Professional Documents
Culture Documents
59) 1
27 Feb 2021
𝑥 + 1 , −1 < 𝑥 < 1
7. กาหนดให้ 𝑓 และ 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓(𝑥) = {
3 , 𝑥≥1
1
และ 𝑔(𝑥) =
√1−𝑥 2
เมื่อ −1 < 𝑥 < 1
พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
(ก) (𝑓 ∘ 𝑔)(𝑥) = 3 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
1
(ข) (𝑓𝑔)(𝑥) = √1−𝑥 2
+ 1 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
𝑓
(ค) (𝑔) (𝑥) = (𝑥 + 1)√1 − 𝑥 2 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สามข้อ
3
11. ถ้า cos 𝜃 = 5 และ 𝜋 < 𝜃 < 2𝜋 แล้ว 100 cot 𝜃2 cosec 𝜃2 sin 5𝜃
2
ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. −41 2. −164 3. −205
4. −328 5. −656
PAT 1 (ต.ค. 59) 5
𝑥−1
12. ให้ 𝑓 = { (𝑥, 𝑦) ∈ ℝ × ℝ | 𝑦 = √2−𝑥−𝑥 2
} เมื่อ ℝ แทนเซตของจานวนจริง
โดเมนของ 𝑓 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. (−∞, −2) 2. (−∞, −2) ∪ (1, ∞) 3. (−2, 1)
4. (−∞, −1) ∪ (2, ∞) 5. (−1, 2)
15. กล่องใบหนึง่ มีลกู แก้วสีแดงเหมือนกัน 4 ลูก และมีลกู แก้วสีนา้ เงินเหมือนกันจานวนหนึง่ สุม่ หยิบลูกแก้ว 1 ลูกจาก
กล่อง ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้ลกู แก้วสีนา้ เงินเป็ นสองเท่าของความน่าจะเป็ นที่จะได้ลกู แก้วสีแดง ถ้าสุม่ หยิบลูกแก้ว
2 ลูกจากกล่อง ความน่าจะเป็ นที่จะได้ลกู แก้วเหมือนกันทัง้ สองลูกตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. 49 2. 12 3. 33 5
4. 16
33
5. 17
33
𝑎 𝑎2 1 1 1 1
16. ให้ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเมทริกซ์มิติ 3 × 3 กาหนดโดย 𝐴 = [𝑏 𝑏 2 1] และ 𝐵 = [ 𝑎 𝑏 𝑐]
𝑐 𝑐2 1 𝑏𝑐 𝑐𝑎 𝑎𝑏
เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริงบวกทีแ่ ตกต่างกัน ค่าของ det 𝐵 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. det 𝐴 2. − det 𝐴 3. √𝑎𝑏𝑐 (det 𝐴)
4. 𝑎𝑏𝑐(det 𝐴) 5. 𝑎2 𝑏2𝑐 2(det 𝐴)
18. กาหนดให้ ABC เป็ นสามเหลีย่ มโดยที่มีความยาวด้านตรงข้ามมุม A มุม B และมุม C เท่ากับ 𝑎 หน่วย 𝑏 หน่วย
และ 𝑐 หน่วย ตามลาดับ ถ้า 𝑏 = √6+1 √2 , 𝑐 = √6−1 √2 และมุม A มีขนาด 60° พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
√3
(ก) 𝑎 =
2
(ข) sin2 𝐵 + sin2 𝐶 = 1
2 0 𝑎 𝑏
20. กาหนดให้ 𝐴 = [−1 1
] และ 𝐵=[ ] เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 เป็ นจานวนจริงใดๆ โดยที่ 𝐵 = 𝐴−1 𝐵𝐴
𝑐 𝑑
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 0 2. −𝑎 + 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 0 3. 𝑎−𝑏+𝑐+𝑑=0
4. 𝑎 + 𝑏 − 𝑐 + 𝑑 = 0 5. 𝑎+𝑏+𝑐−𝑑=0
8 PAT 1 (ต.ค. 59)
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สามข้อ
PAT 1 (ต.ค. 59) 9
24. กาหนดให้ 𝑎⃑ และ 𝑏⃑⃑ เป็ นเวกเตอร์ โดยที่ 𝑎⃑ ∙ 𝑏⃑⃑ = 15 , |𝑎⃑| = 6 และ (2𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑) ∙ (𝑎⃑ − 𝑏⃑⃑) = 32
ค่าของ |𝑎⃑ − 2𝑏⃑⃑| เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 4 2. √76 3. 9
4. √106 5. √136
1. 0 2. 0.5 3. 1 4. 2.5 5. 4
1 1
26. ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑎(1 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 = √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 แล้ว 𝑎 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1 1
2𝜋 2𝜋 3𝜋 𝜋 3𝜋
1. 5
2. 7
3. 7
4. 3
5. 8
10 PAT 1 (ต.ค. 59)
16−𝑥
27. ให้ 𝐴 เป็ นเซตคาตอบของอสมการ (log 9 4)𝑥 +2𝑥 < (22 log2(log3 2) )
2
30. ให้ 𝐴 เป็ นเซตของจานวนจริง 𝑥 ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับสมการ 2 log 1 (4𝑥 + 24) + log 2(8 − 4𝑥 − 𝑥 2 ) = 0
4
ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนเต็มในเซต 𝐴 ที่มีคา่ มากที่สดุ แล้วค่าของ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
