสถาบันที่เป็ นที่
ยอมรับโดยทัว่ ไป และได้รับความเห็นชอบจากเจ้าของโครงการ
2.1 พนักงำน
2.1.1 ผูร้ ับจ้างต้องจัดหาวิศวกร หัวหน้าช่าง และช่างชานาญงานที่มีประสบการณ์ ความสามารถเหมาะสมกับ
งานที่ได้รับมอบหมาย โดยมีจานวนเพียงพอสาหรับการปฏิบตั ิงานได้ทนั ทีเพื่อให้งานแล้วเสร็ จทันตามกาหนดการของ
เจ้าของโครงการ
2.1.2 วิศวกรผูร้ ับผิดชอบโครงการของผูร้ ับจ้าง ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชี พ วิศวกรควบคุม ตาม
พระราชบัญญัติควบคุมวิชาชีพวิศวกรรม เป็ นผูร้ ับผิดชอบในการดาเนินงาน และควบคุมการติดตั้งให้เป็ นไปตามแบบ
รายละเอียด และข้อกาหนด ให้ถูกต้องตามหลักวิชาและวิธีปฏิบตั ิซ่ ึงเป็ นที่ยอมรับ การลงนามในเอกสารขณะปฏิบตั ิงาน
จะถื อเป็ นความผูกพันของผูร้ ั บจ้างไม่ ว่ากรณี ใดๆ ผูร้ ั บจ้างจะยกข้ออ้างถึ งการที่ ตนไม่ทราบข้อเท็จจริ งต่ างๆ เพื่อ
ประโยชน์ของตนมิได้
2.1.3 ในกรณี ที่ผคู ้ วบคุมงานพิจารณาเห็นว่า พนักงานของผูร้ ับจ้างมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม เจ้าของโครงการ
สงวนสิ ทธิที่จะสั่งการให้ผรู ้ ับจ้าง จัดหาบุคคลที่เหมาะสมกว่ามาทดแทนได้
2.2 เครื่องมือเครื่องใช้
ผูร้ ับจ้างต้องมีเครื่ องมือ เครื่ องใช้ และเครื่ องผ่อนแรง ที่มีประสิ ทธิ ภาพและความปลอดภัย สาหรับใช้ในการ
ปฏิ บัติงาน เป็ นชนิ ดที่ เหมาะสม อีกทั้งจานวนเพียงพอกับปริ มาณงาน เจ้าของโครงการมี สิทธิ์ ที่ จะขอให้ผูร้ ั บ จ้า ง
เปลี่ยนแปลง หรื อเพิ่มจานวนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
2.3 กำรสำรวจบริเวณก่อสร้ ำง
ผูร้ ับจ้างต้องสารวจตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างก่อนการติดตั้ง วัสดุ-อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อศึกษาถึงลักษณะและสภาพ
ทัว่ ไป ขอบเขตสิ่ งก่อสร้างที่มีอยู่ สาธารณูปโภคต่างๆ มีความเข้าใจเป็ นอย่างดีไม่ว่ากรณี ใดๆ ผูร้ ับจ้างจะยกข้ออ้างถึง
การที่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริ ง และ/หรื อ ข้อมูลที่กล่าวข้างต้น เพื่อประโยชน์ของตนมิได้
2.5 กำรจัดทำตำรำงแผนงำน
ถ้าผูค้ วบคุมงานมิได้กาหนด หรื อตกลงกันไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ ับจ้างต้องจัดทาตารางแผนงาน จัดส่ งผูค้ วบคุมงาน
เพื่อประกอบการประสานงาน ดังต่อไปนี้
2.5.1 แผนงานล่วงหน้ารายสัปดาห์ ประกอบด้วย
2.5.1.1 กาหนดการขนส่งเครื่ อง และอุปกรณ์เข้าหน่วยงาน ในรอบสัปดาห์ถดั ไป
2.5.1.2 กาหนดการติ ดตั้ง และการแล้วเสร็ จของงานแต่ละขั้นตอน ในรอบสัปดาห์ถดั ไปจัดส่ ง
แผนงานรายสั ป ดาห์ แ ก่ ผูค้ วบคุม งาน จ านวน 2 ชุ ด ภายในวัน สุ ด ท้ายของแต่ ล ะสั ปดาห์ หรื อ ตามที่ ผูค้ วบคุมงาน
กาหนดให้
2.5.2 แผนงานล่วงหน้ารายเดือน ประกอบด้วย
2.5.2.1 กาหนดการขนส่งเครื่ อง และอุปกรณ์ เข้าหน่วยงาน ในรอบเดือนถัดไป
2.5.2.2 กาหนดการติดตั้ง และแล้วเสร็ จ ของงานแต่ละขั้นตอน ในรอบเดือนถัดไป
2.5.2.3 แผนการเพิ่ม/ลดจานวนพนักงาน และตาแหน่งหน้าที่ ในรอบเดือนถัดไป จัดส่ งแผนงาน
รายเดือนแก่ผคู ้ วบคุมงาน จานวน 4 ชุด ภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน หรื อตามที่ผคู ้ วบคุมงานกาหนดให้
2.5.3 การวางแผนงานล่วงหน้าตลอดโครงการ แสดงรายละเอียด จานวนพนักงาน การขนส่ งเครื่ อง และ
อุปกรณ์เข้าสถานที่ติดตั้ง การติดตั้งและการแล้วเสร็ จ ของงานแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่ตน้ จนจบโครงการโดยจัดส่ งให้ผู ้
ควบคุมงาน จานวน 4 ชุด หรื อตามที่ผคู ้ วบคุมงานกาหนดให้
2.7 กำรทำงำนนอกเวลำทำกำรปกติ
หากผูร้ ับจ้างมีความประสงค์ที่จะทางานในช่วงเวลาทางานที่เกินเวลา 8 ชัว่ โมง ในวันทางานปกติ (วันจันทร์ ถึง
วันเสาร์) และทางานล่วงเวลาในวันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรื อวันที่ทางราชการกาหนดให้เป็ นวันหยุดราชการ ผูร้ ับ
จ้างต้องแจ้งให้ผูค้ วบคุมงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เพื่อขออนุ มตั ิทางานล่วงเวลาเป็ นลายลักษณ์ อกั ษรโดยผู ้
ควบคุมงานจะพิจารณาอนุมตั ิตามความเหมาะสม ในกรณี ที่การทางานนั้นจาเป็ นต้องมีผคู ้ วบคุมงานอยูค่ วบคุม ผูร้ ับจ้าง
ต้องเป็ นผูร้ ับภาระออกค่าใช้จ่ายในการทางานล่วงเวลาของผูค้ วบคุมงาน
2.14 กำรรับประกัน
2.14.1 หากมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ ับจ้างต้องรับประกันคุณภาพ ความสามารถการใช้งานของเครื่ องวัสดุ -
อุปกรณ์ และการติดตั้งเป็ นเวลำ 2 ปี นับจากวันลงนามในเอกสารรับมอบงานแล้ว
2.14.2 ระหว่างเวลารับประกัน หากเจ้าของโครงการตรวจพบว่าผูร้ ับจ้างจัดนาวัสดุ อุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้องหรื อ
คุณภาพต่ากว่าข้อกาหนดมาติดตั้ง ตลอดจนงานติดตั้งไม่ถูกต้องหรื อไม่เรี ยบร้อย ผูร้ ับจ้างต้องดาเนิ นการเปลี่ยนหรื อ
แก้ไขให้ถูกต้อง
2.14.3 ในกรณี ที่ เครื่ อง วัสดุ -อุปกรณ์ ต่างๆ เกิดชารุ ดเสี ยหายหรื อเสื่ อมคุณภาพอันเนื่องมาจากข้อผิดพลาด
ของผูผ้ ลิต หรื อการติดตั้งในระหว่างเวลารับประกัน ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการเปลี่ยนหรื อแก้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี
เช่นเดิม โดยมิชกั ช้า
2.14.4 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการโดยทันทีที่ได้รับแจ้งจากเจ้าของโครงการให้ เปลี่ยน หรื อแก้ไขเครื่ องอุปกรณ์
ตามสัญญารับประกัน มิฉะนั้นเจ้าของโครงการสงวนสิ ทธิ์ ที่จะจัดหาผูอ้ ื่นมาดาเนินการ โดยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นผูร้ ับจ้างต้อง
เป็ นผูร้ ับผิดชอบ
2.14.5 วัสดุหรื ออุปกรณ์ที่มีการระบุระยะเวลาการรับประกันมากกว่าที่ระบุใน 2.14.1 ผูร้ ับจ้างจะต้องส่งมอบ
หลักฐานการรับประกันจากผูผ้ ลิตหรื อผูจ้ ดั จาหน่าย ให้กบั เจ้าของโครงการพร้อมกับเอกสารส่งมอบงาน
2.15 กำรบริกำร
ผูร้ ับจ้างต้องจัดเตรี ยมช่างผูช้ านาญในแต่ละระบบไว้สาหรับตรวจสอบ ซ่ อมแซม และบารุ งรักษาเครื่ องและ
อุปกรณ์ ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีเป็ นประจาทุก 2 เดือน เป็ นระยะเวลำ 2 ปี โดยผูร้ ับจ้างต้องจัดทารายงานผลการ
ตรวจสอบเครื่ อง อุปกรณ์ ระบบ และการบารุ งรักษา เสนอเจ้าของโครงการภายใน 7 วัน นับจากวันตรวจสอบทุกครั้ง
3. กำรดำเนินงำนที่เกีย่ วข้องกับงำนสถำปัตยกรรมและโครงสร้ ำง
4. กำรประสำนงำน
4.2 กำรประชุมโครงกำร
ผูร้ ับจ้างต้องเข้าร่ วมประชุมโครงการ และประชุมในหน่วยงานซึ่ งจัดให้มีข้ นึ เป็ นระยะๆ โดยผูร้ ับจ้างงานอาคาร
หรื อผูค้ วบคุมงาน ผูเ้ ข้าร่ วมประชุมต้องมีอานาจในการตัดสิ นใจสั่งการ และทราบรายละเอียดของโครงการเป็ นอย่างดี
4.6 กำรรักษำควำมสะอำด
4.6.1 ผูร้ ับจ้าง ต้องขนขยะมูลฝอย เศษวัสดุ และสิ่ งของเหลือใช้ ออกจากพื้นที่ปฏิบตั ิงานทุกวัน โดยนาไปทิ้ง
รวมกันในบริ เวณส่วนกลางที่จดั ไว้ให้
4.6.2 ถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ ับจ้างต้องร่ วมเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จ่ายในการกาจัดขยะมูลฝอยต่างๆ ออก
จากบริ เวณโครงการ
4.7 กำรรักษำควำมปลอดภัย
ผูร้ ับจ้างต้องรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยด้านต่างๆ ภายในสถานที่ก่อสร้าง โดยถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ น
อย่างอื่น ผูร้ ับจ้างต้องเฉลี่ยค่าใช้จ่ายที่มีข้ นึ ร่ วมกับผูร้ ับจ้างงานอื่นๆ
5. แบบ และเอกสำร
5.2 ข้ อขัดแย้งของแบบ
ในกรณี ที่เกิดความคลาดเคลื่อน ขัดแย้ง หรื อไม่ชดั เจน ในแบบประกอบสัญญารายการ เครื่ อง วัสดุ อุปกรณ์และ
เอกสารสัญญา ในระหว่างการเสนอราคาผูร้ ับจ้างต้องรี บสอบถามผูอ้ อกแบบเพื่อเป็ นที่เข้าใจในการเสนอราคา ทั้งนี้ให้
ถือว่าผูร้ ับจ้างได้เสนอราคาครอบคลุมแล้ว ยกเว้นในกรณี ปัญหาที่เกิดจากการประสานงานในระหว่างก่อสร้าง ผูร้ ับจ้าง
ต้องรี บแจ้งให้ผคู ้ วบคุมงานและผูอ้ อกแบบทราบ เพื่อขอคาวินิจฉัยทันที โดยผูค้ วบคุมงานและผูอ้ อกแบบจะถือเอาส่วน
ที่ดีกว่า ถูกต้องกว่าเป็ นเกณฑ์ หากผูค้ วบคุมงานยังไม่แจ้งผลการพิจารณา ห้ามผูร้ ับจ้างดาเนินการในส่ วนนั้น มิฉะนั้นผู ้
รับจ้างจะต้องรับผิดชอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และผูค้ วบคุมงานอาจจะเปลี่ยนแปลงงานส่ วนนั้นได้ตามความเหมาะสม
ในกรณี ผรู ้ ับจ้างต้องดาเนินการแก้ไขจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มและเป็ นเหตุให้ขอต่อสัญญาไม่ได้
5.3 แบบประกอบสัญญำ
แบบประกอบสัญญาจ้างเหมาเป็ นเพียงแผนผังที่ออกแบบไว้เพื่อเป็ นแนวทางในการคิดราคาจ้างเหมา ตามความ
ต้องการของเจ้าของโครงการเท่านั้น ในการติดตั้งจริ งผูร้ ับจ้างต้องตรวจสอบกับแบบสถาปั ตย์ แบบโครงสร้าง, แบบ
ตกแต่งภายในและงานระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันไปด้วย ทั้งนี้หากจะต้องทาการปรับปรุ งงานบางส่ วนจากแบบ
ที่ได้แสดงไว้ โดยที่เห็นว่าเป็ นความจาเป็ นที่จะทาให้การติดตั้งงานระบบให้ถูกต้อง ได้คุณภาพตามความต้องการแล้ว
ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
6.3 กำรจัดเตรียมสถำนที่เก็บพัสดุ
ผูร้ ับจ้างต้องเป็ นผูจ้ ดั เตรี ยมสถานที่เก็บ เครื่ อง วัสดุ และอุปกรณ์ต่างๆ ในบริ เวณที่เหมาะสม และกว้างขวาง
พอที่จะสามารถทาการตรวจสอบ เคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก หากมิได้มีการเตรี ยมการล่วงหน้า เมื่อเครื่ อง วัสดุ และ
อุปกรณ์มาถึงหน่วยงาน ผูค้ วบคุมงานอาจไม่อนุญาตให้ทาการขนส่งเข้ายังบริ เวณสถานที่เก็บ
6.5.2 ในกรณี ที่ผูค้ วบคุมงานมี ความประสงค์ให้ผูร้ ั บจ้า งแสดงวิ ธีก ารติ ดตั้ง เพื่อเป็ นตัวอย่างหรื อความ
เหมาะสมแล้วแต่กรณี ผูร้ ับจ้างต้องแสดงการติดตั้ง ณ สถานที่ติดตั้งจริ งตามที่ผคู ้ วบคุมงานกาหนด เมื่อวิธีและการติดตั้ง
นั้นๆ ได้รับอนุมตั ิแล้ว ให้ถือเป็ นมาตรฐานในการปฏิบตั ิต่อไป
7.3 วิธีกำรทำสี
7.3.1 การทาหรื อพ่นสี แต่ละขั้น ต้องให้สีที่ทาหรื อพ่นไปแล้วแห้งสนิทก่อน
7.3.2 สี ที่ใช้ทา หรื อพ่น ประกอบด้วยสี 2 ส่วน คือ
7.3.2.1 สี รองพื้นใช้สาหรับป้ องกันสนิม และ/หรื อ เพื่อให้ยดึ เกาะระหว่างสี ทบั หน้ากับผิวงาน
7.3.4 วัสดุที่เป็ นโลหะ และใช้งานฝังดิน ให้เคลือบด้วย COAL TAR EPOXY อย่างน้อย 2 ชั้น
7.3.5 ในกรณี ที่มีการซ่อม หรื อทาสี ใหม่ อันเป็ นผลมาจากการเชื่อม การตัด -เจาะ และการทาเกลียว ให้ใช้สี
รองพื้นจาพวก ZINC RICH PRIMER ก่อนลงสี ทบั หน้า
7.3.6 ส าหรั บ สี ท าบนฉนวนเป็ นสี น้ า อะคริ ลิ ค มี ค วามยื ด หยุ่นสู ง กว่ า 400% มี คุ ณสมบัติ ใ นการยึ ดเกาะ
ระหว่างชั้นสี กบั ผิวฉนวนได้ดี ไม่หลุดร่ อนหรื อแตกลายงาเมื่อบีบกดหรื อดึงฉนวนยาง สามารถทนต่อรังสี อลั ตร้าไวโอ
เลต และเชื้อราได้ดี
8.2 รหัส
8.2.1 ถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น กาหนดให้ท่อร้อยสาย บ่อพักสาย และกล่องพักสายต่างๆ ทุกระบบต้อง
ทาหรื อพ่นสี ทบั หน้าตามรหัสสี ที่กาหนดโดยตลอดทั้งแนว ยกเว้นท่อที่ตอ้ งหุ้มฉนวนกันความร้อน และ/หรื อ วัสดุอื่นใด
8.2.2 ท่อร้อยสายและกล่องพักสายต่างๆ ทุกระบบที่ตอ้ งมีการหุ้มด้วยวัสดุอื่นๆ ให้ทาหรื อพ่นเฉพาะสี รอง
พื้นอย่างน้อย 2 ชั้น ก่อนการดาเนินการหุ้ม ยกเว้นท่อที่ได้ผา่ นการชุบผิวป้ องกันการผุกร่ อนแล้วเป็ นอย่างดี
8.2.3 ในกรณี ที่ผูค้ วบคุมงานพิจารณาเห็นว่า การทาหรื อพ่นสี ทบั หน้าตลอดแนวตามกาหนด ไม่สามารถ
กระทาได้ หรื อไม่เหมาะสมด้วยประการใดก็ตาม ต้องกาหนดรหัสไว้ที่อุปกรณ์ยึดจับท่อทั้งหมด และให้ทารหัสเป็ นแถบ
สี รอบท่อ มีความกว้างที่เหมาะสมตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ
8.3 สัญลักษณ์
8.3.1 ท่อร้ อยสายและกล่องพักสายทุกชนิ ด และ/หรื อ ท่อทุกระบบ ต้องมี สัญลักษณ์ และอักษรย่อ โดยมี
ขนาดที่เหมาะสม
8.3.2 ท่อร้อยสายไฟฟ้ าตลอดจนรางวางสายไฟฟ้ าต่างๆ ให้กากับเฉพาะอักษรสัญลักษณ์
8.6 สี และอักษรสัญลักษณ์
สี ที่ใช้ทาหรื อพ่น สาหรั บ เป็ นรหัส และทาสัญลักษณ์ ต่างๆ รวมทั้งอักษรสัญลักษณ์ ที่ใช้ในระบบต่างๆ ให้
เป็ นไปตามกาหนดดังนี้
ตัวอักษรมีลญ
ั
รำยละเอียด สีสัญลักษณ์ รหัสสี
ลักษณ์
• REFRIGERANT LIQUID PIPE RL ขาว ฟ้ า
• REFRIGERANT GAS PIPE RG ขาว ฟ้ า
• CONDENSATE DRAIN CD ขาว ฟ้ า
• CHILLED WATER SUPPLY CHS ขาว ฟ้ า
• CHILLED WATER RETURN CHR ขาว ฟ้ า
• CONDENSER WATER SUPPLY CDS ขาว ฟ้ า
• CONDENSER WATER RETURN CDR ขาว ฟ้ า
• COLD WATER SUPPLY CWS ขาว เขียว
• COLD WATER SUPPLY TO WATER STORAGE CWT ขาว เขียว
TANK
• SOFT WATER SF ขาว เขียว
• DRINKING WATER DW ดา เขียวอ่อน
• RAIN WATER RL ดา เขียวอ่อน
• WASTE W ขาว น้ าตาล
• SOIL S ขาว ดา
ตัวอักษรมีลญ
ั
รำยละเอียด สีสัญลักษณ์ รหัสสี
ลักษณ์
• VENT WASTE V(W) ดา เหลือง
