Professional Documents
Culture Documents
7 3 A Sunai
7 3 A Sunai
7 3 A Sunai
การชาระเงินตามสัญญาซื้อขายระหว่ างประเทศ
(Finance of International Sales)
สุ นัย มโนมัยอุดม
อดีตผูพ้ ิพากษาหัวหน้าคณะในศาลทรัพย์สินทางปั ญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ผูพ้ ิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขาธิการสานักงานป้ องกัน
และปราบปรามการทุจริ ตภาครัฐ ปั จจุบนั เป็ นผูพ้ ิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1
2
ในบางกรณี อาจต้องมี ใบส าคัญแสดงแหล่ งก าเนิ ดสิ นค้า (Certificate of Origin) ใบสาคัญ แสดง
การตรวจสิ นค้า (Certificate of Inspection) ใบกากับที่กงสุ ลรับรอง (Consular Invoice) และอื่นๆ
ตามแต่จะตกลงกัน
๔. การเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิต (Letter of Credit)
UCP 600 3 ข้อ 2 ให้คาจากัดความของเครดิตไว้ดงั นี้
เครดิต (Credit) หมายถึงการดาเนินการใด ๆ (arrangement) ไม่วา่ จะเรี ยก หรื อบรรยายไว้
อย่างไร ซึ่ งเพิกถอนไม่ได้ และก่อให้เกิดภาระผูกพันซึ่ งเพิกถอนไม่ได้ของธนาคารผูเ้ ปิ ด (Issuing
Bank) ในอันที่จะทาการชาระเงิน (Honors ) เมื่อมีการยื่นเอกสารที่ถูกต้องตรงตามที่กาหนด และ
เงื่อนไข (a complying presentation) ในเครดิต
การชาระเงิน (Honors) หมายถึง
(a) ชาระเงินเมื่อได้เห็นเอกสาร หากเครดิตเป็ นชนิดชาระเงินทันที่ที่เห็น (sight payment)
(b) รับจะชาระเงินในเวลาที่กาหนด และชาระเงินเมื่อถึ งกาหนดเวลานั้น หากเครดิ ตเป็ น
ชนิดชาระเงินแบบมีกาหนดเวลา (deferred payment)
(c) รับ รองตัวแลกเงิ น (draft) ซึ่ งผูร้ ั บประโยชน์เป็ นผู ้ออกและช าระเงิ น เมื่ อถึ งก าหนด
หากเครดิตเป็ นชนิดกาหนดให้มีการรับรอง (acceptance)
การยืนยันเอกสารตามที่ กาหนด (Complying presentation) หมายถึ ง การยื่นเอกสารตาม
ข้อตกลงและเงื่ อนไขในเครดิ ตโดยยึดข้อกาหนดของ UCP และหลักปฏิ บตั ิตามมาตรฐานสากล
ของธนาคาร
ข้อ 3 ให้ความหมายของเครดิตว่า เครดิตเป็ นประเภทที่เพิกถอนไม่ได้ (irrevocable) ถึงแม้
จะไม่ได้มีการระบุไว้ให้มีผลเช่นนั้นก็ตาม
กล่ า วโดยสรุ ป เลตเตอร์ อ อฟเครดิ ต ก็ คื อ ข้อ ตกลงซึ่ งธนาคารรั บ ด าเนิ น การตามค าสั่ ง
ของผู ข้ อเปิ ดในอัน ที่ จะจ่ ายเงิ น ให้ ผู ร้ ั บ ประโยชน์ ห รื อตามค าสั่ ง ของผูร้ ั บ ประโยชน์ เมื่ อ ได้มี
การยืน่ เอกสารถูกต้องตรงตามข้อตกลงและเงื่อนที่ได้ระบุไว้
ขั้นตอนในการชาระเงินโดยเลตเตอร์ ออฟเครดิตมีดงั ต่อไปนี้
๑) ผูข้ ายซึ่ งอยูป่ ระเทศหนึ่งและผูซ้ ้ื ออยูอ่ ีกประเทศหนึ่ ง ได้ทาความตกลงกันไว้ในสัญญา
ซื้ อขายว่า การชาระเงินตามสัญญาซื้ อขายให้กระทาโดยการเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิต
๒) ผูซ้ ้ื อซึ่ งอยูป่ ระเทศหนึ่ งก็จะติดต่อขอให้ธนาคารในประเทศของตน เรี ยกว่า ธนาคาร
ผู ้เปิ ดเครดิ ต (Issuing Bank) ให้ เปิ ดเลตเตอร์ อ อฟเครดิ ต ให้ แ ก่ ผู ้ข ายซึ่ งอยู่ อี ก ประเทศหนึ่ ง
โดยมีขอ้ กาหนดและเงื่อนไขตามที่ได้ตกลงกันไว้กบั ผูข้ าย
3
Uniform Customs and Practice for Documentary Credits No. 600 ดูคาอธิบายหน้า 22
4
3
ธนาคารตัวแทน (Nominated Bank) หมายถึง ธนาคารที่ถูกกาหนดให้นาเครดิตไปขึ้นเงินได้ หรื อธนาคารใด ๆ
กรณี ที่เครดิตระบุให้ข้ ึนเงินกับธนาคารใด ๆ ก็ได้ (UCP 600 ข้อ 2)
4
UCP 600 ข้อ 6 (C) จะต้องไม่ออกเครดิตโดยให้เบิกเงินด้วยตัว๋ แลกเงินที่สงั่ จ่ายเอาแก่ผขู ้ อเปิ ดเครดิต (ผูซ้ ้ือ)
5
แผนผังวงจรของเลตเตอร์ ออฟเครดิต
5
สาขาของธนาคารในต่างประเทศให้ถือว่าเป็ นธนาคารที่แยกออกจากกัน (UCP 600 ข้อ 3 )
6
เอกสารใดๆ รวมทั้ง ลัก ษณะของประเภทสิ นค้า (description) ปริ ม าณ (quantity) น้ าหนั ก
(weight) คุณภาพ (quality) สภาพ (condition) การบรรจุหีบห่อ (packing) การขนส่ ง (delivery)
มู ล ค่ า (value) หรื อความมี อ ยู่ จ ริ งของสิ นค้ า (existence of goods) บริ การ (services) หรื อ