(𝑎 + 1)2
1. 1 2. 4 3. 9 4. 16 5. 25
32. ให้เวกเตอร์ 𝑣⃑ = 𝑎𝑖⃑ + 𝑏𝑗⃑ + 𝑐𝑘⃑⃑ เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง และให้เวกเตอร์ 𝑢⃑⃑ = 𝑖⃑ − 𝑘⃑⃑
และ 𝑤 ⃑⃑⃑ = 2𝑖⃑ + 𝑗⃑ + 2𝑘⃑⃑ ถ้าเวกเตอร์ 𝑣⃑ มีทิศทางเดียวกับเวกเตอร์ 𝑢
⃑⃑ × 𝑤⃑⃑⃑ และขนาดของเวกเตอร์ 𝑣⃑ เท่ากับ
6√2 หน่วย แล้วค่าของ 𝑎 − 𝑏 + 𝑐 เท่ากับเท่าใด
12 PAT 1 (ต.ค. 59)
𝑛2 +𝑎 21
33. ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑛−1 = แล้วค่าของ 𝑎 เท่ากับเท่าใด
n 1 3 2
34. ให้ 𝐴 เป็ นเซตของจานวนจริง 𝑥 ∈ (0, 2𝜋) ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับสมการ cos 2𝑥 + sin 𝑥 = tan 225°
ถ้า 𝜃 เป็ นผลบวกของสมาชิกทัง้ หมดในเซต 𝐴 แล้วค่าของ cos 𝜃 − cos 𝜃3 เท่ากับเท่าใด
3
35. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = |𝑥 − 1| + |𝑥 + 2| เมื่อ −3 ≤ 𝑥 ≤ 3 ค่าของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ากับเท่าใด
3
PAT 1 (ต.ค. 59) 13
2 2
36. ค่าของ 13 sin(2 arctan 3) + 4 tan2 (arccos 3) เท่ากับเท่าใด
โดยที่ 1 ≤ 𝑥𝑖 ≤ 25 สาหรับ 𝑖 = 1, 2, 3, 4, 5
5 5 5 5
𝑥𝑖2 = 175 , 𝑥𝑖 𝑦𝑖 = 1575 , (𝑥𝑖 + 𝑦𝑖 ) = 275 , (20𝑥𝑖 − 𝑦𝑖 ) = 250
i 1 i 1 i 1 i 1
2𝑥 + 22−𝑥 − 5
42. ค่าของ lim
x2 −
𝑥 เท่ากับเท่าใด
2 2 − 21−𝑥
43. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจานวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏
2
เป็ นจานวนจริง และสอดคล้องกับ 𝑓 ′′ (1) = 3𝑓 ′ (1) และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 18
1
44. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจานวนจริง โดยที่ 2𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥 −1 ) = 𝑥 + 𝑥 −1 เมื่อ
3 𝑎
𝑥 ≠ 0 ถ้า |𝑓 (4)| = 𝑏 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนเต็มบวก โดยที่ ห.ร.ม. ของ 𝑎 และ 𝑏 เท่ากับ 1
แล้วค่าของ 𝑎 + 𝑏 เท่ากับเท่าใด
1 2𝑥+3𝑦 12 1 3𝑥−2𝑦 1 5
45. กาหนดให้ 𝑥 ≥ 0 และ 𝑦 ≥ 0 ถ้า (√2−1 ) ≤ (√2 + 1) และ (
√2+1
) ≥ (
√2+1
)
แล้ว 2𝑥 + 5𝑦 มีคา่ มากที่สดุ เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (ต.ค. 59) 17
เฉลย
1. 1 11. 4 21. 4 31. 4 41. 5610
2. 2 12. 3 22. 1 32. 12 42. 12
3. 3 13. 4 23. 1 33. 4 43. 30
4. 5 14. 3 24. 2 34. 1.5 44. 37
5. 1 15. 5 25. 2 35. 23 45. 20
6. 3 16. 1 26. 5 36. 17
7. 2 17. 4 27. 2 37. 4
8. 4 18. 1 28. 4 38. 174.5
9. 5 19. 4 29. 3 39. 43.5
10. 3 20. 5 30. 3 40. 64.25
แนวคิด
1. กาหนดให้ 𝑝 และ 𝑞 เป็ นประพจน์ใดๆ พิจารณาประพจน์ตอ่ ไปนี ้
(ก) 𝑝 → [(𝑝 → 𝑞) → 𝑞] เป็ นสัจนิรนั ดร์
(ข) 𝑝 ↔ [(𝑝 ∧ (𝑞 → 𝑝)) → 𝑞] ไม่เป็ นสัจนิรนั ดร์
(ค) ถ้า (𝑝 → 𝑞) ∧ (𝑞 → 𝑝) มีคา่ ความจริงเป็ น จริง
แล้ว [𝑝 → (𝑝 → 𝑞)] → (𝑝 ∧ 𝑞) มีคา่ ความจริงเป็ น เท็จ
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สามข้อ
ตอบ 1
(ก) ใช้วธิ ี สมมติให้เป็ น F (ข) ↔ ต้องเช็คว่า ซ้าย ≡ ขวา หรือไม่
𝑝 → [(𝑝 → 𝑞) → 𝑞] 𝑝≡ ( 𝑝 ∧ (𝑞 → 𝑝)) → 𝑞
F ≡ ( 𝑝 ∧ (~𝑞 ∨ 𝑝)) → 𝑞
T F ≡ ((F ∨ 𝑝) ∧ (~𝑞 ∨ 𝑝)) → 𝑞
T F ≡ ( (F ∧ ~𝑞) ∨ 𝑝 ) → 𝑞
T F ≡ ( F ∨𝑝 )→𝑞
ขัดแย้ง ≡ 𝑝 →𝑞
เกิดข้อขัดแย่ง แสดงว่าเป็ น F ไม่ได้ จะเห็นว่า ซ้าย กับ ขวา ไม่สมมูลกัน
ดังนัน้ เป็ นสัจนิรนั ดร์ → (ก) ถูก ดังนัน้ ไม่เป็ นสัจนิรนั ดร์ → (ข) ถูก
(ค) (𝑝 → 𝑞) ∧ (𝑞 → 𝑝) จะมีสตู รสมมูลกับ 𝑝 ↔ 𝑞 ซึง่ จะเป็ นจริงได้ 2 แบบ คือ 𝑝, 𝑞 ≡ T ทัง้ คู่ กับ 𝑝, 𝑞 ≡ F ทัง้ คู่
กรณี 𝑝, 𝑞 ≡ T ทัง้ คู่ จะได้ [𝑝 → (𝑝 → 𝑞)] → (𝑝 ∧ 𝑞) ≡ [T → (T → T)] → (T ∧ T)
≡ T → T ≡T
เมื่อมีกรณีที่ [𝑝 → (𝑝 → 𝑞)] → (𝑝 ∧ 𝑞) เป็ นจริง จะสรุ ปได้เลยว่า (ค) ผิด โดยไม่ตอ้ งทากรณีที่เหลือ → (ค) ผิด
18 PAT 1 (ต.ค. 59)
2𝑥 ∈ (4, 32)
+ − +
2𝑥 ∈ (22 , 25 )
4 32 𝑥 ∈ (2, 5) → เป็ นสับเซตของ ข้อ 3.