• VENT SOIL V(S) ดา เหลือง
• VENT KITCHEN V(KW) ดา เหลือง
• VENT LAUNDRY V(LAUNDRY) ดา เหลือง
• VENT GREASE TRAP V(GT) ดา เหลือง
• VENT WASTE WATER TREATMENT V(WTT) ดา เหลือง
• VENT U-TRAP V (U-TRAP) V(U-TRAP) ดา เหลือง
KW ขาว ม่วง
• KITCHEN WASTE
• FIRE PROTECTION FP ขาว แดง
• DRAIN PIPE สาหรับระบบดับเพลิง DF ดา เขียว
• HOT WATER HW ขาว ส้ม
• HOT WATER RETURN HWR ขาว ส้ม
• GAS G ดา เหลือง
• ท่อ/ราง สายไฟฟ้ าควบคุม / ไฟฟ้ ากาลัง สาหรับระบบ AC ขาว ฟ้ า
ปรับอากาศ
• ท่อ/ราง สายไฟฟ้ าควบคุม / ไฟฟ้ ากาลัง สาหรับระบบ SAN ขาว ฟ้ า
สุ ขาภิบาล
• ท่อ/ราง สายไฟฟ้ าควบคุม / ไฟฟ้ ากาลัง สาหรับระบบ FP ขาว ฟ้ า
ป้ องกันเพลิงไหม้
L1 ขาว น้ าตาล
• BUSBAR และสายไฟฟ้ า เฟส A (R)
• BUSBAR และสายไฟฟ้ า เฟส B (S) L2 ขาว ดา
• BUSBAR และสายไฟฟ้ า เฟส C (T) L3 ดา เทา
• BUSBAR และสายไฟฟ้ าสายศูนย์ N ดา ฟ้ า
• BUSBAR และสายไฟฟ้ าสายดิน E ขาว เขียว
8.7 ข้ อกำหนดพิเศษสำหรับกำรทำสี
8.7.1 ท่อน้ าเย็น, ท่อลม, หัวจ่ายลมทุกชนิด รวมถึงเหล็กแขวนในส่ วนพื้นที่ตกแต่งภายในอาคารทั้งหมด ให้
ทาสี ตามงานตกแต่งภายในที่จะระบุภายหลัง
8.7.3 หัวจ่ายลมทุกชนิดที่ติดตั้งกับผนังอาคารภายนอก ให้ใช้สีตามงานสถาปัตย์ที่จะระบุภายหลัง
พื้นที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น การกาหนดสี ให้ข้ นึ กับดุลยพินิจของผูค้ วบคุมงาน
9.1 ข้ อกำหนดทั่วไป
9.1.1 ขอบเขตของงาน
9.1.1.1 ในส่ วนของอุปกรณ์เครื่ องจักรที่มีการสั่นสะเทือน ที่ได้ระบุไว้ในตารางอุปกรณ์หรื อใน
แบบข้อกาหนด ต้องทาการยึดหรื อแขวนอุปกรณ์ป้องกันการสั่นสะเทือน (VIBRATION ISOLATOR) เพื่อป้ องกันการ
ส่ งผ่านของแรงสั่นสะเทือนและเสี ยงไปยังโครงสร้างของอาคาร อุปกรณ์ป้องกันการสั่นสะเทือนต้องถูกเลือกให้ถูก
ประเภทการใช้งาน เหมาะสมกับการรับแรงของน้ าหนักเครื่ องจักร และมีค่า Static Deflection ที่เหมาะสมตามตาราง 42
ของ ASHRAE Applications Handbook ปี 1995 หรื อใหม่กว่า
9.1.1.2 VIBRATION ISOLATOR ที่ใช้ควรจะเป็ นจากผูผ้ ลิตรายเดียว
9.1.2 การขออนุมตั ิ
ผูผ้ ลิตอุปกรณ์ลดการสั่นสะเทือน (VIBRATION ISOLATOR) ต้องทาการส่งรายละเอียดของอุปกรณ์ที่
ใช้เพื่อขออนุมตั ิ ดังนี้
9.1.2.1 ตารางรายละเอียดการคานวณการเลือกใช้ VIBRATION ISOLATOR โดยระบุค่าของการ
รับน้ าหนัก และค่า Static Deflection ที่ถูกต้องเหมาะสม โดยต้องมีค่ามากกว่า STATIC DEFLECTION ของพื้น
9.1.2.2 รายละเอี ย ดของอุ ป กรณ์ ป้ องกัน การสั่ น สะเทื อ นตาม CATALOG ที่ สอดคล้อ งกับ การ
คานวณ และการเลือกใช้รวมทั้งเป็ นไปตามข้อกาหนดในส่ วนที่ 9.2 ไม่ควรใช้เป็ นเอกสารชี้แจงจากทางผูผ้ ลิตในการขอ
อนุมตั ิ
9.1.2.3 เอกสารประกอบของผูจ้ ดั จาหน่ ายและผูผ้ ลิตที่ยืนยันถึ งความมีประสบการณ์ และความ
พร้อมของอุปกรณ์ ในการวัดและการแก้ไขปัญหาเรื่ องเสี ยงและการสั่นสะเทือน
มิลลิเมตร) เพื่อป้ องกันเสี ยงที่ความถี่สูง การขออนุมตั ิตอ้ งส่งเอกสาร (CATALOG) แสดงรายละเอียดของตัวสปริ งที่บอก
ถึงรายละเอียดของน้ าหนักที่รับ, ระยะยุบตัวใช้งาน (COMPRESSED SPRING HEIGHT), ระยะยุบตัวมากที่สุด (SOLID
SPRING HEIGHT), เส้นผ่านศูนย์กลางสปริ ง และค่า STATIC DEFLECTION ที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อพิจารณา
9.2.3 สปริ งตั้งพื้นที่ป้องกันแรงลมปะทะและมี LIMIT STOP สาหรับรอง CHILLER, COOLING TOWER
ในกรณี ที่อุปกรณ์เครื่ องจักรมีความแตกต่างมากของน้ าหนักในช่วงติดตั้ง และช่วงเครื่ องจักรทางาน
จริ ง เช่น CHILLERS, BOILER และที่ตอ้ งปะทะกับแรงลม เช่น COOLING TOWER คุณสมบัติของสปริ งที่ใช้ให้เป็ นไป
ตามข้อกาหนด ข้อ 9.2.2 แต่ตวั โครงสร้าง (HOUSING) รับตัวสปริ งต้องมีตวั LIMIT STOP เพื่อป้ องกันการยืดตัวมาก
เกินไปของตัวสปริ ง ในกรณี ที่อาจมีการปล่อยน้ าออกจากตัวอุปกรณ์ CHILLER หรื อ BOILER อันเป็ นสาเหตุที่ทาให้
อุปกรณ์และระบบท่อเสี ยหาย ตัวโครงสร้างต้องสามารถรับแรงปะทะ เนื่องจากแรงลมในกรณี ที่ติดตั้งบนดาดฟ้ าอาคาร
สู ง โดยมีขอ้ มูลทางวิศวกรรมแสดงค่าป้ องกันแรงลมปะทะไว้ใน CATALOG อย่างชัดเจน การขออนุมตั ิตอ้ งส่ งเอกสาร
(CATALOG) แสดงรายละเอียดของตัวสปริ งที่ บอกถึ งรายละเอียดของน้ าหนักที่รับ, ระยะยุบตัวมากที่ สุด (SOLID
SPRING HEIGHT), เส้นผ่านศูนย์กลางของสปริ ง และค่า STATIC DEFLECTION ที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อพิจารณา
9.2.4 สปริ งแขวน (SPRING HANGER ISOLATOR)
ใช้แขวนท่อที่ระยะแนวนอนเหนื อปั๊ มน้ าและตัว CHILLER จานวนประมาณ 4 จุดแรก สปริ งแขวน
ประกอบไปด้วยตัวโครงสร้า ง (HOUSING) รับตัวสปริ ง ด้านบนประกอบไปด้วยลูกยาง NEOPRENE ที่ความหนาไม่
น้อยกว่า 1¼ นิ้ว (32 มิลลิเมตร) ตัวสปริ งเป็ นไปตามข้อกาหนดในข้อ 9.2.2 ตัวโครงสร้าง (HOUSING) ต้องมีรูร้อย Rod
ที่ใช้แขวนให้กว้างพอที่จะให้เกิดการเหวี่ยง (SWING) ของตัว ROD ได้ไม่นอ้ ยกว่า 30° เพื่อป้ องกันแรงสั่นสะเทือนที่จะ
ทาให้ ROD กระทบกับตัวโครงสร้าง (HOUSING) สปริ งและทาให้แรงสั่นสะเทือนถูกส่งผ่านไปได้
10.2 ขอบเขตของงำน
ผูร้ ับจ้างจะต้องจัดหาและติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลาม ให้เป็ นไปตามรู ปแบบที่ระบุไว้ในระบบการกันไฟ
และควันลามสาหรับช่องเปิ ด ช่องท่อ ช่องลอด รวมถึง รอยต่อใดๆที่ตอ้ งปิ ดเพื่อการกันไฟและควันลามแต่มิได้กาหนด
ในแบบ อาทิเช่น
10.2.1 ช่องเปิ ดทุกช่องไม่ว่าจะอยูท่ ี่ใดของผนัง พื้น คาน หรื ออื่นๆ
10.2.2 ช่องท่อต่างๆซึ่ งได้เตรี ยมไว้สาหรับการใช้ในงานติดตั้งระบบท่อหลังจากที่ได้ติดตั้งท่อไปแล้วและมี
ช่องว่างเหลืออยู่
10.2.3 ช่องเปิ ด ช่องท่อ หรื อช่องลอดที่เตรี ยมไว้สาหรับติดตั้งระบบท่อในอนาคต
10.2.4 ช่องเปิ ด ช่องท่อ หรื อช่องลอดสาหรับสายไฟฟ้ า สายเคเบิลหรื อสายอื่นๆ ท่อร้อยสายไฟฟ้ า สายเคเบิล
หรื อสายอื่นๆ หรื อรางสายไฟฟ้ า สายเคเบิลหรื อสายอื่นๆ ที่มีช่องว่างอยู่
10.2.5 ภายในช่องเปิ ด ช่องท่อ หรื อช่องลอดที่ทะลุพ้นื ทนไฟ ผนังทนไฟหรื อเพดานทนไฟ
10.3 คุณสมบัติทั่วไปของวัสดุ
10.3.1 ระบบป้ องกันไฟและควันลามต้องใช้วสั ดุ ป้องกันไฟและควันลามที่ ได้รับการทดสอบตามวิธีการ
ทดสอบของมาตรฐาน ASTM E 814 (Standard Test Method for Fire Tests of Through – Penetration Fire Stops) และ
ได้รั บ การรั บ รองตามมาตรฐาน (Certificate of Compliance) UL1479 (Fire Tests of Through-Penetration Firestops)
รวมถึงมาตรฐาน Factory Mutual (FM) และ LPCB (Loss Prevention Certification Board) สถาบันทดสอบที่ได้รับการ
รับรองจากมาตรฐานต่างๆในข้างต้น UL (Underwriter’ Laboratories Inc)
10.3.2 วัสดุป้องกันไฟและควันลามต้องมีรูปแบบการติดตั้งที่สอดคล้องกับหน้างานโดยมี test UL report no.
มาอ้างอิงในส่วนการติดตั้ง ซึ่งแบ่งตามลักษณะหน้างานดังนี้
- งานไฟฟ้ า หากติดตั้งก่อนจ่ายไฟ อ้างอิงตาม UL test report no. C-AJ-1140, C-AJ-4017, C-AJ-6006
- งานไฟฟ้ า หากติดตั้งหลังจ่ายไฟ อ้างอิงตาม UL test report no. C-AJ-1140, C-AJ-4017, C-AJ-6017
- งานระบบเครื่ องกล สุ ขาภิบาล และงาน fire protection อ้างอิงตาม UL test report no. C-AJ-1140, C-
AJ-1453, C-AJ-2055, C-AJ-2305, C-AJ-2342, C-AJ-2371, C-AJ-2420, C-AJ-5090, C-AJ-5091
10.4 วัสดุป้องกันไฟและควันลำม
ก่อนการติดตั้งระบบการป้ องกันไฟและควันลามทุกตาแหน่ ง ผูร้ ับจ้างมีหน้าที่นาเสนอ Shop drawing ระบบ
ป้ องกันไฟและควันลาม โดยแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ท้งั หมด พร้อมสาเนาเอกสารอ้างอิง (Test Report) เพื่อให้ผู ้
ควบคุมงานพิจารณาอนุ มตั ิตามที่ผูร้ ับจ้างนาเสนอ โดยรายละเอียดใน Shop Drawing ต้องเป็ นไปตามผลการทดสอบ
ระบบป้ องกันไฟและควันลามตามมาตรฐานที่ ทางผูอ้ อกแบบกาหนด โดยต้องสอดคล้องกับลักษณะหน้างานจริ ง
หลัง จากนั้น ต้อ งติ ด ตั้ง วัส ดุ ป้องกันไฟและควันลามในช่ อ งเปิ ด ช่ อ งท่ อ ช่ อ งลอด และรอยต่ อ ทั้ง หมด โดยให้ได้
ความสามารถในการกันไฟ (F-Rating) ตามที่กาหนด โดยกลุ่มวัสดุที่สามารถเลือกใช้ได้ มีดงั นี้
10.4.1 วัสดุป้องกันไฟและควันลามชนิดที่ขยายตัวภายใต้สภาวะเพลิงไหม้ (Intumescent reaction) เป็ นวัสดุที่
ขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนจากการเกิดเพลิงไหม้ โดยวัสดุดงั กล่าวจะขยายตัวไปแทนที่ช่องว่างในช่องเปิ ดที่เกิดขึ้น เช่น
กรณี การยุบตัวของท่อพลาสติก หรื อฉนวนที่ใช้หุ้มท่อ เป็ นต้น
10.4.2 วัสดุป้องกันไฟและควันลามชนิดที่เปลี่ยนเป็ นเถ้าถ่านภายใต้สภาวะเพลิงไหม้ (Carbonization reaction
) เป็ นวัสดุที่เปลี่ยนเป็ นเถ้าถ่านเมื่อได้รับความร้อนจากการเกิดเพลิงไหม้แล้วจะกลายเป็ นขี้เถ้าในภายหลัง แต่ใช้เวลานาน
มาก วัสดุประเภทนี้สามารถใช้งานกับ รอยต่อระหว่างชิ้นส่ วนโครงสร้าง (Construction joint) เช่น ผนังกับพื้น และช่อง
เปิ ดซึ่งท่อ สายไฟฟ้ าเปลือย หรื อวัตถุที่ลอดผ่านไม่มีการยุบตัวหรื อเสี ยรู ปขณะเกิดเพลิงไหม้ เช่น ท่อเหล็ก เป็ นต้น
10.4.3 วัสดุป้องกันไฟและควันลามชนิ ดที่คายสารหล่อเย็นภายใต้สภาวะเพลิงไหม้ (Endothermic reaction)
วัสดุป้องกันไฟลามชนิดนี้จะคายสารหล่อเย็นออกมา โดยจะทางานร่ วมกับแผ่นฉนวนใยหิน (Mineral wool) เหมาะกับ
การใช้งานในช่องเปิ ดขนาดใหญ่ เช่น ช่องเปิ ดงานไฟฟ้ า ช่องเปิ ดงานสุ ขาภิบาล ช่องเปิ ดงานระบบปรับอากาศ เป็ นต้น
10.6 กำรติดตั้งระบบกันไฟและควันลำม
10.6.1 ก่อนการติดตั้งระบบกันไฟและควันลามทุกตาแหน่ง ผูร้ ับจ้างมีหน้าที่นาเสนอ Shop drawing ระบบกัน
ไฟและควันลาม (Request for Shop drawing approval) โดยแสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้กนั ไฟและควันลาม รวมถึง
รายละเอียดของวัสดุท้ งั หมดในระบบในช่องเปิ ด ช่องท่อ ช่องลอด ประเภททะลุผ่าน(Through Penetrations) หรื อช่อง
เปิ ดประเภทรอยต่องานก่อสร้าง (Construction Joint) หรื อช่องเปิ ดประเภทรอยต่องานผนัง Curtain Wall และพื้นอาคาร
(Perimeter Joints) พร้อมสาเนาเอกสารอ้างอิงเพื่อให้ผูค้ วบคุมงานพิจารณาอนุ มตั ิระบบกันไฟและควันลามที่ผรู ้ ับจ้าง
นาเสนอสอดคล้องกับระบบกันไฟและควันลามตามวิธีการมาตรฐานดังนี้
10.6.1.1 สาเนาเอกสาร UL test ที่ใช้อา้ งอิง
10.6.1.2 เอกสาร EJ (Engineering Judgment) ตามคาแนะนาจากผลิตภัณฑ์ที่นามาใช้
10.6.2 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการจัดส่ งรายการตรวจสอบ (Inspection Checklist) ทั้งก่อนการติดตั้ง ระหว่างการ
ติดตั้ง และหลังการติดตั้ง ให้ผคู ้ วบคุมงานพิจารณาอนุมตั ิก่อนดาเนินการติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลาม
10.6.3 หลังจากผูค้ วบคุมงานพิจารณาอนุ มตั ิเอกสาร Shop drawing และ Inspection checklist แล้ว ก่อนการ
ติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลาม ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการจัดเตรี ยมพื้นที่ที่จะทาการติดตั้งระบบกันไฟและควันลามให้
เป็ นไปตามข้อ บ่ ง ใช้ข องผลิ ต ภัณฑ์ รวมถึ ง ข้อ แนะน าในรายงานผลทดสอบมาตรฐาน UL ก่ อ นจัด ส่ ง เอกสารนัด
ตรวจสอบงาน (Request for Inspection) ให้ผคู ้ วบคุมงาน โดยมีรายการจัดเตรี ยมพื้นที่โดยสังเขปดังนี้
10.6.3.1 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการตรวจสอบและแก้ไขส่ วนประกอบของช่องเปิ ด ช่องท่อ ช่องลอด
หรื อรอยต่อที่จะทาการติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลามให้เป็ นไปตามข้อกาหนดของผูผ้ ลิต
10.6.3.2 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการตรวจสอบและแก้ไขพื้นผิววัสดุที่จะทาการติดตั้งระบบกันไฟและ
ควันลาม โดยต้องไม่ให้มีน้ ามัน จารบี ฝุ่ น หรื อสิ่ งสกปรกอื่นๆ ที่ทาให้ความสามารถในการยึดเกาะของวัสดุป้องกันไฟ
และควันลามลดลง
10.6.3.3 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนินการป้ องกันพื้นผิววัสดุบริ เวณใกล้เคียงด้วยการติดเทปหรื อคลุมด้วยผ้า
หรื อผืนพลาสติก
10.6.3.4 ผูร้ ับจ้างต้องดาเนิ นการตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้ น สภาพอากาศ และการระบายอากาศ
บริ เวณที่จะทาการติดตั้งให้เป็ นไปตามข้อบ่งใช้ของผลิตภัณฑ์ก่อนการติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลาม
10.7 กำรควบคุมคุณภำพ
10.7.1 ผูต้ ิ ดตั้งระบบกันไฟและควันลาม ต้องเป็ นผูไ้ ด้รับ และผ่านการอบรมวิธีการติ ดตั้งจากผูผ้ ลิ ตวัส ดุ
ป้ องกันไฟและควันลาม โดยต้องแสดงสาเนาเอกสารรับรองจากผูผ้ ลิตในรายการตรวจสอบ (Inspection Checklist) ให้ผู ้
ควบคุมงานพิจารณาก่อนการดาเนินการ
