Professional Documents
Culture Documents
เรื่อง คำประพันธ์วรรณศิลป์
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลักษณะการแต่งคำประพันธ์ โคลง กลอน กาพย์
ฉันท์ ร่ายและลิลิตได้
2. สรุปคุณค่าของงานประพันธ์ในบทร้อยกรองต่าง ๆ ได้
สาระการเรียนรู้
๑. ลักษณะการแต่งคำประพันธ์ประเภทต่าง ๆ คือ
- โคลง
- กลอน
- กาพย์
- ฉันท์
- ร่าย
- ลิลิต
๒. สรุปคุณค่าของบทร้อยกรอง
กิจกรรม
1. ทดสอบก่อนเรียน
2. ศึกษาตามเนื้อหาสาระจากสื่อเอกสารประกอบการเรียน
รู้ หน่วยการเรียนที่ ๕
3. ทดสอบหลังการเรียน
4. ใบงานที่ ๑ ให้นักศึกษาเตรียมศึกษาค้นคว้าเอกสารและ
หนังสือเรียน เรื่อง
58
แต่งคำประพันธ์เพื่อรับฟั งการสอนเสริมจากวิทยากรภายนอก
5. ใบงานที่ ๒ ให้นักศึกษาสรุปคุณค่าของบทร้อยกรองที่
ศึกษาจากหนังสือ
คำประพันธ์บทร้อยกรองต่าง ๆ
59
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียน เรื่อง คำประพันธ์วรรณศิลป์
คำชีแ
้ จง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วกา
เครื่องหมาย ลงในกระดาษคำตอบ
ก ข ค ง
๑. ข้อใดคือสิ่งสำคัญที่สุดของการเขียนร้อยกรองที่จะสื่อสารกับผู้
อื่นได้
ก. ควรศึกษาสภาพสังคมว่าผู้อ่านเป็ นกลุ่มใดบ้าง
ข. ควรอ่านบทร้อยกรองจากผู้เขียนที่ช่ น
ื ชอบ
ค. สามารถรู้ใจผู้อ่านว่าชอบร้อยกรองประเภทใด
ง. จดจำฉันทลักษณ์ของร้อยกรองแต่ละชนิดได้ถก
ู ต้อง
๔. “เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟั งวังเวง” จากบทประพันธ์ข้างบนนี ้ คือข้อใด
ก. กาพย์ยานี ๑๑ ข. กาพย์สุรางคนาง
๒๘
ค. กาพย์ฉบัง ๑๖ ง. วิชชุมาลาฉันท์ ๘
๕. การเขียนบทประพันธ์ร้อยแก้ว คือข้อใด
ก. อิเหนา ข. รามเกียรติ ์
ค. พระอภัยมณี ง. ราชาธิราช
๙. ข้อใดเป็ นคำประพันธ์ของสุนทรภู่
ก. ราชาธิราช ข. กาพย์เห่เรือ
ค. นิราศภูเขาทอง ง. ลิลิตตะเลงพ่าย
หมวดวิชาภาษาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ทดสอบครัง้ ที่ ......... เรื่อง .........................................................
62
ชื่อ.....................................................
สกุล.................................................... กลุ่ม...............................
