You are on page 1of 7

== รวยได้ดว้ ยหุน ้ โดยเซียนหุน ้ อัจฉริยะ ==

..
หยิบหนังสือเล่มนี้ของคุณฮง สถาพร งามเรืองพงศ์มาอ่านอีกรอบ
หลังจากเคยอ่านเมือ ่ 4-5 ปี ทีแ ่ ล้ว รอบนี้เข้าใจมากขึน ้ เยอะเลยทีเดียว
ต้องขอบคุณ คุณฮงทีไ่ ด้ถา่ ยทอดแนวคิดทีด ่ เู รียบง่าย
แต่เอาไปใช้ได้จริงในการลงทุน
เลยอยากสรุปเรือ ่ งราวทีอ ่ า่ นเผือ่ ว่าจะเป็ นประโยชน์กบ ั ทุก ๆ คนเอาไปใช้กน
ั ครับ

** Chapter 1: ทาความเข้าใจตลาดหุน ้ **
.
1) ตลาดหุน ้ ไม่ใช่การพนัน มันคือสถานทีจ่ บ ั จองธุรกิจทีเ่ ราสนใจ
ให้เหมาะกับเป้ าหมายการลงทุน และความสามารถในการรับความเสีย่ ง
.
2) จุดเด่นของหุน ้ เมือ่ เทียบกับการทาธุรกิจ คือ
• ถอนตัวง่าย ขายหุน ้ ถ้าไม่ดอ ี ย่างทีค่ ด

• ซื้อหุน
้ เฉพาะช่วงทีก ่ าลังเติบโตได้
• กระจายความเสีย่ งได้หลากหลาย
• เป็ นเจ้าของธุรกิจทีต ่ วั เองไม่มีเงินลงทุนได้
• ลดปัญหาเรือ ่ ง “คน”
…………………………………….
.
** Chapter 2: วิเคราะห์ผลการดาเนินงานบริษท ั **
.
1) สินทรัพย์ เท่ากัน ไม่ได้แปลว่ารวยเหมือนกัน คนทีม ่ ี D/E
น้อยกว่าน่ าจะปลอดภัยกว่า
.
2) รายได้โต 10% แต่กาไรสุทธิลดลงได้ ถ้าต้นทุนและค่าใช้จา่ ยโตเร็วกว่า
.
3) ถ้าลูกหนี้การค้าโตเร็วกว่ายอดขาย แม้กาไรจะโตก็ตอ ้ งระวังให้มาก
เพราะแปลว่าขายของไปยังเก็บเงินไม่ได้ อาจต้องบันทึกเป็ นหนี้สูญได้
.
4) เจ้าหนี้การค้าเยอะ อาจจะดีก็ได้เพราะเป็ นหนี้ทไี่ ม่ตอ
้ งแบบรักภาระดอกเบี้ย
คือ สั่งวัตถุดบ
ิ มาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินในอนาคต
.
5) หุน
้ ค้าปลีกหลายตัว D/E > 1 เท่า ไม่ได้น่ากลัว เพราะเป็ นเจ้าหนี้การค้าเยอะ
และลูกหนี้การค้าแทบไม่มี
.
6) ตัวเลขกาไรสุทธิ ควรใกล้เคียงกับตัวเลขกระแสเงินสดจากการดาเนินงาน
เพราะถ้า NP เยอะ แต่ CFO ติดลบ แล้วจะเอาเงินทีไ่ หนมาจ่ายปันผล
ขายของยังเก็บเงินสดไม่ได้เลย
.
7) CFI ควรเป็ นลบ เพราะแสดงถึงการลงทุน ถ้าเป็ นบวก แสดงว่า
มีการขายสินทรัพย์ถาวรออกไป คาถามคือ แล้วยอดขายจะโตได้จากอะไร
ถ้าขายสินทรัพย์ทใี่ ช้ทามาหากินออกไป
.
8) อย่าดูแต่ P/E ว่าต่าอย่างเดียว ให้ดค ู วามแน่ นอนของรายได้
และความต่อเนื่องของกาไรด้วย คือ การดู PEG นั่นเอง โดยทั่วไปแล้ว PEG
ต่า จะดีกว่า
.