การปฏิ บ ัติ ก าร (performance) ที่ บ รรยายไว้ใ นเอกสาร ฯลฯ (UCP 600 ข้อ 34) ทั้ง ไม่ มี ส่ ว น
เกี่ ยวข้องหรื อ ผูก พัน ตามสั ญ ญาซื้ อขายแต่ ป ระการใด ทั้ง นี้ เป็ นไปตามหลัก ความเป็ นเอกเทศ
ของเครดิ ต (The Autonomy หรื อIndependent Principal) ซึ่ งตาม UCP 600 ข้ อ 4 และข้อ 5
กาหนดไว้ดงั นี้
ข้อ 4 (a) เครดิตโดยสภาพเป็ นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาซื้ อขาย หรื อสัญญาอื่นอัน
เป็ นสัญญาหลักและธนาคารไม่เกี่ยวข้องหรื อผูกพันตามสัญญานั้นถึงแม้จะมีการอ้างอิงไว้ในสัญญา
ดังนั้นภาระผูกพันที่ธนาคารจะต้องชาระเงิน จึงไม่ข้ ึนอยูก่ บั ข้อเรี ยกร้อง หรื อโต้แย้งของผูข้ อเปิ ด
(Applicant) ที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างตนกับธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิตหรื อกับผูร้ ับประโยชน์
ไม่ว่ากรณี ใดๆ ผูร้ ับประโยชน์ไม่สามารถถื อเอาประโยชน์จากความผูกพันตามสัญญา
ระหว่างธนาคารด้วยกัน หรื อระหว่างผูข้ อเปิ ดกับธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิต
ข้อ 5 ในการปฏิบตั ิเกี่ยวกับเครดิต ผูท้ ี่เกี่ยวข้องทุกฝ่ ายตกลงปฏิบตั ิหน้าที่เกี่ยวกับเอกสาร
และไม่เกี่ยวข้องกับสิ นค้า บริ การ หรื อการปฏิบตั ิอื่นใด ซึ่ งเอกสารนั้นอาจเกี่ยวพันไปถึง
ตัวอย่างคดีศาลอังกฤษ ได้แก่
Midland Bank Ltd. v. Seymour (๑๙๕๕) ๒ Lloyd's Rep ๑๔๗
ผูซ้ ้ื อในประเทศอังกฤษได้สั่งซื้ อขนเป็ ดจากผูข้ ายในฮ่องกงโดยวิธีเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิต
กับธนาคาร เมื่อผูข้ ายยื่นเอกสารต่อธนาคารถู กต้องตรงตามเงื่อนไขในเครดิ ต ธนาคารจึงจ่ายเงิ น
ให้ผขู ้ าย ต่อมาปรากฏว่าสิ นค้าที่ผขู ้ ายส่ งมาไม่มีคุณภาพ ผูซ้ ้ื อไม่ยอมชาระเงินให้ธนาคาร
ศาลพิพากษาว่า สัญญาเลตเตอร์ ออฟเครดิตนั้นแยกต่างหากจากสัญญาซื้ อขาย ตามสัญญา
เลตเตอร์ ออฟเครดิ ตนั้น ถ้าธนาคารได้ตรวจสอบเอกสารเห็ นว่าถู กต้องตรงตามเครดิ ต ธนาคารก็
ต้องจ่ายเงิน และผูซ้ ้ื อซึ่ งขอเปิ ดเครดิตต้องชาระเงินให้ธนาคาร
ตัวอย่างคาพิพากษาของศาลฎีกา
คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๗/๒๕๑๑
โจทก์ได้นาหนังสื อ (เครดิต) ของจาเลยที่ ๑ ซึ่ งมีถึงธนาคารให้จ่ายเงินตามเลตเตอร์ ออฟ
เครดิตแก่โจทก์ไปแสดงต่อธนาคารจาเลยที่ ๒ จาเลยที่ ๒ ได้ประทับตราในหนังสื อนั้นมีขอ้ ความ
ว่า "ธนาคารได้ท ราบแล้ว จะจ่ายเงิ นให้ ในเมื่ อได้ส่ งเอกสารมาแลกเปลี่ ยนเงิ นตามเงื่ อนไขใน
เลตเตอร์ ออฟเครดิ ตดังกล่าวข้างบนแล้ว" เมื่ อโจทก์ส่งสิ นค้าให้แก่ จาเลยที่ ๑ แล้วให้ผูแ้ ทนเอา
หนังสื อ (เครดิ ต) ที่ ธนาคารประทับ ตราไว้น้ ันไปแลกเงิ น แต่ ไม่ ได้นาเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตและ
เอกสารต่ างๆ ไปแลกเปลี่ ยน ธนาคารจึ งไม่ จ่ายเงิ น เช่ นนี้ ธนาคารจาเลยที่ ๒ ไม่ เป็ นฝ่ ายผิด
คารับรอง โจทก์จะฟ้องบังคับให้ธนาคารจาเลยที่ ๒ ชาระเงินหาได้ไม่
7
คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๗๕/๒๕๒๕ (ประชุ มใหญ่ )
จาเลยเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิตกับธนาคารโจทก์ โดยมีขอ้ ตกลงว่า ในกรณี ที่เอกสารต่างๆ
ถู ก ต้อ งแล้ว ธนาคารโจทก์ ไ ม่ ต้อ งรั บ ผิ ด ชอบในกรณี สิ น ค้าที่ ส่ ง มาเสี ย หายขาดจ านวนหรื อ
บกพร่ อง และตกลงให้ถื อระเบี ยบประเพณี และพิ ธี ป ฏิ บ ัติเกี่ ย วกับ เครดิ ตที่ มี เอกสารประกอบ
(แก้ไขเพิ่ ม เติ ม ปี ค.ศ. 1962) ของสภาหอการค้านานาชาติ ซ่ ึ งระบุ ว่าให้ถื อเอาความถู ก ต้องของ
เอกสารเป็ นหลักเป็ นส่ วนหนึ่ งของข้อสัญญา เมื่อปรากฏว่าเอกสารต่างๆ ที่ส่งมาคือ รายการสิ นค้า
ที่ระบุไว้ในใบตราส่ ง (Bill of Lading) และบัญชีราคาสิ นค้า (Invoices) ทุกรายการถูกต้องตรง
กับรายการสิ นค้าในใบเสนอ (Offer) ซึ่ งแนบท้ายเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตและบริ ษทั ผูข้ ายสิ นค้าได้
