Professional Documents
Culture Documents
2083
2083
คุณลักษณะทั่วไป (General Characteristics) คุณสมบัติทางกายภาพ (Physical Properties)
สวนผสมทาง C Cr คุณสมบัติ อุณหภูมิทดสอบ
เคมี (%wt.) 0.40 13.0 20°C 350°C 700°C
การนําความรอน/Thermal
AISI 420 Conductivity (J/cm⋅s⋅ °C) 0.200 0.230 0.262
JIS SUS 420 J2 สัมประสิทธิ์การขยายตัวทาง 100°C 200°C
DIN 1.2083 / X42Cr13 ความรอนระหวาง 20°C ถึง 10.5 11.0
สภาพจําหนาย อบออน ความแข็งไมเกิน 241 HB Coefficient of thermal
300°C 400°C
สภาพหลังชุบ ชุบแข็งและอบคืนตัว 52-55 HRC expansion between 20°C
(10-6/°C) 11.0 11.5
2083 จัดเปนทั้งเหล็กกลา เครื่องมือกลุมงานแมพิมพ 20°C 100°C 200°C
พลาสติก และเหล็กกลาไรสนิมกลุมมารเทนซิติก (AISI 420) จึง โมดูลัสของการยืดหยุน
220 218 212
Modulus of elasticity
สามารถตานทานตอการกัดกรอนไดดี และสามารถทําการชุบแข็งเพื่อ 300°C 400°C
(103 N/mm2)
เพิ่มความแข็งและความแข็งแรงไดจึงทนตอการสึกหรอไดดี สามารถ 205 197
ความจุความรอนจําเพาะที่ 20°C 0.46
ชุบแข็งใหมีความแข็งสูงไดถึง 56 HRC จึงมีความสามารถในการขัด
Specific heat at 20°C (J/g⋅°C)
เงาดีมาก สามารถกัดทําลวดลายไดดี (texturing) เหมาะสําหรับงาน ความตานทานไฟฟา 0.55
แมพิมพพลาสติกที่มีสภาวะการกัดกรอนเกิดขึ้น เชน อะมิโน Electrical resistance (Ω⋅mm2/m)
พลาสติก และเทอรโมพลาสติกประเภทที่มีการแตกตัวของกรดอะซิ ความหนาแนน / Density (g/cm3) 7.85
ติกอยางรุนแรง รวมทั้งพลาสติกประเภท PVC สภาพทางแมเหล็ก / Magnetizability ซึมซับ
คุณลักษณะเดน (Significant Characteristics) การใชงาน (Applications)
• ตานทานตอการกัดกรอนดี 2083 จัดเปนเหล็กกลาไรสนิมและเหล็กกลาเครื่องมือสําหรับ
• มีความแข็งสม่ําเสมอดีมาก หลังการชุบแข็ง งานแมพิมพพลาสติก ที่สามารถนําไปใชงานไดอยางกวางขวาง
• มีความเหนียวแกรงสูง เนื่องจากทนตอการกัดกรอนไดดี ไมเปนสนิมเมื่อตองเก็บรักษา
• ขัดเงาไดดีเยี่ยม แมพิมพในสภาพชื้นหรือมีน้ําหลอเย็นในระหวางทํางาน สามารถใช
• ตานทานตอการเสียดสีไดดี ในงานพลาสติกไดเกือบทุกประเภทโดยเฉพาะ พลาสติกที่มีสภาวะ
• แปรรูปไดงาย การกัดกรอนคอนขางรุนแรง เชน กลุมอะมิโนพลาสติก และเทอร
• สามารถกัดทําลวดลายได โมพลาสติกที่มีการแตกตัวใหกรดอะซิติก รวมทั้งพลาสติกพีวีซี
• สามารถเชื่อมได เปนตน นอกจากนี้ยังทนทานตอการเสียดสีและสึกหรอไดดีมาก
จึงสามารถใชทําแมพิมพสําหรับขึ้นรูปพลาสติกกลุมเทอรโมเซ็ตติ้ง
