Professional Documents
Culture Documents
เรื่องคัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
โดย
มนรดา ธีวันดา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5/2 เลขที่ 21
ภานุพงศ์ วิจักษณ์วิชชากร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 เลขที่ 22
นันท์นภัส ยงประพัฒน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 เลขที่ 23
เสนอ
อ.พนมศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์
คณะผู้จัดทา
28 พฤษภาคม 2561
สารบัญ
การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม หน้า 1
- เนื้อเรื่อง หรือ เนื้อเรื่องย่อ
- โครงเรื่อง
- ตัวละคร
- ฉากท้องเรื่อง
การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม หน้า 2
- การสรรคา หน้า 2
- การเรียบเรียงคา หน้า 4
- การใช้โวหาร หน้า 5
การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม หน้า 6
บรรณานุกรม หน้า 7
1
1. การอ่านและพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
1.2 โครงเรื่อง
การกล่าวความสาคัญหรือข้อดีและข้อเสียส่วนบุคคลของอาชีพหนึ่ง และสั่งสอนในสิ่งควรทาหรือไม่
ควรทาในอาชีพนั้น
1.3 ตัวละคร
ไม่มีตัวละคร
1.4 ฉากท้องเรื่อง
ไม่มีฉากท้องเรือ่ ง
1.5 บทเจรจาหรือราพึงราพัน
ไม่มีบทเจรจา
1.6 แก่นเรื่องหรือสารัตถะของเรื่อง
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ กล่าวถึงข้อดีของแพทยซึ่งเป็นผู้รักษาผู้ป่วยแต่ใน
ขณะเดียวกันก็กล่าวถึงข้อเสียของแพทย์บางคนที่มุ่งหวังแต่ค่ารักษาและไม่สนใจผู้ป่วย
ผู้แต่งต้องการสั่งสอนถึงจรรยาบรรณของการเป็นแพทย์
2
2. การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
2.1 การสรรคา
การสรรคาที่พบในคัมภีร์ฉันทศาสตร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์มีทั้งหมด 3รูปแบบ ประกอบด้วยใช้คาให้
ถูกต้องตรงตามความหมายทีต่ ้องการ เลือกใช้คาให้เหมาะสมแก่ลักษณะของคาประพันธ์ และ เลือกใช้คาโดย
คานึงถึงเสียง
เรียนรู้คัมภีร์ไสย สุขุมไว้อย่าแพร่งพราย
ควรกล่าวจึ่งขยาย อย่ายื่นแก้วแก่วานร
ในวรรคสุดท้ายที่กล่าวว่าอย่ายื่นแก้วแก่วานร เป็นสานวนที่มีความหมายว่าอย่าเอาสิ่งมีค่ามอบให้แก่คนที่ไม่รู้
คุณค่า สิ่งมีค่าในที่นี้คือความรู้หรือสิ่งดีๆ เหตุที่กล่าวได้ว่าเป็นการใช้คาได้อย่างถูกต้องเนื่องจากว่า หากเปลี่ยน
ชนิดสัตว์หรือสิ่งของ อาจทาให้ไม่ได้ใจความที่ต้องการสื่อ เช่น อย่ายื่นแก้วแก่สิงขร หรือ อย่ายื่นกล้วยแก่วานร
อีกหนึ่งตัวอย่างคือ
ใช่โรคสิ่งเดียวดาย จะพลันหายในโรคา
ต่างเนื้อก็ต่างยา จะชอบโรคอันแปรปรวน
บางทีรู้มิทัน ด้วยโรคนั้นใช่วิสัย
ตน บ รู้ทิฏฐิใจ ถือว่ารู้ขืนกระทา
จะหนีหนีแต่ไกล ต่อจวนใกล้จะมรณา
จึ่งหนีแพทย์นนั้ หนา ว่ามิรู้ในท่าทาง
จะหนีหนีแต่ไกล ต่อจวนใกล้จะมรณา
จึ่งหนีแพทย์นนั้ หนา ว่ามิรู้ในท่าทาง
บางทีก็ยาชอบ แต่เคราะห์ครอบจึ่งหันหวน
หายคลายแล้วทบทวน จะโทษยาก็ผิดที
โรคนั้นคือโทโส จะภิยโยเร่งวัฒนา
แพทย์เร่งกระหน่ายา ก็ยิ่งยับระยาเยิน
ดวงจิตคือกระษัตริย์ ผ่านสมบัติอันโอฬาร์
ข้าศึกคือโรคา เกิดเข่นฆ่าในกายเรา
ให้ดารงกระษัตริย์ไว้ คือดวงใจให้เร่งยา
อนึ่งห้ามอย่าโกรธา ข้าศึกมาจะอันตราย
หนทางทั้งสามแห่ง เร่งจัดแจงอยู่รักษา
ห้ามอย่าให้ข้าศึกมา ปิดทางได้จะเสียที
ใน ๕ บทนี้มีนาหนั
้ กเท่าๆกัน เป็นการอธิบายเปรียบเทียบส่วนต่างๆของร่างกาย และมีเนื้อหาไปในแนวทาง
เดียวกัน
อนึ่งเล่ามีคาโจทก์ กล่าวยกโทษแพทย์อันมี
ปรีชารู้คัมภีร์ เหตุฉันใดแก้มฟิ ัง
