Professional Documents
Culture Documents
(ฉบับสมบูรณ)
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟา คณะวิศวกรรมศาสตร
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย
พฤษภาคม 2548
1
สารบัญ
หนา
บทที่ 1. บทนํา
1.1 ความเปนมาของปญหา 3
1.2 วัตถุประสงคของการวิจัย 3
บทที่ 2. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ
2.1 บทนํา 4
2.2 รายงานการพบเฟอรโรเรโซแนนซในหมอแปลงแรงดัน 5
2.3 ทฤษฎีพื้นฐาน 12
บทที่ 3. การจําลองโดยใชโปรแกรม PSCAD/EMTDC
3.1 การจําลองขั้นตอนการทํางานที่เกิดปญหา 15
3.2 การจําลองขั้นตอนการทํางานที่เสนอเพื่อแกไขปญหา 28
บทที่ 4. ผลของการวิจัย 32
บทที่ 5. สรุปผลและขอเสนอแนะ 33
เอกสารอางอิง 34
2
บทที่ 1
บทนํา
1.1 ความเปนมาของปญหา
หมอแปลงแรงดันที่ทําการติดตั้งในระบบ 22 kV ของการไฟฟาสวนภูมิภาคเกิดความผิดปกติขึ้น
โดยมีรอยไหมรวมทั้งเกิดการฉีกขาดที่ฉนวนของขดลวดดานแรงสูง และเกิดขึ้นเฉพาะดานสันของ
ขดลวด นอกจากนี้ตัวถังมีรูปรางบิดเบี้ยวและ บุชชิ่งแตกหักที่บริเวณฐาน
หมอแปลงแรงดันเปนรุนที่มีขดลวดสองชุดติดตั้งอยูในถังเดียว ลักษณะการตอดานปฐมภูมิเปน
แบบเดลตาเปด (open-delta) ทางดานทุติยภูมิตอแบบวายจุดรวมลงดิน (center tap)
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับหรือปลดแบบสวิตซทีละเฟส (ABC หรือ CBA)
1.2 วัตถุประสงคของการวิเคราะห
เพื่อทําการวิเคราะหหาสาเหตุที่ทําใหหมอแปลงแรงดันเกิดความผิดปกติขึ้นและเสนอวิธีการแกไข
3
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของ
2.1 บทนํา
ปรากฏการณเฟอรโรเรโซแนนซเปนปรากฏการณทางไฟฟาที่มีรายงานในป ค.ศ.1920 [7] ทั้งๆที่
บทความที่เกี่ยวกับเรโซแนนซในหมอแปลงมีรายงานในป ค.ศ.1907 [7] เฟอรโรเรโซแนนซเกิดจาก
การออสซิลเลทระหวางคาอินดักแตนซในหมอแปลงที่มีความอิ่มตัวกับคาคาปาซิแตนซในระบบ ทั้งนี้
จะตองเกิดในระบบที่มีความสูญเสียต่ํา สามารถเขียนปจจัยที่ทําใหเกิด เฟอรโรเรโซแนนซไดเปนขอๆ
ดังนี้
1. คาอินดักแตนซในหมอแปลงที่มีความอิ่มตัว
2. คาคาปาซิแตนซระหวางสายขึงในอากาศกับดิน
3. ไมมีโหลดตออยูในระบบหรือมีโหลดตออยูนอย
4. มีการสับหรือปลดทีละเฟสในระบบไฟสามเฟส
ผลกระทบจากเฟอรโรเรโซแนนซสามารถทําใหเกิดความรอนขึ้นในหมอแปลง เนื่องจากคาพีค
ของกระแสและฟลักซในแกนเหล็กมีคาสูง อุณหภูมิที่สูงภายในหมอแปลงอาจจะทําใหฉนวนมีความ
เปนฉนวนลดลงและทําใหเสียหายภายใตแรงเครียดทางไฟฟา
4
2.2 รายงานการพบเฟอรโรเรโซแนนซในหมอแปลงแรงดัน
บทความ [1] รายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหมอแปลงแรงดัน เมื่อทําการสับจายไฟดวยสวิตซ
ทีละเฟส ไดอะแกรมเสนเดียวของระบบแสดงดังรูปที่ 1 หมอแปลงแรงดันมีลักษณะการตอดานปฐม
ภูมิเปนแบบเดลตาเปด ทางดานทุติยภูมิตอแบบจุดรวมลงดิน
บทความนี้ไดแนะนําวิธีการแกปญหาเฟอรโรเรโซแนนซซึ่งทําไดโดยการใสตัวตานทานเขาไปที่
หมอแปลงแรงดันทางดานขดทุติยภูมิ คาของตัวตานทานไดจากการลองผิดลองถูกดูรูปที่ 2 ประกอบ
รูปที่ 1 [1]