คุณสมบัติทางกล (Mechanical Properties) ไดดีอีกดวย และจากการมีคุณสมบัติทางดานการขัดเงาไดดีมาก
ความแข็ง 0.2% Y.S. U.T.S. Elongation จึงสามารถใชทําแมพิมพสําหรับขึ้นรูปเลนซแวนตา เลนซกลอง
(HRC) (N/mm2) (N/mm2) (% min.) หลอดทดลอง หลอดฉีดยา และยังสามารถใชในงานตัดเฉือนได
45 1,300 1,450 12
50 1,480 1,800 10 เกือบทุกชนิด เชน กรรไกร และมีดตัด มีดทําครัว มีดพก มีดหั่น
55 1,600 2,080 8
เนื้อ และ สปริง วาลวซีล ชิ้นสวนเครื่องจักรในงานเหมืองแร ไม
บรรทัดและ อุปกรณวัดเลื่อน (slide calipers) เปนตน
1
2083
กระบวนการนํากลับมาหลอมใหมในแสลก
Electro Slag Remelting Process (ESR)
กระบวนการนํากลับมาหลอมใหมในแสลก เปนกระบวนการ
ปรับปรุงคุณภาพเหล็กกลา ที่มีประสิทธิภาพวิธีการหนึ่งเพื่อใหเหล็ก
ที่ไดมีความบริสุทธิ์สูงขึ้น มีความเชื่อมั่นและแนนอน
(reliability)มากขึ้น มีความทนทานสูงขึ้น(durability) จึงใหอายุการ
ใชงานที่ยาวนานมากขึ้นและเชื่อถือไดแนนอนกวาเหล็กกลาที่ไดผาน
วิธีการผลิตตามวิธีปกติ (ซึ่งมักผานการผลิตดวยเตาไฟฟา)
กระบวนการนํากลับมาหลอมใหมในแสลก (ESR) จะทําโดยการ
นําเอา 2083 EFS ที่ไดผานกระบวนการผลิตในขั้นตนมาทําใหอยู
ในรูปของแทงอิเล็กโตรดขนาดใหญ เพื่อทําการนํามาหลอมใหมโดย
การผานกระแสไฟฟาสลับระหวางที่ขั้วของแทงอิเล็กโตรดกับ
แมพิมพอินก็อตที่ทํามาจากทองแดงที่มีน้ําหลอเย็นไหลผาน ซึ่งที่
บริเวณสวนปลายของแทงอิเล็กโตรดนี้ขณะที่เคลื่อนที่สัมผัสกับชั้น
ของแสลกที่อยูในแมพิมพ ก็จะถูกหลอมเหลวเปนหยดน้ําเหล็ก แลว
ไหลผานชั้นของแสลกที่ไดเตรียมไวเปนพิเศษนี้ซึ่งจะทําหนาที่เปนตัว
ตานทานไฟฟา โดยขณะที่มีกระแสไฟฟาไหลผานที่ขั้วทั้งสองจะทําให
เกิดความรอนขึ้นที่ชั้นของแสลกสูงถึงประมาณ 2000°C ดังรูปที่ 1
เปนผลใหอิเล็กโตรดเกิดการหลอมเหลวในบริเวณสวนปลายที่สัมผัส รูปที่ 1 กระบวนการนํากลับมาหลอมใหมในแสลก (ESR)
กับชั้นของแสลก ซึ่งอิเล็กโตรดจะถูกทําใหเคลื่อนที่ผานชั้นของแสลก
ดังนั้น 2083 ESR ซึ่งไดผานกระบวนการนํากลับมาหลอมใหม
โดยอาศัยการควบคุมของมอเตอร หยดน้ําเหล็กหลอมเหลวที่ไหล
ในแสลก (Electro Slag Remelting process) จึงมีโครงสรางที่
ผานชั้นของแสลกจะถูกดูดซับสารมลทินประเภทออกไซดออกไป
เล็กละเอียด มีความบริสุทธิ์สูง มีความแข็งแรงในแนวภาคตัดขวาง
(oxide non-metallic inclusion) และกํามะถัน (Sulphur) ที่เจือ
(traverse strength) เพิ่มมากขึ้น มีความเหนียวแกรง
ปนอยูในน้ําเหล็กก็จะถูกกําจัดออกไปโดยการเกิดปฏิกิริยากับ
(toughness) และความเหนียวยืด (ductility) สูงขึ้น สามารถ
