Professional Documents
Culture Documents
นางสาวอมลวรรณ ยิ้มย่อง
นางสาวกชนันท์ สุขพัฒน์
นางสาวปวันรัตน์ อินทร์โท
นางสาววีรสตรี สายบัณฑิต
นางสาวกนกวรรณ ดิษฐเเก้ว
นางสาวกัลยกร บัวจันทร์
นางสาวธนัชพร ชูขาว
นางสาวธารารัตน์ อาพันธ์พงศ์
นางสาวบัณฑิตา ขนานใต้
นางสาววนิดา เเคว้นดอนสิม
นางสาวเบญจรัตน์ จันทร์ค้อม
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาปรัชญา ศาสนาและพุทธทาสศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
ศาสนากับเพศสภาพ: มุมมองของศาสนาคริสต์
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาปรัชญา ศาสนาและพุทธทาสศึกษา
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
คานา
รายงานเล่มนี้ จัดทาขึ้นสาหรับใช้ประกอบการศึกษารายวิชา GEHU102 ปรัชญาศาสนาและ
พุทธทาสศึกษาตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เพื่อศึกษาความหลากหลายทาง
เพศในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน จริยศาสตร์ศาสนา ความหลากหลายทางเพศในจริยศาสตร์ศาสนา
คริสต์ รวมทั้งมุมมองคน LGBT สาหรับพระคัมภีร์คริสเตียน
คณะผู้จัดทา
กันยายน 2565
สารบัญ
เรื่อง…………………………………………………………………………………………………………………………… หน้า
บทนา 1
ความหมายของเพศสภาพ 1
ศาสนาคริสต์และความหมายของศาสนา 3
ความเป็นมาของศาสนาคริสต์ 3
ความเป็นมาของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย 3
นิกายในศาสนาคริสต์ 4
นิกายโรมันคาทอลิก 5
นิกายออร์ธอดอกซ์ 5
นิกายโปรเตสแตนต์ 6
ความหลากหลายทางเพศในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน 8
จริยศาสตร์ศาสนาคืออะไร 10
ความหลากหลายทางเพศในจริยศาสตร์ศาสนาคริสต์ 10
มุมมองคน LGBT สาหรับพระคัมภีร์คริสเตียน 14
ศาสนาคริสต์และกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ 16
บรรณานุกรม 17
1
ศาสนากับเพศสภาพ: มุมมองของศาสนาคริสต์
บทนา
สังคมมนุษย์ในปัจจุบันในความหลากหลายในพฤติกรรมทางเพศมากขึ้น ซึ่งเรียกบุคคลที่มีเพศ
สภาพ (Gender) ที่ตรงตามเพศสรีระ (Sex, Biological Sex) หรือผู้ที่เรียกว่า “ชายจริง-หญิงแท้”
ว่า “เพศปกติ ” หรื อ “LGBT” (Lesbian, Gay, Bisexual and Transgender) และเรียกบุคคลที่มี
เพศสภาพที่แปลกแยกจากเพศสรีระว่า “กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ” จึงมีความหมาย
ครอบคลุมไปถึง กลุ่มรักร่วมเพศ (Homosexuality) กลุ่มต่าง ๆ เช่น ชายรักชาย (Gay), หญิงรักหญิง
(Lesbian), คนที่แปลงเพศ (Transgender), ชายที่แต่งตัวเป็นหญิง (Transvestites), กระเทย และมี
ความหมายครอบคลุมไปถึงกลุ่ม Bisexuality ด้วย
(หริณวิทย์ กนกศิลปธรรม, 2556, หน้า 103)
ความหมายของเพศสภาพ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายไว้ว่าความเป็นหญิงหรือเป็น
