Professional Documents
Culture Documents
2
TAS 16 เรื่อง ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
ขอบเขตของมาตรฐานการบัญชี
นิยามของรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การรับรู้รายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การวัดมูลค่าที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การตัดรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การเปิดเผยข้อมูล
วันถือปฏิบัติ
3
ขอบเขตของมาตรฐานการบัญชี
4
นิยามของรายการที่ดนิ อาคาร และอุปกรณ์
5
การรับรู้รายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
6
การวัดมูลค่าที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การวัดมูลค่าเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขการรับรู้รายการ (การวัดมูลค่า
เริ่มแรก)
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
7
การวัดมูลค่าเมื่อรับรู้รายการที่ดนิ อาคาร และอุปกรณ์
8
ตัวอย่างการวัดมูลค่าเริ่มแรก
ตัวอย่าง1
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 25x5 บริษัท บูรพา จากัด ตกลงซื้อเครื่องจักรราคา
500,000 บาท มีค่านายหน้า 5% ของราคาซื้อ และได้รับส่วนลด
10% จากราคาซื้อ มีค่าขนส่ง 500 บาท บริษัทได้รับเครื่องจักรในวันที่ 1
กุมภาพันธ์ 25x5 และใช้เวลาติดตั้ง 10 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นดังนี้
ค่าจ้างวิศวกรควบคุมการติดตั้ง 12,000 บาท เงินเดือนผู้จัดการโรงงาน
10,000 บาท ค่าใช้จ่ายและอะไหล่ในการติดตั้ง 9,000 บาท ค่าวัสดุที่
ใช้ในการทดสอบ 3,000 บาท ค่าใช้จ่ายในโรงงาน 4,000 บาท
9
ตัวอย่างการวัดมูลค่าเริ่มแรก (ต่อ)
ตัวอย่าง1 (ต่อ)
ราคาทุนของเครื่องจักร ประกอบด้วยรายการดังนี้
ราคาซื้อหลังหักส่วนลด (500,000 – 50,000) 450,000
ค่านายหน้า (5%500,000) 25,000
ค่าขนส่ง 500
ค่าจ้างวิศวกร 12,000
ค่าใช้จ่ายและอะไหล่ในการติดตั้ง 9,000
ค่าวัสดุที่ใช้ในการทดสอบ 3,000
รวมราคาทุนของเครื่องจักร 499,500
10
การวัดมูลค่าเมื่อรับรู้รายการที่ดนิ อาคาร และอุปกรณ์
11
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
ภายหลังการวัดมูลค่าเริ่มแรก กิจการสามารถเลือกใช้
- วิธีราคาทุน
หรือ
- วิธีการตีราคาใหม่
ทั้งนี้กิจการต้องใช้นโยบายบัญชีเดียวกันสาหรับทุกรายการที่อยู่ใน
ประเภทเดียวกัน
12
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธรี าคาทุน
ภายหลังการรับรู้รายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ กิจการต้องแสดง
มูลค่าของสินทรัพย์ด้วยราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสม และค่าเผื่อ
การด้อยค่าสะสม
13
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
ภายหลังการรับรู้รายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ หากสินทรัพย์นั้น
สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ กิจการต้องแสดงรายการ
ดังกล่าวด้วยราคาที่ตีใหม่
ราคาที่ตีใหม่ = มูลค่ายุติธรรม ณ วันที่มีการตีราคาใหม่หักค่าเสื่อม
ราคาสะสม และค่าเผื่อการด้อยค่าสะสม
14
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
หากกิจการเลือกใช้วิธกี ารตีราคาใหม่ กิจการต้องตีราคาสินทรัพย์ใหม่
อย่างสม่าเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าราคาตามบัญชีไม่แตกต่างจากมูลค่า
ยุติธรรมอย่างมีสาระสาคัญ
ถ้ามูลค่ายุติธรรมมีความผันผวนมากอาจจาเป็นต้องตีราคาใหม่ทุกปี
แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมไม่มีสาระสาคัญ การตีราคา
ใหม่ทุก 3-5 ปี ถือว่าเพียงพอ
15
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
กิจการต้องตีราคาสินทรัพย์ทุกรายการที่อยู่ในประเภทเดียวกันกับ
รายการที่ตีใหม่ด้วยเพื่อมิให้มีการเลือกตีเฉพาะบางรายการ
กิจการอาจทยอยตีราคาสินทรัพย์ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน หากการตีราคา
เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น และราคาของสินทรัพย์ที่ตีใหม่แสดงถึง
ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
16
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
กรณีตีราคาเพิม่ ขึ้น
หากการตีราคาสินทรัพย์ใหม่ทาให้มูลค่าตามบัญชีเพิ่มขึ้น ส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการตี
ราคา เรียกว่า “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์”
