You are on page 1of 20

รายงาน

ประเมินค่าเรื่องสัน

เรื่อง ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสายนัน

เสนอ

ครูลินจง จุลสายพันธ์

ผู้จัดทำ

นายรพีภัทร หิมพาน

เลขที่ ๕ ชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๖.๓

รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ๕ (ท๓๓๑๐๑)


ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๕

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเพชรพิทยาคม

คำนำ
รายงานเล่มนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ๕ (ท๓๓๑๐๑) ชัน

มัธยมศึกษาปี ที่ ๖ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่องสัน

ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสายนัน
้ ซึง่ รายงานเล่มนีม
้ ีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ความรู้จากกลวิธีการนำเสนอเรื่อง เนื้อหาและแนวคิด การใช้ภาษา และ
คุณค่าของเรื่อง

ผู้จัดทำได้เลือกศึกษาเรื่อง ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสายนัน

ขอขอบพระคุณ ครูลินจง จุลสายพันธ์ เป็ นอย่างสูงที่กรุณาตรวจและให้
คำแนะนำเพื่อแก้ไขตลอดการทำงาน ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนีจ
้ ะมี
ประโยชน์และเป็ นแนวทางการศึกษาสำหรับผู้อ่าน ถ้าผิดพลาดประการ
ใดผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี ้

นายรพีภัทร หิมพาน

ผู้จัดทำ

สารบัญ
หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
๑.เรื่องย่อ ๑
๒.เนื้อหาและแนวคิด ๑
๓.กลวิธีนำเสนอเรื่อง ๑
โครงเรื่อง ๑
แก่นเรื่อง ๑
การดำเนินเรื่อง ๑
ฉาก ๑

ตัวละคร ๑
บทสนทนา ๑
๔.การใช้ภาษา ๒
๕.คุณค่าของเรื่อง ๒
๖.บรรณานุกรม ๓
๗.ภาคผนวก ๔
1

ประเมินคุณค่าเรื่องสัน
้ “ ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสาย
นัน
้ ”

๑. เรื่องย่อ
ผู้หญิงกับลูกๆที่มีฐานะยากจน ซึ่งมีอาชีพขอทานเพื่อเลีย
้ งชีพไปวันๆ
เธอต้องจำใจทนอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบๆบ้านที่เป็ นพิษ ผูค
้ น
มั่วสุม จนวันนึงเธอได้รู้ว่าสภาวะแวดล้อมที่เป็ นแหล่งมั่วสุมเหล่านีก
้ ำลัง
ส่งผลกระทบต่อลูกๆของเธอเธอจึงพาลูกๆหนีออกไปจากริมคลองแห่งนี ้
๒. เนื้อหาและแนวคิด
มีเนื้อเรื่องหาที่น่าติดตามและแนวคิดเกี่ยวกับสภาพปั ญหาสังคม
เมือง ชวนให้ผู้อ่านมีความรู้สึกอยากติดตามว่าเรื่อง “ ถึงคราจะหนีไกลไป
จากลำคลองสายนัน
้ ” จะมีการดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไร เป็ นเรื่องสัน
้ เรื่อง
ที่ ๓ จากทัง้ หมด ๑๓ เรื่อง ในหนังสือ เรื่อง เจ้าขุนทอง...จะกลับมาเมื่อ
ฟ้ าสาง ของ อัศศิริ ธรรมโชติ ซึ่งได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอด
เยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ปี ๒๕๒๔
๓. กลวิธีนำเสนอเรื่อง
เรื่องนีม
้ ีกลวิธีนำเสนอเรื่องที่น่าสนใจ ดังนี ้
๑). โครงเรื่อง
เนื้อเรื่องกล่าวถึงผูห
้ ญิงคนหนึ่งกับลูกๆของเค้าที่มีฐานะยากจน มี
อาชีพขอทานเพื่อเลีย
้ งชีพไปวันๆ พวกเขาอาศัยอยู่ที่บ้านกระท่อมใต้
สะพานที่มีแค่เพียงสังกะสีล้อมเก่าๆรอบกับมุ้งกันยุงเก่าๆพอเป็ นที่ซุก
หัวนอน บริเวณริมคลองที่มีกลิ่นเหม็นอับ น้ำเน่า สภาพแวดล้อมรอบๆ
บ้านของเธอมีหญิงที่เป็ นโสเภณี จนวันนึงลูกสาวของเธอนัน
้ ได้พูดว่าอยาก
ที่จะเป็ นเหมือนสาวโสเภณีข้างบ้านเธอทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกต้องนอนกับ
2

