Professional Documents
Culture Documents
NEW!
PREFACE
เอกสารสรุป New! English Grammar 3 ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ
รายวิ ช าภาษาอั ง กฤษ กลุ่ ม สาระการเรี ย นรู้ ภ าษาต่ า งประเทศ ระดั บ ชั้ น
มั ธ ยมศึ ก ษาปี ที่ 6 จั ด ท าขึ้ น เพื่ อสรุ ป เนื้ อ หา เกี่ ย วกั บหลั ก ไวยกรณ์
ภาษาอังกฤษในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยอิงตามเนื้อหาในหนังสือ
เรียนที่ได้เรียน เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาได้ทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียน
หวั ง เป็ น อย่ า งยิ่ งว่ าเอกสารสรุ ป ฉบั บ นี้ จะท าให้ ผู้ที่ มีค วามสนใจเกี่ ยว
ภาษาอังกฤษ สามารถเข้าใจและนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาได้อย่างถูกต้อง
PREMZ PLAY
แก้ไขครั้งที่ 1
กรกฎาคม 2564
เอกสารฉบับนี้จัดทาขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้ที่มีความประสงค์ศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับ
หลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษเท่านั้น มิได้มีเจตนาจะนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด
FOR EDUCATIONAL USE ONLY
CONTENTS
UNIT 20 PRESENT PERFECT 1
UNIT 21 PAST SIMPLE 11
UNIT 22 PAST CONTINUOUS 19
UNIT 23 USED TO and WOULD 28
UNIT 24 PAST PERFECT 33
UNIT 25 REFLEXIVE PRONOUNS 40
UNIT 26 PRESENT PERFECT CONTINUOUS 44
UNIT 27 FUTURE TENSE 49
UNIT 28 FUTURE CONTINUOUS 58
UNIT 29 CONDITIONAL SENTENCES 63
UNIT 30 THE PASSIVE 74
UNIT 31 RELATIVE PRONOUNS 82
UNIT 32 GERUND and INFINITIVE 90
UNIT 33 REPORTED SPEECH 98
UNIT
20 PRESENT PERFECT
เกิดขึ้นในอดีตดาเนินมาจนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มในอนาคต
1) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาที่ทาตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และอาจมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
EX. She has read this book over and over.
ภาพ 20.1
2) ใช้กับประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตว่าเคยทาหรือไม่เคยทา
EX. We have never seen this movie before.
ภาพ 20.2
BY PREMZ PLAY PRESENT PERFECT 2
EX. Anna has been to the USA. EX. Anna has gone to the USA.
ในประโยคนี้หมายถึงแอนนาได้ไปที่ USA ในประโยคนี้หมายถึงแอนนาได้ไปที่ USA
ซึ่งตอนนี้แอนนาได้กลับมาจาก USA เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้แอนนายังไม่กลับมาจาก USA
ภาพ 20.3
Never --> ไม่เคย พูดถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ภาพ 20.4
ภาพ 20.5
Already --> เรียบร้อยแล้ว พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก่อนหน้านี้
ภาพ 20.6
BY PREMZ PLAY PRESENT PERFECT 7
ภาพ 20.7
BY PREMZ PLAY PRESENT PERFECT 8
สรุปโครงสร้าง Present Perfect
ประโยคบอกเล่า
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
PRESENT PERFECT
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาที่ทาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และอาจมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
2. โครงสร้าง คือ have/has + V.3(ed)
3. Since --> ตั้งแต่ แสดงจุดเริ่มต้นของเวลา
4. For --> เป็นระยะเวลา... แสดงช่วงระยะเวลาจากอดีตถึงปัจจุบัน
5. Have been --> เมื่อมีใครสักคนไปที่ที่หนึ่ง และกลับมาแล้ว
6. Have gone --> เมื่อมีใครสักคนไปที่ที่หนึ่ง แต่ยังไม่กลับมา
7. Ever --> เคย เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
Never --> ไม่เคย เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
21 PAST SIMPLE
จบลงไปแล้วในอดีต
1) ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในอดีต
EX. All the continents were one.
ภาพ 21.1
2) ทาเป็นนิสัยหรือกิจวัตรในอดีต โดยที่ปัจจุบันไม่ได้ทาแล้ว
EX. Bobby woke up at 7 a.m. every morning.