กิจการต้องรับรู้ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์โดยตรงไปยังส่วนของเจ้าของ
ในงบดุล
กิจการต้องรับรู้ส่วนเพิ่มจากการตีราคาใหม่ในกาไรหรือขาดทุนได้ไม่เกินจานวนที่
เคยตีราคาสินทรัพย์รายการดังกล่าวลดลงในอดีตและเคยรับรู้ในกาไรหรือขาดทุน
17
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
กรณีตีราคาลดลง
หากการตีราคาสินทรัพย์ใหม่ทาให้ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ลดลง กิจการต้อง
รับรู้มูลค่าที่ลดลงในกาไรหรือขาดทุน (รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงบกาไรขาดทุน)
หากสินทรัพย์ดังกล่าวมีส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์คงเหลือ กิจการต้องนา
ส่วนที่ลดลงจากการตีราคาใหม่ไปหักออกจากบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคา
สินทรัพย์ก่อน ส่วนที่เหลือจึงจะรับรู้ในกาไรหรือขาดทุน
18
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
เมื่อมีการจาหน่ายหรือเลิกใช้สินทรัพย์ กิจการต้องโอนส่วนเกินทุนทั้งหมดจากการ
ตีราคาสินทรัพย์ไปยังกาไรสะสม
ในระหว่างที่ยังมีการใช้งานสินทรัพย์ กิจการจะทยอยโอนส่วนเกินทุนดังกล่าวไป
ยังกาไรสะสมเท่ากับผลต่างระหว่างค่าเสื่อมราคาที่คานวณจากมูลค่าตามบัญชีของ
สินทรัพย์ที่มีการตีราคาใหม่กับค่าเสื่อมราคาที่คานวณจากราคาทุนเดิม
(จานวนตัดจาหน่ายส่วนเกินทุน = ค่าเสื่อมราคาใหม่ – ค่าเสื่อมราคาเดิม)
การโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ไปยังกาไรสะสมจะต้องไม่กระทา
ผ่านงบกาไรขาดทุน
19
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
วิธีการตีราคาใหม่
เมื่อมีการตีราคาที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ใหม่ กิจการต้องถือปฏิบัติกับรายการค่า
เสื่อมราคาสะสมของสินทรัพย์ ณ วันที่มีการตีราคาใหม่ ตามข้อใดข้อหนึ่ง
1. ปรับค่าเสื่อมราคาสะสมเป็นสัดส่วนกับการเปลี่ยนแปลงของราคาตามบัญชี ก่อน
หักค่าเสื่อมราคาสะสม เพื่อทาให้ราคาตามบัญชีหลังการตีราคาใหม่เท่ากับราคาที่ตี
ใหม่ของสินทรัพย์
2. นาค่าเสื่อมราคาสะสมหักออกจากราคาตามบัญชีก่อนหักค่าเสื่อมราคาสะสมและ
ค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์เพื่อให้ได้ราคาตามบัญชี แล้วนาราคาตามบัญชีมาปรับ
ให้เป็นราคาที่ตีใหม่
20
ตัวอย่างการวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
ตัวอย่าง2:
1ม.ค. 25x1 กิจการซื้อเครื่องจักรราคาทุน 100,000 บาท อายุการใช้งาน 5 ปี ไม่มีมูลค่า
ซาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 25x3 มีราคาประเมิน 50,000 บาท การตีราคาใหม่ทาให้ราคาตาม
บัญชีเท่ากับ 50,000 บาท
กรณี1: ปรับค่าเสื่อมราคาสะสมเป็นสัดส่วนกับการเปลี่ยนแปลงของราคาตามบัญชี
ราคาตามบัญชีเพิ่มขึ้น 25% จาก 40,000 บาท เป็น 50,000 บาท กิจการต้องปรับค่า
เสื่อมราคาสะสมเพิม่ 25% ด้วย
กิจการบันทึกบัญชีโดย
Dr. เครื่องจักร (25% 100,000) 25,000
Cr. ค่าเสื่อมราคาสะสมเครื่องจักร(25%60,000) 15,000
ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ 10,000
21
ตัวอย่างการวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
ตัวอย่าง2:
1ม.ค. 25x1 กิจการซื้อเครื่องจักรราคาทุน 100,000 บาท อายุการใช้งาน 5 ปี ไม่มี
มูลค่าซาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 25x3 มีราคาประเมิน 50,000 บาท การตีราคาใหม่ทาให้
ราคาตามบัญชีเท่ากับ 50,000 บาท
กรณี 2: นาค่าเสื่อมราคาสะสมหักจากราคาตามบัญชีของสินทรัพย์
Dr. ค่าเสื่อมราคาสะสมเครื่องจักร 60,000
Cr. เครื่องจักร 60,000
Dr. เครื่องจักร 10,000
Cr. ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ 10,000
22
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
การคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ที่ตีราคาใหม่
สินทรัพย์ที่ตีราคาเพิ่มขึ้นจะต้องคิดค่าเสื่อมราคาตามปกติ โดยมีขั้นตอนดังนี้
บันทึกค่าเสื่อมราคาประจางวดโดยคิดจากราคาที่ตีใหม่
ปรับปรุงบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ให้ลดลง โดยทยอยโอนไป
กาไรสะสมเท่ากับผลต่างของค่าเสื่อมราคาที่คานวณจากราคาทุนกับราคาที่ตี
ใหม่
(จานวนตัดจาหน่ายส่วนเกินทุน = ค่าเสื่อมราคาใหม่ – ค่าเสื่อมราคาเดิม)
23
ตัวอย่างการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ที่ตีราคาใหม่
ตัวอย่างที่ 3:
จากตัวอย่างที่ 2 ราคาตามบัญชีเครื่องจักรเท่ากับ 50,000 บาท อายุการใช้งาน
เหลือ 2 ปี
ค่าเสื่อมราคาต่อปี = 50,000/2 = 25,000
