Professional Documents
Culture Documents
ข้อสอบปลายภาค Sci
ข้อสอบปลายภาค Sci
2 เล่ม 1 1
ข้ อสอบปลายภาค ชุ ดที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 เล่ ม 1
แบบปรนัย
คำชี้แจง เลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. ข้ อความใดผิดเกีย่ วกับกระเพาะอาหาร
1 สามารถสร้างน้ำย่อยเองได้
2 มีผนังหลายชั้นและหนามาก
3 สร้างกรดไฮโดรคลอริ กเพื่อปรับค่า pH
4 สามารถสร้างกรดชนิดอื่นได้อีก 4 ชนิด
2. ข้ อความใดถูกต้ อง
1 การย่อยที่ลำไส้เล็กเป็ นการย่อยครั้งสุ ดท้าย
2 เพปซิ นทำให้โปรตีนและกรดไขมันมีขนาดเล็กลง
3 เอนไซม์ในลำไส้เล็กทำงานได้ดีในภาวะที่เป็ นกลาง
4 เพปซิ นย่อยโปรตีนจนสามารถซึมผ่านเข้าสู่ เซลล์ได้
3. ส่ วนประกอบของเลือดทีม่ ีปริมาณมากที่สุดคืออะไร
1 พลาสมา
2 เกล็ดเลือด
3 เม็ดเลือดขาว
4 เม็ดเลือดแดง
4. สิ่ งใดจัดเป็ นการย่ อยอาหารเชิงเคมี
1 ฟัน
2 ลิ้น
3 น้ำลาย
4 หลอดอาหาร
5. สารอาหารชนิดใดที่สามารถย่อยสลายในลำไส้ เล็กได้
1 ไขมัน
2 โปรตีน
3 คาร์โบไฮเดรต
4 ถูกทุกข้อ
1 ย่อยอาหารบางชนิด
2 ทำลายเม็ดเลือดที่หมดอายุ
3 เก็บสะสมโปรตีนและวิตามินไว้ใช้ในคราวที่ร่างกายจำเป็ น
4 เป็ นต่อมที่สร้างฮอร์โมนบางชนิดให้แก่ร่างกายเพื่อควบคุมความอยากอาหาร
8. เอนไซม์ ในน้ำลายมีความสามารถในการย่อยสารอาหารชนิดใด
1 ไขมัน
2 โปรตีน
3 วิตามิน
4 คาร์โบไฮเดรต
9. ข้ อใดไม่ เกีย่ วข้ องกับการย่อยคาร์ โบไฮเดรต
1 ไลเพส
2 เพปซิ น
3 อะไมเลส
4 มีคำตอบมากกว่า 1 ข้อ
10. อาหารจะถูกย่อยมากที่สุดในอวัยวะใด
1 ปาก
2 ลำไส้เล็ก
3 ลำไส้ใหญ่
4 กระเพาะอาหาร
11. ข้ อความใดกล่าวถึงอาหารได้ถูกต้ องที่สุด
1 เป็ นสารที่ได้จากพืชสี เขียว
2 เป็ นสารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
3 เป็ นสารที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้
4 เป็ นสารที่กินแล้วก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย
12. สารอาหารหมายถึงอะไร
1 องค์ประกอบพื้นฐานในอาหาร
2 สิ่ งที่กินแล้วให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย
3 สารประกอบต่าง ๆ ที่อยูใ่ นอาหารซึ่ งช่วยให้ร่างกายเจริ ญเติบโต
4 สารเคมีต่าง ๆ ที่เป็ นส่ วนประกอบในอาหารซึ่ งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่ างกาย
13. นักเรียนสามารถทดสอบอาหารจำพวกแป้ งมันได้ โดยใช้ สารละลายชนิดใด
1 ไอโอดีน
2 เบเนดิกส์
3 คอปเปอร์ซลั เฟต
