Professional Documents
Culture Documents
เศรษฐกิจพอเพียง
3
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
ความเป็ นเพศคืออะไร?
เมื่อกล่าวถึง เพศ (sex)
แน่นอนว่าหลายคนคงนึกถึง
หญิงและชาย
คือลักษณะทางสรีระหรือชีวภาพ
แบ่งชายและหญิงออกจากกัน
และด้วยการแบ่งเช่นนี้ ยังเกี่ยวพันถึง...
❖ ความเป็ นเพศชายและความเป็ นเพศหญิง
(masculinity and femininity) หรือ 4
5
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
SEX
เป็ นผูห้ ญิงหรือเป็ นผูช้ าย
มีอวัยวะเพศหรือเครื่องเพศแบบไหน
6
7
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
เพศสภาพ (GENDER) หรือความเป็ นเพศ
เกิดจากการกระบวนการขัดเกลาทางสังคม
8
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
เพศสภาพ (GENDER)
เกิดจากการกระบวนการขัดเกลาทางสังคม
9
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
เพศวิถี หรือ Sexuality
พฤติกรรม รสนิยม ความชอบทางเพศ
10
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
▪ เพศวิถี (Sexuality)
หมายถึง...ความคิดและพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศ นับตั้งแต่
ก่ อ นมี เ พศสัม พัน ธ์ (เช่ น ...เป็ นผู ห้ ญิ ง ต้อ งสงวนท่ า ที ) ขณะมี
เพศสัม พัน ธ์ (เช่ น ...เป็ นผูห้ ญิง ควรนอนเฉยๆ) กระทั ่งหลัง มี
เพศสั ม พั น ธ์ (เช่ น ...ผู ้ห ญิ ง ไทยรู ้สึ ก ผิ ด เมื่ อ เสี ย ตั ว ) หรื อ
ข้อกาหนดว่าควรมีเพศสัมพันธ์กบั เพศตรงข้ามเท่านั้น เป็ นต้น
11
แนวคิดหญิงชายและความหลากหลายทางเพศ
ในสังคมปั จจุบนั
รูปแบบของเพศสภาพและเพศวิถีเหล่านี้ นาไปสูป่ รากฏการณ์การ
ทาความรุนแรงต่อผูห้ ญิง
ธรรมชาติอาจสร้างร่างสรีระ หรือ เพศสรีระ ให้ผหู ้ ญิง
เสียเปรียบผูช้ ายอยูบ่ า้ ง แต่ เพศสภาพ กลับไปขยายความ
เสียเปรียบที่หญิงมีตอ่ ชายให้เพิ่มเป็ นทวีคณ
ู ...
เช่น.. ผูห้ ญิงต้องทากับข้าวและเลี้ยงลูก ในขณะที่ ผูช้ ายนั ่งดื่ม
เบียร์ ดูทีวี
ดังนั้น...ระบบเพศสภาพและเพศวิถีแบบดังกล่าว จึงมีลกั ษณะ
แบบชายเป็ นใหญ่ หรือปิ ตาธิปไตย (Patriarchy)
