Professional Documents
Culture Documents
เขียนโดย
3
นิ ตศ ิ าสตร ์อิสลามหรือฟิ กฮฺก็เหมือนกับศาสตร ์อืน ่ ๆ
่ การเติบโตหากมีการนาไปใช ้ และจะถดถอยเมือถู
ทีมี ่ กละเลย
นิ ตศ ิ าสตร ์อิสลามได ้ผ่านช่วงสมัยทีเจริ ่ ญรุง่ เรือง
มีการนาไปใช ้ในทุก ๆ วิถข ี องการดาเนิ นชีวต ิ
และได ้ผ่านช่วงถดถอย ไม่มค ี วามรุง่ เรืองหรือแทบจะไม่มี
้
เพราะถูกสละทิงไม่นามาใช ้
ไม่ว่าจะด ้วยเพราะความตังใจหรื้ อละเลย
เนื่ องจากประเทศมุสลิมหลาย ๆ
ประเทศได ้เปลียนข ่ ้อกฎหมายเป็ นกฎหมายอืนที ่ ไม่
่ ใช่กฎหมายอิส
ลามซึงไม่ ่ มรี ากฐานมาจากหลักความเชือ่ จารีตประเพณี
และสังคมของพวกเขาเลย
พวกเขารู ้สึกพอใจกับความศิวไิ ลซ ์ของกฎหมายใหม่
แต่มน ั ได ้บ่อนทาลายชีวต ิ ของพวกเขาและทิงปั ้ ญหาไว ้มากมาย
4
่
และอัลลอฮฺจะทรงให ้ศาสนาของพระองค ์เป็ นทีประจั
กษ ์ถึงแม้ว่าพว
้
กตังภาคี
จะไม่ชอบก็ตาม
เราขอกล่าวรายละเอียดดังต่อไปนี ้
สถานะและข ้อพิเศษของมรดกนิ ตศ
ิ าสตร ์อิสลาม
นิ ตศิ าสตร ์อิสลามมีข ้อพิเศษมากมาย ทีส ่ าคัญคือ
มีรากฐานมาจากวะห ์ยู (วิวรณ์) ของอัลลอฮฺ:
นิ ตศ ิ าสตร ์อิสลามมีข ้อพิเศษคือ
มีแหล่งอ ้างอิงมาจากวะห ์ยูของอัลลอฮฺ
่ กถ่ายทอดลงมาในนามอัลกุรอานและสุนนะฮฺของท่านนบี
ซึงถู
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ผูท้ ท ี่ าการวินิจฉัยปัญหาศาสนา
5
จาเป็ นต ้องวิเคราะห ์จากแหล่งอ ้างอิงทังสองนี้ ้
และจากข ้อปลีกย่อยที่
้
มาจากแหล่งอ ้างอิงทังสองโดยตรง
จากเจตนารมณ์ของนิ ตศ ิ าสตร ์อิสลาม จากกฎต่าง ๆ
ทางนิ ตศ ิ าสตร ์ เนื่ องด ้วย
่
สิงเหล่ ้ าให ้การถือกาเนิ ดของนิ ตศ
านี ท ิ าสตร ์อิสลามเป็ นไปอย่างสม
่
บูรณ์ มีรากฐานทีหนักแน่ น โครงสร ้างทีแข็ ่ งแกร่ง
่
โดยทีรากฐานของมั นได ้ถูกวางไว ้ในสมัยของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อัลลอฮฺได้ตรัสไว ้ว่า
ۡ ََ َۡ َ َ ۡ ۡ َ َ ۡ
ِ ۚ ٱل َي ۡوم أك َملت لك ۡم دِينك ۡم َوأت َم ۡمت عل ۡيك ۡم ن ِع َمتِي َو َر...﴿
ضيت
ٗ َ ۡ ۡ َ
]3 :﴾ [المائدة... إسل َٰ َم دِينا ِ ٱل مك ل
มีความครอบคลุมในทุกแง่มุมของการดาเนิ นชีวต
ิ
6
นิ ตศ
ิ าสตร ์อิสลามมีข ้อพิเศษอีกคือ มีความสัมพันธ ์สามด้าน
ความสัมพันธ ์กับพระผูอ้ ภิบาล ความสัมพันธ ์กับตัวมนุ ษย ์เอง
และความสัมพันธ ์กับสังคม
เพราะนิ ตศ ่
ิ าสตร ์อิสลามมีเกียวข ้ บโลกนี และโลกหน้
้องทังกั ้ า
คือศาสนาและประเทศชาติ ครอบคลุมมนุ ษย ์ทุกคน
และนิ ร ันดรตราบจนวันกิยามะฮฺ บทบัญญัตต ิ ่าง ๆ
่
มีความเกียวพั นกับหลักความเชือ่ อิบาดะฮฺ มารยาท
และการปฏิสม ้ ้ เพือเป็
ั พันธ ์ต่าง ๆ ทังนี ่ นการปลุกจิตสานึ ก
ความรู ้สึกรับผิดชอบ
ตระหนักอยู่เสมอว่าอัลลอฮฺทรงมองดูทงในที ้ั ่ บและทีแจ
ลั ่ ้ง
ให ้เกียรติต่อสิทธิของบุคคลอืน ่ จุดประสงค ์คือความพึงพอใจ
ความผาสุก การศรัทธา ความสงบสุข จัดระเบียบของชีวต ิ
และมอบความสุขให ้กับโลกนี ้
7
การประกัน และอืน ่ ๆ
่ จด
ทีมี ุ ประสงค ์เพือจั ่ ดระเบียบความสัมพันธ ์ระหว่างมนุ ษย ์ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็ นปัจเจกบุคคลหรือสังคม บทบัญญัตเิ หล่านี แบ่ ้ งออกเป็ น
บทบัญญัตวิ ่าด้วยนิ ตบ ิ ุคคล คือ กฎหมายครอบครัว
่ มตั
ทีเริ ่ งแต่
้ การก่อร่างสร ้างครอบคร ัวจนถึงประเด็นสุดท ้าย เช่น
การแต่งงาน การหย่าร ้าง การสืบเชือสาย ้ ้
การจ่ายค่าเลียงดู
การแบ่งมรดก เป้ าหมายของบทบัญญัตน ้ อ
ิ ี คื
การจัดระบบความสัมพันธ ์ระหว่างคู่สามีภรรยาและระหว่างเครือญา
ติ บทบัญญัตวิ ่าด้วยการทาธุรกรรมต่างๆ
คือการงานทีเกี ่ ยวข ่ ้องกับธุระกรรมของปัจเจกบุคคล
การแลกเปลียน ่ เช่น การซือขาย ้ การเช่า การจานาหรือจานอง
การร่วมหุ ้น การให ้ยืม และการทาตามสัญญา
จุดประสงค ์ของบทบัญญัตน ้ อ
ิ ี คื
่ ดระเบียบความสัมพันธ ์ของปัจเจกบุคคลในด ้านทร ัพย ์สินและ
เพือจั
การคุ ้มครองสิทธิต่าง ๆ บทบัญญัตวิ ่าด้วยอาชญากรรม
คือบทบัญญัตท ิ เกี ี่ ยวข
่ ้องกับการกระทาต่อมนุ ษย ์ทีเป็ ่ นการก่ออาช
ญากรรมและบทลงโทษต่าง ๆ บทบัญญัตน ิ ี้
มีจด ่
ุ ประสงค ์เพือปกป้ องชีวต ิ ทรัพย ์สิน เกียรติ สิทธิต่าง ๆ
และรักษาความสงบสุขของสังคม บทบัญญัตวิ ่าด้วยการฟ้ องร ้อง
การดาเนิ นการ ในด้านการปกครองและอาชญากรรม
คือบทบัญญัตท ี่ ยวกั
ิ เกี ่ บการพิพากษา การฟ้ องร ้อง วิธก
ี ารให ้การ
การเป็ นพยาน การสาบาน หลักฐาน และอืน ่ ๆ บทบัญญัตน ิ ี้
มีจด ่ ดระเบียบการดาเนิ นการเพือธ
ุ ประสงค ์เพือจั ่ ารงความยุตธิ รรมร
ะหว่างมนุ ษย ์ บทบัญญัตวิ ่าด้วยการปกครอง
คือบทบัญญัตวิ ่าด้วยระบอบการปกครองและหลักการปกครอง
8
จุดประสงค ์ของบทบัญญัตน ้ อ
ิ ี คื
่ าหนดความสัมพันธ ์ระหว่างผูป้ กครองกับประชาชน
เพือก
และสิทธิของปัจเจกบุคคลและสังคม และข ้อบังคับสาหรับพวกเขา
บัญญัตห ิ รือกฎหมายระหว่างประเทศ
คือข ้อกฎหมายหรือบทบัญญัตท ี่ ยวข
ิ เกี ่ ้องกับการจัดระเบียบความ
สัมพันธ ์ระหว่างประเทศมุสลิมกับประเทศอืน ่
่
ไม่ว่าในช่วงทีสงบศึ กหรือช่วงมีสงคราม
ความสัมพันธ ์กับประชาชนทีไม่ ่ ใช่มุสลิมทีอาศั่ ยอยู่ในประเทศมุสลิ
่
ม ซึงครอบคลุมถึงการญิฮาดและพันธะสัญญาต่าง ๆ
จุดประสงค ์ของบทบัญญัตน ้ อ เพือจั
ิ ี คื ่ ดระเบียบความสัมพันธ ์
ความร่วมมือช่วยเหลือ การให ้เกียรติระหว่างประเทศ
บทบัญญัตวิ ่าด้วยเศรษฐกิจและการคลัง
คือบทบัญญัตท ิ เกีี่ ยวข
่ ้องกับสิทธิปัจเจกบุคคลในด ้านทร ัพย ์สินและ
ข ้อปฏิบต ่
ั ใิ นเรืองระบบการเงิ น
่
สิทธิและหน้าทีของประเทศในเรื ่
องการคลั ง
จัดระเบียบรายได้และรายจ่ายของกองคลัง
จุดประสงค ์ของบัญญัตน ้ อ
ิ ี คื
่ ดระเบียบความสัมพันธ ์ของการเงินระหว่างคนรวยกับคนจน
เพือจั
และระหว่างพลเรือนกับประเทศ
่
ซึงครอบคลุ มถึงทร ัพย ์สินส่วนรวมและทร ัพย ์สินเฉพาะ เช่น
่ ดค ้นพบใต ้ดิน แร่ธาตุ
ทร ัพย ์เชลย ภาษี ทร ัพย ์สินจากสมบัตเิ ก่าทีขุ
่
ก๊าซธรรมชาติ ทร ัพย ์สินเกียวกั บสังคมเช่น ซะกาต การบริจาค
่
การบนบาน การให ้ยืม ทร ัพย ์สินเกียวกั บครอบคร ัว เช่น
ค่าอุปการะ มรดก การสังเสี ่ ย ทร ัพย ์สินส่วนบุคคล เช่น
9
กาไรจากการค้าขาย การจ ้าง หุ ้นส่วน การลงทุน การผลิต
และบทลงโทษทางทรัพย ์สิน เช่น การจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ ดิยะฮฺ
และฟิ ดยะฮฺ
จริยธรรมและศีลธรรม
คือบทบัญญัตทิ ว่ี่ าด ้วยคุณธรรมของมนุ ษย ์
่
เพือกระจายบรรยากาศของความดี งาม
ความช่วยเหลือและมีเมตตาต่อกัน
หนึ่ งในจุดเด่นของนิ ตศ ้
ิ าสตร ์อิสลามคือมีความเป็ นศาสนาทังในด ้
านการอนุ มต ั แิ ละข ้อห ้าม
10
ไม่เป็ นการอนุ มต ั ส ิ่ หะรอมและไม่
ิ งที ่ ่ อนุ
เป็ นการห ้ามสิงที ่ มตั ิ
ส่วนคาตัดสินของผูพ ้ พ ิ ากษานั้นจาเป็ นต ้องปฏิบตั ต ่ างกับฟั
ิ ามซึงต่
ตวา ลักษณะทีสอง ่ หุกม ้ ่บนหลักข ้อเท็จจริง
่ ทางโลกหน้า ตังอยู
ถึงแม้ว่าอาจหลายๆ คนอาจไม่รู ้
เป็ นการปฏิบตั ริ ะหว่างเขากับอัลลอฮฺ หรือทีเรี ่ ยกว่า