กิจการต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาโดย
Dr. ค่าเสื่อมราคา-เครื่องจักร 25,000
Cr. ค่าเสื่อมราคาสะสม-เครื่องจักร 25,000
Dr. ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ 5,000
Cr. กาไรสะสม 5,000
24
การคิดค่าเสื่อมราคา
กิจการต้องปันส่วนจานวนทีค่ ิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์อย่างมีระบบตลอดอายุการใช้งาน
กิจการต้องทบทวนมูลค่าคงเหลือและอายุการให้ประโยชน์ของสินทรัพย์อย่างน้อยทุกสิ้น
รอบบัญชี หากมีการเปลี่ยนแปลงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการบัญชีตามมาตรฐาน
การบัญชีฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และ
ข้อผิดพลาด
กิจการจะเริ่มต้นคิดค่าเสื่อมราคาเมื่อสินทรัพย์นั้นพร้อมใช้งาน และ
กิจการต้องหยุดคิดค่าเสื่อมราคาเมื่อกิจการตัดรายการสินทรัพย์นั้น หรือจัดประเภทสินทรัพย์
นั้นเป็นสินทรัพย์ถอื ไว้เพื่อขาย
กิจการไม่สามารถหยุดคิดค่าเสื่อมราคาเมื่อไม่มีการใช้งานสินทรัพย์ หรือปลดจากการใช้งาน
ประจา เว้นแต่สินทรัพย์นั้นได้คิดค่าเสือ่ มราคาหมดแล้ว
25
การคิดค่าเสื่อมราคา
ตามปกติที่ดินจะมีอายุการใช้ประโยชน์ที่ไม่จากัด จึงไม่จาเป็นต้องมีการคิดค่า
เสื่อมราคา
ในบางกรณีที่ดินอาจมีอายุการใช้ประโยชน์ที่จากัด จึงต้องมีการคิดค่าเสื่อม
ราคาที่สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากที่ดิน เช่น เหมืองแร่ที่ทาบนผิว
ดิน หรือพื้นที่สาหรับทิ้งขยะ
การเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารไม่มีผลกระทบต่อการคิดค่า
เสื่อมราคาของอาคาร
26
การคิดค่าเสื่อมราคา
กิจการต้องเลือกใช้วิธีในการคิดค่าเสื่อมราคาให้สะท้อนรูปแบบของประโยชน์
ที่ได้จากสินทรัพย์นั้น
กิจการต้องมีการทบทวนวิธีคิดค่าเสื่อมราคาอย่างน้อยทุกสิ้นปีบัญชี หาก
รูปแบบประโยชน์ที่ได้รับเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสาคัญ กิจการต้อง
เปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา
การเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการ
ทางบัญชี
27
การตัดรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
28
การตัดรายการที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแทนส่วนประกอบของสินทรัพย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของมูลค่า
ตามบัญชี กิจการต้องตัดมูลค่าตามบัญชีของส่วนประกอบที่ถูกเปลี่ยนแทน
หากกิจการไม่สามารถกาหนดมูลค่าตามบัญชีของส่วนประกอบที่ถูกเปลี่ยนแทน
ได้ อาจใช้ต้นทุนในการเปลี่ยนแทนเป็นตัวบ่งชี้ถึงต้นทุนส่วนประกอบที่ถูกเปลี่ยน
แทนในขณะที่กิจการได้มาหรือก่อสร้างส่วนประกอบที่ถูกเปลี่ยนแทนนั้น
29
การเปิดเผยข้อมูล
30
วันถือปฏิบัติ
ถือปฏิบัติกับงบการเงินสาหรับรอบระยะเวลาบัญชีทเี่ ริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2554
เป็นต้นไป
โดยสนับสนุนให้นามาตรฐานการบัญชีฉบับนี้มาถือปฏิบัติก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ (ต้องเปิดเผย
ไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วย)
31
มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 23
(ปรับปรุง 2552)
ต้นทุนการกู้ยืม
32
TAS23 ต้นทุนการกู้ยืม
คานิยามของต้นทุนการกู้ยืม
วิธีปฏิบัติทางบัญชีเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืม
ต้นทุนการกู้ยืมที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
ประเภทของเงินกู้ยืม
การรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
การเริ่มต้นการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
การหยุดพักการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
การสิ้นสุดการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
การเปิดเผยข้อมูล
วันถือปฏิบัติ
33
นิยามของต้นทุนการกู้ยืม
34
การรับรู้รายการต้นทุนการกู้ยืม
กิจการต้องรวมต้นทุนการกู้ยืมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้มา การ
ก่อสร้าง หรือการผลิตสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขรวมเป็นราคาทุนของ
สินทรัพย์นั้น
กิจการต้องรับรู้ต้นทุนการกู้ยืมอื่นเป็นค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีที่ต้นทุน
นั้นเกิดขึ้น
สินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
สินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข หมายถึง สินทรัพย์ที่จาเป็นต้องใช้ระยะ
เวลานานในการเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถนาสินทรัพย์นั้นมาใช้ได้
ตามประสงค์หรือนาไปขาย
35
ตัวอย่าง
ตัวอย่างสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข:
โรงงาน โรงผลิตผลิตพลังงาน อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และ
สินค้าที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการแปลงสภาพให้พร้อมขาย
ตัวอย่างสินทรัพย์ทไี่ ม่เข้าเงื่อนไข:
เงินลงทุนอื่น สินค้าที่ทาการผลิตเป็นประจา สินค้าที่ผลิตเป็นจานวน
มากโดยมีขั้นตอนการผลิตซ้าๆ ในช่วงระยะเวลาสั้น และสินทรัพย์ที่อยู่
ในสภาพพร้อมใช้งานหรือพร้อมขายได้ทันทีที่มีการซื้อ
36
ต้นทุนการกู้ยืมที่รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
กิจการสามารถบันทึกต้นทุนการกู้ยืมของสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขรวมเป็น
ราคาทุนของสินทรัพย์ได้ หากต้นทุนการกูย้ ืมดังกล่าว
- เป็นต้นทุนการกู้ยืมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้มา การก่อสร้าง หรือการ
ผลิตสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
- มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่ต้นทุนการกู้ยืมดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์
เชิงเศรษฐกิจแก่กิจการในอนาคต และสามารถประมาณได้อย่างน่าเชื่อถือ
- เป็นต้นทุนที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากกิจการไม่ก่อรายจ่ายในการจัดหา
สินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขการกู้ยืมดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจใน
อนาคต
37
ประเภทของเงินกู้ยืม
เงินที่กู้ยืมมาโดยเฉพาะเพื่อจัดหาสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
- หมายถึง เงินกู้ยืมทีก่ ู้มาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการจัดหา
สินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
เงินที่กู้ยืมมาเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปและได้นามาใช้จดั หาสินทรัพย์ที่
เข้าเงื่อนไข
- หมายถึง เงินกู้ยืมทั้งหมดของกิจการที่ไม่รวมเงินกู้ที่กู้มาโดยเฉพาะ
เพื่อจัดหาสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
38
การรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
เงินที่กู้ยืมมาโดยเฉพาะเพื่อจัดหาสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข
- ต้นทุนการกู้ยืมที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ต้องเป็น
ต้นทุนการกู้ยืมที่เกิดขึ้นจริงในระหว่างงวดของเงินกู้นั้นหักด้วย
รายได้ที่เกิดจากการนาเงินกู้ยืมดังกล่าวไปลงทุนเป็นการชั่วคราว
39
การรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
เงินที่กู้ยืมมาเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปและได้นามาใช้จดั หาสินทรัพย์ที่
เข้าเงื่อนไข
- ต้นทุนการกู้ยืมที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ต้องคานวณโดย
การคูณรายจ่ายของสินทรัพย์ด้วยอัตราการตั้งขึ้นเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
- อัตราการตั้งขึ้นเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ คือ อัตราถัวเฉลี่ยถ่วงน้าหนักของ
ต้นทุนการกู้ยืมที่เกิดขึ้นในงวดที่ไม่รวมต้นทุนการกู้ยืมของเงินกู้ยืมโดย
เฉพาะเจาะจง
- ต้นทุนการกู้ยืมที่รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ในงวดต้องไม่เกินจานวน
ต้นทุนการกู้ยืมทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นในงวดเดียวกัน
40
การเริ่มต้นการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
ต้นทุนการกู้ยืมเริ่มบันทึกเป็นสินทรัพย์เมื่อเข้าเงื่อนไขทุกข้อดังนี้
- รายจ่ายเพื่อให้ได้สินทรัพย์มาได้เกิดขึ้น
- มีต้นทุนการกู้ยืมเกิดขึ้น
- สินทรัพย์อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อให้สินทรัพย์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตาม
วัตถุประสงค์หรือพร้อมที่จะขาย (เป็นสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข)
41
การหยุดพักการรวมต้นทุนการกูย้ ืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
กิจการต้องหยุดพักการบันทึกต้นทุนการกู้ยืมเป็นสินทรัพย์เมื่อการดาเนินการ
พัฒนาสินทรัพย์หยุดชะงักลงเป็นเวลาต่อเนื่อง
ในกรณีที่เกิดการล่าช้าชั่วคราว หากการล่าช้าดังกล่าวเป็นสิ่งจาเป็นที่จะทาให้
สินทรัพย์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตามประสงค์หรือพร้อมที่จะขาย กิจการ