ภาพ 21.2
BY PREMZ PLAY PAST SIMPLE 12
3) ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในอดีต
EX. The Titanic crashed into an iceberg
and sank in 1912.
ภาพ 21.3
BY PREMZ PLAY PAST SIMPLE 13
เราจะสามารถเติมได้ ก็ต่อเมื่อ
กริยาไม่ได้อยู่ในกริยา 3 ช่อง
3) กริยาที่สระตัวเดียวเสียงสั้น และตัวสะกดตัวเดียว
ให้เพิ่มตัวสะกดอีกตัว แล้วเติม ed
บอกเล่า S + was/were + O.
1) yesterday เมื่อวานนี้
2) last … … ที่แล้ว
last hour ชั่วโมงที่แล้ว
last night คืนที่แล้ว (เมื่อคืนนี้)
last month เดือนที่แล้ว
last year ปีที่แล้ว
last Monday วันจันทร์ที่แล้ว
last Summer ฤดูร้อนที่แล้ว
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
PAST SIMPLE
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในอดีตและจบไปแล้ว
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นกิจวัตรทีท่ าในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ได้ทาแล้ว
3. โครงสร้างหลัก คือ V.2(ed)
4. กรณีกริยาทั่วไป ถ้าต้องการให้เป็นปฏิเสธหรือคาถาม
ให้นา did มาช่วย
5. did ใช้กับประธานทุกตัว
6. กริยาจะเติม ed ก็ต่อเมื่อกริยาไม่ได้อยู่ในกริยา 3 ช่องเท่านั้น
7. กรณี V. to be จะมี 2 ตัวคือ was (เอกพจน์) และ
were (พหูพจน์)
8. Adv. Of Time มักจะมีคาว่า last … หรือ … ago อยู่เสมอ
9. last week จะเท่ากับ a week ago
last month จะเท่ากับ a month ago
last year จะเท่ากับ a year ago
10. รูปย่อบอกเล่า -> was = ‘s และ were = ‘re
รูปย่อปฏิเสธ -> was not = wasn’t และ were not = weren’t
UNIT
22 PAST CONTINUOUS
ณ เวลาหนึ่งในอดีตกาลังเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่
1) ใช้เมื่อต้องการบอกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กาลังดาเนิน
ณ เวลาหนึ่งในอดีต
EX. We were watching our favorite movie at 8.30 p.m.
last night.
ภาพ 22.1
ภาพ 22.4
BY PREMZ PLAY PAST CONTINUOUS 21
โครงสร้างหลัก V. to be + V.ing
โครงสร้างหลัก โครงสร้างหลัก
V.2 (-ed) was/were + V.ing
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
PAST CONTINUOUS
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ้น ณ เวลาหนึ่งในอดีต
2. ใช้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ โดยมีเหตุการณ์แทรก
เหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ้นอยู่ในอดีต
3. โครงสร้าง คือ was/were + V.ing
4. was ใช้กับ เอกพจน์ และ were ใช้กับ พหูพจน์
5. เหตุการณ์ที่กาลังดาเนินอยู่ --> Past Continuous
เหตุการณ์ที่แทรกขึ้น --> Past Simple
6. As/While จะตามด้วย Past Continuous
When จะตามด้วย Past Simple หรือ Past Continuous
7. เราสามารถใช้ As แทน While ได้
8. กฎการเติม –ing ที่กริยา ใช้หลักเดียวกันกับ Present Con.
10
BY PREMZ PLAY PAST CONTINUOUS 27
ข้อควรจา เรื่อง
PAST CONTINUOUS
9. ต้องการนาประโยคที่มีคาบอกเวลาขึ้นก่อน ใช้โครงสร้างดังนี้
When Past Simple, Past Continuous.
While Past Continuous, Past Simple.
As Past Continuous, Past Simple.
ข้อควรจา เรื่อง
USED TO and WOULD
1. Used to --> แปลว่า เคย
--> พูดถึงเหตุการณ์หรือสถานะที่จบลงไปแล้วในอดีต
--> นิสัยที่เคยทาเป็นประจาในอดีต (ปัจจุบันไม่ทาแล้ว)
ข้อควรจา เรื่อง
USED TO and WOULD
Would
24 PAST PERFECT
เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ที่เกิดก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
1) ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบแล้วในอดีต และต้องการ
เน้นช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นกาลังดาเนินอยู่
EX. Last trip, we had lived in Maldives for 3 days.
