Professional Documents
Culture Documents
ประเภทของศาสนา แบ่งเป็ น
1. ศาสนาประเภทเทวนิยม : มีพระเจ้า ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม
ศาสนาสิข
2. ศาสนาประเภทอเทวนิยม : ไม่มพี ระเจ้า ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาเชน
วรรณะในศาสนาพราหมณ์-ฮิ นดู
1. พราหมณ์ เป็ นวรรณะสูงสุด ทาหน้าทีส่ งสอนให้
ั่ ความรูก้ บั ประกอบพิธกี รรมให้คนวรรณะต่างๆ
2. กษัตริย์ เป็ นนักรบกับผูป้ กครอง
3. แพศย์ เป็ นชาวนา คนเลี้ยงสัตว์ พ่อค้า ช่างฝีมอื
4. ศูทร เป็ นแรงงาน
1
วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา
วันมาฆบูชา – โอวาทปาฏิโมกข์ (ทาความดี ละเว้นความชัว่ ทาจิตใจให้ผ่องใส)
วันวิสาขบูชากับวันอัฎฐมีบูชา – อัปปมาทธรรม (ความไม่ประมาท)
วันวิสาขบูชาตอนประสูติ – อาสภิวาจา (แสดงถึงความเชื่อมันในศั
่ กยภาพของตนเอง)
วันวิสาขบูชาตอนปรินิพพาน – พระพุทธเจ้าแสดงปั จฉิมโอวาท (แสดงธรรมครัง้ สุดท้าย) เรื่อง
อัปปมาทธรรม (ความไม่ประมาท)
วันอาสาฬหบูชา – พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา (แสดงธรรมครัง้ แรก) เกิดพระสงฆ์องค์แรกคือ
โกณฑัญญะ
วันออกพรรษา – พิธมี หาปวารณา (ให้พระสงฆ์ว่ากล่าวตักเตือนกันเพือ่ นาไปปรับปรุงตัวต่อไป)
วันทีม่ เี วียนเทียน – วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฎฐมีบูชา วันอาสาฬหบูชา
หลักธรรมสาคัญ
อริยสัจ 4 เป็ นหลักธรรมทีพ่ ระพุทธเจ้าตรัสรู้
ไตรสิกขา คือ การจัดแบ่งมรรค 8 ออกเป็ น 3 ด้านเพือ่ พัฒนาชีวติ แบ่งเป็ น
1. อธิศลี เกีย่ วกับความประพฤติ
2. อธิจติ เกีย่ วกับการแน่วแน่ของจิต เกิดสมาธิ
3. อธิปัญญา เกีย่ วกับความรูค้ วามเข้าใจทีเ่ ป็ นจริง
อธิปไตย 3 เป็ นหลักว่าด้วยแนวทางการปกครองของพุทธศาสนา มี 3 ประการ คือ
1. อัตตาธิปไตย : ยึดเอาคนๆ เดียวเป็ นใหญ่
2. โลกาธิปไตย : ยึดเอาคนส่วนมากเป็ นใหญ่
3. ธรรมาธิปไตย : ยึดเอาหลักธรรมเป็ นใหญ่
มิจฉาวณิชชา 5 ห้ามค้าขายสิง่ ทีไ่ ม่ดี 5 อย่าง คือ
1. ค้ามนุษย์
2. ค้าสัตว์
3. ค้ายาพิษ
4. ค้าอาวุธ
5. ค้าสุรา
2
ทศพิธราชธรรม เป็ นหลักธรรมสาหรับผูป้ กครอง 10 ประการ แบ่งเป็ น
1. ทาน : การให้ (เป็ นการให้โดยให้ใครก็ได้)
2. ศีล : การตัง้ อยู่ในศีลหรือมีความประพฤติทเ่ี หมาะสม
3. ปริจจาคะ : การบริจาค จาว่าจาคะตรงกับบริจาค (เป็ นการให้โดยให้เฉพาะเจาะจง)
4. อาชชวะ : ความซื่อตรง
5. มัททวะ : ความอ่อนโยน
6. ตบะ : การแผดเผากิเลสตัณหา ใช้ช่อื ว่าบาเพ็ญตบะ
7. อักโกธะ : ความไม่โกรธ
8. อวิหงิ สา : ความไม่เบียดเบียน ตรงกับคาว่าอหิงสา
9. ขันติ : ความอดทน
10. อวิโรธนะ : การตัง้ มันอยู
่ ่ในธรรม
หลักอปริหานิยธรรม 7 กับหลักสาราณียกรรม 6 เป็ นหลักธรรมเกีย่ วกับความสามัคคี
หลักปฏิจจสมุปบาท บอกถึงความสัมพันธ์กนั ระหว่างเหตุกบั ผล เพราะสิง่ นี้มสี งิ่ นัน้ จึงมี
