Professional Documents
Culture Documents
a. ศึกษาความหมาย องค์ประกอบที่มาและพัฒนาการ
สังคมอารยะของมนุ ษย์
b. ศึกษาความคิดและวิธกี ารของมนุ ษย์ในการสร้างสรรค์
อารยธรรม
c. ศึกษาคุณค่าของอารยธรรมที่สง่ ผลต่อสังคมปัจจุบนั
3
ขอบเขตและความหมายของอารยธรรม
• ขอบเขตที่จะศึกษาเป็ นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
• อะไรบ้างที่ตอ้ งพิจารณาในการศึกษาอารยธรรม
• มีศพั ท์ใดบ้างที่ใกล้เคียงกับอารยธรรมและอาจทำให้
แปลความหมายคลาดเคลื่อน เช่น วัฒนธรรม
• ตัวบ่งชี้อะไรที่บ่งบอกความเป็ นอารยธรรม
• อารยธรรมเกิดได้อย่างไร
• อารยธรรมให้คณ ุ ค่าอะไร
5
อารยธรรม-วัฒนธรรม
• อารยธรรมในภาษาไทย เป็ นคำภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า
• อารย กับ ธรรม อารยะ ซึ่งเรามักใช้ในความหมายว่า เจริญ ซึ่งมี
ความหมายคล้ายกับ วัฒน ซึ่งมีความหมายว่าเจริญเหมือนกัน
• ส่วนธรรมหมายถึงคำสอนของศาสดา สิง่ ถูกต้องดีงาม เกิดขึ้นเอง
• เมื่อพิจารณาคำว่า อารยธรรมกับวัฒนธรรม แล้ว โดยความหมาย
ตามนิ รุกติไม่มีความแตกต่างกัน แต่โดยแท้ท่จี ริงแล้ว ความ
หมายของทัง้ สองคำนี้ ไม่เหมือนกัน เราจึงต้องศึกษาความแตกต่าง
ของคำทัง้ สองนี้
6
อารยธรรม คืออะไร
อารยธรรม คืออะไร วัฒนธรรม คืออะไร
อารยะ = เจริญ วัฒน = เจริญ
ธรรม = สิง่ ทรงไว้ ธรรม = สิง่ ทรงไว้
อารยธรรม = สิง่ ที่เจริญ วัฒนธรรม=สิง่ ที่เจริญ
7
วัฒนธรรม คืออะไร
culture วัฒนธรรม
13th century. Via French from ค. ๑๓ คำฝรัง่ เศสจากภาษาละติน
Latin cultura “tillage,” from cultura “tillage = การเพาะปลูก ไถ
cult , the past participle ”
stem of colere “to inhabit,
จาก cult ซึ่งเป็ นรากของ colere “to
cultivate, worship.”
Originally in English “piece inhabit = อาศัย, cultivate = เพาะ
of tilled land ปลูก พัฒนา, คำภาษาอังกฤษ
Microsoft? Encarta? Reference Library “piece of tilled land = ที่ดินที่ไถ
2003. ? 1993-2002
เพือ่ การเพาะปลูก
8
สร้างสรรค์
รูปธรรม นามธรรม
ปฏิบตั ิ
วัฒนธรรม เลือกสรร
ปฏิบตั ิ
ถ่ายทอด
อ่านประกอบ 10
Civilization
• ศัพท์ civilization หรือ
civilisation - มาจากคำลาติน
civis หมายถึง 'city'/'state'
เมือง/นครรัฐ ศัพท์น้ ี ใช้ในหลายทางในกาละที่ต่างกัน
เช่น
อ่านประกอบ 13
มาตรฐานพฤติกรรม
• ความคิดรวบยอดทีค่ รอบคลุมไปถึง เช่น อัศวิน (chivalry ) อนารยชน (
barbarian) ความคิดรวบยอดของอารยธรรมใช้เวลาก่อตัวส่วน
ต่าง ๆ จากเหตุผลซึ่งบางกลุม่ ใช้อำนาจในการปกครองเหนื อผูอ้ น่ื เช่น
ช่วงอาณานิคมของยุโรปในทวีปอเมริกา หรือ อินเดียสมัยอังกฤษปกครอง ดัง
นัน้ การตอบสนองทีม่ ชี ่อื เสียงของมหาตมะ คานธี (
Mahatm a G andhi)
• “อะไรทีท่ ่านคิดถึงอารยธรรมตะวันตก” "What do you think of Western
civilisation?"
ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม
• สำนักความคิดหนึ่ งกล่าวว่า อารยธรรมเป็ นเอกลักษณ์
ทางวัฒนธรรมซึ่งได้แสดงให้เห็นในระดับกว้างที่สดุ ในสิง่
ที่บคุ คลมุ่งในการแสดงลักษณะที่กว้างกว่าครอบครัว
มาตุภมู ิ ชาติ และภูมิภาค
• อารยธรรมยังมักผูกพันกับศาสนา หรือระบบความเชื่ออืน่
ๆ
อ่านประกอบ 16
ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม
• ความคิดรวบยอดของอารยธรรมเป็ นศูนย์ทฤษฎีประวัตศิ าสตร์ของอาร์โน
ลด์ ทอยนบี (Arnold J. Toynbee) ผูบ้ อกลักษณะ
ประวัตศิ าสตร์ว่าเป็ นกระบวนการของความรุง่ เรืองและเสือ่ มของ
อารยธรรมของสิง่ ที่จะต้องการรูค้ วามจริง ทัง้ ยังเป็ นศูนย์ความเชื่อทางการ
เมืองของแซมมวล พี ฮันติงตัน (
Samuel P. Huntington) ผูอ้ า้ งว่า การกำหนดขอบเขต
ลักษณะของศตวรรษที่ ๒๑จะเป็ นปฏิสมั พันธ์และความขัดแย้งระหว่าง
อารยธรรม
อ่านประกอบ 17
ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม
• ความคิดรวบยอดของจักรวรรดิ empire คาบเกี่ยวกับสิง่ ที่เป็ น
อารยธรรม "civilisation“ ดังนั้น การพรรณนาเชิง
ผัสสะของจักรวรรดิตะวันตกอายุ ๕๐๐ ปี “the 500-year
old Western em pire” โดย
Noam Chomsky และการวิเคราะห์เชิงทฤษฎีมากขึ้นโดย
Negri และ Hardt สร้างการวิเคราะห์รว่ มสมัยอืน่ เกี่ยวกับ
อารยธรรม
อ่านประกอบ 18
เครื่องมือแห่งการกดขี่
• นักหลังสมัยใหม่นิยมบางคนปฏิเสธศัพท์อนั ไม่เป็ นพึง
ปรารถนา:
• จากทัศนะ European Christian
ethnocentric ประวัตมิ นุ ษย์คอื ประวัติ “ความก้าวหน้า”
(progress) นำไปสูก่ ารพัฒนาความสำเร็จของอารยธรรม
แสดงให้เห็นโดยวัฒนธรรมคริสเตียนยุโรป
อ่านประกอบ 19
เครื่องมือแห่งการกดขี่
• เจตคติน้ ี เกี่ยวข้องกับอาณานิ คมยุโรป และ ความสัมพันธ์ของ
ยุโรปและอเมริกากับชนพื้นเมือง ซึ่งมีความคิดที่ยดึ ถือว่า มี
อารยธรรมที่กา้ วหน้ามาแล้วในประวัตมิ นุ ษย์ และไม่มี
วัฒนธรรมใดที่เหนื อกว่าฝังติดอยู่
อ่านประกอบ
25 major civilizations in Human 20
History สมประสงค์ น่วมบุญลือ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