ออกซิเจนในอากาศ หยดอนุภาคน้ําเหล็กหลอมเหลวนี้เมื่อไหลผาน
ตานทานตอการแตกราวเนื่องจากความรอนที่อุณหภูมิสูงจัดไดดี
ชั้นของแสลกแลวจะไหลไปรวมตัวกันเปนอินก็อตที่ดานลางของ
(heat checking) สามารถขัดเงาไดดีเยี่ยม และกัดทําลวดลายได
แมพิมพ เปนผลใหเกิดการเย็นตัวอยางมีทิศทางจากการถายเทความ
งาย (texture) ชวยลดปญหาจากการทํา EDM นอกจากนี้ยังชวย
รอนที่เกิดขึ้น ในทิศทางตามแนวยาวของอินก็อต และดวยวิธีการนี้
เพิ่มความสามารถในการเชื่อมประสาน (weldability) ใหดีขึ้น
จึงสามารถลดปริมาณกํามะถันลงใหอยูในระดับต่ําไดถึง 0.001%
2083 ESR จึงเหมาะกับงานแมพิมพที่มีรูปรางซับซอน งาน
และปริมาณออกไซดก็จะลดลงไปประมาณ 2 - 2.5 เทา และมีขนาด
แมพิมพที่ตองทนตออุณหภูมิสูง งานแมพิมพที่ตองการผิวเรียบมัน
เล็กลงจากเดิมอยางมาก
เงาเปนพิเศษ งานแมพิมพพลาสติกที่ตองการความตานทานตอการ
กัดกรอนสูงขึ้น งานที่ตองการอายุการใชงานที่ยาวนานขึ้นและมีความ
แนนอนสูง เปนตน
2
2083
ตารางที่ 1 ตัวอยางการใชงานของ 2083 µ ขั้นตอนการชุบแข็ง (Hardening Processes)
การใชงาน ความแข็ง (HRC)
การอบออน (Annealing)
แมพิมพพลาสติก 2083 จําหนายในสภาพผานการอบออนมาแลว ดังนั้นจึงไม
- แมพิมพอัด 50-56
จําเปนตองทําการอบออนซ้ําอีก ยกเวนเมื่อตองการแกไขขนาด
- แมพิมพฉีด 50-56
แมพิมพภายหลังการชุบแข็ง จะสามารถทําไดโดยการอบชิ้นงานจนมี
งานตัด
อุณหภูมิ 760-800°C ควรทําในบรรยากาศที่เปนกาซเฉื่อยหรือ
- ใบมีด 48-56
- กรรไกร 46-56
สูญญากาศเพื่อปองกันการสูญเสียคารบอนที่ผิว จากนั้นทําใหเย็นตัว
งานดานอื่น ลงมาดวยอัตราเร็วไมเกิน 17-22°C/ชม. จนถึงอุณหภูมิ 595°C
- แมพิมพแกว 44-50 ภายหลังจากนี้อัตราเร็วการเย็นตัวจะไมมีผลตอคาความแข็งสุดทาย
- หัวฉีดไดแคสติ้งสังกะสี 38-48 อบคลายความเคน (Stress relief annealing)
- อุปกรณวัดเลื่อน 50-56 การบิดงอที่เกิดขึ้นในระหวางการอบชุบความรอนอาจมีสาเหตุ
จากความเคนตกคางจากการแปรรูป ดวยเหตุนี้เหล็กที่ผานขั้นตอน
กระบวนการอบชุบความรอน (Heat Treatments)
การกลึงหยาบ จึงจําเปนตองอบคลายความเคนที่อุณหภูมิ 600-
กระบวนการอบชุบทางความรอนจะมีความสําคัญมากตอ
650°C เปนเวลาอยางนอย 2 ชั่วโมง และเพิ่มขึ้นอีก 1 ชั่วโมงเมื่อ
ประสิทธิภาพและอายุการใชงานของแมพิมพ ซึ่งการอบชุบทางความ
ความหนาของเหล็กเพิ่มขึ้น 50 มม. ปลอยใหเย็นตัวภายในเตาแลว
รอนอยางถูกตองและระมัดระวังจะชวยเพิ่มประสิทธิภาพและความ
จึงนําไปตกแตงผิวขั้นสุดทาย
ทนทานใหกับแมพิมพ ตลอดจนเพิ่มอายุการใชงานของเหล็กกลา