9) ดู P/CFO เพือ ่ หาคุณภาพของกาไรว่าเก็บเงินสดได้ดม ี ย้ ั ค่านี้ยงิ่ ต่ายิง่ ดี
.
10) ดู GPM อย่างเดียวไม่ได้ บางทีตอ ้ งดู Asset Turnover ด้วย
(เอายอดขายมาหารสินทรัพย์) เช่น ร้านบุฟเฟต์อาหารนานาชาติ จะมี GPM
สูงกว่า ร้านหมูกระทะ แต่จดั โต๊ะหลวม ๆ สบาย ๆ
คนมากินต่อวันไม่เยอะแต่เก็บแพง ขณะทีร่ า้ นหมูกระทะ โต๊ะตัง้ ติด ๆ กัน
ลูกค้าแน่ นร้าน คนลุกเข้าลุกออกตลอดเวลา ถึงแม้ GPM ต่ากว่า แต่ AT
สูงกว่ากันมาก
……………………………………………………..
..
** Chapter 3: เลือกหุน ้ เพือ
่ ลงทุน **
.
1) ถ้าเน้นปกป้ องเงินต้น ให้เลือกหุน ้ ทีร่ ายได้แน่ นอน ปันผลสม่าเสมอ 6-7%
แต่ก็เป็ นไปได้วา่ ธุรกิจนัน ้ อาจจะอิม ่ ตัวแล้วเลยจ่ายปันผลออกมา
และถ้าราคาหุน ้ ลง แปลว่าระดับปันผลจะสูงขึน ้
จนถึงจุดนึงก็จะมีคนมาช้อนซื้อทาให้หุน ้ ไม่ลงต่อ
.
2) การลงทุนหุน ้ เติบโต
ควรดูทอ ี่ ุตสาหกรรมก่อนว่ามีความต้องการเพิม ้ หรือไม่
่ ขึน
และหมั่นศึกษาพฤติกรรมของผูบ ้ ริโภคว่าเปลีย่ นไปอย่างไร
รวมทัง้ ติดตามว่าบริษท ั ไหนอาศัยจังหวะในการเพิม ่ ส่วนแบ่งการตลาดได้เยอะ ๆ
.
3) บริษท ั ทีก
่ าลังการผลิตเหลือจะพร้อมเติบโตมากกว่า คือ ถ้าตลาดมี Demand
ก็พร้อมผลิตขายเลยไม่ตอ ้ งรอลงทุนเพิม ่
.
4) หาหุน ้ เติบโตทีค ่ นยังไม่รูจ้ กั P/E 12-15 เท่า การเติบโตโดยเฉลีย่ 3
ปี ข้างหน้าสูงกว่า P/E 1.5 เท่า เช่น คาดว่ากาไรจะโต 20% และหุน ้ มี P/E 12
เท่า แบบนี้น่าสนใจ เพราะถ้าบริษท ั ไม่เติบโตอย่างทีค ่ ด
ิ เราจะไม่เจ็บตัวมาก
แต่ถา้ เราซื้อหุน ้ P/E สูง ๆ ทีก ่ ารเติบโตไม่เยอะมาก
เราอาจจะกาลังติดดอยครัง้ ใหญ่แล้วก็ได้
.
5) เลือกหุน ้ ที่ “เพิง่ ทาจุดสูงสุดใหม่ของกาไร” และต้องอ่านเกมส์ตอ ่ ไปว่า
“ไตรมาสทีเ่ หลือ” ของปี นัน ้ ๆ จะรักษากาไรสุทธิทรี่ ะดับนี้ไว้ได้ตอ ่ เนื่อง
เลือกหุน ้ ที่ P/E ต่ากว่ากลุม ่
………………………………………………………….
.
** Chapter 4: การดูภาวะตลาด **
.