4 คอปเปอร์ซลั เฟตและโซเดียมไฮดรอกไซด์
14. พิจารณาอาหารต่ อไปนี้
ก มันฝรั่ง
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 3
ข น้ำตาลทราย
ค ถั่วลิสงบด
ง น้ำมันหมู
จ นมผงละลายน้ำ
อาหารชนิดใดเมื่อทดสอบกับสารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตและโซเดียมไฮดรอกไซด์ แล้ ว เปลีย่ นสี สารละลายเป็ น
สีชมพูอมม่ วง
1 ก และ ข
2 ข และ ง
3 ค และ จ
4 ง และ จ
15. อาหารในขอ้ ใดจัดเปน็ อาหารในกลุ่มเดียวกัน
1 ขนมปั ง เนยสด ไข่ดาว
2 นมสด น้ำส้มคั้น บัวลอยไข่หวาน
3 ข้าวสวย ลูกตาลกรอบ หมูอบซอส
4 ปลาช่อนนึ่ง เนื้อแดดเดียว ไข่เจียวหมูสบั
16. อาหารชนิดหนึ่งเมื่อนำมาทดสอบกับสารละลายไบยูเร็ตให้ สีม่วง และทดสอบกับสารละลายเบเนดิกส์ ให้ ตะกอน
สีส้มแดงอาหารชนิดนีค้ วรเป็ นอะไรมากที่สุด
1 เนื้อหมูติดมัน
2 น้ำมะพร้าวใส่ น้ำแข็ง
3 แป้ งข้าวโพดละลายน้ำ
4 น้ำนมถัว่ เหลืองชนิดหวาน
17. น้ำตาลกลูโคสในอาหารชนิดที่ 1 มีปริมาณมากกว่ าอาหารชนิดที่ 2 ถ้ านำอาหารทั้ง 2 ชนิดมาทดสอบกับสารละ
ลายเบเนดิกส์ จะให้ สีใด
1 อาหารชนิดที่ 1 ให้สีเขียว อาหารชนิดที่ 2 ให้สีม่วง
2 อาหารชนิดที่ 1 ให้สีเหลือง อาหารชนิดที่ 2 ให้สีส้ม
3 อาหารชนิดที่ 1 ให้สีส้ม อาหารชนิดที่ 2 ให้สีเหลือง
4 อาหารชนิดที่ 1 ไม่เปลี่ยนสี อาหารชนิดที่ 2 ไม่เปลี่ยนสี
18. ฉลากอาหารกระป๋ องชนิดหนึ่งเขียนไว้ดงั นี้
ส่ วนประกอบโดยประมาณ
ปลาทูน่า 78.2%
น้ำมันถั่วเหลือง 21.7% น้ำเกลือ 0.1%
อาหารในกระป๋ องนีไ้ ม่ มีสารอาหารประเภทใด
1 ไขมัน
2 โปรตีน
3 วิตามิน
4 คาร์โบไฮเดรต
19. อาหารชนิดใดมีคาร์ โบไฮเดรตมากที่สุด
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 4
1 ส้มตำ
2 ยำเนื้อย่าง
3 ปลาสำลีเผา
4 ก๋ วยเตี๋ยวราดหน้า
20. สารอาหารสำคัญที่ให้ พลังงานแก่ร่างกายคืออะไร
1 ไขมัน
2 โปรตีน
3 วิตามิน
4 คาร์โบไฮเดรต
21. การดืม่ เครื่องดืม่ ทีม่ ีแอลกอฮอล์ เช่ น สุ ราเป็ นประจำมีผลต่ อสุ ขภาพในเรื่องใด
1 ทำให้พิการแต่กำเนิด
2 ทำลายประสาทเนื้ อเยือ่ ในสมอง
3 ปวดท้อง ทำให้เป็ นมะเร็ งในปอด
4 เกิดความระคายเคืองที่บริ เวณหลอดเลือด
22. ถ้ าไม่ ต้องการให้ ถุงลมในปอดอักเสบและโป่ งพอง พิเชษฐ์ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมในข้ อใด
1 การสู บบุหรี่
2 การดื่มสุ รา
3 การออกกำลังกายมากเกินไป
4 การทำงานในสถานที่คบั แคบ
23. ข้ อความใดอธิบายความหมายของธาตุได้ ถูกต้ อง