12
โครงสร้างสังคมและแนวคิดเรือ่ งเพศ
ในสังคมไทย มีลกั ษณะแบบ ‘ชายเป็ นใหญ่’
โครงสร้า งสั ง คมแบบชายเป็ นใหญ่ คื อ สถาบั น ต่ า งๆ ในสั ง คมให้
ความส าคัญ กับ เพศชายมากกว่ า เพศสภาพอื่ น ๆ ทั้ง ระบบการศึ ก ษา ศาสนา
วั ฒ นธรรม ประเพณี การปกครอง สถาบั น ต่ า งๆ ดั ง กล่ า วเหล่ า นี้ ได้ใ ห้
ความหมายกับ เพศชายเป็ นหลัก ไม่ ว่ า จะเป็ นเรื่ อ งการสื บ สกุ ล ของสถาบัน
ครอบครัว การเป็ นผูน้ าในสถาบันการเมืองการปกครอง การเป็ นผูน้ าทางจิต
วิ ญ ญาณในสถาบัน ศาสนา เนื้ อหาของกฎหมาย วั ฒ นธรรม ประเพณี ที่ เ ปิ ด
โอกาสและให้ความสาคัญกับผูช้ ายเป็ นสาคัญ
**ในเมื่อโครงสร้างสังคมให้ความสาคัญกับเพศใดเพศหนึ่ง
เป็ นศูนย์กลางเช่นนี้
ก็ยอ่ มส่งผลกระทบต่อเพศสภาพอื่นๆ ตามมา** 13
ลักษณะเด่นของโครงสร้างสังคม
‘ชายเป็ นใหญ่’
1) ให้ความสาคัญกับ ‘รักต่างเพศ’ (Heterosexuality) เป็ นหลัก
เนื่ องจากรักต่างเพศเป็ นความรักระหว่างชายกับหญิง จึงเป็ น
กรอบอานาจที่ลงตัวพอดิบพอดีในการมอบบทบาทความเป็ น
ผู ้น าให้กั บ ชาย และมอบความเป็ นผู ้ต ามให้กั บ หญิ ง ทั้ ง นี้
การศึกษา กฎหมาย ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ต่างก็วาง
หลัก เกณฑ์แ ละสนั บ สนุ น การใช้ชี วิ ต คู่ แ บบรัก ต่ า งเพศไว้ใ ห้
เรียบร้อยแล้ว
14
2) รัง เกี ย จ ‘กะเทย’ หรื อ รัง เกี ย จความ ‘หลากหลายทาง
เพศ’ (Homophobia)
เพราะ...กะเทยมีเพศสภาพที่ไม่ใช่ผูช้ ายแข็งแกร่ง อกไม่ส ามศอก
และถึ ง แม้จ ะเป็ นกะเทยที่ ย ั ง มี อ งคชาติ อ ยู่ (ยั ง ไม่ ไ ด้ถู ก ตั ด ออก)
ก็ตาม
เพราะการเป็ น ‘ผูช้ ายที่ ชอบผูช้ าย’ ก็ยงั เป็ นสิ่งที่ สังคมไทย
ยังไม่อยากจะยอมรับได้ง่ายๆ แม้ว่าเมื่อดูจากภายนอกจะเป็ นผู ้ชายที่ไม่
ต่างจากผูช้ ายทัว่ ไป แต่เพราะสังคมชายเป็ นใหญ่ที่ยอมรับได้เฉพาะ
‘ผูช้ าย’ เท่านั้น ‘ผูช้ ายที่แตกต่าง’ จึงเป็ นอันต้องถูกรังเกียจไปด้วย
ดั ง นั้ น สัง คมชายเป็ นใหญ่ จึ ง ไม่ ย อมเปิ ดโอกาสให้เ กิ ด การยอมรั บ
เพศสภาพที่แตกต่างหลากหลายได้ง่ายนัก