10.7.2 วัสดุป้องกันไฟและควันลามที่ใช้ท้ งั ระบบต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ที่เป็ นยี่ห้อเดียวกัน เว้นแต่จะได้รับการ
รับรองจากผูผ้ ลิตว่าสามารถนามาใช้ร่วมกันได้ โดยผูร้ ับ จ้างต้องแสดงเอกสารดังกล่าวนาเสนอในเอกสารขออนุมตั ิวสั ดุ
(Request for Material Approval) ด้วย
10.8 เอกสำรที่ต้องนำส่ ง
10.8.1 เอกสารขออนุมตั ิวสั ดุ (Request for Material Approval)
10.8.1.1 รายละเอียดทางเทคนิคของวัสดุป้องกันไฟและควันลามทุกประเภท
10.8.1.2 เอกสารข้อแนะนาวิธีการติดตั้งและวิธีการควบคุมคุณภาพที่ถูกต้องสาหรับวัสดุป้องกันไฟ
และควันลามแต่ละประเภทจากผูผ้ ลิต
10.9 กำรรับประกันผลงำน
10.9.1 ผูร้ ับจ้างต้องรับประกันคุณภาพของวัสดุกนั ไฟลามและการติดตั้งตามมาตรฐานของผูผ้ ลิตวัสดุป้องกัน
ไฟและควันลาม และการติดตั้งตามวิธีการติดตั้งที่ระบุไว้ในระบบกันไฟและควันลามที่ผ่านการรับรองจาก UL เป็ นเวลา
อย่างน้อย 2 ปี
10.9.2 เมื่อติดตั้งแล้วหากมีการหลุดร่ อนหรื อมีขอ้ บกพร่ องใดๆ ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของการติดตั้ง
และ/หรื อ ผลิตภัณฑ์ที่นามาใช้ ผูร้ ับจ้างต้องทาการแก้ไขและซ่อมแซมให้อยูใ่ นสภาพดี โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ ทั้งสิ้น
10.9.3 ผูร้ ับจ้างมีหน้าที่จดั เตรี ยมการป้ องกันความเสี ยหายที่อาจเกิดขึ้นกับวัสดุป้องกันไฟและควันลามทั้ง
ขณะติดตั้งและหลังติดตั้งเพื่อให้มนั่ ใจว่าจะไม่เกิดความบกพร่ องต่อส่ วนหนึ่ งส่ วนใดของระบบป้ องกันอัคคีภยั ของ
โครงการ ซึ่ งหากมีการตรวจพบความบกพร่ องเกิดขึ้นกับวัสดุป้องกันไฟและควันลามในส่ วนใดส่ วนหนึ่งของจุดติดตั้ง
ผูร้ ับจ้างจะต้องทาการรื้ อถอน ทาความสะอาด และติดตั้งใหม่ท้งั หมดในตาแหน่งที่พบความบกพร่ องดังกล่าว โดยมิให้
นาวัสดุที่ถูกรื้ อถอนกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด
10.9.4 ภายในระยะประกัน ผูร้ ับจ้างต้องทาการซ่อมแซมให้อยูใ่ นสภาพที่สมบูรณ์โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ ทั้งสิ้น
ตัวอย่ำงกำรติดตั้งวัสดุป้องกันไฟและควันลำมในลักษณะงำนประเภทต่ ำงๆ
11. เครื่องปรับอำกำศแบบปรับปริมำณน้ำยำอัตโนมัติ
(Variable Refrigerant Volume System)
11.1 ข้ อกำหนดทั่วไป
11.1.1 ขอบเขตของงาน
ผูร้ ับจ้างจะต้องดาเนินการจัดหาและติดตั้งระบบปรับอากาศ รวมทั้งวัสดุและอุปกรณ์ประกอบที่แสดง
หรื อระบุในแบบและในข้อกาหนดประกอบแบบ เครื่ องปรับอากาศ วัสดุ และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดที่นามาติดตั้ง
จะต้องเป็ นของใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน พร้อมทั้งทาการทดสอบการทางานของระบบปรับอากาศให้ใช้งาน
ได้สมบูรณ์ ถูกต้องตามความประสงค์ของแบบและโครงการ
11.1.2 คุณสมบัติของผูร้ ับจ้างติดตั้งระบบปรับอากาศและผลิตภัณฑ์เครื่ องปรับอากาศ
11.1.2.1 ผูร้ ับจ้างติดตั้งระบบปรับอากาศ จะต้องเป็ นผูแ้ ทนจาหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรง จาก
บริ ษทั ผูผ้ ลิตหรื อผูแ้ ทนจาหน่ายหลักของเครื่ องปรับอากาศ ทั้งนี้ ผูร้ ับจ้างจะต้องติดตั้งระบบปรับอากาศรวมทั้งระบบ
ไฟฟ้ าของระบบปรับอากาศโดยช่างผูช้ านาญ และมีวิศวกรเครื่ องกลผูช้ านาญเป็ นผูค้ วบคุมการติดตั้ง อีกทั้งระบบปรับ
อากาศและผลิตภัณฑ์เครื่ องปรับอากาศที่เสนอใช้ในโครงการจะต้องเป็ นยี่ห้อที่ใช้แพร่ หลายในประเทศไทยมาแล้วไม่
น้อยกว่า 15 ปี และคิดเป็ นจานวนตันความเย็นไม่นอ้ ยกว่า 5,000 ตันความเย็น
11.1.2.2 ผูร้ ับจ้างต้องมีความเข้าใจในมาตรฐานการติดตั้งระบบปรับอากาศ VRV ที่ถูกต้อง ซึ่ งผูร้ ับ
จ้างจะต้องผ่านการฝึ กอบรมระบบ VRV และเคยผ่านการตรวจสอบการติดตั้งจากบริ ษทั ผูผ้ ลิตระบบปรับอากาศระบบ
VRV ในโครงการที่ติดตั้งจริ ง ทั้งนี้ ผูร้ ับจ้างหรื อผูร้ ับเหมาช่วงจะต้องเป็ นตัวแทนในการติดตั้งอย่างเป็ นทางการจาก
บริ ษทั ผูผ้ ลิตและมีเอกสารยืนยันการเป็ น “Authorized VRV Engineering Dealer” และ “Authorized VRV Engineering
Installation” ภายในนามบริ ษทั ผูผ้ ลิตนั้นๆ มาแสดงแก่ผคู ้ วบคุมงานด้วย เพื่อให้ทางโครงการมีความมัน่ ใจในคุณภาพ
การติดตั้งว่าเป็ นไปตามมาตรฐานและค่าการใช้พลังงานเป็ นไปตามมาตรฐานของผูผ้ ลิตกาหนดไว้
11.1.2.3 ผูร้ ับจ้างจะต้องเสนอรายละเอียดต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณา ดังต่อไปนี้
- แคตตาล็อกตัวจริ ง ที่แสดงรายละเอียดทางวิศวกรรมของตัวเครื่ องปรับอากาศ วัสดุ
และอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่กาหนดในแบบ และรายการประกอบแบบทั้งหมด
- ก่ อ นเข้า ด าเนิ น การติ ด ตั้ง ให้ ผู ้รั บ จ้า งเสนอแบบรายละเอี ย ดการติ ด ตั้ง (SHOP
DRAWING) มาให้ ผู ้ค วบคุ ม งานหรื อวิ ศ วกรผู ้อ อกแบบ เพื่ อ ตรวจสอบก่ อ น
ดาเนินการติดตั้ง โดยต้องแนบสาเนาใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกร
เครื่ องกลที่ควบคุมการติดตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ในกรณี ที่ไม่เสนอแบบ
รายละเอียดการติดตั้ง (SHOP DRAWING) เพื่อขออนุมตั ิ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
ดาเนินการติดตั้ง
11.1.3 การดาเนินงาน
ผูร้ ับจ้างจะต้องใช้วิศวกรเครื่ องกลที่มีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกร ซึ่งเป็ นบุคลากร
ของบริ ษทั เอง มาทาการควบคุมการติดตั้งหรื อว่าจ้างผูท้ ี่มีความชานาญการติดตั้งมาควบคุมการติดตั้ง ตามแบบแปลนที่
ได้รับการอนุมตั ิเรี ยบร้อยแล้ว ผูร้ ับจ้างจะต้องจัดส่ งตัวอย่างวัสดุที่จะใช้งานทุกอย่างมาขออนุมตั ิการใช้งาน จากวิศวกร
ผูอ้ อกแบบและผูค้ วบคุมงานก่อนทาการติดตั้ง
11.2 รำยละเอียดเครื่องปรับอำกำศ
เครื่ องปรับอากาศเป็ นระบบแบบรวมศูนย์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่ งคอนเดนซิ่ งยูนิต (CONDENSING
UNIT) 1 ชุดสามารถต่อกับเครื่ องส่ งลมเย็น (FAN COIL UNIT) ได้หลายชุด ใช้สารทาความเย็น R-410A และสามารถ
ควบคุมได้จากระบบควบคุมกลาง (CENTRAL CONTROL UNIT) โดยคอนเดนซิ่ งยูนิต (CONDENSING UNIT) และ
เครื่ องส่งลมเย็น (FAN COIL UNIT) ทั้งชุดประกอบมาเสร็ จเรี ยบร้อยจากโรงงานผูผ้ ลิตในประเทศไทย, ยุโรป หรื อญี่ปนุ่
ภายใต้ลิขสิ ทธิ์ ของผลิตภัณฑ์น้ นั และต้องเป็ นยี่ห้อเดียวกันทุกอุปกรณ์ โรงงานของผูผ้ ลิตจะต้องได้รับมาตรฐาน ได้แก่
ISO 14001, ISO 9001 เป็ นต้น
ผลิ ต ภัณฑ์เ ครื่ อ งปรั บ อากาศที่ ใ ช้ใ นโครงการจะต้อ งมี สมรรถนะตามที่ ก าหนดในแบบและมี ร ายละเอี ย ด
ข้อกาหนดของตัวเครื่ องปรับอากาศ ดังต่อไปนี้
11.2.1 คอนเด็ น ซิ่ ง ยูนิ ต แบบเป่ าบน (CONDENSING UNIT VERTICAL FLOW) ระบายความร้ อ นด้วย
อากาศ ประกอบเรี ยบร้อยทั้งชุดมา จากโรงงานผูผ้ ลิตในประเทศไทย, ยุโรป หรื อญี่ปุ่น โดยมีรายละเอียดดังนี้
11.2.1.1 ส่ วนโครงภายนอก (CASING, CARBINET) ทาด้วยแผ่นเหล็กที่ผ่านกระบวนการกันสนิม
และกระบวนการเคลือบอบสี หรื อวัสดุที่ทนต่อการเป็ นสนิม เช่น ไฟเบอร์ กลาส หรื อพลาสติกอัดแข็งที่ เหมาะสาหรับ
การติดตั้งกลางแจ้ง ตัวโครงจะต้องมัน่ คงแข็งแรงไม่สั่นสะเทือน หรื อเกิดเสี ยงดังเมื่อใช้งาน
11.2.1.2 วัสดุ ที่ใช้ในการผลิ ตชิ้ นส่ วนต่างๆที่ ประกอบเป็ นเครื่ องปรับอากาศ ต้องผ่านมาตรฐาน
RoHS (Restriction of Hazardous Substances) สาหรับอุปกรณ์ไฟฟ้ าและอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ มาตรฐานนี้มีจุดประสงค์
เพื่อจากัดการใช้สารเคมีอนั ตรายบางชนิด (สารตะกัว่ , แคดเมียม, เฮกซะวาเลนท์, สารปรอท, โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์
(PBB), โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (PBDE)) ในอุปกรณ์ไฟฟ้ าและอิเลคโทรนิคส์
11.2.1.3 คอนเด็นซิ่งยูนิทสามารถทางานเป็ นโมดูลเดี่ยวๆได้หรื อจะประกอบกันเป็ น SYSTEM ก็ได้
โดยควรประกอบได้สูงสุ ด 3 โมดูลรวมเป็ น 1 SYSTEM กรณี ที่ประกอบด้วย 2 โมดูลหรื อ 3 โมดูล หากมี 1 โมดูลเสี ย
โมดูลที่เหลือสามารถจ่ายความเย็นให้ท้งั ระบบได้โดย ผูใ้ ช้งานสามารถเปิ ดเองได้ดว้ ย Remote Control ปกติ
ในแต่ละโมดูลต้องมีชุด INVERTER เป็ นตัวควบคุมการเปลี่ยนความเร็ วรอบของมอเตอร์ โดยที่ชุด
INVERTER เป็ นแบบ IGBT (INSULATED GATE BIPOLAR TRANSISTER) และยี่ ห้ อ ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ใ ช้ ใ น
โครงการนี้ จะต้องเป็ นยี่ห้อที่มีประสบการณ์ในการใช้ชุด INVERTER เป็ นตัวควบคุมการปรับเปลี่ยนปริ มาณสารทา
ความเย็น ซึ่งถูกติดตั้งและใช้อย่างแพร่ หลายในประเทศไทยมาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ จะต้อ งรองรั บ กับ ระบบการเปลี่ ย นอุ ณ หภู มิ ข องสารท าความเย็น ด้ว ย VRT (Variable
Refrigerant Temperature) สาหรับรุ่ นเป่ าบน [VENTICAL FLOW]
11.2.3.8 เครื่ องเป่ าลมเย็นชนิดตั้งพื้นแบบเป่ าขึ้นต่อท่อลม มีขนาดตั้งแต่ 48,000 BTU/H ถึง 190,000
BTU/H สามารถต่อช่อง Fresh Air และ ปรับขนาด Pully เพื่อปรับระดับ External Static ได้
11.2.3.9 เครื่ องส่งลมเย็นชนิดติดผนัง(Wall Type) ขนาดทาความเย็นตั้งแต่ 7,500 BTU/H ถึง 24,200
BTU/H สามารถปรับแรงลมได้ 2 ระดับ โดยมีระดังเสี ยงระหว่างการทางานไม่เกิน 47 dBa
11.2.3.10 ระบบควบคุม มีสวิตช์ เปิ ด-ปิ ดเครื่ องและปรับความเร็ วรอบพัดลม พร้อมทั้งสวิตช์เทอร์
โมสแตตอยู่ที่เครื่ อง หรื อเป็ นแบบตั้งแยก (REMOTE TYPE) ที่ต่อสายส่ งสัญญานควบคุมการทางาน ระหว่างเครื่ องส่ง
ลมเย็นกับชุดควบคุมการทางาน (CONTROLLER) เป็ นแบบ NON POLARITY ด้วยสาย 2 แกน
11.2.3.11 แผงกรองอากาศเป็ นแบบอลูมิเนียม, ใยสังเคราะห์ หรื อ RESIN NET ที่สามารถถอดล้างทา
ความสะอาดได้
▪ เครื่ องส่ งลมเย็น (Fan coil unit) ชนิ ดซ่ อนใต้ฝ้า (Duct type) แผงกรองอากาศเป็ นแบบใย
สังเคราะห์ สามารถถอดล้างทาความสะอาดได้ Filter ที่ใช้ตอ้ งมีความละเอียดในการกรอง
ไม่ต่ากว่า Merv 4 (ANSI/ASHRAE Standard 52.2)
▪ เครื่ องส่งลมเย็น (Fan coil unit) ชนิดติดผนัง (Wall type), ชนิดเป่ าลมเย็นสี่ ทิศทาง (Cassette
type), ชนิ ด แขวนใต้ฝ้ า (Ceiling suspended), ชนิ ด ตู้ต้ ัง เป่ าลมเย็น (Floor Standing type)
เป็ นแบบ Resin net สามารถถอดล้างทาความสะอาดได้ Filter ที่ใช้ตอ้ งมีความละเอียดใน
การกรองไม่ต่ากว่า Merv 4 (ANSI/ASHRAE Standard 52.2)
11.2.3.12 ระบบไฟฟ้ า 220 V / 1 Ø / 50 Hz
11.2.4 เครื่ องส่งลมเย็น AHU ของระบบ VRV
11.2.4.1 เครื่ องส่ งลมเย็น (Air Handling Unit-AHU) ต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกันกับคอนเด็นซิง
ยูนิตและเป็ นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจาหน่ายเป็ นมาตรฐานอยู่แล้ว เพื่อให้ระบบสามารถทางานได้อย่างเต็มประสิ ทธิ ภาพ
คอยล์ร้อนที่นามาต่อกับเครื่ องส่ งลมเย็นจะต้องเป็ นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศและใช้สารทาความเย็นชนิด R-
410A เท่านั้น
11.2.4.2 เครื่ องส่งลมเย็นต้องมีความสามารถในการทาความเย็นตั้งแต่ 6HP ถึง 120HP และจ่ายลมได้
ตั้งแต่ 3,240 CMH ถึง 59,760 CMH
11.2.4.3 AHU ของระบบ VRV ต้อ งสามารถใช้ร่ ว มกับ ระบบควบคุ ม ส่ ว นกลางได้ และต้อ งมี
อุ ป กรณ์ เสริ ม ที่ สามารถทาให้ AHU ถู กควบคุม โดยระบบบควบคุม อาคาร (BMS) ได้ โดยเลื อกได้ร ะหว่างระบบ
BACnet หรื อ LonWorks
11.2.4.4 รู ปแบบของเครื่ องส่ งลมเย็นต้องสามารถเลือกคุณสมบัติต่างๆได้ เช่น ชนิ ดของตัวกรอง
อากาศ, ทิศทางของช่องอากาศเข้าและออก, ตาแหน่งของประตูบริ การ, ชนิดของโคมไฟบริ การ, รู ปแบบของใบพัด และ
ลักษณะของการขับเคลื่อน เป็ นต้น
11.2.4.5 เครื่ องส่ งลมเย็นต้องสามารถควบคุมได้ท้ งั อุณหภูมิ และความชื้ นสัมพัทธ์ ตามที่กาหนด
และสามารถทางานร่ วมกับ ชุ ด ขดลวดความร้ อ น (Electrical Heater) โดยประกอบสาเร็ จจากโรงงานภายใต้ผูผ้ ลิ ต
เดียวกันกับเครื่ องส่งลมเย็น (ในกรณี ที่แบบกาหนดว่าต้องมีชุดขดลวดความร้อน)
11.2.4.6 ผนังของเครื่ องส่งลมเย็นต้องมีให้เลือกทั้งแบบผนังชั้นเดียวและผนังสองชั้น เพื่อให้เหมาะ
กับลักษณะการใช้งาน ดังนี้
11.5 กำรปรับปริมำณอำกำศและกำรทดสอบ
11.5.1 เมื่ อ ติ ด ตั้ง ระบบปรั บ อากาศเสร็ จ เรี ย บร้ อ ยแล้ว ถ้า มี ร ะบบท่ อ ลมและหัว จ่ า ยลมแล้ว ผูร้ ั บ จ้า งจะ
ต้องปรับปริ มาณอากาศให้เท่ากับปริ มาณที่กาหนดไว้ในแบบ โดยที่ยอมให้มีค วามแตกต่างได้ไม่เกินร้อยละ 10 และ
อากาศที่ออกมาจากแต่ละหัวจ่าย จะต้องสมดุลกันทุกทิศทาง การปรับปริ มาณลมนั้นให้ปรับที่แผ่นของลมเลี้ยวหรื อ
อาจจะปรับที่ชุดแผ่นรับปริ มาณลมที่หวั จ่ายลมก็ได้ แต่ตอ้ งไม่ให้เกิดเสี ยงดัง
11.5.2 การทดสอบ ให้กระทาโดยตรวจวัดข้อมูลต่างๆ ทางวิศวกรรมที่สาคัญๆ เช่น ความดันของสารทาความ