1 สารละลายที่นำไฟฟ้ าได้
2 มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวไม่คงที่
3 มีสมบัติทางกายภาพและทางเคมีคงที่
4 ประกอบด้วยอะตอมชนิดเดียวกันที่แยกเป็ นสารอื่นด้วยวิธีการทางเคมีไม่ได้
24. สสารกลุ่มใดเป็ นสารประกอบทั้งหมด
1 ทองคำ เงิน ดีบุก ทองแดง
2 น้ำ เกลือแกง นาก ทองแดง
3 หินปูน เกลือแกง แก๊สไข่เน่า เงิน
4 น้ำ น้ำตาลทราย เกลือแกง แก๊สไข่เน่า
25. พิจารณาข้ อความต่ อไปนี้
1 รังสี แอลฟามีสัญลักษณ์ เขียนแทนเป็ น 42He
2 รังสี เบตามีอำนาจทะลุทะลวงสู งมาก
3 รังสี แกมมาเป็ นคลืน่ แม่ เหล็กไฟฟ้ าทีม่ ีความยาวคลืน่ สั้ นมาก ไม่ มีประจุและมวล
ข้ อสรุ ปใดถูกต้ อง
1 1 และ 2
2 1 และ 3
3 2 และ 3
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 5
4 1, 2 และ3
26. รังสี ที่แผ่ ออกมาจากธาตุกมั มันตรังสีชนิดใดมีอำนาจทะลุทะลวงมากที่สุด
1 รังสี เบตา
2 รังสี แอลฟา
3 รังสี แกมมา
4 รังสี ความร้อน
32. น้ำมันหอมระเหยจากกลิน่ ของพืชชนิดต่ าง ๆ เช่ น สะระแหน่ พริกไทย หัวหอม และกานพลูใช้ การสกัดด้ วยวิธี
ใด
1 การกลัน่ ธรรมดา
2 การกลัน่ ด้วยไอน้ำ
3 การกลัน่ ลำดับส่ วน
4 การใช้ตวั ทำละลาย
33. ถ้ าตั้งสารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตไว้ในห้ องนาน 4 วัน แล้ วพบว่ าไม่ ตกผลึก ข้ อสรุ ปใดกล่ าวถูกต้ อง
1 สารละลายนั้นเป็ นสารไม่บริ สุทธิ์
2 สารละลายไม่อิ่มตัว จึงไม่ตกผลึก
3 คอปเปอร์ซลั เฟตเป็ นสารที่ไม่มีผลึก
4 สารไม่ตกผลึกเพราะตัวทำละลายเป็ นของเหลว
34. ถ้ าต้ องการแยกองค์ประกอบของสารละสายแอมโมเนีย ควรใช้ วธิ ีการใด
1 การกลัน่
2 การระเหิ ด
3 การสกัด
4 การตกผลึก
35. เมื่อนำเกลือแอมโมเนียมคลอไรด์ ละลายน้ำ จะสั งเกตเห็นว่ าขณะละลายสารละลายจะมีอุณหภูมิต่ำลง ข้ อใดสรุ ป
ถูกต้ อง
1 ถ้าเพิ่มความร้อนให้สูงขึ้น การละลายของเกลือแอมโมเนียมคลอไรด์จะต่ำลง
2 การละลายของเกลือแอมโมเนียมคลอไรด์ จะมีการคายความร้อนสู่ สิ่งแวดล้อม
3 การละลายของเกลือแอมโมเนียมคลอไรด์ จะมีการดูดความร้อนจากสิ่ งแวดล้อม
4 การละลายของสารไม่น่าจะมีความร้อนเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะไม่มีการเปลี่ยนสถานะ ดังนั้นที่อุณหภูมิของ
สารละลายต่ำลง น่าจะเป็ นเพราะอุณหภูมิหอ้ งต่ำลงนัน่ เอง
36. สิ่ งใดคือปัจจัยทีม่ ีผลต่ อการเปลี่ยนแปลงของสารมากที่สุด
1 ขนาดของสาร
2 น้ำหนักของสาร
3 อุณหภูมิของสาร