หุกม ่ ทางศาสนา และนี่ คือเรืองที ่ มุ่ ฟตียด ึ หลักในการให ้คาวินิจฉัย
อีกส่วนหนึ่ งจากจุดเด่นของนิ ตศ
ิ าสตร ์อิสลามคือ
มีความสัมพันธ ์กับคุณธรรม
นิ ตศ ่ นข ้อแตกต่างกั
ิ าสตร ์อิสลามมีการซึมซับหลักคุณธรรมซึงเป็
บกฎหมายทั่วไปทีมี ่ เป้ าหมายสูงสุดเพียงผลประโยชน์น่ ันคือการร ัก
ษาระเบียบและความสงบของสังคมโดยไม่ได ้ใส่ใจต่อหลักศาสนาแ
ละคุณธรรม
ส่วนนิ ตศ ่ งา
ิ าสตร ์อิสลามให ้ความสาคัญกับการร ักษามารยาททีดี
ม
การบัญญัตอ ิ บ ่
ิ าดะฮฺต่างๆก็เพือชะล ์
้างหัวใจให ้สะอาดบริสุทธิและห่ า
งไกลจากความชัวร ้ายต่างๆ่
การห ้ามดอกเบียก็ ้ เพือปลู
่ กฝังการช่วยเหลือและเห็นใจซึงกั ่ นและกั
นและปกป้ องผูท้ ขั ี่ ดสนจากความหิวโหยของคนรวย
ห ้ามการคดโกงในการทาสัญญาธุรกรรมต่างๆ
บริโภคทรัพย ์สินอย่างมิชอบทาลายสัญญาธุรกรรมเนื่ องจากการไ
้ ก็
ม่รู ้ในสินค ้าหรือมีข ้อบกพร่องทังนี ้ เพือให
่ ้เกิดความร ักมีความไว ้เ
้ ่
นื อเชือใจกันป้ องกันการทะเลาะเบาะแว ้ง
่ ตถุและให ้เกียรติต่อสิทธิของบุคคลอืน
มองข ้ามเรืองวั ่
11
่ ศาสนาและคุณธรรมพร ้อมกับการปฏิสมั พันธ ์ทีดี
เมือมี ่
ปัจเจกบุคคลและสังคมก็จะดีและมีความสุข
และเป็ นการตระเตรียมเพือชี ่ วติ อันนิ ร ันดร ์ในสวนสวรรค ์
ดังกล่าวนี คื้ อ เป้ าหมายของนิ ตศ ิ าสตร ์อิสลาม นั่นคือ
่
เพือสร ่ เลิศทังในปั
้างให ้เป็ นมนุ ษย ์ทีดี ้ จจุบน ้
ั ในโลกนี และอนาคตในโ
ลกหน้า และสร ้างควรามสุขในโลกนีและโลกหน้ ้ า
ด ้วยเหตุนี้
นิ ตศ
ิ าสตร ์อิสลามจึงมีความเหมาะสมในการนาไปใช ้โดยปริยาย
นิ ตศิ าสตร ์อิสลามเชิงหลักการพืนฐานนั ้ ้นไม่มก ่
ี ารเปลียนแปลง
เช่น ความยินยอมในการทาสัญญาธุรกรรม
รับผิดชอบในความเสียหาย กาจัดอาชญากรรม รักษาสิทธิ
่
หน้าทีของพลเรื อน ส่วนนิ ตศ ิ าสตร ์ทีตั่ งอยู
้ ่บนหลักการอนุ มาน
(กิยาส) รักษาผลประโยชน์ และจารีตนั้น
อาจมีการเปลียนแปลงและพั ่ ฒนาตามความต ้องการของกาลสมัยแ
ละสังคมทีมี ่ ความแตกต่างกันในช่วงสมัยและสถานที่
ตราบใดทีบทบั ่ ญญัตยิ งั อยู่ในกรอบของเจตนารมณ์อส ิ ลามและหลั
กการทีถู ่ กต ้อง
่ งกล่าวนั้นเฉพาะในประเด็นของการทาธุรกรรมหรือมุอามะลา
เรืองดั
ต ไม่ใช่ประเด็นของหลักความเชือและอิ ่ บาดะฮฺ
และนี่ คือข ้อเท็จจริงหรือจุดประสงค ์ของกฎทีว่่ า
้
“ข ้อชีขาดนั ้นเปลียนแปลงได
่ ่
้ตามปัจจัยการเปลียนแปลงของยุ คสมั
้
ย” ดังนัน การนานิ ตศ ิ าสตร ์อิสลามมาใช ้ถือเป็ นสิงจาเป็ น ่
เพราะผูว้ น ิ ิ จฉัยจาเป็ นต ้องปฏิบต ั ต ่
ิ ามทีเขาได ้วินิจฉัย
สาหรับผูว้ น ิ ิ จยั แล ้วเขาเสมือนบทบัญญัตข ิ องอัลลอฮฺ
12
ี่ มเี งือนไขที
สาหร ับผูท้ ไม่ ่ ่
สามารถท าการวินิจฉัย
เขาจาเป็ นต้องปฏิบต ั ต
ิ ามคาวินิจฉัยของผูว้ น
ิ ิจฉัย
เพราะเขาไม่มท ่ ่
ี างเลือกอืนใดเพือให ้ได ้คาตอบทางศาสนานอกจาก
ต้องถาม อัลลอฮฺตรัสว่า
َ ََۡ َ ۡ ۡ ََۡ ٓ َ ۡ َ
]7 :﴾ [األنبياء٧ فسـلوا أهل ٱلذِك ِر إِن كنتم لا تعلمون....﴿
ส่วนการปฏิเสธบทบัญญัตอ ิ ส ่
ิ ลามทีมาจากหลั ่ ดเจน
กฐานทีชั
หรืออ ้างว่าบทบัญญัตอ ิ ส
ิ ลามมีความป่ าเถือน เช่น
่
บทบัญญัตเิ กียวกั บทาโทษ เป็ นต ้น หรือกล่าวอ ้างว่า
บทบัญญัตอ ิ ส ่ ามาใช ้
ิ ลามไม่เหมาะทีจะน
ถือว่าบุคลลนั้นเป็ นผูปฏิ
้ เสธและหลุดพ้นออกจากอิสลาม
ส่วนการปฏิเสธบทบัญญัตท ี่
ิ มาจากการวิ นิจฉัยถือเป็ นความผิดแ
ละอธรรม
เพราะผูว้ น
ิ ิ จฉัยได ้ใช ้ความพยายามอย่างทีสุ ่ ดเพือจะได
่ ่ งที
้มาซึงสิ ่ ถู
่
้
กต ้องและชีแจงบทบั ญญัตข ิ องอัลลอฮฺ ห่างไกลจากอารมณ์ใฝ่ ต่า
ผลประโยชน์ และชือเสี ่ ยง ทว่า
เขาได้ใช ้แหล่งอ ้างอิงของเขามาจากหลักฐานของอิสลาม
่
เป้ าหมายเพือความถู กต ้อง โดยมีสญ
ั ลักษณ์คอ ่ ตย ์
ื ความซือสั
์
สัจจริง และบริสุทธิใจ
ผูเ้ ขียน
13
หมวดที่ 1
หมวดที่ 1 อิบาดะฮฺ ซึงมี
่ ดงั ต่อไปนี ้ ความสะอาด การละหมาด
การจ่ายซากาต การถือศีลอด การทาฮัจย ์
การกรุบานและอะกีเกาะฮฺ ญิฮาด
อิบาดะฮฺ
่
สิงแรกที
ส ่ าคญในอิสลามคือการรักษาความสะอาด
ความหมายเชิงภาษาและเชิงวิชาการ
ตามหลักวิชาการ คือ
่ กษณะอันเป็ นอุปสรรคต่อการละหมาดและอืน
การทีลั ่ ๆ
ในทานองเดียวกันได ้หายไปจากร่างกาย
น้า
ประเภทของน้า
น้ามี 3 ประเภท
่ ่ ง: เฏาะฮูร
ประเภททีหนึ
(น้าสะอาดและสามารถนาไปใช ้ทาความสะอาดได ้) คือ
น้าทียั
่ งคงสภาพเดิม ซึงใช่ ้ในการชาระร่างกายให ้สะอาดจากหะดัษ
่
และชาระสิงโสโครกปฏิ กูลได ้
14
พระองค ์อัลลอฮฺได ้ตรัสไว้ว่า
َ ٓ َ ٓ َ َّ َۡ َ َ َ
]11 :﴾ [األنفال.... وين ِزل عليكم م َِن ٱلسما ِء ما ٗء ل ِيط ِه َركم بِهِۦ....﴿
่ ้าสะอาดจากฟากฟ้ าแก่พวกเจ ้า
“และพระองค ์ทรงหลังน
่
เพือทรงชาระพวกเจ ้าให ้สะอาดด ้วยน้านั้น” (อัล-อันฟาล 11)
่
ประเภททีสอง: ฏอฮิร
(น้าสะอาดแต่ไม่สามารถนาไปใช ้ทาความสะอาดได ้)
คือน้าสะอาดทีได ่ ้เปลียนสภาพของสี
่ ่
รส หรือกลิน
อันเนื่ องจากมีสงอืิ่ นปะปนอยู
่ ่ึ ใช่สงปฏิ
่ซงมิ ิ่ กูล(นะญิส)
น้าประเภทนี สะอาด
้ ้
แต่ไม่สามารถใช ้ในการปลดเปลืองหะดั
ษได ้
่
เพราะได ้เปลียนจากสภาพเดิม
่
ประเภททีสาม: นะญิส (น้าสกปรก) คือนาที
้ เปลี
่ ยนสภาพของสี
่
่ หรือรส อันเนื่ องจากมีสงปฏิ
กลิน ิ่ กูล(นะญิส)ปะปนอยู่
ไม่ว่าน้าจะมีปริมาณน้อยหรือมากก็ตาม
น้าทีสกปรก
่ (นะญิส)
่
จะเปลียนสภาพเป็ นน้าสะอาดเมือมั
่ นเปลียนสภาพด
่ ้วยตัวเอง
่ ้
หรือมันเหือดแห ้ง หรือโดยการเพิมปริมาณนาสะอาดลงไป
ดังนั้นการเปลียนสภาพของน
่ ้าจะทาให ้หายจากการเป็ นน้าสกปรก
่ ความสงสัยว่าน้านั้นสกปรกหรือสะอาด ให ้ยึดทีมั
เมือมี ่ ่นใจ
นั้นคือมูลฐานเดิมของสิงที
่ สะอาดนั
่ ้นคือมีความสะอาด
15
่ ้าสะอาดผสมกับน้าทีสกปรก
เมือน ่
แล ้วไม่ม่นใจว่
ั าน้าสะอาดหรือไม่
ให ้ทาการตะยัมมุม( คือการทาความสะอาดโดยการใช ้ดินหรือฝุ่ น )
่ อผ้
เมือเสื ้ าทีสะอาดปะปนกั
่ ้ าทีสกปรก
บเสือผ้ ่
้ าทีไม่
หรือปะปนกับเสือผ้ ่ อนุ มต
ั ิ แล ้วเกิดความสงสัย
ให ้ยึดถือความมั่นใจเป็ นหลักแล ้วละหมาดเพียงครงเดี
้ั ยวและไม่ต ้อง
ละหมาดใหม่
ประเภทของการทาความสะอาด
การทาความสะอาดตามบทบัญญัตแิ บ่งออกเป็ นนามธรรมและรูป
ธรรม ส่วนรูปธรรมนั้น คือการทาความสะอาดอวัยวะต่างๆ
และนามธรรม คือการชาระจิตใจให ้สะอาดจากมลทินของบาปต่าง
ๆ และการทาความสะอาดเชิงรูปธรรม
่
คือการทาความสะอาดภายนอกเพือละหมาด
การทาความสะอาดตามบทบัญญัติ มี 2 ประเภท
การทาความสะอาดจากหะดัษและการทาความสะอาดจากนะญิส
่
(สิงสกปรก) ส่วนการทาความสะอาดจากหะดัษ มี 3 ประเภท
หะดัษใหญ่ คือการอาบน้า หะดัษเล็ก คือการอาบน้าละหมาด
และการตะยัมมุม(การใช ้ดินหรือฝุ่ น)
ี่ อป
ในกรณี ทมี ุ สรรคในการใช ้น้า
และการทาความสะอาดจากสิงปฏิ่ กูล มี 3 ประเภท คือการล ้าง
การเช็ดถู และการพรมน้า
16
บทว่าด ้วยภาชนะ
ความหมายของภาชนะ
ตามหลักภาษา คือ
่ ้สาหร ับใส่อาหารและเครืองดื
ภาชนะทีใช ่ ม ่ เช่นถุงและเครืองใช
่ ้
ส่วนความหมายตามหลักวิชาการก็มค
ี วามหมายในทานองเดียวกั