ภาพ 24.1
ภาพ 24.2
BY PREMZ PLAY PAST PERFECT 34
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
PAST PERFECT
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบแล้วในอดีต และต้องการ
เน้นช่วงเวลาที่เหตุการณ์นั้นกาลังดาเนินอยู่
2. ใช้กับ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์
3. เหตุการณ์การณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อน --> Past Perfect
4. เหตุการณ์การณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลัง --> Past Simple
5. โครงสร้างหลัก --> had + V.3
6. had ใช้กับประธานทุกตัว
7. รูปย่อ had not คือ hadn’t
8. before --> ก่อน
9. after --> หลัง
10. ระวังการใช้เครื่องหมายคั่นและลงท้ายประโยค
ให้อิงตามโครงสร้างและประโยคตัวอย่างเป็นหลัก
UNIT
25 REFLEXIVE PRONOUNS
I --> myself
You --> yourself(คนเดียว)/
yourselves(หลายคน)
We --> ourselves
They --> themselves
He --> himself
She --> herself
It --> itself
BY PREMZ PLAY REFLEXIVE PRONOUNS 41
ตาแหน่ง Reflexive Pronouns
1. อยู่หลังประธาน
EX. I myself don’t think that I’ll make it to a concert.
ภาพ 25.1
2. อยู่หลังกริยาแท้
EX. The cat licked itself.
ภาพ 25.3
4. อยู่หลัง by
EX. I go to school by myself everyday.
ภาพ 25.4
BY PREMZ PLAY REFLEXIVE PRONOUNS 42
Reflexive Pronouns with “each other”
--> ทาบางอย่างซึ่งกันละกัน
EX. They love each other.
ภาพ 25.5
ภาพ 25.6
10
BY PREMZ PLAY REFLEXIVE PRONOUNS 43
ข้อควรจา เรื่อง
REFLEXIVE PRONOUNS
1. คือ คาสรรพนามที่เน้นการกระทาของตนเอง
2. I --> myself
3. You --> yourself (คนเดียว) / yourselves (หลายคน)
4. We --> ourselves
5. They --> themselves
6. He --> himself
7. She --> herself
8. It --> itself
9. ตาแหน่ง --> หลังประธาน, หลังกริยาแท้, หลังบุพบท, หลัง by
10. each other --> ทาบางอย่างซึ่งกันละกัน
UNIT
เกิดขึ้นในอดีตดาเนินมาจนถึงปัจจุบัน กาลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด
ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาที่ทาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และเหตุการณ์หรือการกระทานั้นกาลังเกิดขึน้
EX. She has been waiting for her boyfriend for three hours.
ภาพ 26.1
EX. They have been playing the video game since last night.
ภาพ 26.2
BY PREMZ PLAY PRESENT PERFECT CONTINUOUS 45
EX. Has she been waiting for her boyfriend for three hours?
Have they been playing the video game since last night?
ตัวอย่างคาตอบ
Yes, they have. / No, they haven’t.
Yes, she has. / No, she hasn’t.
คาถาม Question Words + have/has + S + been + V.ing?
(WH- Question)
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
PRESENT PERFECT CONTINUOUS
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาที่ทาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และเหตุการณ์หรือการกระทานั้นกาลังเกิดขึ้น
27 FUTURE TENSE
ภาพ 27.1
BY PREMZ PLAY FUTURE TENSE 50
2. เป็นกาหนดการที่วางไว้ล่วงหน้า (โครงสร้าง Present Continuous)
S + is/am/are + V.ing + O.
EX. I am not meeting anybody after school this week.
ภาพ 27.2
ภาพ 27.3
BY PREMZ PLAY FUTURE TENSE 51
ภาพ 27.4
ภาพ 27.5
Schedule
เปรียบเทียบความแตกต่างของ Future Tense
Be + V.ing
May/Might Will Be going to
is --> He, She, It, ประธานเอกพจน์ was --> I, He, She, It, ประธานเอกพจน์
รูปย่อของ V. To be
ปฏิเสธ ปฏิเสธ
is not ---> isn’t was not ---> wasn’t
am not ---> ‘m not were not ---> weren’t
are not ---> aren’t
BY PREMZ PLAY FUTURE TENSE 54
ข้อควรจา เรื่อง
FUTURE TENSE
1. คือ Tense ที่บอกอนาคตของเหตุการณ์หรือการกระทา โดยพิจารณาจาก
โครงสร้างและกริยาหลักในแต่ละช่วงเวลา
2. 100% --> วางแผนไว้แล้ว ตั้งใจจะทา
S + is/am/are + going to + V.(base form) + O.