รูปที่ 2 [1]
5
หมอแปลงแรงดันเกิดความเสียหายในบทความ[2] เมื่อทําการปลดไฟทีละเฟสการแกไข ทําไดโดย
ใสตัวตานทานเขาไปที่ขดทุติยภูมิดังรูปที่ 3 การจําลองโดยใชโปรแกรม EMTP และการวัดในงานจริง
ไดผลใกลเคียงกันคือการใสตัวตานทานเพิ่มเขาไปที่ขดทุติยภูมิสามารถกําจัดแรงดันเกินที่เกิดจากเฟอร
โรเรโซแนนซได
รูปที่ 3 [2]
รูปที่ 4 [3]
6
ผลการจําลอง [3] ไดจากการเปลี่ยนคาตัวแปรความตานทานและคาคาปาซิแตนซในระบบดูรูปที่ 5
จะเห็นวามีชวงของคาความตานทานที่เฟอรโรเรโซแนนซไมเกิดขึ้นคือ 0.4 Ω ถึง 0.58 Ω สอดคลองกับ
บทความ [4] ที่ใชการวิเคราะหไบฟูเคชั่นแสดงพฤติกรรมของระบบที่เปลี่ยนแปลงอยางมีความหมาย
(มีเสถียรภาพหรือไมมีเสถียรภาพ) ตอการเปลี่ยนคาตัวแปรในชวงกวาง ไบฟูเคชั่นไดอะแกรมจะแสดง
พฤติกรรมของระบบในภาพรวมไดดี ดูรูปที่ 6 ประกอบ
รูปที่ 5 [3]
รูปที่ 6 [4]
7
บทความ [5] รายงานการจําลองโดยใช Transient Network Analyzer วิเคราะหเฟอรโรเรโซแนนซ
ในระบบและเสนอวิธีการแกปญหา ไดอะแกรมเสนเดียวของระบบที่ไดรับการแกไขโดยการใสตัวตาน
ทานที่ขดทุติยภูมิของหมอแปลงแสดงดังรูปที่ 7
รูปที่ 7 [5]
8
รูปที่ 8 [6]
รูปที่ 9 [7]
9
คาความตานทานที่เหมาะสมไดจากทําการจําลองหลายครั้ง นอกจากนี้ไดพิจารณาหมอแปลงที่ติด
ตั้งในระบบซึ่งผลิตมาจากหลายบริษัท วาทําไมหมอแปลงของผูผลิตแหงหนึ่งจึงเสียหายมากกวาอีก
แหงหนึ่ง จากการจําลองพบวาสาเหตุมาจากคุณลักษณะของความอิ่มตัวของหมอแปลง จากรูปที่ 10
หมอแปลง #1 เสียหายเพราะวามีระดับความอิ่มตัวต่ําที่สุด
รูปที่ 10 [7]
รูปที่ 11 [8]
10
รูปที่ 12 [8]
11
2.3 ทฤษฎีพื้นฐาน
เนื่องจากเฟอรโรเรโซแนนซมีพฤติกรรมไมเปนเชิงเสนจึงทําใหเขาใจไดลําบาก ในแงของจุดทํา
งานที่มีเสถียรภาพหลายจุดทํางาน ทั้งนี้เนื่องจากเฟอรโรเรโซแนนซสามารถเปลี่ยนจุด ทํางานจาก
สภาวะทํางานปกติไปสูสภาวะทํางานผิดปกติ (แรงดันสูง) ไดจากการปฎิบัติงานปกติหรือ จากเหตุผิด
พรองในระบบ
บทความในยุคแรกๆ ไดอธิบายเฟอรโรเรโซแนนซโดยใชทฤษฏีเชิงเสน ซึ่งทําใหความเขาใจเกี่ยว
กับเฟอรโรเรโซแนนซงายขึ้น แตในระยะหลังบทความจํานวนมากไดใชทฤษฏีไมเชิงเสนมาชวยใน
การวิเคราะห ทั้งนี้เพราะทฤษฏีไมเชิงเสนสามารถหาคําตอบในชวงกวางๆได
เฟอรโรเรโซแนนซเปนการเรโซแนนซประเภทหนึ่งแตมีความซับซอนกวามาก ดังนั้นจึงควรมา
เริ่มตนทําความเขาใจวงจรเรโซแนนซเชิงเสนกอน ดูรูป 13a)วงจรอนุกรม RLC โดย Z C = jω1C ,
Z L = jωL และ Z R = R จากกฎของโอหม V = I * Z เมื่อคาความตานทานมีคานอยมากๆและ ZC = Z L
จะสงผลทําใหขนาดกระแสมีคาสูง สวนรูป 13b) วงจรขนาน RLC ถาพิจารณาในลักษณะเดียวกันจะ
ทําใหไดคาแรงดันที่มีขนาดสูง การจํากัดขนาดแรงดันและกระแสของวงจรเรโซแนนซเชิงเสนทําได
โดยการเพิ่มคาความตานทานใหแกวงจร จากลักษณะสมการเชิงเสนดังกลาวจะสังเกตไดวาสามารถ
ทํานายผลตอบสนองใดๆไดจากวงจร
เฟอรโรเรโซแนนซมีพฤติกรรมที่แตกตางออกไปโดยสามารถสรุปไดดังนี้ [10]
1. ผลตอบสนองในสภาวะคงตัวตอการเปลี่ยนพารามิเตอรของระบบจะทําใหมีจุดทํางานหลายจุด