Civilization Main Empire
Indian -
Austronesian -
Inuit -
Syrian -
Khmer -
อารยธรรม
อารย ที่มาของคำนี้ มาจากภาษา อินโด-ยูโรเปี ยน
ว่า อรก (arg) มีความหมายว่า ขาว กระจ่าง ใส
สว่าง คำนี้ ใช้ทง้ั ในภาษาสันสกฤต และ ในภาษา
ของชาวตะวันตก เช่น
22
•ปัจจุบนั เรามาใช้ในความหมาย
ของความเจริญ ทัง้ นี้ เนื่ องจาก
ความเจริญทัง้ หลาย คนผิวขาว
คือ อารยัน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนื อ
ของอินเดียโบราณเป็ นผูค้ ดิ และ
เป็ นผูนำ
้ มาใช้ และเราจึงนำคำ
นี้ มาใช้ในความหมายของความ
เจริญโดยทัว่ ไป
24
คำ “civilization” มีความหมายที่เกี่ยวข้อง
กับคำ ‘civil’ และ ‘civilized’ ซึ่งมาจากภาษา
ละตินว่า civis หมายถึงพลเมือง (citizen) เมื่อ
เราแยกคำว่า civil หมายถึง เมือง และ -ization
ซึ่งมีความหมายโดยนัยบอกว่าเป็ น กระบวนการ
ทำให้เป็ น ดังนั้น civilization จึงมีความหมายว่า
กระบวนการทำให้เป็ นเมือง
26
ศัพท์จากคำอารยธรรม “CIVIO”
CIT, CIV = citizen
• Civis = citizen • City (civitas)
• Civio • Citified
• To civilize • Citizen
• Civilization • Civility
• Uncivilized • Civic
person • Civics
• Civil • Citizenship
(civis)
• Incivility
27
นิ ยามจากมุมมองของนักโบราณคดีและนักมานุ ษยวิทยา
ให้อสิ ระในการตัดสินคุณค่าสิง่ ที่มีในสังคมอารยะเปรียบ
เทียบกับสังคมอนารยะ เมื่อนำสิง่ เหล่านี้ มาใส่ลงใน
"ชีวติ ชาวเมือง" คำนิ ยามที่ได้จะเน้น ความมุ่งหมายใน
การจัดระเบียบของสังคม ในมุมกว้างอาจมีวธิ กี ารบ่งชี้ ถงึ
ความเป็ นอารยธรรมได้ ๓ วิธี คือ
30
กระบวนการศึกษาอารยธรรมต้องใช้เหตุผลและหลักฐานประจักษ์
• เหตุ (Cause) คือภาวะเงือ่ นไขจำเป็ น ทำให้เกิดสิง่ หนึ่ งขึ้น
• ผล คือ สิง่ ที่เกิดตามภาวะเงือ่ นไขของเหตุ
• เหตุ-ผล ต้องมีความต่อเนื่ องไม่ขาดตอน คือเงือ่ นไขเวลา
▫ เหตุในฐานะเป็ นตัวการ
▫ เหตุในฐานะเป็ นความต่อเนื่ อง
▫ เหตุในฐานะเป็ นพัฒนาการ
42
ลักษณะของสังคมอารยะ
คาร์ลตัน เจ เอช ฮาเยส (Carlton J.H.