4 ปริ มาตรของสาร
1 ออกไซด์ของซัลเฟอร์
2 คาร์บอนมอนอกไซด์
3 ออกไซด์ของไนโตรเจน
4 ถูกทั้ง 2 และ 3
46. ประโยชน์ ของปฏิกริ ิยาการสลายตัวของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์ บอเนต (NAHCO3) ด้ วยความร้ อนคืออะไร
1 ป้ องกันการเกิดสนิมเหล็ก
2 ป้ องกันการผุกร่ อนของหินปูน
3 ใช้เป็ นส่ วนผสมในขนมถ้วยฟู
4 ช่วยในการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
47. วิธีการใดไม่ ใช่ การป้ องกันการผุกร่ อนของเหล็ก
1 การทาสี หรื อน้ำมัน
2 เคลือบหรื อฉาบผิวโลหะบางชนิด เช่น สังกะสี
3 เชื่อมด้วยโลหะที่รับอิเล็กตรอนได้ง่ายกว่าเหล็ก
4 ใส่ สารละลายที่ป้องกันสนิม เช่น โซเดียมไนไตรต์
48. การดำรงชีวติ ของคนเรามีโอกาสได้ รับสารเป็ นพิษจากสารประเภทใดมากที่สุด
1 กำจัดแมลง
2 ทำความสะอาด
3 ทำเครื่ องสำอาง
4 ปรุ งแต่งอาหาร
49. ข้ อความใดกล่าวถูกต้ อง
1 เครื่ องสำอางต่าง ๆ ที่มีราคาแพง จะไม่มีสารที่เป็ นอันตรายต่อสุ ขภาพ
2 อาหารและยามีการใช้สารที่ปรุ งแต่งสี กลิ่น รส ซึ่ งอาจมีพิษเมื่อบริ โภคเข้าไป
3 สารพิษบางชนิด เช่น ปุ๋ ย สารซักล้างและสารกำจัดแมลงเข้าสู่ ร่างกายทางผิวหนังได้ง่าย
4 สารที่ใช้ถนอมอาหารถือว่าเป็ นสารจำเป็ นในการเก็บรักษาอาหารซึ่ งไม่มีพิษต่อการบริ โภค
50. วิธีเลือกใช้ สารเคมีให้ เกิดประโยชน์ และปลอดภัยทำได้ ด้วยวิธีการใด
1 ศึกษาคุณภาพ ราคา และวิธีใช้
2 ศึกษาสมบัติ ประโยชน์ และโทษ
3 ศึกษาขนาด รู ปร่ าง และปริ มาณ
4 ศึกษาแหล่งผลิต และชื่อเสี ยงในการผลิต
51. เบสชนิดใดมีพษิ ร้ ายแรง
1 ผงฟู
2 น้ำปูนใส
3 น้ำแอมโมเนีย
4 โซเดียมไฮดรอกไซด์
52. ผงซักฟอกโดยทั่วไปเมื่อละลายน้ำจะมีสมบัติเป็ นอะไร
1 เบส
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 9
2 กรด
3 เกลือ
4 กลาง
53. สารละลายใดทีค่ นไทยนิยมนำไปผลิตเป็ นสารใช้ ทำความสะอาดห้ องน้ำหรือเครื่องสุ ขภัณฑ์
1 กรดไนตริ ก
2 กรดแอซิ ติก
3 กรดกำมะถัน
4 กรดไฮโดรคลอริ ก
54. ถ้ าเราใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออาหารอาหารจะมีสารพิษชนิดใดปนเปื้ อน
1 ตะกัว่
2 โบรไมด์
3 อะลูมิเนียม
4 เกลือซัลเฟต
2 ฝรั่ง
3 กล้วย
4 ทุเรี ยน
60. อาหารคู่ใดที่ให้ สารอาหารประเภทโปรตีน
1 นม–ข้าว
2 ปลา–ถัว่
3 ตับ–ตำลึง
4 ไก่–ต้นหอม
61. เราใช้ สารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตและสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ ทดสอบสารอาหารประเภทใด
1 ไขมัน
2 โปรตีน
3 วิตามิน
4 คาร์โบไฮเดรต
62. เมื่อใช้ สารละลายคอปเปอร์ ซัลเฟตและสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ ทดสอบสารอาหารในข้ อ 61 แล้ ว
สารละลายจะเปลี่ยนเป็ นสีอะไร
1 สี แดงอิฐ
2 สี ส้มแดง
3 สี ชมพูอมม่วง
4 สี น้ำเงินแกมม่วง
63. การทดสอบสารอาหารคู่ใดมีความสัมพันธ์ กนั
1 ไข่ขาวกับสารละลายไบยูเร็ ต
2 น้ำแป้ งกับสารละลายเบเนดิกต์
3 น้ำถัว่ เหลืองกับสารละลายไอโอดีน
4 เนื้อสัตว์กบั สารละลายคอปเปอร์ซลั เฟต
64. สารอาหารประเภทใดที่ต้องผ่านการย่ อยร่ างกายไม่ สามารถดูดซึมไปใช้ ได้ ทันที
1 น้ำ
2 ไขมัน
3 แร่ ธาตุ
4 วิตามิน
65. เด็กที่ขาดวิตามินเอแล้วจะทำให้ กระดูกและฟันไม่ เจริญเต็มที่ วิตามินเอมีอยู่ในอาหารประเภทใด
1 เนื้อและตับ
2 ไข่แดง นม เนย
3 ตำลึง ผักบุง้ มะละกอ
4 ถูกทุกข้อ
66. ถ้ าไม่ ต้องการเป็ นคนทีม่ ีกระดูกเปราะแขนขาหักง่ าย เราต้ องรับประทานอาหารทีม่ ีแร่ ธาตุชนิดใด
1 เหล็ก ไอโอดีน
2 วิตามิน โปรตีน
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 11
3 แคลเซี ยม ฟอสฟอรัส
4 คาร์บอน โพแทสเซียม
67. ผู้สูงอายุที่มีคอเลสเตอรอลสู งไม่ ควรบริโภคอาหารชนิดใด
1ไข่ นมผง น้ำมันพืช
2 เนย เนยแข็ง เนื้ อหมู
3 หัวใจ เนื้ อปลา นมสด
4 ไข่ ตับวัว มันสมองสัตว์
68. ผู้ทรี่ ับประทานส้ มตำมะละกอเป็ นประจำจะมีโอกาสเป็ นโรคใดน้ อยที่สุด
1 เหน็บชา
2 โลหิ ตจาง
3 ตาฟางตอนกลางคืน
4 เลือดออกตามไรฟัน
69. การส่ งเสริมให้ เด็กวัยเรียนมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ และมีภูมิต้านทานโรคอาหารทีเ่ ด็กควรบริโภคมากคือ
อาหารประเภทใด
1 ผลไม้
2 เนื้อสัตว์
3 ข้าวซ้อมมือ
4 นมถัว่ เหลือง
70. จากคำกล่ าวที่ว่า “ผู้หญิงต้ องการธาตุเหล็กมากกว่ าผู้ชาย” นักเรียนเห็นด้ วยหรือไม่ เพราะอะไร
1 เห็นด้วย เพราะผูห้ ญิงต้องเสี ยเลือดไปกับประจำเดือน
2 เห็นด้วย เพราะร่ างกายของผูห้ ญิงสามารถเก็บธาตุเหล็กไว้ใช้ได้ดีกว่าผูช้ าย
3 ไม่เห็นด้วย เพราะโดยปกติผหู้ ญิงต้องการสารอาหารและแร่ ธาตุทุกชนิดมากกว่าผูช้ าย
4 ไม่เห็นด้วย เพราะผูห้ ญิงและผูช้ ายที่มีอายุเท่ากัน น้ำหนักเท่ากันมีความต้องการสารอาหารและแร่ ธาตุในปริ มาณ
ที่เท่ากัน
71. ถ้ าต้ องการให้ ร่างกายของเด็กวัยเรียนได้ รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณที่มากพอ ควรให้ เด็กเลือกรับ
ประทานอาหารชนิดใด