น
ประเภทของภาชนะ
่ จารณาตามลักษณะของวัตถุทผลิ
เมือพิ ี่ ต ภาชนะมีหลายประเภท
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บภาชนะ
้ นสิงที
ภาชนะทุกชินเป็ ่ สะอาดและเป็
่ ่ มต
นทีอนุ ั ิ
ราคาแพงหรือถูกก็ตาม ยกเว้นภาชนะทองคาและเงิน
่ อบด ้วยทองหรือเงิน เนื่ องจากมีรายงานจากหุซยั ฟะฮฺ บิน
และทีเคลื
อัล-ยะมาน เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
่ ้วยภาชนะทองคาและเงิน
“พวกท่านอย่าได ้ดืมด
17
และอย่าได ้รับประทานด้วยจานทองและเงิน
เพราะแท ้จริงทองและเงินนั้นพวกเขา ( ผูป้ ฏิเสธศร ัทธา)
จะใช ้สอยในโลกนี ้ และพวกเจ ้าจะได ้ใช ้สอยในโลกหน้า”
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย ์ 5110, มุสลิม 2067, อัต-ติรมิซยี ์ 1878,
อัน-นะสาอีย ์ 5310, อบูดาวูด 2723 และท่านอืนๆ ่ )
่
และสิงใดก็ ตามทีห ่ ้ามใช ้สอย
ก็ห ้ามครอบครองเป็ นเจ ้าของในลักษณะของการใช ้สอยเช่นกัน
่
เช่น เครืองดนตรี (ตีหรือเป่ า)
้
การห ้ามเช่นนี ครอบคลุ ้ ช
มทังผู ้ ายและผูหญิ
้ ง
่ ้
เนื องจากหะดีษนี มีความหมายครอบคลุมทังผู ้ ช
้ ายและผูห้ ญิง
่
และสิงๆหนึ ่ งจะยังไม่ถูกชีขาดว่
้ าสกปรก (เป็ นนะญิส)
เนื่ องจากความสงสัย ตราบใดทียั ่ งไม่รู ้แน่ ชดั ว่าสกปรกหรือไม่
เนื่ องจากมูลฐานเดิมของมันนั้นเป็ นสิงที
่ สะอาด
่
ภาชนะของต่างศาสนิ ก
ประกอบด้วย ภาชนะของชาวคัมภีร ์ (ชาวยิวและคริสต ์)
ภาชนะของผูป้ ฏิเสธศร ัทธาอืนๆ ่ ตามบทบัญญัตน ิ ้ัน
คืออนุ มต ่ ่นใจว่าสะอาด
ั ใิ ห ้ใช ้สอยได ้ ตราบใดทีมั
เนื่ องจากมูลฐานเดิมนั้นมันเป็ นสิงที
่ สะอาด
่
้ าของต่างศาสนิ กนั้นสะอาด ตราบใดทียั
เสือผ้ ่ งมันใจว่
่ าไม่สกปรก
่ มต
หนังสัตว ์ทีอนุ ้ งตายโดยไม่
ั ใิ ห ้บริโภคเนื อซึ ่ ถูกเชือดตามบทบัญ
ญัติ (ซาก) จะชาระให ้สะอาดได้โดยการฟอก
18
่ ขาดหรื
สิงที ่ ่ ชวี ต
อหลุดจากสิงมี ิ เป็ นนะญิสเช่นเดียวกับซาก
่ สะอาด
ส่วนขนนกหรือผมเป็ นสิงที ่ ่ กเอามาตอนทีมั
เมือถู ่ นยังมีชวี ต
ิ
บทว่าด ้วยมารยาทในการขับถ่ายและการทาความสะอา
ด
อัล-อิสตินญาอ ์ คือ
การทาความสะอาดหรือการชาระสิงที ่ ออกจากทวารหนั
่ กและทวารเ
้
บาด ้วยนา อัล-อิสติจญ ์มารฺ คือ
่ ออกจากทวารหนั
การชาระสิงที ่ กและทวารเบาด้วยก ้อนหิน ใบไม้
่
หรืออืนๆ
19
์
การสรรเสิญเป็ นสิทธิของอัลลอฮฺ
ผูซ ่ึ ดสิงไม่
้ งขจั ่ พงึ ประสงค ์ออกจากตัวฉัน และทรงคุ ้มครองฉัน
่ นทีพั
ห ้ามขับถ่ายบนทางสัญจร ใต ้ร่มเงาทีเป็ ่ กสารธารณะ
ี่ ผลและสถานทีอื
ใต ้ต ้นไม้ทมี ่ นๆ
่ ในทานองนี ้
้
การทาความสะอาดนี สามารถเช็ ดด ้วยก ้อนหินสะอาดสามก ้อน
่ และควรเพิมเป็
หากไม่สะอาดก็ให ้เพิม ่ นจานวนคี่ สาม ห ้า หรืออืนๆ
่
่ ควรให
ห ้ามเช็ดด ้วยกระดูก มูลสัตว ์แห ้ง อาหาร และสิงที ่ ้เกียติ
และอนุ ญาตให ้ทาการชาระล ้างด ้วยน้า กระดาษชาระ และใบไม้
และการเช็ดด้วยก ้อนหินแล ้วล ้างด ้วยน้าย่อมดีกว่าการล ้างด ้วยน้าเ
พียงอย่างเดียว
20
่
นะญิส (สิงสกปรก) ่ ้อนเสือผ้
ทีเปื ้ านั้นจาเป็ นต ้องล ้างออกด ้วยน้า
หากไม่รู ้ว่าเปื ้อนจุดใด ก็ให ้ล ้างทังชิ
้ น้
บทว่าด ้วยหลักปฏิบต
ั ท ี่ นธรรมชาติ (ฟิ ฏเราะฮฺ)
ิ เป็
คานิ ยาม ฟิ ฏเราะฮฺคอ
ื หลักปฏิบต ั ท ี่ นธรรมชาติ
ิ เป็
่
และแบบอย่างทีสวยงาม คือ วิถช
ี วิ ต ่ ษย ์ต ้องปฏิบต
ิ ทีมนุ ั ิ
่ เป็
สิงที ่ นฟิ ฏเราะฮฺ
การแปรงฟัน ส่งเสริมให ้ปฏิบต ั บ
ิ ่อยๆ
เป็ นการทาความสะอาดช่องปาก เป็ นความพอพระทัยของพระเจา้
้ ้ปฏิบต
และเน้นยาให ่
ั เิ มืออาบน้าละหมาด เมือต
่ ้องการละหมาด
่
อ่านอัลกุรอาน เข ้ามัสญิด เข ้าบ ้าน ขณะตืนนอน
่
และขณะมีกลินปาก
้ อ
การขจัดขนลับและขนร ักแร ้ ตัดเล็บ และการล ้างข ้อพับของนิ วมื
ย้อมผมด้วยเทียนสี
การใช ้น้าหอม
21
คิตาน นั่นคือการขลิบหนังหุ ้มอวัยวะเพศชาย
่ ให ้เป็ นแหล่งรวมสิงสกปรกและปั
เพือมิ ่ สสาวะ
การคิตานเป็ นการรักษาความสะอาด
้ ้กระทาสาหร ับเพศชาย
และมีประโยชน์หลายประการ เน้นยาให
่ ดี
และเป็ นสิงที ่ สาหร ับเพศหญิง
การอาบน้าละหมาด
ความหมายของการอาบน้าละหมาด
้ ด
คือการทาความสะอาดอวัยวะทังสี ่ ้วยน้า( ใบหน้า
้
มือทังสองจนถึงข ้อศอก ศรีษะและเท ้า)
่
ตามรูปแบบทีศาสนาบั ญญัติ
ความประเสริฐของการอาบน้าละหมาด
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได ้กล่าวถึงความประเสริฐของการอาบน้าละหมาดว่า
“ไม่มค ี นใดจากพวกท่านทีอาบน่ ้าละหมาดอย่างสมบูรณ์
แล ้วกล่าวว่า ฉันปฏิญาณว่าไม่มพ ่ ้จริงนอกจากอัลลอฮฺ
ี ระเจ ้าทีแท
ไม่มภี าคีใดๆแก่พระองค ์ และฉันปฏิญาณว่า
แท ้จริงมุหม
ั มัดเป็ นบ่าวและเป็ นศาสนทูตของพระองค ์
22
นอกจากประตูสวรรค ์ทังแปดจะถู ้ กเปิ ดแก่เขา
เขาจะเข ้าทางประตูใดก็ได ้ตามเขาทีประสงค ่ ์” (บันทึกโดย มุสลิม
234, อัต-ติรมิซยี ์ 55, อัน-นะสาอีย ์ 148, อิบนุ มาญะฮฺ470,
และอะหมัด 4/158) และการอาบน้าทีสมบู ่ รณ์
โดยไม่ฟมเฟื ุ่ อยจะทาให ้อวัยวะต่างๆมีร ัศมีในวันปรโลก
่
ดังทีท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าวว่า
“แท ้จริงประชาชาติของฉันจะถูกเรียกในวันปรโลกในสภาพทีใบหน้ ่
าและอวัยวะต่างๆมีร ัศมี เนื่ องจากร่องรอยของการอาบน้าละหมาด
ดังนั้นบุคคลใดสามารถทีจะท ่ าให ้ร ัศมีของเขากว ้าง
่
ก็จงกระทาเถิด” เงือนไขการอาบน ้าละหมาดมี 10 ประการ
เป็ นมุสลิม มีสติสมั ปชัญญะ รู ้เดียงสา เจตนาอาบน้าละหมาด
้ั
และไม่ตงใจเลิ กอาบน้าละหมาดจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ยุติ
(หรือแห ้ง)จากหะดัษ ชาระให ้สะอาดจากอุจจาระและปัสสาวะ
ใช ้น้าทีสะอาด
่ น้าทีใช
่ ้เป็ นทีอนุ
่ มตั ิ (ไม่ใช่หะรอม)
่ กั
ขจัดสิงที ่ นมิ
้ ให ้น้าเข ้าถึงผิวหนัง เข ้าเวลาละหมาด
(สาหร ับคนทีมี ่ หะดัษเป็ นประจาต่อเนื่ อง)
่ จ่ าเป็ นต ้องอาบน้าละหมาด สิงที
สิงที ่ จ่ าเป็ นต ้องอาบน้าละหมาด คือ
มีหะดัษ
่ ) ของการอาบน้าละหมาด
องค ์ประกอบหลัก (รุกน
่ ) ของการอาบน้าละหมาดมี 6 ประการ
องค ์ประกอบหลัก (รุกน
่ ่ ง ล ้างใบหน้า ปากและจมูกก็เป็ นส่วนหนึ่ งของใบหน้า
ลาดับทีหนึ
่
ลาดับทีสอง ้
ล ้างมือทังสองจนถึ งข ้อศอก ลาดับทีสาม เช็ดศีรษะ
23
้ั
หูทงสองก็ เป็ นส่วนหนึ่ งของศีรษะ ลาดับทีสี
่ ่ ล ้างเท ้าทังสอง
้
พระองค ์อัลลอฮฺได ้ตรัสไว้ว่า
َ َ ۡ َ َ َّ َ ۡ ۡ َ ٓ َ َ َ َّ َ ُّ َ َٰٓ َ
ٱلصل َٰوة ِ فٱغسِلوا وجوهك ۡم َوأيۡدِيَك ۡم ﴿يأيها ٱلذِين ءامنوا إِذا قمتم إِلى
َۡۡ َ ۡ َ ۡ َ ََۡ ۡ ۡ إلَى ٱل ۡ َم َراف ِق َو
َ ٱم
]6 : ﴾ [المائدة.... ن
ِ يب عك ٱل ى لِ إ مك لجرأو مِك س وء ر ِ ب وا ح س ِ ِ
้
“โอ ้ผูศ้ ร ัทธาทังหลาย ่
เมือพวกเจ ้าต ้องการจะละหมาด
้
ก็จงล ้างหน้าของพวกเจ ้า มือทังสองของพวกเจ ้าจนถึงข ้อสอก
จงเช็ดศรีษะของพวกเจ ้า
้
และจงล ้างเท ้าทังสองของพวกเจ ้าจนถึงตาตุ่ม” (อัลมาอิดะฮฺ 6)
ลาดับทีห ่ ้า การเรียงตามลาดับ
เนื่ องจากอัลลอฮฺได ้ระบุไว ้อย่างเรียบเรียงและให ้การเช็ดอยู่ระหว่าง