ชาย เช่น เขามีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกาเนิด
Art & Culture (2558) กล่า วว่า สถานะเพศ หรือ เพศสภาพ คือ ลัก ษณะต่า ง ๆ ที่บ่ง บอก
ความเป็นชาย และความเป็นหญิง ซึ่งอาจหมายถึง เพศทางชีววิทยา โครงสร้างทางสังคมที่อาศัย
ความเป็นเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศแล้วแต่บริบทผู้ที่ไม่มองว่าตนเองเป็นเพศชายหรือเพศหญิงมัก
เรีย กรวม ๆ ว่า เป็น เพศทางเลือ ก มีคาเรีย กหลายอย่า ง เช่น non-binary, genderqueer บาง
วัฒนธรรมจะมีบทบาทโดยเฉพาะของเพศที่ สาม เช่น กลุ่มฮิจราในเอเชียใต้ เป็นต้น
ศาสนาคริสต์
ความหมายของศาสนา
ความเป็นมาของศาสนาคริสต์
ความเป็นมาของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย
นิกายในศาสนาคริสต์
(1) โรมันตะวันตกซึ่งมีศูนย์กลางที่กรุงโรม
ให้มีผลกระทบต่อศาสนจักรด้วย เมื่ออาณาจักรโรมันตะวันตกได้เริ่มสลายตัวลงไปในคริสต์ศตวรรษที่
4-5 นั้น อาณาจักรโรมันตะวันออกซึ่งเรียกว่า ไบแซนไทน์หรือ ไบแซนทีน ก็ได้เข้มแข็งและเป็นอิสระ
ในทุกด้าน และเริ่มแยกอานาจการปกครองของสมเด็จพระสันตะปาปาซึ่งเป็นประมุขสูงสุดของทั้ง 2
ฝ่าย จนกระทั่งการแตกแยกออกเป็น 2 นิกายใหญ่ครั้งแรกคือ นิกายโรมันคาทอลิกฝ่ายตะวันตกมี
ศูนย์กลางที่กรุงโรมและนิกายออร์ธอดอกซ์ฝ่ายตะวันออก มีศูนย์กลางที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล และ
ในเวลาต่อมามีการแตกแยกเป็นนิกายต่าง ๆ ของคริสต์ศาสนาครั้งสาคัญครั้งที่ 2 ทาให้คริสต์ศาสนา
เกิดมีนิกายที่สาคัญ 3 นิกาย ดังนี้
นิกายโรมันคาทอลิก
นิกายออร์ธอดอกซ์
นิกายนี้แยกออกจากนิกายโรมันคาทอลิกด้วยเหตุผลทางการเมืองและวัฒนธรรมพระสังฆราช
เป็นประมุขสูงสุดของศาสนจักร ประจาอยู่ ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ส่วนหลักธรรมที่สาคัญของนิกาย
นี้แทบไม่แตกต่างจากนิกายโรมันคาทอลิก แต่นิกายนี้ไม่ยอมรับอานาจของสมเด็จพระสันตะปาปาที่
นครรัฐวาติกัน แต่ละประเทศมีประมุขทางศาสนาของตน รูปแบบพิธีกรรม ภาษาการปกครอง และ
ระเบียบที่เกี่ยวกับนักบวชเปลี่ยนแปลงไป เช่น นักบวชมีสิทธิ์แต่งงานได้ เป็นต้น ปัจจุบันผู้นับถือ
นิกายออร์ธอดอกซ์มีอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก เช่น กรีซบัลแกเรีย โรมาเนีย แอลเบเนีย
สหภาพโซเวียต และแอฟริกาเหนือในประเทศเอธิโอเปีย
6
นิกายโปรเตสแตนต์
มีหลักความเชื่อและหลักคาสอนโดยสังเขป คือ
1) มีความเชื่อในเรื่องตรีเอกานุภาพ
2) เชื่อว่าพระเยซูทรงมีธรรมชาติ 2 ประการ คือ เป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์
3) เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีบาปกาเนิด (Original sin) อันนาไปสู่ความพินาศ ทาให้มนุษย์แตกต่างและ
เหินห่างจากพระเจ้า
4) เชื่อว่าบาปกาเนิดและความผิดบาปต่างๆ ในภายหลังและลบล้างได้โดยการไถ่บาปของพระเยซู