1 กุง้ แห้ง
2 ฟักทอง
3 ถัว่ เหลือง
4 ผลไม้สด
4 บีสิบสอง
73. บุคคลทีต่ ้ องการพลังงานมากที่สุดในแต่ ละวันคือใคร
1 ชายวัยรุ่ นอายุ 16–19 ปี
2 หญิงวัยรุ่ นอายุ 16–19 ปี
3 เด็กชายวัยเรี ยนอายุ 7–12 ปี
4 เด็กหญิงวัยเรี ยนอายุ 7–12 ปี
74. กนกรับประทานอาหารที่ได้ สารอาหารประเภทไขมัน 20 กรัม จึงมีพลังงานพอใช้ ในการนั่งเรียนหนังสื อนาน 3
ชั่วโมง แต่ ถ้าเปลีย่ นเป็ นอาหารที่ให้ สารอาหารประเภทโปรตีน กนกต้ องรับประทานอาหารโปรตีนเท่ าใด เพราะ
อะไร
1 เท่ากับ 20 กรัม เพราะโปรตีนและไขมันให้พลังงานเท่ากัน
2 น้อยกว่า 20 กรัม เพราะโปรตีนให้พลังงานมากกว่าไขมัน
3 มากกว่า 20 กรัม เพราะโปรตีนให้พลังงานน้อยกว่าไขมัน
4 ข้อมูลไม่เพียงพอสรุ ปไม่ได้
75. จากคำกล่ าวที่ว่า “หญิงมีครรภ์ และหญิงที่ให้ นมบุตรมีความต้ องการแคลเซี ยมมากกว่ าปกติ” นักเรียนเห็นด้ วย
หรือไม่ เพราะอะไร
1 เห็นด้วย เพราะแคลเซียมจะช่วยสร้างกระดูกและฟันของทารก
2 เห็นด้วย เพราะแคลเซียมจะทำให้การไหลเวียนเลือดในร่ างกายทารกเป็ นปกติ
3 ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าได้รับแคลเซียมในปริ มาณที่มากจะทำให้ผวิ ของทารกมีสีเหลืองซี ด
4 ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าได้รับแคลเซียมในปริ มาณที่มากจะทำให้ระบบการหายใจของทารกผิดปกติ
76. นนท์ เฝ้ าดูการทดสอบไข่ ขาว ผลการสังเกตการทดสอบไข่ ขาวของนนท์ คอื อะไร
1 ไข่ขาวถูกต้มนาน 20 นาที
2 ไข่ขาวที่นำมาทดสอบคือไข่เป็ ด
3 ไข่ขาวเมื่อทดสอบด้วยวิธีไบยูเร็ ตเปลี่ยนเป็ นสี ม่วง
4 ไข่ขาวมีสารอาหารประเภทโปรตีนเป็ นส่ วนประกอบ
77. “ดืม่ นมสดเมื่อไรท้ องเสียทุกครั้ง จึงต้ องเปลี่ยนมาดื่มนมเปรี ้ ยว แต่ กย็ งั ท้ องเสี ยเป็ นบางครั้ ง” จากข้ อมูลดังกล่ าว
คำถามใดที่เป็ นการตั้งสมมติฐานของเหตุการณ์ นี้
1 ถ้าเปลี่ยนไปดื่มนมผงแล้ว อาการจะเป็ นอย่างไร
2 ถ้าดื่มนมสดนาน ๆ แล้ว ร่ างกายจะเป็ นอย่างไร
3 ถ้าดื่มนมเปรี้ ยวนาน ๆ แล้ว ร่ างกายจะเป็ นอย่างไร
4 ถ้าให้เลือกดื่มนมสดกับดื่มนมเปรี้ ยวควรจะเลือกดื่มนมชนิดใด
78. ถ้ านักเรียนต้ องการทดสอบสมมติฐานทีว่ ่า “รั บประทานอาหารที่ ไหม้ กรี ยมเป็ นประจำ อาจทำมให้ เป็ นมะเร็ ง
ได้ ” โดยใช้ หนูเป็ นสัตว์ ทดลองและแบ่งหนูเป็ น 2 กลุ่ม การทดลองครั้งนีเ้ ราต้ องจัดสิ่ งใดให้ แตกต่ างกัน
1 ปริ มาณน้ำ
2 สถานที่เลี้ยง
ข ้อสอบปลายภาค รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1 13