เสนอเอกสารต่ างๆ ถู กต้องตามเงื่ อนไขที่ ระบุ ในเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตแล้ว แม้สิ นค้านั้นไม่ ตรงตาม
รายการที่ ระบุ ในใบตราส่ ง บัญชี ราคาสิ นค้าและใบเสนอดังกล่ าว และจาเลยได้สั่งให้ธนาคารโจทก์
ระงับการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ ออฟเครดิตที่เปิ ดไปแล้วก็ตาม จาเลยก็ตอ้ งปฏิบตั ิตามข้อตกลงที่ได้
ทากันไว้
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๖๑/๒๕๒๙
ตามคาขอเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิ ต ให้โจทก์จ่ายเงิ นตามเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตให้ผูข้ ายได้
เมื่อมี การยื่นตัว๋ แลกเงิน ใบตราส่ งสิ นค้าทางเรื อครบชุ ด บัญชี สินค้าพร้ อมลายมือชื่ อ ใบรับรอง
หรื อกรมธรรม์ประกันภัย และจาเลยจะชาระเงินให้โจทก์เมื่อจาเลยได้รับเอกสารดังกล่าวนั้นแล้ว
เมื่อใบตราส่ งสิ นค้าทางเรื อแสดงว่าได้มีการบรรทุกสิ นค้าขึ้นระวางเรื อแล้ว ธนาคารตัวแทนของ
โจทก์ก็มีหน้าที่ตอ้ งจ่ายเงินให้แก่ผูข้ ายไป โจทก์หรื อธนาคารตัวแทนโจทก์ไม่มีหน้าที่ตอ้ งตรวจ
ตราว่าความจริ งสิ นค้าได้บรรทุกลงเรื อแล้วหรื อไม่
อย่างไรก็ ตาม เพื่ อป้ องกันความเสี ย หาย ผูซ้ ้ื ออาจขอให้ มี ก ารตรวจสิ น ค้าและรั บ รอง
โดยองค์กรอิสระได้
คาพิพากษาฎีกาที่ ๒๖๐๗/๒๕๕๓
โจทก์สั่ ง ซื้ อ ครั่ ง เม็ด ชั้น คุ ณ ภาพ ข. จากจาเลยที่ 1 โดยระบุ ในสั ญ ญาว่าต้องได้รับ การ
ตรวจสอบและรับรองจากจาเลยที่ 2 ปรากฏว่าครั่งเม็ดไม่ได้มาตรฐาน ดังนี้ การกระทาของจาเลย
ที่ 2 จึงเป็ นการทาละเมิดต่อโจทก์และทาให้เกิ ดความเสี ยหายเป็ นค่าสิ นค้า ค่าธรรมเนี ยมธนาคาร
ค่าใช้จ่ายด้านพิธีการศุ ลกากร และค่าขนส่ งสิ นค้า และต้องรับผิดใช้ค่าเสี ยหายดังกล่ าวแก่ โจทก์
เช่ นเดี ยวกับจาเลยที่ 1 ซึ่ งต้องรับผิดในความเสี ยหายฐานผิดสัญญาซื้ อขาย แต่ไม่มีบทกฎหมายใด
ที่ให้ ล.1 และ ล.2 ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม
และหากผูข้ ายยื่นเอกสารต่ างๆ ถู ก ต้องตรงตามข้อก าหนดและเงื่ อนไขแล้ว ธนาคารก็
จะต้องรับเอกสารและจ่ายเงิ นหรื อรับรองและจ่ายเงิ นตามตัว๋ แลกเงิ นนั้นให้แก่ ผูข้ าย ธนาคารจะ
ปฏิเสธไม่จ่ายเงินด้วยเหตุใดๆ ไม่ได้ (UCP 600 ข้อ 7) ยกเว้นเพียงกรณี เดียวคือ ในกรณี ที่ธนาคาร
สามารถพิสูจน์จนเป็ นที่พอใจได้ว่ามีการทาเอกสารต่างๆเพื่อฉ้อโกง และผูข้ ายมี ส่ วนร่ วมในการ
8
กระทานั้นด้วย (Fraud Exception) (United City Merchants (Investments) Ltd. V. Royal Bank
of Canada (1983) 1 A.C. 168)
คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๙๓/๒๕๔๓
โจทก์ฟ้องว่าจาเลยที่ 1 และจาเลยที่ 2 เป็ นบริ ษทั จากัดประเทศสหรัฐอเมริ กาจาเลยที่ 4 เป็ น
บริ ษทั จากัดประเทศสาธารณรัฐเกาหลี จาเลยที่ 3 ในฐานะส่ วนตัวและตัวแทนจาเลยที่ 1 ที่ 2 และที่
4 หลอกลวงว่าจ้างโจทก์ตดั เย็บเสื้ อผ้าโดยต้องสั่งวัตถุดิบจากจาเลยที่ 4 เพื่อส่ งขายให้แก่จาเลยที่ 1
และที่ 2 โจทก์จึงขอให้ธนาคารเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิต เพื่อชาระค่าวัตถุดิบแก่จาเลยที่ 4 ซึ่ งมีราคา
สู งเกิ นจริ ง ในที่ สุดจาเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่รับเสื้ อที่ โจทก์ตดั เย็บแล้วเสร็ จทาให้โจทก์เสี ยหาย
ขอให้บงั คับจาเลยทั้งสามร่ วมกันชาระค่าเสี ยหายแก่โจทก์ และขอคุม้ ครองชัว่ คราวกรณี ฉุกเฉิ นให้
อายัดเงินที่ธนาคารต้องชาระให้แก่จาเลยที่ 4
ศาลชั้นต้นมี คาสั่งให้อายัด ศาลอุ ท ธรณ์ พิ พ ากษายืน ศาลฎี กาพิ พากษากลับ ให้เพิ กถอน
คาสั่งดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าธนาคารมีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องตรงตามเงื่ อนไขก่อน
จ่ายเงินเท่านั้น นอกจากนั้นเลตเตอร์ ออฟเครดิตที่เปิ ดไปเป็ นชนิ ดที่รับซื้ อได้ หากธนาคารผูเ้ บิกไม่
ชาระเงินย่อมก่อให้เกิดผลเสี ยต่อเนื่ องถึงธนาคารหรื อบุคคลอื่นที่มีความผูกพันหรื อเกี่ยวข้องกันอีก
หลายกรณี การที่ศาลจะออกคาสั่งอายัดดังกล่าวจึงต้องทาด้วยความระมัดระวัง
