Professional Documents
Culture Documents
จากใจครูโหร
2
การฝากตัวแล้วไซร้ จงอย่าได้รบั สิทธิน์ ้ี ด้วยว่ามนุษย์มจี ติ ใจทีย่ ากจะหยัง่ ถึง หากไม่ได้มคี วามเคารพศรัทธา มีบญ
ุ
วาสนามาฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์ จงอย่าได้มาพบเห็นตำราชุดนี้ หรือแม้ได้พบได้เห็น ก็อย่าได้อา่ นแล้วเข้าใจ
เทวดาจงช่วยปิดบังอำพรางให้รวู้ า่ เป็นวิชาทีเ่ จ้าของหวง เพราะอาจจะเป็นดาบสองคม ผูท้ ม่ี ปี ญ ั ญาอาจจะศึกษา
แล้วไปใช้ในทางทีไ่ ม่ถกู ไม่ควร ยิง่ ไม่มคี รูบาอาจารย์กำกับยิง่ น่ากลัวใหญ่ พลอยจะเป็นทีต่ เิ ตียนแก่นกั ปราชญ์และ
เทวดาทัง้ หลาย
ดังนัน้ จึงขอสรุปตรงนีว้ า่ ใครผูใ้ ดเป็นศิษย์แล้วไซร้ จงสงวนวิชาของครูบาอาจารย์ชดุ นีไ้ ว้เสมอด้วยชีวติ
เพราะวิชานีม้ จี ติ ผูกพันของครูบาอาจารย์และทวยเทพเทวาสถิตอยู่ ใครผูใ้ ดมิใช่ศษิ ย์แล้วไซร้อย่าได้ถอื วิสาสะ
เพียงสักแต่วา่ หน้าด้านอยากดูอยากเห็น แม้ขา้ พเจ้ามิได้สาปแช่งคำอันใดก็ไม่เหมาะว่าจะกระทำแต่ตามใจตัว
3
โครงสร้างหลักสูตรโหราศาสตร์ไทยพื้นฐาน
บทที่ ๔ การผูกดวงวางลัคนา
โดย อาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ
วันที่ ๑๘ และ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
รุ่นพิเศษ โหราศาสตร์ช่วยชาติ
ณ ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
ตำราอ้างอิง
แนวทางการศึกษาโหราศาสตร์ อ.เทพย์ สาริกบุตร
โหราศาสตร์ปริทรรศน์ ภาค ๓ ลัคนาวินจิ ฉัย อ.เทพย์ สาริกบุตร
วิชาการฉบับครู โหราศาสตร์มาตรฐาน โหรญาณ
ปฏิทนิ ดาราศาสตร์ไทย อ.ทองเจือ อ่างแก้ว
การผูกดวงวางลัคนา อ.ปริญญา นิม่ ประยูร
6
อาจารย์ลกั ษณ์ เรขานิเทศ
ครูโหรผูม้ ากด้วยความเมตตา
อาจารย์จรัญ พิกลุ
7
โหราศาสตร์เพือ่ ชีวติ
8
จังหวะชีวติ ...วัยสำคัญต่างๆ ของมนุษย์
๑. วั ย แรก ๑–๗ ขวบ ในช่วงวัยนีอ้ าจจะไปบอกชะตาในวัย ๔๕-๕๒ ปีได้อกี
๒. วัย ๑๓–๑๖ ปี มีความสำคัญ มีการเปลี่ยนแปลง มีอะไรที่เรียกว่า วัยเสาร์เล็งเสาร์ครั้งแรกของชีวิต
๓. วั ย ๒๑–๒๔ ปี วัยนี้มีความสำคัญกับชีวิตหนุ่มสาวของคนเรา ภาษาโหราศาสตร์แห่งดวงดาวเรียกว่า วัยดาวมฤตยู
เล็งดาวมฤตยู และเสาร์เล็งเสาร์ มักมีความสำคัญ จะไปบอกชะตาวัย ๔๔–๕๐ ปีได้อีก
๔. วัย ๒๙–๓๑ ปี วัยสำคัญทีถ่ อื กันว่าเริม่ จะเป็นผูใ้ หญ่ เหตุการณ์สำคัญทีเ่ กิดขึน้ จะไปบอกชะตาในวัย ๕๙–๖๑ ปีได้อกี
วัยนี้ภาษาดาวเรียกว่า วัยเสาร์ทับเสาร์
๕. วัย ๓๖–๓๘ ปี วัยสำคัญอีกช่วงหนึง่ ของคนเรา ทุกคนควรเรียนรูใ้ ห้ได้วา่ มีมาอย่างไร
๖. วั ย ๔๐–๔๒ ปี วัยสำคัญอีกวัยหนึ่งเหมือนเทียบกับวัย ๒๑–๒๒ ปีได้ด้วย เป็นวัยที่ภาษาโหรแห่งดวงดาวเรียกว่า
วัยดาวมฤตยูเล็งดาวมฤตยูครั้งแรกและครั้งเดียวของชีวิต อาจจะเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต
อีกแบบหรือวัยแห่ง การโยกย้ายเปลีย่ นแปลงต่างๆ ทัง้ กาย ใจ ทีอ่ ยู่ ฯลฯ
๗. วั ย ๔๔–๔๖ ปี ถือว่าเป็นวัยครึ่งของ ๙๐ ปี ภาษาโหรเรียกว่า วัยเสาร์เล็งเสาร์ เป็นวัยสำคัญอีกแบบของคนเรา
ทีถ่ อื กันว่าจะเกิดใหม่รอบ ๒ ซึง่ สัมพันธ์กบั วัยแรกเกิดด้วย (๑–๗ ปี)
๘. วัย ๕๑–๕๓ ปี ช่วงวัยทีส่ ำคัญอีกแบบหนึง่ ของคนเราทีจ่ ะผ่านชีวติ อีกแบบต่อไปว่าจะถึงวัย ๖๐ ปีหรือไม่ ?