𝑥 + 1 , −1 < 𝑥 < 1
7. กาหนดให้ 𝑓 และ 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ 𝑓(𝑥) = {
3 , 𝑥≥1
1
และ 𝑔(𝑥) =
√1−𝑥 2
เมื่อ −1 < 𝑥 < 1
พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
(ก) (𝑓 ∘ 𝑔)(𝑥) = 3 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
1
(ข) (𝑓𝑔)(𝑥) = √1−𝑥 2
+ 1 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
(ค) (𝑔𝑓 ) (𝑥) = (𝑥 + 1)√1 − 𝑥 2 สาหรับทุก 𝑥 ∈ (−1, 1)
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สามข้อ
ตอบ 2
1 1
(ก) (𝑓 ∘ 𝑔)(𝑥) = 𝑓(𝑔(𝑥)) = 𝑓(
√1−𝑥 2
) → จะพิจารณาค่าของ √1−𝑥 2
เพื่อดูเงื่อนไขของ 𝑓(𝑥)
เมื่อ 𝑥 ∈ (−1, 1) จะได้ 0 ≤ 𝑥2 < 1 คูณ −1 ตลอด (ต้องกลับ มากกว่า ↔ น้อยกว่า)
0 ≥ −𝑥 2 > −1 บวก 1 ตลอด
1 ≥ 1 − 𝑥2 > 0
ถอดรูทตลอด (1 − 𝑥 2 > 0 ไม่ตอ้ งกลัวว่าในรูทจะติดลบ)
1 ≥ √1 − 𝑥 2 > 0
1 ÷ √1 − 𝑥 2 ตลอด (√1 − 𝑥 2 > 0 ไม่ตอ้ งกลับ
≥ 1 > 0
√1−𝑥 2 มากกว่า ↔ น้อยกว่า)
1 1
จะได้ √1−𝑥 2
≥ 1 ดังนัน้ 𝑓(
√1−𝑥 2
) ต้องใช้สตู รล่าง → = 3 จะได้ (ก) ถูก
(ข) (𝑓𝑔)(𝑥) = 𝑓(𝑥) ∙ 𝑔(𝑥)
1
𝑥 ∈ (−1, 1) ดังนัน้ 𝑓(𝑥) ต้องใช้สตู รบน
= (𝑥 + 1) ∙
√1−𝑥 2
𝑥 1
=
√1−𝑥 2
+
√1−𝑥 2
→ ไม่ตรงกับที่ (ข) บอก → (ข) ผิด
𝑓 𝑓(𝑥)
(ค) (𝑔) (𝑥) = 𝑔(𝑥)
𝑥 ∈ (−1, 1) ดังนัน้ 𝑓(𝑥) ต้องใช้สตู รบน
𝑥+1
= 1
√1−𝑥2
เช่น 2 ⊗ 𝑏 = (1 + 1) ⊗ 𝑏
จาก (ข) 3 ⊗ 𝑏 = (1 + 2) ⊗ 𝑏
จาก (ข)
= 1 ⊗ (1 ⊗ 𝑏) จาก (ก) = 2 ⊗ (2 ⊗ 𝑏) จาก (∗)
= 1⊗ 𝑏 = 2⊗ 𝑏
2⊗𝑏 = 𝑏 …(∗) 3⊗𝑏 = 𝑏 …(∗∗)
4 ⊗ 𝑏 = (1 + 3) ⊗ 𝑏
จาก (ข)
= 3 ⊗ (3 ⊗ 𝑏) จาก (∗∗)
จะเห็นว่าเราสามารถทาซา้ กระบวนการดังกล่าวได้เรือ่ ยๆ = 3⊗ 𝑏
4⊗𝑏 = 𝑏 …(∗∗∗)
ดังนัน้ จะสรุปได้วา่ 𝑎 ⊗ 𝑏 = 𝑏 เมือ่ 𝑎 เป็ นจานวนเต็มบวกใดๆ
ดังนัน้ 𝐴 = (2 ⊗ 5) + (5 ⊗ 9) 𝐵 = 2 ⊗ (5 ⊗ (5 ⊗ 9)) 𝐶 = ((9 ⊗ 5) ⊗ 5) ⊗ 2
= 5 + 9 = 2 ⊗ (5 ⊗ 9 ) = ??? ⊗2
= 14 = 2⊗ 9 = 2
= 9
ดังนัน้ 𝐶 < 𝐵 < 𝐴
3
11. ถ้า cos 𝜃 =
5
และ 𝜋 < 𝜃 < 2𝜋 แล้ว 100 cot 𝜃2 cosec 𝜃2 sin 5𝜃
2
ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. −41 2. −164 3. −205
4. −328 5. −656
ตอบ 4
𝜃
𝜃 𝜃 5𝜃 cos 1 5𝜃
2
100 cot cosec sin = 100 ∙ 𝜃 ∙ 𝜃 ∙ sin
2 2 2 sin 2
sin
2 2
5𝜃 𝜃
2 sin cos
2 2
= 100 ∙ 𝜃
2 sin2
2
5𝜃 𝜃 5𝜃 𝜃
sin( + ) + sin( − )
2 2 2 2
= 100 ∙ 1−cos 𝜃
sin 3𝜃 + sin 2𝜃
= 100 ∙ 1−cos 𝜃
…(∗)
𝑥−1
12. ให้ 𝑓 = { (𝑥, 𝑦) ∈ ℝ × ℝ | 𝑦 = √2−𝑥−𝑥 2
} เมื่อ ℝ แทนเซตของจานวนจริง
โดเมนของ 𝑓 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. (−∞, −2) 2. (−∞, −2) ∪ (1, ∞) 3. (−2, 1)
4. (−∞, −1) ∪ (2, ∞) 5. (−1, 2)
ตอบ 3
จาก ในรูท ≥ 0 และ ส่วน ≠ 0 จะได้ 2 − 𝑥 − 𝑥 2 > 0
0 > 𝑥2 + 𝑥 − 2
0 > (𝑥 + 2)(𝑥 − 1)
+ − + → 𝑥 ∈ (−2, 1)
−2 1
8
6
5
10 6 8
3
8 A
นารูปทัง้ 3 มาซ้อนกัน จะได้ดงั รูป 6 B
จะได้จดุ มุมคือ A(0, 8) และ D(10, 0)
5 C กับ B กับ C ที่ยงั ไม่รูพ้ ิกดั
D
8 6 10
3
𝑥 + 2𝑦 ≥ 10
𝑥+𝑦≥6
3𝑥 + 𝑦 ≥ 8
หา B : 3𝑥 + 𝑦 = 8 …(1) หา C : 𝑥 + 𝑦 = 6 …(2)
𝑥+𝑦 = 6 …(2) 𝑥 + 2𝑦 = 10 …(3)
(1) − (2) : 2𝑥 = 2 (3) − (2) : 𝑦 = 4
𝑥 = 1 (2) : 𝑥+4 = 6
(2) : 1+𝑦 = 6 𝑥 = 2
𝑦 = 5 จะได้ C(2, 4)
จะได้ B(1, 5)
แทนจุดมุมทุกจุดใน 𝑃 = 4𝑥 + 5𝑦 แล้วเลือกจุดที่ได้คา่ 𝑃 น้อยที่สดุ
A(0, 8) 𝑃 = 4(0) + 5(8) = 40
B(1, 5) 𝑃 = 4(1) + 5(5) = 29
C(2, 4) 𝑃 = 4(2) + 5(4) = 28 → 𝑃 น้อยสุด = 28
D(10, 0) 𝑃 = 4(10) + 5(0) = 40
26 PAT 1 (ต.ค. 59)