ชายไม่ซ้ำหน้า จึงต้องรีบพาลูกๆออกจากสภาพแวดล้อมแบบนัน
้ เรื่องสัน

เรื่องนี ้ สะท้อนให้เห็นถึงปั ญหาด้านสภาพปั ญหาสังคมเมือง ความไม่เท่า
เทียมกันของคน
๒). แก่นเรื่อง
ผู้แต่งต้องการเสนอก็คือ ชีวิตที่ของที่มีฐานะยากจน อาศัยอยู่ใน
สภาพแวดล้อมที่เป็ นพิษ ซึงผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกาย ส่งผล
ให้พวกเค้าเป็ นปั ญหาของต่อสังคมซึง่ จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
เลยแต่พวกเขาไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงปั ญหานัน
้ ได้ต่างหาก
๓). การดำเนินเรื่อง
มีการเปิ ดเรื่องเรื่องที่น่าสนใจ เนื้อเรื่องเริ่มต้นผู้เขียนผูกปมไว้กับ
เรือให้ผู้อ่านได้คิดสงสัยว่าเรือที่ว่านัน
้ คือเรืออะไรกันแน่ทำไมแม่ถึงไม่
อยากให้ลูกขึน
้ และเนื้อเรื่องก็ได้เล่าเกี่ยวกับปั ญหาที่แม่และลูกๆต้องเจอ
และไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ แต่ในสุดท้ายผู้เป็ นแม่ก็ไม่สามารถทนเฉย
กับปั ญหาเหล่านีต
้ ่อไปได้เพราะมันกำลังที่จะเข้ามาในตัวลูกๆของเค้าเค้า
จึงพาลูกหนีออกจากสภาวะแวดล้อมเหล่านี ้
๔). ฉาก
บ้านกระท่อมในสะพาน, ริมลำคลอง
๕). ตัวละคร
แม่ , ลูกชาย , ลูกสาว(น้อย) , ดาวเรือง(สาวโสเภณีข้างบ้าน)
๖). บทสนทนา
สอดคล้องกับเนื้อเรื่องและแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยบาง
ประการของตัวละคร

๔. การใช้ภาษา
3

ภาษาที่นำมาใช้เขียนเรื่องมีความเหมาะสมกับเหตุการณ์ในเรื่อง อ่าน
เข้าใจง่าย สามารถใช้ภาษาสร้างสรรค์อารมณ์ให้ผู้อ่าน โดยผ่านทางบท
สนทนาของตัวละครได้หลากหลายอารมณ์ เช่น “ อีห่...! พูดมากเดี๋ยวตบ!
แสดงให้เห็นว่าตัวละครนัน
้ มีอารมณ์รุนแรง เป็ นต้น และมีการใช้ประโยค
แบบบรรยายในการสร้างบรรยากาศให้เกิดความสมจริง เห็นภาพได้
ชัดเจนมากขึน
้ เช่น เขาต่อบุหรี่ให้แม่เสร็จสรรพแล้วส่งให้ หล่อนอัดเอา
ควันแรง ๆ แล้วพ่นฉุยโรยหายไปในความมืด
๕. คุณค่าของเรื่อง
เรื่องสัน
้ “ ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสายนัน
้ ” มีคุณค่า ดังนี ้
๑. ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
๒. ได้เห็นถึงสภาพปั ญหาสังคมการเมือง
๓. ได้เห็นว่าผู้ที่มีฐานะยากจนในสังคมเมืองนัน
้ ต้องยอมรับสภาพอย่าง
ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง
๔. ได้เห็นถึงสภาพความเป็ นอยู่วิถีชีวิตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เรื่องนีน
้ ับเป็ นเรื่องสัน
้ ที่ให้ข้อคิดว่า แม้คนจะอาศัยอยู่ในตัวเมือง
เหมือนกันแต่มีความแตกต่างกันเป็ นอย่างมาก มีการแบ่งชนชัน
้ ซึง่ ทำให้
เกิดปั ญหาด้านการเท่าเทียมกันและปั ญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็ น
สภาพแวดล้อมความเป็ นอยู่ ปั ญหาด้านจิตใจ ด้านสุขภาพ ด้านความคิด
เป็ นต้น
4

บรรณานุกรม

อัศศิริ ธรรมโชติ. (2549). ขุนทอง...เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้ าสาง. (พิมพ์


ครัง้ ที่ 16). แพรวสำนักพิมพ์
5
6

ภาคผนวก
7

“ ถึงคราจะหนีไกลไปจากลำคลองสายนัน
้ ”

หล่อนเรียกลูกมากอดไว้ในวงแขนแล้วบอกลูกว่าคราวหลังอย่าลงไป
เล่นในเรือพรรค์นน
ั ้ อีก มันไม่ดี พอลูกขยับปากจะถามอะไรอีกต่อไป
หล่อนก็ตัดบท
“ เข้าบ้านดีกว่า” หล่อนลุกขึน
้ แล้วจูงลูกสาวตัวเล็ก ๆ เดินกลับ
บ้าน
เรียกมันว่าบ้านมานานหลายปี แล้ว นานจนรู้สึกไปว่ามันเป็ นบ้าน
จริงๆ อันที่จริงมันเป็ นเพียงฝาลังกับสังกะสีตกกระเก่าคร่ำปะติดปะต่อก่อ
ขึน
้ เป็ นรูปทรงง่าย ๆ ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ของสะพานน้ำคร่ำสิ่งก่อสร้างที่รอ
8

หล่อนอยู่ข้างหน้าที่เป็ นที่ซุกหัวนอนของหล่อนกับลูกอีกสอง ค่ำนอนเห็น


แสงดาว กลางวันส่องด้วยแสงตะวันนัน
้ หรือจะเรียกว่าบ้านได้ ก็แล้วตึกโต
ใหญ่มหึมารายล้อมเหล่านีเ้ ล่า จะเรียกว่าอะไรดี หล่อนคิดระหว่างจูงลูก
เหม่อมองอาคารตึกสองฝั่ งของลำคลองที่ผ่านไป ...
“ ฉันรอแม่ตงั ้ นาน ”
ลูกชายว่า พลางเอาสิ่งที่เขาแอบซ่อนไว้ข้างหลังเร่เข้าไปอวดน้อง
สาว
“ หน้ากากเสือ ” พี่ชายพูดขณะทาบหน้ากากลงบนหน้าของ
“ ฉันเก็บได้ตอนกลับบ้านนี่เองแม่ เป็ นไอ้หน้ากากเสือ ” เขาดึง
หน้ากากกลับมาอวดแม่โดยไม่แยแสเสียงของน้องที่ร้องจะเอา
หล่อนจ้องมองหน้ากากยางที่เปรอะเปื้ อนฝุ ่นดินนัน
้ นิ่งอยู่ช่าง
เหมือนเสียจริงๆเหลือเกิน หล่อนคิดในใจเสือแยกเขียวยิงฟั นส่งเสียง
คำรามอยู่ในเมืองหลวง ดูโหดร้ายน่ากลัวเหมือนอะไรหลายอย่างที่หล่อน
พบพานมาแล้ว หล่อนรู้สึกอยากเขวีย
้ งทิง้ ให้มันตกไปไกลชายคาบ้าน ให้
ไหลไปตามน้ำในคลองแล้วไม่กลับ แต่อย่างดีที่หล่อนทำได้คือ ปลอบให้
ลูกสาวเงียบ ส่งหน้ากากให้
“ เอาไปถือเล่นก่อน พี่เขาให้แล้วพรุ่งนีแ
้ ม่จะทำให้ใส่ได้ ” หล่อน
หันมาทางลูกชาย “ ได้เท่าไหร่ ”
“ สิบสองบาทแม่ แต่ฉันซื้อบุหรี่เสียสอง ”
“ แหม ... ไอ้นี่ ” หล่อนเงื้อมือไม่จริงจังนัก มองดูลก
ู ชายสักครู่ก็
หัวเราะ “ หมดยังเอามาให้แม่มวนหนึ่งซิ วันนีแ
้ ม่ได้ไม่ถึงห้าบาท ”
แล้วหลอนคนหลังลูกชายคว้ามือลูกสาวหายลับเข้าไปในกระท่อม
9

“ วันนีฉ
้ ันได้กับข้าวมาหลาย ” ลูกชายชีไ้ ปที่ถุงพลาสติกกองรวมอยู่
กับฝา
“ ฉันคลานไปตามใต้โต๊ะหลบ ไอ้หน้าเหีย
้ มเฝ้ าประตูเข้าไปได้เกือบ
จะได้ไก่ทอดมาด้วยละแม่ เขากำลังจะลุกจากโต๊ะพอดีเลือกแย่งกันเอง ไอ้
หน้าเหีย
้ มเลยเข้ามาเอะอะ เสียดาย ไม่งน
ั ้ ได้มากกว่านี.้ ..แม่หุงข้าวเข้า
ซี...”
“ เดี๋ยวอุ่นกับข้าวของเอ็งก่อน ” แม่ว่า
กระท่อมขยับไหวเพราะแรงสะเทือนจากรถที่แล่นผ่านสะพานไป...
อากาศเมื่อโชยกลิ่นน้ำคร่ำของลำคลองให้เหม็นอับ
อบขึน
้ ไปทั่ว แสงไฟสลัวสองลอดเข้าได้สะพานนัน
้ กระทบน้ำเกิดเงางาม
อยู่กับความมืด กระท่อมฝาลังกับสังกะสีเพื่อนสนิมประกอบเป็ นรูปทรง
ง่ายๆสามสี่หลังยืนเคียงกัน ดูตะคุ้มไปตามแนวของคลอง เสียงครืนครัน
จากความสะเทือนเบื้องบนเมื่อรถผ่านไปมาทำให้สังกะสีกับฝาลัง
ขยับเขยื้อนและส่งเสียงเสียง รถวิ่งเสียงกดแตร และเสียงนกหวีดเป่ าไกล
ออกไป เป็ นเสียงคุ้นเคยที่ตงั ้ ได้ยินภายในบ้านได้สะพานของหลอนและ
เพื่อนบ้าน
หล่อนนอนตะแคง เท้าดอกไว้กับพื้นไม้เก่า เอามืออีกข้างโอบลูกคน
เล็กที่หลับพับอยู่กับอก นอนฟั งเสียงรถ เสียงแตรและเสียงนกหวีดค่อย
เบาบางจางหายเอาเมื่อใกล้เพลาดึก นาน ๆ ครัง้ สะพานจะสั่นและรู้สก
ึ ว่า
กระท่อมขยับไหว แต่เสียงดนตรีกับเสียงกระทบดังกรุ๋งกริ๋งจากฝั่ งคลอง
ตรงข้ามได้ยินดังครัง้ นักเสียงดนตรีคือเพลง เสียงแก้วกระทบกันคืออาหาร
น้ำ และเหล้า หล่อนถอนใจยาวพลางเหลือบตาผ่านประตูที่เปิ ดอ้าเอาไว้
10

ไปจับอยู่เบื้องฟ้ าทางทิศใต้ ดาวดวงหนึ่งพรายแพรวพิไล ห่างไกลเกินจะ


หยั่งถึง-ไกลเหมือนดวงดาว ! หล่อนรำพันสะท้อนใจ
และไกลเหมือนเขาทีทอดทิง้ หลอน…
เขา หมายถึงพ่อของลูกที่หล่อนมีอยู่เดี๋ยวนี ้ ซึ่งหวั่นนึกถึงครัง้ ใด
หล่อนก็จะเห็นเขานั่งรถไฟมาด้วยกันกับหล่อนเมื่อครัง้ นัน

“ เราคงไม่ทุเรศเหมือนอยู่บ้านหรอกน่า ทําใจดีไว้ เมืองหลวงคงมี
อะไร ๆให้เราทำมาหาได้ ดีกว่าอาศัยมันอยู่ ช่วยทำให้มันรวยเราอยู่ได้ไป
วัน ๆ ”
ถึงตอนนีห
้ ล่อนร้องไห้ และมองไม่เห็นดวงดาวพรายแพรวพิไลห่าง
ไกล-ดวงนัน
้ แล้ว…
เสียงพายกระทบน้ำฟั งละห้อยเศร้าผ่านมาทางหน้ากระท่อมเรือลำ
นัน
้ มีผู้หญิงพายท้ายและมีผู้ชายนั่งอยู่หัวเรือกลางลำเรือเสาตัง้ หลังคาเตีย

ๆ มีผ้าม่านระบ้าย้อยลงมาตามหลังคานัน

“ ยังไม่นอนอีกหรือน้า ” เสียงของผูห
้ ญิงท้ายเรือถาม
“ ยัง ” หล่อนตอบสัน
้ ๆ จังหวะที่เรือลำนัน
้ ผ่านไป
หล่อนเฝ้ าดูเรือหลบแสงไฟลับหายไปข้างลึกเงียบจน
ได้ยินเสียงหวีดหวิวของแมลงน้ำ ก่อนเสียงดนตรีและเสียงแก้วกระทบกรุ้
งกริ่งจากฝั่ งคลองตรงข้ามนัน
้ จะดังขึน
้ มากลบ
เออ!-ลำคลองเตยนีม
้ ีเสียงพายกระทบนำเป็ นชีวิตของมันด้วย
หล่อนลืมไป
ใครต่อโครงมาจากไหน ได้มาพบพานกันที่นี่ ลำคลองสายดูมีทงั ้ ที่มี
กลิ่นน้ำครำเหม็นอับ ชีวิตที่ล่องลอยหรือใกล้ชิดอยู่กับมันดูเหมือนจะมีแต่
11

สิ่งสรรพอันโสโครก เป็ นชีวิต เป็ นสิง่ ที่ถูกทัง้ ที่มีกลิ่นน้ำคร่ำเหม็นอับชีวิตที่


ล่องลอยทิง้ ขว้าง เหลือใช้ และไร้ความสมบูรณ์
“ เอ็งไม่อาบน้ำมากี่วันแล้วล่ะ ”
“หกวัน รอให้น้ำเต็มคลองก่อนซีน้า มันถึงจะสะอาดดี ”
“ เดี๋ยวนีค
้ ลองสะอาดกว่าเอ็งแล้ว ไอ้เวรตะไล ! ”
หล่อนนึกถึงค่าหยอกเย้าระหว่างกันของเพื่อนบ้านริมคลองแล้วอด
ยิม
้ คนเดียวไม่ได้
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากเรืออีกหนึ่งซึ่งกำลังทวนน้ำกลับมา
เสียงโวยเข้ามาใกล้หล่อนได้ยินถนัด
“ ไม่เอาไหนเลย แข็งเหมือนท่อนไม้ ” ผู้ชายตะเบ็งเสียงอ้อแอ้
“ จะเอาไหนไป โรงแรมซี สามสิบบาทเท่านัน
้ จะเอายังไง ”ฝ่ าย
หญิงตะเบ็งตอบ
“ อีห่...! พูดมากเดี๋ยวตบ!
“ ตบซี ! แม่จะพาดด้วยพายนี่ ลองดูซิ ไอ้เหี…
้ !”
“ มึงด่าแขกรึ ! กูจะบอกเฮีย”
“ เฮียเฮอ ไม่กลัวทัง้ นัน
้ แหละโว้ย ! เชิญไปบอก จะเอาสวรรค์
วิมานอะไร ก็แค่สามสิบบาทเท่านัน
้ ”
เสียงแผ่วเมื่อเรือพายออกไป...
“ เพลงนีไ้ ม่เอาโว้ย! ” เสียงตะโกนมาจากอีกฟากของคลอง
ผู้ชายกับผูห
้ ญิง หล่อนนอนคิด-ผัวกับเมียมีอะไรหนอ...มาทำให้จาก
กันไปไกลและโดยง่ายๆ ผู้หญิงในเรือกับผู้ชายขีเ้ มามาพบกันโดยสินจ้าง
นัน
้ ไม่น่าสงสัย หากตัวที่พาเมียมาร่วมชีวิตไกลบ้าน มีความรักมานาน
และมีลูกด้วยกันถึงสองอย่างหล่อนนี ้ มีอะไรหรือเป็ นสาเหตุให้ผัวต้องจาก
12

ไป หรือว่าหล่อนแข็งเหมือนท่อนไม้ ไม่เอาไหนอย่างที่ผู้ชายขีเ้ มาเมื่อกว่า


อย่างนัน

เขา-ผัวของหล่อนจึงต้องไปหาใหม่ หาที่ไม่แข็งเหมือนท่อนไม้และเอาไหน
อย่างที่หล่อนไม่มี
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น...
“ แม่ฉันได้มาอีกสามบาท ”
ลูกชายวัยสิบเอ็ดขวบของหล่อนกลับมาจากตลาดโต้ร่งุ ยืนบุหรี่แดง
รายอยู่หน้ากระท่อม
“ ขอให้แม่นวนหนึ่งซี ” หล่อนว่า
เขาต่อบุหรี่ให้แม่เสร็จสรรพแล้วส่งให้ หล่อนอัดเอาควันแรง ๆ แล้ว
พ่นฉุยโรยหายไปในความมืด
“ คืนนีค
้ นน้อย กับข้าว ขนมก็ไม่ได้ ” เขาหย่อนตัวลงนั่งข้างที่แม่
นอน แม่เอาลูกสาวคนเล็กยัดเข้าไปในมุ้งสีหม่นมอการฝั งเต็มห้องนัน
้ แล้ว
ลูกชายโยนบุหรี่กันแดงคับหายไปกับน้ำ แม่มองตาม มันลอยเอื่อย
เรื่อยลับไปจนสุดสายตา เหมือนเศษสวะ กอไม้และสิ่งปฏิกล
ู อันดาษดื่นที่
เคยไหลไป-ไหลไปตามน้ำของคลองเล็ก ๆ แว่วเสียงพายกระทบดังอยู่ทุก
ค่ำคืน
“ ฉันนอนแล้ว แม่ ” ลูกชายพลิกชายมุ้งแล้วเข้าล้มตัวนอน
“ สามบาทที่ได้ใหม่ล่ะ เอาไว้ไหน ” หล่อนถาม
“ ฉันไม่ให้แม่หรอก แม่อย่าเอาเลย ฉันซื้อหมากฝรั่งเคีย
้ วหมดแล้ว
เหลือห้าสิบตังค์ ” ลูกชายบอกจากในมุ้ง
“ พรุ่งนีแ
้ ม่ผมจะไปไหน ” เสียงถามต่อ
“ ที่เก่านัน
้ แหละ” หล่อนตอบ
13

“ ที่เท่าไม่ดีหรอกมี แต่เด็ก ๆ อย่างแม่สู้เขาไม่ได้แน่ แม่ไปตามร้าน


อาหารดีกว่า เอาไอ้น้อยไปด้วยจะได้มาก ” ไอ้น้อยลูกชายหมายถึงน้อง
สาวที่กำลังหลับอยู่ในมุ้ง
หล่อนไม่ต่อความลูก ดูดบุหรี่ครัง้ สุดท้ายแล้วโยนหายลงน้ำพลาง
ขยับจะลุกมาปิ ดประตูกระท่อม
“ น้าทำอะไรอยู่ดึก ๆ ” เสียงทักทายมาจากเรือพายใหม่
“ กำลังจะนอนอยู่ทีเดียว ” หล่อนหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเสียง
สดใสจากเรือพายลำน้ำหัวเราะด้วย และเลยผ่านไปเหมือนลำที่แล้วๆมา
“ น้าดาวเรืองใช่ไหมแม่” ลูกชายผงกหัวขึน
้ ถาม
หล่อนปิ ดประตูจนทั่วห้องมืดมิด เสียงของลูกยังพูดอยู่กลางความ
มืด
“ น้าดาวเรื่องนี่ใจดีนะแม่ แกเอาไอ้น้อยนั่งเล่นตอนเย็นซื้อขนมให้
กินด้วย น้าดาวเรื่องแต่งตัวสวยทาสีแดงปาก และแก้มเหมือนกับผู้หญิง
พายเรือทุกคน ผูห
้ ญิงพายให้ผู้ชายนั่งออกไปปล้ำกันในที่มืด ๆ ข้าง
คลอง...อีกหน่อย ฉันจะนั่งเรือของน้าดาวเรืองบ้างละแม่ น้าดาวเรืองจะ
ต้องพายให้ฉันนัง่ ถ้าฉันมีตังค์ให้... ”
“ กว่าเอ็งจะมีตังค์ เขาก็แก่แล้ว ” พร้อมกันหล่อนหัวเราะ ในคำพูด
ที่ไม่จริงจังนัก “ เอ็งอย่าคิดบ้า นอนไปเถอะ! ดึกแล้ว ”
หล่อนนั่งนิง่ อยู่นอกมุ้งจนลูกชายหลับ...
ภาพของลูกสาวเมื่อยามเย็นกลับมาให้เห็นเด่นชัด หน้ามอมแมมยิม

ร่าอยู่ที่หัวเรือ มีหญิงสาวสวยยิม
้ ฟั นขาวนั่งท้ายวาดพายไปมาอยู่กลางน้ำ
ความหวาดหวั่นต่อมาทำให้แววตาหมุนโรยของกลางคืนมืดสนิทนัน
้ เห็น
ลูกโตเป็ นสาว มีสีแดงที่เสีย ปาก และแก้ม นั่งวาดพายอยู่ท้ายเรือกลาง
14

ลำคลอง ผูช
้ ายคนแล้วคนเล่าไม่ว่า หนุ่ม แก่ หรือเด็กรุ่น ผลัดกันมานั่งหัว
เรือให้ลูกชายมาหายไปทางคูลึก ตรงกลางลำเรือที่คลุมปกด้วยม่านหม่น
ลูกสาวของหล่อนจะนอนกอดกับผู้ชายหลายหน้าหลายคาและซ้ำ ๆ อยู่
ของทุกค่ำทุกคืน
หล่อนนึกถึงหน้ากากยางที่เป็ นรูปเสือ จะร้อยยางให้ลูกในวันพรุ่งนี-้
ความโหดร้ายของชีวิตที่หล่อนพบพานมาแล้วมีรอยเขีย
้ วรอยเล็บนัน
้ ยิ่ง
กว่าเสือจริงๆเสียอีก หล่อนจะปล่อยให้ลูกสาวที่รักตัง้ หัวใจของตนเป็ น
อย่างนัน
้ ได้อย่างไร
“ ฉันพายเรืออย่างน้ำดาวเรืองได้ไหม ” เสียงของลูกสาวหล่อนนึก
ได้ มันเมื่อเช้านีเ้ อง
“ ไม่ได้หรอก เอ็งไม่สวย เอ็งต้องโตกว่านี ้ มีสีแดงที่มากที่เล็บ และ
ที่แก้ม ตอนนีเ้ อ็งยังพายไม่ไหว ถึงพายได้กไ็ ม่มีผู้ชายนั่งเรือของเอ็ง ” พี่
ชายว่า
“ เถอะ! ฉันจะพายให้ได้ฉันจะพายเรือให้ได้และให้สวย ”
ลูกสาวว่า...
ความคิดฉับพลันผ่านเข้ามาในสมอง หัวใจตระหนกหวั่นหวาดนัน

ทำให้หล่อนผวาเข้ามุ้ง และดึงเอาลูกสาวกำลังหลับนัน
้ มากอดนอนแนบ
อก เสียงลูกร้องครางเบา ๆ ขณะสะพานไหวสั่นและกระท่อมริมน้ำ
สะเทือนส่งเสียงดัง พร้อมด้วยเสียงแล่นผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
“ ฉันจะต้องไปจากที่นี่ พาลูกไปให้ไกลจากสิ่งนี.้ ..ไกลแสนไกล ”
น้ำตาของหล่อนไหลตกต้องปอยผมของลูก
15

เสียงเพลงและเสียงแก้วกระทบกรุ้งกริ่งจากฝั่ งคลองโน้นได้ยินแล้ว
นาน ๆ จะมีเสียงรถจากข้างบนแลนเลยผ่านราวสะพานสลับกับเสียงคราง
ของแมลงกลางคืน
หากเสียงพายกระทบน้ำที่ดังวังเวงอ้อยสร้อยเบาหวิวเคว้งคว้างและ
เลื่อนลอยอยู่กับสายน้ำของกลางคืนนัน
้ หล่อนนอนฟั งติดต่อกันนับตัง้ แต่
ดึกดื่น
จนรุ่งสาง หล่อนก็พาลูกจากลำคลองสายนัน
้ ไป

You might also like