๙. วัย ๕๙–๖๑ ปี วัยสำคัญของคนเราทีผ่ า่ นชีวติ มาถึงวัยนีไ้ ด้เรียกว่ายังมีดวงสูต้ อ่ ไปหรืออย่างไร เพราะวัยนีภ้ าษาดวงดาว
เรียกว่า วัยเสาร์ถึงเสาร์รอบ ๒ (รอบแรกคือ ๒๙–๓๑ ปี)
๑๐. วัย ๖๑–๖๓ ปี วัยสำคัญของชีวติ อีกแบบ (เทียบได้กบั วัย ๒๐–๒๒ ปีของวัยหนุม่ สาว) ภาษาโหรแห่งดวงดาวเรียกว่า
วัยดาวมฤตยูเล็งดาวมฤตยูเดิม หลุดจากวัยนี้ก็มาถึงวัย ๖๗–๖๙ ปี และวัย ๗๐–๘๐ ปี ฯลฯ
9
หลักเกณฑ์การผูกดวงวางลัคนา
ลั๑
10
ถ้าเจ้าชะตาเกิดวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๑๐ เวลา ๒๓.๕๙ น. ในขณะนัน้ ดวงจันทร์ขน้ึ จากเส้น
ขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา ๒๓.๕๙ น.เช่นเดียวกัน พูดง่ายๆ ก็คอื เจ้าชะตาเกิดขณะทีด่ วงจันทร์โผล่
ขึน้ จากเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกพอดี สมผุสของดวงจันทร์ตามเวลาทีข่ น้ึ นัน้ อยูใ่ นราศีเมษประมาณ ๑๔
องศา ๓๔ ลิปดา (ตามปฏิทนิ ลาหิรขี องอินเดีย หรือปฏิทนิ ของสมาคมโหร) ตำแหน่งลัคนาของเจ้าชะตาใน
ขณะทีเ่ กิดจึงมีสมผุสเข้ากับดวงจันทร์พอดี คือลัคนาจะกุมกับพระจันทร์ในราศีเมษประมาณ ๑๔ องศา ๓๔
ลิปดาเช่นเดียวกัน ตามตัวอย่างจากหนังสือของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ทำให้เข้าใจว่าลัคนาคืออะไร และคิด
จากเส้นใด ณ จุดใด
อธิบายสัน้ ๆ ก็คอื ในเวลาเกิดทีแ่ น่นอนตายตัว เมือ่ หันไปดูขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ถ้ามีดาวใดโผล่ขน้ึ
สูข่ อบฟ้าทางทิศตะวันออกในขณะนัน้ ดาวทีโ่ ผล่ขน้ึ มานัน่ แหละคือลัคนาของเจ้าชะตา และถ้าในเวลาทีเ่ กิดไม่มี
ดาวใดโผล่ขน้ึ มาจากขอบฟ้า ณ เส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เมือ่ หาสมผุสลัคนาในเวลานัน้ ก็จะไม่มดี าวใดๆ
กุมลัคนาของเจ้าชะตาเลย ในทำนองเดียวกันถ้าหากเจ้าชะตาเกิดในเวลาพระอาทิตย์ตกดินหรือดวงจันทร์จะลับ
ขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ลัคนาของเจ้าชะตาจะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พอดีเช่นเดียวกัน
ทางโหราศาสตร์เรียกว่า “อาทิตย์หรือจันทร์เล็งลัคนา” ถ้าท่านพิสจู น์ตามหลักดังกล่าวนีจ้ ะต้องใช้ปฏิทนิ ทาง
โหราศาสตร์ฉบับทีค่ ำนวณสมผุสพระเคราะห์ หรือใช้เวลาดวงอาทิตย์ขน้ึ และตก รวมทัง้ ดวงจันทร์ขน้ึ และตกตาม
เอกสารของกรมอุทกศาสตร์จงึ จะปรากฏตรงกับความจริง ทัง้ นี้ พล.ร.ต.ประเวศ โภชนสมบูรณ์ ท่านเป็นผูห้ นึง่
ทีค่ ำนวณเอาไว้
ความสำคัญของการพยากรณ์ดวงชะตานัน้ ขึน้ อยูก่ บั ลัคนาเป็นใหญ่ ถ้าเปรียบดวงชะตาเป็นเสมือน
ต้นไม้ ลัคนาก็ได้แก่ลำต้น อาศัยดาวพระเคราะห์ตา่ งๆ ปรุงแต่ง อาทิตย์เป็นรากแก้ว พระจันทร์เป็นแก่น อังคาร
เป็นใบ พุธเป็นดอก พฤหัสบดีเป็นผล ศุกร์เป็นเปลือก เสาร์เป็นกิง่ และคาคบ สิง่ ต่างๆ บำรุงเลีย้ งลำต้น เพราะฉะนัน้