เครื่องมือใหยาวนานขึ้น จึงชวยลดตนทุนการผลิตใหต่ําลงอยางมาก การเผาอุนชิ้นงาน (Preheating)
ในการชุบแข็ง 2083 และเหล็กกลาเครื่องมือเกรดอื่น
ตารางที่ 2 กระบวนการอบชุบทางความรอน
จําเปนตองเพิ่มความรอนขึ้นชา ๆ เพื่อชวยลดระดับความเคนจาก
อุณหภูมิ (°C) การเย็นตัว ความแข็ง
การอบออน 760 – 800
ความรอนซึ่งเปนสาเหตุของการบิดงอและการแตกราว และควรทํา
ในเตา ≤ 230 HB
การเผาอุนชิ้นงานโดยใหความรอนเปนขั้นดังในรูปที่ 2 โดยในการ
การอบคลาย อุณหภูมิ (°C) การเย็นตัว
เผาอุนชิ้นงานจะกระทําโดยใหความรอนอยางชา ๆ ไปที่อุณหภูมิ
ความเคน 600-650 ในเตา 650°C ระยะเวลาคงไว 30 วินาทีตอความหนา 1 มม. และเพิ่ม
ขั้นที่ อุณหภูมิ (°C) เวลา/ความหนา อุณหภูมิเปน 850°C ระยะเวลาคงไว 1 นาทีตอความหนา 1 มม.
การเผาอุน 1 400 30 วินาที/มม.
กรณีของการชุบแข็งดวยเตาเกลือ (Salt Bath) ควรเริ่มเผาอุน
ชิ้นงาน 2 650 30 วินาที/มม.
ชิ้นงานที่อุณหภูมิ 400°C ในเตาอากาศหมุนเวียน ระยะเวลาคงไว
3 850 60 วินาที/มม.
30 วินาทีตอความหนา 1 มม. จากนั้นนําไปชุบในอางเกลือ โดยเผา
อุณหภูมิ (°C) สารชุบ ความแข็ง
การชุบแข็ง อุนที่อุณหภูมิ 650°C ระยะเวลาคงไว 30 วินาทีตอความหนา 1
1000 – 1050
น้ํามัน/อางรอน 56 HRC
500-550°C มม. และเพิ่มอุณหภูมิไปที่ 850°C ระยะเวลาคงไว 1 นาทีตอความ
การอบคืนตัว หนา 1 มม. จากนั้นทําการเพิ่มอุณหภูมิตอไปจนถึงอุณหภูมิของการ
(°C) 100 200 300 400 500 550 600 ชุบแข็ง
HRC 56 55 52 51 52 49 40
3
2083
4
2083
ใหเย็นตัวลงในอากาศ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงตอการบิดงอหรือการ
แตกราวของชิ้นงาน อัตราการเย็นตัววิกฤติสําหรับ 2083 จะ
สามารถดูไดจากแผนภูมิการเย็นตัวลงอยางตอเนื่องในรูปที่ 4
5
2083
นอกจากนี้ในการออกแบบแมพิมพยังตองคํานึงถึงกระบวนการ ขั้นตอนการตัดกลึงถือเปนขั้นตอนสําคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่งของ
อบชุบทางความรอนอีกดวย การเปลี่ยนแปลงโครงสรางทางจุลภาค การขึ้นรูปแมพิมพ เนื่องจากการตัดกลึงที่ไมถูกตองจะทําใหเกิด
และความแตกตางทางอุณหภูมิระหวางผิวหนากับภายในชิ้นงานจะ ความเครียดสะสมในแมพิมพเปนปริมาณมาก ซึ่งนําไปสูความ
เกิดขึ้นในระหวางการอบชุบทางความรอนอยางหลีกเลี่ยงไมได ซึ่ง เสียหายในระยะเวลาอันสั้น สําหรับการตัดกลึง 2083 มีขอแนะนํา
เปนผลใหชิ้นงานมีความเคนเกิดขึ้น ปริมาณความเคนนี้จะขึ้นอยูกับ ดังนี้
ขนาดและรูปรางของแมพิมพ ในการออกแบบควรทําใหแมพิมพมี ตารางที่ 5 แนะนําการตัดกลึง 2083