สามารถรับรู้ต้นทุนการกู้ยืมในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ล่าช้านั้นเป็นราคาทุนของ
สินทรัพย์ได้
ตัวอย่างเช่น กิจการต้องรอให้สินค้าที่อยู่ในกระบวนการผลิตมีความพร้อมที่จะ
ดาเนินการขั้นต่อไป หรือช่วงระยะเวลาที่รอน้าลดเพื่อทาการก่อสร้างสะพาน หาก
ว่าระดับน้าที่ขึ้นสูงถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติระหว่างการก่อสร้างของภูมิภาค
แถบนั้น
42
การสิ้นสุดการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
กิจการต้องยุติการบันทึกรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นสินทรัพย์เมื่อการดาเนินการ
ส่วนใหญ่ที่จาเป็นในการเตรียมสินทรัพย์ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้
ตามวัตถุประสงค์หรือพร้อมที่จะขายได้เสร็จสิ้นลง
สาหรับสินทรัพย์ที่สร้างเสร็จเป็นบางส่วนและสามารถใช้งานได้ ในขณะที่
สินทรัพย์ส่วนอื่นยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ให้หยุดรวมต้นทุนการกู้ยืมเฉพาะ
ส่วนที่สร้างเสร็จ หากการดาเนินการที่สาคัญนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ตัวอย่างเช่น การก่อสร้างอาคารหลายหลัง โดยอาคารแต่ละหลังสามารถใช้งาน
ได้อิสระ การสร้างกระบวนการผลิตในโรงงานที่มีหลายแผนกหรือหลาย
ขั้นตอน
43
การเปิดเผยข้อมูล
งบการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลทุกข้อดังนี้
นโยบายการบัญชีที่ใช้สาหรับต้นทุนการกูย้ ืม
จานวนต้นทุนการกู้ยืมที่รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ในระหว่าง
งวด
อัตราการตั้งขึ้นเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ที่ใช้คานวณต้นทุนการกูย้ ืม
ที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์
44
วันถือปฏิบัติ
ถือปฏิบัติกับงบการเงินสาหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง
วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป
45
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุน
1 ม.ค. 51 บริษัททาสัญญาซื้อที่ดินเพื่อจัดสรรขาย โดยวางมัดจา 500,000 บาท
กาหนดจ่ายเงินวันที่ 1 มี.ค. 51
2 ม.ค. 51 บริษัทดาเนินการกู้เงินจานวน 10 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมจานวน
300,000 บาท
1 มี.ค. 51 บริษัทเบิกเงินกู้จากธนาคารนาเงินไปจ่ายค่าที่ดิน และเริ่มจ่ายดอกเบี้ย
7 เม.ย. 51 บริษัททาการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเพื่อปรับพื้นที่
30 เม.ย. 51 บริษัททาการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสร็จแต่ยังมิได้ปรับพื้นที่
31 ธ.ค. 51 บริษัทยังไม่ได้ปรับพื้นที่โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไม่อานวย จึงได้หยุดพัก
โครงการไว้ก่อน โครงการดังกล่าวยังไม่ล้มเลิกและจะดาเนินการต่อทันที
ที่ทาได้
หากบริษัทเลือกที่จะรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของที่ดิน บริษัทสามารถทาได้โดยเริ่มจาก
วันที่ 7 เม.ย. 51 ถึงวันที่ 30 เม.ย. 51
46
ตัวอย่างการสิ้นสุดการรวมต้นทุนการกู้ยืม
1 ม.ค. 51 บริษัทอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อให้เช่า
30 ม.ค. 51 การก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วเสร็จพร้อมให้เช่า ขณะที่บริษัทยังต้อง
ปรับปรุงเล็กน้อย เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์เต็มที่
1 พ.ค. 51 ผู้เช่ารายแรกทาสัญญาเช่า
บริษัทสามารถรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนของสินทรัพย์จนถึงวันที่
30 ม.ค. 51 เนื่องจากการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ต้องสิ้นสุดลงเมื่อการ
ดาเนินการส่วนใหญ่ที่จาเป็นในการเตรียมสินทรัพย์ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตาม
ประสงค์หรือพร้อมที่จะขายได้เสร็จสิน้ ลง ในที่นี้อาคารพาณิชย์มีสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตาม
ประสงค์เมื่ออาคารพาณิชย์พร้อมที่จะให้เช่า ไม่ใช่เมื่อมีการเช่า
47
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์เฉพาะ
บริษัททาสัญญากู้ยืมเงิน 20 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี
การก่อสร้างเริ่ม ณ วันที่ 1 มิ.ย. 25 51 บริษัทได้รับเงินกู้ 3 งวด ดังนี้
รวม 20,000,000
48
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์เฉพาะ
บริษัทได้ชาระค่าก่อสร้างโรงงานไปบางส่วนแล้วจานวน 15 ล้านบาท และได้นาเงินกูส้ ่วนที่เหลือไป