โยนิโสมนสิการ เป็ นการคิดด้วยตนเอง
ปรโตโฆสะ เป็ นการคิดจากผูอ้ ่นื มาบอกให้คดิ
หิรโิ อตตัปปะ หมายถึง ความละอายใจต่อบาป
กฎไตรลักษณ์ หมายถึง ความไม่เทีย่ งประกอบด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง ทางสายกลางของพระพุทธศาสนาคือไม่เข้มงวดกับไม่หย่อนยานเกินไป
ความเชื่อมโยงของแต่ละศาสนา
ศีลล้างบาป ตรงกับ พิธแี สดงตนเป็ นพุทธมามกะกับการปฏิญาณตนในศาสนาอิสลาม
ศีลอภัยบาป ตรงกับ หิรโิ อตตัปปะ
ศีลมหาสนิท ตรงกับ การเข้าวัด ใส่บาตร ทาบุญ เพือ่ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
การบริจาคซะกาต ตรงกับ การให้ทาน (การให้โดยให้ใครก็ได้) กับการบริจาค (การให้โดยให้
เฉพาะเจาะจง)
4
บรรทัดฐาน คือ การกาหนดแบบแผนของพฤติกรรม แบ่งออกเป็ น
1. วิถปี ระชา : แนวทางปฏิบตั แิ บบไม่เป็ นทางการ เกิดจากความคุน้ ชิน
2. จารีต : แนวทางปฏิบตั แิ บบไม่เป็ นทางการ เกิดจากหลักคาสอนทางศาสนา
3. กฎหมาย : แนวทางปฏิบตั ทิ เ่ี ป็ นทางการ เกิดจากรัฐตรากฎหมายขึน้ มาบังคับใช้
5
ความแตกต่างระหว่างรัฐเดี่ยวกับรัฐรวม
1. รัฐเดีย่ ว : มีรฐั บาลเดีย่ ว รัฐบาลมีอานาจในการบริหารงานประเทศทีเ่ ป็ นหนึ่งเดียวกัน เช่น ไทย
2. รัฐรวม : เรียกชื่อว่า “สมาพันธรัฐ” มีรฐั บาล 2 ระดับ แบ่งเป็ นรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิน่ มีการ
แบ่งแยกอานาจระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิน่ เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมันนี สวิตเซอร์แลนด์
ผลงานของนักปรัชญาการเมือง
1. อริลโตเติล : Politic
2. โทมัส ฮ็อบส์ : Liviathan
3. จอห์น ล็อก : Two Treatises of Goverment
4. มองเตสกิเออร์ : The Spirit of Laws
5. ชอง ชาร์ก รุสโซ : The Social Contract
6
ระบบเศรษฐกิ จ แบ่งออกเป็ น
1. แบบทุนนิยม ขึน้ กับกลไกราคา เอกชนมีเสรีภาพในการผลิต ผูบ้ ริโภคสามารถเลือกซือ้ สินค้าและ
บริการได้อย่างหลากหลาย
2. แบบสังคมนิยม ขึน้ อยู่กบั การวางแผนของรัฐบาล ไม่มกี ารแข่งขัน ไม่มกี ลไกราคา
3. แบบผสม ใช้ทุนนิยม (กลไกราคา) + สังคมนิยม (การแทรกแซงกลไกราคาของรัฐบาล) ร่วมกัน
7
การเปลี่ยนแปลงทางด้านอุปสงค์ เกิดจาก 2 กรณี คือ
1. ปั จจัยทางด้านราคา (ราคาเพิม่ ขึน้ ราคาลดลง - กฎอุปสงค์) ทาให้อุปสงค์เคลื่อนบนเส้นเดียวกัน
2. ปั จจัยอื่นๆ นอกเหนือราคา ทาให้อุปสงค์เคลื่อนย้ายทัง้ เส้น
การแทรกแซงกลไกราคาโดยรัฐบาล
1. ในภาวะเศรษฐกิจทีร่ าคาสินค้าตกต่าเรื่อยๆ รัฐบาลควรใช้มาตรการการกาหนดราคาสินค้าขัน้ ต่า คือ
การกาหนดราคาให้สงู กว่าราคาดุลยภาพ
2. ในภาวะเศรษฐกิจทีร่ าคาสินค้าแพงขึน้ เรื่อยๆ รัฐบาลควรใช้มาตรการการกาหนดเพดานราคาสินค้า
คือ การกาหนดราคาให้ต่ากว่าราคาดุลยภาพ
ประเภทของตลาด แบ่งออกเป็ น
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ สินค้าต้องมีลกั ษณะและคุณภาพเหมือนกันทุกประการ จึงใช้แทนกันได้ทงั ้ หมด