15
3) ไม่มีพ้ ืนที่ให้ ‘ผูห้ ญิง’ ควบคุมผูห้ ญิง รังเกียจผูห้ ญิง (Misogyny or
Sexism)
ตัว อย่ า งจากกรณี รื้ อฟื้ นการบวชภิ ก ษุ ณี เ มื่ อ 2-3 ปี ที่ แ ล้ว ได้
ในที่ สุดคาตอบจากสถาบันสงฆ์ไทยก็คือไม่เปิ ดโอกาสให้มีการบวชหญิง
เป็ นพระสงฆ์อย่างเป็ นทางการ แม้การบวชหญิงเป็ นพระสงฆ์จะมีระบุ ไว้ใน
พุทธศาสนาว่าสามารถบวชได้ และเป็ นส่วนหนึ่ งของพุทธบริษัท 4 ก็ตาม
นอกจากนี้ ...สังคมชายเป็ นใหญ่ มีมุ มมองต่ อ ผูห้ ญิ งว่า เป็ น ‘มาร’
จึงมักรณรงค์ควบคุมเรื่องเพศของผูห้ ญิงมากกว่าผูช้ าย การบอกให้ผูห้ ญิง
‘รักนวลสงวนตัว’ เป็ นตัวอย่างหนึ่ งของการพยายามควบคุมผูห้ ญิ งให้อยู่
ในร่องในรอย ในขณะที่ผูช้ ายกลับมีการรณรงค์ให้สวมถุงยางอนามัยแทน
16
4) มองว่าผูห้ ญิงเป็ นเพศที่อ่อนแอ
17
ด้วยเหตุน้ ี จึงมีเหตุการณ์ตา่ งๆ ที่แสดงถึง
ความไม่เท่าเทียมทางเพศปรากฏขึ้นมากมาย
ความรุนแรงที่มีตอ่ เพศหญิง
‘เพศหญิง’ ถูกกระทาจากสังคมอย่างโจ่งแจ้งหลายอย่าง เช่น
▪ การข่มขืน
ผูห้ ญิงมีข่าวถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ที่น่าสนใจคือข่าวระหว่างวันที่ 24 –
25 มกราคม 2548 มี 3 รายสาคัญ ได้แก่
▪ โทรมยับเด็กหญิง ม.2 ล่า 30 โจ๋หื่นฯ
▪ สาว ปวส. แจ้งจับลูกชุมพล สับกุญแจมือขืนใจ
▪ จับแท็กซี่บา้ กามข่มขืน นศ. สาวปี 4 หนีเสือปะจระเข้
สถานี โทรทัศน์ให้ทางบ้านส่ง SMS แสดงความเห็นว่า...ใครผิด?
ไม่น่าเชื่อว่าผลคือ ผูช้ ายผิด 23% ผูห้ ญิงผิด 77%
(จากสถิติปี 2547 ผูห้ ญิงไทยถูกข่มขืนเฉลี่ยวันละ 14 คน) 18
ด้วยเหตุน้ ี จึงมีเหตุการณ์ตา่ งๆ ที่แสดงถึง
ความไม่เท่าเทียมทางเพศปรากฏขึ้นมากมาย
▪ ความรุนแรงในครอบครัว
ทั้งที่ฝ่ายภรรยาถูกทาร้ายร่างกาย และถูกบังคับขืนใจให้ร่วมเพศ
จากสถิติปี 2543 ผูห้ ญิงถูกคู่ครองทาร้าย ในกรุงเทพฯ 41% ใน
ต่างจังหวัด 47%
เกิ ด ขึ้ นมาเพื่ อ ตั้งค าถามกับ สภาพ ‘ที่ ผู ห้ ญิง ด้อ ยกว่ า ผูช้ าย’
สตรีนิยมจึงเป็ นทั้งแนวคิดทฤษฎีและแนวการเคลื่อนไหวทาง
สังคมของผูห้ ญิง โดยผูห้ ญิง และเพื่อผูห้ ญิง...