หลัก ความเป็ นเอกเทศของเครดิ ต มี ผ ลท าให้ ผูซ้ ้ื อไม่ อาจกล่ าวอ้างถึ ง ความเสี ย หายอัน
เนื่ องจากการผิดสัญญาของผูข้ ายขึ้นหักกลบลบหนี้ ต่อสิ ทธิ ของผูข้ ายในการเรี ยกร้ องให้ธนาคาร
ช าระเงิ น ตามเครดิ ต (Power Curber International Ltd. V. National Bank of Kuwait SAK
(1981) 2 Lloyd's Rep 394) ขณะเดียวกันธนาคารในฐานะผูร้ ับตราส่ งก็ไม่มีสิทธิ นาเงิ นที่ได้จาก
การขายสิ นค้าไปหักชาระหนี้ รายอื่น แต่ตอ้ งนาเงินดังกล่าวไปชาระหนี้ ตามคาขอให้ออกเลตเตอร์
ออฟเครดิต (คาพิพากษาฎีกาที่ 8972/2553)
หลักการปฏิบัติโดยเคร่ งคัด (The Doctrine of strict compliance)
จะเห็ นได้วา่ หลักความเป็ นเอกเทศของเครดิตให้ความคุม้ ครองแก่ผขู ้ ายและธนาคารโดย
เมื่อผูข้ ายยื่นเอกสารถู กต้องตามข้อกาหนดแล้วธนาคารจะต้องชาระเงินแก่ผูข้ ายส่ วนธนาคารเมื่อ
ชาระเงิ นไปตามเงื่ อนไขและข้อกาหนดแล้ว ผูข้ อเปิ ดจะต้องชาระเงิ นคื นแก่ธนาคาร ดังนั้นเพื่อ
คุม้ ครองผูข้ อเปิ ดเครดิ ตว่าจะได้รับสิ นค้าตรงตามที่ตอ้ งการ ธนาคารจึงต้องปฏิบตั ิตามข้อกาหนด
และเงื่อนไขในเครดิ ตโดยเคร่ งครัดและต้องปฏิ เสธไม่รับเอกสารและไม่รับรองตัว๋ แลกเงิ นที่ออก
ตามเลตเตอร์ ออฟเครดิต หากเอกสารที่ยนื่ ไม่ตรงตามข้อกาหนดในเลตเตอร์ ออฟเครดิต ซึ่ งเรี ยกว่า
หลัก การปฏิ บ ัติโดยเคร่ ง ครั ด (The doctrine of strict compliance) ทั้ง นี้ ก็ โดยถื อว่าธนาคารที่
ได้รับแจ้งการเปิ ดเครดิต (Nominated bank) เป็ นตัวแทนของธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิต (Issuing bank)
ซึ่ งเป็ นตัวแทนอี ก ที หนึ่ งของผูซ้ ้ื อ หากตัวแทนปฏิ บ ตั ิ เกิ นไปกว่าอานาจที่ ตวั การมอบหมายไว้
ก็ย่อมไม่ผูกพันตัวการ และจะต้องเป็ นผูร้ ับผิดในความเสี ยหายที่เกิ ดขึ้นนั้นเอง กรณี ที่สินค้าใน
9
ตลาดมี ราคาตกลง ผู ้ซ้ื อ อาจถื อ โอกาสปฏิ เสธไม่ ช าระเงิ น ให้ แ ก่ ธ นาคารโดยอ้า งว่า เอกสาร
ที่ธนาคารรับมานั้นไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กาหนดไว้ในเครดิต
ตัวอย่างคดีในศาลอังกฤษ คือ
Bank Melli Iran v. Barcays Bank D.C.O. (๑๙๕๑) ๒ Lloyd's Rep. ๓๗๖
โจทก์เป็ นผูซ้ ้ื อชาวอิตาเลี่ยนสั่งซื้ อรถยนต์บรรทุกของอเมริ กาจากผูข้ ายในประเทศอังกฤษ
โดยระบุ เงื่ อนไขในเลตเตอร์ ออฟเครดิตว่าจะต้องมีเอกสารคือหนังสื อรับรองของรัฐบาลประเทศ
สหรัฐอเมริ การะบุ ว่าเป็ นรถยนต์บรรทุกเชฟโรเล็ตใหม่ (๑๐๐ new Chevrolet trucks) ผูข้ ายยื่น
บัญชี สินค้าระบุวา่ รถยนต์บรรทุกอยูใ่ นสภาพใหม่ (in a new condition) และหนังสื อรับรองของ
รัฐบาลสหรัฐอเมริ การะบุวา่ เป็ นรถใหม่ สภาพดี (new , good) ธนาคารจาเลยได้จ่ายเงินให้ผขู ้ าย
ไป ต่อมาโจทก์ตรวจพบรายการในเอกสารไม่ตรงตามเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตจึงได้แจ้งข้อบกพร่ อง
ให้ธ นาคารจาเลยทราบ แต่ มิ ไ ด้ป ฏิ เสธเอกสารหลังจากนั้นโจทก์ย งั แจ้งให้ ธ นาคารจาเลยเพิ่ ม
วงเงินเครดิตให้ผขู ้ ายอีกด้วย
ศาลวินิจฉัยว่า ธนาคารจาเลยชาระเงินไปโดยผิดพลาดเพราะเอกสารไม่ตรงตามเลตเตอร์
ออฟเครดิ ต แต่ ค ดี น้ ี โจทก์ ท ราบความไม่ ถู ก ต้องแล้วยังสั่ ง ให้ ธ นาคารจาเลยเพิ่ ม วงเงิ น เครดิ ต
จึงเป็ นการกระทาที่ถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันแล้ว และยังเห็ นอี กว่าการไม่โต้แย้งหรื อปล่อย
ให้ระยะเวลาล่วงเลยไปเป็ นเวลานานอาจถือว่าเป็ นการให้สัตยาบันโดยปริ ยายได้ 6
6
ดู UCP 600 ข้อ 16 (C) (F)
12
ในกรณี ที่ เอกสารไม่ ถู ก ต้องตามที่ ก าหนดไว้ในเครดิ ต และธนาคารปฏิ เสธไม่ ย อมรั บ
เอกสารดังกล่าว หากผูข้ ายไม่สามารถแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องตามที่กาหนดไว้ สิ่ งที่ผขู ้ ายควรจะ
ปฏิ บตั ิก็คือ ผูข้ ายจะต้องติดต่อกับผูซ้ ้ื อโดยตรง และขอร้ องให้ผูซ้ ้ื อมีคาสั่งถึ งธนาคารให้ยอมรับ
เอกสารดังกล่าว 7
มาตรฐานในการตรวจเอกสารของธนาคาร