เย็น กระแสไฟฟ้ าที่ใช้ของมอเตอร์ ทุกตัว ปริ มาณลมที่หวั จ่ายลมทุกหัว ปริ มาณลมรั่วจากท่อลม(LOW LEAK) อุณหภูมิ
ในห้องปรับอากาศ อุณหภูมิที่ออกจากคอยล์เย็น อุณหภูมิภายนอก อุณหภูมิก่อนเข้าและออกจากคอนเด็นซิ่ งยูนิต การ
ทางานของเทอร์ โมสแตท และสวิตช์คอนโทรลต่างๆ เป็ นต้น โดยผูร้ ับจ้างจะต้องดาเนิ นการทดสอบดังกล่าว โดยมี
ตัวแทนของผูว้ ่าจ้างมาทาการควบคุมและลงนามกากับแบบฟอร์ มการทดสอบ เพื่อเสนอต่อผูว้ ่าจ้าง ในการส่ งมอบงาน
ระบบปรับอากาศงวดสุ ดท้าย ค่าใช้จ่ายในการทดสอบ ซึ่งรวมถึงค่ากระแสไฟฟ้ า ผูร้ ับจ้างจะต้องเป็ นผูร้ ับผิดชอบทั้งสิ้น
12. เครื่องปรับอำกำศแบบแยกส่ วน
12.1 ข้ อกำหนดทั่วไป
12.1.1 ขอบเขตของงาน
ผูร้ ับจ้างจะต้องดาเนินการจัดหาและติดตั้งระบบปรับอากาศ รวมทั้งวัสดุและอุปกรณ์ประกอบที่แสดง
หรื อระบุในแบบและในข้อกาหนดประกอบแบบ เครื่ องปรับอากาศ วัสดุ และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดที่นามาติดตั้ง
จะต้องเป็ นของใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน พร้อมทั้งทาการทดสอบการทางานของระบบปรับอากาศให้ใช้งาน
ได้สมบูรณ์ ถูกต้องตามความประสงค์ของแบบและโครงการ
12.1.2 คุณสมบัติของผูร้ ับจ้างติดตั้งระบบปรับอากาศและผลิตภัณฑ์เครื่ องปรับอากาศ
12.1.2.1 ผูร้ ั บจ้างติ ดตั้งระบบปรั บอากาศจะต้องติ ดตั้งระบบปรั บอากาศรวมทั้งระบบไฟฟ้ าของ
ระบบปรับอากาศโดยช่างผูช้ านาญ และมีวิศวกรเครื่ องกลผูช้ านาญเป็ นผูค้ วบคุมการติดตั้ง อีกทั้งระบบปรับอากาศและ
ผลิตภัณฑ์เครื่ องปรับอากาศที่เสนอใช้ในโครงการจะต้องเป็ นยี่ห้อที่ใช้แพร่ หลายในประเทศไทยมาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 15 ปี
และคิดเป็ นจานวนตันความเย็นไม่นอ้ ยกว่า 5,000 ตันความเย็น
12.1.2.2 ผูร้ ับจ้างจะต้องเสนอรายละเอียดต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณา ดังต่อไปนี้
- แคตตาล็อกตัวจริ ง ที่แสดงรายละเอียดทางวิศวกรรมของตัวเครื่ องปรับอากาศ วัสดุ
และอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่กาหนดในแบบ และรายการประกอบแบบทั้งหมด
- ก่ อ นเข้า ด าเนิ น การติ ด ตั้ง ให้ ผู ้รั บ จ้า งเสนอแบบรายละเอี ย ดการติ ด ตั้ง (SHOP
DRAWING) มาให้ ผู ้ค วบคุ ม งานหรื อวิ ศ วกรผู ้อ อกแบบ เพื่ อ ตรวจสอบก่ อ น
ดาเนินการติดตั้ง โดยต้องแนบสาเนาใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกร
เครื่ องกลที่ควบคุมการติดตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ในกรณี ที่ไม่เสนอแบบ
รายละเอียดการติดตั้ง (SHOP DRAWING) เพื่อขออนุมตั ิ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
ดาเนินการติดตั้ง
12.1.3 การดาเนินงาน
ผูร้ ับจ้างจะต้องใช้วิศวกรเครื่ องกลที่มีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกร ซึ่งเป็ นบุคลากร
ของบริ ษทั เอง มาทาการควบคุมการติดตั้งหรื อว่าจ้างผูท้ ี่มีความชานาญการติดตั้งมาควบคุมการติดตั้ง ตามแบบแปลนที่
ได้รับการอนุมตั ิเรี ยบร้อยแล้ว ผูร้ ับจ้างจะต้องจัดส่ งตัวอย่ างวัสดุที่จะใช้งานทุกอย่างมาขออนุมตั ิการใช้งาน จากวิศวกร
ผูอ้ อกแบบและผูค้ วบคุมงานก่อนทาการติดตั้ง
12.1.4 การรับประกันและการบารุ งรักษา
12.1.4.1 ผูร้ ับจ้างจะต้องรับประกันระบบปรับอากาศทั้งระบบ ที่ทาการติดตั้งเป็ นระยะเวลำ 2 ปี นับ
จากวันส่งมอบงานงวดสุ ดท้าย โดยระบบปรับอากาศจะต้องทางานได้ถูกต้องทุกประการ
12.1.4.2 ผูร้ ับจ้างจะต้องส่งช่างเข้าบริ การตรวจเช็คระบบและทาความสะอาดพร้อมปรับตั้งระบบทุก
3 เดือน หลังการส่งมอบงานและเปิ ดใช้งาน พร้อมจัดส่งเอกสารการตรวจเช็คให้ผวู ้ ่าจ้างรับรองการเข้าบริ การทุกครั้ง จน
ครบกาหนดการรับประกัน ตามข้อ 12.1.4.1
12.1.4.3 ในส่ วนของอุปกรณ์ Compressor (CDU) จะต้องมี การรั บประกันจากผูผ้ ลิ ตหรื อเจ้าของ
ผลิตภัณฑ์ ระยะเวลาที่รับประกันไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี และชิ้นส่วนอื่นๆรับประกัน 2 ปี
12.2 รำยละเอียดเครื่องปรับอำกำศ
เครื่ องปรับอากาศชุดหนึ่งๆ ประกอบด้วยเครื่ องระบายความร้อน (CONDENSING UNIT) ซึ่ งใช้คู่กนั กับเครื่ อง
เป่ าลมเย็น (FAN COIL UNIT) ทั้งชุด ประกอบมาเสร็ จเรี ยบร้อยจากโรงงานผูผ้ ลิตในต่างประเทศ หรื อประกอบภายใน
ประเทศ ภายใต้ลิขสิ ทธิ์ ของผลิต ภัณฑ์น้ นั โดยที่เครื่ องระบายความร้อนเป็ นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (AIR-
COOLED CONDENSING UNIT) เมื่อใช้คู่กบั เครื่ องเป่ าลมเย็นตามที่ผูผ้ ลิตแนะนา และมีหลักฐานยืนยันแล้วจะต้อง
สามารถทาความเย็นรวม (MATCHING CAPACITY) ได้ตามข้อกาหนดในรายการอุปกรณ์ที่สภาวะอากาศเข้าคอยล์เย็น
ที่อุณหภูมิ 27 ºCDB, 19.5 ºCWB และอากาศก่อนเข้าคอยล์ร้อนที่อุณหภูมิ 35 oCDB และอุณหภูมิน้ ายาทางด้านดูดกลับ
(Saturated Suction Temperature) ไม่เกิน 7.2 ºC และใช้ระบบไฟฟ้ า 380 V/3 PHASE /50 Hz หรื อ 220 V/1 PHASE /50
Hz ตามที่กาหนดในแบบ สาหรับเครื่ องปรับอากาศ
เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิต มอก.1155 สาหรับชนิดเครื่ องปรับอากาศแบบแยกส่วน
เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ตอ้ งสามารถต่อเข้ากับระบบควบคุมเครื่ องปรับอากาศส่ วนกลาง (VRV) ได้โดยไม่ตอ้ งติดตั้ง
อุปกรณ์เพิ่มเติม โดยเป็ นมาตรฐานจากผูผ้ ลิต
ไม่เกิน 46 dB(A)ที่เครื่ องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 24,000 BTU/H สามารถเดินท่อน้ ายาได้ไกลสู งสุ ด 30 เมตร และที่
ขนาดทาความเย็นเกินกว่า 24,000 BTU/H สามารถเดินท่อน้ ายาได้ไกลสู งสุ ด 50 เมตร ต้องมีอตั ราส่ วนประสิ ทธิ ภาพ
พลังงานตามฤดูกาล SEER กรณี ขนาดไม่เกิน 18,000 บีทียตู ่อชัว่ โมง ต้องไม่น้อยกว่า 21 หน่วย และกรณี ขนาดมากกว่า
18,001-48,000 บีทียตู ่อชัว่ โมง ต้องไม่นอ้ ยกว่า 14 หน่วย หรื อตามที่ระบุในแบบ
12.4.10 เครื่ องส่ งลมเย็นชนิ ดซ่ อนใต้ฝ้า (CEILING DUCT TYPE) ขนาดทาความเย็นตั้งแต่ 9,000 BTU/H ถึ ง
48,000 BTU/H สามารถปรับแรงลมได้อย่างน้อย 3 ระดับโดยมีระดังเสี ยงระหว่างการทางานที่ระดับแรงลมสู งที่สุดไม่
เกิน 40 dB(A) และสามารถปรับ Step Static Pressure ได้ต้ งั แต่ (30PA-130PA) เพื่อให้ง่ายต่อการปรับตั้งเครื่ องกับงาน
ระบบท่อลม ที่เครื่ องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 24,000 BTU/H สามารถเดินท่อน้ ายาได้ไกลสูงสุ ด 30 เมตร และที่ขนาดทา
ความเย็นเกินกว่า 24,000 BTU/H สามารถเดินท่อน้ ายาได้ไกลสูงสุ ด 50 เมตร ต้องมีอตั ราส่วนประสิ ทธิภาพพลังงานตาม
ฤดูกาล SEER กรณี ขนาดไม่เกิ น 18,000 บี ทียูต่อชั่วโมง ต้องไม่น้อยกว่า 20 หน่ วย และกรณี ขนาดมากกว่า 18,001-
48,000 บีทียตู ่อชัว่ โมง ต้องไม่นอ้ ยกว่า 15 หน่วย หรื อตามที่ระบุในแบบ
12.4.11 รุ่ นที่ใช้ในโครงการต้องสามารถต่อเข้ากับระบบควบคุมเครื่ องปรับอากาศส่ วนกลาง (VRV) ได้โดยไม่
ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม โดยเป็ นมาตรฐานจากผูผ้ ลิต
13.2.4 ตลับลูกปื น (Bearing) เป็ นชนิด Ball Bearing หรื อ Pillow block แบบ Self Alignment มีอายุการใช้งาน
เฉลี่ย (Average Bearing Life, L10) ไม่นอ้ ยกว่า 20,000 ชัว่ โมง การอัดจาระบีสามารถทาได้โดยง่าย ตาแหน่งตลับลูกปื น
ของพัดลมที่ใช้ดูดควันหรื อไอน้ าจากห้องครัวจะต้องอยูด่ า้ นตรงข้ามปากทางดูดอากาศเข้า
13.2.5 ความเร็ วลมที่ปากพัดลม (Fan Outlet) ต้องไม่เกิน 10 เมตรต่อวินาที
13.2.6 สาหรับพัดลมที่ต้งั นอกอาคาร ตัวถังพัดลมต้องมีรูระบายน้ าที่อาจขังอยูภ่ ายในและมีปลัก๊ อุดไว้
13.2.7 ที่ ตัวถังพัดลมขนาดใหญ่ ที่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใบพัดตั้งแต่ 30 นิ้ วขึ้นไป มี Access Door ไว้
สาหรับเปิ ดออกตรวจสอบทาความสะอาดภายในพัดลมได้โดยไม่ตอ้ งถอดท่อลม
13.2.8 สายพานที่ ใ ช้ข ับ เคลื่ อ น ต้อ งไม่ ต่ ากว่ า 2 เส้ น ติ ด ตั้ง โดยมี เ บลท์ก าร์ ดครอบด้า นนอกเพื่ อ ป้ องกัน
อันตราย โดย มอเตอร์ และ เบลท์การ์ ดติดตั้งอยูบ่ นฐานเดียวกับตัวพัดลม
13.3 พัดลมแบบ MINI SIROCCO
13.3.1 ตัวถัง (Casing) ทาด้วย Galvanized steel sheet ผ่านกรรมวิธี ป้ องกันสนิม ตามมาตรฐานโรงงานผูผ้ ลิต
13.3.2 ใบพัดเป็ น Centifugal Fan, forward curve ทาด้วย galvanized steel ได้รับการปรับสมดุลทั้งทาง Static
และ Dynamic ตามมาตรฐานโรงงานผูผ้ ลิต
13.3.3 พัดลมมีการทดสอบวัดค่าปริ มาณลม ตามมาตรฐาน JIS B 8330 หรื อ ตามมาตรฐาน AMCA
13.3.4 การขับเคลื่อนใบพัด เป็ นแบบ Direct Drive มอเตอร์ เป็ นแบบ Total-Enclosed, squirrel cage induction
motor รอบพัดลมไม่เกิน 1450 รอบต่อนาที เพื่อควบคุมระดับเสี ยงให้อยูใ่ นเกณฑ์ต่า
13.3.5 สามารถเลือกทิศทางการหมุน และ การต่อท่อลมได้ทุกทิศทางโดยไม่ตอ้ งดัดแปลงพัดลมมีหน้าแปลน
ทั้งด้านดูด และ ด้านจ่าย ที่ขนาดเท่ากัน เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง
13.4 พัดลมแบบ LOW NOISE CABINET
13.4.1 ตัวถัง (Casing) ทาด้วยเหล็กแผ่น (Metal sheet) ผ่านกรรมวิธีป้องกันสนิมตามมาตรฐานโรงงานผูผ้ ลิต
ภายในบุดว้ ยฉนวนกันเสี ยง เพื่อช่วยดูดซับเสี ยงให้อยูใ่ นเกณฑ์ต่าเหมาะสมกับบริ เวณใช้งาน
13.4.2 ใบพัด เป็ นแบบ Forward Curve, Double Inlet ท าจากเหล็ก ผ่า นการปรั บ สมดุ ล ทั้ง ทาง Static และ
Dynamic จากโรงงานผูผ้ ลิต
13.4.3 พัดลมเป็ นแบบไหลตามแนวแกน (Inline Type) การขับเคลื่ อนเป็ นแบบ Direct Drive มอเตอร์ ตาม
มาตรฐานของผูผ้ ลิต
13.4.4 ระดับเสี ยงอยู่ในเกณฑ์ต่า พัดลมที่ ส่งลมไม่เกิน 500 CFM ที่ Free blow จะต้องมีระดับเสี ยงไม่เกิน 35
dB(A) และไม่เกิน 45 dB(A) สาหรับพัดลมที่ส่งลมไม่เกิน 3,000 CFM โดยวัดที่ระยะ 1.5 เมตรจากด้านข้างพัดลม
13.4.5 พัดลมต้องเป็ นชนิ ดที่ออกแบบมาสาหรับติดตั้งที่ฝ้าเพดานโดยเฉพาะ ซึ่ งมีเนื้ อที่ภายในจากัด ระดับ
ความสูงของพัดลม ไม่เกิน 45 เซนติเมตร
13.5.3 การขับเคลื่อนใบพัดเป็ นแบบ Direct Drive มอเตอร์ 4,6,8 pole ตามมาตรฐาน (Standard Model) ของ
ผูผ้ ลิต โดยมอเตอร์เป็ นแบบ Totally Enclosed Air Over (TEAO) เพื่อลดกระแสหมุนวนที่เกิดจากใบพัดมอเตอร์
13.5.4 พัดลมควรมีประสิ ทธิภาพไม่นอ้ ยกว่า 70 %
13.7.2.5 ระดับเสี ยงอยูใ่ นเกณฑ์ต่า พัดลมที่ส่งลมไม่เกิน 2500 CFM ที่ Free blow จะต้องมีระดับเสี ยงไม่
เกิน 50 dB(A) และไม่เกิน 55 dB(A) สาหรับพัดลมที่ส่งลมไม่เกิน 6000 CFM โดยวัดที่ระยะ 1.5 เมตรจากด้านข้างพัดลม
13.8 พัดลมระบำยอำกำศแบบ CEILING MOUNTED
13.8.1 พัดลมระบายอากาศแบบ CEILING MOUNTED STANDARD TYPE
13.8.1.1 ใบพัด เป็ นแบบ Centrifugal ลัก ษณะแบบ Taper blade เพื่ อ ช่ ว ยลดการหมุ น วนของอากาศ
โดยรอบ ให้ระดับเสี ยงต่า ทาจากพลาสติกแข็งทนความร้อน พร้อมทั้งมี Outlet Gravity Damper เพื่อป้ องกันลมไหล
ย้อนกลับ
13.8.1.2 ตัวถัง (Casing) เป็ นกล่อง 2 ชั้นเพื่อดูดซับเสี ยง กล่องชั้นนอกทาจากเหล็กพ่นสี หรื อ ZAM Alloy
ตามมาตรฐานโรงงานผูผ้ ลิต กล่องชั้นในทาจาก พลาสติกแข็งทนความร้อน
13.8.1.3 มีระดับเสี ยงอยู่ในเกณฑ์ต่า เพื่อไม่ให้เกิดเสี ยงรบกวนแก่ผอู ้ ยู่อาศัย พัดลมที่ส่งลมไม่เกิน 200
CFM จะต้องมีระดับเสี ยงไม่เกิน 35 dB(A) และไม่เกิน 50 dB(A) สาหรับพัดลมที่ส่งลมไม่เกิน 500 CFM โดยวัดที่ระยะ
1 เมตรจากพัดลม
13.8.1.4 พัดลมต้องเป็ นชนิดที่ออกแบบมาสาหรับติดตั้งที่ฝ้าเพดานโดยเฉพาะและสามารถถอดออกซ่อม
ได้โดยไม่ตอ้ งเปิ ดช่องบริ การ
13.8.1.5 มอเตอร์ เป็ นชนิด HP motor (Haft Pitch motor) เพื่อประหยัดพลังงาน และ เพิ่มประสิ ทธิ ภาพ
ของมอเตอร์ มีแบร์ ริ่งชนิดไม่ตอ้ งอัดจาระบีอยู่ภายในเพื่อลดแรงสัมผัสและยืดอายุการใช้งาน ขดลวดมอเตอร์ ผลิตตาม
มาตรฐาน UL อายุการใช้งานของมอเตอร์ ไม่น้อยกว่า 60,000 ชัว่ โมงมี Thermo fuse ภายในเพื่อป้ องกันมอเตอร์ เสี ยหาย
หากอุณหภูมิภายในมอเตอร์สูงผิดปกติ
13.8.1.6 มี Condenser Box เพื่อป้ องกันการลามไฟ สายไฟและปลัก๊ มีฉนวน 2 ชั้น ตามมาตรฐาน IEC
Standard
13.8.1.7 วัสดุ ที่ผลิ ตต้องได้ตามมาตรฐาน RoHS (Restriction of Hazardous Substances) เพื่อเป็ นมิ ตร
สิ่ งแวดล้อม
13.8.2 พัดลมระบายอากาศแบบ CEILING MOUNTED, SENSOR TYPE
13.8.2.1 ตัวถัง (Casing) เป็ นกล่อง 2 ชั้น ภายนอกทาจากเหล็กพ่นสี ตามมาตรฐานโรงงานผูผ้ ลิต ภายใน
ทาจากพลาสติกแข็งทนความร้อนเพื่อดูดซับเสี ยง ให้อยูใ่ นเกณฑ์ต่าเหมาะสมกับบริ เวณใช้งาน
13.9.2.2 ใบพัด เป็ นแบบ Centrifugal ท าจากพลาสติ ก แข็ง ทนความร้ อ น พร้ อ มทั้ง มี Outlet Gravity
Damper เพื่อป้ องกันลมไหลย้อนกลับ
13.8.2.3 มอเตอร์ เป็ น HP motor (Haft Pitch motor) หรื อ DC Motor (Direct Current Motor) มี Motion
sensor หรื อ Humidity sensor เพื่อสั่งการทางานของพัดลม