❖ สตรีนิยมแนวเสรีนิยม (Liberal feminism)
❖ สตรีนิยมแนวมาร์กซิสต์ (Marxist feminism)
❖ สตรีนิยมแนวสุดขั้ว (Radical feminism)
21
❖สตรีนิยมแนวเสรีนิยม (Liberal feminism)
สตรี นิ ย มแนวเสรี นิ ย มนี้ เน้ น เรี ย กร้อ งสิ ท ธิ ทุ ก อย่า งให้
เท่ า เที ย มกับ ผู ้ช าย (ทั้ง เรื่ อ งการเมื อ ง การศึ ก ษา การ
ทางาน) เช่น.. เป็ นผูว้ ่าราชการจังหวัด เป็ นนายพล เป็ น
นักบิน การขอใช้นามสกุลเดิมหลังแต่งงาน เป็ นต้น
22
❖สตรีนิยมแนวมาร์กซิสต์ (Marxist feminism)
สตรี นิ ย มแนวมาร์ก ซิ ส ต์นี้ จะรวมปั ญ หาเรื่ อ งการกดขี่ ท างชนชั้น
เข้า กับ ปั ญ หาเรื่ อ งการกดขี่ ท างเพศ โดยเชื่ อ ว่ า ทางออกคื อ การ
โค่ น ล้ม ระบบทุ น นิ ย ม เพราะเป็ นระบบซึ่ ง มี ก ารแบ่ ง งานกัน ท าที่
ไม่เป็ นธรรมระหว่างหญิงชาย
เช่น ...ผูห้ ญิงต้องทางานบ้านและเลี้ ยงลูก แต่ไม่มีผลตอบแทน หรือ
ถูกนับว่าไร้ค่าเมื่อเทียบกับผูช้ ายที่ทางานนอกบ้าน
23
❖สตรีนิยมแนวสุดขั้ว (Radical feminism)
24
สังคมไทยกับ ‘เพศวิถี’ ที่เปลี่ยนไป...
หากย้อนยุคกลับไปเพียงไม่กี่ปี ฉากชายจูบชายคงหาได้ยากเต็มทีสาหรับ
ภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ในประเทศไทย...
27
(1) เพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป
29
การเกิดขึ้นของ “เพศที่สาม” หรือ คนรักเพศเดียวกัน
33
(4) การให้ความรูเ้ รื่องเพศศึกษาเปลี่ยนไป
ประเทศไทยมีการสอนเรื่องเพศศึ กษามานานกว่า 70 ปี แล้ว ในช่วงแรก
เน้นสอนเรื่องการ "คุมกาหนั ด+คุมกาเนิ ด” ไม่ได้เขียนเป็ นวิชาโดยตรงแต่แทรกเข้า
ไปในวิชาต่างๆ ทั้งสังคมศึกษา ลูกเสือ เนตรนารี วิทยาศาสตร์ และกิจกรรมแนะแนว
แต่เมื่อโรคเอดส์ระบาดขึ้ น การสอนเพศศึ กษาเน้นไปที่ การมีเซ็กส์อย่างปลอดภัย
(Save Sex) มีการป้ องกัน ใส่ถุงยางอนามัย
34
7.5 การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของครอบครัว
สมัยใหม่
35
‘ ครอบครัว ครอบครัว (Family)
’ หน่วยหนึ่งของสังคม ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกตั้งแต่ 2 คน ขึ้ นไป
36
-- อยูร่ ว่ มบ้านเดียวกัน ให้การศึกษา อบรมเลี้ยงดู --
ความสาคัญของครอบครัว...
37
37
ความสาคัญของครอบครัว...
38
38
คาจากัดความ:
“ครอบครัว”
ครอบครัวเป็ นกลุ่มที่มีช่ วงเวลาการด ารงอยู่ยาวนานกว่ ากลุ่ มสังคม
อื่นๆ เช่น พ่อ แม่ ลูก จะมีความสัมพันธ์ยาวนานจนชัว่ ชีวิตของคนหนึ่ ง
หรืออาจกล่าวได้ว่า มีความเป็ นสมาชิกของกลุ่มชัว่ ชีวิต เราเป็ นลูกของใคร
ก็ เ ป็ นของคนนั้ น ไปตลอดชี วิ ต และไม่ มี โ อกาสเลื อ กในการเป็ นสมาชิ ก
เพราะเป็ นมาตั้งแต่เกิด ส่วนกลุ่มสังคมอื่นๆ เช่นกลุ่มเพื่อ น เราเลือกที่จะ
เป็ นสมาชิกหรือไม่เป็ นตั้งแต่เริ่มแรกได้
40
เหตุผลที่ครอบครัว..
เป็ นกลุม่ ทางสังคมที่แตกต่างจากกลุม่ สังคมอื่น
ครอบครัวมีสมาชิกหลายวัยด้วยกัน
ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงคนชรา และการมีสมาชิกที่มีความสัมพันธ์ของคนหลาย
วัยเป็ นสิ่งที่จาเป็ นต่อการอยูร่ อดของมนุ ษย์ เพราะมนุ ษย์เป็ นสิ่งมีชีวิตที่ช่วย
ตัวเองได้ชา้ มากเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ดังนั้น การที่เด็กอ่อนจะเติบโต
จนสามารถช่ ว ยตัว เองให้มี ชี วิ ต รอดต้อ งใช้เ วลาหลายปี ในช่ ว งเวลานั้ น
จาเป็ นต้องมีผูท้ ี่ช่วยดูแลอยู่
41
เหตุผลที่ครอบครัว..
เป็ นกลุม่ ทางสังคมที่แตกต่างจากกลุม่ สังคมอื่น
‘ครอบครัว’ ประกอบด้วยสมาชิกที่มีความสัมพันธ์ทางชีวะและ
เกี่ยวดองกันทางกฎหมายหรือจารีตประเพณี
และนาไปสู่การเชื่อมโยงความสัมพันธ์เป็ นกลุ่มเครือญาติที่ใหญ่ขึ้น
ผ่านทางสายโลหิต ทางการแต่งงาน และการรับเป็ นบุตรบุญธรรม
42
เหตุผลที่ครอบครัว..
เป็ นกลุม่ ทางสังคมที่แตกต่างจากกลุม่ สังคมอื่น
44
โครงสร้างของครอบครัวในสังคมไทย
สังคมไทย...
แต่เดิมเป็ น ครอบครัวขยาย คือการ
ขยายออกไป เช่น จากพ่อแม่ มีลูก -
หลาน - เหลน ก็ จ ะมี ปู่ ย่า ตายาย มี
ทวดอยู่ร่ว มกัน เป็ นครอบครัว เดี ย วที่
ขยายออกโดยการต่อเติมบ้านหลังเดิม
ออกเป็ นระเบียงบ้าง สร้างแยกออกไป
แต่อยูใ่ นเขตรั้วบ้านเดียวกันบ้าง
45
โครงสร้างของครอบครัวแบบตะวันตก
สังคมตะวันตก...
คือการอยูอ่ ย่าง ครอบครัวเดี่ยว เพราะ
ชาวตะวั น ตกรั ก ในความอิ ส ระ และ
เสรี ภ าพของตนเองมาก จึ ง ไม่ ช อบอยู่
ภายใต้ก รอบจารี ต ที่ บั ง คั บ ตนในการ
ดาเนิ นชีวิต เมื่ อไม่มีกรอบจารีต แล้วคน
ตะวั น ตกมั ก จะท าอะไรตามใจตนเอง
เสมอ โดยไม่คิดถึงคนในครอบครัว และ
สภา พค วา มเป็ น สถา บั น คร อบ ครั ว
แต่อย่างใด
46
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของครอบครัว
50
ประเภทของการแต่งงาน
การแต่งงานในสังคมต่างๆ มีหลายแบบ ที่พบเห็นโดยทัว่ ไปมีดงั นี้
1. ผัวเดียวเมียเดียว (Monogamy) 2. ผัวเดียวหลายเมีย (Polygamy)
การแต่ ง งานที่ ย อมรั บ ให้มี ถื อ ว่ า เป็ นการแต่ ง งานที่ พ บ
สามีหรือภรรยาเพียงคนเดียว ซึ่ง จาก ม า ก ที่ สุ ด ใ น สั ง ค ม ต่ า ง ๆ จ า ก
การศึ ก ษาของ จอร์จ เมอร์ด๊อ ก ใน การศึ ก ษาของจอร์จ พบว่ า ประมาณ
862 สังคมพบว่าจานวนน้อยกว่าร้อย ร้อยละ 80 ของสังคมมีลกั ษณะการ
ละ 20 มีการแต่งงานในลักษณะนี้ แต่ ง งานที่ ย อมรับ ให้ผู ้ช ายมี เ มี ย ได้
หลายคน งงานที่เกิดขึ้ นน้อยมากในสังคม
3. เมียเดียวหลายผัว (Polyandry) เป็ นลักษณะการแต่
ต่างๆ และพบว่าการแต่งงานแบบนี้ ไม่ได้เกิดเนื่ องจากผูห้ ญิงหรือผูท้ ี่เป็ นภรรยาเลือกที่จะมี
สามีหลายคน ดังเช่นที่เกิดในกรณี ผัวเดียวหลายเมีย เพราะสามีหลายคนของผู ้ หญิงนั้ น
มักเป็ นพี่น้องกัน หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ ง เป็ นสิทธิของน้องชายที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศ
กับภรรยาของพี่ชาย การแต่งงานเช่นนี้ จะเกิดในสังคมที่ มีที่ดินทากินจากัด ครอบครัว
ไม่สามารถหาภรรยาให้กบั ลูกชายทุกคนได้ครบ 51
การแต่งงานที่กล่าวมาข้างต้น ...