ทํางานที่มีเสถียรภาพ
2. ผลตอบสนองของระบบขึ้นอยูกับคาเริ่มตน
12
3. ปรากฏการณเรโซแนนซที่เกิดขึ้นที่ความถี่หนึ่งสามารถเกิดขึ้นไดจากพารามิเตอรของระบบใน
ชวงกวาง
4. ความถี่ที่เรโซแนนซมีไดหลายความถี่สอดคลองกับจุดทํางานที่มีเสถียรภาพ
คุณสมบัติที่สําคัญ 2 ขอของแกนเหล็กหมอแปลงคือความอิ่มตัวและฮีสเตอรรีซีส พิจารณารูป 14
ความอิ่มตัวอธิบายไดเมื่อกระแสไหลในขดลวดที่พันรอบแกนเหล็กมีคาเพิ่มขึ้นเลยจุดอิ่มตัว คาอินดัก-
แตนซของขดลวดจะเปลี่ยนอยางรวดเร็ว
ฮีสเตอรรีซีสคือขนาดของกระแสที่ทําใหแกนเหล็กอิ่มตัวมีคาไมเทากับขนาดกระแสที่ทําใหแกน
เหล็กหลุดออกจากความอิ่มตัว ขอบของการทํางานเชิงเสนและการทํางานไมเชิงเสนไมขึ้นอยูกับคา
กระแสคาเดียวแตขึ้นอยูกับคากระแสกอนการเปลี่ยนแปลง
13
ทําใหเกิดเฟอรโรเรโซแนนซ ขนาดของกระแสจะเพิ่มขึ้นและยิ่งจะทําใหแกนเหล็กมีความอิ่มตัว
มากขึ้นสงผลทําใหเฟอรโรเรโซแนนซเปนจุดทํางานที่มีเสถียรภาพ ถากระแสสามารถลดลงต่ํากวา
จุดอิ่มตัวซึ่งทําใหแกนเหล็กออกจากสภาวะอิ่มตัวได และถาคาอินดักแตนซที่เปลี่ยนไปนี้ทําใหเกิด
เฟอรโรเรโซแนนซขึ้น ขนาดของกระแสจะเพิ่มขึ้นและทําใหแกนเหล็กอิ่มตัวไดอีกครั้งสงผลทําให
เปนจุดทํางานที่มีเสถียรภาพอีกจุดหนึ่ง การออกจากสภาวะอิ่มตัวหรือการเขาสูสภาวะอิ่มตัวทําใหเกิด
จุดที่มีคาอินดักแตนซที่แตกตางกันมากกวา 1 จุด จากการเปลี่ยนแปลงคาอินดักแตนซไดหลายคา ทํา
ใหมีจุดทํางานที่มีเสถียรภาพไดหลายจุด และจากคุณสมบัติฮีสเตอรรีซิสของหมอแปลงสามารถอธิบาย
ไดวาผลตอบสนองที่ไดขึ้นอยูกับคาสภาพเริ่มตนของการเปลี่ยนแปลงในระบบไฟฟากําลัง
14
บทที่ 3
การจําลองโดยใชโปรแกรม PSCAD/EMTDC
ในบทนี้จะกลาวถึงการจําลองขั้นตอนการทํางานเพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้นและจําลองขั้นตอนการทํา
งานที่เสนอเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยใชโปรแกรม PSCAD/EMTDC โดยแบงเปน 2 สวนคือ การ
จําลองขั้นตอนการทํางานที่เกิดปญหา และการจําลองขั้นตอนการทํางานที่เสนอเพื่อแกไขปญหา
3.1 การจําลองขั้นตอนการทํางานที่เกิดปญหา
3.1.1 การสับโดยใชสวิตซทีละเฟสแบบ A-B-C
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ A-B-C วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 15
รูปที่ 15
15
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 1 ลําดับการสับคือ A-B-C (3.1.1)
ตารางที่ 1
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 1.0 2.725194185 4.743376536
2 10 1.0 2.725194185 4.743376536
3 20 1.0 2.725194185 4.743376536
4 30 1.0 2.725194185 4.743376536
5 40 1.0 2.725194185 4.743376536
6 50 1.0 2.725194185 4.743376536
7 60 1.0 2.725194185 4.743376536
8 70 1.0 2.725194185 4.743376536
9 80 1.0 2.725194185 4.743376536
10 90 1.0 2.725194185 4.743376536
11 100 1.0 2.725194185 4.743376536
12 110 1.0 2.725194185 4.743376536
13 120 1.0 2.725194185 4.743376536