สองอวัยวะทีถู ่ กล ้าง ลาดับทีหก ่ กระทาโดยติดต่อกัน
เพราะท่านเราะสูลปฏิบต ั เิ ช่นนั้น
่ ควรปฏิ
สิงที ่ บตั ใิ นการอาบน้าละหมาด
ส่วนหนึ่ งจากสิงที
่ ควรปฏิ
่ บต
ั ค ิ อ ้
ื แปรงฟัน ล ้างมือทังสองสามครงั้
บ ้วนปาก สูดน้าเข ้าจมูกและสังออกมา
่ ่
สางเคราทีหนา
และสางระหว่างนิ วมื้ อและนิ วเท
้ ้า เริมด ่ ้วยอวัยวะด ้านขวา
ั้
ล ้างสองครงและสามคร งั้ น้าทีเช็
่ ดหูนั้นให ้เอาใหม่
่ อจากการเช็ดศรีษะ)
(ไม่ใช่รอ่ งรอยทีเหลื
อ่านดุอาอ ์หลังอาบน้าละหมาด
ละหมาดสองร็อกอะฮฺหลังอาบน้าละหมาด
24
่ ควรปฏิบต
สิงไม่ ั ิ (มักรูฮฺ) ในการอาบน้าละหมาด
ส่วนหนึ่ งจากสิงที
่ ไม่
่ ควรปฏิบต
ั ิ (มักรูฮฺ) คือ
อาบน้าละหมาดในทีสกปรก
่ ่ นะญิส) เนื่ องจากเกรงว่าจะเปื ้อน
(ทีมี
่ ท
สิงที ่ าใหเ้ สียน้าละหมาด
่ ท
สิงที ่ าให ้เสียน้าละหมาดมี 7 ประการ
่ ่ ง สิงที
ลาดับทีหนึ ่ ออกมาจากทวารหนั
่ ่
กและทวารเบา ลาดับทีสอง
่ ออกมาจากส่
สิงที ่ ่
วนอืนๆของร่ างกาย ลาดับทีสาม หมดสติ
โดยเป็ นบ ้า เป็ นลม หรือมึนเมา ลาดับทีสี ่ ่ สัมผัสอวัยวะเพศชาย
หรืออวัยวะเพศหญิง โดยไม่มส ิ่
ี งขวางกั ้ ลาดับทีห
น ่ ้า
การสัมผัสกันระหว่างผูช ้ ายและผูห้ ญิงด้วยอารมณ์ทางเพศ
25
ลาดับทีหก่ ร ับประทานเนื ออู
้ ฐ ลาดับทีเจ็
่ ด มีหะดัษใหญ่
่ จ่ าเป็ นต ้องชาระร่างกายโดยการอาบน้า ) เช่น
(สิงที
การเข ้าร ับอิสลาม มีน้าอสุจเิ คลือนออก
่ ่
และอืนๆ
ส่วนคนตายนั้นไม่จาเป็ นต ้องอาบน้าละหมาด
แต่จาเป็ นต ้องอาบน้าชาระร่างกาย (ฆุสลฺ)
การอาบน้าชาระร่างกาย
ความหมายเชิงภาษาและเชิงวิชาการ
หากอ่านว่า อัล-ฆุซลุ คืนน้า หากอ่านว่า อัล-ฆ็อซลุ
คือการชาระล ้าง และหากอ่านว่า อัล-ฆิซลุ
่ ใช
คือสิงที ่ ้ทาความสะอาด
ความหมายเชิงวิชาการ
26
มีน้าอสุจเิ คลือนออกเนื
่ ่ องจากมีอารมณ์ทางเพศ
้ ช
(ทังผู ้ ายและผูห้ ญิง)
การมีเพศสัมพันธ ์
ี่
การเข ้าร ับอิสลาม(จากต่างศาสนิ กหรือผูท้ เคยสิ ้
นสภาพจากการเ
ป็ นมุสลิม)
มีเลือดประจาเดือน
มีเลือดหลังคลอดบุตร
การอาบน้าทีส่
่ งเสริมให ้ปฏิบต
ั ิ
การอาบน้าในวันศุกร ์
อาบน้าเพือเข
่ ้าพิธก
ี ารทาหัจญ ์และอุมเราะฮฺ
การอาบน้าของผูที ่
้ อาบน้าศพ
การอาบน้าในวันอีดทังสอง
้ (อีดล
ิ ฟิ ฏรีย ์และอีดล
ิ อัฎฮา)
่ ้นจากการเป็ นลมหรือหายจากการเป็ นบ ้า
เมือฟื
การอาบน้าเมือเข
่ ้าเขตมักกะฮฺ
้ อละหมาดสุ
การอาบนาเพื ่ รยิ คราสหรือจันทรุปราคาหรือละหมาด
ขอฝน
27
การอาบน้าของผูหญิ ่ เลือดเสีย (อิสติหาเฎาะฮฺ)
้ งทีมี
สาหร ับละหมาดทุกครง้ั
ทุกๆการรวมตัวหรือชุมนุ มกัน
่
เงือนไขของการอาบน้ายกหะดัษ
่
เงือนไขการอาบน้ามี 7 ประการ
้
การตังเจตนา
เป็ นมุสลิม
มีสติสม
ั ปชัญญะ
รู ้เดียงสา
ใช ้น้าทีสะอาดและเป็
่ ่ มต
นทีอนุ ั ิ
่ กั
ขจัดสิงที ่ นมิ
้ ให ้น้าเข ้าถึงผิวหนัง
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบต
ั ิ (วาญิบ) ของการอาบน้ายกหะดัษ
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบต ิ องการอาบน้า คือการกล่าวพระนามของอัลลอฮฺ
ั ข
หากลืมก็ไม่เป็ นไร
28
่ ) ของการอาบน้ายกหะดัษ
องค ์ประกอบ (รุกน
้
คือการตังเจตนาและให ้น้าโดนทุกส่วนของร่างกาย ในช่องปาก
และในจมูก และเพียงพอด ้วยกับการมั่นใจว่าน้าโดนทุกส่วนแล ้ว
้
ผูใ้ ดตังเจตนาอาบน้าทีจ่ าเป็ น (วาญิบ ) หรือทีส่
่ งเสริมให ้ปฏิบต
ั ิ
(สุนนะฮฺ) ก็สามารถทดแทนกันได ้
้
และเพียงพอกับการตังเจตนาอาบน้าครงเดี
้ั ยวจากการมีเพศสัมพั
นธ ์และประจาเดือน
ข ้อควรปฏิบต ิ องการอาบน้ายกหะดัษ
ั ข
และข ้อควรปฏิบต ิ องการอาบน้าคือ
ั ข
่ ้วยการกล่าวพระนามของอัลลอฮฺ (บิสมิลลาฮฺ)
เริมด
่ ้วยการขจัดสิงไม่
เริมด ่ พงึ ประสงค ์ออกจากร่างกาย
้
ล ้างมือทังสองก่ ่ าลงไปในภาชนะทีบรรจุ
อนทีจะน ่ น้า (ถังหรืออ่าง)
อาบน้าละหมาดก่อน
่ ้วยอวัยวะด ้านขวา
เริมด
ปฏิบต ิ ้วยความต่อเนื่ อง
ั ด
ใช ้มือลูบให ้ทั่วร่างกาย
้ั อออกจากที
ล ้างเท ้าอีกครงเมื ่ ่
อาบน้า
29
่ ไม่
สิงที ่ ควรปฏิบต ิ องการอาบน้า (มักรูฮฺ)
ั ข
่ ไม่
สิงที ่ ควรปฏิบต ิ องการอาบน้า
ั ข
ใช ้น้าอย่างฟุ่ มเฟื อย
อาบน้าในสถานทีสกปรก(นะญิ
่ ส)
อาบในแหล่งน้าทีนิ
่ ่ ง (ไม่ไหลถ่ายเท)
ี่ หะดัษใหญ่
ข ้อห ้ามสาหรับผูท้ มี
ี่ หะดัษใหญ่
ห ้ามสาหร ับผูท้ มี
ละหมาด
เฏาะวาฟ(เดินวน)รอบกะอฺบะฮฺ
สัมผัสและถืออัลกุรอานโดยไม่มส ิ่ อหุ ้ม
ี งห่
นั่งในมัสญิด
อ่านอัลกุรอาน
่
บทบัญญัตเิ กียวกั ่
บนะญิส (สิงปฏิ
กลู )
ความหมายเชิงภาษาและวิชาการ
่
นะญิสเชิงภาษาคือ สิงสกปรก
30
และนาญิสเชิงวิชาการคือ
่
สิงสกปรกที ่ นอุปสรรคต่อการละหมาดเป็ นการเฉพาะ เช่น
เป็
ปัสสาวะ เลือด และเหล้า
ชนิ ดของนะญิส
นะญิส มี 2 ชนิ ด
่ ดอยู่กบ
นะญิสทีติ ั ตัว
นะญิสตามบทบัญญัติ
่ ดอยู่กบ
นะญิสทีติ ่ นนะญิส (สิงสกปรก
ั ตัว คือ เรือนร่างทีเป็ ่ )
และไม่สามารถทาให ้สะอาดได ้เลย เช่น สุนัขและสุกร
่ ดขึนกั
นะญิสตามบทบัญญัติ คือ นะญิสทีเกิ ้ บสิงที
่ สะอาด
่
ประเภทของนะญิส
นะญิสแบ่งออก 3 ประเภท
่
นะญิสทีบรรดาผู ร้ ู ้มีความเห็นพ้องตรงกัน
่
นะญิสทีบรรดาผู ร้ ู ้ขัดแย้งกันว่าเป็ นนะญิสหรือไม่
่ ้ร ับการยกเว ้นหรืออนุ โลม
นะญิสทีได
31
่
นะญิสทีบรรดาผู ร้ ู ้มีความเห็นพ้องตรงกัน
ซากสัตว ์บก (ตายโดยมิได ้เชือดตามบทบัญญัต)ิ
ส่วนซากสัตว ์น้าเป็ นสิงที
่ สะอาด
่
่
เลือดสัตว ์บกทีไหลขณะเชื
อด
้ กร
เนื อสุ
ปัสสาวะมนุ ษย ์
อุจจาระมนุ ษย ์
น้ามะซีย ์ (น้าทีออกจากอวั
่ ่ กาหนัด)
ยวะเพศขณะทีมี
น้าวะดีย ์ (น้าใสขุ่นทีออกจากอวั
่ ยวะเพศขณะขับถ่าย)
้ ตว ์ทีห
เนื อสั ่ ้ามบริโภค
้ วนทีได
ชินส่ ่ ้มาจากสัตว ์ทียั
่ งมีชวี ต ่ กตัดขาด
ิ เช่นเท ้าของแพะทีถู
่ วแพะยังมีชวี ต
โดยทีตั ิ อยู่
เลือดประจาเดือน
32
่ ญาตให ้บริโภคเนื อ้
มูลของสัตว ์ทีอนุ
น้าอสุจ ิ
น้าลายสุนัข
อาเจียน
่ มเี ลือด เช่น ผึง้ แมลงสาบ เหา และอืนๆ
ซากของสัตว ์ทีไม่ ่
เลือดเพียงเล็กน้อย
น้าเหลือง และน้าหนอง
่ ญาตให ้บริโภคเนื อได
ของมนุ ษย ์หรือของสัตว ์ทีอนุ ้ ้
วิธก
ี ารทาความสะอาดนะญิส
ทาความสะอาดนะญิสด ้วยการล ้าง พรมน้า การถูและการเช็ด
การทาความสะอาดเสือผ้ ้ าทีเปื
่ ้อนนะญิส: หากนะญิสเป็ นก ้อน
ก็ให ้ถูและขูดออก แล ้วก็ล ้างด ้วยน้า และหากนะญิสนั้นเปี ยก
ก็ให ้ล ้างด ้วยน้า
การทาความสะอาดปัสสาวะของเด็กผูช ้ าย
่ งไม่บริโภคสิงใดนอกจากนม
เด็กทียั ่ ้
ก็ให ้พรมนาลงไป
33
นะญิสบนพืนดิ ้ นถ ้าแห ้งเป็ นก ้อนก็ให ้ขูดออก
หากเป็ นของเหลวก็ให ้เทน้าลงไป
่ ้อนนะญิสก็ให ้ถูหรือเดินบนสิงที
รองเท ้าทีเปื ่ สะอาด
่
่ เป็
และสิงที ่ นเงาลืนเช่
่ นกระจก มีด พืนกระเบื ้ ้
องและอื ่
นๆก็ ให ้เช็ดถู
และภาชนะทีถู ่ กสุนัขเลีย ก็ให ้ล ้างด ้วยน้าเจ็ดครง้ั
โดยใช ้น้าดินหนึ่ งครง้ั
การทาตะยัมมุม
คานิ ยามเชิงภาษาและเชิงวิชาการ
้
เชิงภาษา คือ การเจตนา การค ้นหา และความตังใจ
เชิงวิชาการ คือ
่
การใช ้ดินสะอาดเช็ดทีใบหน้ ่ กกาหนด