ลงทุนชั่วคราวได้รับผลตอบแทนทัง้ สิน้ 300,000 บาท
ต้นทุนการกู้ยืมที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์คานวณได้ดังนี้
งวดที่ วันที่กู้ เงินกู้ (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย (บาท)
1 1 มิ.ย. 51 4,000,000 4,000,000 x 12% x 7/12 = 280,000
2 1 ก.ย. 51 10,000,000 10,000,000 x 12% x 4/12 = 400,000
3 1 ธ.ค. 51 6,000,000 6,000,000 x 12% x 1/12 = 60,000
รวม 20,000,000 740,000
หัก ผลตอบแทนจากเงินลงทุนชั่วคราว 300,000
ต้นทุนการกู้ยืมที่อนุญาตให้รวมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 51 440,000
49
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์ทั่วไป
50
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์เฉพาะ
บริษัทมีราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข ดังนี้
ยอดต้นงวด - 1 ม.ค. 50 0 บาท
เพิ่มขึ้นระหว่างงวด 6,000,000 บาท (รวมต้นทุนการกู้ยืมที่รวมเป็น
ราคาทุนจานวน 700,000 บาท)
ยอดต้นงวด - 1 ม.ค. 51 6,000,000 บาท
เพิ่มขึ้นระหว่างงวด 16,000,000 บาท
ยอดปลายงวด - 31 ธ.ค. 51 22,000,000 บาท
51
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์เฉพาะ
52
ตัวอย่างการรวมต้นทุนการกู้ยืมจากเงินกู้วัตถุประสงค์เฉพาะ
ต้นทุนการกู้ยืมคานวณได้ดงั นี้
รายจ่ายโดยประมาณที่เชื่อถือได้ = (6,000,000 + 22,000,000) / 2
= 14,000,000 บาท
ต้นทุนการกู้ยืมคานวณจากรายจ่ายโดยประมาณ = 14,000,000 x 8.03%
= 1,124,200 บาท
ต้นทุนการกู้ยืมจานวน 1,124,200 บาท นามารวมเป็นราคาทุนของ
สินทรัพย์ทั้งจานวน เนื่องจากมีจานวนน้อยกว่าต้นทุนการกู้ยืมที่เกิดขึ้นจริง
จานวน 2,650,000 บาท
53
มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 40 (ปรับปรุง 2552)
เรื่อง อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
โดย
อาจารย์ดร.ศิรดา จารุตกานนท์
อาจารย์ประจาสาขาการบัญชีและการเงิน
คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา
มาตรฐานการบัญชี เรื่อง อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
วัตถุประสงค์ของมาตรฐานการบัญชี
ขอบเขตของมาตรฐานการบัญชี
นิยามของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การจัดประเภทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การรับรู้รายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การวัดมูลค่ารายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การโอนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การจาหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การเปิดเผยข้อมูล
วันถือปฏิบัติ
วัตถุประสงค์
กาหนดวิธีปฏิบัติทางบัญชีสาหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและ
กาหนดการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขต
มาตรฐานการบัญชีฉบับนีไ้ ม่ถือปฏิบัติกับรายการทุกรายการ
ดังต่อไปนี้
สินทรัพย์ทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเกษตร (ดูมาตรฐาน
การบัญชีฉบับที่ 41 เรื่อง เกษตรกรรม (เมื่อมีการประกาศใช้))
สัมปทานเหมืองแร่ ทรัพยากรแร่ เช่น น้ามัน ก๊าซธรรมชาติ และ
ทรัพยากรธรรมชาติอื่นที่คล้ายคลึงกันซึ่งไม่สามารถสร้างทดแทนขึ้นได้
นิยาม
อสังหาริมทรัพย์ที่กิจการมีไว้เพื่อขายในการดาเนินงานปกติหรืออยู่ใน
ขั้นตอนการก่อสร้างหรือพัฒนาเพื่อขาย
อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง หรือพัฒนาให้บุคคลอื่น
อสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้ใช้งาน รวมถึงที่ถือครองเพื่อใช้ภายในกิจการใน
อนาคต อสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองเพื่อการพัฒนาในอนาคตและนามาใช้งาน
ในเวลาต่อมา อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ประโยชน์โดยพนักงาน และ
อสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้ใช้งานรอการจาหน่าย
อสังหาริมทรัพย์ที่ให้กิจการอื่นเช่าภายใต้สัญญาเช่าการเงิน
การจัดประเภท
อสังหาริมทรัพย์บางอย่างประกอบด้วยส่วนที่กิจการถือไว้เพื่อหาประโยชน์
จากรายได้ค่าเช่าหรือจากการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ และส่วนที่กิจการถือ
ครองเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือการจัดหาสินค้าหรือการให้บริการ หรือ
เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารงาน
ถ้าแต่ละส่วนสามารถแยกขาย (หรือแยกให้เช่าภายใต้สัญญาเช่าการเงิน)
กิจการต้องบันทึกส่วนต่างๆ แยกจากกัน
ถ้าไม่สามารถแยกส่วนขายได้ กิจการจะบันทึกอสังหาริมทรัพย์เป็น
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ต่อเมื่อสัดส่วนของอสังหาริมทรัพย์ที่
กิจการถือไว้เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าหรือจัดหาสินค้าหรือให้บริการ หรือ
เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารงานนั้นไม่มีนัยสาคัญ
การจัดประเภท (ต่อ)
ในบางกรณี กิจการอาจเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่าและถูกใช้
งาน โดยบริษัทแม่ หรือบริษัทย่อยอื่นของกิจการ
ในงบการเงินรวม: ไม่ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของ
กิจการเหล่านั้น
ในงบการเงินเฉพาะของกิจการ: ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
ถ้าอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นไปตามคานิยาม
การรับรู้รายการ
กิจการต้องรับรู้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นสินทรัพย์ เมื่อเข้าเงื่อนไขทุก
ข้อ ดังนี้
- มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
ในอนาคตจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
- สามารถวัดราคาทุนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้อย่างน่าเชื่อถือ
การวัดมูลค่าเมื่อรับรูร้ ายการ
กิจการต้องวัดมูลค่าเริ่มแรกของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนด้วยราคาทุน ซึ่ง
รวมถึงต้นทุนในการทารายการ
ต้นทุนประกอบด้วย ราคาซื้อ และรายจ่ายโดยตรงอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการจัดหา
สินทรัพย์ เช่น ค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ค่าภาษีในการโอนสินทรัพย์ และ
ต้นทุนในการทารายการอื่นๆ
โดยไม่รวมถึง ต้นทุนก่อนการดาเนินงาน ขาดทุนจากการดาเนินงานก่อนที่จะมี
ผู้ครอบครอง จานวนที่สูญเสียเกินปกติในการก่อสร้างหรือพัฒนา
การวัดมูลค่าเมื่อรับรูร้ ายการ (ต่อ)
หากกิจการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนโดยการผ่อนชาระ กิจการต้อง
บันทึกราคาทุนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนด้วยมูลค่าที่เทียบเท่ากับ
การซื้อด้วยเงินสด ผลต่างระหว่างราคาเทียบเท่าเงินสดและจานวนเงินที่ต้อง
จ่ายชาระทั้งหมดให้รับรู้เป็นดอกเบี้ยจ่ายตลอดอายุของการได้สินเชื่อ
การวัดมูลค่าเมื่อรับรูร้ ายการ (ต่อ)
ต้นทุนเมื่อเริ่มแรกของส่วนได้เสียในอสังหาริมทรัพย์ที่ถือไว้ภายใต้สัญญา
เช่าที่จัดประเภทเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนต้องเป็นไปตาม
ข้อกาหนดของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 17 เรื่องสัญญาเช่า
โดยกาหนดให้รับรู้สินทรัพย์ด้วยมูลค่าที่ต่ากว่าระหว่างมูลค่ายุติธรรมของ
อสังหาริมทรัพย์และมูลค่าปัจจุบันของจานวนเงินขั้นต่าที่ต้องจ่ายตาม
สัญญาเช่า
การวัดมูลค่าเมื่อรับรูร้ ายการ (ต่อ)
การได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจากการแลกเปลี่ยน ต้นทุนของ
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนต้องวัดด้วยมูลค่ายุติธรรม เว้นแต่เป็นไปตาม
ข้อใดข้อหนึ่ง คือ
การแลกเปลี่ยนไม่มีเนื้อหาเชิงพาณิชย์
กิจการไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่ได้รับ และสินทรัพย์ที่
ให้ไปในการแลกเปลี่ยนได้อย่างน่าเชื่อถือ
หากไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้ให้วัดราคาทุนของสินทรัพย์ด้วยมูลค่า
ตามบัญชีของสินทรัพย์ที่ให้ไปในการแลกเปลี่ยน
การวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ
กิจการสามารถเลือกใช้วิธีมูลค่ายุติธรรม หรือวิธีราคาทุนในการวัดมูลค่า
อสังหาริมทรัพย์
โดยต้องใช้นโยบายการบัญชีนั้นกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมดของ
กิจการ
วิธีมูลค่ายุติธรรม
หลังจากการรับรู้รายการเมื่อเริ่มแรก กิจการที่เลือกใช้วิธีมูลค่ายุติธรรมต้องวัด
มูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมดด้วยมูลค่ายุติธรรม
ส่วนได้เสียในอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่าภายใต้สัญญาเช่าดาเนินงานที่ถูกจัด
ประเภทเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนต้องวัดด้วยมูลค่ายุติธรรม
กิจการต้องรับรู้กาไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรม
ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในกาไรหรือขาดทุนในงวดที่เกิดขึ้น
มูลค่ายุติธรรม