ผูผ้ ลิตไม่มอี านาจกาหนดราคาสินค้า
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็ น
2.1 ตลาดผูกขาด มีผขู้ ายเพียงรายเดียว กีดกันไม่ให้ผขู้ ายรายอื่นสามารถเข้ามาแข่งขันได้ เกิดการ
ครอบครองตลาดเพียงผูเ้ ดียว เกิดการประหยัดต่อขนาดการผลิต (ผลิตได้คราวละจานวนมากๆ)
2.2 ตลาดแข่งขันน้อยราย มีผขู้ ายไม่ก่รี าย เพราะต้องลงทุนเยอะ เช่น หนังสือพิมพ์ รถยนต์ มือถือ
2.3 ตลาดกึง่ แข่งขันกึง่ ผูกขาด มีผขู้ ายจานวนมาก เกิดการแข่งขันสูง สินค้าใช้ทดแทนกันได้ เช่น
ร้านชานมไข่มุก ร้านอาหารตามสัง่ ร้านกาแฟ
8
เงิ นฝื ด ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ความต้องการซือ้ ต่า ราคาสินค้า และบริการลดลง
ค่าเงินเพิม่ ขึน้ (อานาจซือ้ ของเงินเพิม่ ขึน้ )
นโยบายการเงิ น กาหนดดูแลโดยธนาคารกลาง
เงินเฟ้ อ เงินฝืด
นโยบายการเงิน ใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ธนาคารกลาง 1. ปรับเพิม่ อัตราดอกเบีย้ นโยบาย 1. ปรับลดอัตราดอกเบีย้ นโยบาย
2. ขายสินทรัพย์ 2. ซื้อสินทรัพย์
3. เพิม่ อัตรารับซื้อช่วงลด 3. ลดอัตรารับซื้อช่วงลด
4. ลดการปล่อยสินเชื่อ 4. ผ่อนปรนการปล่อยสินเชื่อ
5. ขายพันธบัตรรัฐบาล 5. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล
6. เพิม่ อัตราเงินสดสารองตามกฎหมาย 6. ลดอัตราเงินสดสารองตามกฎหมาย
นโยบายการคลัง กาหนดดูแลโดยรัฐบาล
เงินเฟ้ อ เงินฝืด
นโยบายการคลัง ใช้นโยบายการคลังแบบหดตัว ใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัว
รัฐบาล 1. เก็บภาษีมากขึน้ 1. เก็บภาษีน้อยลง
2. ใช้จ่ายเงินลดลง 2. ใช้จ่ายเงินเพิม่ ขึน้
3. ใช้เงินประมาณแผ่นดินแบบเกินดุล 3. ใช้งบประมาณแผ่นดินแบบขาดดุล
9
ความแตกต่างระหว่างยุคก่อนประวัติศาสตร์กบั ยุคประวัติศาสตร์
1. ยุคก่อนประวัตศิ าสตร์ เป็ นยุคทีม่ นุษย์ยงั ไม่รจู้ กั การใช้ตวั อักษร
2. ยุคประวัตศิ าสตร์ เป็ นยุคทีม่ นุษย์รจู้ กั การใช้ตวั อักษร
ความแตกต่างระหว่างพระราชพงศาวดารกับเอกสารบันทึกการเดิ นทางของชาวต่างชาติ
1. พระราชพงศาวดาร : เน้นจดบันทึกเรื่องราวขององค์พระมหากษัตริย์ การสร้างวัดวาอาราม การทา
สงคราม การติดต่อทางการทูต
2. เอกสารบันทึกการเดินทางของชาวต่างชาติ : เน้นจดบันทึกเรื่องการแต่งกาย การกินอยู่ ประเพณี
ความเชื่อของคนทัวไป
่ ตลอดจนสภาพภูมอิ ากาศ สภาพภูมปิ ระเทศ พืชพรรณธรรมชาติทไ่ี ด้พบเห็น
10
หลัก 6 ประการของคณะราษฎร ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา
11
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ แบ่งเป็ น
1. แผนทีอ่ า้ งอิงหรือแผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ : เป็ นแผนทีท่ แ่ี สดงลักษณะของภูมปิ ระเทศกับแสดงระดับความ
สูงต่าของภูมปิ ระเทศ
