Professional Documents
Culture Documents
20170614102627
20170614102627
ทฤษฎีการบริหาร
•คน (Man)
ทร ัพยากรทางการบริหาร
•เงิน (Money)
•วัสดุ
(Materials)
•วิธก ี ารบริหาร
(Management or
Method)
่
•เครืองจั กร
(Machine)
การ
ทร ัพยากร บริหาร
ทางการ การ การจ ัด
องค์การ
บริหาร วางแผน
กระบวนการทางการบริหา
วิวฒ
ั นาการของทฤษฎีการ
บริหาร
วิวฒ
ั นาการของทฤษฎีทางการบริหาร
1890 1900 1910 1920 1930 1940 1950 1960 1970 ปั จจุบน
ั
ศ
ั นะดั
ทัศ้ นะเชิ
งเดิ ม งพฤติ
ทัศกนะเชิ
รรมงปริ
ทัมศาณ
นะร่วมสม
ารบริหารเชินัก
ง พฤติกรรมการบริหาร ทฤษฎีเชิง
วิทยาศาสตร ์ระยะแรก ศาสตร ์ ระบบ
ารบริหารเชิง การศึ ก ษา การบริหาร ทฤษฎีตาม
ที ่
ฮอว ์ธอร ์น
บริหาร ่ ปฏิบต
ั ก
ิ ารสถานการณ
ความเคลือนไหว
ารบริหารแบบ สารสนเทศ ทัศ นะที ่ ด
เกิ
เชิงมนุ ษยสัมพันธ ์
ราชการ หลักพฤติ การบริหาร ขึนใหม่ ้
กรรมศาสตร ์
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
้
เกิดขึนระหว่
าง
ต้นศตวรรษที่ 19
่
เมือการจัดการ
ผลิตด้วยบุคคล
เกิดปั ญหาการ
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
1. ทฤษฎีการบริหารเชิง
วิทยาศาสตร ์ (Scientific Management)
หลักการสาคัญ
1.1 ใช้วธ ิ ก
ี ารเชิงวิทยาศาสตร ์มากาหนด
วิธก ี ารในการทางาน
จนเกิดthe One best way(การกาหนด
วิธก ี ารทางานทีดี ่ ทสุ
ี่ ด)
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
่
นักบริหารทีสาคัญ
1. Frederick W. Taylor
(บิดาแห่งการจัดการ
วิทยาศาสตร)์
2. Henry Gantt (Gantt Chart)
3. Frank and Lillian Gilbreth
Frederick W. Taylor
1. การบริหารแบบมีหลักเกณฑ ์
2. แก้ไขการทางานไม่เต็มศ ักยภาพได้ดว้ ย
การออกแบบงานและจัดแรงจู งใจใหม่
3. การออกแบบงาน
กาหนดวิธก ่ ทสุ
ี ารทางานทีดี ี่ ดแทนการลอง
ผิดลองถูก
มีการวางแผนแทนการเลือกทาแบบต ัวใคร
ต ัวมัน
มีการค ัดเลือกคน ฝึ กอบรม และพัฒนาการ
ทางานร่วมกัน
1. หลัก One Best Way
Time and Motion Study
2.ทฤษฎีการจัดการ
เชิงบริหาร (Administrative
Management )
หน้าที่
- วางแผน )
-จัดองค ์การ
-การสังการ่
www.themegallery.com
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
3.ทฤษฎีการบริหารแบบ
ราชการ
(Bureaucratic Management)
www.themegallery.com
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
หลักการสาคัญ
่
หลักการมีกฎระเบียบข้อบังคับ เพือ
3.1
ควบคุมการต ัดสินใจ (rules and
regulation)
3.2 หลักความไม่เป็ นส่วนตวั (
Impersonal) ผู บ
้ ริหารต้องไม่ทาตาม
อาเภอใจ
3.3 หลักการแบ่งงานกันทาตามความ
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
3.4 หลักโครงสร ้างสายบังค ับบัญชา
(Hierarchical Structure)
่ นคง
3.5 หลักอาชีพทีมั่ (Life – long
Career)
่
3.6 หลักอานาจหน้าทีในการต ัดสินใจ
ภายใต้กฎรองร ับ
(Authority)
่
3.7 หลักความเป็ นเหตุผล เพือ
ต ัดสินใจให้บรรลุเป้ าหมาย
้ ม
ยุคทฤษฎีการบริหารแบบดังเดิ
Classical Organizational Theory
นักบริหารสาคัญ
1. Max Weber
Max Weber 1864-1920
นักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน
เสนอแนวคิด “ระบบราชการเชิงอุดม
คติ” (Ideal Bureaucracy)
เน้นประสิทธิภาพสู ง ซึงก่ ่ อผลทางลบ
