Professional Documents
Culture Documents
April 61
April 61
Conflict of Interest
มูลเหตุปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน
ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดจากการพัฒนาการทางการเมืองไทยเปลี่ยนไป จากเดิมที่
นักการเมืองและนักธุรกิจเป็นบุคคลคนละกลุ่มกัน กล่าวคือ ในอดีตนักธุรกิจต้องพึ่งพิงนักการเมือง
เพื่อให้นักการเมืองช่วยเหลือสนับสนุนธุรกิจของตน ซึ่งในบางครั้งสิ่งที่นักธุรกิจต้องการนั้น มิได้รับ
การตอบสนองจากนักการเมืองทุกครั้งเสมอไป นักธุรกิจก็ต้องจ่ายเงินจานวนมากแก่นักการเมือง
ในปัจจุบันนักธุรกิจจึงใช้วิธีการเข้ามาเล่นการเมืองเองเพื่ อให้ตนเองสามารถเข้ามาเป็นผู้กาหนด
นโยบายและออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ในสังคมได้ และที่สาคัญคือทาให้ข้าราชการต่างๆ ต้องปฏิบัติตาม
คาสั่ง
ประเภทของผลประโยชน์ทับซ้อน
1. ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดขึ้นจริง (actual) มีความทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ
สาธารณะ
2. ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เห็น (perceived + apparent) เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่คนเห็นว่ามี
แต่จริงๆ อาจไม่มีก็ได้
3. ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นไปได้ (potential) ผลประโยชน์ส่วนตนที่มีในปัจจุบัน อาจจะทับ
ซ้อนกับผลประโยชน์สาธารณะได้ในอนาคต
รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน 7 รูปแบบ
1. การรับผลประโยชน์ต่างๆ (Acceptance of Benefit) เช่น
รับของขวัญ เงินสนับสนุน เงินที่ลูกค้าของหน่วยงานบริจาคให้
2. การทาธุรกิจกับตนเอง (Self Dealing) หรือเป็นคู่สัญญากับ
หน่ ว ยงานตนเอง เช่ น มี ส่ ว นได้ ส่ ว นเสี ย ในสั ญ ญาที่ ท ากั บ
หน่วยงานต้นสังกัด
3. การท างานหลั ง ออกจากต าแหน่ ง หน้ า ที่ ส าธารณะหรื อ หลั ง เกษี ย ณไปแล้ ว (Post
Employment) เช่น ลาออกจากหน่วยงาน ไปทางานในหน่วยงานที่ดาเนินธุรกิจประเภทที่ตนเอง
เคยมีอานาจควบคุมกากับดูแล
4. การทางานพิเศษ (Outside Employment or Moonlighting) เช่น ตั้งบริษัทดาเนินการธุรกิจ
ทีแ่ ข่งขันหรือรับงานจากต้นสังกัด
จัดทำโดย : กลุ่มคุ้มครองจริยธรรม สำนักงำนสถิติแห่งชำติ 3
5. การรับรู้ข้อมูลภายใน (Inside Information) เช่น ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในเพื่ อประโยชน์
ตนเอง
ประเภทของผลประโยชน์ทับซ้อน
การใช้ตาแหน่งไปดาเนินการ
เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของ
ตนเองโดยตรง
การปิดบังความผิด ใช้ตาแหน่งไปช่วยเหลือ
ญาติสนิทมิตรสหาย
ผลประโยชน์ทับซ้อนจาก การรับผลประโยชน์
การเปลี่ยนสถานที่ทางาน โดยตรง
การทางานอีกแห่งหนึ่งที่ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยใช้
ขัดแย้งกับแห่งเดิม ตาแหน่งหน้าที่การงาน
การนาข้อมูลอันเป็น
ความลับของหน่วยงาน การนาทรัพย์สินของ
มาใช้ประโยชน์ส่วนตัว หน่วยงานไปใช้ส่วนตัว
ข้าราชการประจา
กิจกรรมที่มีความเสี่ยง
การรั บ ผลประโยชน์ ห รือ การเรี ย กร้ อ งสิ่ ง ตอบแทนจากการปฏิ บั ติ ง านในหน้ า ที่ ค วาม
รับผิดชอบ
การรับงานนอกหรือการทาธุรกิจที่เบียดบังเวลาราชการ/งานโดยรวมของหน่วยงาน
ที่มา : https://workpointnews.com/2018/03/06/บังคับใช้-จริยธรรม-สนช/
ที่มา : http://www.phenkhao.com/contents/381054
การนาบุคลากรของหน่วยงานไปใช้เพื่อการส่วนตัว
การรับงานจากภายนอกจนกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ประจา
การใช้สิทธิในการเบิกจ่ายยาให้แก่ญาติแล้วนายาไปใช้ทคี่ ลินิกส่วนตัว
การรับประโยชน์จากระบบการล็อกบัตรคิวให้แก่เจ้าหน้าที่หรือญาติเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน
แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา
ผลประโยชน์ทับซ้อน
“ความขัดแย้ง ระหว่าง บทบาท” (Conflict of roles)
หมายความว่า บุคคลดารงตาแหน่งที่มีบทบาทสองบทบาทขัดแย้งกัน เช่น นายสมชายเป็น
กรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าทางาน โดยที่บุตรสาวของสมชายเป็นผู้สมัครสอบคนหนึ่งด้วย ซึ่ง
ในกรณีนี้ถือว่าเกิด “การดารงตาแหน่งอันหมิ่นเหม่ต่อการเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน” แต่ใน
กรณีนี้ถือว่ายังมิได้นาไปสู่การกระทาความผิดแต่ประการใด
(เช่น การสอบคัดเลือกบุคคลยังมิได้เกิดขึ้นจริง หรือมีการสอบเกิดขึ้นแล้วแต่นายสมชาย
สามารถวางตัวเป็นกลาง มิได้ช่วยเหลือ บุตรสาวของตนแต่ประการใด เป็นต้น) กระนั้นก็ตาม
การด ารงต าแหน่ งอันหมิ่นเหม่ต่อการเกิ ดปัญหาผลประโยชน์ทับ ซ้อนดั งกล่า ว ถื อเป็ น
สถานการณ์ล่อแหลม ที่อาจจูงใจ/ชักนาให้เกิดการกระทา
เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน จะต้องถอนตัวออกอย่างสมบูรณ์จากการเป็น ผู้มีส่วนในการ
ตัดสินใจ งดแสดงความคิดเห็น ละเว้นจากการให้คาปรึกษา และ งดออกเสียง (Recusal)
เช่น ในกรณีที่สมชายเป็นกรรมการสอบคัดเลือกบุคลากรเข้าทางาน โดยมีบุตรสาวของตน
สมัครเข้าร่วมสอบคัดเลือกด้วยนั้น ซึ่งในสถานการณ์ เช่นนี้ สมชายจะต้องลาออกจากการเป็น
กรรมการสอบคัดเลือก เพื่อเป็นการถอนตัวออกจากการเกี่ยวข้องกับสถานการณ์อันหมิ่นเหม่ต่อ
ผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างสูง