15. กล่องใบหนึง่ มีลกู แก้วสีแดงเหมือนกัน 4 ลูก และมีลกู แก้วสีนา้ เงินเหมือนกันจานวนหนึง่ สุม่ หยิบลูกแก้ว 1 ลูกจาก
กล่อง ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้ลกู แก้วสีนา้ เงินเป็ นสองเท่าของความน่าจะเป็ นที่จะได้ลกู แก้วสีแดง ถ้าสุม่ หยิบลูกแก้ว
2 ลูกจากกล่อง ความน่าจะเป็ นที่จะได้ลกู แก้วเหมือนกันทัง้ สองลูกตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. 49 2. 12 3. 33 5
4. 16
33
5. 17
33
ตอบ 5
ในการหยิบ 1 ลูก โจทย์ให้ 𝑃(ได้สีนา้ เงิน) = 2 𝑃(ได้สเี ดง) → แสดงว่าต้องมีลกู แก้วสีนา้ เงินเป็ น 2 เท่าของสีแดง
แต่โจทย์กาหนดให้มีสแี ดง 4 ลูก ดังนัน้ จะมีลกู แก้วสีนา้ เงิน 8 ลูก รวมลูกแก้วทัง้ หมด 4 + 8 = 12 ลูก
12 ∙ 11
ถัดมา หยิบ 2 ลูก จะได้จานวนแบบทัง้ หมด 𝑛(𝑆) = (12 2
) = 2 = 66 แบบ
จานวนแบบที่ได้สเี หมือนกัน จะแบ่งเป็ น 2 กรณี
กรณีได้สแี ดงเหมือนกันทัง้ 2 ลูก : มีสแี ดง 4 ลูก ดังนัน้ จะได้จานวนแบบ = (42) = 42∙ 3 = 6 แบบ
กรณีได้สนี า้ เงินเหมือนกันทัง้ 2 ลูก : มีสนี า้ เงิน 8 ลูก ดังนัน้ จะได้จานวนแบบ = (82) = 82∙ 7 = 28 แบบ
รวมสองกรณี จะได้ 𝑛(𝐸) = 6 + 28 = 34 แบบ
จะได้ความน่าจะเป็ น = 𝑛(𝐸) 𝑛(𝑆)
34
= 66 = 33
17
𝑎 𝑎2 1 1 1 1
16. ให้ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเมทริกซ์มิติ 3 × 3 กาหนดโดย 𝐴 = [𝑏 2
𝑏 1 ] และ 𝐵 = [ 𝑎 𝑏 𝑐]
2 𝑏𝑐 𝑐𝑎 𝑎𝑏
𝑐 𝑐 1
เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริงบวกทีแ่ ตกต่างกัน ค่าของ det 𝐵 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. det 𝐴 2. − det 𝐴 3. √𝑎𝑏𝑐 (det 𝐴)
4. 𝑎𝑏𝑐(det 𝐴) 5. 𝑎2 𝑏2𝑐 2(det 𝐴)
ตอบ 1
ใช้สตู ร det ของเมทริกซ์ 3 × 3 จะได้ det 𝐴 = 𝑎𝑏2 + 𝑎2 𝑐 + 𝑏𝑐 2 − 𝑏2 𝑐 − 𝑎𝑐 2 − 𝑎2 𝑏
เท่ากัน
และ det 𝐵 = 𝑎𝑏2 + 𝑏𝑐 2 + 𝑎2 𝑐 − 𝑏2 𝑐 − 𝑎𝑐 2 − 𝑎2 𝑏
ดังนัน้ det 𝐴 = det 𝐵
หมายเหตุ : ข้อนีจ้ ะใช้วิธีแปลงรูปเมทริกซ์ก็ได้ ดังนี ้
𝑎 𝑎2 1 1
𝑎 𝑎2 𝑎𝑏𝑐 𝑎∙𝑏∙𝑐
1 𝑎 𝑏𝑐 1 𝑎 𝑏𝑐 1 1 1
|𝑏 𝑏2 1| = 𝑎𝑏𝑐
|𝑏 𝑏2 𝑎𝑏𝑐 | = 𝑎𝑏𝑐
|1 𝑏 𝑎𝑐 | = |1 𝑏 𝑎𝑐 | = | 𝑎 𝑏 𝑐|
𝑐 𝑐2 1 𝑐 𝑐2 𝑎𝑏𝑐 1 𝑐 𝑎𝑏 1 𝑐 𝑎𝑏 𝑏𝑐 𝑐𝑎 𝑎𝑏
ดึง 𝑎 ออกจากแถว 1
คูณ 𝑎𝑏𝑐 ให้หลัก 3 ทรานสโพส → det ไม่เปลี่ยน
ดึง 𝑏 ออกจากแถว 2
ดึง 𝑐 ออกจากแถว 3
PAT 1 (ต.ค. 59) 27
18. กาหนดให้ ABC เป็ นสามเหลีย่ มโดยที่มีความยาวด้านตรงข้ามมุม A มุม B และมุม C เท่ากับ 𝑎 หน่วย 𝑏 หน่วย
และ 𝑐 หน่วย ตามลาดับ ถ้า 𝑏 = √6+1 √2 , 𝑐 = √6−1 √2 และมุม A มีขนาด 60° พิจารณาข้อความต่อไปนี ้
√3
(ก) 𝑎 =
2
(ข) sin2 𝐵 + sin2 𝐶 = 1
2 0 𝑎 𝑏
20. กาหนดให้ 𝐴 = [−1 1
] และ 𝐵 = [ ] เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 เป็ นจานวนจริงใดๆ โดยที่ 𝐵 = 𝐴−1 𝐵𝐴
𝑐 𝑑
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 0 2. −𝑎 + 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 0 3. 𝑎 − 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 0
4. 𝑎 + 𝑏 − 𝑐 + 𝑑 = 0 5. 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 − 𝑑 = 0
ตอบ 5
จาก 𝐵 = 𝐴−1 𝐵𝐴
ย้ายข้าง 𝐴
−1
𝐴𝐵 = 𝐵𝐴
2 0 𝑎 𝑏 𝑎 𝑏 2 0
[ ][ ] = [ ][ ]
−1 1 𝑐 𝑑 𝑐 𝑑 −1 1
2𝑎 2𝑏 2𝑎 − 𝑏 𝑏 2𝑎 = 2𝑎 − 𝑏 …(1)
[ ]= [ ] 2𝑏 = 𝑏 …(2)
−𝑎 + 𝑐 −𝑏 + 𝑑 2𝑐 − 𝑑 𝑑
เทียบสมาชิก −𝑎 + 𝑐 = 2𝑐 − 𝑑 …(3)
ตาแหน่งต่อตาแหน่ง −𝑏 + 𝑑 = 𝑑 …(4)
จาก (1) จะได้ 𝑏 = 0 ซึง่ จะทาให้ (2) และ (4) จริงไปด้วย
จาก (3) จะได้ 0 = 𝑎 + 𝑐 − 𝑑
และจาก 𝑏 = 0 จะได้ 0 = 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 − 𝑑 ด้วย → ตรงกับข้อ 5.