1) Earning Yield คือ ส่วนกลับของ P/E เช่น P/E 30 คือ Earning Yield
3.3% เอาไว้ดผ ู ลตอบแทนเปรียบเทียบแรงจูงใจว่าจะเลือกเอาเงินไปไว้ทไี่ หนดี
เช่น หุน้ ฝากธนาคาร พันธบัตร โดยส่วนต่างผลตอบแทนของ Earning Yield
และ Bond Yield เรียกว่า Earning Yield Gap ส่วนต่างยิง่ สูงยิง่ ดี
.
2) Fed Fund Rate หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
ถ้าถึงจุดต่าสุดเมือ ่ ไหร่ หุน ้ จะเป็ นขาขึน ้ แบบ Super Bull เช่น ตอนปี 2003 กับ
ปี 2009 เพราะเงินจะไหลเข้าหาสินทรัพย์ทม ี่ ีความเสีย่ งมากขึน ้
ฝากแบงค์กน ิ ดอกไม่คม ุ้
.
3) ตลาดหุน ้ ชอบเงินเฟ้ อต่า เพราะกาลังซื้อของผูบ ้ ริโภคจะมีมากกว่า
ภาวะแบบนี้เอื้อกับการลงทุนมากกว่า
.
4) ตลาดหุน ้ คือสุดยอดของการมองไปข้างหน้า เช่น GDP
ประการศออกมาติดลบ แต่หุน ้ ไม่ลงเพราะลงมาก่อนหน้าแล้ว
บางทีเริม ่ จะขึน ้ ด้วยซ้า ถ้ามีการมองว่าไตรมาสหน้าตัวเลขจะดีขน ึ้
สาเหตุทเี่ ป็ นแบบนี้ก็เพราะตลาดหุน ้ เป็ น Financial Asset
แค่กดปุ่ มเดียวก็สามารถซื้อขายได้ ไม่เหมือนการทาธุรกิจทีม ่ ีโรงงาน คนงาน
วัตถุดบ ิ ไม่ใช่คด ิ จะเลิกธุรกิจแล้วทาได้เลย
ตัวเลขเศรษฐกิจเลยสะท้อนออกมาช้ากว่า
..
“ตลาดหุน ้ เป็ นดัชนีทน ี่ าเศรษฐกิจ ไม่ใช่เศรษฐกิจนาตลาดหุน ้ ”
……………………..……………..
.
** Chapter 5: จิตวิทยาและวินยั การลงทุน **
.
1)
คนเราใช้อารมณ์ ในตลาดหุน ้ มากกว่าการลงทุนรูปแบบอืน ่ เพราะราคามันเคลือ ่ น
ไหวตลอดเวลา เช่น เราไม่ได้วงิ่ ไปดูทด ี่ น
ิ ทุกวัน ไม่ได้มีอารมณ์ รว่ มขนาดหุน ้
เพราะราคาทีด ่ น ้ วิง่ ลงรายวินาทีเหมือนหุน
ิ ไม่วงิ่ ขึน ้
.
2) แม้วา่ คุณจะรอบรูแ ้ ค่ไหนก็ตาม ถ้าตกอยูภ ่ ายใต้อารมณ์
และใช้มากกว่าเหตุผล
เมือ
่ นัน
้ ความสามารถในการวิเคระห์หุน ้ ก็จะไม่มีคา่ อะไรเลย
เราต้องมีจต ิ ใจทีเ่ ข้มแข็ง และ รักษาไว้ซงึ่ ระเบียบวินยั ทีด ่ ี
.
3) สัจธรรมในการตลาดหุน ้ “ความแน่ นอน คือ ความไม่แน่ นอน”
บางครัง้ เราพลาดไม่ได้เพราะเรามองผิด
แต่มน ั มีปจั จัยภายนอกเหนือการควบคุมมากระทบ ต่อให้เซียนแค่ไหนก็พลาดได้
.
4) จอส โซรอส บอกว่า “ไม่สาคัญว่าคุณจะผิดหรือถูกกีค ่ รัง้ แต่สาคัญว่าเวลาถูก
คุณต้องกาไรให้มากกว่าทีค ่ ณ ุ ผิด”
.