13.8.2.4 มี Delay timer เพื่อหน่วงเวลาการทางานได้ 15 นาที เพื่อให้มีอตั ราการระบายอากาศที่เหมาะสม
และประหยัดพลังงาน และ สอดคล้องกับมาตรฐาน ASHRAE 62.2
13.8.2.5 มี Condenser Box เพื่อป้ องกันการลามไฟ สายไฟและปลัก๊ มีฉนวน 2 ชั้น ตามมาตรฐาน IEC
Standard
13.8.2.6 วัสดุ ที่ผลิ ตต้องได้ตามมาตรฐาน RoHS (Restriction of Hazardous Substances) เพื่อเป็ นมิ ตร
สิ่ งแวดล้อม
14.4 กำรดำเนินกำรหุ้มฉนวน
14.4.1 ฉนวนที่เลือกใช้อาจเป็ นแบบ Preformed Tube หรื อแบบ Sheet โดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมของ
ความหนาของฉนวนและขนาดท่อ ซึ่ งรอยต่อของฉนวนจะต้องไม่มีรอยพับ รอยหักเกิดที่ดา้ นวงในของฉนวนที่หุ้มรอบ
ท่อ และรอยต่อจะต้องไม่เป็ นรอยบากรู ปตัววี ยกเว้น ท่อเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 มม. (3 นิ้ว)
14.4.2 ก่อนการหุ้มฉนวน จะต้องทาความสะอาดผิวนอกของท่อเป็ นอย่างดี ไม่มีคราบ สะเก็ดวัสดุอื่นจับติดอยู่
ที่ทาให้ผิวท่อขรุ ขระรอยเชื่อมที่เป็ นคลื่นมากต้องแต่งให้เรี ยบ
14.4.3 ใช้กาวตามที่ ผูผ้ ลิ ตฉนวนชนิ ดนั้นแนะนา ทาตรงรอยต่อของฉนวนติ ดให้สนิ ทไม่มีรอยปริ รอยต่อ
จะต้องได้แนวเรี ยบร้อยไม่เอียงหรื อคด ฉนวนที่หุ้มตัวอุปกรณ์ต่ างๆ จะทากาวที่ผิวฉนวนให้ติดสัมผัสกับผิวอุปกรณ์
ไม่ให้มีโพรงอากาศ และหุ้มทับให้เข้ารู ปอย่างเรี ยบร้อย
14.4.4 ฉนวนที่หุ้มแล้วจะต้องมีความตึงพอดี ไม่หย่อนหรื อตึงจนสังเกตได้ชดั ฉนวนแบบ Preformed Tube ที่
ใช้ ห้ามไม่ให้มีขนาดใหญ่กว่าท่อที่จะหุ้ม และหากต้องทาสี ที่ผิวฉนวนยางให้ใช้สีที่ผผู ้ ลิตฉนวนแนะนาเท่านั้น
14.4.5 ท่ อ ภายในอาคารติ ด ตั้ง บริ เ วณมี ฝ้ าเพดาน ท่ อ ต้อ งหุ้ ม ด้ว ยฉนวนยางประเภท Closed Cell EPDM
Elastomeric Thermal Insulation หุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ปิดภายนอก สาเร็ จรู ปจากโรงงานผูผ้ ลิต
14.4.6 ท่อภายในอาคารติดตั้งบริ เวณไม่มีฝ้าเพดานหรื อผนังปิ ด ท่อต้องหุ้มด้วยฉนวนยางประเภท Closed Cell
EPDM Elastomeric Thermal Insulation หุ้มด้วยอลูมิเนี ยมฟอยล์ปิดภายนอก สาเร็ จรู ปจากโรงงานผูผ้ ลิต และหุ้มด้ วย
Aluminium Jacketing เบอร์ 22 อีกชั้นหนึ่ง
14.4.7 ท่อภายนอกอาคารติดตั้งบริ เวณพื้นที่ ที่สัมผัสอากาศภายนอก, แสงแดดและน้ า ท่อต้องหุ้มด้วยฉนวน
ยางประเภท Closed Cell EPDM Elastomeric Thermal Insulation หุ้ ม ด้วยอลู มิ เ นี ย มฟอยล์ปิดภายนอก สาเร็ จ รู ป จาก
โรงงานผูผ้ ลิต และหุ้มด้ วย Aluminium Jacketing เบอร์ 22 อีกชั้นหนึ่ง
14.5 กำรดำเนินกำรติดตั้งท่ อ
14.5.1 การติดตั้งท่อสารทาความเย็น จะต้องเดินให้ขนานหรื อได้ฉากกับตัวอาคาร หรื อตามแนวในแบบ ใน
ส่ วนที่ผ่านคาน กาแพง หรื อพื้น จะต้องมีการวางปลอก (SLEEVE) ถ้าปลอกติดตั้งในส่ วนที่ติดกับด้านนอกของอาคาร
จะต้องอุดช่องว่างระหว่างท่อสารทาความเย็นและปลอกด้วยวัสดุ ยาง หรื อวัสดุ อื่นที่เทียบเท่า พร้อมทั้งตกแต่งอย่าง
เรี ยบร้อย และท่อสารทาความเย็นต้องยึดอยู่กบั อุปกรณ์รองรับอย่างมัน่ คง ระบบการทางานของคอนเด็นซิ่ งยูนิตและ
เครื่ องส่ งลมเย็นจะต้องสามารถทาให้น้ ามันหล่อลื่นกลับไปที่คอมเพรสเซอร์ ได้โดยไม่เกิดปั ญหาต่อระบบ โดยไม่ตอ้ ง
ติดตั้ง OIL TRAP ที่ท่อสารความเย็น ท่อสารทาความเย็นต้องมีขนาดพอเหมาะคือ ให้ค่าความดันตกในท่อไม่เกินกว่า
ค่าที่ทาให้อุณหภูมิควบแน่นเปลี่ยนไปเกินกว่า 1 - 2 ºC หรื อมีขนาดตามที่กาหนดในแบบ ผูต้ ิดตั้งไม่จาเป็ นต้องติดตั้ง
Sight Glass เพื่อตรวจสอบความชื้ นและสารความเย็นในระบบ แต่ผูต้ ิดตั้งจาเป็ นต้องทาการเชื่ อม ทดสอบรั่ว และทา
สุ ญญากาศในระบบท่ออย่างถูกต้อง ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดในข้อ 11.5.4 , 11.5.5 , 11.5.6
14.5.2 ท่อสารทาความเย็นทั้งหมด จะต้องติดตั้งอยู่บนอุปกรณ์รองรับ (SUPPORT, HANGER) ทุกระยะไม่
เกิน 1.5 เมตร โดยให้เรี ยงท่อ Gas และท่อ Liquid คนละระดับตามแนว เพราะเมื่อถึงจุดที่ติดตั้ง Refnet Joint ท่อที่แยก
ออกไปของท่อ Gas และท่อ Liquid จะอยู่คนละระดับ จึงไม่จาเป็ นต้องยกท่อเส้นหนึ่งเพื่อหลบท่ออีกเส้นหนึ่ง ซึ่ งปกติ
การยกท่อหลบนี้จะต้องใช้ขอ้ งอ 4 ตัว และเชื่อม 8 รอย การจัดเรี ยงท่อตามแนวดิ่งจะช่วยลดรอยเชื่อมได้ถึง 8 รอย ภาพ
ต่อไปนี้เป็ นตัวอย่างการติดตั้งดังกล่าวโดยรวมท่อน้ าทิ้งไว้ดว้ ยโดยใช้ Hanger เพียงตัวเดียว เจาะรู ยึดเข้ากับเพดานเพียง
จุดเดียว โดยระดับของท่อน้ าทิ้งสามารถปรับได้เพื่อให้มีความลาดเอียง
15.1.8 ท่ อ ลมส าหรั บ KITCHEN HOOD EXHAUST ท่ อ ลมเมนที่ ต่ อ จาก KITCHEN HOOD ในห้ อ งครั ว
ทั้งหมดให้ทาด้วย BLACK STEEL SHEET ความหนาไม่ต่ากว่า 2.0 มิลลิเมตร ประกอบเป็ นท่อลมตามขนาดที่กาหนด
ในแบบ โดยการเชื่อมตามรอยต่อทั้งหมด การต่อท่อลมแต่ละส่ วนเข้าด้วยกันให้ใช้ต่อแบบหน้าแปลนทั้งหมด พร้อมกับ
มี ASBESTOS GASKET อยูร่ ะหว่างหน้าแปลน
กรณี ท่อแยกปลายสุ ดที่จะต่อกับท่อ FLEXIBLE ไปยัง KITCHEN HOOD ให้ใช้ท่อที่ทาด้วยแผ่นเหล็ก
ชุ บสังกะสี โดยใช้สังกะสี เบอร์ 18 USG. บริ เวณรอยต่อของท่อสังกะสี ท้ งั หมดให้อุดด้วย SILICONE SEALANT ที่
สามารถทนอุณหภูมิได้ไม่นอ้ ยกว่า 150C
ท่อ EXHAUST DUCT จาก KITCHEN HOOD จะต้องมี SLOPE ไม่นอ้ ยกว่า 1:500 และติดตั้ง ACCESS
PANEL ขนาด และรายละเอียดตามแสดงในแบบ และติ ดตั้ง GREASE DRAIN COCK ขนาด 1 นิ้ ว ตามตาแหน่ งที่
เหมาะสม
15.1.9 ท่อลมชนิดกลม ROUND DUCT จะต้องขึ้นรู ปด้วยวิธี SPIRAL LOCKED SEAM สาเร็ จรู ปจากโรงงาน
รายละเอียดความหนาของสังกะสี ชนิดของตะเข็บ และเหล็กแขวนแสดงไว้ในแบบ TYPICAL DETAIL
ขนำดควำมหนำที่ใช้
ฉนวนที่ใช้ตอ้ งมีความหนาเพียงพอ เพื่อป้ องกันการเกิดหยดเหงื่อ (Condensation) บนผิวฉนวน ความหนาฉนวน
ที่แนะนาควรมีความหนาไม่นอ้ ยกว่าหรื อเท่ากับรายการต่อไปนี้
อุณหภูมิของลมเย็น
สภำพอำกำศภำยนอก
60°F (15.5°C) 55°F (12.7°C) 50°F (10.0°C) 45°F (7.2°C)
80°F (26.6°C) 50% RH 1/4” (6 mm.) 1/4” (6 mm.) 1/4” (6 mm.) 3/8” (9 mm.)
85°F (29.4°C) 70% RH 3/8” (9 mm.) 3/8” (9 mm.) 3/8” (9 mm.) 1/2” (12 mm.)
90°F (32.2°C) 80% RH 5/8” (15 mm.) 3/4” (19 mm.) 3/4” (19 mm.) 1” (25 mm.)
90°F (32.2°C) 85% RH 1” (25 mm.) 1” (25 mm.) 1” (25 mm.) 1-1/4” (32 mm.)
15.5.7 หน้ า กากลมกลับ (RETURN AIR GRILLE) ท าด้ว ย EXTRUDED ALUMINUM มี ใ บยึ ด ติ ด แน่ น กับ
หน้ากากในแนวนอน ทามุมประมาณ 45 องศา ใช้สาหรับลมกลับโดยทัว่ ไป อาจติดตั้งกับฝ้ าเพดาน หรื อผนังห้องที่อยูต่ ่า
กว่าฝ้ าเพดาน เฉพาะ RETURN AIR GRILLE ที่ติดกับผนังห้อง จะต้องมีความหนาของใบ GRILLE ไม่นอ้ ยกว่า 1นิ้ว
15.5.8 หน้ากากลมกลับแบบ TRANSFER มีลกั ษณะเหมือนกับหน้ากากลมกลับ ถ้าติดตั้งบนผนังต้องมีหน้ากาก
ติดทั้งสองด้านของผนัง
15.5.9 หน้ากากลมบริ สุทธิ์ (FRESH AIR GRILLE) ลักษณะเหมือนกับหน้ากากลมกลับ พร้อมทั้งมี OPPOSED
BLADE VOLUME DAMPER และตาข่ายกันแมลงติดตั้งด้านหลังหน้ากากสามารถปรับแต่งปริ มาณลมได้ โดยไม่ตอ้ ง
ถอดหน้ากากออก
15.5.10 OUTSIDE AIR LOUVRE ทาด้วย EXTRUDED ALUMINUM มีใบยึดติดแน่นกับโครงในแนวนอนทา
มุมประมาณ 45 องศา ปลายใบทั้งด้านในและด้านนอกหักมุมป้ องกันฝนสาดความหนาของโครงจะต้องไม่น้อยกว่า 100
มิลลิเมตร (4 นิ้ว) ด้านในบุดว้ ยตาข่ายกันแมลงสามารถถอดล้างได้ช่องว่างระหว่างโครง กับผนังอาคารอุดด้วยสารกันน้ า
ทั้งสองด้าน
15.5.11 หน้ากากลมระบายอากาศ (EXHAUST AIR GRILLE) ลักษณะเหมือนกับหน้ากากลมกลับ หน้ากาก
ลมระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่ ทางด้านดูดของพัดลมระบายอากาศทุกชุดต้องมี OPPOSED BLADE VOLUME DAMPER
ด้วย
15.6 DAMPER
15.6.1 SPLITTER DAMPER จะต้องทาขึ้นโดยมีรายละเอียดดังแสดงในแบบ ตัวใบทาด้วยแผ่นสังกะสี ขนาด
ความหนาตามเบอร์ เกจ์หนากว่าท่อลมช่ วงนั้นอีกสองเบอร์ ความยาวของตัวใบประมาณ 1.10 เท่าของท่อลมที่แยก
ออกมา ก้านเป็ นทองเหลืองหรื อเหล็กชุบสังกะสี (PUSH ROD) สาหรับปรับตาแหน่งใบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่นอ้ ย
กว่า 9 มิลลิเมตร (3/8 นิ้ว)
15.6.2 VOLUME DAMPER เป็ นแบบใบเดี่ยว (SINGLE BLADE) โดยใบแบบ SINGLE จะต้องกว้างไม่เกิน
300 มิลลิเมตร (12") ความยาวไม่เกิน 1200 มิลลิเมตร VOLUME DAMPER แบบ หลายใบ (MULTIPLE BLADE) ถ้า
เป็ นการปรับปริ มาณลมให้ใช้แบบ OPPOSED ACTION และ โดยแบบ PARALLEL ให้ใช้ในการปิ ดหรื อเปิ ดโดยใบ
ปรับแต่ละใบของ MULTIPLE BLADE แบบ PARALLEL ACTION จะต้องมีความกว้างไม่เกิน 100 มิลลิเมตร (4 นิ้ว)
ความยาวใบเต็มความกว้างของท่อลมแต่ไม่เกิน 1,000 มิลลิเมตร (40 นิ้ ว) ถ้ามีขนาดใหญ่กว่านี้ ให้แบ่งเป็ น SET การ
ทางานเป็ นแบบ GANG OPERATED ลักษณะใบเป็ นแบบ BALANCE TYPE ตัวใบ ประกอบขึ้นจากแผ่นสังกะสี
หนาไม่ น้ อ ยกว่ า 1.5 มิ ล ลิ เ มตร ขอบใบพับ รอย (HEMMED) เป็ นแบบ INTERLOCKING EDGE แกนปรั บ ใบ
(DAMPER ROD) จะต้องมีปลายด้านหนึ่งเป็ นหัวจัตุรัสยึดทะลุตวั ถังสอดผ่าน BEARING PLATE ชนิดที่เป็ น LEVER
TYPE LOCKING DEVICE แกนใบจะต้องมี NYLON BUSHING หรื อ BRONZE BEARING SLEEVE รองรับ
15.6.3 FIRE DAMPER จะต้องทาขึ้นโดยมีรายละเอียดดังแสดงในแบบ ที่แนวกาแพง ชาฟท์ต่างๆ ต่อกับท่อลม
ที่เดินทะลุผา่ น รวมทั้งที่พ้นื คอนกรี ตที่ท่อลมทะลุผา่ นทุกๆ จุด ไม่ว่าจะมีระบุแสดงตาแหน่งไว้ในแบบหรื อไม่ก็ตาม ตัว
เรื อน (CASING) ทาด้วยเหล็กแผ่น ความหนาไม่นอ้ ยกว่า 3 มิลลิเมตร ทาสี ตามรายละเอียดในหมวดการทาสี ป้องกันการ
ผุกร่ อนและรหัสสี ใบทาด้วยเหล็กแผ่น ความหนาไม่นอ้ ยกว่า 2 มิลลิเมตร, FUSIBLE LINK ของ FIRE DAMPER เป็ น
ชนิ ดหลอด ละลายที่อุณหภูมิ 71 องศาเซลเซี ยส (160 องศาฟาเรนไฮท์) Fire damper ต้องทาจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน
NFPA No. 90A และ UL 555 พร้อมทั้งมีหนังสื อรับรองจาก UL เพื่อประกอบในการส่งขออนุมตั ิและต้องมีอตั ราการทน
15.7.3 OUTLET PLENUM อุ ป กรณ์ ก ระจายอาจเป็ นแบบ SINGLE OUTLET หรื อ MULTIPLE OUTLET
ตามที่กาหนดในแบบ ลักษณะโครงสร้างเช่นเดียวกับ AIR TERMINAL UNIT พร้อมกับมี OUTLET CONNECTION
สาหรับต่อกับท่อ FLEXIBLE ROUND DUCT ไปยังหัวจ่ายลม ในแต่ละ OUTLET จะต้องมี BALANCING DAMPER
ติดตั้งอยูเพื่อปรับปริ มาณลมได้ตามต้องการ
15.11 กำรทดสอบและปรับปริมำณลม
15.1.1 ภายหลังการติดตั้งระบบปรับอากาศและระบายอากาศเสร็ จเรี ยบร้อย ก่อนการส่ งมอบงานต้องได้รับการ
ทดสอบที่ 120% ของแรงดันใช้ง าน และปรั บ แต่ งปริ มาณลมให้ไ ด้ต ามต้อ งการ ปริ ม าณลมที่ หน้ากากจ่ายลมต้อง
ปรับแต่งให้อยูใ่ นช่วง 5 เปอร์เซ็นต์ของปริ มาณลมที่ระบุไว้ในแบบ
15.1.2 การวัดปริ มาณลมในท่อเมนและท่อแยกที่สาคัญ ให้ใช้วิธี TRAVERSE โดยใช้ PITOT TUBE ช่องเปิ ด
สาหรับสอด PITOT TUBE ต้องมี PLUG อุดกันรั่วทุกจุกหลังจากการปรับแต่งเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว
15.1.3 การปรับปริ มาณลมที่ออกจากเครื่ องปรับอากาศ ให้ใช้วิธีปรับรอบพัดลม ปริ มาณลมในท่อแยกให้ ปรับที่
VOLUME DAMPER หรื อ SPLITTER DAMPER หลังจากปรับแต่ง DAMPER แล้วต้องทาเครื่ องหมายแสดงตาแหน่งที่
แน่นอนทุกๆ แห่ง
16. ระบบไฟฟ้ำ
16.5 กำรเดินสำยไฟฟ้ ำ
ถ้ามิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น ให้เดินสายไฟฟ้ ากาลัง และสายไฟฟ้ าควบคุมในอุปกรณ์เดินสายไฟฟ้ า ที่ เหมาะสม
เพื่อการฝังในคอนกรี ตหรื อผนัง หรื อเดินลอยซ่อนในฝ้ าเพดานแล้วแต่กรณี สาหรับการใช้ สายไฟฟ้ า และอุปกรณ์เดิน
สายไฟฟ้ า ให้เป็ นไปตามที่ระบุในหมวดต่อๆ ไป
16.6 แผงควบคุม
แผงควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เป็ นไปตามข้อกาหนดในหมวดต่อๆ ไป
16.7 กำรตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้ ำ
การตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้ า ให้กระทาครบถ้วนดังต่อไปนี้:-
16.7.1 ตรวจสอบค่าความต้านทานของฉนวนสายไฟฟ้ าและอุปกรณ์ท้งั หมด
16.7.2 ตรวจสอบค่าความต้านทานของการต่อลงดินของอุปกรณ์ท้ งั หมด เพื่อให้แน่ใจว่ามีความต่อเนื่องทาง
ไฟฟ้ าของการต่อลงดิน
16.7.3 ตรวจสอบและทดสอบการทางานของระบบควบคุมต่างๆ
16.7.4 ตรวจสอบและทดสอบการทางานของอุปกรณ์ต่างๆ
16.7.5 จัดทารายการทดสอบต่างๆ อย่างครบถ้วน
17.3 พิกัดของแผงสวิตช์
ถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่นให้แผงสวิตช์ฯ ที่กล่าวถึงรวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีการออกแบบสร้างตาม
IEC 61439-1 และมาตรฐานอื่นๆ ตามที่ผูว้ ่าจ้างกาหนดไว้ แต่ตอ้ งไม่ขดั ต่อระเบียบและมาตรฐานการไฟฟ้ าท้องถิ่นที่
กาหนดไว้ แผงสวิตช์ฯ โดยมีคุณสมบัติทางเทคนิคอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