30 PAT 1 (ต.ค. 59)
C B
นา A, B, C ไปวาดรูป จะได้ −3 2
จะได้พนื ้ ที่ ∆ABC =
1
2
× BC × ℎ
1 12
−
12 = 2
× (2 − (−3)) × ( 5 )
A 5
= 6
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง
1. ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด 2. ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3. ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด 4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทัง้ สามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทัง้ สามข้อ
ตอบ 1
จากสูตรความแปรปรวน 𝑣 = 𝑠2 ดังนัน้ 𝑠 2 = 25 จากสูตร สปส การแปรผัน = 𝑥̅𝑠 ดังนัน้ 𝑠
𝑥̅
=
62.5
100
𝑠 = 5 5 2.5
𝑥̅
= 4
8 = 𝑥̅
∑ 𝑥𝑖2
ก. จากสูตร 𝑠2 = 𝑁
− 𝑥̅ 2
∑ 𝑥𝑖2
25 = 𝑁
− 82
∑ 𝑥𝑖2
89 =
𝑁
ดังนัน้ ค่าเฉลีย่ เลขคณิตของ 𝑥12 , 𝑥22 , … , 𝑥10
2
= 89 → (ก) ถูก
ข. การคูณข้อมูลทุกตัวด้วย 𝑘 จะทาให้สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเปลีย่ นเป็ น |𝑘| เท่าของของเดิม
ข้อมูล −𝑥1 , −𝑥2 , … , −𝑥10 เกิดจากการคูณข้อมูลเดิมทุกตัวด้วย −1
ดังนัน้ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานใหม่ = |−1| 𝑠 = |−1|(5) = 5 → (ข) ถูก
10
ค. จากสมบัติของ 𝑥̅ จะได้วา่ (𝑥𝑖 − 𝑎)2 มีคา่ น้อยที่สดุ เมื่อ 𝑎 = 𝑥̅ = 8
i 1
10
จึงสรุปไมได้วา่ (𝑥𝑖 − 5)2 มีคา่ น้อยที่สดุ → (ค) ผิด
i 1
32 PAT 1 (ต.ค. 59)
24. กาหนดให้ 𝑎⃑ และ 𝑏⃑⃑ เป็ นเวกเตอร์ โดยที่ 𝑎⃑ ∙ 𝑏⃑⃑ = 15 , |𝑎⃑| = 6 และ (2𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑) ∙ (𝑎⃑ − 𝑏⃑⃑) = 32
ค่าของ |𝑎⃑ − 2𝑏⃑⃑| เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 4 2. √76 3. 9
4. √106 5. √136
ตอบ 2
การดอท สามารถกระจายในการบวกลบเวกเตอร์ได้ ดังนัน้
(2𝑎⃑ + 𝑏⃑⃑) ∙ (𝑎⃑ − 𝑏⃑⃑) = 32 และจากสูตร |𝑢̅ − 𝑣̅ |2 = |𝑢̅|2 + |𝑣̅ |2 − 2𝑢̅ ∙ 𝑣̅
⃑⃑ ⃑⃑ ⃑⃑ ⃑⃑
2𝑎⃑ ∙ 𝑎⃑ − 2𝑎⃑ ∙ 𝑏 + 𝑏 ∙ 𝑎⃑ − 𝑏 ∙ 𝑏 = 32 2 2
2 𝑢̅ ∙ 𝑢̅ = |𝑢̅|2 จะได้ |𝑎⃑ − 2𝑏⃑⃑| = |𝑎⃑|2 + |2𝑏⃑⃑| − 2𝑎⃑ ∙ 2𝑏⃑⃑
2 |𝑎⃑|2 − 𝑎⃑ ∙ 𝑏⃑⃑ − |𝑏⃑⃑| = 32 2
2 = |𝑎⃑|2 + 4|𝑏⃑⃑| − 4𝑎⃑ ∙ 𝑏⃑⃑
2(62 ) − 15 − |𝑏⃑⃑| = 32
2 = 62 + 4(52 ) − 4(15)
25 = |𝑏⃑⃑| = 76
5 = |𝑏⃑⃑|
ดังนัน้ |𝑎⃑ − 2𝑏⃑⃑| = √76
1. 0 2. 0.5 3. 1 4. 2.5 5. 4
ตอบ 2
𝑎𝑛
จัดรูป 𝑎 โดยจะย้อน 𝑎𝑛+2 → 𝑎𝑛+1 → 𝑎𝑛 ตามลาดับ
𝑛+2 −𝑎𝑛+1
จาก 𝑎𝑛 = 2𝑎𝑛−1 + 3
𝑎𝑛 𝑎𝑛 𝑎𝑛 𝑎𝑛 𝑎𝑛 𝑎𝑛 1
ดังนัน้ 𝑎𝑛+2 −𝑎𝑛+1
= 2𝑎𝑛+1 +3 − 𝑎𝑛+1
= 𝑎𝑛+1 + 3
= 2𝑎𝑛 +3 + 3
= 2𝑎𝑛 +6
=
𝑎𝑛 (2 +
6
)
=
2+
6
𝑎𝑛 𝑎𝑛
(ดึง 𝑎𝑛 ออกมาตัดกับข้างบน)
1 1
26. ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑎(1 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 = √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 แล้ว 𝑎 ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1 1
2𝜋 2𝜋 3𝜋 𝜋 3𝜋
1. 5
2. 7
3. 7
4. 3
5. 8
ตอบ 5
1 1
𝑎(1 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 → จะอินทิเกรตไม่ออก
1 1
1