14 130 1.0 2.725194185 4.743376536
15 140 1.0 2.725194185 4.743376536
16 150 1.0 2.725194185 4.743376536
17 160 1.0 2.725194185 4.743376536
18 170 1.0 2.725194185 4.743376536
19 180 1.0 2.725194185 4.743376536
16
3.1.2 การสับโดยใชสวิตซทีละเฟสแบบ A-C-B
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ A-C-B วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 16
รูปที่ 16
17
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 2 ลําดับการสับคือ A-C-B (3.1.2)
ตารางที่ 2
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 1.0 2.725194185 4.743376536
2 10 1.0 2.725194185 4.743376536
3 20 1.0 2.725194185 4.743376536
4 30 1.0 2.725194185 4.743376536
5 40 1.0 2.725194185 4.743376536
6 50 1.0 2.725194185 4.743376536
7 60 1.0 2.725194185 4.743376536
8 70 1.0 2.725194185 4.743376536
9 80 1.0 2.725194185 4.743376536
10 90 1.0 2.725194185 4.743376536
11 100 1.0 2.725194185 4.743376536
12 110 1.0 2.725194185 4.743376536
13 120 1.0 2.725194185 4.743376536
14 130 1.0 2.725194185 4.743376536
15 140 1.0 2.725194185 4.743376536
16 150 1.0 2.725194185 4.743376536
17 160 1.0 2.725194185 4.743376536
18 170 1.0 2.725194185 4.743376536
19 180 1.0 2.725194185 4.743376536
18
3.1.3 การสับโดยใชสวิตซทีละเฟสแบบ C-A-B
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ C-A-B วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 17
รูปที่ 17
19
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 3 ลําดับการสับคือ C-A-B (3.1.3)
ตารางที่ 3
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 4.628534 2.90404 1.0
2 10 4.628534 2.90404 1.0
3 20 4.628534 2.90404 1.0
4 30 4.628534 2.90404 1.0
5 40 4.628534 2.90404 1.0
6 50 4.628534 2.90404 1.0
7 60 4.628534 2.90404 1.0
8 70 4.628534 2.90404 1.0
9 80 4.628534 2.90404 1.0
10 90 4.628534 2.90404 1.0
11 100 4.628534 2.90404 1.0
12 110 4.628534 2.90404 1.0
13 120 4.628534 2.90404 1.0
14 130 4.628534 2.90404 1.0
15 140 4.628534 2.90404 1.0
16 150 4.628534 2.90404 1.0
17 160 4.628534 2.90404 1.0
18 170 4.628534 2.90404 1.0
19 180 4.628534 2.90404 1.0
20
3.1.4 การสับโดยใชสวิตซทีละเฟสแบบ B-A-C
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ B-A-C วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 18
รูปที่ 18
21
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 4 ลําดับการสับคือ B-A-C (3.1.4)
ตารางที่ 4
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 2.121548 1.0 2.264858
2 10 2.121548 1.0 2.264858
3 20 2.121548 1.0 2.264858
4 30 2.121548 1.0 2.264858
5 40 2.121548 1.0 2.264858
6 50 2.121548 1.0 2.264858
7 60 2.121548 1.0 2.264858