17.3.1 RATED SYSTEM VOLTAGE: Us : 230/400 VAC ( PEA ) or 240 /416 VAC ( MEA Rated )
17.3.2 RATED VOLTAGE : 400 VAC
OPERATION(Ue)
17.3.3 NETWORK SYSTEMS : 3-PHASE,4-WIRE
17.3.4 RATED INSULATION : 1000 VDC
VOLTAGE(Ui)
17.3.5 RATED IMPULS VOLTAGE(Uimp) : 12 kVAC
17.3.6 RATED FREQUENCY : 50 Hz
17.3.7 GROUNDING ARRANGEMENT : SOLIDARY GROUND NEUTRAL
17.3.8 RATED NORMAL CURRENT (In) : ไม่นอ้ ยกว่าที่ระบุไว้ในแบบ และ ขนาดบัสบาร์
Neutral ต้องมีขนาดไม่นอ้ ยกว่า 100 % ของบัสบาร์
Phase
17.3.9 RATED SHORT-TIME CURRENT : ไม่นอ้ ยกว่า 50 kA/1 Sec ที่แรงดันใช้งาน
Icw หรื อตามที่กาหนดไว้ในแบบ
17.3.10 RATED PEAKED WITHSTAND : ไม่นอ้ ยกว่า 2.8 เท่าของ RATED SHORT CIRCUIT
CURRENT (Ipk) CAPACITY ของ MAIN CIRCUIT BREAKER
17.3.11 CONTROL VOLTAGE : 220-240 VAC
17.3.12 TEMPERATURE RISE OF BUSBAR : FINAL TEMPRATURE 70C (Present Derating)
[AMBIENT TEMP 40C +TEMP RISE 30C ]
17.3.13 MAX. AMBIENT TEMPERATURE : 40 C
DESIGN
17.3.14 CUBICLE FINISHING : ELECTRO GALVANIZED STEEL SHEET WITH
EPOXY/POLYESTER POWDER PAINT COATING
17.3.15 ENCLOSURE’S DEGREE OF : IP 31 Indoor / IP 54 for Outdoor Refer to IEC 60529
PROTECTION หรื อตามที่กาหนดไว้ในแบบ
17.3.16 TYPICAL FORMS : ตามแบบที่กาหนด
- ฝาด้านข้างริ มนอกทั้ง 2 ด้าน ให้เป็ นแผ่นเหล็กเรี ยบหรื อพับขึ้นขอบรู ปด้านละ 1 ชิ้น ยึดติด
กับโครงสร้างแผงสวิตช์ฯ ด้วยสกรู หรื อสลัก และแป้ นเกลียว ขนาดและจานวนที่เหมาะสมให้มีความแข็งแรง แต่ในกรณี
ที่ตอ้ งใช้แผงสวิตช์ฯ หลายส่ วน (Verticle Section) เรี ยงต่อกันให้ใช้ฝากั้นระหว่างส่ วน (Sheet Metal Safety Partition)
ต้องเป็ นแผ่นเหล็กเรี ยบหนาไม่นอ้ ยกว่า 1.6 มิลลิเมตร โดยมีช่องเจาะทะลุถึงกันเพียงพอตามต้องการ
- ฝาของแผงสวิตช์ฯ ทุกด้านต้องมีสายดินบริ ภณ ั ฑ์ โดยใช้ทองแดงชุบแบบถักต่อลงดินที่โครง
ของแผงสวิตช์
17.4.2 แผงสวิตช์ที่ใช้เป็ นแบบติดลอยที่ผนัง
17.4.2.1 การออกแบบและการสร้ างต้องเป็ นไปตามมาตรฐาน IEC 61439-1/2 เพื่อนามาใช้งานกับ
ระบบไฟฟ้ าที่ 230/400 VAC ( PEA ) or 240 /416 VAC ( MEA Rated) 3 เฟส 4 สาย 50 เฮิรตซ์
17.4.2.2 CABINET ต้อ งเป็ นแบบติ ดลอยที่ ผ นัง ตามที่ ร ะบุ ไ ว้ในแบบ ตัวตู้ท าด้วย GALVANIZED
CODED GUAGE SHEET มีประตูปิด-เปิ ดด้านหน้าเป็ น FLUSH LOCK รวมทั้งต้องมี CIRCUIT DIRECTORY WITH
CLEAR PLASTIC COVERING บอก CIRCUIT ต่างๆ ติดอยูท่ ี่ฝาประตู
17.4.2.3 BUSBAR ที่ต่อกันกับ BREAKER ต้องเป็ น PHASE SEQUENCY TYPE
17.4.2.4 การติ ด ตั้ง แผงสวิ ต ช์ ต้อ งติ ด ตั้ง ดัง แสดงไว้ใ นแบบ แผงสวิ ต ช์ ต้อ งติ ด ตั้ง กับ ผนั ง โดย
EXPANSION BOLTS ที่เหมาะสมและต้องติดตั้งสูง 1.80 เมตร จากพื้นถึงระดับบนของแผงสวิตช์
17.4.3 การประกอบแผงสวิต ช์ ต้องคานึ งถึ งกรรมวิธีร ะบายความร้ อนที่ เกิ ดขึ้นจากอุปกรณ์ ภายในโดยวิ ธี
ไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ ทั้งนี้ให้เจาะเกร็ ดระบายอากาศอย่างเพียงพอพร้อมติดตั้งตะแกรงกันแมลง (Insect
Screen) โดยยังสามารถคง Degree of Protection ไว้ที่ระดับ IP31 ตามมาตรฐาน IEC 60529
17.4.4 กรรมวิธีป้องกันสนิมและ การพ่นสี โลหะชิ้นส่ วนที่เป็ นเหล็กทุกชิ้น ต้องผ่านกรรมวิธีป้องกันสนิมแล้ว
พ่นสี ทบั ตามกรรมวิธีดงั ต่อไปนี้
- ชิ้นส่ วนที่เป็ นอะลูมิเนียมและโลหะไม่เป็ นสนิมชนิดอื่น ถ้ากาหนดไว้ให้พ่นสี ก็ให้ใช้วิธีการเดียวกัน
กับที่กาหนดแต่ไม่ตอ้ งล้างด้วยน้ ายากันสนิม
- วิธีทาความสะอาดโลหะ
a. ทาการขัดผิวโลหะให้เรี ยบและสะอาด
b. ทาการล้างแผ่นโลหะเพื่อล้างไขมัน หรื อน้ ามันออกจากแผ่นโลหะสะอาด (Degreasing)
c. เฉพาะแผ่นเหล็กถ้ามีร่องรอยของการเกิดสนิ ม และไม่ใช่แผ่นเหล็กใหม่ ต้องล้างด้วยน้ ายา
ล้างสนิมเพื่อให้สนิมเหลืออยู่หลังการขัดหลุดออกทั้งหมด น้ ายาล้างสนิมให้ใช้ของ ICI หรื อ
เทียบเท่า
- การเคลือบผิวชั้นแรกให้ใช้วิธีชุบสังกะสี โดยวิธีชุบไฟฟ้ า (Electro-Galvanized Coating) โดยชิ้นงานที่
ผ่านกระบวนการต้องได้ตามมาตรฐาน IEC60068 หรื อ BS 1706
- การพ่นสี ช้ นั นอกให้ใช้สี Epoxy/Polyester Powder อย่างดีพ่นให้ทวั่ อย่างน้อยความหนาสี 60 ไมครอน
แล้วอบด้วยความร้อน 200 องศาเซลเซียส
17.8.9 SPD3 For DB นอกอาคาร, DB ที่จ่ายโหลดนอกอาคาร, DB บนหลังคา, Elevator control panel, MATV
Amplifier. อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิ ร์จ (Surge Protection Device) Class I,II / T1/T2 เป็ นอุปกรณ์ป้องกันเสิ ร์จ ที่สร้าง
จาก ระบบ Spark Gap ใช้สาหรับติดตั้งที่ตูค้ วบคุมไฟฟ้ าที่ติดตั้งใกล้หลังคาหรื อตูค้ วบคุมลิฟท์ โดยมีรายละเอียดทาง
เทคนิคดังนี้
Technical Specification
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิ ร์จ Class I/II, T1/T2 :
IEC Category, EN Type /VDE I/II, T1/T2
Nominal Voltage Un 230 V AC
Max.Continuous operating voltage Uc ≥255 V AC
Lightning Teste Current (10/350) Iimp ≥25 kA (per pole)
Nominal discharged current (8/20) In ≥25 kA (per Pole)
Temporary Over Voltage withstand (UTOV) 440 V / 120 min (Withstand Mode)
Protection level Up at In (L-N) ≤1.5 kV
Follow Current If ≥50 kA
Max. prospective short-circuit current ≥100 kArms (220 kApeak)
ให้ติดตั้งอุปกรณ์แบบขนานผ่าน ฟิ วส์ ขนาดไม่น้อยกว่า 250 A จุดต่อลงดินให้มีการต่อผ่าน Ground
terminal block ที่มีการต่อลง DIN Rail เพื่อลดผลกระทบต่อความยาวสายและแรงดันป้ องกันโดยรวม
17.8.10 SPD4 For DB ในอาคาร อุปกรณ์ ป้ องกันแรงดันเสิ ร์จ (Surge Protection Device) Class II / T2 เป็ น
อุปกรณ์ป้องกันเสิ ร์จที่สร้างจาก MOV ใช้สาหรับติดตั้งอุปกรณ์ที่ตคู้ วบคุมไฟฟ้ า โดยมีรายละเอียดทางเทคนิคดังนี้
Technical Specification
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิ ร์จ Class II : MOV Technology
IEC Category/ EN Type II /T2
Nominal Voltage Un 230 V AC
Max. Continuous operating voltage Uc L-N / N-PE 385 V AC / 255 V AC
TOV behavior at UT (L-N) 440 V / 120 min (Withstand Mode)
Normal. discharged current (8/20) Imax 20 kA
Protection level Up at In (L-N / N-PE) ≤2 kV / ≤1.7 kV
Protection level Up at 5 kA (L-N / N-PE) ≤1.5 kV / ≤ 1.5 kV
Technology Advanced Circuit Interruption (ACI)
/ Safe Energy Control (SEC)
ให้ติดตั้งอุปกรณ์แบบขนานผ่าน ฟิ วส์ ขนาดไม่น้อยกว่า 125 A จุดต่อลงดินให้มีการต่อผ่าน Ground
terminal block ที่มีการต่อลง DIN Rail เพื่อลดผลกระทบต่อความยาวสายและแรงดันป้ องกันโดยรวม
17.8.11 SPD5 ส าหรั บ โหลดเฉพาะจุ ด โดยอุ ป กรณ์ ป้ องกัน แรงดัน เสิ ร์ จ ตัว นี้ (SPD5) ไม่ จ าเป็ นต้อ งเป็ น
ผลิตภัณฑ์เดียวกันกัน SPD ตัวอื่น และเป็ นผลิตภัณฑ์ได้รับรองมาตรฐาน ANSI/IEEE C62.41, UL 1449 3rd Edition และ
UL 1283
Technical Specification
ทัน ที (INSTANTANEOUS TRIP) โดยมี พิ กัด กระแสเริ่ มต้น ตัด วงจร 12-15xIn , มี พิ กัด การทนกระแสลัด วงจร
(BREAKING CAPACITY : Ic,Icu,Ics) ตามที่ระบุในแบบ
17.9.2.5 BRANCH MINIATURE CIRCUIT BREAKER : MCB ต้องผลิตตามมาตรฐาน IEC 60947-
2 , IEC 60898 โดยมีพิกดั กกระแสเกินตั้งแต่ 10-63A และพิกดั กระแสลัดวงจรตั้งแต่ 6-10kA เซอร์ กิตเบรกเกอร์ตอ้ งเป็ น
แบบ QUICK-MAKE, QUICK-BREAK, THERMAL MAGNETIC AND TRIP INDICATING และเป็ นแบบ PLUG-IN
หรื อ BOLT-ON TYPE โดย CIRCUIT BREAKER ต้องเป็ นผลิตภัณฑ์เดียวกับ MAIN CIRCUIT BREAKER
17.9.2.6 BRANCH RESIDUAL CURRENT CIRCUIT BREAKER WITH INTEGRAL
OVERCURRENT PROTECTION : RCBO ต้องผลิตตามมาตรฐาน IEC 61009-1 โดยมีพิกดั กกระแสเกินตั้งแต่ 10-63A
และพิกดั กระแสลัดวงจรตั้งแต่ 6-10kA และจะตัดวงจรเมื่อมีกระแสไฟรั่วเท่ากับ 30 mA ภายในเวลาไม่เกิน 0.04 วินาที
เ ซ อ ร์ กิ ต เ บ ร ก เ ก อ ร์ ต้ อ ง เ ป็ น แ บ บ QUICK-MAKE, QUICK-BREAK, THERMAL MAGNETIC AND TRIP
INDICATING และเป็ นแบบ PLUG-IN หรื อ BOLT-ON TYPE โดย CIRCUIT BREAKER ต้องเป็ นผลิตภัณฑ์เดียวกับ
MAIN CIRCUIT BREAKER
17.9.2.7 NAMEPLATE แผงสวิตช์ยอ่ ยต้องบ่งบอกด้วย NAMEPLATE, NAMEPLATE ต้องทาด้วย
แผ่นพลาสติกสองชั้น ชั้นนอกเป็ นสี ดาและชั้นในเป็ นสี ขาว การแกะสลักตัวหนังสื อทาบนแผ่นพลาสติกสี ดา เพื่อว่าเมื่อ
ประกอบกันแล้วตัวหนังสื อจะปรากฏเป็ นสี ขาว โดยความสู งของตัวอักษรต้องไม่น้อยกว่า 20 มิลลิเมตร หรื อตามที่ผู ้
ว่าจ้างเห็นชอบ ข้อความตัวหนังสื อบน NAMEPLATE ให้เป็ นไปดังแสดงไว้ในแบบ
17.9.2.8 ผังวงจร ตูย้ ่อยทุกตูต้ อ้ งมีผงั วงจรที่อยูก่ บั ตูด้ งั กล่าวติดไว้ในฝาตู้ ซึ่ งจะบ่งบอกถึงหมายเลข
วงจร ขนาดสาย ขนาดของ CIRCUIT BREAKER และ LOAD ชนิดใดที่บริ เวณใดไว้เพื่อสะดวกในการบารุ งรักษา
17.9.3 การติดตั้งให้ติดตั้งกับผนังด้วย EXPANSION BOLT ที่เหมาะสม หรื อติดตั้งบน SUPPORT ที่เหมาะสม
โดยระดับสูง 1.80 เมตร จากพื้นถึงระดับบนของแผงสวิตช์ตามตาแหน่งที่แสดงในแบบ
17.13 กำรติดตั้ง
17.13.1 แผงสวิตช์ฯ ที่ติดตั้งในสถานที่ใช้งานจริ งต้องยึดติดกับฐานที่ต้ งั ด้วยนอตจานวนไม่น้อยกว่า 4 จุดตาม
มุมทั้งสี่ อย่างแน่นหนา
17.13.2 ในกรณี ที่เป็ นพื้นคอนกรี ต นอตที่ใช้ตอ้ งเป็ นแบบ EXPANSION BOLT
17.14 กำรทดสอบ
17.14.1 การทดสอบประจาโรงงานผูผ้ ลิต (Routine Test) ตามมาตรฐาน IEC 61439-1 จะต้องทาการทดสอบ
ดังต่อไปนี้
17.14.1.1 ตรวจสอบการทางานตามวงจรควบคุมทางด้านไฟฟ้ า (Wiring, Electrical-Operation)
17.14.1.2 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ า (Dielectric Test)
17.14.1.3 ตรวจสอบการป้ องกันทางด้านไฟฟ้ า (Protective Measures)
17.14.1.4 ตรวจสอบค่าความต้านทานฉนวนไฟฟ้ า (Insulation Resistance)
17.14.2 นอกจากการทดสอบที่โรงงานผูผ้ ลิตตามความเห็นชอบของผูว้ ่าจ้าง เมื่อมีการติดตั้งในสถานที่ใช้งาน
แล้ว ต้องตรวจทดสอบอย่างน้อยดังนี้
17.14.2.1 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ าของอุปกรณ์ภายในแผงสวิตช์ท้งั หมด
17.14.2.2 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ าของสายป้ อน (Feeder) ต่างๆ ที่ออกจากแผงสวิตช์ฯ
17.14.2.3 ตรวจสอบระบบการทางานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อทดสอบความถูกต้อง
17.14.2.4 ในขั้นตอนการตรวจสอบจะต้องให้ผูค้ วบคุมงานร่ วมตรวจสอบที่โรงงานและเห็น ชอบ
พร้อมอนุมตั ิผลการตรวจสอบ
CAPACITY : Ic,Icu,Ics) ตามที่ระบุในแบบ โดยค่า Icu ต้องไม่น้อยกว่าในแบบที่ระบุ และ Ics = 100 %Icu นอกจากนี้
MCCB จะต้องมีคุณสมบัติของ Utilizations category Durability เหมือนกันกับเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์
18.2.2.6 NAMEPLATE แผงสวิ ต ช์ ต้อ งบ่ ง บอกด้ว ย NAMEPLATE, NAMEPLATE ต้อ งท าด้ว ย
แผ่นพลาสติกสองชั้น ชั้นนอกเป็ นสี ดาและชั้นในเป็ นสี ขาว การแกะสลักตัวหนังสื อทาบนแผ่นพลาสติกสี ดา เพื่อว่าเมื่อ
ประกอบกันแล้วตัวหนังสื อจะปรากฏเป็ นสี ขาว โดยความสู งของตัวอักษรต้องไม่น้อยกว่า 20 มิลลิเมตร หรื อตามที่ผู ้
ว่าจ้างเห็นชอบ
18.2.2.7 ผังวงจร แผงสวิตช์ทุกแผงต้องมีผงั วงจรที่อยู่กบั ตูด้ งั กล่าวติดไว้ในฝาตู้ ซึ่ งจะบ่งบอกถึง
หมายเลขวงจร ขนาดสาย ขนาดของ CIRCUIT BREAKER และ LOAD ชนิ ด ใดที่ บ ริ เ วณใดไว้เ พื่ อ สะดวกในการ
บารุ งรักษา โดยผังวงจรต้องทาจากวัสดุที่คงทนถาวร
18.2.3 การติดตั้งให้ติดตั้งกับผนังด้วย EXPANSION BOLT ที่เหมาะสม หรื อติดตั้งบน SUPPORT ที่เหมาะสม
โดยระดับสูง 1.80 เมตร จากพื้นถึงระดับบนของแผงสวิตช์ตามตาแหน่งที่แสดงในแบบ
18.3 พิกัดของแผงสวิตช์
ถ้ามิได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่นให้แผงสวิตช์ฯ ที่กล่าวถึงรวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีการออกแบบสร้างตาม
IEC 61439-1 และมาตรฐานอื่นๆ ตามที่ผูว้ ่าจ้างกาหนดไว้ แต่ตอ้ งไม่ขดั ต่อระเบียบและมาตรฐานการไฟฟ้ าท้องถิ่นที่
กาหนดไว้ แผงสวิตช์ฯ โดยมีคุณสมบัติทางเทคนิคอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
18.3.1 RATED SYSTEM VOLTAGE:Us : 230/400 VAC ( PEA ) or 240 /416 VAC ( MEA Rated)
18.3.2 RATED VOLTAGE OPERATION(Ue) : 400 VAC
18.3.3 NETWORK SYSTEMS : 3-PHASE,4-WIRE
18.3.4 RATED INSULATION VOLTAGE(Ui) : 1000 VDC
18.3.5 RATED IMPULS VOLTAGE(Uimp) : 12 k VAC
18.3.6 RATED FREQUENCY : 50 Hz
18.3.7 GROUNDING ARRANGEMENT : SOLIDARY GROUND NEUTRAL