= 𝑎 1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 ต้องหาจากพืน้ ที่ใต้กราฟ 𝑦 = √1 − 𝑥 2 ตัง้ แต่ 𝑥 = −1 ถึง 1
1
𝑦2 = 1 − 𝑥2 ; 𝑦 ≥ 0
𝑥3 1
= 𝑎 ( 𝑥− | ) 𝑥 + 𝑦2 = 1
2
3
−1 เพราะ 𝑦 = ผลรูท
1 −1 เป็ นวงกลม ที่ 𝑦 ≥ 0
= 𝑎 ( (1 − 3) − (−1 − 3
)) จะเป็ นลบไม่ได้
1 1
= 𝑎 ( 1−3 +1− )
3 −1 1
4𝑎
= 1
3
ดังนัน้ √1 − 𝑥 2 𝑑𝑥 = พืน้ ที่ครึง่ วงกลม รัศมี 1 หน่วย (ครึง่ บน)
1
1 𝜋
= 2
𝜋(12 ) = 2
4𝑎 𝜋 3𝜋
โจทย์ให้สองฝั่งเท่ากัน ดังนัน้ 3
= 2
ซึง่ จะได้ 𝑎= 8
16−𝑥
27. ให้ 𝐴 เป็ นเซตคาตอบของอสมการ (log 9 4)𝑥 +2𝑥 < (22 log2(log3 2) )
2
+ − +
จะได้เซตคาตอบคือ (−∞, −8) ∪ (4, ∞)
−8 4 ซึง่ จะเป็ นสับเซตของ (−∞, −7) ∪ (4, ∞) ในข้อ 2.
34 PAT 1 (ต.ค. 59)
30. ให้ 𝐴 เป็ นเซตของจานวนจริง 𝑥 ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับสมการ 2 log 1 (4𝑥 + 24) + log 2(8 − 4𝑥 − 𝑥 2 ) = 0
4
ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนเต็มในเซต 𝐴 ที่มีคา่ มากที่สดุ แล้วค่าของ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
(𝑎 + 1)2
1. 1 2. 4 3. 9 4. 16 5. 25
ตอบ 3
2 log 1 (4𝑥 + 24) + log 2 (8 − 4𝑥 − 𝑥 2 ) = 0
4
2 log 2−2 (4𝑥 + 24) + log 2 (8 − 4𝑥 − 𝑥 2 ) = 0 1
2 log 𝑎𝑛 𝑥 = log 𝑎 𝑥
−2
log 2 (4𝑥 + 24) + log 2 (8 − 4𝑥 − 𝑥 2 ) = 0 𝑛
𝐴 𝐵 𝐴 𝐵 𝐴 𝐵 𝐴 𝐵
𝐶 𝐶 𝐶 𝐶
′) ′) ′
𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 = 25 𝑛(𝐵 − 𝐶) = 18 𝑛(𝐶 ∩ 𝐴 = 16 𝑛((𝐴 ∪ 𝐵) − 𝐶) = 7
=𝐴−𝐵 =𝐶−𝐴 = (𝐴 ∪ 𝐵)′ ∩ 𝐶 ′
= (𝐴 ∪ 𝐵 ∪ 𝐶)′
𝐴 𝐵
ถ้านาส่วนที่แรเงาทัง้ 4 รูปมารวมกัน
= 25 + 18 + 16 + 7
จะได้เกือบครบทุกส่วน (ยกเว้นตรงกลาง) ดังรูป = 66
𝐶
32. ให้เวกเตอร์ 𝑣⃑ = 𝑎𝑖⃑ + 𝑏𝑗⃑ + 𝑐𝑘⃑⃑ เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง และให้เวกเตอร์ 𝑢⃑⃑ = 𝑖⃑ − 𝑘⃑⃑
และ 𝑤 ⃑⃑⃑ = 2𝑖⃑ + 𝑗⃑ + 2𝑘⃑⃑ ถ้าเวกเตอร์ 𝑣⃑ มีทิศทางเดียวกับเวกเตอร์ 𝑢
⃑⃑ × 𝑤⃑⃑⃑ และขนาดของเวกเตอร์ 𝑣⃑ เท่ากับ
6√2 หน่วย แล้วค่าของ 𝑎 − 𝑏 + 𝑐 เท่ากับเท่าใด
ตอบ 12
1 2 (0)(2) − (−1)(1) 1 เวกเตอร์ขนาด 𝑘 หน่วย
𝑢 ⃑⃑⃑ = [ 0 ] × [1] = [(−1)(2) − (1)(2)] = [−4]
⃑⃑ × 𝑤
−1 2 (1)(1) (0)(2) 1
ในทิศของ 𝑢⃑⃑ คือ |𝑢𝑘⃑⃑| 𝑢⃑⃑
−
ดังนัน้ |𝑢 ⃑⃑⃑| = √12 + (−4)2 + 12 = √18 = 3√2
⃑⃑ × 𝑤
1 1 2 𝑎
6 √2
จะได้เวกเตอร์ขนาด 6√2 หน่วย ในทิศ 𝑢⃑⃑ × 𝑤
⃑⃑⃑ คือ 3 2 [−4] = 2 [−4] = [−8] = [𝑏]
√
1 1 2 𝑐
ดังนัน้ 𝑎 − 𝑏 + 𝑐 = 2 − (−8) + 2 = 12
𝑛2 +𝑎 21
33. ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนจริงที่สอดคล้องกับ 𝑛−1 = แล้วค่าของ 𝑎 เท่ากับเท่าใด
n 1 3 2
ตอบ 4
12 +𝑎 22 +𝑎 32 +𝑎 42 +𝑎
กระจายซิกมา จะได้ 30
+ 31
+ 32
+ 33
+⋯ =
21
2
…(1)
12 +𝑎 22 +𝑎 32 +𝑎 42 +𝑎
÷ 3 ตลอดให้ตาแหน่งเลือ่ น + + + +⋯ =
7
…(2)
31 32 33 34 2
12 +𝑎 22 −12 32 −22 42 −32 14
(1) − (2) : 30
+ 31
+ 32
+ 33
+⋯ = 2
𝑎 1 3 5 7
30
+ 30 + 31
+ 32
+ 33
+⋯ = 7 …(3)
PAT 1 (ต.ค. 59) 37
𝑎 1 3 5 7
+ + + + +⋯ = 7 …(3)
30 30 31 32 33
÷ 3 ตลอด (อีกรอบ) 𝑎
+ 31 +
1 3
+
5
+
7
+⋯ =
7