าและมือตามรูปแบบทีถู
่ นลักษณะเฉพาะทีอั
ซึงเป็ ่ ลลอฮฺให ้แก่ประชาชาตินี้
คือการใช ้ดินทดแทนน้าในการทาความสะอาด
ี่ โลมใหท้ าตะยัมมุมได ้
ผูท้ อนุ
ี ่ มน
ผูท้ ไม่ ี ้า (หาน้าไม่ได ้หรืออยู่ห่างไกลจากแหล่งน้า)
น้ามีปริมาณน้อยไม่พอเพียงต่อการบริโภค
34
่
เงือนไขที
ต ่ ้องทาตะยัมมุม
บรรลุนิตภ
ิ าวะตามศาสนบัญญัติ
ไม่มอ
ี ป
ุ สรรคในการใช ้ดิน
มีหะดัษเล็กหรือหะดัษใหญ่
ี่ ้องอาบน้าละหมาดหรืออาบน้า)
(คือมีมูลเหตุทต
่
เงือนไขที
ท ่ าใหก้ ารตะยัมมุมสมบูรณ์
เป็ นมุสลิม
สะอาดจากเลือดประจาเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร
มีสติสม
ั ปชัญญะ
่
ใช ้ดินหรือฝุ่ นทีสะอาด
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบต
ั ข
ิ องการทาตะยัมมุม (องค ์ประกอบ)
้
การตังเจตนา
่
ดินหรือฝุ่ นทีสะอาด
้ั หนึ
การแตะดินครงที ่ ่ง
้
ลูบหน้าและมือทังสอง
35
่ ควรปฏิ
สิงที ่ บตั ข
ิ องการตะยัมมุม
กล่าวพระนามของอัลลอฮฺ (บิสมิลลาฮฺ)
ผินหน้าทางกิบละฮฺ
่ ้องการละหมาด
ตะยัมมุมเมือต
้ั สอง
ตบดินครงที ่
เรียบเรียงตามลาดับ
ปฏิบต ิ ้วยความต่อเนื่ อง
ั ด
้ อ
การสอดกันระหว่างนิ วมื
่ ท
สิงที ่ าใหต้ ะยัมมุมเป็ นโมฆะ
มีน้า
มีหะดัษเล็กและหะดัษใหญ่
ี่ ้องอาบน้าละหมาดและอาบน้าดังทีกล่
(มีมูลเหตุทต ่ าวไว ้ข ้างต ้น)
เนื่ องจากการตะยัมมุมนั้นเป็ นการทดแทนการอาบน้าหรืออาบน้าละ
หมาด
วิธก
ี ารตะยัมมุม
้
ตังเจตนาตะยั ้
มมุม แล ้วกล่าวบิสมิลละฮฺ ใช ้มือทังสองแตะดิ
น
้
แล ้วนามาลูบหน้าและมือทังสอง โดยเรียงตามลาดับและติดต่อกัน
36
การตะยัมมุมบนเฝื อกและบาดแผล
่ บาดแผลตามร่างกาย หรือมีรอยฉี กขาด
ผูใ้ ดทีมี
และเกรงว่าจะเกิดอันตรายหากโดนน้า
่
หรือมีความลาบากทีจะเช็ ดด ้วยน้า ก็ให ้ตะยัมมุมทีบาดแผล
่
่
และส่วนอืนๆก็ ใช ้น้าล ้าง
ี ่ มน
ผูท้ ไม่ ี ้าและดิน ก็ให ้ละหมาดตามสภาพนั้น
และไม่ต ้องละหมาดใหม่
การลูบบนรองเท ้าหนังและเฝื อก
อับดุลลอฮุ อิบนุ อลั -มุบาร็อก กล่าวว่า
“การลูบบนรองเท ้าหนังนั้น
อนุ ญาตให ้ทาโดยไม่มค ี วามเห็นคัดค้านหรือขัดแย้งกันระหว่างอุละ
มาอ ์” อิมามอะหฺมด ั กล่าวว่า “ฉันไม่มขี ้อสงสัยใดๆ
่
ในเรืองการลู บบนรองเท ้าหนัง
่ รายงานถึงสีสิ
ซึงมี ่ บหะดีษจากท่านเราะสูล” และยังกล่าวอีกว่า
“การลูบดีกว่า (ประเสริฐกว่า) การล้าง
อันเนื่ องจากท่านเราะสูลและบรรดาสาวกของท่านแสวงหาสิงที ่ ดี่ กว่
า”
ระยะเวลาของการลูบบนรองเท ้าหนัง
ี่ เดินทาง คือหนึ่ งวันและหนึ่ งคืน
สาหร ับผูท้ ไม่
และสาหร ับผูเ้ ดินทาง คือ 3 วันและ 3 คืน
่ บตังแต่
เริมนั ้ การเสียน้าละหมาดครงแรกหลั ั้ ่
งจากทีสวมใส่
37
่
เงือนไขของการลู
บบนรองเท ้าหนัง
่
รองเท ้าหนังทีสวมใส่ น้ันต ้องสะอาด เป็ นทีอนุ
่ มต
ั ิ
ปกปิ ดเท ้าในส่วนทีจ่ าเป็ นต ้องล ้าง
และผูส้ วมใส่ต ้องมีน้าละหมาดอยู่กอ ่ นหน้า
ลักษณะการลูบบนรองเท ้าหนัง
่ น้า แล ้วลูบบนหลังรองเท ้า จากปลายเท ้าจนถึงลาแข ้ง
เอามือจุม
้ั ยว โดยไม่ต ้องลูบด ้านล่างรองเท ้าและตาตุ่ม
เพียงครงเดี
่ ท
สิงที ่ าให ้การลูบบนรองเท ้าหนังเป็ นโมฆะ
่ ท
สิงที ่ าให ้การลูบบนรองเท ้าหนังเป็ นโมฆะมี 4 ประการ
่ การถอดรองเท้า
เมือมี
่ ญุนุบ (มูลเหตุทต
เมือมี ี่ ้องอาบน้ายกหะดัษใหญ่)
่
เมือรองเท ้าฉี กขาดเป็ นวงกว ้าง
่
เมือครบกาหนดเวลา
38
การละหมาดญะมาอะฮฺ
การละหมาดย่อ
การละหมาดรวม
การสุญูดสะฮฺวยี ์
การละหมาดตะเฏาวุอฺ ( ภาคสมัครใจ )
การละหมาดวันศุกร ์
้
การละหมาดอีดทังสอง
การละหมาดขอฝน
ละหมาดสุรยิ ะคราสและจันทรคราส
่ บศพ
ศพและบทบัญญัตเิ กียวกั
39
“และเจ ้าจงขอพรให ้แก่พวกเขาเถิด
เพราะแท ้จริงการขอพรของเจ ้านั้น
ทาให ้เกิดความสุขใจแก่พวกเขา” (อัต-เตาบะฮฺ 103)
และความหมายเชิงวิชาการ
คือถ ้อยคาและการปฏิบต ั ท ี่ กกาหนดเฉพาะตามเงือนไขที
ิ ถู ่ ่ กกาห
ถู
่ มด
นด ซึงเริ ่ ้วยคาว่า “อัลลอฮุอก ้ ้วยคาว่า
ั บัร”และเสร็จสินด
“อัสสะลามุอะลัยกุม”
การบัญญัตล
ิ ะหมาด
การละหมาดถูกบัญญัตข ึ้
ิ นในค ่าคืนอิสรออ ์มิอรฺ อจญ ์
่
(การเดินทางสู่ฟากฟ้ าของท่านเราะสูล)ก่อนทีจะอพยพไปยั งเมืองม
่ นหนึ่ งจากองค ์ประกอบหลักของอิสลาม
ะดีนะฮฺ ซึงเป็
้
หลังจากคาปฏิญาณตน เพราะอยู่ภายใต ้เนื อหาของค าปฏิญาณ
่
และเป็ นสิงแรกที
ถู่ กกาหนดหลังจากทีปฏิ่ ญาณตน ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าวว่า “รากฐานของศาสนา
คือการปฏิญาณตน เสาของมันคือการละหมาด และสัญลักษณ์
(โดมหรือธง) ของมันคือการเสียสละต่อสู ้ (ญิฮาด)
ในหนทางแห่งอัลลอฮฺ”
เหตุผลการบัญญัตล
ิ ะหมาด
การละหมาดเป็ นการขอบคุณในความโปรดปรานต่างๆ
่ ลลอฮฺทรงให ้แก่ปวงบ่าว
ทีอั
และเป็ นการเคารพภักดีทมี ี่ ความหมายอันเด่นชัดทีสุ
่ ด
เนื่ องจากประจักษ ์ถึงการมุ่งหน้าไปยังอัลลอฮฺ
40
นอบน้อมและคารวะต่อพระองค ์
และใกล ้ชิดพระองค ์ด้วยการอ่านบทราลึกและบทขอพร
้ งเป็ นการสือสาร
อีกทังยั ่ ระหว่างบ่าวกับพระผูอภิ ้ บาลของเขา
และเป็ นการก ้าวผ่านจากโลกแห่งวัตถุสู่ความสงบและความบริสท ุ ธิ ์
ของจิตใจ
เพราะทุกครงที้ั บ่
่ าวหมกมุ่นกับความวุ่นวายของชีวต ่ ่วยวนใ
ิ และสิงยั
นโลกนี ้ การละหมาดจะยังเขาไว้ ่
้ ก่อนทีเขาจะจมลงไป
และนาเขากลับสูแ่ ก่นแท ้ของชีวต ่
ิ ทีเขาได เ้ ผลอไป
และขณะเดียวกันก็รู ้ว่า แท ้จริง ณ โลกหน้านั้น มีสงที ิ่ ยิ
่ งใหญ่
่ กว่านี ้
่ ษย ์จะใช ้ชีวต
และแท ้จริงเป็ นไปไม่ได ้ทีมนุ ิ โดยไม่มก ี ารตระเตรียมเส
บียง
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บการละหมาดและจานวนของมัน
การละหมาดมี 2 ประเภท ภาคบังคับ และภาคสมัครใจ
ภาคบังคับมี 2 ประเภท คือ บังคับรายบุคคล และบังคับโดยรวม
ภาคบังคับรายบุคคล คือ บังคับทุกคนทีเป็่ นมุสลิม
้
ทังชายและหญิ ่
งทีบรรลุศาสนภาวะ นั่นคือละหมาดห ้าเวลา
อัลลอฮฺได ้ตรัสไว ้ว่า
ٗ ۡ َّ ٗ َ َ ۡ ۡ َ َ ۡ َ َ َ َ َّ َّ
]103 :﴾ [النساء١٠٣ إِن ٱلصل َٰوة كانت على ٱلمؤ ِمن ِين كِتَٰبا موقوتا....﴿
41
َ َّ
ٱلصل َٰو َة
َٓ َ ين لَه ٱلد
ِين ح َنفا َء َويقِيموا َ َّ ﴿ َو َما ٓ أمِر ٓوا إلَّا ل َِي ۡعبدوا
َ ٱّلل مخۡل ِص
ِ ِ
َ َ َّ
]5 : ﴾ [البينة.... ويؤتوا ٱلزك َٰوة
ۡ َ
่
“และพวกเขามิได ้ถูกบัญชาให ้กระทาอืนใดนอกจากเพื ่
อเคารพภั
กดีต่ออัลลอฮฺ
์
เป็ นผูม้ เี จตนาบริสุทธิในการภั กดีต่อพระองค ์เป็ นผูอ้ ยู่ในแนวทางทีเ่
่
ทียงตรงและด ารงการละหมาด และจ่ายซะกาต” (อัล-บัยยินะฮฺ,5)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าวว่า
“อิสลามถูกวางอยูบ ่ นโครงสร ้าง 5 ประการ การปฏิญาณตนว่า
ไม่มพ ่
ี ระเจ ้าอืนใดที ่ กเคารพภักดีโดยแท ้จริงนอกจากอัลลอฮฺเท่านั้
ถู
น และมุหม ั มัดเป็ นศาสนทูตของอัลลอฮฺ
่
การดารงไว ้ซึงการละหมาด การจ่ายซะกาต ... (จนจบหะดีษ)”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย ์และมุสลิม ) นาฟิ อ ์ บิน อัซร็อก กล่าวแก่
อิบนิ อบ ั บาส ว่า “ละหมาดห้าเวลาถูกระบุไว ้ในอัลกุรอานหรือไม่?
อิบนุ อบ ั บาสกล่าวว่า ใช่ถูกกล่าวไว ้ แล ้วท่านก็อา่ น
َ َّ َولَه ٱلۡحَ ۡمد فى١٧ون
َ
ِين ت ۡصبِح
َ ۡ َ َّ َ ﴿فَس ۡب
ِ َٰ ٱلسم َٰ َو
ت ِ
َ ون َوح حَٰ َن ٱّللِ حِين تمس
َ ۡ َ َ ٗ َ َ َۡ
]18-17 :﴾ [الروم١٨ۡرض وعشِ يا وحِين تظ ِهرون ِ َوٱلأ
42
อาหร ับชนบทคนหนึ่ งซึงมาหาท่
่ านเราะสูล แล ้วกล่าวว่า
ละหมาดใดทีอั่ ลลอฮฺทรงบัญญัตแิ ก่ฉัน ? ท่านเราะสูลตอบว่า
“ละหมาดห ้าเวลา” เขาถามต่อว่า ยังมีละหมาดอืนอี ่ กไหม?
ท่านเราะสูลกล่าวว่า “ไม่ นอกจากท่านจะสมัครใจเท่านั้น”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย ์และมุสลิม )
่
การสังใช ้ผูเ้ ยาว ์ให ้ละหมาด
่ กอายุครบเจ็ดปี ต ้องสังใช
เมือเด็ ่ ้ให ้ละหมาด และจะถูกลงโทษ
(เนื่ องจากการละเลย)โดยการตี (ตีไม่แรง
่ นแค่การสาทับตักเตือน) เมืออายุ
เพือเป็ ่ ครบสิบปี เนื่ องจากหะดีษ
“จงสังใช่ ่
้ลูกๆของพวกเจ ้าให ้ละหมาดเมืออายุ ครบเจ็ดปี
และจงลงโทษโดยการเฆียนตี ่ ่
เมืออายุ ครบสิบปี
่
และจงแยกทีนอนระหว่างพวกเขา” (บันทึกโดย อบูดาวูด, และอัต-
ติรมิซยี ์ )
่
บทบัญญัตเิ กียวกั ี่ เสธว่าการละหมาดเป็ นบัญญัตภ
บผูท้ ปฏิ ิ
าคบังคับ
บุคคลใดปฏิเสธว่าการละหมาดไม่ใช่ข ้อบังคับจาเป็ น
เขาย่อมเป็ นผูปฏิ
้ เสธศรัทธา แม้ว่าเขาได ้ละหมาดก็ตาม
หากว่าเขามิใช่ผท ี่
ู ้ ขาดความรู ้ (ญาฮิล)
ี่ งละหมาดเพราะไม่
และจะเป็ นกาฟิ รเช่นเดียวกัน ผูท้ ละทิ ้ เอาใจใส่
หรือเกียจคร ้าน
แม้ว่าเขายอมรับว่าการละหมาดเป็ นบัญญัตบ ิ งั คับก็ตาม
43
อัลลอฮฺได ้ตร ัสไว ้ว่า “ก็จงประหัตประหารมุชริกเหล่านั้น ณ
่
ทีใดก็ ่
ตามทีพวกเจ ้าพบพวกเขา” จนถึงคาตร ัสของอัลลอฮฺทว่ี่ า
ۡ َ َ ُّ َ َ َ َ َّ َ َ َ َ َ َّ َََ َ َ
]5 :﴾ [التوبة... فإِن تابوا وأقاموا ٱلصل َٰوة وءاتوا ٱلزك َٰوة فخلوا سبِيلهم....﴿
รุกน
่ (องค ์ประกอบหลัก) ของการละหมาด
มี 14 ประการ จะละเลยมิได ้ ไม่ว่าเจตนา สะเพร่า
หรือขาดความรู ้ก็ตาม
44
การนั่งเพืออ่
่ านตะชะฮุดครงสุ ้ั ดท ้าย ลาดับทีสิ
่ บสอง
กล่าวเศาะละวาต
(การกล่าวคาขอพรแก่ทา่ นเราะสูลและวงศาคณาญาติ)
ลาดับทีสิ่ บสาม การกล่าวสลามสองครง้ั (คือ อัสสะลามุอะลัยกุม
วะเราะมะตุลลอฮฺ) และทางทีดี ่ ไม่ควรเพิมค
่ าว่า “วะบะรอกาตุฮฺ”
เนื่ องจากหะดีษ จากอิบนิ มสั อูด
“แท ้จริงท่านเราะสูลกล่าวสลามข ้างขวาและข ้างซ ้ายด้วยคาว่า
อัสสะลามุอะลัยกุม วะเราะมะตุลลอฮุ” (บันทึกโดย มุสลิม )
ลาดับทีสิ ่ บสี่ การเรียบเรียงตามลาดับระหว่างรุกน ่ ต่างๆ
่ เป็
สิงที ่ นวาญิบของการละหมาด
่ เป็
สิงที ่ นวาญิบของการละหมาด มี 8 ประการ วาญิบคือ
่ จ่ าเป็ นต ้องปฏิบต
สิงที ้
ั ิ หากละทิงโดยเจตนา
การละหมาดจะเป็ นโมฆะ และเป็ นทีอนุ ่ โลม
หากเกิดจากความสะเพร่าหรือไม่รู ้
ลาดับทีหนึ ่ ่ ง การกล่าวคาตักบีรอ ื่
ฺ นจากตั กบีรเฺ ข ้าพิธล
ี ะหมาด
(ตักบีรใฺ นการเปลียนอิ่ รยิ าบท) ลาดับทีสอง ่ การกล่าวคาว่า
สะมิอลั ลอฮุลม ิ น
ั หะมิดะฮฺ สาหร ับผูท้ เป็ ี่ นอิมาม
ี่
และผูท้ ละหมาดคนเดี ยว ลาดับทีสาม การกล่าวคาว่า ร็อบบะนา
วะละกัลหัมดุ ลาดับทีสี ่ ่ กล่าวคาตัสบีห ์หนึ่ งครงในขณะรุ
ั้ กูอ ์
(สุบหานะร็อบบิยลั อะซีม) ลาดับทีห ่ ้า
กล่าวตัสบีห ์หนึ่ งครงในขณะสุ
้ั ญูด (สุบหานะร็อบบิยลั อะลา)
ลาดับทีหก ่ กล่าวคาว่า “ร็อบบิฆฟิ รลี” ระหว่างสองสุญูด
45
่ ด การอ่านตะชะฮุดครงแรก
ลาดับทีเจ็ ้ั ่
ลาดับทีแปด
การนั่งเพืออ่
่ านตะชะฮุดครงแรก
้ั
่
เงือนไขของการละหมาด
่
เงือนไขตามหลั ่
กภาษา คือ เครืองหมายหรื อสัญลักษณ์
และในทางบทบัญญัติ คือ
่ มี
สิงที ่ ผลผูกพันให ้สิงอื
่ นมี
่ ความถูกต ้องหรือสมบูรณ์
่
และเงือนไขของการละหมาดคื ้
อ การตังเจตนาละหมาด
เป็ นมุสลิม มีสติสมั ปชัญญะ รู ้เดียงสา
่
(บรรลุวยั ทีสามารถแยกแยะเรื ่ างๆ ได ้) เข ้าเวลาละหมาด
องต่
มีน้าละหมาด (ปราศจากหะดัษเล็กและหะดัษใหญ่)
ผินหน้าไปทางกิบละฮฺ (กะอฺบะฮฺ) ปกปิ ดเอาเราะฮฺ
(ส่วนของร่างกายทีต ่ ้องปกปิ ดตามบทบัญญัต)ิ
และสะอาดจากสิงปฏิ ่ กูล (นะญิส)
เวลาละหมาด 5 เวลา
มาจากการกาหนดเจาะจง
เพราะเวลานั้นเป็ นสาเหตุทท ี่ าให ้จาเป็ นต ้องละหมาด
่
และเป็ นเงือนไขหนึ ่ งทีท
่ าให ้ละหมาดถูกต ้องใช ้ได ้
46
หลังจากนั้นท่านกล่าวว่า แล ้วญิบรีลได ้หันมายังฉัน พลางกล่าวว่า
โอ ้มุหม
ั มัด
้ อนเวลาละหมาดของบรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเ
เวลาละหมาดนี เหมื
จ ้า เวลาละหมาดนั้นอยู่ระหว่างละหมาดทังสองนี
้ ้ (บันทึกโดย
อบูดาวูด)
เวลาละหมาดทังห ้ ้านั้นถูกแบ่งระหว่างกลางวันและกลางคืน
่
เมือมนุ ษย ์ได ้นอนพักผ่อน เขาย่อมมีความกระฉับกระเฉง
่ งเวลาเช ้า คือเวลาทางาน ก็มล
และเมือถึ ี ะหมาดศุบหฺ (ยามรุง่ อรุณ)
่
เพือให ้เขารู ้สึกว่าเขามีความแตกต่างกับสรรพสิงอื ่ นๆ
่
และเพือต่ ้อนร ับวันใหม่โดยทีเขาได ่ ้เตรียมเสบียงแห่งความศร ัทธา
47
เวลาละหมาดซุฮรฺ
่ ้าเวลาเมือตะวั
เริมเข ่ ่ น
นคล ้อยตอนเทียงวั
่
และจะหมดเวลาเมือเงาของสิ ่ างๆมีความยาวเท่ากับตัวมันเอง
งต่
่ ใช่เงาตอนทีตะวั
ซึงไม่ ่ นกาลังจะคล ้อย (หลักการคือ
่ ตะวั
จะร ับรู ้ถึงเงาของสิงที ่ นได ้คล ้อยผ่าน
จากนั้นก็สงั เกตปริมาณทีเพิ ่ มขึ
่ น้ เมือมี
่ ปริมาณเท่าตัว
เวลาซุฮริก็หมด )
เวลาละหมาดอัศรฺ
่ ้าเวลาเมือเงาของสิ
เริมเข ่ ่ างๆ มีความยาวเท่ากับตัวมันเอง
งต่
่ นกาลังคล ้อย)
(ไม่นับตอนทีตะวั
่
และจะหมดเมือเงาของสิ ่ ่ งมีความยาวสองเท่าตัวในยามปกติ
งหนึ
่
และเมือตะวันลับขอบฟ้ าในยามทีคั่ บขัน
เวลาละหมาดมัฆริบ
่ ้าเวลาเมือดวงอาทิ
เริมเข ่ ตย ์ลับขอบฟ้ า
่
จนกระทังดวงดาวเต็มท ้องฟ้ า (ดาวประสานกัน เห็นได ้เพราะมืด)
และเวลาสุดท้ายแต่น่ารังเกียจไม่ควรปฏิบต ั ค
ิ อ
ื
่
เมือเมฆสี แดงหายหมดไป
เวลาละหมาดอิชาอ ์
่ อเมฆสี
เริมเมื ่ แดงหมดไป จนกระทั่งถึงเทียงคื
่ น
48
เวลาละหมาดศุบหฺ หรือฟัจญ ์รฺ
่ ้าเวลาเมือแสงอรุ
เริมเข ่ ณขึน้ จนกระทั่งดวงอาทิตย ์ขึน้
่ ่เหนื อเส ้นศูนย ์สูตร
การกาหนดเวลาละหมาดในประเทศทีอยู
้
(ขัวโลกเหนื อ)
่ ่เหนื อเส ้นศูนย ์สูตรแบ่งออกเป็ นสามประเภท
ประเทศทีอยู
หนึ่ ง ประเทศทีอยู
่ ่ระหว่าง45 และ 48 องศาเหนื อและใต ้
้ เครืองหมายบอกเวลาละหมาดปรากฏชั
ประเทศเหล่านี จะมี ่ ด
้
ไม่ว่ากลางคืนและกลางวันจะสันหรื อยาว
่ ่ระหว่างเส ้น 48 และ 66 องศาเหนื อและใต ้
สอง ประเทศทีอยู
้
ประเทศเหล่านี จะไม่ มส