54
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
1. แนวคิดในเชิงการหน้าที่ มองว่าครอบครัวเป็ นความจาเป็ น
ของสังคมมนุษย์เพราะมีหน้าที่ทาให้สงั คมดารงอยูไ่ ด้ และหน้าที่
ที่สาคัญของครอบครัวคือ การสืบเผ่าพันธุ ์ การอบรมสั ่งสอนและ
ถ่ายทอดวัฒนธรรมเพื่อให้สมาชิกใหม่เป็ นที่ยอมรับของสังคม มี
หน้าที่ในการปกป้ องคุม้ ครองเด็กและให้การโอบอุม้ ทางจิตใจและ
อารมณ์ ครอบครัวจะเป็ นตัวกาหนดสถานภาพโดยกาเนิดแก่ เด็ก
ซึ่งจะสามารถทาให้เด็กสัมพันธ์กบั บุคคลอื่นๆ ได้อย่ างเหมาะสม
นอกจากนี้ ครอบครัวยังมีหน้าที่ในการควบคุมพฤติกรรมทางเพศ
ของสมาชิกในครอบครัวด้วย
55
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
แ น ว คิ ด ใ น เ ชิ ง ก า ร ห น้ า ที่ ถู ก วิ จ า ร ณ์ จ า ก นั ก ส ต รี นิ ย ม
บางสายว่า แนวคิดนี้มองครอบครัวแบบประเพณีนิยม เพราะยัง
มองครอบครัวว่ าต้องเป็ นการอยู่ร่วมกันของเพศหญิงและเพศ
ชายเท่านั้น การอยู่ร่วมกันของคนเพศเดียวกัน หรืออยูร่ ่วมกัน
ของคนในลักษณะอื่นๆ ไม่ ถูกมองว่าเป็ นครอบครัว นอกจากนี้
หน้าที่ส่วนใหญ่ของครอบครัวที่แนวคิดนี้เสนอ เมื่อพิจารณาแล้ว
พบว่ า เป็ นหน้า ที่ ที่ ค รอบครัว อาจจะไม่ จ าเป็ นต้อ งท า หรื อ ไม่
สามารถทาได้ดว้ ยครอบครัวเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปในสังคม
ปั จจุ บั น เพราะสัง คมไม่ ใ ช่ ห น่ ว ยสัง คมอิ ส ระแต่ สัม พัน ธ์กั บ
เงื่อนไขทางสังคมอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว
56
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
2. แนวคิดการขัดแย้ง มองว่าครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่เกิ ดขึ้นตาม
ธรรมชาติ แต่เ ป็ นการจัด การทางสัง คมที่ท าให้คนกลุ่ มหนึ่ ง
ได้รับประโยชน์มากกว่ าคนอีกกลุ่มหนึ่ ง เฟรดริกส์ เองเกิ ลส์
(Friedrich Engels) เสนอในบทความ The Origin of the Family,
Private Property, and the State ว่า ครอบครัวเปรียบเสมือน
สัง คมชนชั้น โดยสามี ถื อว่ าเป็ นชนชั้นที่ก ดขี่ และภรรยาเป็ น
ชนชั้นที่ถูกกดขี่ สามีเปรียบเสมือนชนชั้นกระฎุมพี และภรรยา
คือชนชั้นกรรมาชีพ สามีคือผูท้ ี่มีอานาจ เป็ นผูก้ าหนดสิ่งต่างๆ
ภายในครอบครัว ในขณะที่ ภ รรยาคื อ ผู ร้ ับ ใช้แ ละรับ ค าสั ่ง