ตามมา
เคร่งคร ัดมาก ไม่ยด ื หยุ่น ล่าช้า หวง
อานาจ ต ัดสินใจช้า ก้าวไม่ทน ั ความ
่
เปลียนแปลงทางค่ านิ ยมและ
เทคโนโลยี ชิงดีชงิ เด่นทางตาแหน่ ง
เอาใจผู บ้ ริหารมากกว่าผู ร้ ับบริการ
สร ้างอาณาจักร ขาดการ
ประสานงาน ขาดความคิด
ความเหมือนกันของทฤษฎีการบริหาร
้ั มทัง้ 3
ทัศนะดงเดิ
่ นการแบ่งงาน สาย
1. โครงสร ้าง ทีเน้
บังค ับบัญชา หน้าที่ หลักการ
2. ผู ป
้ ฏิบต ่
ั ิ เป็ นเครืองมื
อในการผลิต
เน้นแรงจู งใจทางเศรษฐกิจ
3. ความเป็ นผู น ่ เน้นเป้ า
้ า นาเดียว
ขององค ์การมากกว่าผู ป ้ ฏิบต
ั ิ
4. การต ัดสินใจ เน้นเหตุผล
ประสิทธิภาพ และกาไรทาง
เศรษฐกิจ
ความแตกต่างของทฤษฎีการบริหาร
้ มทัง้ 3
ทัศนะดังเดิ
1. Taylor มุ่งการศึกษาคนงานแล้วค่อย
หาวิธท ี่ ทสุ
ี ดี ี่ ด
2. Fayol มุ่งการกาหนดหลักให้กอ ่ นแล้ว
นาไปปฏิบต ั ิ
3. Weber มุ่งสร ้างพิมพ ์เขียวของ
หลักการหรือสิงที ่ องค
่ ์การควรจะทา
เน้นกฎระเบียบข้อบังค ับ การกาหนด
่ ช ัดเจนเพือการประเมิ
หน้าทีให้ ่ นผล
พฤติกรรม
Behavioral Organizational Theory
คนไม่ชอบทางานโดยสันดาน แต่พยายามทาให ้
เป็ นธรรมชาติ
่
คนควบคุมตนเองให ้บรรลุเป้ าหมายทีตนผู กพันได ้
้
ความผูกพันกับเป้ าหมายขึนอยู ่กบั รางวัล
โดยเฉพาะการตอบสนองความต ้องการระดับสูง
คนแสวงหาความรู ้นอกเหนื อจากความร ับผิดชอบ
่
คนแสดงความคิดสร ้างสรรค ์เพือการแก ้ปัญหา
คนยังใช ้ศักยภาพทางสติปัญญาไม่เต็มที่
การจัดการบุคคลของทฤษฎี X
่ ด
1. พนักงานต้องการทางานให้น้อยทีสุ
ดังนัน้ ผู จ
้ ด ่
ั การต้องควบคุม สังการ จู ง
่
ใจ ให้รางวัล หรือลงโทษเพือให้ บุคคล
ทางานบรรลุจุดมุ่งหมายขององค ์การ
2. พนักงานมีความทะเยอทะยานน้อยและ
ไม่ชอบความร ับผิดชอบ
่
3. โดยทัวไปพนั กงานจะต่อต้านการ
่
เปลียนแปลง
การจัดการบุคคลของทฤษฎี Y
1. โดยธรรมชาติพนักงานชอบการทางาน
่
2. พนักงานมีความคิดริเริมในการ
แก้ปัญหาและบรรลุจุดมุ่งหมายของ
องค ์การ
3. พนักงานมีความร ับผิดชอบ
4. พนักงานมีศ ักยภาพในการพัฒนา
ตนเอง
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะเชิง
พฤติกรรม
Behavioral Organizational Theory
4. หลักพฤติกรรมศาสตร ์
(Behavioral Science Approach)
่ ฒนา
เน้นการวิจยั เชิงวิทยาศาสตร ์เพือพั
ทฤษฎีพฤติกรรมมนุ ษย ์
นาไปทดลองก่อนการใช ้ในการบริหาร
มีความช ัดเจน เฉพาะเจาะจง และวัด
ประเมินได ้
ยุคการบริหารทัศนะเชิงปริมาณ
(Quantitative Organizational Theory
เกิดในช่วงสงครามโลกครงที ้ั ่ 2 โดยกลุม
่
นักวิชาการชาวอังกฤษ
เป็ นทีมนักวิจยั เชิงปฏิบตั ก ่
ิ ารเพือการแก ้ไขปัญหา
สงคราม
ใช ้คณิ ตศาสตร ์ สถิต ิ และข ้อมูลสารสนเทศ ในการ
บริหารและปฏิบต ั งิ านขององค ์การ
หลักการทีส ่ าคัญ:
1. การบริหารศาสตร ์ (Management Science)
2. การบริหารปฏิบต
ั ก
ิ าร (Operations Management)
่
3. ระบบสารสนเทศเพือการบริ หาร (Management
Information System)
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะเชิง
พฤติกรรม
1. การบริหารศาสตร
Behavioral ์ (Management
Organizational Theory
Science)
่
มุ่งเพิมประสิ
ทธิผลในการตัดสินใจ
ใช ้ตัวแบบทางคณิ ตศาสตร ์และวิธก
ี าร
เชิงสถิติ
แพร่หลายอย่างรวดเร็ว
วิเคราะห ์ข ้อมูลได ้อย่างซ ับซ ้อนมาก
ขึน้