…(4)
31 32 33 34 3
𝑎 1 𝑎 2 2 2 7
(3) − (4) : 30
+ 30 − 31 + 31 + 32
+ 33
+⋯ = 7−3
2 1 𝑎1
อนุกรมเรขาคณิตอนันต์ 𝑎1 = 3 และ 𝑟=3 → จะได้ผลบวก = 1−𝑟
2
𝑎 3 14
𝑎+1−3 + 1 = 3
1−
3
2𝑎 14
3
+1 + 1 = 3
2𝑎 8
3
= 3
𝑎 = 4
34. ให้ 𝐴 เป็ นเซตของจานวนจริง 𝑥 ∈ (0, 2𝜋) ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับสมการ cos 2𝑥 + sin 𝑥 = tan 225°
ถ้า 𝜃 เป็ นผลบวกของสมาชิกทัง้ หมดในเซต 𝐴 แล้วค่าของ cos 𝜃 − cos 𝜃3 เท่ากับเท่าใด
ตอบ 1.5
cos 2𝑥 + sin 𝑥 = tan 225°
1 − 2 sin2 𝑥 + sin 𝑥 = 1
0 = 2 sin2 𝑥 − sin 𝑥
0 = sin 𝑥 (2 sin 𝑥 − 1)
1
sin 𝑥 = 0 หรือ sin 𝑥 = 2
𝜋 5𝜋
𝑥 ∈ (0, 2𝜋) → 𝑥=𝜋 𝑥=6, 6
𝜋 5𝜋 𝜃 2𝜋
จะได้ผลบวกคาตอบ 𝜃 = 𝜋+6+ 6
= 2𝜋 → ดังนัน้ cos 𝜃 − cos 3 = cos 2𝜋 − cos 3
1
= 1 − (− ) = 1.5
2
3
35. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = |𝑥 − 1| + |𝑥 + 2| เมื่อ −3 ≤ 𝑥 ≤ 3 ค่าของ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 เท่ากับเท่าใด
3
ตอบ 23
จะแบ่งการอินทิเกรตในช่วง [3, −3] ที่ 𝑥 = 1 และ −2
𝑥−1: − − +
เพื่อให้รูเ้ ครือ่ งหมายบวกลบของ 𝑥 − 1 และ 𝑥 + 2 ที่อยูใ่ นค่าสัมบูรณ์ 𝑥+2: − + +
𝑎 , 𝑎≥0
แล้วใช้สมบัติ |𝑎| = {
−𝑎 , 𝑎<0
เพื่อถอดเครือ่ งหมายค่าสัมบูรณ์ −2 1
3 2 1 3
𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 + 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥
3 3 2 1
2 1 3
= −(𝑥 − 1) − (𝑥 + 2) 𝑑𝑥 + −(𝑥 − 1) + (𝑥 + 2) 𝑑𝑥 + (𝑥 − 1) + (𝑥 + 2) 𝑑𝑥
3 2 1
2 1 3
= −2𝑥 − 1 𝑑𝑥 + 3 𝑑𝑥 + 2𝑥 + 1 𝑑𝑥
3 2 1
−2 1 3
= −𝑥 2 − 𝑥 | + 3𝑥 | + 𝑥2 + 𝑥 |
−3 −2 1
= (−(−2)2 − (−2)) − (−(−3) − (−3)) + 2
3(1) − 3(−2) + (32 + 3) − (12 + 1)
38 PAT 1 (ต.ค. 59)
= 4 + 9 + 10
= 23
โดยที่ 1 ≤ 𝑥𝑖 ≤ 25 สาหรับ 𝑖 = 1, 2, 3, 4, 5
5 5 5 5
𝑥𝑖2 = 175 , 𝑥𝑖 𝑦𝑖 = 1575 , (𝑥𝑖 + 𝑦𝑖 ) = 275 , (20𝑥𝑖 − 𝑦𝑖 ) = 250
i 1 i 1 i 1 i 1
(3) ÷ 5 : 50 = 5𝑚 + 𝑐 …(5)
(4) ÷ 25 : 63 = 7𝑚 + 𝑐 …(6)
(6) − (5): 13 = 2𝑚
6.5 = 𝑚
แทนใน (5) : 50 = 5(6.5) + 𝑐
17.5 = 𝑐
จะได้สมการ คือ 𝑦̂ = 6.5𝑥 + 17.5 → เมื่อ 𝑥=4 จะได้ 𝑦̂ = 6.5(4) + 17.5 = 43.5
ตอบ 5610
จาก 𝑢𝑘 = 𝑎𝑛
2k
จะได้
10
𝑢5 = 𝑎𝑛 = 𝑎5 + 𝑎6 + … + 𝑎10
เติม 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , 𝑎4 ทัง้ สองฝั่ง
nk n 5 เพื่อให้ฝ่ ังซ้ายครบ 10 ตัวแรก
โจทย์ให้ 𝑢5 = 147 ดังนัน้ 𝑎5 + 𝑎6 + … + 𝑎10 = 147
𝑎1 + 𝑎2 + … + 𝑎4 + 𝑎5 + 𝑎6 + … + 𝑎10 = 147 + 𝑎1 + 𝑎2 + … + 𝑎4
อนุกรมเลขคณิต 𝑆10 = 147 + 𝑆4
10 4
𝑛
𝑆𝑛 = (2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑) (2𝑎1 + (10 − 1)𝑑) = 147 + 2 (2𝑎1 + (4 − 1)𝑑)
2
2
PAT 1 (ต.ค. 59) 41
2𝑥 + 22−𝑥 − 5
42. ค่าของ lim
x2 −
𝑥 เท่ากับเท่าใด
2 2 − 21−𝑥
ตอบ 12
2𝑥 + 22−𝑥 − 5 22 + 22−2 − 5 4+1−5 0
ถ้าแทน 𝑥=2 จะได้ −
𝑥 =
−
2 = 2−1 − 2−1
= 0
หาค่าไม่ได้ → ต้องจัดรูปให้ตดั กันก่อน
2 2 − 21−𝑥 2 2 − 21−2
2𝑥 + 22−𝑥 − 5 2𝑥 2𝑥+𝑥 + 22−𝑥+𝑥 − 5(2𝑥 )