5) Cut Loss และ Let Profit Run
ตัดขาดทุนในหุน ้ ทีเ่ รายอมรับความจริงว่าเราคิดผิด
แล้วเอาเงินไปลงทุนหุน ้ ตัวใหม่ ถ้าจับถูกตัวก็ปล่อยให้กาไรไหลไป
เงินลงทุนจะโตขึน ้ เยอะ สาเหตุก็เพราะเราถูกสอนมาตลอดว่า
คนทีส ่ อบตกคือคนทีท ่ าผิดเยอะกว่าทาถูก
และคนทีต ่ ดั ขาดทุนคือคนทีย่ อมรับว่าทาผิดพลาด
.
6) การเล่นหุน ้ ให้ประสบความสาเร็จ สุดท้ายสิง่ ทีต ่ ดั สินคือ ภาวะจิตใจทีเ่ หมาะสม
ไม่ตนื่ ตระหนกง่าย และไม่โลภอย่างหูตามืดบอด
……………………………………….
.
** Chapter 6: หลักคิดเซียนหุน ้ **
.
1) “มองงบ 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ไม่ได้มองงบปัจจุบน ั ”
เพราะงบปัจจุบน ั เป็ นการสะท้อนถึงอดีตทีผ ่ า่ นมาแล้ว
เราต้องคาดการณ์ ถงึ แนวโน้มในอนาคตมากกว่า ถ้าเจองบดีแต่หุน ้ ตก
เป็ นไปได้วา่ มีกลุม ่ นักลงทุนผูช ้ ายฉลาดคาดการณ์ เอาไว้แล้วและได้ซื้อมาก่อนล่ว
งหน้า แต่ตอนนี้คาดการณ์ ตอ ่ ไปว่าแนวโน้มกาไรจะไม่ดี
.
2) “ซื้อหุน ้ เมือ ่ คนอืน ่ กลัว และขายเมือ ่ คนอืน ่ โลภ” หุน ้ ตัวไหนดีมาก ๆ
อาจเกิดความโลภบังตา มีแต่คนซื้อทาให้ราคาขึน ้ เพราะเชือ ่ ว่าพรุง่ นี้หน ้ ต่อ
ุ้ จะขึน
เราควรจะขายช่วงเวลานี้
.
3) แยกให้ออกว่าแบบไหนคือหุน ้ เพราะพื้นฐานดีจริง
้ ขึน
แต่แบบไหนขึน ้ เพราะหน้ามืดตามัว เวลาลงก็เช่นกัน ลงเพราะกิจการไม่ดี
หรืออารมณ์ พาไป
.
4) “Simple is the Best” ทาให้มน ั ง่าย ๆ แค่บวกลบคูณหาร
ทาตามระบบทีเ่ ราสร้างขึน ้ มาก็พอ ลองคิดดูวา่ ถ้าเพือ ่ นเปิ ดร้านอาหาร
ชวนเราไปร่วมทุน แล้วใช้ตรีโกณมิติ แคลคูลสั ประเมินราคา
เราจะอยากร่วมทุนมัย้ หรือเราแค่ตอ ้ งเดินไปดูทาเล ดูลูกค้า ดูคแ ู่ ข่ง ง่าย ๆ
แค่นน ้ ั พอไหม
.
5) “อย่าโลภเกินความรู ้ แล้วจะไม่เสียเงินทีไ่ ม่สมควรจะเสีย” เช่น
เรามีหน ุ้ โรงไฟฟ้ าทีเ่ ราศึกษามาดีอยูแ ่ ต่หน
ุ้ มันไม่คอ ่ ยขึน ้
แต่พอดีหน ุ้ สือ
่ สารขึน ้ เยอะ ใคร ๆ ก็ดใี จว่ากาไรกัน
เราเลยขายหุน ้ โรงไฟฟ้ ามาเข้าสือ ่ สารแทนทัง้ ๆ ทีไ่ ม่มีความรู ้
แต่หารูไ้ ม่วา่ เป็ นการซื้อตอนทีเ่ ค้าไล่ราคามาสุดทางแล้ว
และขณะเดียวกันหุน ้ โรงไฟฟ้ าทีเ่ พิง่ ขายก็เริม ้ แล้ว
่ ขึน
เป็ นตลกร้ายทีข ่ าไม่ออกเลยทีเดียว คุณไม่เพียงแต่เสียเงินเพราะความไม่รู ้
แต่เสียเงินเพราะปล่อยให้ราคาหุน ้ ในกระดานเข้ามาครอบงาจิตใจอีกด้วย
.