รูปรางที่สมมาตรที่สุดเทาที่จะเปนไปได และถาหากไมสามารถ High-speed tools Carbide tools
หลีกเลี่ยงความแตกตางทางอุณหภูมิที่เกิดขึ้นเปนปริมาณมากได Machining Cutting S. Feed Cutting S. Feed
จะตองพิจารณาวาจะสามารถแบงแมพิมพออกเปนสวนยอยได m/min mm/rev m/min mm/rev
Turning 15-25 0.10-0.30 60-130 0.3-1.0
หรือไม ซึ่งวิธีการนี้จะเปนประโยชนเมื่อเกิดความเสียหายกับ
Boring 10-16 0.04-0.14
แมพิมพสวนหนึ่งสวนใด จะสามารถทําการสับเปลี่ยนทดแทนได Thread-cutting 3-5
อยางรวดเร็ว สําหรับสวนที่เปนผนังบางในแมพิมพ เมื่อทําการอบชุบ Reaming 4-6 0.05-0.40
จะเปนสวนที่เย็นตัวลงอยางรวดเร็วมากกวาบริเวณอื่น เฟสของ Milling
mm/min mm/min
(Shank-type cutter)
ออสเตนไนตจะเปลี่ยนเปนมารเทนไซตไดอยางรวดเร็ว และเกิด depth of cut 8 mm 10-18 20-40 30-60 50-80
ความเคนขึ้นอยางรุนแรง ในกรณีเชนนี้ควรทําการแบงแมพิมพ depth of cut 1 mm 15-25 35-60 50-90 90-150
ออกเปนหลายสวน Milling
(blade cutters)
การขึ้นรูปรอน (Hot Working) depth of cut 8 mm 60-100 60-100
depth of cut 1 mm 90-140 180-250
ตารางที่ 4 แนะนําการขึ้นรูปรอน 2083
อุณหภูมิ (°C) เย็นตัว boring 1.3343 turning P10-P30
HSS Carbide
การขึ้นรูปรอน milling 1.3243 milling P25-P40
1050 – 800 ชา (ในเตา) tools tools
turning 1.3207
อุณหภูมิ (°C) เย็นตัว
การทุบขึ้นรูป การกัดขึ้นรูป (Milling)
1065 – 1025 ชา (ในเตา)
สําหรับการกัดขึ้นรูปที่ใชซีเมนตคารไบดเปนมีดกัด ควรทําใน
สําหรับการทุบขึ้นรูป (Forging) 2083 ควรกระทําในชวง สภาพแหง (ไมตองใชสารหลอเย็น) ถาหากมีดกัดมีการสึกหรออยาง
อุณหภูมิ 1065-1025°C และไมควรทุบเมื่ออุณหภูมิต่ํากวา รวดเร็ว ควรตรวจสอบหาสาเหตุของการสึกหรอ และทําการปรับตั้ง
900°C จากนั้นปลอยใหเย็นตัวลงอยางชา ๆ
คาความเร็วรอบและอัตราการปอนชิ้นงานใหมใหมีความเหมาะสม
การกลึงแปรรูป (Machining) กับงานมากขึ้น ขอแนะนําสําหรับการกัดขึ้นรูปมีดังนี้
แมพิมพพลาสติกสามารถที่จะทําการขึ้นรูปดวยวิธีการ ตัดกลึง • ใช stable machine และ clamping condition
หรือไมก็ได ในระหวางการตัดกลึงจะเกิดแรงดึงขึ้นที่ผิวหนาของ • การใชมีดกัดที่ปลายเปนคารไบดไมควรใชสารหลอเย็น
แมพิมพ ขนาดของแรงดึงจะขึ้นอยูกับระดับความลึกของการตัดกลึง • ในการกลึงหยาบควรทํามุม 0°C และตั้งมีดเปนมุมลบ
ในกรณีที่มีการตัดกลึงเปนปริมาณมาก ควรทําการอบคลายความ • ตั้งคาความเร็วรอบในการตัดที่คาสูงสุดในชวงที่กําหนด