เพราะฉะนั้น ผูท้ ี่ได้ประโยชน์ในความสัมพันธ์น้ ี คือสามี ส่วน
ภรรยาคือผูเ้ สียประโยชน์ 57
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
นักคิดในกลุ่มแนวคิดนี้ยังเสนอว่า ผูห้ ญิงในสังคมต่างๆ ถูกมอง
ว่าเป็ นสมบัตทิ างเพศ เพราะผูห้ ญิงจะถูกใช้เป็ นเครื่องบรรณาการ
ในสงคราม เป็ นเครื่องต่อรองทางเศรษฐกิจ และเป็ นสมบัติข อง
สามี สามีมีสิทธิ์ที่จะนาภรรยาไปขายได้ ไม่แตกต่างจากการขาย
ที่ ดิ น หรื อ อสัง หาริ ม ทรัพ ย์อื่ น ๆ บางกลุ่ ม ของแนวคิ ด นี้ ยัง ให้
ความส าคัญ กั บ การมองความขั ด แย้ง ภายในครอบครัว การ
แข่งขันกันเองของสมาชิกภายในครอบครัว เพื่อให้ได้มาซึ่งอานาจ
ความเป็ นตัวตนของแต่ละคน แต่ในขณะเดียวกันก็ตอ้ งให้ค วาม
ร่วมมือกันเพื่อความอยูร่ อดของครอบครัว เพราะฉะนั้นสมาชิกใน
ครอบครัวจะมีการต่อรองผลประโยชน์ แก้ปัญหาและจัดการใน
เรือ่ งความขัดแย้งอยูต่ ลอดเวลา
58
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
3. แนวคิ ด สตรี นิ ย ม อธิ บ ายว่ า การที่ สัง คมมี ก ฎเกณฑ์ก าร
แบ่ ง แยกหน้า ที่ ข องผู ห้ ญิ ง และผู ช้ าย สามี แ ละภรรยาอย่ า ง
ชัดเจน กล่าวคือสามีมีหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัว ภรรยามีหน้าที่
ดู แ ลบ้า นและลู ก ท าให้ภ รรยาอยู่ ใ นฐานะที่ เ ป็ นรองใน
ครอบครัว เพราะผู ้ห ญิ ง ต้อ งพึ่ ง พิ ง ผู ช้ ายทางเศรษฐกิ จ ใน
ขณะเดียวกัน งานบ้านและงานดูแลลูกถูกมองว่าไม่เป็ น “งาน”
เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจแก่ครอบครัว ดังนั้น
นักสตรีนิยมจึงมองว่าสถาบันครอบครัวเป็ นพื้นที่ทคี่ วามไม่เท่า
เทียมกันระหว่างเพศเห็นได้ชดั เจนที่สุด
59
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
จากความเชื่อที่ว่าหน้าที่และบทบาทของผูห้ ญิงคือการเลี้ยงดูลูก
ท างานบ้า น ดู แ ลครอบครัว และมองว่ า บทบาทเหล่ า นี้ เป็ น
บทบาท ทางธรรมชาติ นาไปสู่ความชอบธรรม (หรือเหตุผล)
ในการกี ดกันผูห้ ญิงในสิทธิทางการเมื อง กี ดกันผูห้ ญิ งจากงาน
อาชีพหลายงาน กล่าวอีกนัยหนึ่ งคือกี ดกันผูห้ ญิงออกจากพื้นที่
สาธารณะ ทาให้ผหู ้ ญิงต้องอยูใ่ นสภาพเป็ นผูพ้ ึ่งพิงทางเศรษฐกิจ