UCP 600 ข้อ 14 กาหนดหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารของธนาคารไว้ดงั นี้
ธนาคารต้องตรวจเอกสารเพียงอย่างเดียวว่าข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารเหล่านั้น (appear on
their face) ถู ก ต้อ งตามข้อ ก าหนดและเงื่ อ นไขของเครดิ ต โดยยึ ด ข้อ ก าหนดของ UCP และ
หลักปฏิบตั ิตามมาตรฐานสากลของธนาคารด้วย (ข้อ 14 (a) )
ธนาคารแต่ละธนาคารมี เวลาที่ จะตรวจเอกสารและตัดสิ นใจว่าจะรับ เอกสารไว้หรื อไม่
ภายใน 5 วันทาการนับตั้งแต่วนั ยืน่ เอกสาร ( ข้อ 14 (b) )
หากมี ข ้อ ก าหนดให้ ผู ้ข ายจะต้อ งยื่ น ต้น ฉบับ เอกสารการขนส่ ง (transport document)
ฉบับเดียวหรื อหลายฉบับด้วย ผูข้ ายต้องยื่นเอกสารต่อธนาคารไม่ช้ากว่า 21 วัน หลังจากวันที่ส่ง
สิ นค้าแต่ทุกกรณี ตอ้ งไม่ชา้ กว่าวันหมดอายุของเครดิต ( ข้อ 14 (c) )
ข้อมูลต่าง ๆ ในเอกสารไม่จาเป็ นต้องเหมือนกันทุกประการ แต่ตอ้ งไม่ขดั แย้งกันเอง หรื อ
ขัดแย้งกับข้อมูลในเอกสารที่กาหนด หรื อ ตัวเครดิตเอง (ข้อ 14 (d) )
กรณี ที่ ธ นาคารเห็ น ว่ า ผู ้ข ายเสนอเอกสารไม่ ถู ก ต้อ งตามเงื่ อ นไขที่ ร ะบุ ไ ว้ใ นเครดิ ต
ธนาคารมีทางเลือกปฏิบตั ิดงั นี้ คือปฏิเสธไม่รับเอกสาร หรื ออาจใช้ดุลพินิจติดต่อกับผูข้ อเปิ ดเพื่อ
ขอให้ผขู ้ อเปิ ดสละข้อขัดแย้ง (Discrepancy) และขอแก้ไขเครดิต (Amendments) นั้น ภายใน 5 วัน
ทาการ (ข้อ 16 (b)) หรื ออาจเลือกที่จะรับเอกสารนั้นไว้และชาระเงินโดยขอให้ผขู ้ ายค้ าประกันการ
ชาระเงินดังกล่าว หรื อรับรองการชดใช้ค่าเสี ยหาย (indemnity) หรื อขอสงวนสิ ทธิ ที่จะไล่เบี้ยเอา
แก่ผขู ้ าย (payment under reserve) อย่างไรก็ตามการปฏิบตั ิดงั ที่กล่าวมาผูกพันเฉพาะธนาคารนั้น
กับผูท้ ี่เกี่ยวข้องเท่านั้น
หากธนาคารใดตัดสิ นใจจะปฏิ เสธเอกสาร ธนาคารนั้นจะต้องแจ้งธนาคารผูย้ ื่นเอกสาร
หรื อผูร้ ับประโยชน์หากได้รับเอกสารจากผูร้ ับประโยชน์ เพียงครั้งเดียว (single notice) โดยระบุถึง
1. ว่าธนาคารกาลังปฎิ เสธ………. การชาระเงิน 2. ข้อขัดแย้งแต่ละข้ออันเป็ นสาเหตุให้ธนาคาร
ปฏิ เสธเอกสารนั้นและ 3. ธนาคารยังคงถื อเอกสารต่าง ๆ ไว้เพื่อรอฟั งคาสั่งจากผูย้ ื่นเอกสาร และ
กาลังส่ งคืนเอกสารแก่ผยู ้ ื่น UCP 600 ข้อ 16 (c) หากธนาคารไม่ปฏิบตั ิดงั กล่าวก็จะหมดโอกาสที่จะ
7
UCP 600 ข้อ 10 ( a ) กาหนดว่า ..... เครดิตไม่สามารถแก้ไข หรื อยกเลิกโดยไม่ได้รับความยินยอมของธนาคาร
ผูเ้ ปิ ด ธนาคารผูย้ เู นียน (ถ้ามี) และผูร้ ับประโยชน์
13
โต้แย้งว่าเอกสารไม่ ถูก ต้อง และเมื่ อได้ป ฏิ บ ตั ิ เช่ นนั้นแล้ว ธนาคารก็มี สิ ท ธิ เรี ยกร้ องให้คืนเงิ น
พร้อมดอกเบี้ย (UPC 600 ข้อ 16 (g)
8
UCP 600 ข้อนี้ไม่แตกต่างกับ UCP 500
15
ให้ผขู ้ ายสามารถส่ งสิ นค้าได้ ถ้าผูซ้ ้ื อไม่เปิ ดเครดิต ถือว่าผูซ้ ้ื อผิดสัญญา ผูข้ ายก็มีสิทธิ ไม่ส่งสิ นค้า
บอกเลิกสัญญาและเรี ยกค่าเสี ยหาย
คาพิพากษาฎีกาที่ ๘๔๖/๒๕๑๘
จาเลยที่ 1 ทาสัญญาซื้ อขายสิ นค้าจากโจทก์แล้วประสบปั ญหาทางการเงินไม่สามารถจัดทา
เลตเตอร์ ออฟเครดิต เพื่อสั่งซื้ อสิ นค้าได้ กรณี จึงเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับการผิดสัญญาซื้ อขายหาใช่ละเมิด
ต่ อ โจทก์ไ ม่ การฟ้ อ งเรี ย กค่ าเสี ย หายจากการผิด สั ญ ญาไม่ มี ก ฎหมายบัญ ญัติ เรื่ องอายุค วามไว้
โดยเฉพาะจึ ง มี ก าหนดอายุค รบ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่ ง และพาณิ ช ย์ มาตรา 193/30
เป็ นโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์กบั จาเลยที่ 1 ทาสัญญาซื้ อขายสิ นค้าพิพาทกันไว้ สัญญาซื้ อขายจึงผูกพันคู่สัญญา
และมีผลใช้บงั คับได้นบั แต่วนั ทาสัญญา การเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตเป็ นเพียงวิธีการชาระเงินค่า
สิ นค้าตามสัญญาซื้ อขายพิพาทเท่านั้น หาทาให้สัญญาซื้ อขายมี ผลใช้บ งั คับได้นับแต่วนั เปิ ดเลต
เตอร์ ออฟเครดิตไป จาเลยที่ 1 ไม่สมารถ...เลตเตอร์ ออฟเครดิตให้แก่โจทก์ได้ จึงเป็ นฝ่ ายผิดสัญญา
ซื้ อขาย....