8 70 2.121548 1.0 2.264858
9 80 2.121548 1.0 2.264858
10 90 2.121548 1.0 2.264858
11 100 2.121548 1.0 2.264858
12 110 2.121548 1.0 2.264858
13 120 2.121548 1.0 2.264858
14 130 2.121548 1.0 2.264858
15 140 2.121548 1.0 2.264858
16 150 2.121548 1.0 2.264858
17 160 2.121548 1.0 2.264858
18 170 2.121548 1.0 2.264858
19 180 2.121548 1.0 2.264858
22
3.1.5 การสับโดยใชสวิตซทีละเฟสแบบ B-C-A
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ B-C-A วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 19
รูปที่ 19
23
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 5 ลําดับการสับคือ B-C-A (3.1.5)
ตารางที่ 5
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 2.254502 1.0 2.264858
2 10 2.210302 1.0 2.264858
3 20 2.148126 1.0 2.264858
4 30 2.121548 1.0 2.264858
5 40 2.121548 1.0 2.264858
6 50 2.121548 1.0 2.264858
7 60 2.121548 1.0 2.264858
8 70 2.121548 1.0 2.264858
9 80 2.121548 1.0 2.264858
10 90 2.121548 1.0 2.264858
11 100 2.121548 1.0 2.264858
12 110 2.121548 1.0 2.264858
13 120 2.121548 1.0 2.264858
14 130 2.121548 1.0 2.264858
15 140 2.121548 1.0 2.264858
16 150 2.121548 1.0 2.264858
17 160 2.121548 1.0 2.264858
18 170 2.163701 1.0 2.264858
19 180 2.221775 1.0 2.264858
24
3.1.6 การสับโดยติดตั้งหมอแปลงแรงดันอยูเพียงตัวเดียวตอแบบ เฟส-เฟส (ตัดขดลวดชุดที่2 ออก)
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยมีการสับ A-B-C วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 20
รูปที่ 20
25
มุมสับที่ทําใหเกิดแรงดันเกินแสดงดังตารางที่ 6 ลําดับการสับคือ A-B-C (3.1.6)
ตารางที่ 6
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 1.0 2.010653 1.0
2 10 1.0 2.010653 1.0
3 20 1.0 2.010653 1.0
4 30 1.0 2.010653 1.0
5 40 1.0 2.010653 1.0
6 50 1.0 2.010653 1.0
7 60 1.0 2.010653 1.0
8 70 1.0 2.010653 1.0
9 80 1.0 2.010653 1.0
10 90 1.0 2.010653 1.0
11 100 1.0 2.010653 1.0
12 110 1.0 2.010653 1.0
13 120 1.0 2.010653 1.0
14 130 1.0 2.010653 1.0
15 140 1.0 2.010653 1.0
16 150 1.0 2.010653 1.0
17 160 1.0 2.010653 1.0
18 170 1.0 2.010653 1.0
19 180 1.0 2.010653 1.0
26
3.1.7 การสับโดยใชสวิตซสามเฟสพรอมกัน
การปฎิบัติงานเปนแบบตอหมอแปลงแรงดันแบบมีไฟ (hot line) เขากับระบบของการไฟฟาสวน
ภูมิภาคโดยใชสวิตซสามเฟสพรอมกัน วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 21 ทุกมุมสับ
ไมทําใหเกิดแรงดันเกินขึ้น
รูปที่ 21
27
3.2 การจําลองขั้นตอนการทํางานที่เสนอเพื่อแกไขปญหา
3.2.1 การตอหมอแปลงแรงดันแบบวายลงดิน
จากการจําลองแสดงใหเห็นวาการตอหมอแปลงแรงดันแบบวายลงดิน สามารถขจัดปญหาแรงดัน
เกินที่เกิดขึ้นได วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 22
รูปที่ 22