คูณ 2𝑥 ทัง้ เศษและส่วน ให้เลขชีก้ าลังเป็ นบวก → 𝑥 ∙ 𝑥 = 𝑥
2 2 − 21−𝑥 2
− − +𝑥
2 2 − 21−𝑥+𝑥
22𝑥 + 22 −5(2𝑥 ) 22𝑥 − 5(2𝑥 ) + 4
ข้างบน แยกตัวประกอบ = 𝑥 = 𝑥
22 − 2 22 − 2
𝑥 𝑥
𝑥
22𝑥 − 5(2𝑥 ) + 4 (2𝑥 −4)(2𝑥 −1) 22 + 2 (2𝑥 −4)(2𝑥 −1)(22 + 2)
จัดรูปต่อ 𝑥 = 𝑥 ∙ 𝑥 = 2𝑥 −4
= (2𝑥 − 1)(22 + 2)
22 −2 22 −2 22 +2
43. กาหนดให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจานวนจริง โดยที่ 𝑓 ′ (𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏
2
เป็ นจานวนจริง และสอดคล้องกับ 𝑓 ′′ (1) = 3𝑓 ′ (1) และ 𝑓(𝑥) 𝑑𝑥 = 18
1
44. ให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจานวนจริง โดยที่ 2𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥 −1 ) = 𝑥 + 𝑥 −1 เมื่อ
3 𝑎
𝑥 ≠ 0 ถ้า |𝑓 (4)| = 𝑏 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนเต็มบวก โดยที่ ห.ร.ม. ของ 𝑎 และ 𝑏 เท่ากับ 1
แล้วค่าของ 𝑎 + 𝑏 เท่ากับเท่าใด
ตอบ 37
จะแทน 𝑥 = 34 กับ 43 เพื่อให้ 𝑥 กับ 𝑥 −1 กลับมาซา้ ทีเ่ ดิม
จาก 2𝑓(𝑥) − 𝑓(𝑥 −1 ) = 𝑥 + 𝑥 −1 แทน 𝑥 = 34 จะได้ 2𝑓 (34) − 𝑓 (43) = 34 + 43 = 25 12
…(1)
4 4 3 4 3 25
แทน 𝑥=3 จะได้ 2𝑓 (3) − 𝑓 (4) = 3
+4 = 12
…(2)
1 2𝑥+3𝑦 12 1 3𝑥−2𝑦 1 5
45. กาหนดให้ 𝑥 ≥ 0 และ 𝑦 ≥ 0 ถ้า (√2−1 ) ≤ (√2 + 1) และ (
√2+1
) ≥ (
√2+1
)
แล้ว 2𝑥 + 5𝑦 มีคา่ มากที่สดุ เท่ากับเท่าใด
ตอบ 20
1 2𝑥+3𝑦 12 3𝑥−2𝑦 5
( ) ≤ (√2 + 1) 1 1
√2−1 ( ) ≥ ( )
√2+1 √2+1
2𝑥+3𝑦 12
1 √2+1
( 2−1 ∙ 2+1) ≤ (√2 + 1) ตัดฐาน √2+11
ทัง้ สองฝั่ง
√ √
√2+1
2𝑥+3𝑦 12 ต้องกลับเครือ่ งหมาย ≥ เป็ น ≤ ด้วย
( 2−1 ) ≤ (√2 + 1) 1 1 1
เนื่องจาก √2+1 ≈
1.4+1
= <1
2.4
2𝑥+3𝑦 12
(√2 + 1) ≤ (√2 + 1)
ตัดฐาน √2 + 1 ทัง้ สองฝั่ง 3𝑥 − 2𝑦 ≤ 5
ไม่ตอ้ งกลับเครือ่ งหมาย เนื่องจาก √2 + 1 > 1
2𝑥 + 3𝑦 ≤ 12
โจทย์ถามค่ามากสุดของ 2𝑥 + 5𝑦 → ต้องใช้กาหนดการเชิงเส้น
2𝑥 + 3𝑦 ≤ 12 3𝑥 − 2𝑦 ≤ 5 𝑥 ≥ 0 และ 𝑦 ≥ 0 → เอาเฉพาะใน Q1
3𝑥 − 2𝑦 = 5
A
4 4
B
D C
5 5
6
5 3 3
− 2𝑥 + 3𝑦 = 12
2
5
𝑥=0 → 𝑦=4 𝑥=0 → 𝑦 = −
𝑦=0 → 𝑥=6 5
2 หา B :
2𝑥 + 3𝑦 = 12 …(1)
𝑦=0 → 𝑥 = 3𝑥 − 2𝑦 = 5 …(2)
(0, 0) : 2(0) + 3(0) ≤ 12 จริง 3
(0, 0) : 3(0) – 2(0) ≤ 5 จริง 2 × (1) : 4𝑥 + 6𝑦 = 24 …(3)
→ แรเงาฝั่ งที่มี (0, 0) (ซ้ายล่าง)
→ แรเงาฝั่ งที่มี (0, 0) (ซ้ายบน) 3 × (2) : 9𝑥 − 6𝑦 = 15 …(4)
(3) + (4) : 13𝑥 = 39
𝑥 = 3
(1) : 2(3) + 3𝑦 = 12
3𝑦 = 6
𝑦 = 2
จะได้ B(3, 2)
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Gtr Ping จาก GTRmath สาหรับข้อสอบ และเฉลยละเอียดครับ
ขอบคุณ คุณ บุญช่วย ฤทธิเทพ และ คุณ Kanuay สาหรับข้อสอบ และเฉลยคาตอบครับ
ขอบคุณ คุณ สนธยา เสนามนตรี สาหรับเฉลยข้อ 5
ขอบคุณ คุณ สารศิลป์ ทับทิมทอง
คุณครูเบิรด์ จาก กวดวิชาคณิตศาสตร์ครูเบิรด์ ย่านบางแค
คุณ สนธยา เสนามนตรี
คุณ Pattarawan Palasan
คุณ โจ้ สิทธิพร
คุณ Hassatorn Thamkijjanon
คุณ Chanon Pulsukserm ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารครับ