Professional Documents
Culture Documents
การอ่านและพิจารณาวรรณคดีเรืองมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
โดย
เสนอ
อ.พนมศักดิ มนูญปรัชญาภรณ์
โรงเรียนสาธิตนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดล
รายงานนีเปนส่วนหนึงของกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงานเปนฐาน
1
คํานํา
โดยทังนีคณะผู้จัดทําหวังเปนอย่างยิงว่ารายงานเล่มนีจะให้ความรู้และประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ทางด้านการใช้ชีวิตประจําวัน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยใน ณ ทีนีด้วย
คณะผู้จัดทํา
20/05/2563
สารบัญ
2
หน้า
1.การอ่านและพิจารณาเนือหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
1.1.เนือเรือง 4
1.2.โครงเรือง 5
1.3.ตัวละคร 5
1.4.ฉากท้องเรือง 6
1.5.บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน 7
1.6.แก่นเรือง 9
2.การอ่านและพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
2.1.การสรรคํา 9
2.2.การเรียบเรียงคํา 11
2.3.การใช้โวหาร 11
3.การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม
3.1.คุณค่าด้านวรรณศิลป 13
3.2.คุณค่าด้านสังคม 13
3.3.คุณค่าด้านศีลธรรม 13
3.4.คุณค่าด้านความเชือ 13
การอ่านและพิจารณาเนือหาและกลวิธใี นวรรณคดีและวรรณกรรม
3
1.1 เนือเรือง
วันหนึงพระนางมัทรีเดินเข้าปาหาเพือไปหาผลไม้เเต่กลับต้องเจอกับสิงประหลาดมากมาย
จากทีเมือก่อนจะมีผลไม้ต่างๆให้เก็บตอนนีกลับไม่มีอะไรเลยด้วยความผิดหวังพระนางมัทรี
จึงเดินกลับบ้าน
แต่จู่ๆก็ได้มีพายุกระโหมเข้ามาทําให้ท้องฟากลายเปนสีเเดงเหมือนเลือดปาดูมืดเเละน่า
กลัวนางมัทรีเกิดห่วงในความปลอดภัยของลูกๆทังสอง ชาลี และ กัณหาพระนางมันทรี จึง
รีบกลับ
พอพระนางมัทรีถึงช่องแคบระหว่างเขาคีรีซึงเปนทางเดินประจําของตนนางมันทรีไปเจอกับ
สองเสือสามสัตว์ทีมานอนขวางทางตน เพือไม่ให้นางมัทรีไปหากัณหาเเละชาลี
แต่ด้วยความรักเเละความห่วงใยของเเม่พระนางมัทรีถึงกับก้มลงกราบข้อร้องให้ปล่อย ให้
นางเดินทางต่อไปในทีสุด สัตว์ทังสามจึงได้ปล่อยนางไป
พอพระนางมัทรีมาถึงอาศรมแล้วไม่พบกัณหากับชาลี พระนางก็ร้องเรียกหาอย่างเปนห่วง
1.2 โครงเรือง
4
วันหนึงขณะทีภรรยากําลังออกไปเก็บผลไม้ในปาผู้เปนสามีได้กระทําสิงไม่ดีโดยการยกลูก
ทังสองของตนให้กับคนอืนลับหลังภรรยาตนพอภรรยารู้เข้าสามีจึงอธิบายว่าตนทําทาน
แทนทีภรรยาจะจัดข้องนางกลับอนุโมทนาบุญแทน
1.3 ตัวละคร
1. พระเวสสันดร
- เปนคนทียอมปล่อยวางทุกอย่าง รู้จักให้ทานและไม่ยึดติด
- เเต่เย็นชาต่อภรรยาตน ไม่ใส่ใจในความรู้สึก
- ในเรืองพระเวสสันดรได้เเสดงว่าการยกลูกไปนันเปนการทําบุญทียิงใหญ่
- เเต่ถ้าคิดในแง่ของมนุษย์แล้ว การทิงลูกถือว่าเปนสิงทีผิดผิดมหันต์
“…พระคุณเอ่ยวาสนามัทรีไม่สมคะเนแล้วพระทูลกระหม่อมแก้วจึงชิงชังไม่พูดจาทังลูกรักดัง
แก้วตาก็หายไป อกเอ๋ยจะอยูไ่ ปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือน หนึงพฤกษาล ดาวัลย์ยอ ่ มจะอาสัญ
ลง เพราะลูกเปนเทียงแท้ ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลียงมัทรี ไว้จะนิงมัธยัสถ์ตัดเยือใยไม่โปรดบ้าง
ก็จะเห็นแต่กเลวระร่าง ซากศพของมัทรี อัมโทรมตายกายกลิงอยูก ่ ลางดง เสียเปน มันคงนีแล้วแล
...”
2. พระนางมัทรี
- เปนแม่ทีรักเเละห่วงใยในตัวลูกมากเเต่เมือถึงยามทีลูกถูกยก ให้คนอืนไป นางมัทรี
เข้าข้างสามีตัวเองและนับถือเชือฟง
- มีความนอบน้อม และอดทน
- กลับชาติมาเกิดคือพระนางยโสธราพิมพา
“...(สามทฺที)ปางนันส่วนสมเด็จพระมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญาจาเดิมแต่พระนางเธอลีลาล่วงลับ พระ
อาวาสพระทัยนางให้หวันหวาดพะวงหลังตังแต่พระทัยเปนทุกข์ถึงพระเจ้าลูกมิลืมเลยเดินพลาง
ทางเสวยพระโศกพลาง พระนัยเนตรทังสองข้าง ไม่ขาดสายพระอัสสุชล...”
แปลว่า ขณะทีพระนางมัทรีกําลังเดินออกจากทีพักในใจก็เอาแต่คิดถึงลูกๆเดินไปก็ร้องไห้ไปจน
5
แก้มทัง สองข้างก็อาบไปด้วยน้าตา
3. พระชาลี
- พระราชโอรสของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี
- มีความกตัญ ูกตเวทีต่อพระบิดา
- อ่อนน้อมถ่อมตัว
- พระชาลีกลับชาติมาเปนพระราหุล
4. พระกัณหา
- พระราชธิดาของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี
- เด็กว่าง่าย เชือฟงคําสัง
- มีจิตใจทีดี และ มีความเฉลียวฉลาด
1.4 ฉากท้องเรือง
ฉากท้องเรืองในมหาเวสสันดรชาดก
ปาไม้
- ฉากแรกทีพระนางมัทรีเดินไปเก็บผมไล้เเต่ต้องกลับอาศรมก่อนเพราะไม่มีผลไม้
เเละกําลังมีมีพายุใหญ่เข้ามา
- ฉากทีพระนางมัทรีตามหาลูกทังสองคนทีถูกยกให้ชูชกในปาจนตนสลบไป
ช่องแคบระหว่างเขาคีร ี
6
- ฉากทีเทวดากลายร่างเปนสัตว์ร้ายทังสาม เพือขวางทางพระนางมัทรี
- ฉากทีพระนางมัทรีกราบข้อร้องให้ปล่อนนางผ่านไป
อาศรม
- ฉากทีพระนางมัทรีกลับมาเพือเจอลูก แต่พระเวสสันดรกลับยกลูกให้ชูชกไปแล้ว
“อย โส อสฺสโมโอพระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจแต่ก่อนดูนีสุกใสด้วยสีทอง เสียงเนือนกนี
ราร้องสําราญรังเรียกคู่คูขยับขันทังจักจันพรรณลองไนเรไรร้องอยูห
่ ริงๆระเรือยโรยโหยสํา
เนียงดังเสียงสังคีตขับประโคมไพรโอเหตุไฉนเหงาเงียบเมือยามนีทังอาศรมก็หมองศรี
เสมือนหนึงว่าจะเศร้าโศกเออชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวิโยคพลัดพรากไปจากอกพระมารดา
เสียจริงแล้กระมังในครังนี ”
1.5 บทเจรจาหรือรําพึงรําพัน
7
ฉันอยูจ
่ ึงช้า…”
ฉากนีเปนฉากทีพระเวสสันดรตัดพ้อทีพระนางมัทรีกลับอาศรมมาผิดเวลา
ฉากนีเปนฉากทีพระนางมัทรีโต้ตอบพระเวสสันดรหลังจากทีพระเวสสันดรตัดพ้อว่ากลับ ผิด
เวลาว่าไปหาของปาแล้วพบกับสัตว์ทังสาม
ฉากนีเปนฉากทีพระเวสสันดรบอกกลับพระนางมัทรีว่ายกลูกให้กับชูชกไปแล้ว
1.6 แก่นเรือง
ในกัณฑ์มัทรีนันหลักๆแล้วจะพูดถึงความรักทีแม่มีต่อลูกจากความเศร้าโศรกของพระนา