3. 100% --> เป็นกาหนดการที่วางไว้ล่วงหน้า
S + is/am/are + V.ing + O.
4. 100% --> เป็นตารางเวลา (Schedule)
begin start finish end arrive leave open close
5. 90% --> คิดว่าจะทา คาทานาย อาสาจะช่วย
S + will + V.(base form) + O.
6. 50% --> ไม่แน่ใจ อาจจะทาหรือไม่ก็ได้
S + may/might + V.(base form) + O.
7. เปรียบเทียบความแตกต่างของ Future Tense Schedule
Be + V.ing
May/Might Will Be going to
ข้อควรจา เรื่อง
FUTURE TENSE
8. V. To be ที่อยู่ใน be going to จะผันตามประธานและ Tense เสมอ
Present - ปัจจุบัน Past – อดีต
is --> He, She, It, ประธานเอกพจน์ was --> I, He, She, It, ประธานเอกพจน์
am --> ประธาน I เท่านั้น were --> You, We, They, ประธานพหูพจน์
are --> You, We, They, ประธานพหูพจน์
9. รูปย่อของ V. to be
Present - ปัจจุบัน Past – อดีต
บอกเล่า บอกเล่า
is ---> ‘s was ---> ‘s
am ---> ‘m were ---> ‘re
are ---> ‘re
ปฏิเสธ ปฏิเสธ
is not ---> isn’t was not ---> wasn’t
am not ---> ‘m not were not ---> weren’t
are not ---> aren’t
28 FUTURE CONTINUOUS
กาลังเกิดขึ้นในอนาคต
ใช้กับเหตุการณ์ที่กาลังเกิดขึ้นในเวลาหนึ่งของอนาคต
EX. At 9 a.m. tomorrow, Bobby will be traveling to the temple.
ภาพ 28.1
ภาพ 28.2
BY PREMZ PLAY FUTURE CONTINUOUS 59
ประโยคปฏิเสธ
ข้อควรจา เรื่อง
FUTURE CONTINUOUS
1. ใช้กับเหตุการณ์ทกี่ าลังเกิดขึ้นในเวลาหนึ่งของอนาคต
2. โครงสร้างหลัก --> will + be + V.ing
3. will ใช้กับประธานได้ทุกตัว
4. บอกเล่า --> S + will + be + V.ing + O.
5. ปฏิเสธ --> S + will + not + be + V.ing + O.
6. will not มีรูปย่อคือ won’t
7. Yes/No Q. --> Will + S + be + V.ing + O?
8. WH- Q. --> Question Words + will + S + be + V.ing?
9. เรื่องกฎการเติม -ing ที่กริยา เหมือน present continuous
10. สรุป Timeline
กาลังเกิดขึ้นในอนาคต
29 CONDITIONAL SENTENCES
Conditional คืออะไร
คือ ประโยคที่ใช้บอกเงื่อนไข หรือข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกัน
ส่วนประกอบของประโยคเงื่อนไข
ประกอบไปด้วยอนุประโยค 2 ส่วน คือ
1) If-clause --> ส่วนที่แสดงเงื่อนไข และเป็นส่วนที่ขึ้นต้นด้วย If (เหตุ)
2) Main clause --> ส่วนที่แสดงผลที่ตามมา (ผล)
Zero Conditional
- ใช้เมื่อสิ่งนั้นเป็นความจริงตามธรรมชาติหรือกฎตายตัว (พิสูจน์ได้)
โครงสร้าง If + present simple, present simple.
ภาพ 29.1
BY PREMZ PLAY CONDITIONAL SENTENCES 65
First Conditional
- ใช้เมื่อผู้พูดเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- อธิบายความเป็นไปได้ของเหตุการณ์หรือการกระทาโดยใช้
Present simple มาอธิบาย
- ใช้ will เมื่อผู้พูดมีความมั่นใจกับผลที่จะเกิดขึ้น
โครงสร้าง If + present simple, S + will + V.(base form).
ภาพ 29.2
BY PREMZ PLAY CONDITIONAL SENTENCES 66
เพิ่มเติม
เราสามารถใช้ can, must, may, might, should แทน will ใน main clause ได้
- ใช้เพื่อละ if ออกไป
- หลัง unless ต้องเป็นกริยารูปบอกเล่าเท่านั้น (ห้ามมี not)
เพราะ unless เป็นรูปปฏิเสธอยู่แล้ว
โครงสร้าง Unless + present simple, S + will + V.(base form).