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะเชิง
พฤติกรรม
2. การบริ
หารปฏิ
Behavioral บตั ก
ิ าร (Operations
Organizational Theory
Management)
เน้นการบริหารกระบวนการผลิต
เน้นการให ้บริการขององค ์การให ้มีประสิทธิภาพ
โดย:
กาหนดตารางการทางาน
วางแผนการผลิต
ออกแบบอาคารสถานที่
การประกันคุณภาพ
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะเชิง
พฤติกรรม
Behavioral Organizational Theory
่
3. ระบบสารสนเทศเพือการบริ
หาร
(Management Information System)
เน้นการออกแบบและการนาระบบสารสนเทศ
มาใช ้กับการบริหาร
เช่น การสร ้างระบบฐานข ้อมูลทางวิชาการ
บุคลากร งบประมาณ เป็ นต ้น
สมัย
(Contemporary Organizational Theory)
1. การบริหารตามทฤษฎีเชิงระบบ (System
Theory)
ประกอบด ้วย ระบบเปิ ด และ ระบบปิ ด
ทัศนะวิธก
ี ารเชิงระบบ
1. ปัจจัยนาเข ้า (Input)
่
2. กระบวนการเปลียนแปลง (Transformation
process)
3. ปัจจัยส่งออก (Outputs)
่ อนกลับ (Feedback)
4. สิงป้
5. สภาพแวดล ้อม (External environment)
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
2. ทฤษฎีการบริหารตามสถานการณ์
( Cont i ngency Theor y)
ไม่มห ่ ้ได ้กับ
ี ลักการบริหารสาเร็จรูปทีใช
ทุกสถานการณ์
ต ้องคานึ งถึงความเหมาะสมในการ
ตัดสินใจดาเนิ นงานภายใต ้สถานการณ์
ต่างๆให้สอดคล ้องกับความต ้องการของ
องค ์กรและความพึงพอใจของพนักงาน
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
3. ่ ดขึนใหม่
ทัศนะทีเกิ ้ (Emerging Views)
ทฤษฎี Z
การบริหารคุณภาพโดยรวม (TQM)
การบริหารงานแบบเน้นวัตถุประสงค ์
(MBO)
้
การปร ับรือระบบ (Reengineering)
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
ทฤษฎี Z
การบริหารแบบญีปุ่่ น โดย William Ouchi
เน้นความมั่นคงในการทางาน มีสว่ นร่วมในการ
่
ตัดสินใจ ร ับผิดชอบเป็ นปัจเจกบุคคล เพิม
คุณภาพ ก ้าวหน้าอย่างต่อเนื่ อง ควบคุมแบบไม่
เป็ นทางการ เปิ ดโอกาสกว ้าง มีคณ
ุ ภาพชีวติ ที่
ทางานและครอบคร ัว
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
ทฤษฎีการบริหารคุณภาพโดยรวม (TQM)
่
เริมโดย W. Edwards Deming ในอเมริกา
่ คณ
มุ่งร ับผิดชอบการผลิตหรือการให ้บริการทีมี ุ ภาพ
ร่วมกัน
แต่ละฝ่ ายมุ่งพัฒนาคุณภาพของงาน
เน้นการมีพน ั ธะผูกพันกับองค ์การ
บูรณาการความพยายามเพือบรรลุ ่ จดุ หมายของ
องค ์การ
มีการประเมินผลการทางานทีเด่ ่ นช ัด
วงจร “DEMING”
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
การบริหารงานแบบเน้นวัตถุประสงค ์ (MBO)
พัฒนาโดย Peter Drucker 1983
ทางานและร ับผิดชอบอย่างเต็มที่
มีทศิ ทางร่วมกันทีช่ ัดเจน
เน้นการมีสว่ นร่วม และทางานกันเป็ นทีม
วัตถุประสงค ์ส่วนบุคคลประสานกับส่วนองค ์การ
เน้นการมีข ้อมูลย ้อนกลับ และการปร ับปรุง
มีการกาหนดระยะเวลาทีช ่ ัดเจน
ยุคทฤษฎีการบริหารทัศนะร่วมสมัย
(Contemporary Organizational Theory)
การรือปร้ ับระบบ (Re-engineering)
่ นใหม่โดยเน้นไปที่
สร ้างใหม่ เริมต้
กระบวนการทางานขึนใหม่ ้ ให้สอดคล้อง
่
ก ับความเปลียนแปลงในด้ านต่างๆ
ไม่ใช่การปร ับโครงสร ้าง ลดขนาด ใช้
คอมพิวเตอร ์หรือจ ัดองค ์การใหม่
้
เกิดขึนได้ ่
ทุกเมือแม้
ไม่มป
ี ั ญหา เช่น
่
เพือการแข่ งขัน