Hayes) ได้กล่าวถึงลักษณะสังคมอารยะไว้บางประการ คือ
เมืองที่มีระบบการเมือง สังคม เศรษฐกิจรวมอยู่ในนั้นทัง้ หมด คำ
ว่าอารยธรรม ในภาษาอังกฤษ คือ คำว่า civilization
มาจากคำภาษาละตินว่า civis หมายถึงพลเมืองของ
civita (city) คือ เมืองนัน่ เอง
44
ลักษณะของสังคมอารยะ
ฮาเยสพิจารณาลักษณะองค์ประกอบของสังคมอารยะไว้ดงั นี้
การเกษตรกรรม การเกษตรกรรมเป็ นสถาบันหลักของทุก
อารยธรรมในสมัยโบราณ เกษตรกรรมมีมาตัง้ แต่ สมัยบรรพกาลด้วย
แต่เกษตรกรรมที่มีอยู่ในสังคมอารยะ ที่ดินไร่นาขึ้นอยู่กบั เมือง
ประชาชนอยู่ในที่ดินการเกษตร สะท้อนวัฒนธรรมของ เมืองในระดับ
หนึ่ งไม่มากก็นอ้ ย ทัง้ นี้ ข้ ึนอยู่กบั ความมัง่ คัง่ และการติดต่อสือ่ สาร ที่มีอยู่
ระหว่าง บริเวณการเกษตรกับเมือง
45
ตัวอย่าง
อียปิ ต์กอ่ นจะรวมตัวกันเป็ นหนึ่ ง ก็จะมีเผ่าขนาดเล็ก
จำนวนมากครอบครองดินแดนอยู่ ต่อมามีการรวมตัวเป็ นก
ลุม่ เดียว คือ อียปิ ต์ ได้ครอบครองลุม่ น้ำไนล์ สามเหลี่ยม
แม่น้ำไนล์ และดินแดนที่อยู่ลกึ เข้าไป
47
การเขียนตัวอักษร สังคมอารยะมีระบบการเขียนเพือ่
เก็บบันทึกและส่งทอดวรรณกรรม ประวัตศิ าสตร์
วิทยาศาสตร์ และสิง่ อืน่ ๆ ทุกสิง่ ที่ได้คงอยู่ในการดำเนิ น
ชีวติ ของตน
49
(๓) รัฐบาล/กฎหมาย
51
(๔) ศิลปะ/สถาปัตยกรรม
(๕) ชนชัน้ ทางสังคม
52
(๗) ความชำนาญพิเศษในงานเฉพาะด้าน
๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
(๘) พัฒนาการของเมือง
53
บทที่ ๒
กำเนิ ดของอารยธรรม
• ต้นกำเนิ ดหรือที่มาของอารยธรรม นักโบราณคดีและนัก
มานุ ษยวิทยาได้ศึกษาการปรากฏของอารยธรรม ตัง้ แต่ปลาย
ศตวรรษที่ ๑๙ และได้เสนอทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย เพือ่ รวบรวม
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบในสังคมมนุ ษย์ เราจะมองใน ลักษณะ
ทฤษฎีท่มี ีอทิ ธิพล มากที่สดุ โดยสรุป ก่อนจะตรวจสอบ
กระบวนการในรายละเอียด ที่กว้างขวางกว่า เราสามารถแบ่ง
ทฤษฎีออกได้เป็ น ๕ กลุม่ หลัก แต่ละกลุม่ มุ่งในด้านปัจจัยสำคัญ
ในการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน
56
• ทฤษฎีของวิทโฟเกลได้มีการปรับต้นแบบจากปราชญ์ท่ชี ้ ี ต่อการปรากฏของ
อารยธรรมเมืองในบางบริเวณโดยปราศจากการนำเสนองานควบคุมน้ำขนาด
ใหญ่ ในทัศนะของปราชญ์เหล่านี้ หลายปัจจัย รวมทัง้ ลักษณะทางภูมิประเทศ
การกระจายของทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิอากาศ ชนิ ดของพืชและสัตว์ท่เี กิดขึ้ น
และความสัมพันธ์กบั ชนที่อยู่ใกล้ชิดติดกันได้นำมาสูก่ ารตอบสนองต่อสิง่
แวดล้อม ปราชญ์เหล่านี้ อาจกล่าวถึงการประยุกต์วธิ ีการใช้ “ระบบ” เพือ่ การ