จาเลยที่ 1 ผิดสัญญาซื้ อขายพิพาทโดยไม่สามารถปฏิ บตั ิตามเงื่ อนไขการชาระเงิ นสิ นค้า
ให้แก่โจทก์ ทาให้โจทก์ตอ้ งขายสิ นค้าพิพาทให้แก่ผอู ้ ื่นในราคาต่ากว่าราคาที่ตกลงไว้กบั จาเลยที่ 1
เป็ นเหตุให้โจทกขาดเงิ นที่โจทก์ควรได้จากจาเลยที่ 1 ซึ่ งถื อเป็ นความเสี ยหายเช่ นที่ตามปกติย่อม
เกิดขึ้น แต่การไม่ชาระหนี้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา 222 วรรคหนึ่ ง โจทก์จึง
...ที่จะได้รับค่าสิ นไหมทดแทนอันเกิดจากการผิดสัญญาดังกล่าว
เครดิตถือว่าได้เปิ ดก็ต่อเมื่อได้มีการแจ้งถึงการเปิ ดเครดิตให้แก่ผขู ้ ายแล้ว
เลตเตอร์ ออฟเครดิตมีผลผูกพันธนาคารเมื่อใด
สาหรับ เครดิ ตชนิ ดเพิ กถอนไม่ ได้ (Irrevocable Credit) ในประเทศอังกฤษมีความเห็ น
ต่างกันเป็ น ๒ ฝ่ าย คือ ฝ่ ายแรกเห็นว่า เครดิตมีผลผูกพันเมื่อผูข้ ายได้รับแจ้ง 9การเปิ ดเครดิตจาก
ธนาคารได้แก่คดี Dexters, Ltd. V. Schenker & Co. (๑๙๒๓) LI. L.R. ๕๘๖
ส่ วนอีกฝ่ ายเห็ นว่า เครดิ ตมี ผลผูกพันเมื่ อผูข้ ายได้สนองรับโดยปฏิ บตั ิตามข้อกาหนดใน
เครดิต เช่น คดี Urguhart Lindsay & Co., Ltd. V. Eastern Bank,Ltd (๑๙๒๒) ๑.K.B. ๓๑๘
ตัวอย่างคาพิพากษาของศาลฎีกา
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๗๐/๒๕๙๙
วินิจฉัยว่า เลตเตอร์ ออฟเครดิ ต (ชนิ ดเพิ กถอนไม่ได้) ที่ธนาคารได้เปิ ดเพื่ อชาระราคา
สิ น ค้าของลู ก ค้าธนาคารนั้น ย่อมถื อว่าเป็ นค าเสนอ เมื่ อได้มี ก ารส่ งสิ นค้ามาตามที่ ระบุ ไ ว้ใ น
เลตเตอร์ ออฟเครดิตแล้ว ก็ยอ่ มถือได้วา่ มีคาสนองก่อให้เกิดสัญญาขึ้น
ส่ วนเครดิ ตชนิ ดเพิกถอนได้ธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิ ตยังไม่มีนิติสัมพันธ์ ในทางใดๆ กับ ผูร้ ั บ
ประโยชน์จนกว่าจะได้มีการชาระเงิน หรื อรับรองตัว๋ แลกเงินแล้ว
ชนิดของเลตเตอร์ ออฟเครดิต
๑. เครดิตชนิดเพิกถอนได้ 10(Revocable Credit)
เครดิตชนิ ดนี้ ธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิตสงวนสิ ทธิ ที่จะยกเลิกหรื อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในเครดิต
เมื่อใดก็ได้ และไม่จาเป็ นต้องแจ้งให้ผูร้ ับประโยชน์ทราบล่วงหน้า ธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิ ตไม่มีนิติ
สัมพันธ์ในทางใดๆ กับผูร้ ับประโยชน์ เว้นแต่จะได้มีการชาระเงินหรื อรับรองตัว๋ แลกเงินก่อนที่จะ
ได้รับแจ้งการเปลี่ยนแปลงหรื อยกเลิกเครดิตนั้น
9
การแจ้งเครดิตแสดงถึงว่าธนาคารผูแ้ จ้ง (Adving Bank) พอใจในเรื่ องความแท้จริ ง (authentisity)
และความ ถูกต้องของเครดิตแล้ว หากธนาคารผูแ้ จ้งยังไม่พอใจในเรื่ องดังกล่าวต้องแจ้งให้ธนาคารผูอ้ อกคาสัง่
ทราบ ( UCP 600 ข้อ 9 )
10
แม้ UCP 600 ข้อ 2 และ 3 ดูเหมือนจะยกเลิกเครดิตชนิดนี้แล้วแต่ UCP 600 มีผลใช้บงั คับอย่างเป็ นทางการเมื่อ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 เป็ นต้นไป เครดิตที่เปิ ดมาก่อนจึงยังคงปรับตาม UCP 500 ทั้งข้อกาหนดใน UCP เป็ น
เพียงข้อตกลงในสัญญาเท่านั้น คูส่ ญ
ั ญาจึงอาจตกลงกันปรับปรุ งแก้ไข หรื อตัดออกได้ (UCP 600 ข้อ 1 )
17
คดีตัวอย่างในศาลอังกฤษ ได้แก่
Cape Asbestos Co v. Lloyd's Bank (๑๙๒๑) W.N. ๒๗๔
ธนาคารที่ ก รุ ง วอร์ ซ อร์ จ าเลยได้แ จ้ง การเปิ ดเครดิ ต ชนิ ด เพิ ก ถอนได้ใ ห้ โจทก์ โดยมี
ข้อความท้ายใบแจ้งว่าเป็ นแต่เพียงการแจ้งการเปิ ดเครดิตไม่ใช่เป็ นการยืนยันเครดิต โจทก์ส่งสิ นค้า
บางส่ วนแล้วขอรับชาระเงินจากจาเลย จาเลยยอมจ่ายเงินตามตัว๋ แลกเงินของโจทก์ ต่อมาเครดิตก็
ถูกเพิกถอน แต่จาเลยไม่ได้แจ้งการเพิกถอนให้โจทก์ทราบ โจทก์หลงเชื่อว่าเครดิตยังใช้อยู่ จึงส่ ง
สิ นค้าที่เหลือทั้งหมดไป คราวนี้ จาเลยไม่ยอมจ่ายเงิน โจทก์ไม่สามารถทวงเงินจากผูซ้ ้ื อได้จึงฟ้ อง
จาเลยตามจานวนเงินที่เหลืออยูต่ ามเครดิต จาเลยยอมรับว่าจาเลยหลงลืมมิได้แจ้งการยกเลิกเครดิต
ให้โจทก์ทราบ ศาลตัดสิ นให้จาเลยชนะคดี โดยถือว่าเครดิตชนิดที่เพิกถอนได้ จาเลยไม่มีหน้าที่ที่
จะต้องแจ้งการเพิกถอนให้โจทก์ทราบ
UCP 500 ข้อ 8 ก าหนดไว้ว่า เครดิ ตชนิ ดเพิ ก ถอนได้อาจถู ก แก้ไขหรื อเพิ ก ถอนโดย
ธนาคารผูเ้ ปิ ดครเดิ ตได้ตลอดเวลาโดยไม่ตอ้ งแจ้งให้ผูร้ ับประโยชน์ทราบล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม
หากธนาคารตัวแทนได้จ่ายเงิ น หรื อ รั บ รองตัว๋ แลกเงิ น ไปโดยถู ก ต้องก่ อนที่ จะมี ก ารเพิ ก ถอน
ธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิตก็ตอ้ งชาระคืนแก่ธนาคารตัวแทน
คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๓๓๘/๒๕๒๖