5) เชื่อว่าพระเยซูทรงคืนพระชนม์และเสด็จกลับสู่สวรรค์
6) ไม่ยกย่องแม่พระมารีย์และนักบุญต่าง ๆ ที่ว่ามีความสาคัญเทียบเท่าพระเยซูไม่มีการสักการะบูชา
7
แม่พระและนักบุญ
7) ปฏิเสธอานาจสิทธิ์ขาดของศาสนาจักรที่กรุงโรมในการตีความพระคัมภีร์
8) ปฏิเสธอานาจการปกครองของศาสนจักรที่กรุงโรม
9) ถือว่าพระบัญญัติของพระเจ้าเท่านั้นที่มีอานาจบังคับสูงสุด แม้คนแต่ละคนจะเข้าใจพระคัมภีร์
แตกต่างกัน แต่ก็มีความศรัทธาต่อคาสอนพื้นฐานของศาสนาคริสต์เช่นเดียวกัน
10) ในด้านเกี่ยวกับพิธีกรรม นิกายโปรเตสแตนต์ให้ความสาคัญต่อศีล ล้างบาป (Baptism) และศีล
มหาสนิท (Mass) มากกว่าพิธีกรรมอื่นๆนอกจากนิกายใหญ่ 3 นิกายนั้นแล้ว ยังมีนิกายอื่นๆ ที
คริสต์ศาสนิกชนนับถือกันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันนี้นิกายเหล่านี้จะไม่ขอกล่าวโดยรายละเอียด ประมาณ
16 นิกาย ดังต่อไปนี้
1) นิกายเอปิสโคปัล (Church of England) เป็นนิกายของประเทศอังกฤษ
2) นิกายคาทอลิกฝรั่งเศส เรียกว่า คณะเยซูอิต (Jesuit)
3) นิกายเควกเกอร์(Ouaker)
4) นิกายดีอิสม์(Deism)
5) นิกายมอร์มอน (Mormonism)
6) นิกายคริสเตียนไซแอนส์(Christian Science)
7) นิกายยูนิเตเรียน (Unitarianism)
8) นิกายพยานพระเยโฮวาห์(Jehovah’s Witnesses)
9) นิกายเซเวนต์ตี้เดย์แอดเวนทิสต์(Seventy-day Adventists)
10) นิกายอัสสัมชัญ (Assumption)
11) นิกายเซนต์คาเบรียล (Gabriel)
12) นิกายแบปทิสต์(Baptist) แบ่งแยกออกเป็นแบปทิสต์ย่อยๆ อีกกว่า 10 นิกาย
13) นิกายคาลวิน
14) นิกายเพรสไบทีเรียน (Presbyterian)
15) นิกายเมธอดิสต์(Methodist)
16) นิกายฟรานซิสกันส์(Franciscans)
8
ความหลากหลายทางเพศในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน
ในสังคมไทยมีการกีดกันพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมาเป็นเวลานาน
โดยชูประเด็นว่าสถาบันทางศาสนาปฏิเสธพฤติกรรมดังกล่าว ทาให้คนรักเพศเดียวกันถูกปฏิเสธจาก
ศาสนาโดยสิ้นเชิง แต่มองว่าคาสอนที่เป็นหลักการนิรันดร์ (eternal principle) ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของคา
สอนทางศาสนาแล้วไม่ได้ปฏิเสธหรือประณามพฤติกรรมรักร่วมเพศแต่ประการใด ทัศนะเชิงลบต่อ
ความหลากหลายทางเพศเกิดจากมุมมองของสังคมที่ว่า กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็น
กลุ่มผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้ขัดติอโลกทัศน์ที่ล้าสมัยของตนเองหรือขัดต่อมโนทัศน์ที่ตนเองอยากให้
เป็น แล้วนาหลักคาสอนทางศาสนามาตีความหรืออธิบายความเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางที่ตนเอง
ต้องการในลักษณะเบ็ดเสร็จ และในเบื้องลึกแล้วบางกรณีจะมีประเด็นทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง
อยู่เบื้องหลังแต่คนในสังคมกลับชูประเด็นเรื่อง “เพศ” มาเป็นประเด็นในการกดขี่ขูดรีดในเชิงลึกจนมี
ผลให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศไม่สามารถเข้าถึงอานาจและผลประโยชน์ในรูปแบบต่าง
ๆ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาควรจะได้รับ (จรีย์วรรณ จันทร์แดง, ณรัตน์ สมสวัสดิ์ และสุขพาพร ผาณิต , 2546,
หน้า 370)
อานาจ มงคลสืบสกุล (2561, หน้า 71 ) กล่าวไว้ว่า ในปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีการส่งเสริ มและ
สนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ผลักดันให้กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้รั บสิทธิเสรีภาพ
เช่นเดียวกับกลุ่มคนทั่วไปก็ตาม แต่สิ่งเราที่เห็นยังพบว่าสิทธิดังกล่าวเต็มไปด้วยข้อจากัด เกิดการ
ต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เกิดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมด้วยเหตุผลของอัตลักษณ์ทางเพศ
เพราะสังคมยังเชื่อว่ามนุษย์มีเพียงเพศชายและหญิงเท่านั้น จนทาให้คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญหน้ากับการ
ถูกกระทาและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งยังถูกการตีตราจากทางสังคมโดย
สิ้นเชิง การกระทาดังกล่าวถือได้ว่า ขัดต่อปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่วางหลักไว้ว่า “ทุกคน
ย่อมมีสิทธิและอิสรภาพทั้งปวงตามที่กาหนดไว้ในปฏิญญานี้โดยปราศจากการแบ่งแยกไม่ว่าชนิดใด
อาทิ เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางอื่น
- การถูกเลือกปฏิบัติจากคนในครอบครัวและเพื่อนทั้งทางวาจาคาพูด การถูกครอบครัวกาหนด
กฎเกณฑ์ ใ ห้ แ ต่ ง งานกั บ เพศตรงข้ า ม และการไม่ ก ล้ า เปิ ด เผยตั ว ตนที่ แ ท้ จ ริ ง ต่ อ ครอบครั ว
สถาบันการศึกษา - การถูกเลือกปฏิบัติให้ระมัดระวังการแสดงออกทางเพศ การโจมตีด้วยคาพูด และ
การโดนคุกคามทางเพศสถานที่ทางาน
- การถูกเลือกปฏิบัติให้ถูกจากัดโอกาสทางการจ้างงาน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการถูกกาจัดสิทธิในทาง
เพศด้ว ยเหตุผ ลใดก็ตาม คนในสั งคมไทยควรจะเคารพในเรื่องของสิ ทธิมนุษยชนของกันและกั น
เนื่องจากว่าไม่ว่าจะเป็นเพศใด ทุกคนล้วนมีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน
จริยศาสตร์ศาสนาคืออะไร
ก่อนที่จะกล่าวถึงความหลากหลายทางเพศในมุมมองจริยศาสตร์ศาสนาคริสต์ ผู้เขียนขออธิบาย
ความหมายของคาว่า “จริยศาสตร์” ก่อน ซึ่งในที่นี้ จะขออธิบายความหมายของ จริยศาสตร์ในเชิง
บรรทัดฐาน (normative ethics) ดังนี้
ความหลากหลายทางเพศในจริยศาสตร์ศาสนาคริสต์
สมั ย หนึ่ ง นั ก วิ ท ยาศาสตร์ รวมถึ ง แพทย์ ร่ า งกายบุ ค คลที่ มี พ ฤติ ก รรมรั ก ร่ ว มเพศ
(Homosexuality) เกิดขึ้นจากธรรมชาติ (nature) หรือโดยการอบรมเลี้ยงดู (nurture) หรือทั้งสอง
อย่าง แต่ข้อค้นพบจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทาให้ได้ข้อสรุปว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเพราะ มา
จากธรรมชาติ อบรมเลี้ยงดู (nurture) (Beach 1988 : 61)นั่นหมายความว่า ถ้าการที่บุคคลหนึ่งจะมี
ภาวะที่เพศสภาพ (gender) ไม่ตรงตามเพศสรีระ (biological sex) ได้เริ่มต้นเมื่อตั้งแต่เกิด หรือเกิด
จากความผิดปกติของโครโมโซมที่ไม่มีใครจงใจให้เป็นพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถู กกาหนดมา
หรือหากจะอธิบายในอีกทางหนึ่งเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการทางเทววิทยาว่า เกิดจากพระประสงค์
ของพระเจ้า หรือพระเจ้ากาหนดมาให้พวกเขามีพฤติกรรมเช่นนั้น ข้อค้นพบของนักวิทยาศาสตร์
สอดคล้ อ งกั บ ข้ อ ประกาศของสมาคมจิ ต เวชศาสตร์ แ ห่ ง อเมริ ก า (The American Psychiatric
Association) ว่า “พฤติกรรมรักร่วมเพศ ไม่ได้เป็นความผิดปกติไปมากกว่าการที่คนถนัดข้างซ้าย”
อีกทั้งยังกล่าวต่อว่า “พฤติกรรมดังกล่าวก็ไม่ได้ มีสานึกของการกระทาผิดทางศีลธรรมแต่ประการใด
เลย” (Beach 1988: 61-62)
ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในมุมมองจริยศาสตร์
ศาสนาคริสต์ ผู้เขียนขอแยกวิเคราะห์เป็น 2 ประเด็น คือ (ก) การที่บุคคลหนึ่งมีจิตใจไม่ตรงกับเพศ
สรีระในตัวมันเอง เป็นเฉย ๆ กับ (ข) การที่บุคคลหนึ่งมีจิตใจไม่ตรงกับเพศสรีระแล้วแสดงพฤติกรรม
เช่นนั้นด้วย
(ก) การมี จิ ต ใจไม่ ต รงกั บ เพศสรี ร ะในตั ว มั น เอง ดั ง ที่ ไ ด้ ก ล่ า วแล้ ว ว่ า “จากข้ อ ค้ น พบทาง
วิทยาศาสตร์ที่กล่าวว่า ผู้ที่มีเพศสภาพ(gender) ที่ไม่ตรงตามเพศสรีระ (biological sex) เกิดขึ้นจาก
ธรรมชาติ หรื อ เป็ น เพราะความผิ ด ปกติ ข องโครโมโซมตั้ ง แต่ แ รกเกิ ด หากจะน าข้ อ ค้ น พบทาง
วิทยาศาสตร์มาอธิบายตามแนวทางของเทววิทยาศาสนาคริสต์ จะกล่าวได้ว่า เป็นการกาหนดโดยพระ
ประสงค์ของพระเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว ”ในปัจจุบันได้มีนักเทววิทยาคริสต์แนวเสรีนิยม นาข้อความจาก
พระคัมภีร์ในบท ปฐมกาลบทที่ 1 ข้อที่ 26 ที่กล่าวว่า แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตาม
ฉายาตามอย่างของเราให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝู งนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดิน
12
มาผู้ที่มีพฤติกรรมแบบความหลากหลายทางเพศจึงเป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าด้วย ดังนั้นคริสตชนที่
ดีจะต้องตอบสนองต่อสิ่งทรงสร้างนี้ในลักษณะที่ไม่เป็นการลดเกียรติหรือศักดิ์ ศรีของความเป็นมนุษย์
ของพวกเขาลงศาสนาคริสต์มีหลักคาสอนที่โดดเด่นข้อหนึ่ง คือ ความรักสากล ที่เรียกว่า อะกาเป
(Agape) อะกาเปเป็ น การรั กคนอื่นโดยนาพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง (Theocentric neighbor-love)
(Beach 1988 : 34) เป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สนใจสิ่งตอบแทน เป็นความรักในลักษณะที่
ก้าวข้ามพ้นความแตกต่างทุกรูปแบบ โดยคริสตชนที่ดีจะมอบความรักสากลนี้แก่สิ่งทรงสร้างของพระ
เจ้าทุกอย่าง (ทั้งตนเอง เพื่อนบ้าน และสิ่งแวดล้อม)โดยไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างกัน
เปรียบดังพระอาทิตย์ที่ส่องแสงให้กับสิ่งต่าง ๆ บนโลกในลัก ษณะที่ไม่แบ่งแยก ผู้เขียนมีความเห็นว่า
ความรักแบบอะกาเป มีความคล้ายคลึงกับอัปปมัญญาในพระพุทธศาสนา) ดังนั้นคาสอนของศาสนา
คริสต์จึงมุ่งเชิดชูมนุษย์แต่ละคน (personhood) โดยไม่แยกแยะว่ามนุษย์ผู้นั้นจะมีเพศ สีผิวเชื้อชาติ
หรือองค์ประกอบใดก็ตามที่สังคมกาหนดขึ้นสวนคาสอนข้อที่ว่า "รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" ก็
เป็นคาสอนที่มีความสัมพันธ์กับคาสอนข้อแรก คาว่า "เพื่อนบ้าน" ในที่นี้มีความหมายถึงคนทุกคนโดย
ไม่นา ปัจจัยเรื่องเพศ สีผิว เชื้อชาติ หรือองค์ประกอบใดที่สังคมกาหนดขึ้นมาเป็นสิ่งที่แบ่งแยก คา
กล่าวหนึ่งที่เป็นที่รับรู้เป็นอย่างดีของคริสตชน คือ "Loves the other in God" ซึ่งหมายถึง การเห็น
พระเจ้าในบุคคลอื่น รักบุคคลอื่นเหมือนกับที่รักพระเจ้า และถ้าต้องการปฏิบัติกับพระเจ้าอย่างไรก็
ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างนั้น จะเห็นว่า หากคริสตชนปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวแล้ว กลุ่มบุคคลที่มีความ
หลากหลายทางเพศจะไม่ถูกกดขี่จากสังคม
1. มองด้วยสายตาของพระเยซู
สิ่งแรกคือควรมองด้วยสายตาของพระเยซูคริสต์ กล่าวคือพระเยซูมีความรักและมีพระคุณ
ต่อทุกคนในพระกิตติซึ่งพระเยซูเป็นเพื่อนของคนที่สังคมถือว่าในเวลานั้นเป็นคนบาปหรือที่สังคม
ยอมรับไม่ได้ แต่พระเยซูเข้าหาคนอย่างนี้จนกระทั่งในลูกาบทที่ 15: 2 ซึ่งอ่านว่า“ พวกฟาริสีและ
15
พวกธรรมาจารย์ก็บ่นว่าคนนี้ต้อนรับคนบาปและกินด้วยกันกับเขาคือพระเยซูมองทุกคนว่าถูกสร้าง
ตามพระฉายาของพระองค์จึงให้เกียรติทุกคนมีความรักมีพระคุณต่อทุกคน
3. ให้โอกาสและอดทน
แต่เมื่อการผิดพลาดเกิดขึ้นควรมีการเพื่อจะขอการช่วยเหลือจากพระองค์ต่อไปในการดาเนิน
ชีวิตควรได้รับการให้อภัยทั้งจากพระเจ้าและจากพี่น้องด้วยเพราะฉะนั้นเราต้องพร้อมที่จะให้อภัยและ
ช่วยคนนั้นสามารถเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดนี้ด้วยจุดประสงค์ นาไปสู่การคืนดีกันคือช่วยคนนั้นคืนดีกับพระ
เจ้าช่วยคนนั้นคืนดีกับพี่น้องเป้าหมายไม่ใช่ขจัดบาปออกจากคริสตจักร ถ้าเป้าหมาย คือจัดมาบ่อย
16
ศาสนาคริสต์และกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ
บรรณานุกรม