- ใช้เพื่อเป็นประโยคคาสั่งหรือขอร้อง
โครงสร้าง If + present simple, V.1
Second Conditional
- เงื่อนไขทีเ่ ป็นไปไม่ได้หรือตรงข้ามกับความจริงในปัจจุบัน
โครงสร้าง would
should
บอกเล่า If + past simple, S + would
could
+ V.(base form).
must
เพิ่มเติม
Were ซึ่งเป็น V. To be ที่อยู่ใน past simple ของ second conditional
สามารถใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์ได้
ภาพ 29.3
BY PREMZ PLAY CONDITIONAL SENTENCES 70
Third Conditional
- เป็นเงื่อนไขที่ตรงข้ามกับความจริงในอดีต เป็นการสมมติสิ่งที่ไม่ได้
เกิดขึ้นจริงในอดีต
EX. If you had gone to bed earlier, you wouldn’t have slept in class.
ภาพ 29.4
BY PREMZ PLAY CONDITIONAL SENTENCES 71
เพิ่มเติม
หากต้องการให้การลดรูปใน First Conditional เป็นปฏิเสธให้อิงตามโครงสร้างนี้
(รวมไปถึงกรณีของ unless ด้วย)
Should + S + not + V.(base form)
EX. Should we not go to the supermarket, ...
Second Conditional --> Were + S + to V.1 / N. / Adj. / Pron.
EX. If I were younger, I wouldn’t play more games.
ภาพ 29.5
10
BY PREMZ PLAY CONDITIONAL SENTENCES 73
ข้อควรจา เรื่อง
CONDITIONAL SENTENCES
1. คือ ประโยคที่ใช้บอกเงื่อนไข หรือข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกัน
2. If-clause --> ส่วนที่แสดงเงื่อนไข และเป็นส่วนที่ขึ้นต้นด้วย If (เหตุ)
Main clause --> ส่วนที่แสดงผลที่ตามมา (ผล)
30 THE PASSIVE
Past
Past Simple --> V.2 (-ed) was/were + V.3
Past Continuous --> was/were + V.ing was/were + being + V.3
Past Perfect --> had + V.3 had + been + V.3
Past Perfect Continuous --> had + been + V.ing had + been + being + V.3
Future
Future Simple --> will + V.(base form) will + be + V.3
Future Continuous --> will + be + V.ing will + be + being + V.3
Future Perfect --> will + have + V.3 will + have + been + V.3
Future Perfect Continuous --> will + have + been + V.ing will + have + been + being + V.3
BY PREMZ PLAY THE PASSIVE 77
เพิ่มเติม
กรณี be going to
เนื่องจาก be going to ไม่สามารถเปลี่ยนเป็น passive ที่กล่าวข้างต้นได้ ให้ใช้โครงสร้างนี้
Auxiliary + be + V.3
เพิ่มเติม
ทบทวน Auxiliary Verb
Auxiliary Verb
ข้อควรจา เรื่อง
THE PASSIVE
1. คือ ประโยคที่ประธานเป็นผูถ้ ูกกระทากับกริยาตัวหนึ่งโดยกรรม
2. โครงสร้างหลัก --> V. To be + V.3
3. กรณี be going to --> is/am/are + going to + be + V.3
4. By phrase --> การใช้ passive voice โดยไม่มี by เมื่อต้องการเน้นผู้กระทา
5. โครงสร้างหลัก Auxiliary --> Auxiliary + be + V.3
การสร้าง Passive
6. สลับเอากรรมของประโยค Active มาเป็นประธานของประโยค Passive
7. ใช้โครงสร้างหลักของ Passive ไปทีต่ าแหน่งกริยาของประโยค
31 RELATIVE PRONOUNS
การใช้ preposition (เช่น in, on, at, to, with) ใน relative clause
ถ้าเป็น whose กับ which เราสามารถเอา preposition มาไว้หน้า
relative pronoun หรือไว้ข้างหลังตามปกติก็ได้ เมื่อ relative pronoun
เป็นกรรม อย่างเช่น
EX. There was only one boy who she spoke to.