ก่อนเรียน หลังเรียน
ตัวเลือก ตัวเลือก
ข้อที่ ข้อที่
ก ข ค ง ก ข ค ง
๑ ๑
๒ ๒
๓ ๓
๔ ๔
๕ ๕
๖ ๖
๗ ๗
๘ ๘
๙ ๙
๑๐ ๑๐
63
ลักษณะการแต่งคำประพันธ์ประเภทต่าง ๆ
ความนำ
“คนไทยเป็ นเจ้าบทเจ้ากลอนมาแต่อ้อนแต่ออก”
คำกล่าวนีน
้ ่าจะเป็ นความจริง เนื่องจากลูกหลานที่เยาว์วัย ส่วน
ใหญ่จะถูกเห่กล่อมจากผู้เป็ นแม่ ด้วยทำนองที่ไพเราะ อ่อนหวาน
ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอน จากบทที่ว่า
การเขียนร้อยกรอง
ร้อยกรองเป็ นข้อความที่ประดิษฐ์ประดอยตกแต่งถ้อยคำ
ภาษาอย่างมีแบบแผนและมีเงื่อนไขพิเศษบังคับไว้ เช่น บังคับ
จำนวนคำ บังคับวรรค บังคับสัมผัส เรียกว่า “ฉันทลักษณ์”
คำประพันธ์หรือร้อยกรองมีหลายประเภท เช่น โคลง กลอน
กาพย์ ฉันท์ และร่าย
แนวการเขียนบทร้อยกรองมีดังนี ้
1. ศึกษาฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์นน
ั ้ ๆ ให้เข้าใจอย่างแจ่ม
แจ้ง
2. คิดหรือจินตนาการว่าจะเขียนเรื่องอะไร สร้างภาพให้เกิด
ขึน
้ ในห้วงความคิด
3. ลำดับภาพหรือลำดับข้อความให้เป็ นไปอย่างสมเหตุผล
4. ถ่ายทอดความรู้สึกหรือจินตนาการนัน
้ เป็ นบทร้อยกรอง
5. เลือกใช้คำที่ส่ อ
ื ความหมายได้ชัดเจน ทำให้ผู้อ่านเกิด
ภาพพจน์และจินตนาการร่วมกับผู้ประพันธ์
6. พยายามเลือกใช้คำที่ไพเราะ
65
7. แต่งให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์
โคลงสี่สุภาพ
การเขียนโคลงสี่สุภาพ มีหลักการที่ต้องการทราบดังนี ้
1. บทหนึ่งมี ๔ บาท
2. บาทหนึ่งมี ๒ วรรค เรียกวรรคหน้ามี ๕ คำ (หรือพยางค์ใน
บางกรณี) วรรคหลังมี ๒ คำ เพิ่มสร้อยได้อีก ๒ คำ (สำหรั
บบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓)
3. บาทที่ ๓ กำหนดวรรคหลังไว้เพียง ๒ คำเท่านัน
้
4. บาทที่ ๔ วรรคหลังมี ๔ คำ (อาจเพิ่มสร้อยได้อีก ๒ คำ แต่
ไม่นิยม)
5. กำหนดวรรณยุกต์เอก ๗ แห่ง วรรณยุกต์โท ๔ แห่ง ตาม
แผนผัง (ถ้าวางผิดที่หรือใช้คำอื่นแทน เรียกว่า เอกโทษ
โทโทษ) ดังผังต่อไปนี ้
แผนผังโคลงสี่สุภาพ
ตัวอย่างคำประพันธ์โคลงสี่สุภาพ
จากมามาลิ่วล้ำ ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง พีพ
่ ร้อง
66
เรือ แผงช่วยพานาง
เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ
(นิราศนรินทร์)
หมายเหตุ : รูปวรรณยุกต์ที่กำกับ หมายถึงเสียง (แต่ไม่นิยม
เขียนรูปวรรณยุกต์)
กลอนสุภาพ
การเขียนกลอนสุภาพ
เจริญ เจษฎาวัลย์ (๒๕๔๖ : ๑๗๕) กล่าวว่า “กลอน” เป็ นคำ
ประพันธ์ที่คนไทยนิยมกันมากที่สุดอย่างหนึ่งพอ ๆ กับ “โคลง” ดุจ
เป็ นส่วนหนึ่งของความเป็ นไทย โดยเฉพาะกลอนแปดหรือกลอน
สุภาพ
กลอนสุภาพ หรือเรียกกันว่า กลอนแปดบ้าง กลอนตลาดบ้าง
มีรูปแบบและบังคับ ดังนี ้
แผนผังกลอนสุภาพ
บทที่ ๑
67
บทที่ ๒
ตัวอย่าง กลอนสุภาพ
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำ
เหลือกำหนด
อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลีย
้ วลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่ง
ในน้ำใจคน
มนุษย์นท
ี ้ ี่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมัก
เป็ นผล
ที่พึ่งหนึง่ พึ่งได้แต่ใจตน เกิดเป็ นคนคิดเห็น
จึงเจรจา
(จากพระอภัยมณี : สุนทร
ภู่)
68
ลักษณะบังคับของกลอนสุ ภาพมีอะไรบ้างนะ
เทคนิคหรือกลวิธีในการแต่งกลอน
69
วราภรณ์ บำรุงกุล (๒๕๓๗ : ๑๗๙-๑๘๐) ได้กล่าวว่า เทคนิค
การแต่งกลอนควรกำหนดจุดมุ่งหมายก่อนว่าจะเสนอสิ่งใดแก่ผู้อ่าน
ศึกษาฉันทลักษณ์ให้ถูกต้อง เลือกคำที่มีเสียงวรรณยุกต์เหมาะสมมา
ใส่ เพื่อสร้างเสียงไพเราะในบทกลอน และพยายามสรรหาคำมาใช้
ให้ตรงกับความเป็ นจริง ที่ผเู้ ขียนต้องการจะสื่อกับผู้อ่าน
70
กาพย์
ผังของกาพย์ยานี ๑ บท
วรรคหน้า วรรคหลัง
บาทเอก
๑ ๑
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ ๑
บาทโท
๑ ๑
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ ๑
71
สัมผัส มีสัมผัสนอกระหว่างคำสุดท้ายใน
วรรคหนึ่ง
ไปคำที่สามอีกวรรคหนึ่งดังแผนผังข้างบน
ส่วนสัมผัสในนัน
้ ยืดหยุ่นได้
เสียงวรรณยุกต์ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้เสียงวรรณยุกต์ใน
กาพย์ยานี อยู่บางประการ คือ
1) คำสุดท้ายของวรรคหลังบาทโท ใช้เสียงวรรณยุกต์
สามัญและจัตวาส่วนใหญ่
2) ที่ใช้คำตายเสียงตรี หรือเอกก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยพบมาก
นัก
(๑)
บทที่ ๑
(๒ )
73
บทที่ ๒
ผัง
ของกาพย์
สุรางคนางค์
วิธีที่ ๒
บทที่ ๑
บทที่ ๒
75
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
วิชาหนาเจ้า
เกิดมาเป็ นคน
หนังสือเป็ นต้น วิชาหนาเจ้า
ถ้าแม้นไม่รู้ อดสูอายเขา
เพื่อนฝูงเยาะเย้า ว่าเง่าว่าโง่
บางคนเกิดมา
ไม่ร้ว
ู ิชา เคอะอยู่จนโต
ไปเป็ นข้าเขา เพราะเง่าเพราะโง่
บ้างเป็ นคนโซ เที่ยวขอก็มี
ถ้ารู้วิชา
ประเสริฐนักหนา ชูหน้าราศี
จะไปแห่งใด มีคน
ปรานี
ยากไร้ไม่มี สวัสดีมงคล
(ประถม ก กา ฉบับ
หอสมุดแห่งชาติ)
ตัวอย่างวิชชุมาลาฉันท์ ๘
(บทแรก) แรมทางกลางเถื่อน ห่างเพื่อนหาผู ้
หนึ่งใดนึกดู เห็นใครไป่ มี
หลายวันถัน่ ล่วง เมืองหลวงธานี
นามเวสาลี ดุ่มเดาเข้าไป
(บทหลัง) ผูกไมตรี จิตร์ เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมือง ฉันท์อชั ฌาสัย
เล่าเรื่ องเคืองขุน่ ว้าวุน่ วายใจ
จำเปนมาใน ด้าวต่างแดนตน
(สามัคคีเภทคำฉันท์-ชิต บุรทัต)
หมายเหตุ แทน ครุ
78
บังคับ
คณะและพยางค์ ฉันท์บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค
วรรคละ ๔ คำ รวม ๘ วรรค
มี ๓๒ คำ
สัมผัส สัมผัสภายในบทมี ๕ แห่ง ดังที่โยงไว้ให้ดูในแผนผัง
สัมผัสระหว่างบทมี ๑ แห่ง คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๘ สัมผัสกับ
คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ในบทต่อไป
ครุ-ลหุ ฉันท์ชนิดนี ้ บังคับครุทุกคำ จึงทำให้ง่ายต่อการแต่ง
เพราะไม่ต้องกังวลกับการหาคำลหุมาใช้เลย
(๑)
บทที่ ๑
๓. ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ มีลักษณะบังคับของร้อยกรอง
ดังนี ้
(๑)
บทที่ ๑
(๒)
(๓)
81
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
ทิชงค์ชาติฉลาดยล คเนกลคนึงการ
กษัตริ ยล์ ิจฉวีวาร ระวังเหื อดระแวง
หาย
เหมาะแก่การจะเสกสัน ปวัตติ์วญั จะนโยบาย
มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัคคิ์สนธิ์ สโมสร
ณ วันหนึ่งลุถึงกา ละศึกษาพิชากร
กุมารลิจฉวีวร เสด็จพร้อมประชุม
กัน
ตระบัดวัสสการมา สถานราชะเรี ยนพลัน
ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์ สนิทหนึ่งพระองค์
ไป
82
(คำภาษาบาลี)
84
85
ตัวอย่างร่ายยาว
ตัวอย่างร่ ายยาวมหาเวชสันดรชาดก
โส โพธิสตโต ส่ วนสมเด็จพระบรมโพธิ สตั ว์ ตรัสได้ทรงฟังพระสุ รเสี ยง แก้วกัณหา
เสี ยวพระสกลกายาเย็นระย่อ เศร้าสลดระทดท้อพระหฤทัยเธอถอยหลัง พระนาสิ กอึดตั้ง
อัสสาสะปัสสาสะ น้ำพระเนตรเธอไหลหยาดหยด เป็ นสายเลือด ไม้เว้นวายหายเหื อดซึ่ งโศกา
จึงเอาพระปัญญาวินิจฉัยเข้าข่มโศก ว่าบุตรวิโยคทั้งนี้ บังเกิดมีเพราะความรัก จำจะเอา
อุเบกขาเข้ามาประหารหักให้เสื่ อมหาย ท้าวเธอกลับสุ ขเกษมเปรมสบาย พระกายก็ใสสด ดัง่
พระจันทร์ทรงกรด นั้นแล
(มหาเวสสั นดรชาดก ฉบับ ๑๓ กัณฑ์ )
คุณครู ช่วยยกตัวอย่างลิลิต
ให้ผมทราบด้วยครับ
ตัวอย่ างลิลติ
89
ตัวอย่างลิลิตตะเลงพ่าย
ร่าย
๑๙(๓๒) เสร็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แด่
ภูธรเอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย
เสนาในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับ
ช้างแก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทียบ เสด็จ
ย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์
เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปั กเศวตฉัตรฉานฉาย
คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาคลาดแคล้ว คล้ายคล้ายนาย
ทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา ฯลฯ
โคลง ๒
๒๐(๔๑) ทัพถึงทวารกรุงแก้ว เดียรดาษพลคลาด
แคล้ว
คล่ำคล้ายคลาขบวน
โคลง ๓
๒๑(๔๒) ด่วนเดินโดยโขลนทวาร พวกพลหาญแห่หน้า
ล้วนทแกล้วทกล้า กลาดกลุ้มเกลื่อนสถล
มารคนา
ฯลฯ
พระมหาอุปราชายกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี
โคลง ๒
๒๒(๕๓) ยกพลผ่านด่านกว้าง เสียงสนั่นม้าช้าง
กึกก้องทางหลวง
โคลง ๓
๒๓(๕๔) ล่วงลุด่านเจดีย์ สามองค์มแ
ี ห่งหัน
้
แดนต่อแดนกันนัน
้ เพื่อรู้ราวทาง
ขับพลวางเข้าแหล่ง แห่งอยุธเยศหล้า
แลธุลฟ
ี ุ ้งฟ้ า มืดคลุ้มมัวมล ยิ่งนา
ฯลฯ
90
โคลง ๔
๒๕(๗๙) มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู
สถิตอยู่เอ้องค์ดู ละห้อย
พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึงนุชน้อย แน่งเนื้อนวลสงวน
ฯลฯ
(ที่มา : ลิลิตตะเลงพ่ายของกรมพระปรมานุ
ชิตชิโนรส)
สรุปคุณค่าของงานประพันธ์ในบทร้อยกรอง
ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่
เลีย
้ วเรียวไผ่
ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล่น้ำลำคลอง
(ที่มา : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
๓) ผู้แต่งได้แสดงออกทางด้านอารมณ์และความรู้สึก เช่น
อารมณ์ร่ น
ื เริง สนุกสนาน มีความสุขดื่มด่ำกับธรรมชาติ หรือโศก
เศร้า อาลัยอาวรณ์ ซึ่งผูแ
้ ต่งสามารถแสดงอารมณ์ได้เต็มที่ เช่น
กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ าธรรมาธิเบศร์ ที่แสดงให้เห็นความอ่อนไหวของ
อารมณ์ที่คิดถึงนางอันเป็ นที่รัก ยามเห็นอาทิตย์คล้อยต่ำลงในคำ
ประพันธ์ที่ว่า
92
รอนรอนสุริยะโอ้ อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว
รอนรอนจิตจำนง น ุช พ ี่
เพียงแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลบ
ั ค ล ้า ย เ ร ือ น
เหลียว
แสดงความรู้สึกต่อสภาพชีวิตว่า
ถึงหน้าวังดังหนึง่ ใจจะขาด ค ิด ถ ึง บ า ท บ พ ิต ร
อดิศร
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แ ต ่ป า ง ก ่อ น
เคยเฝ้ าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึง่ ศีรษะขาด ด ้ว ย ไ ร ้ญ า ต ิ
ยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ทัง้ โรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็ น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่ง
จะพึ่งพา
93
จะ สร้างพรตอุตสาห์ส่งส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่ าย
สมถะทัง้ วสา
เป็ นสิง่ ฉลองคุณมุลิกา ขอเป็ นข้า เคีย งบาท
ทุกชาติไป
(ที่มา : นิราศภูเขาทองของสุนทร
ภู่)
๔) ผู้แต่งได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ งาน
ประพันธ์ร้อยกรองถือได้ว่าเป็ นผลงานที่สร้างสรรค์
รูปแบบหนึ่งเมื่อผู้แต่งคำประพันธ์เกิดอารมณ์
ความรู้สึกชนิดใด ก็จะสร้างผลงานออกมาให้เห็น
เป็ นบทร้อยกรองให้พบเห็นอยู่มากมาย
๕) ผู้แต่งได้เสนอแนวคิดและทัศนคติเกี่ยว
กับการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็ นประโยชน์ไม่เพียงแต่ผู้แต่งคำประพันธ์
เท่านัน
้ แต่ยังมีประโยชน์ต่อผู้อ่านมากมาย เช่น คำประพันธ์ของ
อังคาร กัลยาณพงศ์ ที่แสดงแนวคิดที่ว่า โลกเราทุกวันนีป
้ ระกอบไป
ด้วยบุคคลหลายจำพวกหลายฐานะ ไม่ใช่โลกของใครคนใดคนหนึ่ง
หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนัน
้ การอยู่ในโลกอย่างมีความสุขได้
ทุกคนต้องมีน้ำใจไมตรี ต่อกันดังคำประพันธ์ที่ว่า
ภพนีม
้ ิใช้หล้า หงส์ทอง เดียวเอย
94
กาก็เจ้าของครอง ร่วมด้วย
เมาสมมติจองหอง หีนชาติ
แล้งน้ำมิตรโลกม้วย ้ สุขศานติ ์
หมดสิน
๖) ผู้แต่งได้ผ่อนคลายอารมณ์และคลายเครียด นักจิตวิทยา
กล่าวว่า ถ้าผู้ใดก็ตามมีความรู้สึกรัก เกลียด โกรธ ก็ให้ระบาย
อารมณ์เหล่านัน
้ ด้วยการเขียนข้อความที่บ่งบอกความรู้สึกในขณะ
นัน
้ ลงไปในกระดาษแล้วจุดไฟทิง้ เสีย จะช่วยให้ระบายความเครียด
ได้ดีกว่าจะไปทำร้ายบุคคลอื่น ซึ่งเป็ นต้นเหตุของความไม่สบ
อารมณ์ในขณะเดียวกันถ้าต้องระบายอารมณ์ต่าง ๆ ก็อาจจะเขียน
ถ่ายทอดออกมาเป็ นคำประพันธ์ซึ่งนอกจากจะทำให้หายเครียดแล้ว
ยังสร้างสรรค์งานศิลปะทางภาษาได้อีกด้วย นับเป็ นการคลาย
เครียดที่เป็ นประโยชน์อย่างหนึ่ง
๗) ผู้แต่งกลายเป็ นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ ทัง้ นีเ้ พราะผู้ที่จะ
แต่งร้อยกรองได้ต้องใช้สมาธิและความละเอียดอ่อน เป็ นการพัฒนา
ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์และเรียบเรียงถ้อยคำให้
ไพเราะสละสลวย
๘) ผู้แต่งได้รับเกียรติ มีช่ อ
ื เสียง และได้รับรางวัลเป็ น
ทรัพย์สินเงินทอง นอกจากรางวัลด้านเกียรติยศชื่อเสียง และความ
นิยมชมชอบจากผู้อ่านแล้ว คำประพันธ์ร้อยกรองยังสามารถ
จำหน่าย ทำรายได้เป็ นทรัพย์สิน เงินทอง ให้แก่ผู้แต่งได้อีกด้วย
๒. คุณค่าของร้อยกรองที่มีต่อผู้อ่านหรือผู้ฟัง
95
“สรวงสวรรค์ชน
ั ้ กวีรุจีรัตน์
ผ่องประภัสส์พลอยหาวพราวเวหา
พริง้ ไพเราะเสนาะกรรณวัณนา
สมสมญาแห่งสวรรค์ชน
ั ้ กวี”
(ที่มา : สามกรุง “น.ม.ส.” )
96
๒) ช่วยให้ผอ
ู้ ่านเข้าใจและปรารถนาดีต่อผู้อ่ น
ื เห็นอก
เห็นใจและเข้าใจปั ญหาของผู้อ่ น
ื และปลูกฝั งนิสัยรักธรรมชาติ
ตัวอย่าง
“หัวขวานลงจับไม้ มองคยิก
อิแอ่นแล่นเสียงจิก จีดร้อง
ขมิน
้ เหลืองอ่อนกรีกกริก คอยกระ
บินเอย
บังรอกด๊อกด๊อก ร้อง ร่ำแสร้ผสาน
กัน”
๓) ช่วยสร้างจินตนาการ สิ่งหนึ่งทีค
่ ำประพันธ์นำเสนอต่อ
ผู้อ่านก็คือจินตนาการของผู้แต่งบทร้อยกรองจำนวนไม่น้อยจะวาด
ภาพที่สวยงาม ใช้ถ้อยคำที่ประณีตด้วยเสียงและความหมาย ด้วย
คำเพียงไม่กี่คำที่มีอยู่ในคำประพันธ์ จะชีใ้ ห้ผู้อ่านสังเกตบางสิ่งบาง
อย่างที่มีคุณค่า เป็ นการยกระดับจิตใจของผู้อ่าน กระตุ้นอารมณ์
และจินตนาการของผู้อ่านได้เป็ นอย่างดีอีกด้วย ตัวอย่าง
97
“ชมโฉม สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด
งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา
ทัง้ สองแก้มกัลยาดังลูกยอ
คิว้ ก่งเหมืองกงเขาดีดฝ้ าย
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ
ลำคอโตตันสัน
้ กลม”
๔)ช่วยให้ผอ
ู้ ่านเกิดปั ญญา ทัง้ นีเ้ พราะคำประพันธ์จะนำ
เสนอความรู้ที่มีคุณค่า และมีความหมายลึกซึง้ คมคายของผู้แต่ง
แทรกอยู่ ตัวอย่าง
“พาทีมีสติรงั ้ รอคิด
รอบคอยชอบแลผิด ก่อนพร้อง
คำพูดพ่างลิขิต เขียนร่าง เรียงแฮ
ฟั งเพราะเสนาะต้อง โสตทัง้ ห่างภัย”
98
๕)ทำให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ และได้ทราบความคิดของผู้
แต่ง เป็ นการสร้างปั ญญาแก่ผู้อ่านได้อย่างดี และช่วยให้ผู้อ่านเกิด
โลกทัศน์ที่กว้างไกลยิ่งขึน
้ ตัวอย่าง
“ลางลิงลิงลอดไม้ ลางลิง
แลลูกลิงลงชิง ลูกไม้
ลิงลมไล่ลมติง ลิงลอด หนีนา
แลลูกลิงลางไหล้ ลอดเลีย
้ วลางลิง”
(ที่มา : ลิลิตพระลอ)
๖)ช่วยให้ผอ
ู้ ่านเกิดความประทับใจ การได้อ่านหรือได้ฟัง
ร้อยกรองทำให้ผู้อ่านได้ความรู้สึกและบรรยากาศที่แปลกใหม่ ผ่อน
คลายความเครียดที่อาจมีอยู่ภายในจิตใจได้เป็ นอย่างดี ตัวย่าง
“ลมละเรื่อยเฉื่อยเฉียวในเคียงข้าว
กังหันน้าว ระหัดน้ำทำนบขัง
ระลอกนองกรองใส ร่มใบบัง
แพงพวยหยั่งยอดพันสันตะวา”
99
(ที่มา : คำหยาด ของเนาวรัตน์ พงษ์
ไพบูลย์)
เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลาก
สวรรค์
(ที่มา : นิราศนรินทร์)
๘)รักษาวัฒนธรรมและ
ประเพณีให้เป็ นมรดกต่อไป ร้อยกรอง
จำนวนมาก ที่ให้ผู้อ่านหรือผูฟ
้ ั งทราบ
ถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
ตลอดจนความเชื่อ และค่านิยมของ สุ ภาษิตสอนหญิง
สังคมไทยในแต่ละยุคสมัย อันจะเป็ น
แนวทางให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และปฏิบัติสืบต่อกันไป จนเปรียบ
100
เสมือนผู้ทำหน้าที่รักษาวัฒนธรรมประเพณีให้เป็ นมรดกของไทย
สืบต่อให้เยาวชนได้อย่างดี เช่น
ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด ค ่อ ย เ ย ้อ
ื ง
ยาตรยกย่างไปกลางสนาม
อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม เ ส ง ี่ย ม ง า ม
สงวนไว้แต่ในที
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อ ย ่า เ ส ย ผ ม
กลางทางหว่างวิถี
อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี เหย้า เรือ นมีก ลับ มา
จึงหารือ
(ที่มา : สุนทรภู่)
๙)ช่วยสั่งสอนและส่งเสริมศีลธรรมจรรยาที่ดีงามแก่
ประชาชน ร้อยกรองสามารถช่วยยกระดับจิตใจของผู้อ่าน ให้เป็ นผู้
มีคุณธรรมประจำใจ โดยอาจสั่งสอนโดยตรงหรือสอดแทรก ในตอน
ใดตอนหนึ่งของเรื่อง เช่น เรื่องลิลิตพระลอ ตอนหนึ่งความว่า
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
101
ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา
(ที่มา : ลิลิตพระลอ)
๓. คุณค่าของร้อยกรองที่มีต่อสังคม
บทร้อยกรองมีคุณค่าต่อสังคม เป็ นผลงานที่แสดงให้เห็นถึง
ภูมิปัญญาไทย เป็ นมรดกให้ลูกหลาน เป็ นสมบัติทางวัฒนธรรม
ของชาติ และเป็ นเครื่องชีน
้ ำสังคมได้
คุณค่าของร้อยกรองที่มีต่อ
สังคมมีอะไรบ้างคะ
แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียน เรื่อง คำประพันธ์วรรณศิลป์
คำชีแ
้ จง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วกา
เครื่องหมาย ลงในกระดาษคำตอบ
ก ข ค ง
๒. ร้อยกรองประเภทใด มีการบังคับเอก ๗ โท ๔
ก. ร่าย ข. กาพย์
ค. โคลง ง. ฉันท์
๓. ข้อใดเป็ นบทร้อยกรอง
ก. ป้ ากะปู ่ กู้อีจู้
ข. ตาดีมือแป แกไปนาตาคำ
ค. ไปเที่ยวทะเล ต้องระวังคลื่นลม
ง. ทะเลแม่ว่าห้วย เรียมฟั ง
๔. ข้อใดเป็ น กาพย์ฉบัง ๑๖
ก. นกน้อยนอนแนบน้ำ ในนา
ตมเตอะติดเต็มตา ต่ำต้อย
ข. เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟั งวังเวง