การพิจารณาดวงชะตาจึงต้องพิจารณาจากลัคนาร่วมกับดาวอืน่ ๆ ลัคนาอยูร่ าศีใดรูปร่างของเจ้าชะตามักจะเป็น
ไปตามลักษณะแห่งราศีนน้ั แต่บางรายก็ไม่ได้เป็นอย่างนัน้ เวลาเกิดทำให้แปรเปลีย่ น สมมติเวลาเกิดขึน้ ใหม่ ลัคนา
ในดวงชะตาก็จะเปลีย่ นแปลงไป เพราะฉะนัน้ หากจะผูกดวงชะตาแล้วไม่รเู้ วลาเกิด ก็จะมีคำล้อในบรรดากลุม่ โหร
เรียกว่า “ลัคเน” คือมัว่ เอา เดาเอา ดังนัน้ ในเรือ่ งแบบนีผ้ มไม่สนับสนุน ถ้าไม่รเู้ วลาเกิดทางทีด่ ไี ม่พยากรณ์
ได้นน่ั แหละเหมาะทีส่ ดุ แต่ถา้ เป็นคนคุน้ เคยชอบพอกันอาจจะต้องซักถามประวัตเิ พือ่ หาจุดทีจ่ ะใช้ในการวางหลักลง
ไปว่าเกิด ณ เวลาใดประมาณเท่าใด อาจจะประมาณการณ์ได้จากธาตุ ทิศ ดาวทีส่ มั ผัส บิดามารดา องค์ประกอบ
ของครอบครัว แต่ทง้ั นีท้ ง้ั นัน้ ต้องใช้กบั คนทีร่ จู้ กั หรือเคารพศรัทธา มิเช่นนัน้ คนทีม่ าดูดวงจะดูถกู เราว่าทำไมต้อง
ถามด้วย และนัน่ แหละจะเป็นมูลเหตุในความเสือ่ มศรัทธาและเสือ่ มลงในวิชาทางโหราศาสตร์ นีค่ อื ข้อสังเกตใน
ประสบการณ์ของผม
11
ปฏิทนิ โหร
คนโดยทัว่ ไปจะเข้าใจเรือ่ งของการผูกดวงหรือการวางลัคนาว่า การผูกดวงคือการเอาดวงของเราไป
ผูกไว้กบั ใคร แต่ในทางโหราศาสตร์นน้ั การผูกดวงวางลัคนา แปลว่าการเปิดปฏิทนิ เพือ่ ตรวจสอบดูตำแหน่งของ
ดาวพระเคราะห์ในวันทีต่ อ้ งการ (วันประสงค์) เพือ่ ดูวา่ ดาวในวันนัน้ โคจรเป็นอย่างไร อยูต่ ำแหน่งใดในจักรราศี
แล้วหามุมของดาวพระเคราะห์กบั มุมของจุดเกิดตามเวลาเกิดนัน้ ว่าอยูต่ รงไหน นีค่ อื การผูกดวง เป็นการหาความ
สัมพันธ์ระหว่างดาวพระเคราะห์กับจุดเกิดของเจ้าชะตาที่คลอดแล้วหลุดรอดออกมาเป็นทารก คือไม่ตาย
เพราะฉะนัน้ การผูกดวงชะตาก็ตอ้ งใช้ปฏิทนิ โหราศาสตร์ ซึง่ ปฏิทนิ ทีว่ า่ นีใ้ ช้อา่ นสมผุสดาวพระเคราะห์เป็นสำคัญ
ถ้าพูดถึงปฏิทนิ โหราศาสตร์หรือโหรบางท่านจะเรียกปฏิทนิ ดาราศาสตร์ทม่ี กี ารคำนวณสมผุสตามระบบนิรายนะ
(ระบบคงที)่ ซึง่ เกีย่ วข้องกับโหราศาสตร์ไทยโดยตรง รูปแบบทีใ่ ช้กนั อยูใ่ นปัจจุบนั มีอยู่ ๒ แบบคือ ปฏิทนิ ดารา
ศาสตร์ และ ปฏิทินสุริยยาตร์
- ปฏิทนิ ดาราศาสตร์นน้ั เป็นปฏิทนิ ทีม่ คี วามแม่นยำหรือเทีย่ งตรงในมุมของดวงดาวซึง่ เกิดจากการ
คำนวณโดยนักดาราศาสตร์สากล (ระบบสายนะ) แล้วนำเอาค่าของสมผุสมาตัดองศา-ลิปดาทีเ่ รียกว่า อายนางศะ
เพื่อให้ตรงกับความเป็นจริงบนท้องฟ้าในปัจจุบัน ปฏิทินที่มีการคำนวณตามหลักดาราศาสตร์สากลตัด
อายนางศะ
อายนางศะนีท้ ใ่ี ช้กนั โดยทัว่ ไป ได้แก่ ปฏิทนิ ลาหิรขี องประเทศอินเดีย, ปฏิทนิ ของสมาคมโหรฯ คำนวณโดย
อาจารย์อารี สวัสดี (ปัจจุบนั ไม่พบในท้องตลาดแล้ว), ปฏิทนิ ของพล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ เป็นต้น