2. แผนทีเ่ ฉพาะเรื่อง : เป็ นแผนทีท่ ใ่ี ห้ขอ้ มูลเพิม่ เติมต่อจากแผนทีภ่ ูมปิ ระเทศ เช่น แผนทีป่ ระเทศต่างๆ
แผนทีค่ มนาคม แผนทีท่ รัพยากรธรรมชาติ แผนทีท่ ่องเทีย่ ว
3. ภาพถ่ายทางอากาศ : เป็ นภาพถ่ายทีไ่ ด้จากการถ่ายภาพบนเครื่องบินหรือโดรน ต้องถ่ายภาพตอนที่
มีอากาศแจ่มใสเท่านัน้ ภาพถ่ายทางอากาศใช้กล้องสามมิตใิ นการถ่ายภาพ
4. ภาพถ่ายดาวเทียม : เป็ นภาพถ่ายทีไ่ ด้จากดาวเทียม ภาพถ่ายจากดาวเทียมทางานเก็บข้อมูลตลอด
24 ชัวโมงจึ
่ งใช้ตรวจดูขอ้ มูลย้อนหลังได้ ใช้แสดงการเคลื่อนทีข่ องพายุ ตรวจหาสิง่ ผิดปกติบนพืน้ ผิวโลก
ใช้เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนหลังของพืน้ ทีจ่ ากภัยพิบตั ทิ างธรรมชาติ (แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
คลื่นสึนามิ)
5. ระบบนาทางด้วยดาวเทียม (GPS) : ใช้ตดิ ตามการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ
6. ระบบสารสนเทศทางภูมศิ าสตร์ (GIS) : นาเอาข้อมูลทางภูมศิ าสตร์หลายๆ ชุดมาประกอบกันเพือ่ ใช้
วิเคราะห์กบั ตัดสินใจเชิงพืน้ ที่
ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม
12
แผ่นดิ นไหว มีสาเหตุหลักๆ เกิดจากการเคลื่อนทีข่ องแผ่นเปลือกโลกกับภูเขาไฟระเบิด
ภูเขาไฟ
- แบ่งเป็ น 3 ประเภทตามพลังของภูเขาไฟ ได้แก่ 1. พร้อมจะปะทุ 2. สงบ 3. ดับสนิทแล้ว
- แบ่งเป็ น 3 ประเภทตามรูปทรงของภูเขาไฟ ได้แก่ 1. ทรงกรวย (ฐานแคบ ระเบิดรุนแรง) 2. สลับชัน้
(ฐานแคบ ระเบิดรุนแรง) 3. รูปโล่ (ฐานกว้าง ระเบิดไม่รุนแรง)
- การปะทุของภูเขาไฟทาให้เกิดลาวากับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ทท่ี าให้มผี เู้ สียชีวติ
- ประเทศไทยมีภูเขาไฟ แต่เป็ นภูเขาไฟทีด่ บั สนิทแล้วทัง้ หมด
- การระเบิดของภูเขาไฟทาให้เกิดการเปลีย่ นแปลงของภูมปิ ระเทศ เช่น เกิดภูเขาบนพืน้ ทวีป เกิดเกาะ
กลางมหาสมุทร เกิดภูเขาใต้มหาสมุทร
- ดินภูเขาไฟมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชสวนไม้ผล
คลื่นสึนามิ
1. เป็ นภาษาญี่ป่ นุ แปลว่า เป็ นคลื่นทะเลขนาดใหญ่ทเ่ี คลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและมีพลังมาก
2. มีสาเหตุเกิดจากแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรกับภูเขาไฟระเบิดใต้มหาสมุทร
3. ตอนคลื่นเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคลื่นมีความสูงน้อยกว่า 1 เมตร แต่เมื่อเคลื่อนเข้าใกล้ฝัง่ จะกลายเป็ น
คลื่นขนาดใหญ่
4. บริเวณทีเ่ สีย่ งต่อการเกิดสึนามิ ได้แก่ วงแหวนไฟมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก
การพัฒนาอย่างยังยื
่ น คือ แนวทางการพัฒนาทีไ่ ม่ทาลายทรัพยากรธรรมชาติ จนหมดสิ้นไป แต่ยงั คง
เหลือทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์ต่อ
อิ นทรีย์
ปุ๋ ยอินทรีย์ = ปุ๋ ยคอก
ขยะอินทรีย์ = ขยะทีเ่ ป็ นเศษอาหาร
อาหารอินทรีย์ = อาหารปลอดสารพิษจากยาฆ่าแมลง
14