3 ลักษณะอาหาร
4 จำนวนวันที่ใช้ทดลอง
79. “การออกกำลังกายอยู่เสมอจะทำให้ ร่างกายของเราแข็งแรงมากขึน้ ” นักเรียนคิดว่ าคำใดที่ต้องกำหนดนิยามเชิง
ปฏิบัติการ (ให้ ความหมาย)
1 ร่ างกาย
2 แข็งแรง
3 การออกกำลังกาย
4 ทุกข้อที่กล่าวมา
80. ในปัจจุบนั พบว่า เมื่อตรวจสอบอาหารต่ าง ๆ แล้ วจะพบโลหะหนักที่เป็ นสารพิษเจือปนอยู่ เช่ น ปรอท ตะกัว่
และแคดเมียม นักเรียนจะป้ องกันอันตรายที่จะเกิดขึน้ นีไ้ ด้ ด้วยวิธีใด
1 ไม่รับประทานอาหารที่มีสีฉูดฉาด
2 ไม่ใช้ภาชนะที่เป็ นตะกัว่ หรื อภาชนะที่ทาสี ใส่ อาหาร
3 ไม่รับประทานอาหารกระป๋ องที่ตะเข็บไม่เรี ยบร้อยและมีสนิมขึ้น
4 อ่านฉลากเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของส่ วนประกอบของสารอาหารและกระบวนการผลิตทุกครั้ งก่อนซื้ อมา
บริ โภค
แบบอัตนัย
คำชี้แจง ตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1. นักเรียนมีหลักในการเลือกกินอาหารอย่างไร จึงจะทำให ้ได ้สารอาหารครบ
ถ ้วนสมบูรณ์ตามทีร่ า่ งกายต ้องการ
2. การเคลือ
่ นทีข ี ค
่ องสม ี วามแตกต่างกันขณะทำการแยกสารเนือ
้ เดียวกัน
ความแตกต่างกันของการเคลือ
่ นทีเ่ หล่านัน
้ สามารถอธิบายข ้อความรู ้อะไร
บ ้าง
11. 4 12. 4 13. 1 14. 3 15. 4 16. 4 17. 3 18. 4 19. 4 20. 4
21. 2 22. 1 23. 4 24. 4 25. 2 26. 3 27. 1 28. 4 29. 2 30. 2
31. 1 32. 2 33. 2 34. 1 35. 3 36. 3 37. 4 38. 2 39. 3 40. 1
41. 1 42. 2 43. 1 44. 3 45. 4 46. 3 47. 3 48. 4 49. 3 50. 2
51. 4 52. 1 53. 4 54. 1 55. 3 56. 2 57. 3 58. 1 59. 1 60. 2
61. 2 62. 3 63. 4 64. 2 65. 4 66. 3 67. 4 68. 4 69. 4 70. 1
71. 1 72. 3 73. 1 74. 3 75. 1 76. 3 77. 4 78. 3 79. 3 80. 3
แบบอัตนัย
1. หลักในการเลือกกินอาหารทีถ ่ ก
ู ต ้องคือ ควรพยายามกินอาหารหลาย ๆ อย่างสลับกัน
ไป อย่ากินเพียงน ้อยชนิดอยูเ่ ป็ นประจำ ทัง้ นี้
เพราะไม่มอ ี าหารชนิดใดทีจ ่ ะให ้คุณค่าทางโภชนาการทุกอย่างได ้ครบถ ้วน และอาจ
ทำให ้ขาดสารอาหารได ้ อย่างไรก็ตามในการเลือกกินอาหารในแต่ละวันต ้องรู ้จักเลือก
ให ้เหมาะกับเพศ วัย และสภาพของร่างกายด ้วย
2. สารทีเ่ คลือ ่ นทีอ ่ อกมาจากสารละลายก่อนแสดงว่าละลายน้ำได ้ดีและถูกดูดซบ ั ได ้น ้อย
จึงเคลือ ่ นทีไ่ ด ้เร็ว สารทีเ่ คลือ
่ นทีอ ่ อกมาทีหลังแสดงว่าละลายน้ำได ้ไม่ด ี และถูกดูดซบ ั
่ นทีไ่ ด ้ชา้
ได ้ดีจงึ เคลือ