เคนกอนทําการชุบแข็งเพื่อที่จะลดความเสี่ยงตอการบิดเบี้ยวหรือการ • ถาใชมีดกัดเปนเหล็กกลาเครื่องมือความเร็วสูงควรใชสารชวย
แตกราวระหวางทําการกลึงละเอียด นอกจากนี้จะตองระวังไมใหเกิด ระบายความรอนโดยผสมในอัตราสวนสูงสุดของคูมือที่บริษัท
การเปลี่ยนแปลงโครงสรางของเหล็กจากการไดรับอิทธิพลทางความ จําหนายกําหนดให
รอน
6
2083
การกัดสปารค (Electrical Discharge Machining) การขัดเงา (Polishing)
การกัดขึ้นรูปแมพิมพดวย EDM จะมีประโยชนอยางมากสําหรับ เปนขั้นตอนงานกลึงขั้นสุดทายในการผลิตแมพิมพ คุณภาพของ
การตัดกลึงแมพิมพที่ไดผานการชุบแข็งมาแลว ในกระบวนการนี้ ผิวขัดเงามักถูกใชเปนเกณฑในการตัดสินใจเลือกชนิดของเหล็กทํา
ผิวหนาของแมพิมพจะถูกกัดใหเกิดการละลายโดย แมพิมพพลาสติก ซึ่งคุณภาพของผิวขัดเงาจะขึ้นอยูกับปจจัยหลัก 3
การสปารคระหวางอิเล็กโตรดกับแมพิมพ อุณหภูมิสูงสุดที่เกิดขึ้นใน ประการ คือ
บริเวณแก็ป (ชองวางระหวางผิวหนาแมพิมพกับแทงอิเล็กโตรด) มัก λ คุณภาพของเหล็กทําแมพิมพ
สูงถึง 10,000°C เปนผลใหวัสดุเกิดการระเหิดกลายเปนไอ การมีสารมลทินปนเปอน (inclusion)ในเนื้อเหล็ก หรือการ
จากนั้นผิวหนาชิ้นงานจะถูกชะลางดวยฉนวน ถึงแมบริเวณที่เกิดการ มีโครงสรางในบางบริเวณที่มีความแข็ง เชน เม็ดคารไบด ซึ่งจะทําให
ระเหิดจะหายไป แตจะยังคงเหลือบริเวณที่ไดรับอิทธิพลจากความ ผิวแมพิมพที่ถูกขัดเกิดเปนจุด ดังนั้นเหล็กที่ใชทําแมพิมพควรมี
รอน และรอยแตกราวขนาดเล็กมักเริ่มเกิดขึ้นในบริเวณนี้ ซึ่งอาจเปน ความสะอาดและบริสุทธิ์สูง และมีโครงสรางรวมทั้งความแข็ง
ผลนําไปสูความเสียหายกับแมพิมพในระหวางการใชงาน ระดับความ สม่ําเสมอเทากันตลอดทั้งชิ้นงาน กระบวนการผลิตเหล็กแบบนํา
ลึกของบริเวณที่ไดรับอิทธิพลจากความรอน และขนาดความเคนที่ กลับมาหลอมใหม เชน ESR และ VAR จะชวยใหเหล็กมีความ
เกิดขึ้น จะขึ้นอยูกับระดับพลังงานกระตุนและความเปนฉนวน การ บริสุทธิ์สูงและมีโครงสรางที่สม่ําเสมอ
ใชวิธีทางกล เชน การขัดละเอียดอยางประณีต จะชวยขจัดบริเวณ λ สภาวะการอบชุบทางความรอน
ที่ไดรับอิทธิพลทางความรอนหรือรอยแตกราวนี้ได นอกจากนี้ในการ ผิวของแมพิมพที่แข็งกวาจะทําใหขัดเงาไดดีกวา ผิวที่แข็ง
ลางผิวชิ้นงานดวยฉนวนควรกระทําในทุกดานเพื่อปองกันไมให มากกวา 50 HRC ขึ้นไป จะสามารถขัดเงาผิวจนใสคลายกระจกได
โครงสรางเกิดการจัดเรียงตัวตามแนวทิศทางการลาง ภายหลังจาก แตถาผิวมีความแข็งนอยกวานี้ มักมีโอกาสเสี่ยงตอการเกิดผิว
การกัดผิวดวย EDM ควรทําการอบคลายความเคนที่อุณหภูมิต่ํากวา เปลือกสม (orange peel) เมื่อทําการขัดเงา