งมัทรีและ ฉากที พระนางมัทรีเข้าไปปาไปเพือตามหาลูกจนหมดสติในทีสุด
8
การพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
ในการประพันธ์วรรณคดีหรือวรรณกรรมนันกวีต้องใช้ความประณีตในการเลือกสรรถ้อยคํา
ทีประณีตและเหมาะสมนําเสนอต่อผู้อ่านผ่านงานเขียนของตนการใช้ภาษาในการประพันธ์
ทีเลือกสรรมาแล้ว นํามาจัดวาง อย่างเหมาะสม และคํานึงถึงความสละสลวยของคําด้วยดังนี
1. การสรรคํา
การเลือกสรรใช้คําให้ตรงกับสถานการณ์และบุคคลทีใช้ด้วย คําทีเลือกมาต้องมีความ
ไพเราะ เสนาะหู ให้ผู้อ่านสามารถจิตนาการภาพของเรืองราวออกมาได้
เลือกใช้คําให้เหมาะสมกับเรืองและฐานะของบุคคลในเรือง
เมือสมเด็จพระมัทรีเธอกราบทูลพระราชสามีสักเท่าใดๆท้าวเธอมิได้ตรัสปราศรัยจานรรจา
นางยิงกลุ้มกลัดขัดพระอุราผะผ่าวร้อนข้อนพระทรวงทรงพระกันแสงว่าเจ้าแม่เอ่ยแม่มิเคย
ได้เคืองแค้นเหมือนหนึงครังนีเมือจากบุรีทุเรศมาก็พร้อมหน้าทังลูกผัวเปนเพือนทุกข์สําคัญ
ว่าจะเปนสุขประสายากเมือยามจนครันลูกหายทังสองคนก็สินคิดบังคมทูลพระสามีก็มิได้
ตรัสแต่สักนิดสักหน่อยหนึงท้าวเธอก็ขึงขังตึงพระองค์ดูเหมือนพระขัดเคืองเต็มเดือดด้วยอัน
ใดนางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดังเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนีเหลือทนอุปมาเหมือน
คนไข้หนักแล้วมิหนายังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้าให้เวทนาเห็นชีวานีคงจะไม่รอดไปสักกี
วันพระคุณเอ่ยว่าสนามัทรีไม่สมคะเนแล้วพระทูลกระหม่อมแก้วจึงชิงชังไม่พูดจาทังลูกรัก
ดังแก้วตาก็หายไปอกเอ๋ยจะอยูไ่ ปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือนหนึงพฤกษาลดาวัลย์ยอ ่ มจะ
อาสัญลงเพราะลูกเปนเทียงแท้
เลือกใช้คําให้ถก
ู ต้องตรงตามความหมายทีต้องการ
พระนัยนเนตรก็พร่างๆอยูพ
่ รายพร้อยในจิตใจของแม่ยังน้อยอยูน่ ิดเดียวทังอินทรีย์ก็
เสียวๆสันระรัวริกแสรกคานบันดาลพลิกพลัดลงจากพระอังสาทังขอน้อยในหัตถาทีเคยถือก็
เลือนหลุดลงจากมือไม่เคยเปนเห็นอนาถจากตัวอย่างข้างต้นกวีได้เลือกใช้คําทีมีความหมาย
9
ถูกต้องตามทีต้องการ เช่นกวีได้เลือกใช้คําว่าอนาถเพือให้พระนางมัทรีฟงดูนา่ สงสารและดู
น่าสลดใจมากกว่าคําว่าน่า เศร้าหรือน่าสังสาร ทังยังฟงดูเสนาะหูมากกว่า อีกด้วย
เลือกใช้คําโดยคํานึงถึงเสียง
กวีมีการเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะและสระทําให้เกิดความไพเราะและเสนาะหูขณะอ่านได้
ทําให้บทประพันธ์มีความน่าหลงไหลและน่าฟงพระนัยนเนตรก็พร่างๆอยูพ ่ รายพร้อยในจิต