ี ญ
ั ลักษณ์บอกเวลาละหมาดในบางช่วงของ
ปี เช่น เมฆสีแดงจะไม่หายไปจนกว่าจะเข ้าเวลาละหมาดศุบหฺ
่ ่เหนื อเส ้น 66 องศาเหนื อและใต ้
สาม ประเทศทีอยู
สัญลักษณ์บอกเวลาละหมาดจะไม่ปรากฏเป็ นระยะเวลานานของปี
ไม่ว่าจะเป็ นกลางคืนหรือกลางวัน
่
บทบัญญัตเิ กียวกั ่
บเรืองเวลาละหมาดของแต่ ละประเภท
่ ่ ง ต ้องละหมาดตามเวลาทีได
ประเภททีหนึ ่ ้กล่าวแล ้วข ้างต ้น
่
ส่วนประเภททีสาม
ต้องใช ้การคานวณโดยไม่มค ี วามเห็นขัดแย้งใดๆ
ระหว่างบรรดาอุละมาอ ์
โดยใช ้การเปรียบเทียบการคานวณทีถู ่ กกล่าวถึงในหะดีษทีเกี ่ ยวข
่ ้
49
่
องกับดัจญาล ซึงในตอนหนึ ่ งคือ พวกเรากล่าวว่า
โอ ้เราะสูลของอัลลอฮฺ ดัจญาลจะอยู่นานเท่าไร ? ท่านตอบว่า
วันหนึ่ ง ซึงเท่
่ ากับหนึ่ งปี พวกเรากล่าวว่า โอ ้เราะสูลของอัลลอฮฺ
่ ากับหนึ่ งปี นั้นเพียงพอไหมทีเราจะละหมาดแค่
วันทีเท่ ่ ห ้าเวลา
ท่านตอบว่า ไม่ พวกท่านจงคานวณเวลาละหมาด” (บันทึกโดย
มุสลิม)
บรรดาอุละมาอ ์มีความเห็นต่างกันในวิธก
ี ารคานวณเวลาละหมาด
่
บางทัศนะเห็นว่าใช ้เวลาของประเทศทีใกล ่ ด
้เคียงมากทีสุ
่
ทีสามารถแยกแยะระหว่ างกลางคืนกับกลางวันได ้
ี่
และสามารถร ับรู ้เวลาละหมาดได ้ตามสัญลักษณ์ทศาสนาบั ญญัติ
กาหนด
และหวังว่านี่ คือทัศนะทีมี
่ น้าหนักมากทีสุ
่ ด และบางทัศนะเห็นว่า
ใช ้เวลาสากลในการคานวณ โดยให ้นับกลางวันสิบสองชัวโมง ่
และกลางคืนก็เช่นเดียวกัน
และบางทัศนะเห็นว่าใช ้เวลาของเมืองมักกะฮฺ หรือเมืองมะดีนะฮฺ
่
สาหร ับประเภททีสอง ่ ่ง
ก็เหมือนกับประเภททีหนึ
่ึ งสองนั
นอกจากละหมาดอิชาอ ์กับศุบหฺซงทั ้ ้นจะเหมือนกับประเภทที่
สามในการใช ้วิธค
ี านวณ
50
การละหมาดญะมาอะฮฺ
เหตุผลของการบัญญัตล
ิ ะหมาดญะมาอะฮฺ
การละหมาดญะมาอะฮฺเป็ นการเคารพภักดีทยิ ี่ งใหญ่
่
เป็ นการแสดงออกอันประจักษ ์ถึงความร ักและความเมตตาทีมี ่ ต่อกั
นและความเสมอภาคระหว่างบรรดาผูศ้ รัทธา
เนื่ องจากมีการรวมตัวกันเล็กๆ จานวนห ้าครงในหนึ
้ั ่ งวัน
่ ความหมายมาก ภายใต ้การนาอันหนึ่ งเดียว
(วันกับคืน) ซึงมี
ในทิศทางเดียวกัน เป็ นเหตุให ้หัวใจมีความสามัคคี บริสุทธิ ์
่
และนามาซึงความร ่ ต่อกัน
ักและความสัมพันธ ์ทีมี
และทาลายความแตกต่างระหว่างกัน
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บการละหมาดญะมาอะฮฺ
การละหมาดญะมาอะฮฺเป็ นข ้อบังคับ (วาญิบ)
สาหร ับผูช ่ นอิสระ(ไม่ใช่ทาส)
้ ายทีเป็
้
และมีความสามารถทังในยามที ่ นทางและไม่เดินทาง
เดิ
อัลลอฮฺได ้ตรัสไว ้ว่า
َ َ ٓ ۡ َ َ َّ َ َ ۡ َََ ۡ َ َ
﴾.... ٱلصل َٰو َة فل َتق ۡم َطائِفة م ِۡنهم َّم َعك ت لهم َ ِإذا ك
نت فِي ِهم فأقم ﴿و
]102 :[النساء
่ ้าอยู่ในหมูพ
“และเมือเจ ่ วกเขา แล ้วเจ ้าได ้ให ้พวกเขาละหมาด
ก็จงให ้มีกลุ่มหนึ่ งจากพวกเขาละหมาดพร ้อมกับเจ ้า” (อัน-นิ สาอ ์
102)
51
่
การสังใช ่ ้องปฏิบต
้ในอายะฮฺข ้างต ้นเป็ นการบังคับทีต ั ิ
นี่ คือการละหมาดญะมาอะฮฺในยามทีมี
่ ความหวาดกลัวหรือยามสง
คราม
ฉะนั้นในยามปกติและปลอดภัยจึงมีความจาเป็ นต ้องปฏิบต ิ่ า
ั ยิ งกว่
่ ท
สิงที ่ าให ้ละหมาดญะมาอะฮฺถก
ู ต ้องใช ้ได ้
ละหมาดญะมาอะฮฺจะถูกต้องใช ้ได ้ต้องประกอบด้วยอีหม่ามและมะ
มูน(ผูน้ าและผูต้ าม)ถึงแม้จะเป็ นผูห้ ญิงก็ตาม
่ ษอบูมูซาเล่าว่า “สองคนขึนไปถื
ดังทีหะดิ ้ อว่าญะมาอะฮฺ”
(บันทึกโดย อิบนุ มาญะฮฺ)
่
สถานทีละหมาดญะมาอะฮฺ
ส่งเสริมให ้ละหมาดญะมาอะฮฺทมั ี่ สญิด
่ นได
และอนุ โลมให ้ละหมาดทีอื ่ ้ในกรณี มค ี วามจาเป็ น
52
การละหมาดย่อ
ความหมายของการย่อละหมาด
การละหมาดย่อเนื่ องจากเดินทาง คือ
การทาให ้ละหมาดสีร็่ อกอะฮฺเหลือสองร็อกอะฮฺ
่ นสิงส
ซึงเป็ ่ าคัญทีสื ่ อความหมายว่
่ าบทบัญญัตอ ิ ส
ิ ลามเอาใจใส่ตอ
่ ส
ภาพของมุสลิม และบรรลุถงึ การให ้ความสะดวกอย่างแท ้จริง
การละหมาดย่อมีหลักฐานจากอัลกุรอานและหะดีษ
และอนุ มตั ใิ ห ้กระทาได ้โดยมติเอกฉันท ์ของประชาชาติมุสลิม
้
การละหมาดย่อสามารถกระทาได ้ทังในยามปกติ ่
สงบสุขและอืน
ๆ
การละหมาดย่อสามารถกระทาได้ในทุกสภาพ
ในภาวะทีมี่ ความปลอดภัย หรือภาวะทีมี
่ ความหวาดกลัว
ความหวาดกลัวทีถู่ กกล่าวถึงในอัลกุรอานนั้นคือสภาพโดยมาก
เนื่ องจากโดยมากแล ้วการเดินทางย่อมมีความหวาดกลัว
้
ท่านอะลีได ้ถามอุมรั วฺ ่า ท่านจะละหมาดย่ออีกหรือ ? ทังๆ
่
ทีเราอยู ่ในภาวะปลอดภัยแล ้ว อุมรั ต ฺ อบว่า
“ฉันก็เคยแปลกใจเช่นเดียวกับท่าน ฉันเลยถามท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านเราะสูลก็ตอบว่า
“นั่นคือทานทีอั
่ ลลอฮฺมอบแก่พวกท่าน จงร ับไว ้เถิด” (บันทึกโดย
มุสลิม)
53
่ โลมให ้ละหมาดย่อได ้
ระยะทางทีอนุ
่ ยกว่าการเดินทางโดยยึดตามจารีตประเพณีแ
คือทุกระยะทางทีเรี
ละมีการเตรียมเสบียงสัมภาระ
่
จุดทีจะเริ ่
มละหมาดย่ อ
่
เริมละหมาดย่ ่ นทางออกจากอาคารบ ้านเรือนในถินที
อได ้เมือเดิ ่ เข
่
าอยู่อาศัย โดยยึดตามจารีตประเพณี
เนื่ องจากอัลลอฮฺใด ้ทาสาเหตุของการละหมาดย่อคือการท่องไปบน
ผืนแผ่นดิน และจะไม่ถูกเรียกว่าท่องไปบนผืนแผ่นดิน
จนกว่าจะแยกออกจากอาคารถินที ่ อยู
่ ่อาศัยของเขา
การละหมาดรวม
การละหมาดรวมเป็ นการอนุ โลมในเฉพาะกรณี
้ั
(บางครงบางคราว) เนื่ องจากมีความจาเป็ น
้
และบรรดาอุละมาอฺส่วนมากเห็นว่าควรละทิงการละหมาดรวม
นอกจากกรณี ทมี ี่ ความจาเป็ นทีเห็
่ นได ้ชัดเท่านั้น
เนื่ องจากท่านเราะสูลไม่ได ้ละหมาดรวมนอกจากเพียงไม่กคร ี่ ง้ั
และทุกคนทีได ่ ้ร ับการอนุ โลมให ้ละหมาดย่อ
ย่อมได้รับการอนุ โลมให ้ละหมาดรวมได ้ แต่ไม่ได ้หมายความว่า
ทุกคนทีได ่ ้ร ับการอนุ โลมให ้ละหมาดรวม
จะได ้รับการอนุ โลมให ้ละหมาดย่อได ้
(ละหมาดย่อในกรณี เดินทางเท่านั้น)
54
การละหมาดรวมแบบตักดีมและตะคีร
่ ให ้ละหมาดรวมตามสภาพทีสะดวกที
• ทางทีดี ่ ่ ด
สุ
ไม่ว่าจะเป็ นการรวมแบบตักดีมและตะคีรเนื่ องจากเป้ าหมายหรือเจต
นารมณ์ของการละหมาดรวมนั้น
คือการผ่อนปรนและให ้มีความสะดวก
้
หากว่าการละหมาดรวมทังสองรู ปแบบมีความสะดวกเท่ากันๆ
่ ควรละหมดรวมแบบตะคีร
ทางทีดี
่
และเมือคนเดิ ี่ กทางทีดี
นทางหยุดอยู่ทพั ่ ( ตามสุนนะฮฺ )
ให ้ละหมาดตามเวลา ( ย่อโดยไม่รวม )
การสุญูดสะฮฺวย
ี ์
อัส-สะฮฺว ์ คือการลืมในขณะทีท ่ าการละหมาด
่ ถู
การสุญูดสะวีย ์เป็ นสิงที ่ กบัญญัตไิ ว ้สาหร ับผูท้ มี
ี่ การลืมขณะทีท
่ า
การละหมาดโดยมติเอกฉันของประชาติอส ิ ลาม
่ ่