28
จากตารางที่ 7 จะสังเกตไดวาที่ทุกมุมสับไมพบแรงดันเกินเกิดขึ้น ลําดับการสับคือ A-B-C
ตารางที่ 7
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 1.0 1.0 1.0
2 10 1.0 1.0 1.0
3 20 1.0 1.0 1.0
4 30 1.0 1.0 1.0
5 40 1.0 1.0 1.0
6 50 1.0 1.0 1.0
7 60 1.0 1.0 1.0
8 70 1.0 1.0 1.0
9 80 1.0 1.0 1.0
10 90 1.0 1.0 1.0
11 100 1.0 1.0 1.0
12 110 1.0 1.0 1.0
13 120 1.0 1.0 1.0
14 130 1.0 1.0 1.0
15 140 1.0 1.0 1.0
16 150 1.0 1.0 1.0
17 160 1.0 1.0 1.0
18 170 1.0 1.0 1.0
19 180 1.0 1.0 1.0
29
3.2.2 การตอตัวตานทานที่ขดทุติยภูมิของหมอแปลงแรงดัน
จากการจําลองแสดงใหเห็นวาการตอตัวตานทานที่ขดทุติยภูมิของหมอแปลงแรงดัน สามารถขจัด
ปญหาแรงดันเกินที่เกิดขึ้นได วงจรการจําลองและผลการจําลองแสดงดังรูปที่ 23
รูปที่ 23
30
จากตารางที่ 8 จะสังเกตไดวาที่ทุกมุมสับไมพบแรงดันเกินเกิดขึ้น ลําดับการสับคือ A-B-C
ตารางที่ 8
ครั้งที่ มุมสับ เฟส A (คาพีค) เฟส B (คาพีค) เฟส C (คาพีค)
1 0 1.0 1.0 1.010622246
2 10 1.0 1.0 1.010108941
3 20 1.0 1.0 1.009360443
4 30 1.0 1.0 1.008382501
5 40 1.0 1.0 1.007601891
6 50 1.0 1.0 1.007602025
7 60 1.0 1.0 1.007601975
8 70 1.0 1.0 1.007601772
9 80 1.0 1.0 1.007601425
10 90 1.0 1.0 1.007601024
11 100 1.0 1.0 1.007600545
12 110 1.0 1.0 1.007599977
13 120 1.0 1.0 1.007599360
14 130 1.0 1.0 1.007598697
15 140 1.0 1.0 1.007598154
16 150 1.0 1.0 1.007597939
17 160 1.0 1.0 1.007597751
18 170 1.0 1.0 1.007597570
19 180 1.0 1.0 1.007597408
31
บทที่ 4
การวิเคราะหผลที่ไดจากการจําลอง
ในบทนี้จะกลาวถึงการวิเคราะหผลที่ไดจากการจําลอง จากขั้นตอนการปฏิบัติงานสามารถวาดวงจร
ที่เสี่ยงตอเฟอรโรเรโซแนนซไดดังรูปที่ 18 และจากการจําลองแสดงใหเห็นผลกระทบแรงดันเกินที่เกิด
ขึ้นสอดคลองกับปจจัยที่ทําใหเกิดเฟอรโรเรโซแนนซ
รูปที่ 18 [10]
32
บทที่ 5
สรุปผลและขอเสนอแนะ
จากการวิเคราะหโดยใชปจจัยเสี่ยงในการเกิดเฟอรโรเรโซแนนซและการจําลองโดยใชโปรแกรม
PSCAD/EMTDC ใหผลลัพธสอดคลองกันซึ่งสามารถสรุปเปนขอๆไดดังนี้
1. การปฏิบัติงานสับหมอแปลงแรงดัน (หมอแปลงแรงดันเปนรุนที่มีขดลวดสองชุด ติดตั้งอยูใน
ถังเดียว ลักษณะการตอดานปฐมภูมิเปน แบบเดลตาเปด (open-delta) ทางดานทุติยภูมิตอแบบวาย
จุดรวมลงดิน (center tap)) แบบ hot line โดยใชสวิตซทีละเฟสมีความเสี่ยงอยางมากตอการเกิด
เฟอรโรเรโซแนนซ
2. จากผลการจําลองคาพีคของแรงดันเกินที่เกิดขึ้นมีคาสูงถึง 4.7 p.u. ซึ่งทําใหเกิดความเครียด
ทางไฟฟาแกหมอแปลงแรงดัน
3. จากผลการจําลองพบวาเฟสแรกที่สับมีผลตอขนาดแรงดันเกินที่เกิดขึ้นดังนี้
การสับแบบ A-B-C พบคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 4.74 p.u.ที่เฟส C (3.1.1)
การสับแบบ A-C-B พบคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 4.74 p.u.ที่เฟส C (3.1.2)
การสับแบบ C-A-B พบคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 4.62 p.u.ที่เฟส A (3.1.3)