6) “ถัวเฉลีย่ ขาขึน ้ ” เพราะเป็ นการตอบรับว่าเราคิดถูก
และเป็ นการลดความเครียดในการลงทุนด้วย เหมือนจีบสาว
เจอกันครัง้ แรกเราคงไม่ทม ุ่ ซื้อกระเป๋ าแบรนด์เนม ซื้อทองให้เขา
แต่เราเริม ่ ทีไ่ ปรับไปส่ง พอเธอยอมรับเรามากขึน ้ ก็คอ
่ ย ๆ ทุม
่ เพิม ้
่ ขึน
ให้ความสาคัญมากขึน ้ หุน ้ ก็เช่นกัน ยอมกาไรน้อยลง ดีกว่าเสียเงินต้นหนัก ๆ
.
7) ตัดขาดทุนที่ 5-8% เป็ นการ Limit Loss ว่าเราจะไม่หมดตัวจากตลาดหุน ้
เหมือนทาประกันรถยนต์ ถ้ารถไม่ชน เราก็ไม่ได้ออกมาโวยวายบริษท ั ประกัน
ถูกมัย้ แต่เป็ นการลดความเสีย่ งมากกว่า
.
8) เวลาเข้าตลาดใหม่ ๆ ได้กาไร เรานีกว่าเราเก่ง แต่จริง ๆ
อาจเป็ นเพราะตลาดดี เราต้องบริหารความเสีย่ งว่าจุดรักษากาไรเท่าไหร่
ถ้าเกิดงบออกมาไม่ได้เป็ นอย่างทีค ่ ด
ิ ควรขายหุน ้ ออกไปเท่าไหร่
……………………………………………………
** Chapter 7: ทัศนคติทถ ี่ ูกต้องในตลาดหุน ้ **
.
1) เวลาขาดทุนหนัก สิง่ ทีอ ่ ย่าให้เสียคือ เสียใจ อย่ากลัวตลาดมากเกินไป
ให้ความสาคัญกับสิง่ ทีต ่ วั เองควบคุมได้มากกว่าเช่น จิตใจตัวเอง
มากกว่าสนใจเรือ ่ งทีค ่ วบคุมไม่ได้ เช่น ภาวะตลาด
.
2) คนทีป ่ ระสบความสาเร็จมักพูดเรือ ่ ง “Downside” ก่อนเสมอ เช่น
พูดว่าอย่างเลวร้ายสุดไม่น่าขาดทุนเกินเท่าไหร่
.
3) ผลตอบแทนสูงจะน่ าสนใจเมือ ่ มาพร้อมกับความเสีย่ งต่าเท่านัน ้ ไม่ใช่ High
Risk High Return
.
4) ซื้อบริษท ั ทีด ่ ท
ี มี่ ีปญ ั หาแค่ช่วั คราว
ตลาดหุน ้ มักจะร่วงแรงเกินความเป็ นจริงบ่อย ๆ และนั่นคือโอกาส
.
5) อยากลงทุนประสบความสาเร็จ ต้องทุม ่ เทและมีใจรัก ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
ต้องขยันจนมีประสบการณ์ มากพอ
.
6) ตนเป็ นทีพ่ งึ่ แห่งตน เพราะตลาดหุน้ เป็ นเรือ
่ งของเงินทอง
อย่าคิดจะเอาชีวต ิ ทางการเงินไปฝากใคร
ไม่มีใครเป็ นห่วงเงินของเรามากกว่าตัวเราเอง

You might also like