18.3.8 RATED NORMAL CURRENT (In) : ไม่นอ้ ยกว่าที่ระบุไว้ในแบบ และขนาดบัสบาร์ Neutral ต้อง
มีขนาดไม่นอ้ ยกว่า 100 % ของบัสบาร์ Phase
18.3.9 RATED SHORT-TIME CURRENT : ไม่นอ้ ยกว่า 50 kA/1 Sec ที่แรงดันใช้งาน
Icw หรื อตามที่กาหนดไว้ในแบบ
18.3.10 RATED PEAKED WITHSTAND : ไม่นอ้ ยกว่า 2.8 เท่าของ RATED SHORT CIRCUIT
CURRENT (Ipk) CAPACITY ของ MAIN CIRCUIT BREAKER
18.3.11 CONTROL VOLTAGE : 220-240 VAC
18.3.12 TEMPERATURE RISE OF BUSBAR : FINAL TEMPRATURE 70C (Present Derating)
[AMBIENT TEMP 40C +TEMP RISE 30C ]
18.9 MOTOR STARTER แบบ SOLID-STATE REDUCED VOLTAGE STARTER (SOFT START)
18.9.1 ต้องเป็ นชนิ ดที่มีการควบคุมด้วยอุปกรณ์ไทริ สเตอร์ (SCRs) ครบทั้งสามเฟส ผลิตและทดสอบตาม
มาตรฐาน IEC 60947-4-2 Category AC-53a/AC53B หรื อมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่าและเหมาะสมกับลักษณะการทางาน
ของมอเตอร์ที่ระบุในแบบ
18.9.2 หลักการทางานของสตาร์ ตเตอร์ ไม่ได้ใช้หลักการลิมิตกระแสหรื อการปรับระดับแรงดันแบบธรรมดา
แต่ใช้หลักการควบคุมแรงบิดของมอเตอร์ (Torque control) ซึ่ งสามารถปรับระดับแรงบิดได้ตลอดช่วงการเร่ งความเร็ ว
นอกจากนี้ยงั สามารถปรับแรงบิดให้มีค่าคงที่ตลอดตั้งแต่สตาร์ตจนถึงความเร็ วสูงสุ ด
18.9.3 สาหรับระบบงานที่ใช้กบั ปั๊ ม สามารถแก้ปัญหาการกระแทกของน้ า (Water hammer) ได้ โดยการลด
ความเร็ วด้วยวิธีการปรับแรงบิด
18.9.4 มีคุณสมบัติตามข้อกาหนดมาตรฐาน IEC 60947-4-2 หรื อเทียบเทียบ
คุณสมบัติทำงเทคนิค
(1) ใช้งานได้กบั ระบบไฟฟ้ า 3 เฟส 380…415 โวลต์ 50/60 เฮิรตซ์ +/-5% และยังสามารถปรับให้เป็ น +/-20%
เมื่อใช้กบั เครื่ องปั่นไฟฟ้ า (Generator)
(2) สามารถปรับตั้งค่าในการทางานได้อย่างน้อย ดังนี้
• Nominal Motor Current : 0.4 –1.3 เท่า
• Current Limited : 150% – 500%
• Acceleration Ramp Time : 1 – 60 วินาที
• Deceleration Ramp Time : 1 – 60 วินาที
• Power Factor : ≥ 0.9 Lagging
(3) มีจานวนชุดควบคุมสัญญาณดังนี้
18.12.4 การจั ด สร้ า ง REMOTE และ LOCAL-CONTROL PANEL ต้ อ งจั ด ท า SHOP DRAWING แสดง
CONTROL CIRCUIT DIAGRAM และรู ปแบบของตัวตูแ้ ผงเสนออนุมตั ิจากผูค้ วบคุมงานก่อน
18.12.5 กรณี ที่มีเครื่ องวัดและอุปกรณ์อื่นๆ ให้เป็ นไปตามกาหนดเช่นเดียวกับ MOTOR CONTROL CENTER
18.13 กำรติดตั้ง
18.13.1 แผงสวิตช์ที่ติดตั้งในสถานที่ใช้งานจริ ง ต้องยึดติดกับฐานที่ต้งั ด้วยนอต จานวนไม่นอ้ ยกว่า 4 จุด ตาม
มุมทั้งสี่ อย่างแน่นหนา
18.13.2 ในกรณี ที่เป็ นพื้นคอนกรี ต นอตที่ใช้ตอ้ งเป็ นแบบ EXPANSION BOLT
18.14 กำรทดสอบ
18.14.1 การทดสอบประจาโรงงานผูผ้ ลิต (Routine Test) ตามมาตรฐาน IEC 61439-1 จะต้องทาการทดสอบ
ดังต่อไปนี้
18.14.1.1 ตรวจสอบการทางานตามวงจรควบคุมทางด้านไฟฟ้ า (Wiring, Electrical-Operation)
18.14.1.2 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ า (Dielectric Test)
18.14.1.3 ตรวจสอบการป้ องกันทางด้านไฟฟ้ า (Protective Measures)
18.14.1.4 ตรวจสอบค่าความต้านทานฉนวนไฟฟ้ า (Insulation Resistance)
18.14.2 นอกจากการทดสอบที่โรงงานผูผ้ ลิตตามความเห็นชอบของผูว้ ่าจ้าง เมื่อมีการติดตั้งในสถานที่ใช้งาน
แล้ว ต้องตรวจทดสอบอย่างน้อยดังนี้
18.14.2.1 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ าของอุปกรณ์ภายในแผงสวิตช์ท้งั หมด
18.14.2.2 ตรวจสอบค่าความเป็ นฉนวนไฟฟ้ าของสายป้ อน (Feeder) ต่างๆ ที่ออกจากแผงสวิตช์ฯ
18.14.2.3 ตรวจสอบระบบการทางานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อทดสอบความถูกต้อง
18.14.2.4 ในขั้นตอนการตรวจสอบจะต้องให้ผูค้ วบคุมงานร่ วมตรวจสอบที่โรงงานและเห็น ชอบ
พร้อมอนุมตั ิผลการตรวจสอบ
19. สำยไฟฟ้ำแรงต่ำ
19.3 สำยไฟฟ้ ำแรงต่ำชนิดทนไฟ (FIRE RESISTANCE CABLE) และสำยไฟฟ้ ำแรงต่ำชนิดต้ ำนกำรลำมไฟ (LOW
SMOKE ZERO HALOGEN CABLE)
19.3.1 ความต้องการทัว่ ไป
ข้อกาหนดนี้ ได้ระบุครอบคลุมถึงการจัดหาและการติดตั้งใช้งานสาหรับสายไฟฟ้ าชนิ ดทนไฟ (Low
Smoke, Zero Halogen, Fire Resistance Cable) และสายไฟฟ้ าชนิ ดต้านการลามไฟ (Low Smoke Zero Halogen Cable)
ตามที่ระบุในแบบและรายละเอียดนี้
19.3.2 มาตรฐาน
สายทนไฟต้องเป็ นตามมาตรฐาน IEC หรื อ BS หรื อมาตรฐานอื่น แต่ตอ้ งได้รับการอนุมตั ิ
19.3.3 เทคนิคการผลิต
19.3.3.1 สายไฟฟ้ าตัวนาต้องเป็ นสายทองแดงตีเกลี ยว (Stranded Wire) ตามมาตรฐาน IEC60228
Class2
19.3.3.2 ฉนวนจะประกอบด้วยเทปทนไฟ (Fire Resistance Tape) เช่น Mica Tape หรื อวัสดุทนไฟ
อื่นพันหุ้มรอบตัวนาทองแดง และชั้นนอกจะหุ้มด้วยวัสดุฉนวนประเภท Cross-Linked ที่มีคุณสมบัติเป็ น Low Smoke,
Zero Halogen, Flame Retardant ชนิดพิเศษ มีความหนาตาม IEC 60502
ในกรณี ที่เป็ นสายตัวนาหลายแกน (Multicore Cable) ช่ องว่างระหว่างตัวนาแต่ล ะแกน
จะต้องมี Filler เพื่อความแข็งแรงของสาย
19.3.3.3 เปลือกหุ้มภายนอก (Outer Sheath) ของสายไฟฟ้ าตัวนาหลายแกน (Multicore Cable) เป็ น
วัสดุประเภท Polyolefine หรื อวัสดุอื่นที่มีคุณสมบัติเป็ น Low Smoke, Zero Halogen มีความหนาตาม IEC 60502
19.3.3.4 ลักษณะเฉพาะสาหรับสายไฟฟ้ ากาลัง (Power Cable) ที่มีขนาดตั้งแต่ 1.5 SQ.MM. ขึ้นไป
1. มี Rated voltage ที่ 600 V/1,000 V สาหรับสายไฟฟ้ ากาลัง และ 300 V/500 V สาหรับ
สายนาสัญญาณและสื่ อสาร
2. สายที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.5 SQ.MM. จะต้องมีฉนวนหุ้มเป็ นชั้นต่างๆ ดังนี้
- MICA (Glass Resistance Tape)
- Cross Link Insulation มีคุณสมบัติเป็ น Low Smoke, Zero Halogen, Flame Retardant
มีความหนาตาม IEC 60502
- เปลื อ กหุ้ ม ภายนอก (Outer Sheath) ของสายไฟฟ้ าตัว น าหลายแกน (Multicore
Cable) เป็ นวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็ น Low Smoke, Zero Halogen, Flame Retardant
19.3.3.5 ลักษณะเฉพาะสาหรับสายสัญญาณ (Signal and Data Cable)
1. สาหรับสายนาสัญญาณซึ่ งไม่ใช่ Addressable data ให้มี Rated Voltage ที่ 600/1,000V
และให้ใช้เป็ นสายแกนเดียว (Single-core) ได้
2. ส าหรั บ สายน าสั ญ ญาณซึ่ งเป็ น Addressable data และ/หรื อ Voice alarm ให้ มี Rate
Voltage ที่300V/500V และมีโครงสร้างพิเศษ ดังนี้
- เป็ นสาย Twister pair
19.4 ลักษณะและวิธีกำรติดตั้ง
19.4.1 สายไฟจะต้องเป็ นเส้นเดียวตลอด โดยไม่มีการตัดต่อระหว่างแผงไฟ (Panelboard) จนถึง Outlet หรื อ
ระหว่าง Outlet หรื อ Switch Board ถึ งแผงไฟ การตัดต่อสาย (Splicing) สาหรั บ Branch Circuit ให้กระทาได้ต่อเมื่ อ
จาเป็ นจริ งๆ และต้องตัดต่อเฉพาะใน Junction หรื อ Outlet Box ซึ่ งอยู่ในที่สามารถเข้าไปตรวจ และ/หรื อ ซ่อมบารุ งได้
โดยง่ายเท่านั้น
19.4.2 ให้ใช้เฉพาะที่ต่อสายแบบ Compression, Bolt หรื อ Screw Type หรื อ Wire Nut เท่านั้น ขั้วต่อสายที่ไม่
มีฉนวนเมื่อต่อสายแล้วต้องพันด้วยเทปฉนวนทับกันประมาณ 50% 3 ชั้น มีความหนาไม่นอ้ ยกว่าความหนาของฉนวน
สายไฟฟ้ านั้น เทปที่ ใ ช้พ นั สายต้อ งเป็ น VINYL เทปทนอุ ณหภู มิต่ อ เนื่ อ งได้ไ ม่ น้อ ยกว่ า 105 °C หนา 7 MILS. ทน
แรงดันไฟฟ้ าได้ไม่นอ้ ยกว่า 600 โวลต์ การต่อสายที่อยูใ่ นที่เปี ยกชื้นหรื อใต้ดิน จะต้องใช้วิธีเสริ มเรซินหล่อหลอมหุ้มไว้
ด้วยเรซิน ต้องเป็ นของที่ใช้งานเช่นนี้ได้ดี ห้ามใช้ที่ต่อสายแบบ Twisted Wire Splice ห้ามต่อสายไฟเกิน 4 เส้น ณ แต่ละ
จุดที่ต่อสาย
19.5 กำรทดสอบ
ให้ทดสอบค่าความต้านทานของฉนวนสายไฟฟ้ าดังนี้
19.5.1 สาหรับวงจรแสงสว่าง และเต้ารับ ให้ปลดสายออกจากอุปกรณ์ตดั วงจรและสวิตช์ต่างๆ อยูใ่ นตาแหน่ง
เปิ ด ต้องวัดค่าความต้านทานของฉนวนได้ไม่นอ้ ยกว่า 0.5 เมกกะโอห์ม ในทุกๆ กรณี
19.5.2 สาหรั บ Feeder และ Sub-Feeder ให้ ป ลดสายออกจากอุ ป กรณ์ ต่ า งๆ ทั้ง สองทางแล้ว วัด ค่ า ความ
ต้านทานของฉนวน ต้องไม่นอ้ ยกว่า 0.5 เมกกะโอห์ม ในทุกๆ กรณี
19.5.3 การวัดค่าของฉนวนดังกล่าว ต้องใช้เครื่ องมือเมกโอห์มมิเตอร์ที่จา่ ยไฟฟ้ ากระแสตรงแรงดัน 500 โวลต์
และวัดเป็ นเวลา 30 วินาที ต่อเนื่องกัน
20. อุปกรณ์เดินสำยไฟฟ้ำ
ขนาดสายไฟ
จานวนสายสูงสุ ดของสายไฟฟ้ าในท่อร้อยสาย
(ตารางมิลลิเมตร)
1.5 8 14 22 37 - - - - - - - -
2.5 5 10 15 25 39 - - - - - - -
4 4 7 11 19 30 - - - - - - -
6 3 5 9 15 23 37 - - - - - -
10 1 3 5 9 14 22 37 - - - - -
16 1 2 4 6 10 16 27 42 - - - -
25 1 1 2 4 6 10 17 27 34 - - -
35 1 1 1 3 5 8 14 41 27 33 - -
50 - 1 1 1 3 6 10 15 19 24 38 -
70 - - 1 1 3 4 7 12 15 18 29 42
95 - - 1 1 1 3 5 8 11 13 21 30
120 - - - 1 1 2 4 7 9 11 17 25
150 - - - 1 1 1 3 5 7 9 14 20
185 - - - 1 1 1 3 4 6 7 11 16
240 - - - - 1 1 1 3 4 5 8 12
300 - - - - - 1 1 2 3 4 7 10
400 - - - - - 1 1 1 2 3 5 8
เส้นผ่านศูนย์กลางของ
15 20 25 32 40 50 65 80 90 100 125 150
ท่อร้อยสาย (มม.)
2533 ประเภทที่ 1 (EMT) ชนิ ดที่ 2 เคลื อบสังกะสี ท้ งั ภายในและภายนอก (INSIDE AND OUTSIDE GALVANIZE
COATED) หรื อผลิตตามมาตรฐาน ANSI C80.3-1983
20.2.1.1 ท่อโลหะบางเป็ นแบบที่ไม่มีเกลียวหัวท้ายลบคมมาจากโรงงานเรี ยบร้อย
20.2.1.2 ท่อโลหะบางทุกท่อนต้องแสดงประเภทท่อ ขนาด และเครื่ องหมายการค้าที่จดทะเบียน เห็น
ได้ง่ายชัดเจนและไม่ลบง่าย
20.2.2 ท่ อ โลหะชนิ ด หนาปานกลาง (INTERMEDIATE METAL CONDUIT : IMC) มี ข นาดเส้ น ผ่ า น
ศูนย์กลางไม่เล็กกว่า ½ นิ้ ว ติ ดตั้งใช้งานได้เช่ นเดี ยวกับท่อโลหะบางและติ ดตั้งฝังในคอนกรี ตได้ แต่ห้ามใช้ฝังดิน
โดยตรง และใช้ในสถานที่ อนั ตรายตามกาหนดใน NEC ARTICLE 345 เป็ นผลิ ตภัณฑ์ที่ผลิ ตด้วยเหล็กกล้าเคลือบ
สั ง กะ สี ทั้ ง ภาย ใ น แ ล ะ ภาย น อ ก ( INSIDE AND OUTSIDE GALVANIZE COATED) ผ ลิ ต ต ามมาต ร ฐ าน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.770-2533 ประเภทที่ 2 (IMC) ชนิ ดที่ 2 เคลือบสังกะสี ท้ งั ภายในและภายนอก (INSIDE
AND OUTSIDE GALVANIZE COATED) หรื อผลิตตามมาตรฐาน ANSI C80.6-1983
20.2.2.1 ท่อโลหะหนาปานกลางเป็ นแบบที่ทาเกลียวหัวท้าย ลบคม มีฝาครอบป้ องกันเกลียว และข้อต่อ
หมุนติดมาอย่างละ 1 อัน ประกอบมาจากโรงงานเรี ยบร้อย
20.2.2.2 ท่อโลหะหนาปานกลางทุกท่อนต้องแสดงประเภทท่อ ขนาด และเครื่ องหมายการค้าที่จด
ทะเบียน เห็นได้ง่าย ชัดเจน ไม่ลบง่าย
20.2.3 ท่อโลหะชนิดหนา (RIGID STEEL CONDUIT : RSC) สามารถใช้งานแทนท่อ EMT และ IMC ได้ทุก
ประการ และให้ใช้ในสถานที่อนั ตรายและฝังดินได้โดยตรงตามกาหนดใน NEC ARTICLE 346 เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ผลิต
ด้ว ยเหล็ก กล้าเคลื อบสั ง กะสี ท้ งั ภายในและภายนอก (INSIDE AND OUTSIDE GALVANIZE COATED) ผลิ ต ตาม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.770-2533 ประเภทที่ 3 (RSC) ชนิ ดที่ 2 เคลือบสังกะสี ท้ งั ภายในและภายนอก
(INSIDE AND OUTSIDE GALVANIZE COATED) หรื อผลิตตามมาตรฐาน ANSI C80.1-1983
20.2.3.1 ท่อโลหะหนาเป็ นแบบที่ทาเกลียวหัวท้าย ลบคม มีฝาครอบป้ องกันเกลียว และมีขอ้ ต่อหมุนติด
มาอย่างละ 1 อัน ประกอบมาจากโรงงานเรี ยบร้อย
20.2.3.2 ท่อโลหะหนาทุกท่อนต้องแสดงประเภทท่อ ขนาด และเครื่ องหมายการค้าที่จดทะเบียนเห็น
ได้ง่าย ชัดเจน ไม่ลบง่าย
20.2.4 อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับท่อ : CONDUIT FITTING สาหรับท่อโลหะหนา RSC, ท่อโลหะหนาปาน
กลาง IMC และท่อโลหะบาง EMT ตัวอย่างเช่น ข้อต่อ ข้องอ ที่ยึด ที่รองรับ ต้องมีการเคลือบสังกะสี หรื อเคลือบน้ ายา
เพื่อป้ องกันการผุกร่ อน หรื อทาด้วยโลหะที่มีคุณสมบัติป้องกันการผุกร่ อนในตัว เพื่อให้ทนทานการผุกร่ อนได้ไม่น้อย
กว่าท่อ การเลือกใช้ตอ้ งให้เหมาะสมกับสภาพและสถานที่ใช้งาน
20.2.4.1 อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับท่อทุกประเภท ต้องเป็ นของที่ทาสาเร็ จรู ปมาจากโรงงานผูผ้ ลิตทั้งสิ้น
ห้ามใช้อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบที่ทา และดัดแปลงขึ้นเอง
20.2.5 ท่อโลหะอ่อน (FLEXIBLE METALLIC CONDUIT : FMC) เป็ นท่อโลหะอ่อนที่ใช้ร้อยสายไฟฟ้ าเข้า
อุปกรณ์ หรื อเครื่ องไฟฟ้ าที่มี หรื ออาจมีการสั่นสะเทือนได้ หรื ออุปกรณ์ที่อาจมีการเคลื่อนย้ายได้บา้ ง เช่น มอเตอร์ โคม
ไฟฟ้ าแสงสว่างเป็ นต้น ท่ออ่อนที่ใช้ในสถานที่ช้ืนแฉะ และนอกอาคารต้องใช้ท่ออ่อนชนิดกันน้ า
20.2.5.1 เป็ นผลิ ต ภัณ ฑ์ท่ อ โลหะอ่ อ นที่ ผลิ ต ด้ว ยเหล็ก กล้า เคลื อ บสั ง กะสี ทั้ง ภายในและภายนอก
(INSIDE AND OUTSIDE GALVANIZE COATED) เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.