ใจของแม่ยังน้อยอยูน ่ ิดเดียวทังอินทรีย์ก็เสียวๆสันระรัวริกแสรกคานบันดาลพลิกพลัดลง
จากพระอังสาทังขอน้อยในหัตถาทีเคยเลยโอ้อกเอ๋ยมหัศจรรย์จริงยิงคิดก็ยิงกริงๆกรอม
พระทัยเปนทุกข์ถึงพระลูกรักทังสองคนเดินพลางนางก็รีบเก็บผลาผลแต่ตามได้ใส่กระเช้า
สาวพระบาทบทจรดุ่มเดินมาโดยด่วนพอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราชสะดุ้งพระทัยไหว
หวาดวะหวีดวิงวนแวะเข้าข้างทางพระทรวงนางสันระรัวริกเต้นดังตีปลาจากมหาเวสสันดร
ชาดกกัณฑ์มัทรีข้างต้นกวีได้มีการใช้สัมผัสระหว่างและในวรรคเพือให้มีความไพเราะมา
กชึนเช่นวิงวนแวะและคําว่าพร้อยและน้อย
2. การเรียบเรียงคํา
เมือได้คําทีเลือกสรรแล้วก็ต้องนําคําเหล่านันมาเรียบเรียงอย่างไพเราะเหมาะสมเพือให้ได้
จังหวะโดยคํานึงถึงกฎเกณฑ์ทางด้านฉันทลักษณ์ซึงกลวิธีของผู้ประพันธ์ในการเรียบเรียงคํา
ดัง ต่อไปนี
เมือสมเด็จพระมัทรีเธอกราบทูลพระราชสามีสักเท่าใดๆท้าวเธอมิได้ตรัสปราศรัยจํานรร จา
นางยิงกลุ้มกลัดขัดพระอุราผะผ่าวร้อนข้อนพระทรวงทรงพระกันแสงว่าเจ้าแม่เอ่ยแม่มิเคย
ได้เคืองแค้นเหมือนหนึงครังนีเมือจากบุรีทุเรศมาก็พร้อมหน้าทังลูกผัวเปนเพือนทุกข์สําคัญ
ว่าจะเปนสุขประสายากเมือยามจนครันลูกหายทังสองคนก็สินคิดบังคมทูลพระสามีก็มิได้
ตรัสแต่สักนิดสักหน่อยหนึงท้าวเธอก็ขึงขังตึงพระองค์ดูเหมือนพระขัดเคืองเต็มเดือดด้วยอัน
ใดนางก็เศร้าสร้อยสลดพระทัยดังเอาเหล็กแดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนีเหลือทนอุปมาเหมือน
10
คนไข้หนักแล้วมิหนํายังแพทย์เอายาพิษมาวางซ้าให้เวทนาเห็นชีวานีคงจะไม่รอดไปสักกี
วันพระคุณเอ่ยว่าสนามัทรีไม่สมคะเนแล้วพระทูลกระหม่อมแก้วจึงชิงชังไม่พูดจาทังลูกรัก
ดังแก้วตาก็หายไปอกเอ๋ยจะอยูไ่ ปไยให้ทนเวทนาอุปมาเสมือนหนึงพฤกษาลดาวัลย์ยอ ่ มจะ
อาสัญลงเพราะลูกเปนเทียงแท้ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลียงมัทรีไว้จะนิงมัธยัสถ์ตัดเยือใยไม่
โปรดบ้างก็จะเห็นแต่กเลวระร่างซากศพของมัทรีอัมโทรมตายกายกลิงอยูก ่ ลางดง เสียเปน
มันคงนีแล้วแล้ว
จากมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีข้างต้นกวีได้เรียบเรียงประโยคให้เนือหาเข้มข้นโดยการ
เรียงเรียงคํา วลี หรือประโยคทีมีความสําคัญและเข้มข้นเท่าๆ กัน เคียงขนานกันไป
3. การใช้โวหารภาพพจน์
ในร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี กวีได้มีการใช้โวหารภาพพจน์ต่างๆไม่ว่าจะเปน
อุปมา บุคคลวัต อุปลักษณ์ และ สัทพจน์ ในการท าให้ค าประพันธ์มีคุณค่าทางด้าน
วรรณศิลป อ่านง่าน และไพเราะดังนี
อุปมา
พอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช สะดุ้งพระทัยไหวหวาดวะหวีดวิงวนแวะเข้าข้างทาง
พระทรวงนางสันระรัวริกเต้นดังตีปลาทรงพระกันแสงโศกาไห้พิไรร่าว่ากรรมเอ๋ยกรรมบท
ประพันธ์ข้างต้นมีการใช้อุปมาซึงเปนการเปรียบเทียบเปนการกล่าวเปรียบเปรยโดยนัยโดย
ใช้คําว่า ดุจ, ดัง, ราว,เสมือนกวีใช้คําว่าดังเปรียบเทียบพระทรวงของ นางมัทรีทีสันเหมือน
ปลาทีสันเมือโดนตี
อุปลักษณ์
บุญพีนีน้อยแล้วนะเจ้าเพือนยากเจ้ามาตายจากพีไปในวงวัดเจ้าจะเอาปาชัฏนีหรือมาเปน
ปาช้า จะเอาบรรณศาลานีหรือมาเปนบริเวณพระเมรุทองจะเอาแต่เสียงสาลิกาอันร่าร้องนี
หรือมาเปนกลองประโคมใน จะเอา แต่เสียงจักจันและเรไรร่ าร้องนันหรือมาต่างแตรสังข์
และพิณพาทย์ จะเอาแต่เมฆหมอกนันหรือมากันเปนเพดาน
จะเอาแต่ยูงยางในปาหิมพานต์มาต่างฉัตรเงินและฉัตรทองจะเอาแต่แสงพระจันทร์อัน
ผุดผ่องมาต่าง ประทีปแก้วงามโอภาส
บทประพันธ์ข้างต้นมีการใช้อุปลักษณ์ซึงเปนการเปรียบเทียบเปนการกล่าวเปรียบเปรย โดย
11
นัยโดยใช้คําว่า เปน เช่น กวีใช้คําว่าเปนในการเปรียบเทียบเสียงร้อง ไห้ของผู้หญิงเปน
กลองบูชายกย่อง และ เปรียบเทียบเมฆ หมอกเปนเพดานกัน
บุคคลวัต
จากเรืองมหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์มัทรี ผู้แต่งได้มีการนําบุคคลวัตซึงเปนการสมมุติสิงไม่มี
ชีวิตให้มีอาการ, ความรู้สึก, และการแสดงออก ผู้แต่งแสดงให้ถึงความความโศกเศร้าและ
แสดงออกถึงความเปนห่วงทีพระนางจะเสียลูกไป
สัทพจน์
“แต่ยา่ งเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง”
“สมเด็จอรไทเธอเทียวตะโกนกู่กู๋ก้อง”
“เสียงนกนีราร้องสําราญรังเรียกคู่คูขยับขันทังจักจันพรรณลองไนเรไรร้องอยูห
่ ริงๆ ระเรือย
โรย”
การอ่านและพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม
1. คุณค่าด้านวรรณศิลป
- เล่นเสียง เพือให้ฟงดูไพเราะเสนาะหู
- สัมผัสอักษร ฌชือมโยงประโยคมารวมกัน
- บรรยายให้ผู้อ่านเห็นภาพด้วยจินตนาการ
2. คุณค่าด้านสังคม
- ผู้เปนสามีมีอํานาจมากกว่ากว่าภรรยาเเต่สมัยนีความเท่าเทียมทางเพศเเพร่หลายไป
ทัวโลก
- การซือขายทาสในสมัยก่อนกับอิสระทีเรามีในตอนนี
12
3. คุณค่าด้านศีลธรรม
- ในเรืองนีแสดงถึงความรักและความห่วงใยของแม่ให้กับลูก ความปลอดภัยของลูก
คืออันดับหนึงเสมอ
4. คุณค่าด้านความเชือ
- ให้ระมัดระวังตัวเองโดยการหัดสังเกตสิงรอบข้างตัวเราเสมอและควรคิดล่วงหน้าถึง
สิงอันตรายอาจเกิดขึนได้เสมอ
- การให้ทานคือบุญทียิงใหญ่เพราะสอนให้เราไม่ยึดติดกับสิงของและสอนให้เรามี
ความเสียสละ
13