กาพย์ยานีบทข้างต้นเป็นการยกตัวอย่างของการเรียบเรียงถ้อยคาให้เป็นคาถามเชิงวาทศิลป์ โดยการสร้าง
คาถามเพื่อให้ผู้อ่านคิดตาม หลังจากนั้นก็จะเป็นการตอบคาถามข้างต้น
บ้างจาแต่เพศไข้ สิ่งเดียวได้สังเกตมา
กองเลือดว่าเสมหา กองวาตาว่ากาเดา
คัมภีร์กล่าวไว้หมด ไยมิจดมิจาเอา
ทายโรคแต่โดยเดา ให้เชื่อถือในอาตมา
รู้น้อยอย่าบังอาจ หมิ่นประมาทในโรคา
แรงโรคว่าแรงยา มิควรถือว่าแรงกรรม
5
ใน ๓ บทนี้ มีความหมายว่า แพทย์บางคนจาแค่อาการ วิเคราะห์โรคได้ไม่ถูกต้อง ในตาราก็มีบอกไว้ทุกเรื่อง
แต่ไม่จดจา สักแต่คิดเอาเองโดยไม่มีเหตุผล เพื่อให้คนอื่นนับถือว่ามีความชานาญไม่ต้องพึ่งหนังสือแล้ว สุดท้าย
จึงสรุปว่าถ้ามีความรู้น้อยจงอย่าประมาทในโรค ความรุนแรงของโรคอย่าเดาว่าเป็นฤทธิ์ยา หรือแรงกรรมเก่า
ของคนไข้ จึงเป็นตัวอย่างของการเรียงข้อความที่บรรจุสารสาคัญไว้ท้ายสุด
2.3 การใช้โวหาร
คัมภีร์ฉันท์ศาสตร์เป็นวรรณคดีที่ให้ความรูใ้ นเชิงวิชาการแก่เหล่าแพทย์และคนทั่วไป ดังนั้นการ
ประพันธ์จะเน้นให้เกิดความเข้าใจ โดยไม่จาเป็นต้องทาให้เนื้อหามีความสละสลวยมากนัก จากการวิเคราะห์
ในคัมภีร์ฉันทศาสตร์มีการใช้โวหารเพียงสองชนิด คือการเปรียบเทียบสิ่งหนึง่ เป็นอีกสิ่งหนึ่ง และการ
เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งให้เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
การใช้โวหารในคัมภีร์ฉันทศาสตร์ที่สามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุด คือการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่ง
หนึ่งเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้น ดังเช่นได้กล่าวไว้ในกลอนบทที่สองว่า
ดวงจิตคือกระษัตริย์ ผ่านสมบัติอันโอฬาร์
ข้าศึกคือโรคา เกิดเข่นฆ่าในกายเรา
เมื่ออ่อนรักษาได้ แก่แล้วไซร้ยากนักหนา
ไข้นั้นอุปมา เหมือนเพลิงป่าไหม้ลุกลาม
คุณค่าทางปัญญา
คาภีร์ฉันทศาสตร์เป็นหนังสือที่จัดเป็นตาราที่มีเนื้อหาเฉพาะด้านเกี่ยวกับความรู้ทางแพทย์ที่มีการ
นาเสนอด้วยคาอธิบายส่วนใหญ่ ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านที่ไม่มีความรู้ทางแพทย์จึงเลือกที่ใช้การอุปมาสิ่งต่างๆ
โดยการที่เกี่ยวกับการแพทย์มาเปรียบกับสิ่งต่างๆทั่วไปเพื่อที่ทาให้ผู้อ่านนั้นคิดภาพตามเพื่อที่จะทาให้เข้าใจ
ง่ายขึ้น เช่น
ปิตต คือ วังหน้า เร่งรักษาเขม้นหมาย
อาหารอยู่ในกาย คือเสบียงเลี้ยงโยธา
คุณค่าทางภาษา
คาภีร์ฉันทศาสตร์เขียนขึ้นมาโดยการใช้โครงสร้างกาพย์ยานี ๑๑ ในการแต่ง โดยมีการสอนสิ่งต่างๆ
เกี่ยวกับการแพทย์ในรูปแบบร้อยกรองได้อย่างงดงามและเลือกใช้คาศัพท์ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก ทั้งยัง
ใช้การอุปมาเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆอีกด้วย
คุณค่าทางสังคม
แม้คัมภีรฉ์ ันทศาสตร์จะเป็นหนังสือการแพทย์ แต่ผู้เขียนนั้นก็พูดถึงเกี่ยวกับความเชื่อของสังคมไทย
เข้าไปอีกด้วย เช่น
ผู้ได้จะเรียนรู้ พิเคราะห์ดูผู้อาจารย์
เที่ยงแท้ว่าพิสดาร ทั้งพุทธไสยจังควรเรียน
แต่สักเป็นแพทย์ได้ คัมภีร์ไสยไม่จาเนียร
ครูนั้นไม่ควรเรียน จะนาตนให้หลงทาง
แสดงให้เห็นได้ว่าสังคมไทยสมัยก่อนนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์และศาสนาพุทธ ถึงขนาดที่แพทย์ที่ไม่มี
ความรู้เกี่ยวกับไสยศาสตร์นั้นไม่ควรที่ตะไปศึกษาเล่าเรียนด้วย เพราะจะทาให้เสียเวลาและเข้าใจผิด
อีกทั้งยังสะท้อนข้อคิดเพื่อนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต ซึ่งสามารถนาไปปรับใช้ได้กับทุกวิชาชีพ เช่น
อย่าหมิ่นว่ารู้ง่าย ตารับรายอยู่ถมไป
รีบด่วนประมาทใจ ดังนั้นแท้มิเป็นการ