จาเลยยื่นคาขอเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตต่อโจทก์ โจทก์สนองรับย่อมเกิดเป็ นสัญญาผูกพัน
เมื่อโจทก์ชาระราคาสิ นค้าที่ จาเลยสั่งซื้ อให้แก่ผูข้ ายไป จาเลยย่อมมีหน้าที่ชาระเงิ นคืนแก่ โจทก์
พร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าบริ การ
ความเกี่ ยวพันระหว่างธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิ ตกับธนาคารผูแ้ จ้งเครดิ ตหรื อธนาคารผูจ้ ่ายเงิ น
ปรั บ เข้าได้ว่าเป็ นสั ญ ญาตัวการตัวแทนซึ่ งอยู่ภายใต้ UCP 600 ส่ วนหนึ่ งและหลัก ปฏิ บ ัติก าร
ธนาคารระหว่างประเทศ (International Banking Practice) อี กส่ วนหนึ่ ง สาหรับธนาคารผูเ้ ปิ ด
เครดิ ตกับผูร้ ับประโยชน์ก็เป็ นสัญญาชนิ ดหนึ่ งเช่ นเดียวกัน โดยถื อว่าธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิตเมื่อได้
เปิ ดเครดิ ตก็เท่ ากับ เป็ นการนาค าเสนอไปยังผูร้ ั บ ประโยชน์ ให้ส่ งสิ นค้ามาตามเครดิ ต เมื่อผูร้ ั บ
ประโยชน์ส่งสิ นค้ามาตามเครดิตแล้วก็ยอ่ มถือว่าเป็ นคาสนอง
22
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๗๐/๒๔๙๙
วินิจฉัยว่าเลตเตอร์ ออฟเครดิตที่ธนาคารได้เปิ ดเพื่อชาระราคาสิ นค้าของลูกค้าของธนาคาร
นั้นก็ยอ่ มถือว่าเป็ นคาเสนอ เมื่อได้มีการส่ งสิ นค้ามาตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ ออฟเครดิตแล้วก็ยอ่ ม
ถือได้วา่ มีคาสนองก่อให้เกิดสัญญาขึ้น
สิ ทธิ เรี ยกร้องเงินที่ชาระไปตามเลตเตอร์ ออฟเครดิตไม่มีกฏบัญญัติไวเป็ นอย่างอื่นจึงมีอายุ
ความ ๑๐ ปี
สาหรับธนาคารผูแ้ จ้งเครดิต หากยืนยันเครดิตด้วย (Confirming Bank) ก็ถือว่ามีสัญญา
กับผูร้ ับประโยชน์ตามเงื่อนไขเดี ยวกับสัญญาระหว่างธนาคารผูเ้ ปิ ดเครดิตกับผูร้ ับประโยชน์ หาก
ไม่ยนื ยันก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับผูร้ ับประโยชน์
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๑๐/๒๕๒๔
จาเลยขอเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิตไว้กบั ธนาคารโจทก์เพื่อสั่งสิ นค้าจากผูข้ ายในต่างประทศ
ต่อมาผูข้ ายได้ส่งสิ นค้าตามเลตเตอร์ ออฟเครดิตนั้น โจทก์ได้จ่ายค่าสิ นค้าแทนจาเลยไปแล้ว และ
แจ้งให้จาเลยชาระเงิน จาเลยไม่มีเงินพอจะชาระให้ จึงขอรับเอกสารใบสั่งสิ นค้าตามเลตเตอร์ ออฟ
เครดิตไปเพื่อขอออกสิ นค้าจากท่านเรื อ โดยทาสัญญาทรัสต์รีซีทไว้แก่โจทก์ การทาสัญญาทรัสต์
รี ซีทดังกล่าวจึงเป็ นเพียงวิธีการผ่อนปรนของเจ้าหนี้ ให้ลูกหนี้ มีโอกาสนาสิ นค้าที่สั่งซื้ อมาด้วยการ
เปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิตออกจากท่าเรื อไปขายเพื่อนาเงินมาชาระหนี้ ตามสัญญาเลตเตอร์ ออฟเครดิต
เท่านั้น สัญญาทรัสต์รีซีทรายนี้ เป็ นสัญญาต่อเนื่ องกับสัญญาเลตเตอร์ ออฟเครดิ ต มิได้ทาให้หนี้
ตามเลตเตอร์ ออฟเครดิตระงับสิ้ นไปได้ในตัว
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๕๗/๒๕๒๔
จาเลยทาสัญญาทรัสต์รีซีท (ใบรับสิ นค้าเชื่อ) ให้ไว้แก่โจทก์เพื่อรับเอกสารการสั่งสิ นค้า
ไปออกสิ นค้าจากท่าเรื อเพื่อนาไปจาหน่ายแก่ผซู ้ ้ื อ ดังนี้ การทาสัญญาทรัสต์รีซีทนั้นเป็ นการโอน
กรรมสิ ทธิ์ ในสิ นค้าหรื อเงินค่าขายสิ นค้าไปเป็ นของโจทก์เพื่อชาระหนี้ค่าสิ นค้าตามตัว๋ แลกเงินตาม
เลตเตอร์ ออฟเครดิตและตามสัญญาทรัสต์รีซีท แม้จาเลยจะเป็ นผูค้ รอบครองสิ นค้าหรื อเงินค่าขาย
สิ นค้าไว้ ก็เป็ นการครอบครองหรื อยึดไว้แทนโจทก์เพื่อชาระหนี้ ดงั กล่าวเท่านั้น เงินที่ขายได้ตอ้ ง
หักชาระหนี้ ค่ าสิ นค้าและอุ ป กรณ์ แก่ โจทก์ เงิ นเหลื อคื นให้จาเลย โจทก์ไม่มี สิทธิ เอาเงินที่ขาย
สิ นค้าได้ไปหักกับหนี้รายอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเลตเตอร์ ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีท
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๔๘/๒๕๓๐
สั ญ ญาทรั ส ต์รีซี ท มิ ใ ช่ ก ารก่ อ ตั้ง ทรั ส ต์ต ามความหายแห่ ง ประมวลกฎหมายแพ่ ง และ
พาณิ ชย์ มาตรา ๑๖๘๖ จึงไม่ตกเป็ นโมฆะ
29
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๒๕๔/๒๕๔๔
สิ ทธิเรี ยกร้องตามสัญญาทรัสต์รีซีทมีอายุความ ๑๐ ปี ไม่ใช่เป็ นกรณี ตวั แทนเรี ยกร้องเงิน
ทดรองที่จ่ายแทนตัวการซึ่ งมีอายุคราบ 2 ปี
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๗๖/๒๕๔๘
สัญญาทรัสต์รีซี ทที่ ระบุ ให้กรรมสิ ทธิ์ ในสิ นค้าตกอยู่แก่ ธนาคารโจทก์ ก็เพื่อให้โจทก์มี
สิ ทธิ อยู่ในฐานเข้าหนี้ มีประกันเหนื อสิ นค้า เพื่อเป็ นการประกันการชาระหนี้ ของจาเลยที่ 1 หาได้
เป็ นการตกลงโอนกรรมสิ ทธิ์ ให้แก่โจทก์เพื่อทดแทนการชาระหนี้ ไม่ จาเลยที่.....จึงยังต้องผูกพัน