อุณหภูมิการอบคืนตัวครั้งสุดทาย 30°C เพื่อชวยลดปญหาจากการ λ วิธีการขัดเงา
แตกราว ของชิ้นงานที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อถูกนําไปใชงาน นอกจากนี้ผลของผิวที่ไดจากขัดเงาจะขึ้นอยูกับประสบการณ
การเจียระไน (Grinding) และความชํานาญของผูขัดอยางมาก การพยายามคอย ๆ เพิ่มความ
การเจียระไนผิวชิ้นงานจะเริ่มขึ้นภายหลังจากการอบคืนตัวครั้ง ละเอียดของเม็ดขัดทีละนอย จะทําใหไดคุณภาพของผิวขัดเงาดีขึ้น
สุดทายเสร็จสิ้นลง เพื่อหลีกเลี่ยงปญหาจากการเกิดรอยแตกราว ขอแนะนําสําหรับวิธีการขัดผิวแมพิมพพลาสติกสามารถดูไดจาก
หรือการเกิดผิวนุม จะตองแนใจวาการเลือกใชชนิดและขนาดของ ตารางที่ 6
เม็ดขัด รวมทั้งความแข็งมีความถูกตอง การเลือกลอขัดที่ผิดหรือใช
แรงกดมากเกินไป มักเปนผลใหเกิดความรอนขึ้นสูงมากในบริเวณที่
ถูกขัด และเปนผลใหผิวออนนุมลงหรือเกิดรอยแตกราวขึ้น
นอกจากนี้สีผิวจะตองไมคลายกับสีที่ไดจากการอบออนหรือสีของ
รอยไหม ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปญหาที่กลาวมา จึงควรปฏิบัติตาม
คําแนะนําดังนี้
• ใชลอขัดใหถูกตอง
• ใชแรงกดใหเหมาะสม ผิวที่แข็งควรใชแรงกดใหนอยลง
• ใชสารหลอเย็นชวยระบายความรอนใหมากเพียงพอและ
ควบคุมทิศทางการไหลใหถูกตอง
รูปที่ 6 เปรียบเทียบความสามารถในการขัดเงาของเกรดตาง ๆ
7
2083
ตารางที่ 6 แนะนําขั้นตอนการขัดเงาแมพิมพพลาสติก การทําลวดลายบนผิวแมพิมพพลาสติกจะใชวิธีถายภาพลงบน
ขั้นตอน เหล็กที่มีความแข็ง เหล็กที่มีความแข็ง ผิวแลวทําการกัดผิว (etching) ตามลวดลายที่ปรากฏ ซึ่งผลสําเร็จ
ประมาณ 32 HRC ประมาณ 54 HRC ของการกัดผิวจะขึ้นอยูกับปจจัยตาง ๆ ดังนี้
1.การตัดกลึงเบื้องตน Milling, Turning, EDM
Milling, Turning,
EDM • โครงสรางจุลภาคของชิ้นงาน
180 กริต บนกระดาษ • การอบชุบทางความรอน
2.การเจียรหยาบ 180 กริต
ทราย หรือผาลินิน
• อิทธิพลจากผิวชิ้นงาน เชนจากการเจียระไน การทํา EDM
320 กริตบนแทน จนถึง 220 กริต บนแทน จนถึง
3.การเจียรละเอียด
500 กริต บนผาลินิน 320 กริตบนผาลินิน
หรือการเชื่อมซอมแมพิมพ
ผงขัดเพชร 15 µm ผงขัดเพชร 45 µm บน • สภาวะที่ใชในการกัดผิว
ไม/ทองแดงแข็ง ในบางครั้งรอยบกพรองที่พบจากการกัดทําลวดลายผิว อาจ
ผงขัดเพชร 6 µm บนผา ผงขัดเพชร 15 µm บน มีสาเหตุมาจากชนิดของเหล็กหรือผลจากการกลึง ซึ่งจะสามารถพบ
4.การขัดเงา สักหลาดหรือวัสดุเสนใย วัสดุเสนใยแข็งปานกลาง
ไดเมื่อทํากระบวนการขึ้นรูปแมพิมพจนเสร็จและทําการกัดผิวแลว
ผงขัดเพชร 6 µm