10
BY PREMZ PLAY RELATIVE PRONOUNS 88
ข้อควรจา เรื่อง
RELATIVE PRONOUNS
1. Relative Pronouns ได้แก่คาว่า
who, whom, whose, which, that, where, when, why
2. สรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคเพื่อขยายความของคานามที่อยู่ด้านหน้า
3. ถ้าตัด Relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักมีใจความสาคัญเปลี่ยนไป
(จาเป็น) เราจะไม่ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก
ข้อควรจา เรื่อง
RELATIVE PRONOUNS
8. where, when, why เป็น Relative pronouns ที่มีขอบเขตการใช้ค่อนข้างเฉพาะ
โดยเราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล
*หมายเหตุ*
stop --> หยุดเพื่อทาสิ่งใด ให้ใช้ gerund (-ing)
--> หยุดเพื่อที่จะ ให้ใช้ infinitive (to)
EX. I have stopped drinking coffee.
EX. I was working for an hour and I stopped to drink coffee.
advise
suggest --> แนะนาใคร ให้ใช้ infinitive (to)
recommend --> ไม่รู้ ให้ใช้ gerund (-ing)
กิจกรรมนันทนาการ
--> ใช้โครงสร้าง go + V.ing
EX. go bird watching
go swimming
คาอื่นๆ
let (อนุญาต)
make (สั่ง) --> Noun + V.(base form)
EX. They let him die.
Sam makes me clean the room.
help (ช่วยให้ใครทาสิ่งใด) --> Noun + V.(base form)/to V.(base form)
EX. I help my mom wash the dishes.
I help my mom to wash the dishes.
ภาพ 32.1
BY PREMZ PLAY GERUND AND INFINITIVE 94
Infinitive
--> กริยากลุ่มนี้ต้องตามด้วย to V.(base form)
be accustomed to
take to
look forward to
admit to --> + V.ing
be appose to
be used to
10
BY PREMZ PLAY GERUND AND INFINITIVE 95
ข้อควรจา เรื่อง
GERUND and INFINITIVE
1. Gerund --> เป็น non-finite มีรูปกริยาที่เติม –ing ทาหน้าที่เป็นคานาม
2. Infinitive --> มี 2 ชนิด คือ infinitive with to และ without to
3. Gerund --> กริยากลุ่มนี้ต้องตามด้วย V.ing
a6 --> admit, advise, anticipate, appreciate, avoid, allow
r6 --> risk, resist, resent, recall, recollect, recommend
d5 --> dislike, detest, deley, deny, discuss
m4 --> miss, mention, mean, mind
p3 --> postpone, put off, practice
t3 --> think about, talk about, tolerate
c3 --> consider, can’t help, complete
g2 --> get through, give up
f2 --> finish, fancy
s2 --> stop, suggest
etc. --> enjoy, quit, keep on, understand, imagine
10
BY PREMZ PLAY GERUND AND INFINITIVE 96
ข้อควรจา เรื่อง
GERUND and INFINITIVE
4. หมายเหตุ
stop --> หยุดเพื่อทาสิ่งใด ให้ใช้ gerund (-ing)
--> หยุดเพื่อที่จะ ให้ใช้ infinitive (to)
advise
suggest --> แนะนาใคร ให้ใช้ infinitive (to)
recommend --> ไม่รู้ ให้ใช้ gerund (-ing)
allow --> รู้ว่าใคร ให้ใช้ infinitive (to) mean --> ตั้งใจจะทา ให้ใช้ infinitive (to)
--> ไม่รู้ ให้ใช้ gerund (-ing) --> ไม่ตั้งใจ ให้ใช้ gerund (-ing)
ข้อควรจา เรื่อง
GERUND and INFINITIVE
7. กิจกรรมนันทนาการ --> ใช้โครงสร้าง go + V.ing
8. คาอื่นๆ
let (อนุญาต)
make (สั่ง) --> Noun + V.(base form)
33 REPORTED SPEECH
5. เปลี่ยนคาระบุความใกล้ไกลจากใกล้เป็นไกล
--> เนื่องจากผู้พูดพูด ณ สถานที่ที่ต่างจากผู้ฟัง หรือ ผู้ฟังนาคาพูดไปเล่า
ไปอ้างถึง ณ ต่างสถานที่กับที่ผู้พูดได้พูดไว้จึงต้องเปลี่ยนคาระบุความใกล้ไกล
ให้สอดคล้องกับสถานที่ ณ ตอนที่ผู้เล่าเล่า
ภาพ 33.1
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 103
ภาพ 33.2
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 104
เพิ่มเติม
กรณีต่อไปนี้ ไม่ต้องเปลี่ยน Tense เมื่อแปลงเป็น Reported Speech
- เป็นความจริงทั่วไปตามหลักวิทยาศาสตร์
Direct Speech The teacher said, “The sun rises in the east.”