ชาระหนี้ตามคาขอเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีท
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๘๙๐/๒๕๔๙
โจทก์ซ่ ึ งเป็ นผูข้ ายสิ นค้ามีหน้าที่ตามสัญญาซื้ อขายที่จะต้องส่ งสิ นค้าให้แก่บริ ษทั ค. ผูซ้ ้ื อ
ที่เมืองดีทรอยท์ ประเทศสหรัฐอเมริ กา และโจทก์ได้วา่ จ้างจาเลยทั้งสองให้ขนส่ งสิ นค้าไปส่ งมอบ
ให้แก้ผูซ้ ้ื อ แต่จาเลยทั้งสองไม่นาสิ นค้าไปส่ งมอบให้แก่ผูซ้ ้ื อตามสัญญา กลับยึดหน่ วงสิ นค้าไว้
แล้วนาไปขายเสี ย ดังนี้ โจทก์ในฐานะผูส้ ่ งของซึ่ งเป็ นคู่ สั ญญาตามสั ญ ญารั บ ขนของทางทะเล
กับ ผู ข้ นส่ ง ย่อ มมี สิ ท ธิ ฟ้ อ งร้ อ งให้ ผู ข้ นส่ ง รั บ ผิ ด ต่ อ โจทก์ ไ ด้ต ามสั ญ ญารั บ ขนของทางทะเล
เมื่อโจทก์จดั ส่ งสิ นค้าพิพาทลงเรื อแล้ว โจทก์ได้นาใบตราส่ งไปส่ งมอบให้ธนาคารเพื่อขอรับเงิน
ค่าสิ นค้าที่ผูส้ ั่งซื้ อเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตไว้กบั ทางธนาคารดังกล่าว แต่เมื่อผูร้ ับตราส่ งไม่ได้รับ
สิ นค้าตามที่สั่งซื้ อจึงอายัดเงินค่าสิ นค้า โจทก์จึงยังไม่ได้รับเงินค่าสิ นค้าจากธนาคาร และธนาคาร
ได้คื น ใบตราส่ งให้ แก่ โจทก์ โจทก์ย งั เป็ นผูค้ รอบครองต้น ฉบับ ใบตราส่ งสิ น ค้าพิ พ าทดังกล่ าว
ทั้งเมื่อบริ ษทั ค.ผูซ้ ้ื อสิ นค้าพิพาทจากโจทก์ไม่ได้รับสิ นค้า บริ ษทั ดังกล่าวก็ไม่มีหนี้ ที่จะต้องชาระ
ให้โจทก์ และไม่มีส่วนได้เสี ยในสิ นค้าเพราะไม่ใช่ เจ้าของ โจทก์ซ่ ึ งเป็ นผูข้ ายและผูส้ ่ งย่อมได้รับ
ความเสี ยหาย โจทก์จึงมีอานาจฟ้อง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๕๗๙/๒๕๕๒
การที่ จาเลยที่ 1 ขอสิ นเชื่ อเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตจากโจทก์ เมื่ อโจทก์ชาระสิ นค้าแก่ ผูข้ าย
ในต่างประเทศแทนจาเลยที่ 1 ไปเรี ยบร้ อยแล้ว จาเลยที่ 1 จะต้องนาสิ นค้าออกไปพร้ อมกับชาระ
ค่าสิ นค้าให้แก่โจทก์ แต่จาเลยที่ 1 ไม่มีเงินชาระจึงทาสัญญาทรัสต์ซีทกับโจทก์พร้ อมกับออกตัว๋
สั ญ ญาใช้เงิ น เพื่ อช าระหนี้ ให้ แก่ โจทก์ด้วย จึ ง เห็ น ได้ว่าโจทก์ฟ้ องให้ จาเลยที่ 1 กับ พวกรั บ ผิ ด
โดยอาศัยมู ลหนี้ ตามสัญญาขอเปิ ดเลตเตอร์ ออฟเครดิ ต และสัญญาทรัสต์ซีทเป็ นหลัก จาเลยที่ 1
ออกตัว๋ สัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์จึงเป็ นการประกันเพื่อการชาระหนี้ ตามสัญญาทรัสต์รีซีทเท่านั้น
หาใช่โจทก์ฟ้องให้จาเลยที่ 1 กับพวกรับผิดตามตัว๋ สัญญาใช้เงินเป็ นหลักแต่เพียงอย่างเดียวไม่
30
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๙๗๒/๒๕๕๓
จาเลยที่ 1 ขอให้โจทก์ซ่ ึ งเป็ นธนาคารพาณิ ชย์ออกเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตให้แก่ จาเลยที่ 1
เพื่อชาระค่าสิ นค้ารถยนต์ที่จาเลยที่ 1 สั่งซื้ อจากต่างประเทศ เมื่อสิ นค้าถึ งท่าเรื อกรุ งเทพ โจทก์ได้
ชาระเงิ นค่าสิ นค้าให้แก่ธนาคารในต่างประเทศไปแล้ว และรับมอบใบตราส่ งสาหรับสิ นค้าและ
รายการบรรจุสินค้าไว้จากธนาคารในต่างประเทศ ดังนี้ การที่ โจทก์อยู่ในฐานะผูร้ ับตราส่ งสิ นค้า
รถยนต์ก็เพื่อเป็ นหลักประกันการชาระหนี้ ตามเลตเตอร์ ออฟเครดิ ตที่ จาเลยที่ 1 ขอให้โจทก์ชาระ
เงิ นค่าสิ นค้ารถยนต์แทนจาเลยที่ 1 ไปก่ อน สิ นค้ารถยนต์ตามใบตราส่ ง จึ งเป็ นการประกันหนี้
ตามคาขอให้ออกเลตเตอร์ ออฟเครดิตของจาเลยที่ 1 เมื่อปรากฏว่าจาเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ชาระหนี้
และไม่มาติดต่อขอรับเอกสารเพื่อไปขอออกสิ นค้า และต่อมาโจทก์นาสิ นค้ารถยนต์ดงั กล่าวออก
ขายเพื่อชาระหนี้ แก่โจทก์ โจทก์ตอ้ งนาเงินที่ได้จากการขายรถยนต์ไปชาระหนี้ ตามคาขอเลตเตอร์
ออฟเครดิ ตอันเป็ นมูลเหตุให้มีการส่ งมอบรถยนต์มาทางเรื อเดิ นทะเลนั้น ไม่มีสิทธิ จะนาเงินที่ได้
จากการขายสิ นค้าไปหักกับหนี้รายอื่นหรื อหักกับหนี้ของจาเลยที่ 2 ที่มีต่อโจทก์
31
บรรณานุกรม
๑ . C.M Schmitt hoff : The Export Trade. The Law and Practice of
International Trade. Sixth Edition. London. Stevens & Sons Ltd. ๑๙๗๕
๒. David Warne : Banking Litigation London Sweet & Maxwell ๑๙๙๙
๓. International Chamber of Commerce ; Uniform Customs and Practice
for Documentary Credits
๔. ประยูร จิดาประดิษฐ์ , การธนาคารพาณิ ชย์ การดาเนิ นงานและการบัญชี ,
พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรุ งเทพฯ , โรงพิมพ์อกั ษรสมัย ๒๕๑๔
๕. เฉลิ ม ยงบุ ญ เกิ ด , เลตเตอร์ อ อฟเครดิ ต และเช็ ค , โรงพิ ม พ์ ห้ า งหุ ้ น ส่ ว น
จากัดศิวพร