ผงขัดเพชร 1-3 µm บน เทานั้น ความเสียหายในลักษณะนี้จะทําใหตนทุนการผลิตแมพิมพ
ผา/สักหลาดนุม สูงขึ้นและสิ้นเปลืองเวลาในการทําแมพิมพใหมเปนอยางมาก
จากการศึกษาพบวาการเลือกใชเหล็กที่มีปริมาณกํามะถันผสม
การกัดทําลวดลาย (Texturing)
ต่ํา และมีความเปนเนื้อเดียวกัน มีโครงสรางที่สม่ําเสมอ จะมีความ
ผลิตภัณฑพลาสติกหลาย ๆ ชนิด มักมีการทําลวดลายที่ผิว
เหมาะสมอยางยิ่งตอการทําลวดลายที่ผิวแมพิมพอยางยิ่ง เชน การ
เพื่อใหผลิตภัณฑมีความสวยงามและเหมาะสมกับการนําไปใชงาน ผิว
เลือกใชเกรด ESR
พลาสติกที่ถูกทําลวดลายจะชวยในการจับยึดไดดีขึ้น และลดการ
สะทอนแสงลงเนื่องจากความทึบดานของผิวพลาสติก หรือเมื่อ การเชื่อม (Welding)
รูปที่ 7 ตัวอยางลักษณะผิวที่ไดจากการกัดผิวทําลวดลาย
8
2083
การทําไนไตรดิ้ง (Nitriding)
การทําไนไตรดิ้ง 2083 จะชวยเพิ่มความตานทานตอการเสียดสี
ของผิวแมพิมพพลาสติก แตจะทําใหความตานทานตอการกัดกรอน
ลดลง เนื่องจากในการทําไนไตรดิ้งจําเปนตองทําความสะอาดผิวเหล็ก
ซึ่งจะขจัดฟลมโครเมียมออกไซดที่ผิวเหล็กออกไปดวย ในกรณีที่
จําเปนตองทําไนไตรดิ้ง สามารถเลือกวิธีการไดดังนี้
• ไนไตรดิ้งในอางเกลือ อุณหภูมิ 520-570°C เวลา 2 ชม.
• แกสไนไตรดิ้ง อุณหภูมิ 450-480°C เวลา 15-30 ชม.
• ผงโลหะไนไตรดิ้ง อุณหภูมิ 500-570°C เวลา 3-5 ชม.
• พลาสมาไนไตรดิ้ง อุณหภูมิ 400°C ถึง 600°C
เมื่อผานการทําไนไตรดิ้งแลวผิวของ 2083 จะมีความแข็ง
ประมาณ 1000 HV (≈70 HRC)
การเคลือบผิวแข็งโครเมียม (Hard-Chromium plating)
2083 ไมจําเปนตองเคลือบผิวแข็งโครเมียมในกรณีที่เคลือบ
ผิวแข็งควรอบคืนตัวที่อุณหภูมิ 180°C ระยะเวลา 4 ชม.
การซอมบํารุงแมพิมพ (Maintenance of Tools)
การซอมบํารุงที่ดีชวยเพิ่มอายุการใชงานของแมพิมพ และควร
มีระบบการหลอเย็นแมพิมพที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุณหภูมิสูง
เกินไป และกอนการใชงานแมพิมพควรเผาอุนดวยความรอนกอน
เพื่อปองกันการเกิด Thermal shock
ควรตรวจสอบและดูแลแมพิมพอยางดีสม่ําเสมอ ทําความ
สะอาดกอนใชงานทุกครั้ง ในกรณีมีเศษพลาสติกติดที่แมพิมพ
หลังจากใชงานเสร็จแลว ควรรีบนําออกและทําความสะอาดอยาง
ระมัดระวัง
การอบคลายความเคนระหวางการใชงาน (Intermediate
Stress-Relieving)
สําหรับเครื่องมือที่ตองไดรับความเคนสูง ๆ มาก การอบคืนตัว
ในชวงอุณหภูมิที่ต่ํากวาอุณหภูมิการอบคืนตัวครั้งสุดทาย 30°C ใน
แตละครั้ง ในระหวางการใชงานของเหล็กเครื่องมือ จะชวยลดความ
เคนที่เกิดขึ้นลงได ซึ่งจะชวยใหเหล็กมีอายุการใชงานยาวนานขึ้น