• กรณีที่ไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ กิจการต้องใช้วิธี
ราคาทุนสาหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรายการนั้นจนกว่าจะ
สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยยังคงใช้วิธีมูลค่ายุติธรรม
กับอสังหาริมทรัพย์รายการอื่นๆ
วิธีราคาทุน
หลังจากการรับรู้รายการเมื่อเริ่มแรก กิจการที่เลือกใช้วิธีราคาทุนต้องวัดมูลค่า
ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งหมดตามแนวทางที่กาหนดไว้ใน
มาตรฐานการบัญชีเรื่อง ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
เว้นแต่เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เข้าเงื่อนไขการจัดประเภทเป็น
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย
การโอน
การโอนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนไปยังบัญชีอื่นๆ หรือโอนจากบัญชีอื่นๆ
มาเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจะทาได้ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการใช้
งานของอสังหาริมทรัพย์นั้น โดยมีหลักฐานข้อใดข้อหนึ่ง
มีการใช้งานอสังหาริมทรัพย์ภายในกิจการเอง
มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อมีไว้ขาย
สิ้นสุดการใช้งานอสังหาริมทรัพย์ภายในกิจการเอง
เริ่มสัญญาเช่าดาเนินงานกับกิจการอื่น
การโอน (ต่อ)
หากกิจการเลือกใช้วิธีราคาทุน ในการโอนจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใน
มูลค่าตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์นั้น แต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหาก
กิจการเลือกใช้วิธีมูลค่ายุติธรรม
การโอนจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนไปเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้
งานหรือสินค้าคงเหลือ ให้ใช้มูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการ
ลงทุน ณ วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นราคาทุนของอสังหาริมทรัพย์นั้น
การโอน (ต่อ)
การโอนสินทรัพย์ประเภทอื่นมาเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
- การโอนจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้งานเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อ
การลงทุนซึ่งบันทึกด้วยมูลค่ายุติธรรม กิจการต้องคิดค่าเสื่อมราคาและรับรู้
ขาดทุนจากการด้อยค่าถึงวันที่โอนเปลี่ยน กิจการต้องใช้วิธีการตีราคาใหม่
กับผลต่างระหว่างมูลค่าตามบัญชีกับมูลค่ายุติธรรมตามที่กาหนดไว้ใน
มาตรฐานการบัญชีเรื่อง ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
การโอน (ต่อ)
การโอนสินทรัพย์ประเภทอื่นมาเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
- การโอนจากสินค้าคงเหลือเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนซึ่งบันทึก
ด้วยมูลค่ายุติธรรม กิจการต้องรับรู้ผลต่างระหว่างมูลค่าตามบัญชีกับมูลค่า
ยุติธรรมในกาไรหรือขาดทุนสาหรับงวด
- เมื่อเสร็จสิ้นการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่จะบันทึกด้วย
มูลค่ายุติธรรม กิจการต้องบันทึกผลต่างระหว่างมูลค่ายุติธรรมของ
อสังหาริมทรัพย์ ณ วันเสร็จสิ้นกับมูลค่าตามบัญชีในกาไรหรือขาดทุนสาหรับ
งวด
การจาหน่าย
กิจการต้องตัดรายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนออกจากงบดุลเมื่อกิจการ
จาหน่ายหรือเลิกใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นอย่างถาวร และคาดว่าจะ
ไม่ได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากการจาหน่ายอีก
กิจการต้องรับรู้ผลกาไรขาดทุนจากการจาหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
(ผลต่างระหว่างจานวนเงินที่ได้รับสุทธิจากการจาหน่ายกับมูลค่าตามบัญชี) ใน
งวดที่จาหน่ายสินทรัพย์นั้น (เว้นแต่กรณีขายและเช่ากลับคืนตามมาตรฐานการ
บัญชีเรื่อง สัญญาเช่า)
การเปิดเผยข้อมูล
กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้
กิจการใช้วิธีมูลค่ายุติธรรมหรือวิธีราคาทุน
หากใช้วิธีมูลค่ายุติธรรมต้องเปิดเผยกาไรหรือขาดทุนจากการปรับ
มูลค่ายุติธรรม
หากใช้วิธีราคาทุนต้องเปิดเผยวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา อายุการใช้งาน
มูลค่าตามบัญชี ณ วันต้นงวดและสิ้นงวด
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในย่อหน้าที่ 75-84)
วันถือปฏิบัติ
ถือปฏิบัติกับงบการเงินสาหรับรอบระยะเวลาที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1
มกราคม 2554 เป็นต้นไป