การสับแบบ B-A-C พบคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 2.26 p.u.ที่เฟส C (3.1.4)
การสับแบบ B-C-A พบคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 2.26 p.u.ที่เฟส C (3.1.5)
4. จากผลการจําลองพบวาการตอหมอแปลงแรงดันแบบเฟส-เฟสโดยตอเฉพาะขดเดียวสามารถ
ทําใหเกิดคาพีคแรงดันเกินสูงสุดเทากับ 2.01 p.u. (3.1.6)
5. การเกิดเฟอรโรเรโซแนนซในระหวางการสับมีดังนี้ แรงดันเกินจะเกิดกับเฟสที่ไมไดสับ
อยางตอเนื่องจนกระทั่งเฟสสุดทายถูกสับ
ขอเสนอแนะ
การแกไขที่เสนอเพื่อลดปญหาดังกลาวสามารถทําไดหลายวิธี สอดคลองกับบทความ [1] – [10]
โดยแบงออกเปนขอๆดังนี้
1. การตอหมอแปลงแรงดันแบบวายจุดรวมลงดินทั้งดานปฐมภูมิและดานทุติยภูมิ
2. การตอตัวตานทานที่ขดทุติยภูมิของหมอแปลงแรงดัน
33
เอกสารอางอิง
[1] Robert Hoerauf and Neil Nichols, “Avoiding Potential Transformer Ferroresonant Problems in Industrial Power
Systems,” , [Online]. Available: http://ieeexplore.ieee.org/Xplore/DynWel.jsp
[2] William S. Vilcheck and Michael V. Haddad, “Voltage Transformer Ferroresonance in Cogeneration
Substation”, [Online]. Available: http://ieeexplore.ieee.org/Xplore/DynWel.jsp
[3] D. Shein and S. Zissu, “Domains of Ferroresonance Occurrence in Voltage Transformers with or without
Damping Reactor”, [Online]. Available: http://ieeexplore.ieee.org/Xplore/DynWel.jsp
[4] A. Ben-Tal and D. Shein, “Domains of Ferroresonance Occurrence by Bifurcation Diagrams”, [Online].
Available: http://ieeexplore.ieee.org/Xplore/DynWel.jsp
[5] D. Ray Crane and George W. Walsh, “Large Mill Power Outages Caused by Potential Transformer
Ferroresonance”, IEEE Trans. Industry Application, vol.24, pp. 635–639, July/August 1988.
[6] D. A. Tziouvaras et-al, “Mathematical Models for Current, Voltage, and Coupling Capacitor Voltage
Transformers”, IEEE Trans. On Power Delivery, Vol. 15, No.1, January 2000, pp. 62-72
[7] M. R. Iravani et-al, “Modeling and Analysis Guidelines for Slow Transients Part III : The Study of
Ferroresonance”, IEEE Trans. On Power Delivery, Vol. 15, No.1, January 2000, pp. 255-265
[8] Eung-Bo Shim, Jung-Wook Woo and Sang-Ok Han, “Digital Time Domain Simulation of Ferroresonance of
potential Transformer in the 154 kV GAS Insulated Substation”, KIEE International Transactions on PE. 11A-4, 9-
14 (2001), pp. 9-14
[9] David A. N. Jacobson, “Examples of Ferroresonance in a High Voltage Power System”, [Online]. Available:
http://ieeexplore.ieee.org/Xplore/DynWel.jsp
[10] Ferracci, P., “Ferroresonance”, Groupe Schneider: Cahier technique n190 ,pp. 1-28, March 1998.
34