ค. วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายเฝ้ าลาทิวากาล มุ่งกลับบ้านชานเรือนท้อง
ถิ่นตน
ง. สุพรรณหงส์ทรงพูห
่ ้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม
105
๕. ข้อใดเป็ นวรรณคดีแบบร้อยกรอง
ก. พระอภัยมณี
ข. จดหมายจางวางหร่ำ
ค. สามก๊ก
ง. พระราชพงศาวดาร
๗. การแบ่งชนิดคำประพันธ์แบบร่าย คือข้อใด
ก. ร่ายสัน
้
ข. ร่ายโบราณ
ค. ร่ายยานี
ง. ร่ายดัน
้ ยานี
๘. บทประพันธ์ประเภทลิลิต หมายถึงข้อใด
ก. กลอนแปด
ข. โคลง ๔ สุภาพ, ร่ายสุภาพ
ค. กลอน โคลง กาพย์ ฉันท์
ง. ร่ายสุภาพ โคลง ๒, ๓ และ ๔ สุภาพ
หมวดวิชาภาษาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ทดสอบครัง้ ที่ ......... เรื่อง .........................................................
ชื่อ.....................................................
สกุล.................................................... กลุ่ม...............................
ก่อนเรียน หลังเรียน
ตัวเลือก ตัวเลือก
ข้อที่ ข้อที่
ก ข ค ง ก ข ค ง
๑ ๑
108
๒ ๒
๓ ๓
๔ ๔
๕ ๕
๖ ๖
๗ ๗
๘ ๘
๙ ๙
๑๐ ๑๐
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
หน่วยการเรียน เรื่อง คำประพันธ์วรรณศิลป์
109
ข้อ ก่อน หลัง
เรียน เรียน
๑. ง ข
๒. ง ค
๓. ก ง
๔. ค ข
๕. ง ก
๖. ข ง
๗. ง ข
๘. ค ง
๙. ค ข
๑๐. ง ง
110
ใบงานที่ ๑
คำชีแ
้ จง ให้นักศึกษาปฏิบัติดังนี ้
๑. จงแต่งคำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ ๑ คำกลอน โดย
เลือกแต่งอย่างใดอย่างหนึ่ง เพียงข้อเดียวในหัวข้อที่นักศึกษา
ประทับใจ
๑.๑ กลอนแปด
๑.๒ กลอนดอกสร้อย
๑.๓ กลอนสักวา
๒. จงเลือกแต่งคำประพันธ์ต่อไปนีอ
้ ีกคนละ ๑ บท
๒.๑ กาพย์ยานี ๑๑
๒.๒ โคลงสีส
่ ุภาพ
๒.๓ ฉันท์ประเภทใดประเภทหนึ่ง
๓. นำคำประพันธ์ส่งผู้สอนหรือส่งวิทยากร เพื่อแนะนำ
วิจารณ์ ในการพบกลุ่มครัง้ ต่อไป
111
...................................................................................
ใบงานที่ ๒
คำชีแ
้ จง ให้นักศึกษาสรุปคุณค่าของบทร้อยกรองที่ศึกษาจาก
หนังสือ คำประพันธ์บทร้อยกรองต่าง ๆ
..........................................................................................................
...................................................
112
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
113
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
..........................................................................................................
...................................................
114
..........................................................................................................
...................................................