และมีฐานะที่เป็ นรองผูช้ ายในครอบครัว ซึ่งทาให้ง่ายต่อการที่
ผูห้ ญิงจะถูกทาร้ายในหลายรูปแบบ ทั้งทางกาย ทางจิตใจและ
ทางเพศ
60
แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
นักสตรีนิยมจึงเสนอว่า ต้องมี การเปลี่ยนแปลงในเรื่องการแบ่ง
งานกันทาในครอบครัว ผูห้ ญิงควรทางานนอกบ้านหรือสามารถ
พึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจ และผูช้ ายควรเข้าไปมีบทบาทในการ
ดูแลลูกมากขึ้น ในขณะเดียวกันต้องมีการนิยามความหมายใหม่
ให้กบั “ครอบครัว” คือ สมาชิกในครอบครัวต้องมีความเท่า เทียม
กัน และครอบครัวต้องไม่มีความหมายเฉพาะการประกอบด้วยพ่อ
แม่ลูก แต่ตอ้ งรวมถึงการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน และการมี
คนเพศเดียวกันทาหน้าที่ในการดูแลลูก (Okin 1997)
61
สรุป...แนวคิดที่อธิบายเรื่องครอบครัว
1. แนวคิดเชิงการหน้าที่... ครอบครัวเป็ นความจาเป็ นของสังคมมนุ ษย์และ
หน้า ที่ ที่ ส าคัญ ของครอบครัว คื อ การสื บ เผ่ า พัน ธุ ์ อบรมสั ง่ สอนและ
ถ่ายทอดวัฒนธรรมเพื่อให้สมาชิกใหม่เป็ นที่ยอมรับของสังคม
1. สภาพความเป็ นโสด
สังคมในปั จจุบนั พบว่า มีสดั ส่วนของคนที่ไม่แต่งงานเพิ่ มมากขึ้ น
และสั ง คมยอมรั บ ชี วิ ต แบบคนโสดมากขึ้ นด้ว ย ในสัง คมไทย จาก
การศึกษาของเกื้ อ บุญวงศ์สิน (2539) พบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503-
2533 สัดส่วนการเป็ นโสดของประชากรไทยมีแนวโน้มสูงขึ้ น โดยเฉพาะ
ในกลุ่มประชากรหญิงมีแนวโน้มที่เห็นชัดเจนกว่าประชากรชาย
65
การเปลี่ยนแปลงที่สมั พันธ์กบั ครอบครัว
2. การมีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียวในครอบครัว
3. การอยูด่ ว้ ยกันโดยไม่แต่งงาน
การที่คนสองคนมาอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้ผู กพันว่า
เป็ นสามี ภรรยา โดยไม่ ผ่ า นพิ ธี ก ารแต่ ง งานตาม
ประเพณี แ ละไม่ ไ ด้จ ดทะเบี ย นสมรส บางคู่ เ มื่ อ อยู่
ด้วยกันซักระยะแล้วอาจจะแต่งงานกัน แต่บางคู่ ก็เลิกรา
กันไป การเลือกที่จะอยูด่ ว้ ยกันโดยไม่แต่งงาน ส่วนหนึ่ ง
เป็ นผลจากการที่ ได้มีจานวนการหย่าร้างเพิ่ม มากขึ้ น
ทาให้คนไม่มีความมัน่ ใจต่อการแต่งงานเพิ่มขึ้ นไปด้วย
67
การเปลี่ยนแปลงที่สมั พันธ์กบั ครอบครัว
4. คู่รกั เพศเดียวกัน
68