ตีความของกำเนิ ดของสังคมที่ได้จดั องค์การขึ้น
จับสาระจาก
http://www.riseofthewest.net/thinkers/wittfogel05.htm
Retrieved 28 May 2011
60
•อ่านประกอบ
•อารยธรรมของผูทำ ้ การเกษตรกรรมที่ข้ ึนอยู่กบั เครือข่ายน้ำขนาดใหญ่
เพือ่ การชลประทานและการควบคุมน้ำหลากเรียกว่า “อุทกอารยธรรม”
(hydraulic civilizations) โดยนักประวัตศ ิ าสตร์ชาวเยอรมัน-
อเมริกนั นาม คาร์ล วิทโฟเกล (Karl A. Wittfogel) ในหนังสือ
Oriental Despotism (1957) ของเขา
62
• ความสำคัญสูงสุดของบทบาทชลประทานในการพัฒนาสังคม ได้ถกเถียงกันในหมู่นกั
เขียนอืน่ ๆ ถึงลักษณะที่วทิ โฟเกลได้เชื่อมโยงว่าเป็ นสิง่ จำเป็ นต้องมีรว่ มกันว่าไม่จำเป็ น
และยังอาจปรากฏได้โดยปราศจาการชลประทานขนาดใหญ่ ลักษณะต้นแบบของวิทโฟ
เกลยังได้รบั วิจารณ์ นักมานุ ษยวิทยาชาวอเมริกนั นาม โรเบอร์ต แมคคอมิกส์ อดัม
(Robert McCormick Adams) แนะนำว่า หลักฐานทางโบราณคดีลม้ เหลว
ในการสนับสนุ นข้อยืนยันของวิทโฟเกลที่ว่าการชลประทานเป็ นปฐมเหตุของการต่อรูปของ
สถานบันที่ใช้อำนาจบีบบังคับทางการเมือง แต่ความคิดรวบยอดที่ว่า เป็ นส่วนของระบบที่
ใหญ่กว่าของเทคนิ คในการยังชีพ โครงสร้างการเมืองและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ อาจ
ช่วยในการสร้างความเป็ นปึ กแผ่นการควบคุมทางการเมือง
64
• การประกอบเป็ นองค์การของโลกโบราณ
• ทฤษฎีท่เี ป็ นลักษณะทัว่ ไปประการแรกที่กา้ วหน้าไปสูก่ ารอธิบายพัฒนาการของอารยธรรม
โบราณซึ่งประกอบองค์การอย่างเป็ นระบบในขอบเขตที่กว้าง การปรากฏชนชัน้ ทางสังคม ความ
ชำนาญเฉพาะด้านได้รบั การการต่อเติมให้ละเอียดจากนักประวัตศิ าสตร์และการเมือง คาลร์ล วิ
ทโฟเกล ในหนังสือสัมมนา Oriental Despotism (1957). วิทโฟเกล
เชื่อว่า พัฒนาการของงานชลประทาน (การควบคุมน้ำ)ในบริเวณเช่นเมโสโปเตเมียและ
อียปิ ต์นำไปสูก่ ารใช้แรงงานมวลชน จัดลำดับชัน้ ความต่อเนื่ ององค์การเพือ่ คึวามร่วมมือและ
ชี้นำกิจกรรม และควบคุมดูแลเพือ่ ประกันการกระจายน้ำให้เหมาะสม แม้ในสังคมเผ่าก็มีรูป
แบบการควบคุมดูแล นี่ คอื ลักษณะเฉพาะทัว่ ไปในธรรมชาติ ที่ดำเนิ นการโดยผูอ้ าวุโสเหนื อ
กลุม่ เผ่าพันธุท์ ่สี มั พันธ์กนั โดยเครือญาติในระดับต่าง ๆ กัน ครัง้ แรก ผูค้ วบคุมดูแลที่ไม่เป็ น
ส่วนบุคคลได้สถาปนาขึ้นในฐานะสถาบันที่เด่นชัดและถาวร
65
ทฤษฎีแรงกดดันด้านประชากร
ทฤษฎีท่มี ีความสำคัญกลุม่ ที่ ๒ มองว่า แรงกดดันด้าน
ประชากรเป็ นตัวเคลื่อนไหวสูงสุดในการพัฒนาอารยธรรม
ทฤษฎีน้ ี เป็ นการมองทางกว้าบนพื้นฐานหลักที่ว่า การขยายตัว