Reported Speech The teacher said the sun rises in the east.
- สิ่งที่ยังเป็นความจริงอยู่ แม้จะนามาเล่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ตาม
(กรณีจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน Tense ก็ได้)
ภาพ 33.3
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 105
ประโยคคาสั่ง ขอร้อง และแนะนา
1. เปลี่ยนกริยาในประโยคหลักให้สอดคล้องกับอารมณ์ของผู้พูด
--> โดยผันรูปกริยาให้ตรง Tense ในแต่ละกรณี คาที่นิยมใช้เปลี่ยน คือ
Direct Speech They said to the robbers, “Please do not hurt us.”
ภาพ 33.4
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 108
เพิ่มเติม
คาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ Reported Speech
EX. The teacher talked to your parents about your bad attitude.
Sam was speaking on the telephone about his new car.
ภาพ 33.5
10
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 109
ข้อควรจา เรื่อง
REPORTED SPEECH
1. ยกคาพูดของผู้พูดมาดัดแปลง เพื่อเล่าความในรูปแบบคาพูดตนเอง
2. ประโยคบอกเล่า และปฏิเสธ
1. ตัดเครื่องหมาย comma (,) หรือ colon (:) หรือ quotation (“…”) ออ
2. เปลี่ยนสรรพนามในประโยคให้สอดคล้องกับผู้พูด
3. สามารถเติม that คั่นระหว่างประโยคหลักกับประโยคที่ยกมา
4. เปลี่ยนคาระบุเวลา
5. เปลี่ยนคาระบุความใกล้ไกลจากใกล้เป็นไกล
6. เปลี่ยน Tense ของประโยคที่ยกมา
ข้อควรจา เรื่อง
REPORTED SPEECH
4. การเปลี่ยนคาระบุเวลา
5. การเปลี่ยนคาระบุความใกล้ไกลจากใกล้เป็นไกล
here --> there this --> that these --> those
10
BY PREMZ PLAY REPORTED SPEECH 111
ข้อควรจา เรื่อง
REPORTED SPEECH
6. การเปลี่ยน Tense ของประโยคที่ยกมา
Present Simple --> Past Simple
Present Continuous --> Past Continuous
Present Perfect --> Past Perfect
Present Perfect Continuous --> Past Perfect Continuous
Past Simple --> Past Perfect
Past Continuous --> Past Perfect Continuous
Past Perfect --> ไม่เปลี่ยน Tense
Past Perfect Continuous --> ไม่เปลี่ยน Tense
will --> would
shall --> should
can --> could
may --> might
ข้อควรจา เรื่อง
REPORTED SPEECH
7. กรณีทไี่ ม่ต้องเปลี่ยน Tense
- เป็นความจริงทั่วไปตามหลักวิทยาศาสตร์
- สิ่งที่ยังเป็นความจริงอยู่ แม้จะนามาเล่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ตาม
9. ประโยคคาถาม
1. เปลี่ยนคากริยาในแต่ละประโยคหลักให้สอดคล้องกับอารมณ์ของผู้พูด
2. ตัดเครื่องหมาย question mark (?) ออก
3. เปลี่ยน Tense ของประโยคที่ยกมา
หลักการใช้ Future Continuous Tense. (2555). สืบค้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564, จาก https://xn--
12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/
English Teacher (นามแฝง). (2555). หลักการใช้ Past Simple Tense. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน
2564, จาก https://ภาษาอังกฤษ.com/หลักการใช้-past-simple-tense/
Future Simple VS Future Continuous Tense ตอนที่ 10 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6. (2558). สืบค้น
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.youtube.com/watch?v=FSdhfS82PVQ
Past Simple และ Past Perfect Tense ตอนที่ 7 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6. (2558). สืบค้นเมื่อวันที่
5 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.youtube.com/watch?v=XV716wDmKAs&t=198s
Would และ Used to แตกต่างกันอย่างไร?. (2562). สืบค้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2564, จาก
https://nockacademy.com/english/english-%E0%B8%A1-6/would-/