2133-2545 หรื อมาตรฐานอ้างอิง BS 731-1 หรื อ ANSI/UL 1
20.4 WIREWAY
20.4.1 รางเดิ น สายจะต้อ งเป็ นผลิ ต ภัณ ฑ์ ที่ ไ ด้รั บ มาตรฐานผูผ้ ลิ ต ในประเทศไทยและได้รั บ การรั บ รอง
มาตรฐานสากล ISO9001: 2008 ซึ่ งได้ผลิตรางเดินสายอยู่เป็ นประจาและเป็ นผูผ้ ลิตที่ผวู ้ ่าจ้างเชื่อถือ รางเดินสายแต่ละ
ท่อนจะต้องแสดงชื่อและเครื่ องหมายการค้าของผูผ้ ลิตไว้ในที่ๆ เห็นได้ชดั เจน
20.4.2 การติดตั้งรางเดินสาย และจานวนสายให้ใช้กฎและวิธีการตามที่กาหนดใน NEC CODE ARTICLE
318 และมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้ าสาหรับประเทศไทย
20.4.3 WIREWAY ต้องพับขึ้นจากเหล็กแผ่นที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 1.2 มิลลิเมตร พร้อมฝาครอบปิ ดผ่าน
การป้ องกันสนิมโดยวิธีชุบ GALVANIZED หรื อ พ่นเคลือบด้วยสี อบความร้อน หรื อตามที่ระบุในแบบ
20.4.4 การติดตั้งใช้งาน WIREWAY ต้องเป็ นไปตาม NEC ARTICLE 300 และ ARTICLE 362 และต้องยึด
กับโครงสร้างอาคารทุกๆ ระยะไม่เกิน 1.50 เมตร
20.4.5 การติดตั้งราง WIREWAY ต้องมีที่รองรับหรื อแขวนยึดให้มนั่ คงที่รองรับหรื อที่ยึดรางร้อยสายที่เดินใน
แนวนอน ต้องห่างกันไม่เกิน 1.50 เมตร รางร้อยสายที่เดินในแนวดิ่งต้องมีที่ยึดหรื อรองรับห่างกันไม่เกิน 2.50 เมตร และ
มีจุดต่อรางร้อยสายระหว่างช่วงของที่รองรับหรื อที่ยึดไม่เกิน 1 แห่ง ท่อหรื อทางเดินสายอื่นๆ ที่นามาต่อกับรางร้อยสาย
ไม่นบั เป็ นที่รองรับหรื อที่ยึด
20.4.6 ที่ปลายของราง WIREWAY เมื่อไม่มีการเดินสาย เข้า-ออก ต้องปิ ดด้วยแผ่นปิ ดท้ายราง ที่ทามาสาหรับ
ใช้กบั รางร้อยสายโดยเฉพาะ
20.4.7 ระบบของราง WIREWAY ที่ติดตั้ง จะต้องมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้ า และต้องมีการต่อลงดิน
20.4.8 พื้นที่หน้าตัดทั้งหมดของสายไฟทุกเส้น ที่เดินในราง WIREWAY เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 20%
ของพื้นที่หน้าตัดภายในของรางร้อยสายตรงช่วงที่สายเดินผ่านไป และจานวนสายไฟต้องไม่เกิน 30 เส้น โดยไม่นบั รวม
สายที่มีกระแสไฟไหลเพียงชัว่ คราวหรื อสายดิน
20.4.9 อนุ ญาตให้ใช้รางเดิ นสายได้เฉพาะการติ ดตั้งในพื้นที่ เปิ ดโล่งซึ่ งสามารถเข้าถึ งเพื่อตรวจสอบและ
บ ารุ ง รั กษาได้ตลอดความยาวของรางเดิ นสาย ห้ ำ มเดิ น ในฝ้ ำเพดำน ถ้า ติ ด ตั้ง ภายนอกอาคารต้องเป็ นชนิ ดกันฝน
(RAINTIGHT) และต้อ งมี ความแข็ ง แรงเพี ย งพอที่ จะไม่ เ สี ย รู ป ภายหลัง การติ ด ตั้งและต้อ งเป็ นไปตามข้อ ก าหนด
ดังต่อไปนี้
20.4.10 ห้ามใช้รายเดินสายในบริ เวณที่อาจเกิดความเสี ยหายทางกายภาพ ในบริ เวณที่มีไอที่ทาให้ผกุ ร่ อน หรื อ
ในบริ เวณอันตราย นอกจากจะระบุไว้เป็ นอย่างอื่น
20.4.11 ห้ามติดตั้งหรื อใช้รางเดินสายในกรณี ต่อไปนี้
- ต่อรางเดินสายตรงจุดที่ผา่ นผนังหรื อพื้น
- เป็ นตัวนาสาหรับต่อลงดิน
- ขนาดเกิน 150x300 มิลิเมตร
20.4.12 อนุ ญาตให้ต่อสายเฉพาะในส่ วนที่สามารถเปิ ดออก และเข้าถึงได้โดยสะดวกตลอดเวลาเท่านั้น และ
พื้นที่หน้าตัดของตัวนาและฉนวนรวมทั้งหัวต่อสายรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 75 ของพื้นที่หน้าตัดภายในของราง
เดินสาย ณ จุดต่อสาย
20.5 กล่องต่อสำย
กล่องต่อสายในที่ น้ ี ให้รวมถึ งกล่องสวิตช์ กล่องเต้ารั บ กล่องต่อสาย (JUNCTION BOX) กล่องพักสายหรื อ
กล่องดึงสาย (PULL BOX) ตามข้อกาหนดในมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้ าสาหรับประเทศไทย รายละเอียดของกล่อง
ต่อสายต้องเป็ นไปตามกาหนดดังต่อไปนี้
20.5.1 กล่องต่อสายมาตรฐานโดยทัว่ ไป ต้องเป็ นเหล็กมีความหนาไม่ น้อยกว่ ำ 1.2 มิลลิเมตร ผ่านกรรมวิธี
ป้ องกันสนิมด้วยการชุบ GALVANIZED และกล่องต่อสายชนิดกันน้ าต้องผลิตจากเหล็กหล่อหรื ออะลูมิเนียมหล่อที่มี
ความหนาไม่นอ้ ยกว่า 2.4 มิลลิเมตร
20.5.2 กล่องต่อสายที่มีปริ มาตรใหญ่กว่า 100 ลูกบาศก์นิ้ว ต้องพับขึ้นจากแผ่นเหล็กที่มีความหนาไม่นอ้ ยกว่า
1.5 มิ ล ลิ เ มตร ทั้ง นี้ ต้อ งค านึ ง ถึ ง ความแข็ ง แรงของกล่ อ งต่ อ การใช้ ง าน ผ่ า นกรรมวิ ธี ป้ องกัน สนิ ม ด้ว ยการชุ บ
GALVANIZED และกล่องแบบกันน้ าต้องมีกรรมวิธีที่ดี
20.5.3 กล่องต่อสายชนิดกันระเบิด ซึ่งใช้ในสถานที่อาจเกิดอันตรายต่างๆ ได้ตามที่ระบุในมาตรฐานการติดตั้ง
ทางไฟฟ้ าส าหรั บ ประเทศไทย ต้ อ งเป็ นผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ไ ด้ รั บ การรั บ รองคุ ณ ภาพจาก UL (UNDERWRITERS
LABORATORY) หรื อมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า
20.5.4 ขนาดของกล่องต่อสาย ขึ้นอยูก่ บั ขนาด จานวน ของสายไฟฟ้ าที่ผา่ นเข้าและออกกล่องนั้นๆ และขึ้นกับ
ขนาด จานวนท่อร้อยสายหรื ออุปกรณ์เดินสายอื่นๆ ทั้งนี้ตอ้ งคานึงถึงรัศมีการโค้งงอของสายตามกาหนดในมาตรฐาน
การติดตั้งทางไฟฟ้ าสาหรับประเทศไทย
20.5.5 กล่องต่อสายทุกชนิดและทุกขนาด ต้องมีฝาปิ ดที่เหมาะสม
20.5.6 การติดตั้งกล่องต่อสาย ต้องยึดแน่นกับโครงสร้างอาคารหรื อโครงสร้างถาวรอื่นๆ และกล่องต่อสาย
สาหรับแต่ละระบบให้มีรหัสสี ทาภายใน และที่ฝากล่องให้เห็นได้ชดั เจน ตาแหน่งของกล่องต่อสายต้องติดตั้งอยูใ่ นที่ซ่ ึ ง
เข้าถึงและทางานได้สะดวก
20.5.7 สาหรับแผงสวิตช์รวม ซึ่ งมีสวิตช์ไฟฟ้ าจานวนมากในบริ เวณเดียวกัน ให้ผรู ้ ับจ้างทาแบบขยายแสดง
แบบของ BOX และวิธีการติดตั้งให้วิศวกรพิจารณาและดาเนินการเพื่ออนุมตั ิก่อนการติดตั้ง
20.5.8 เว้นแต่จะได้กาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น PULL BOXES จะต้องสร้างด้วย GALVANIZED STEEL ความ
หน้าไม่ต่ากว่า 2.0 มิลลิเมตร ขนาดไม่ต่ากว่า 5 เท่าของปริ มาตรรวมของสายไฟภายในทั้งหมด แต่ไม่ต่ากว่า 100 คิวบิค
นิ้ว ยึดฝาปิ ดด้วยสกรู และต้องไม่มีรูนอกจากที่ท่อร้อยสายไฟถูกยึดติดอยูเ่ ท่านั้น
20.5.9 PULL BOXES ให้ใช้ได้เฉพาะในการดึงสายไฟภายในเท่านั้น หากจะมีอุปกรณ์อื่น เช่น สวิตช์ CUT-
OUT ฯลฯ ภายใน PULL BOX ด้วย ต้องเสนอแบบของ BOX ตลอดจนรายละเอียดการติดตั้งภายในและการติดตั้ง BOX
ให้วิศวกรได้พิจารณาและอนุมตั ิก่อน
20.5.10 FLOOR BOX สาหรับปลัก๊ ไฟฟ้ า ฯลฯ ซึ่ งฝังอยู่ในพื้นต้องใช้ BOX แบบที่เหมาะสม และทั้งชุดต้อง
สามารถกันน้ าได้ การติดตั้งให้ฝังในพื้นโดยให้ฝาเรี ยบกับพื้น
20.5.11 BOXES ทั้ง หลายที่ ติ ด ตั้ง กลางแจ้ง หรื อในบริ เวณที่ มี ค วามชื้ น ในอากาศสู ง หรื อ BOXES ซึ่ ง
กาหนดให้เป็ นแบบที่กนั น้ าได้จะต้องเป็ นชนิด GALVANIZED CAST IRON มีหัวต่อ (กับท่อร้อยสายไฟ) แบบเกลียว
และใช้ปะเก็น ในการปิ ดฝาให้แน่นสนิทด้วยสกรู ทองเหลือง
20.5.12 BOXES ทุกตัวต้องติ ดตั้งภายในฝ้ าเพดาน ในผนัง ในเพดาน หรื อในพื้นให้พน้ สายตา หากมี ความ
จาเป็ นต้องติดตั้งภายนอกบนเพดาน ผนัง ฯลฯ ต้องได้รับความเห็นชอบของวิศวกรบริ ษทั หรื อ สถาปนิกก่อนแต่ตอ้ งใช้
ชนิด GALVANIZED CAST-IRON
20.5.13 รู KNOCK-OUT ที่ไม่ใช้งานต้องปิ ดให้เรี ยบร้อยด้วยอุปกรณ์ซ่ ึ งสร้างขึ้น เพื่อทาหน้าที่น้ ี โดยเฉพาะ
หรื อเปลี่ยน BOX เสี ยใหม่
20.5.14 BOXES ทั้งหลายจะต้องถูกยึดตรึ งอย่างแข็งแรง โดยไม่ตอ้ งอาศัยท่อร้อยสายไฟเป็ นตัวรับน้ าหนักของ
ตัวเอง และอุปกรณ์อื่นที่ห้อย แขวนหรื อตั้งติดกับ B0X นั้นๆ ได้ หากที่ยึดทาด้วยโลหะจะต้องเป็ นชนิดกันสนิมได้และมี
ขนาดที่เหมาะสม
20.5.15 ผูร้ ับจ้างต้องรับผิดชอบในการซ่ อมแซมผนัง เพดาน ฝ้ า พื้น ฯลฯ ที่ชารุ ด เพราะการติดตั้ง BOXES
ต่างๆ เอง
20.5.16 JUNCTION, OUTLET และ PULL BOX ทุกตัวจะต้องติดตั้งในที่ซ่ ึ งสามารถเข้าไป ดาเนิ นการตรวจ
ซ่อมแซมตัว BOX เองหรื อสายไฟฟ้ าภายในได้ทุกขณะภายหลังจากงานนี้เสร็ จสิ้ นลงแล้ว โดยไม่ตอ้ งกระทบกระเทือน
งานด้านสถาปัตยกรรม
20.5.17 ตาแหน่งของ BOXES และอุปกรณ์ตามที่แสดงในแบบเป็ นตาแหน่งโดยประมาณเท่านั้น ผูร้ ับจ้างต้อง
รับผิดชอบในการศึ กษารายละเอียดและติดตามการเปลี่ ยนแปลงหรื อเพิ่มเติมแบบของสถาปนิ ก และแบบขยาย ของ
บริ ษทั ผูส้ ร้างอุปกรณ์ไฟฟ้ าต่างๆ โดยละเอียด เพื่อสามารถกาหนดตาแหน่ง BOXES ได้ถูกต้อง
20.5.18 การติดตั้ง BOX ให้ระมัดระวังอย่าให้ติดกับท่อน้ าท่อส่ งลมเย็นของระบบปรับอากาศหรื อสิ่ งกีดขวาง
อื่นใด
20.6 กำรติดตั้ง
20.6.1 หากมิได้กาหนดไว้เป็ นการเฉพาะ การติดตั้งสายไฟฟ้ าแรงต่า และอุปกรณ์เดินสายไฟฟ้ าให้เป็ นไปตาม
มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้ าสาหรับประเทศไทยฉบับล่าสุ ด
20.6.2 ถึงแม้ว่าข้อกาหนดจะระบุให้อุปกรณ์เดินสายไฟฟ้ าเป็ นตัวนาสาหรับการต่อลงดินหรื อไม่ก็ตาม แต่ตอ้ ง
ทาการติดตั้งอุปกรณ์เดินสายไฟฟ้ าเหล่านี้ทุกๆ ช่วงให้มีความต่อเนื่องทางไฟฟ้ าโดยตลอด เพื่อเสริ มระบบการต่อลงดิน
ให้มีความแน่นอน และสมบูรณ์
20.7 กำรทดสอบ
ให้ทดสอบเพื่อให้เชื่อมัน่ ได้ว่ามีความต่อเนื่องทางไฟฟ้ าในทุกๆ ช่วง ตามความเห็นชอบของผูค้ วบคุมงาน
21. ตัวอย่ำงอุปกรณ์มำตรฐำน
21.1 วัตถุประสงค์
รายละเอียดในหมวดนี้ ได้แจ้งถึงรายชื่ อผูผ้ ลิตและผลิตภัณฑ์ วัสดุ และอุปกรณ์ที่ถือว่าได้รับการยอมรับ ทั้งนี้
คุณสมบัติของอุปกรณ์น้ นั ๆ ต้องไม่ขดั ต่อรายละเอียดเฉพาะที่กาหนดไว้ การเสนอผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากชื่อที่ให้ไว้น้ ี
ไม่อนุญาตให้เสนอผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากชื่อที่ให้ไว้น้ ี เพื่อขออนุมตั ิใช้เทียบเท่า
• WOLTER
21.2.7 VENTILATION FAN(CENTRIFUGAL,ROOF VENTILATION,SMOKE VENTILATION, AXIAL)
• PANASONIC, JAPAN
• GREENHECK, USA
• ELRAFANS
• KRUGER, SINGAPORE
• WOLTER, GERMAN
• ACME
21.2.8 VENTILATION FAN (JET FAN)
• TEB VENTILATION
• ELRAFANS
21.2.9 FLEXIBLE ALUMINIUM AIR DUCT
• AERODUCT, THAILAND
• S-FLEX, THAILAND
21.2.10 SPIRAL DUCT
• DUCT ASIA
• ARROW DUCT
21.2.11 GALVANIZED STEEL SHEET
• NS BLUESCOPE
• B.S.I (SINGHA)
21.2.12 BLACK STEEL SHEET
• FRESER
21.2.13 AIR DUCT FASTENER
• TILEMENT, JAPAN
21.2.14 DIFFUSERS, GRILLES LOUVERS
• BETEC CAD
• KOMFORT FLOW
• FLOTHRU
• ESCOFLOW
21.2.15 ACOUSTIC GRILLES LOUVERS
• BETEC CAD
• DUCO
• MASON
21.2.16 FIBER GLASS INSULATION
• MICROFIBER, THAILAND
• SFG INSULATION, THAILAND
21.2.17 ROCK WOOL OR HIGH TEMP INSULATION
• ROCKWOOL Pro Rox, THAILAND
• BRADFORD, AUSTRALAI
• MICRO ROCK, JAPAN
21.2.18 CLOSED CELL ELASTOMERIC INSULATION AND ACCESSORIES
• AEROFLEX, THAILAND
21.2.19 INSULATION PIPE SUPPORT (POLYMERIC RIGID FOAM)
• AEROFIX, THAILAND
• RUBATEX
21.2.20 INSULATION ADHESIVE
• NEO-BOND, JAPAN
• AEROSEAL, THAILAND
21.2.21 ALUMINIUM FOIL TAPE
• ALUTAPE
21.2.22 GASKET TAPE
• ESCOTAPE
21.2.23 RIGID PU FOAM PRE-INSULATION PIPE
• ESCOPIPE
• GEKKO
• INSAPIPE
21.2.24 VIBRATION ISOLATOR
• MASON, USA
• KINETIC
• TOZEN, JAPAN
21.2.25 DUCT SILENCER
• MASON, USA
• TRIN
• BETEC CAD
21.2.26 VOLUME CONTROL DAMPER
• DUCT ASIA
• JOHNSON CONTROLS
• BLEN DAIR
• HVC
• BETEC CAD
21.2.27 FIRE DAMPER
• RUSKIN
• BETEC CAD
21.2.28 MOTORIZED FIRE DAMPER
• RUSKIN
• BETEC CAD
21.2.29 MOTORIZED VOLUME CONTROL DAMPER
• RUSKIN
• JOHNSON CONTROLS
• HONEWELL
21.2.30 REFRIGERANT PIPE (ASTM B-88 HARD DRAWN TYPE L)
• MUELLER, USA
• CAMBRIDGE, KOREA
• KEMBLA, AUSTRALIA
• O-TWO, CHINA
• VALOR, THAILAND
21.2.31 REFRIGERANT PIPE (ASTM B-280 ม้วนหนาเบอร์ 22)
• KMCT, THAILAND
• VALOR, THAILAND
• KLM, CHINA
• O-TWO, CHINA
21.2.32 PVC PIPE, TIS 17-2532
• THAI PIPE, THAILAND
• SCG, THAILAND
21.2.33 FLEXIBLE PIPE CONNECTION (RUBBER & STAINLESS)
• TOZEN, JAPAN
• MASON, USA
• METRAFLEX, USA
21.2.34 PANEL BOARD MOTOR CONTROL
• ASEFA
• SCI ELECTRIC MANUFACTURER
• TIC
• PMK
21.2.35 LOW VOLTAGE CIRCUIT BREAKER
• SCHNEIDER ELECTRIC
• SIEMENS
• EATON
21.2.36 STARTER
• SCHNEIDER ELECTRIC
• ABB, SWEDEN
• SIEMENS
21.2.37 VARIABLE SPEED & SOFT STARTER
• SCHNEIDER ELECTRIC
• SIEMENS
• ABB
• DANFOSS
21.2.38 AUTOMATIC CONTROL EQUIPMENT
• JOHNSON CONTROL
• TAC
• SIEMENS
• SCHNEIDER ELECTRIC
• HONEYWELL
• AZBIL
21.2.39 PRESSURE CONTROLLER
• SIEMENS
• AZBIL
• SCHNEIDER ELECTRIC
21.2.40 ELECTRICAL CABLE
• THAI YAZAKI
• PHELPS DODGE
• CTW CABLE
• BANGKOK CABLE
• S SUPER CABLE
21.2.41 FIRE RESISTANCE CABLE (FRC)
• STUDER, SWITZERLAND
• PRYMIAN, UK
• RADOX, SWITZERLAND
• THAI YAZAKI
• PHELPS DODGE
• CTW CABLE
• DRAKA
21.2.42 FLAME RETARDANT, LOW SMOKE AND HALOGEN FREE CABLE (FR)
• STUDER
• PRYMAIN
• BELDEN
• THAI YAZAKI
• PHELPS DODGE
• CTW CABLE
• BANGKOK CABLE
• S SUPER CABLE
• DRAKA
21.2.43 TWIST PAIRS SHIELD CABLE
• BELDEN
• TKD
21.2.44 TWIST PAIRS SHIELD CABLE (FIRE RESISTANCE CABLE)
• STUDER, SWITZERLAND
• BELDEN
21.2.45 ELECTRICAL CONDUIT
21.2.45.1 MATAL CONDUIT
• RSI
• ABSO
• ARROW PIPE
• PANASONIC
• ATC
21.2.45.2 RTRC CONDUIT
• GRE
• ARROW RTRC
21.2.45.3 HDPE CONDUIT
• THAI ASIA PE PIPE (TAP)
• PBP (UHM)
21.2.45.4 UPVC CONDUIT
• HACO
21.2.45.5 LIQUIDTIGHT FLEXIBLE METAL CONDUIT
• ARROW TITE
• ABSO
• ATC
• STEEL CITY
21.2.45.6 METAL STEEL FLEXIBLE CONDUIT
• ARROW TITE
• ABSO
• ATC
• STEEL CITY
21.2.45.7 EFLEX CONDUIT
• BTC
21.2.46 CONDUIT FITTING AND BOX ACCESSORIES
• STEEL CITY
• ABSO
• ATC
. 21.2.47 CABLE TRAY, CABLE LADDER, WIREWAY, METAL TRUNKING
• ASEFA
• TIC MANUFACTURING
• SCI ELECTRIC MANUFACTURER
• BANGKOK SHEET METAL (BSM)
21.2.48 FIRE BARRIER
• HILTI
• 3M