- ปฏิทนิ สุรยิ ยาตร์นน้ั เป็นปฏิทนิ ทีม่ กี ารคำนวณขึน้ โดยใช้หลักของการคำนวณสมผุสดาวตามคัมภีร์
สุรยิ ยาตร์ เป็นปฏิทนิ แบบดัง้ เดิมของโหรไทยทีใ่ ช้สบื ทอดกันมาแต่โบราณ และใช้มาตัง้ แต่สมัยอยุธยา โหรที่
คำนวณปฏิทนิ ตามหลักสุรยิ ยาตร์มดี ว้ ยกันหลายท่าน ได้แก่ หลวงวิศาลดรุณกร, อ.เทพย์ สาริกบุตร, อ.สิงห์โต
สุรยิ าอารักษ์, อ.ทองเจือ อ่างแก้ว และอ.บุนนาค ทองเนียม เดิมทีเดียวผมจะใช้ปฏิทนิ ของอาจารย์ทองเจือ อ่างแก้ว
มาระยะหลังบุคคลเหล่านีเ้ สียชีวติ ไปหมดแล้วก็เปลีย่ นมาใช้ปฏิทนิ เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามการคำนวณ
ของอาจารย์พลตรีบนุ นาค ทองเนียม
ส่วนแนวทางในการศึกษาโหราศาสตร์ไทย เราจะกำหนดให้ใช้ปฏิทนิ แบบสุรยิ ยาตร์เป็นหลัก เพราะโดย โดย
พื้นฐานแห่งปรัชญาในการคำนวณเพื่อใช้ในการพยากรณ์นั้นก็มาจากปรัชญาของสุริยยาตร์ ไม่ใช่มา
จากปรัชญาของดาราศาสตร์ มีโหรหลายท่านบอกว่าให้ใช้ดาราศาสตร์ท่ตี ดั อายนางศะ ผมเห็นมานักต่อนัก
คนทีใ่ ช้ปฏิทนิ ดาราศาสตร์ทายไม่คอ่ ยแม่น เนือ่ งด้วยความเป็นจริงทางดาราศาสตร์นน้ั เป็นความจริงตามองศา-
ลิปดาในมุมของดวงดาว เหตุการณ์หรือเรือ่ งราวต่างๆ ในทางโลกหรือในทางสังคมหรือกับบุคคลอาจจะไม่เกิดขึน้
ส่วนคนทีใ่ ช้ปฏิทนิ สุรยิ ยาตร์จะทายได้แม่นยำกว่า เหตุผลเพราะว่าในทางสุรยิ ยาตร์หรือในทางโหรไทยทีใ่ ช้นน้ั
จะมีมมุ ของความคลาดเคลือ่ นมารองรับเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ จึงนำมาผูกเป็นปรัชญาเป็นเรือ่ งราว แปลว่าทฤษฎี
ทางโหรไทยนัน้ เป็นปรัชญาก็เกิดจากความคลาดเคลือ่ น มุมของดาวทีค่ ลาดเคลือ่ นก็เป็นมุมของดาวทีห่ กั ลบกลบ
หนีแ้ ล้วพอดีกบั มุมทีค่ ลาดเคลือ่ นนัน้ ผลแห่งคำพยากรณ์จงึ แม่นยำ เพราะฉะนัน้ ถ้าถามโหรชัน้ ผูใ้ หญ่หลายท่าน
ใช้แต่แบบสุรยิ ยาตร์ทง้ั นัน้ คงจะมีโหรไม่กท่ี า่ นทีใ่ ช้ปฏิทนิ แบบดาราศาสตร์ และคนทีใ่ ช้ปฏิทนิ แบบดาราศาสตร์กเ็ ป็น
เพียงแต่นกั เขียน ถ้าเป็นนักพยากรณ์มกั ไม่คอ่ ยแม่นยำ นับว่าเป็นเรือ่ งทีแ่ ปลกอยูเ่ หมือนกัน
12
เรียนรูค้ วามหมายของคำในปฏิทนิ โหร
การกำหนดระยะเวลาภาคทีส่ ว่างเริม่ ตัง้ แต่พระอาทิตย์อทุ ยั จนถึงย่ำค่ำ เรียกว่า “ภาคกลางวัน” และ
ภาคทีพ่ ระอาทิตย์อสั ดงจนถึงย่ำรุง่ เรียกว่า “ภาคกลางคืน” รวม ๒ ภาคเป็น ๑ วัน “วัน” ซึง่ กำหนดให้
พระอาทิตย์เวียนไปมา เรียกว่า “วาร” มีชอ่ื ตามพระเคราะห์ทเ่ี ขียนไว้ในปฏิทนิ โหร รวม ๗ วาร เรียก “สัปดาห์”
อันได้แก่ “วันในสัปดาห์” ดังนี้
13
จักรราศีแบ่งออกเป็น ๑๒ ราศีดงั ทีไ่ ด้กล่าวมาแล้วในบทจักรราศีแห่งดวงชาตา อันเป็นเล่มที่ ๑ ได้กล่าว
ถึงธาตุทง้ั ๔ เข้าครองในราศี และดาวเกษตรครองประจำทุกราศี ยังมีตวั เลขบอกราศีซง่ึ จำเป็นต้องจดจำเพือ่
นำมาใช้ในการอ่านปฏิทนิ โหร ดังนี้