ของประชากรเป็ นลักษณะคงที่ของวิวฒั นาการมนุ ษย์และรับ
ผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกือบทัง้ หมด ทัศนะนี้ มีขอ้
เสนอว่า แนวโน้มตามธรรมชาติของประชากรจะเพิม่ ขยายตัว
เรื่อยไป
67
ทฤษฎีและหลักการ
ทฤษฎีและหลักการ
• กำเนิ ดเกษตรกรรมเป็ นประเภทการประดิษฐ์ ; ต.ย. บุคคลหรือวัฒนธรรม
ถูกสร้างขึ้นมาและเผยแพร่ออกไป
• การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในยุคน้ำแข็งตอนปลายก่อให้เกิดการประดิษฐ์
• จำนวนประชากรที่เพิม่ ขึ้นกระตุน้ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการล่าสัตว์ไปสู่
การเกษตรกรรม
• การอำนวยประโยชน์จากวิวฒั นาการร่วมกันของการนำสัตว์มาเลี้ยง พฤติกรรม
มนุ ษย์ และโครงสร้างสังคม
69
ทฤษฎีแรงกดดันด้านประชากร
ประชากรจะเพิม่ ขยายจากปัจจัยที่นกั เศรษฐศาสตร์
นามโธมัส มัลธัส (Thomas Malthus) ได้ช้ ีประเด็นใน
ตอนต้นศตวรรษที่ ๑๙ ว่า อาหารสำรองมีจำกัด โรคและ
ตัวทำลายเป็ นไปตามธรรมชาติ ในสภาพแวดล้อมที่ราบลุม่
แม่น้ำ (ด้วยดินอุดมและศักยภาพ สำหรับการเกษตรกรรม
ที่มีการผลิตสูง) ยอมให้มีการขยายตัวของประชากรได้หนา
แน่ น และรวดเร็ว
70
ทฤษฎีแรงกดดันด้านประชากร
บางท่านเชื่อว่าประการนี้ เองนำไปสูท่ างพัฒนาใหม่ ๆ ในการจัด
ระเบียบทางเศรษฐกิจและสังคม เมื่อครอบครัวอยู่บนพื้นฐานของการ
ปฏิบตั เิ พือ่ ยังชีพและการจัดระเบียบองค์กรพื้นฐานสำคัญซึ่งสร้างสังคม
ขนาดเล็กก็ไม่สามารถสนับสนุ นชุมชนใหญ่ได้
นักปราชญ์ท่านอืน่ มองว่าการเติบโตของจำนวนประชากรในตัว
ของมันยังไม่เพียงพอที่จะเป็ นกลไกการปรากฏของอารยธรรม แต่ยงั มี
องค์ประกอบอืน่ เพิม่ อีก คือ ความขัดแย้ง
71
ทฤษฎี
ทฤษฎี ความขั
ดแย้ดงแย้ง
ความขั สมประสงค์ น่วมบุญลือ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
ทฤษฎี
ทฤษฎี ความขั
ดแย้ดงแย้ง
ความขั สมประสงค์ น่วมบุญลือ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
ทฤษฎี
ทฤษฎี ความขั
ดแย้ดงแย้ง
ความขั สมประสงค์ น่วมบุญลือ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
ทฤษฎี
ทฤษฎี ความขั
ดแย้ดงแย้ง
ความขั สมประสงค์ น่วมบุญลือ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
ปัจจัยอืน่ ที่อภิปรายถึงวิธกี ารที่อารยธรรมพัฒนาขึ้นมา
บางครัง้ พิจารณาว่าความสำคัญเบื้องแรก คือ การแลก
เปลี่ยน ทัง้ การแลกเปลี่ยนระยะทางไกลหรือภายในบริเวณ
ที่อารยธรรมเกิดขึ้น ผูส้ นับสนุ นทัศนะนี้ มองว่า พัฒนาการ
ของการค้าในวงกว้างเป็ นสิง่ จำเป็ น โดยเฉพาะในเมโสโป
เตเมีย
77
ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
เมโสโปเตเมีย ขาดวัสดุท่ีจำเป็ นมากมายในการดำเนิ น