15
เดือนคี่ คือ เดือนอ้าย , ๓ , ๕ , ๗ , ๙ , ๑๑ ใน ๑ เดือนมี ๒๙ วัน ได้แก่
วันขึ้น ๑ ค่ำ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ต่อด้วย
วันแรม ๑ ค่ำ ถึงวันแรม ๑๔ ค่ำ รวม ๒๙ วัน
เดือนคู่ คือ เดือนยี่ , ๔ , ๖ , ๘ , ๑๐ , ๑๒ ใน ๑ เดือนมี ๓๐ วัน ได้แก่
วันขึ้น ๑ ค่ำ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ต่อด้วย
วันแรม ๑ ค่ำ ถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ รวม ๓๐ วัน
ปีนักษัตรจะสิ้นไปพร้อมๆ กับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ และเริ่มปีนักษัตรใหม่ในวันขึ้น ๑ ค่ำ
เดือน ๕ ของทุกปี อย่างเช่นในปฏิทนิ ตัง้ แต่ปพี .ศ.๒๔๘๓ ย้อนลงไปปี ๒๔๘๒, ๒๔๘๑ จะเห็นว่าเมือ่
สิน้ พ.ศ.เก่า และขึน้ พ.ศ.ใหม่ แต่ยงั ไม่ถงึ วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีนกั ษัตรยังไม่เปลีย่ น แต่เมือ่ ถึงวันขึน้ ๑ ค่ำ
เดือน ๕ เมือ่ นัน้ ปีนกั ษัตรจึงจะเปลีย่ นไป แต่พอปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นมาจะเห็นว่าพอขึน้ พ.ศ.ใหม่ ปฏิทนิ
จะบอกปีนกั ษัตรใหม่เอาไว้ดว้ ย ซึง่ เป็นการผิดกฎเกณฑ์ในระบบจันทรคติอย่างมากมาย และจะเป็นเหตุให้คนรุน่ หลัง
ใช้ปนี กั ษัตรอย่างสับสนจนหาทีส่ น้ิ สุดไม่ได้ เพราะฉะนัน้ เรือ่ งของปีนกั ษัตรจะต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะถ้าใช้ปี
นักษัตรหรืออย่างหนึง่ อย่างใดผิดเสียแล้วการพยากรณ์ตา่ งๆ ก็จะพลอยผิดไปด้วย
นีค่ อื การแบ่งวันเดือนปีทางจันทรคติแบบของไทย ซึง่ จะสังเกตว่าระบบนีม้ กี ารเชือ่ มโยงกับประเพณี
ต่างๆ ของไทยด้วย ส่วนการเปลีย่ นปีนกั ษัตรแบบของจีนจะเปลีย่ นตอนตรุษจีน (ประมาณวันที่ ๔ กุมภาพันธ์
ของทุกปี) เท่าทีก่ ล่าวมาแล้วนีจ้ ะเห็นได้วา่ จุดเริม่ ต้นและจุดสุดท้ายของระบบสุรยิ คติกาลและจันทรคติกาลนัน้
แตกต่างกัน เท่าทีเ่ ห็นส่วนมากก็จะใช้กนั อย่างสับสนไม่รวู้ า่ ระบบไหนเป็นระบบไหน แต่จากประสบการณ์จะเห็น
ว่าในปูมประวัตศิ าสตร์นน้ั ใช้ระบบจันทรคติกาลเป็นส่วนใหญ่ เช่น องค์พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงกรีฑาทัพจากไทยไปสูก้ บั พม่า (วันทำยุทธหัตถี) ตรงกับวันวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะโรง โทศกจุล
ศักราชเท่านัน้ เท่านี้ ก็เรียกว่า จันทรคติกาล เวลาต้องการจดบันทึกเพือ่ ทำการผูกดวงวางลัคนาก็ทำได้โดยแยก
เขียนดังนี้
สุริยคติกาลตรงกับวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๐๒.๐๐ น.
๓
จันทรคติกาลตรงกับ ๔(๘) ฯ ๒ ค่ำ ปีขาล รัตนโกสินทร์ศก ๒๐๕ จ.ศ. ๑๓๔๘
(อ่านว่า : จันทรคติกาลตรงกับวันพุธกลางคืน ขึน้ สามค่ำ เดือนยี่ ปีขาล)
การเปลีย่ นเวลาในระบบสุรยิ คติ
00.00 น. 24.00 00.00 น. 24.00 น.
วันที่ 31 ธ.ค. 2529 วันที่ 1 ม.ค. 2530
วันพุธ ข. ๒ ด. ๒ วันพฤหัสบดี ข. ๓ ด. ๒
๐๖.๐๐ น. พุธกลางคืน ๐๖.๐๐ น. ๐๕.๕๙ น.
๑๘.๐๐-๐๕.๕๙น.
การเปลีย่ นเวลาในระบบจันทรคติ
16
ปีนกั ษัตรยังคงเป็นปีมะเส็ง จะเปลีย่ นเป็นปีมะเมีย
ในวันขึน้ ๑ ค่ำ เดือน ๕ ซึง่ ตรงกับวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๒๑
17
ตัวอย่างปฏิทนิ ทางดาราศาสตร์แบบไทย
ทัง้ นีต้ ง้ั จุดคำนวณ ณ เวลา ๒๔.๐๐ น. (กรุงเทพ นักษัตร) ปฏิทนิ นีแ้ บ่งเป็นช่องๆ อ่านเป็นแนวลงมา
ใช้ตวั เลขและตัวอักษรแทนดาวพระเคราะห์ และแทนราศี-องศา-ลิปดา จากซ้ายไปขวา ในเดือนกันยายน พ.ศ.
๒๕๑๔ ดังนี้
การผูกวางลัคนา
การผูกดวงชะตาขึน้ มาดวงหนึง่ จะต้องประกอบด้วย
๑) รูว้ ธิ กี ารอ่านปฏิทนิ โหร
๒) รูค้ วามหมายขององศาดาวอาทิตย์
๓) การวางลัคนา ตลอดจนการสอบทานลัคนาเป็นหัวใจสำคัญของวิชาโหราศาสตร์ ถ้าวางลัคนาผิด
ก็เท่ากับทายดวงชะตาผิดทันที การทำนายทายทักจะไม่ถกู ต้องตรงกับความเป็นจริง
เพราะฉะนัน้ การผูกดวงชะตาจึงมีความสำคัญทีน่ กั โหราศาสตร์หรือผูท้ ศ่ี กึ ษาวิชาโหราศาสตร์จะต้อง
เรียนรูแ้ ละเข้าใจทุกขัน้ ตอน ดังนี้
๑) ต้องทราบว่าคนที่มาตรวจดวงชะตาเกิดวันอะไร ให้นับพระอาทิตย์ขึ้นจากเวลา ๐๖.๐๐
น.ตรงเป็นวันใหม่ เช่น เกิดเวลา ๒๔.๐๐ น. จนถึง ๐๕.๕๙ น. ของวันจันทร์กย็ งั คงเป็นคนทีเ่ กิดวันจันทร์
แต่ถา้ เกิดหลังจาก ๐๖.๐๐ น. ไปแล้ว เช่นเกิดเวลา ๐๖.๐๕ น. หรือ ๐๖.๑๐ น.ไปแล้วจึงจะกลายเป็นคนเกิด
วันอังคาร
19
๒) ต้องทราบเดือน หมายถึงเดือนทางจันทรคติ และเดือนทางสุรยิ คติ เพือ่ ใช้สอบทานกันได้
๓) ต้องทราบวันขึ้น วันแรมกี่ค่ำ เพือ่ สอบทานให้ตรงกับวันทีเ่ จ้าชะตาเกิด
๔) ต้องทราบปีเกิดว่าเกิดในปีนักษัตรใด และตรงกับพ.ศ.อะไร
๕) ทีส่ ำคัญทีส่ ดุ คือเวลาตกฟาก จะต้องทราบเวลาเกิดทีต่ รงตามความเป็นจริง ไม่คลาดเคลือ่ น
จึงจะวางลัคนาได้ถกู ต้อง การพยากรณ์จะได้ไม่ผดิ พลาด ทัง้ นีท้ ง้ั นัน้ ตามตำราโบราณบอกว่าเฉพาะผูท้ เ่ี กิดใน
กรุงเทพและธนบุรี ให้เอา ๑๘ นาทีไปลบออกจากเวลาเกิดจริง แต่ในประสบการณ์ของผมนัน้ ไม่เคยลบเลย ไม่วา่
จะเกิดทีใ่ ดในประเทศไทยก็ตง้ั เวลาตามนัน้ ไม่เคยลบก็ทายได้แม่นยำ
ขัน้ ตอนการผูกดวงชะตา
ดวงตัวอย่างคือดวงชะตาของผมเอง เกิดวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๔ เวลา ๑๐.๓๐ น. จ.ปราจีนบุรี
ถ้าท่านดูจากปฏิทนิ ทางดาราศาสตร์ เล่มปี พ.ศ. ๒๕๐๐ – ๒๕๑๙ จะเห็นได้วา่ ในเดือนกันยายน ปีพทุ ธศักราช
๒๕๑๔ นัน้ มีปฏิทนิ ตามภาพทีไ่ ด้ยกตัวอย่างประกอบ ให้ใช้ไม้บรรทัดทาบไปทีช่ อ่ งของวันที่ ๑ จะเห็นได้วา่
แถวที่ ๑ ที่ คือวันที่ 1
แถวที่ ๒ วัน ว คือวันพุธ มาจากคำว่า “วุโธ”
แถวที่ ๓ ข. ร. คือวันขึน้ -แรมทางจันทรคติ ข 12 คือตรงกับวันขึน้ ๑๒ ค่ำ
แถวที่ ๔ ด. คือเดือนทางจันทรคติ 10 คือเดือน ๑๐