ชีวติ อารยะ ซึ่งได้แก่โลหะ หิน และไม้สกั สำหรับการ
ก่อสร้าง ได้นำไปสูพ่ ฒั นาการจัดระเบียบยึดศูนย์กลางเพือ่
ควบคุมจัดหาการขนส่ง การกระจายวัตถุดิบและสินค้าอืน่
การจัดระเบียบเช่นนี้ เป็ นการจัดเตรียมพื้นฐานสำหรับ
อำนาจชอบธรรมซึ่งสามารถขยายไปควบคุมความประสงค์
อืน่ ๆ ของสังคม รวมถึงกิจกรรมเพือ่ การยังชีพ และงาน
ช่างฝี มือหัตถกรรม
78
ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
การแลกเปลี่ยนยังรวมไปถึงสินค้า เริ่มจากเป็ นตลาดซึ่ง
ตำแหน่ งที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้า มักเป็ นตำแหน่ งที่ขยายตัว
ขึ้นมาเป็ นเมือง นอกจากการแลกเปลี่ยนสินค้าแล้วแหล่งชุมนุ ม
เหล่านี้ ยงั แลกเปลี่ยนความคิด รูปแบบในการดำเนิ นชีวติ
ความรูแ้ ละเทคโนโลยี
79
ทฤษฎีการจัดระเบียบทางสังคม
กลุม่ ทฤษฎีสดุ ท้ายมองปัจจัยทางสังคมเป็ นเบื้อง
แรกและพิจารณาว่า
การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี การปฏิบตั ิ เพือ่
ดำรงชีพ การค้าและอืน่ ๆ เป็ นสิง่ ที่ตามมามากกว่า
เป็ นการนำด้านการเปลี่ยนแปลงในสถาบันสังคม
80
ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานของยุคหิน ได้มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างมากในด้านภูมิอากาศและเงือ่ นไขอืน่ ๆ ที่มี
ผลกระทบต่อวัฒนธรรมของมนุ ษย์ มนุ ษย์เองได้เกี่ยวข้องกับ
รูปแบบของตน ในช่วงหลังจากนี้ ยุคหินได้แบ่งออกเป็ น ๓
ช่วง คือ ยุคหินเก่า ยุคหินกลาง และยุคหินใหม่
85
• 8000 BC - 6000 BC
• เริ่มต้นการเกษตรกรรม
• การเปลี่ยนจากการล่าสัตว์และการเก็บของป่ ามาขึ้นอยู่กบั การผลิตอาหาร
เปลี่ยนแปลงไปอย่างสม่ำเสมอ เริ้มต้นเมื่ออย่างน้อย ๑๐,๐๐๐ ปี ท่แี ล้ว
เกษตรกรรุน่ แรกเรียนรูใ้ นการเก็บรักษาเมล็ดพืชที่ม่ใี ช้ประโยชน์ได้และนำ
มาปลูกใหม่ และรูจ้ กั การจับสัตว์มาเลี้ยงเป็ นเลี้ยงสัตว์ ศูนย์กลางของ
การเกษตรกรรมปรากฏขึ้นในหลายส่วนของทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรป
และอเมริกา ในแต่ละแหล่งมีช่วงเวลาแตกต่างกัน แต่เกือบทัง้ หมดมีอายุ
ก่อน ๖,๐๐๐ ปี กอ่ นคริสตกาล
ในตะวันออกกลางและอเมริกากลาง หมู่บา้ น
เกษตรกรได้เริ่มพัฒนาขึ้นมาเมื่อ ๘,๐๐๐ ปี กอ่ น
คริสตกาล เป็ นช่วงที่เรียกว่า ยุคหินใหม่ (Neolithic:
Neo = New + lithic = stone) เครื่องมือหินมีความ
หลายหลากและขัดเรียบ จาก ๖,๐๐๐ ปี กอ่ นคริสตกาล
เครื่องปัน้ ดินเผาปรากฏขึ้นในตะวันออกกลางโบราณและ
มีการนำทองแดงมาใช้เป็ นครัง้ แรก ในบางภูมิภาค ยุคหิน
ใหม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนั้น