เมือ่ ดูปฏิทนิ ถึงส่วนนีแ้ ล้วก็สามารถเขียนบอกวันทางจันทรคติของไทยได้ครบถ้วน ส่วนปีนกั ษัตรก็ให้ดทู ่ี
บรรทัดบนสุด จะบอกให้รวู้ า่ เป็น ปีกนุ พ.ศ.2514 จ.ศ.1333 เพราะฉะนัน้ ถ้าจะเขียนเป็นวันทางสุรยิ คติกาล
และวันทางจันทรคติกาล ก็สามารถเขียนได้ดงั นี้
20
การนำดาวพระเคราะห์บรรจุลงในแผ่นดวงชะตา
๗
๙
๔ ๑๔ ๘ ๓
๑๖ ๒
๐ ๕
22
การหาตำแหน่งของลัคนา
ตำแหน่งของ ลัคนารวมทัง้ ธาตุกบั ดาวพระเคราะห์ประจำราศีและดาวเคราะห์กมุ ลัคนาล้วนมีอทิ ธิพล
ในการกำหนดรูปร่างลักษณะและอุปนิสยั ใจคอของผูน้ น้ั ตัง้ แต่เกิดไปจนตลอดทัง้ ชีวติ เพราะฉะนัน้ เมือ่ คำนวณจน
รูแ้ ล้วว่าเจ้าชะตามีลคั นาสถิตในราศีใดก็ให้ใส่เครือ่ งหมายทีใ่ ช้แทนคำว่า ลัคนา เท่าทีพ่ บเห็นโดยทัว่ ไปมีการใช้ตวั
ส หรือ ลั หรือ (อักษรขอมแบบบรรจงมีลกั ษณะคล้ายอักษร ญ มีหาง) เป็นต้น ส่วนโหรรุน่ เก่าๆ ท่านได้บนั ทึก
เอาไว้วา่ นิยมเขียนตัว “ล” เป็นอักษรไทยโบราณ “ ” หรือเรียกกันว่าอักษรขอมไว้แทนคำว่า ลัคนา โดยถ้า
เป็นดวงชะตาที่เห็นกันอย่างประณีตเช่นในดวงพิชัยสงครามก็จะเห็นเขียนตัว “ส” ถ้าเป็นผูกดวงขึ้นเพื่อ
การพยากรณ์โดยทัว่ ๆ ไป หรือเป็นการเขียนพยากรณ์โดยนักพยากรณ์ทม่ี คี วามรูก้ จ็ ะเขียนลัคนาเป็นอักษร
ทีส่ ำคัญผมอยากให้เขียนตัว ลั หรือ ใช้แทนลัคนาจะดูงดงามและสวยงามกว่า
การหาลัคนานัน้ มีหลายวิธี คือ
๑. การหาลัคนาโดยใช้ลัคนาสำเร็จ
การหาลัคนาว่าอยูใ่ นราศีใดก็ให้ใช้แผ่นวงกลมลัคนาสำเร็จหมุนหาก็จะทำให้ทราบได้ ลัคนาสำเร็จประกอบ
ด้วยแผ่นวงกลม ๓ แผ่นวางซ้อนกัน ส่วนข้อมูลทีต่ อ้ งทราบเพือ่ ใช้ในการหาลัคนาคือ เวลาเกิดของเจ้าชะตาและ
ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ (ราศี-องศา-ลิปดา) ในวันทีเ่ จ้าชะตาเกิด
แผ่นล่าง คือตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ณ เวลาเกิด
แผ่นทีส่ อง คือเวลา ๒๔ ชัว่ โมง ใช้ระบุเวลาเกิดของเจ้าชะตา มีตวั เลขแสดงตัง้ แต่ 1-24 วิธหี มุน
คือหมุนให้เวลาเกิดของเจ้าชะตาตรงกับดวงอาทิตย์
แผ่นบนสุด เป็นลักษณะวงกลมหมุนได้ คือตำแหน่งของ ๑๒ ราศี มีรายละเอียดบอกองศา นวางศ์
-ตรียางค์ และกลุม่ ดาวฤกษ์ตา่ งๆ หมุนให้ราศี-องศา-ลิปดาของดาวอาทิตยในวันทีเ่ กิด
การหาลัคนาโดยใช้แผ่นหมุนหาลัคนาสำเร็จนัน้ ถ้าจะให้มคี วามชัดเจนต้องฟังบรรยายในห้องเรียนหรือ
แบ่งกลุม่ แล้วชีแ้ จงสอนให้เห็นเป็นคนๆ ไป จะเกิดความชำนาญมากกว่าทีจ่ ะมาอธิบายด้วยภาษาเขียน
๒. การหาลัคนาโดยคำนวณจากตำแหน่งของดาวอาทิตย์เป็นหลัก การหาลัคนาวิธีนี้จะ
กล่าวเพียงสัน้ ๆ ส่วนใหญ่จะเรียกว่า อันโตนาที ซึง่ กล่าวถึงดาวอาทิตย์โคจรผ่านราศีตา่ งๆ จนมาถึงจุดเวลาเกิด
ทีเ่ รียกว่า ลัคนา สถิต ณ ตำแหน่งนัน้ ในราศีนน้ั ซึง่ ในปัจจุบนั ไม่เป็นทีน่ ยิ มใช้เพราะต้องมีความยุง่ ยากในการ
คำนวณ
๓. การหาลัคนาโดยใช้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ แต่กต็ อ้ งหาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทม่ี คี วามนิยม
หรือมีความแม่นยำ เช่น โปรแกรมทีค่ ำนวณโดยอาจารย์พลตรีบนุ นาค ทองเนียม
23
ภาพแผ่นหมุนหาลัคนาสำเร็จรูป ของ สถาบันพยากรณ์ศาสตร์
๑. ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ๒. หมุนให้เวลาเกิดของเจ้าชะตา
ณ เวลาเกิดของเจ้าชะตา ตรงกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์
๓. หมุนให้ราศี-องศา-ลิปดาของดวงอาทิตย์
ในวันทีเ่ กิดตรงกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์
๔. ตำแหน่งของลัคนา
ช่องบอกองศา-ลิปดา
ลูกนวางศ์
ตรียางค์
ชือ่ ฤกษ์ ๙ ฤกษ์
และฤกษ์บน ๒๗ นักษัตร
ตรียางค์พษิ
24
25
ชือ่ -สกุล .........................................................................................
สูติกาล
สุรยิ ฃติกาลวันที่ .................. เดือน .................................. พ.ศ. .......................
เวลา ................................... น.
ดวงราศีจักร
สมผุสดาว บันทึกข้อความ
ดาว องศา ลิปดา
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๐
ทักษา ตรีวยั
ปฐมวัย ทุติยวัย ตติยวัย วัยเทียบ
๑ ๒ ๓
๖ ๔
๘ ๕ ๗
26
วิธีการคำนวณหาตนุเศษ
10 4
11 3
2
1
การหาตรีวยั หรือดาวเจ้าวัย
ตรีวยั คือ ดาวพระเคราะห์เจ้าเรือนภพทีก่ ำหนดขึน้ จากตำแหน่งของตนุเศษ พระเคราะห์จากตรีวยั
หรือเรียกว่า ดาวเจ้าวัย จะมาเสวยวัยของคนๆ นัน้ และจะมีอทิ ธิพลต่อชีวติ ของเจ้าชะตาตามช่วงอายุ แบ่งออก
เป็น ๓ วัย คือปฐมวัย ทุตยิ วัย ตติยวัย แต่ละวัยห่างกัน ๘ ปี ๔ เดือน เป็นหลักทีอาจารย์
่อาจารย์พฒ ั นา พัฒนศิริ
นำมาใช้พยากรณ์ชวี ติ คนในช่วงอายุนน้ั ๆ หลักการนับหาดาวเจ้าวัยก็ไม่ยาก ผมทัง้ สอนทัง้ ทำตารางไว้ให้ดู คุณต้อง
จำให้ได้ แต่ละวัยแบ่งได้ดงั นี้
ดาวเจ้าวัยจะเสวยวัยตามอายุ
ตรัวยั ปี – เดือน – วัน
ตนุ แรกเกิด ถึง 8-4-0
ปฐมวัย กฎุมภะ 8-4-1 ถึง 16 - 8 - 0
กัมมะ 16 - 8 - 1 ถึง 25 - 0 - 0
สหัชชะ 25 - 0 - 1 ถึง 33 - 4 - 0
ทุตยิ วัย ศุภะ 33 - 4 - 1 ถึง 41 - 8 - 0
ลาภะ 41 - 8 - 1 ถึง 50 - 0 - 0
ตติยวัย พันธุ 50 - 0 - 1 ถึง 58 - 4 - 0
ปุตตะ 58 - 4 - 1 ถึง 66 - 8 - 0
ปัตนิ 66 - 8 - 1 ถึง 75 - 0 - 0
28
ตัวอย่างการนำดาวพระเคราะห์เจ้าเรือนของตนุเศษ มาวางเรียงลงในตรีวัยตามแผนผังที่แสดงไว้
จะเป็นดังนี้
29
ชือ่ -สกุล .........................................................................................
สูติกาล
สุรยิ ฃติกาลวันที่ .................. เดือน .................................. พ.ศ. .......................
เวลา ................................... น.
ดวงราศีจักร
สมผุสดาว บันทึกข้อความ
ดาว องศา ลิปดา
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๐
ทักษา ตรีวยั
ปฐมวัย ทุติยวัย ตติยวัย วัยเทียบ
๑ ๒ ๓
๖ ๔
๘ ๕ ๗
30