เนื องจากมีแบบอย่างและคาสังจากท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
55
การละหมาดตะเฏาวุอฺ ( ภาคสมัครใจ )
เหตุผลของการบัญญัตก
ิ ารละหมาดตะเฏาวุอฺ
ส่วนหนึ่ งจากความโปรดปรานของอัลลอฮฺทมี ี่ ต่อปวงบ่าวของพระ
องค ์
นั่นคือให ้บ่าวมีการเคารพภักดีทสอดคล ี่ ้องกับธรรมชาติของการเป็
นมนุ ษย ์
และการเคารพภักดีทท ี่ าให ้บรรลุเป้ าหมายทีพระองค
่ ์ต ้องการโดยก
ารปฏิบต ั ท ี่ กต ้อง
ิ ถู
เนื่ องจากมนุ ษย ์นั้นถูกชักนาสู่ความผิดพลาดและบกพร่อง
พระองค ์จึงบัญญัตส ิ่ มาเติ
ิ งที ่ มเต็มให ้สมบูรณ์และทดแทน
ส่วนหนึ่ งจากสิงนั่ ้นก็คอ ื การละหมาดภาคสมัครใจ
่ รายงานจากท่านเราะสูลว่าการละหมาดตะเฏาวุอจ
ดังทีมี ฺ ะเติมเต็มใ
ห ้ละหมาดฟัรฎม ู ค
ี วามสมบูรณ์ หากเขากระทาบกพร่อง
ตะเฏาวุอท ่ี
ฺ ประเสริ ่ ด (การกระทาภาคสมัครใจทีดี
ฐทีสุ ่ เลิศ)
่
การกระทาภาคสมัครใจทีประเสริ ฐสุดคือ
การเสียสละต่อสู ้ในหนทางของอัลลอฮฺ ต่อจากนั้นคือ
การศึกษาหาความรู ้ และการสอน อัลลอฮฺได ้ตรัสไว ้ว่า
56
ต่อจากนั้นคือ การละหมาด
และขณะเดียวกันการละหมาดเป็ นการเคารพภักดีของร่างกายทีปร ่
ะเสริฐสุดเนื่ องจากท่านเราะสูลกล่าวว่า “พวกท่านจงยืนหยัดเถิด
และพวกท่านไม่สามารถทาได้ครบถ้วน และพึงทราบเถิด
่
แท ้จริงการงานทีประเสริ ฐสุดของพวกท่านคือการละหมาด”
(บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ) ส่วนหนึ่ งจากการละหมาดตะเฏาวุอฺ
การละหมาดยามค่าคืน
การละหมาดยามค่าคืนประเสริฐกว่าการละหมาดตอนกลางวัน
และส่วนหลังของยามค่าคืนนั้นดีทสุ ี่ ด ตามทีนบี
่
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าวไว ้ว่า
“พระผูอ้ ภิบาลของเราผูท้ รงจาเริญ ทรงสูงส่ง
้
จะลงมายังฟ้ าแห่งโลกนี ในทุ กค่าคืน เมือเลยเที
่ ่ นแล ้ว”
ยงคื
(บันทึกโดยมุสลิม)
การละหมาดตะฮัจญุดนั้นหมายถึงละหมาดทีปฏิ ่ บตั ห
ิ ลังจากการน
อนหลับ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า
่ ในอายะฮฺทเกี
อันนาชิอะฮฺ(ทีระบุ ี่ ยวข
่ ้องกับการละหมาดกลางคืน)
คือการละหมาดหลังจากการนอนหลับ
ละหมาดฎห ุ า
ส่งเสริมให ้ปฏิบตั บ ้ั
ิ างครงบางคราว(ไม่ กระทาสม่าเสมอ)
เนื่ องจากมีหะดีษจากอบีสะอีด
“ท่านนบีเคยละหมาดฎฮ ุ าอย่างต่อเนื่ อง จนกระทังพวกเรากล่
่ าวว่า
้ กแล ้ว และท่านละทิง้ จนกระทั่งพวกเรากล่าวว่า
ท่านจะไม่ละทิงอี
57
ท่านจะไม่กระทาอีกเลย” ”(บันทึกโดยอะหมัด และอัต-ติรมิซยี ์
และท่านกล่าวว่าเป็ นหะดีษหะสัน เฆาะรีบ )
จานวนน้อยสุดคือสองร็อกอะฮฺ และท่านเราะสูลเคยละหมาดสี่ หก
และมากสุดคือ แปดร็อกอะฮฺ
่
และไม่มเี งือนไขว่ าต ้องทาแบบนั้นเป็ นประจา
58
เราะฎิยลั ลอฮุอน
ั ฮฺ ก็ได ้สุญูดเมือรู ่ ้ข่าวว่าอัลลอฮฺอภัยแก่เขาแล ้ว
่
( เรืองราวของท่ านเป็ นทีร่ ับรู ้กัน )
ลักษณะและรายละเอียดการสุญูด เหมือนกับสุญด
ู ุตติลาวะฮฺ
รูปแบบการละหมาด
ละหมาดติดต่อกันโดยไม่น่ ังตะชะฮุดเลย
นอกจากร็อกอะฮฺสุดท้าย
59
สลามทุกสองร็อกอะฮฺ และปิ ดด้วยร็อกอะฮฺเดียว
โดยมีการอ่านตะชะฮุด และสลาม และลักษณะนีดี ้ ทสุ
ี่ ด
ั ิ และทาอย่างสม่าเสมอ
เพราะท่านเราะสูลได ้ปฏิบต
ละหมาดเราะวาติบทีเน้ ่ นยาให
้ ้ปฏิบต ิ ั้นมีสบ
ั น ิ สองร็อกอะฮฺ
สีร็่ อกอะฮฺกอ
่ นซุฮริ และหลังอีกสอง สองร็อกอะฮฺหลังมัฆริบ
สองร็อกอะฮฺหลังอิชาอ ์ และสองร็อกอะฮฺกอ ่ นศุบห ์
60
การละหมาดวันศุกร ์
ความประเสริฐของวันศุกร ์
่ ทสุ
วันศุกร ์เป็ นวันทีดี ี่ ด ซึงอั
่ ลลอฮฺได ้คัดเลือกให ้กับประชาชาตินี้
่ ญาตให ้รวมตัวกัน และส่วนหนึ่ งจากเหตุผลคือ
เป็ นวันทีอนุ
ให ้มุสลิมได ้ทาความรู ้จักกัน คุนเคย
้ ช่วยเหลือ
ให ้ความเมตตาแก่กน ั วันศุกร ์เป็ นวันตรุษของสัปดาห ์
และดีทสุี่ ดของทุกๆวัน
บทบัญญัตข
ิ องการละหมาดวันศุกร ์
การละหมาดวันศุกร ์เป็ นบัญญัตบ
ิ งั คับ อัลลอฮฺได้ตรัสไว ้ว่า
ۡ َِلصلَ َٰوة ِ مِن يَ ۡو ِم ٱلۡجم َعةِ ف َ َ
ۡ َ
ٱس َع ۡوا إِل َٰى ذِك ِر َ يأ ُّي َها ٱلَّذ
َّ ِين َء َامن ٓوا إ َذا نود َِي ل َٰٓ ﴿
ِ
َۡ ۡ
]9 : ﴾ [الجمعة.... ٱّلل ِ وذروا ٱل َبيع
َ َ َّ
่ เสียงเรียกสู่การละหมาดวันศุกร ์
“โอ ้บรรดาผูศ้ ร ัทธา เมือมี
้
จงรีบเร่งสู่การราลึกถึงอัลลอฮฺ และจงละทิงการค ้าขาย” (อัล-
ญุมุอะฮฺ 9)
ละหมาดวันศุกร ์มีสองร็อกอะฮฺ
ส่งเสริมให ้อาบน้าเพือละหมาดวั
่ ้ เนิ่ นๆ
นศุกร ์ และไปมัสญิดตังแต่
่ ้องละหมาดวันศุกร ์
บุคคลทีต
่
คือ มุสลิมชายทุกคน ทีบรรลุ ศาสนภาวะ เป็ นอิสระ ( มิใช่ทาส)
่ มอ
ซึงไม่ ่ ้ร ับการอนุ โลมให ้ละทิงได
ี ุปสรรคใดๆ ทีได ้ ้
61
เวลาละหมาดวันศุกร ์
ละหมาดวันศุกร ์ถือว่าใช ้ได ้ก่อนและหลังตะวันคล้อย
และหลังตะวันคล้อยดีกว่า
เนื่ องจากเป็ นเวลาทีท่
่ านเราะสูลละหมาดเป็ นส่วนมาก
่ ท
สิงที ่ าให ้ละหมาดวันศุกร ์มีผลใช ้ได ้
่ คนจานวนมากรวมตัวกันต
ละหมาดวันศุกร ์จะมีผลใช ้ได ้ก็ต่อมือมี
ามจารีตประเพณี (ปกติวสิ ยั )
่
เงือนไขที
ท ่ าให ้ละหมาดวันศุกร ์ถูกต ้อง
่
เงือนไขที ่ าให ้ละหมาดวันศุกร ์ถูกต ้องใช ้ได ้ 5 ประการ
ท
เข ้าเวลาละหมาด การตังเจตนา ้
เป็ นการละหมาดของคนทีอยู ่ ่ในท ้องที่
มีผรู ้ ว่ มละหมาดทีอยู่ ่ในเกณฑ ์มากตามจารีตประเพณี
่ ้วยสองคุฏบะฮฺ ทีประกอบด
เริมด ่ ้วย การสรรเสริญอัลลอฮฺ
การสดุดแี ละขอพรแก่ทา่ นเราะสูล อ่านหนึ่ งโองการจากอัลกุรอาน
และสังเสี ่ ยกันให ้มีความยาเกรงต่ออัลลอฮฺ
อ่านเสียงดังให ้จานวนผูท้ อยู ี่ ่ในเกณฑ ์ได ้ยิน
62
้
การละหมาดอีดทังสอง
เหตุผลของการบัญญัตล
ิ ะหมาดอีด
การละหมาดอีดเป็ นสัญลักษณ์ทเด่ ี่ นชัดของศาสนาอิสลาม
และเป็ นลักษณะพิเศษของประชาชาตินี้
่
เพือบรรลุ การขอบคุณต่ออัลลอฮฺในการถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน
และการปฏิบต ั พ
ิ ธิ ห ้ เป็ นการเรียกร ้องสู่ความร ัก
ี จั ญ ์ และนอกจากนี ก็
ความเมตตาต่อกันระหว่างมุสลิม เรียกร ้องความสามัคคี
และให ้จิตใจบริสุทธิแก่ ์ กน ั
บทบัญญัตข
ิ องการละหมาดอีด
การละหมาดอีดเป็ นการบังคับภาพรวม (ฟัรฎก ู ฟ ิ ายะฮฺ
มิใช่รายบุคคล)
ท่านเราะสูลและบรรดาเคาะลีฟะฮฺหลังจากท่านได ้ปฏิบต ั อิ ย่างต่อเนื่
่ นยาให
อง เป็ นละหมาดทีเน้ ้ ้มุสลิมทุกคนปฏิบตั ิ
่ ได ้อยู่ในการเดินทางปฏิบต
และบัญญัตใิ ห ้คนทีไม่ ั ิ
่
เงือนไขของการละหมาดอี
ด
่
มีเงือนไขเช่นเดียวกับละหมาดวันศุกร ์
้ั
เพียงแต่คุฏบะฮฺทงสองอยู ่หลังละหมาด
และมิใช่เป็ นข ้อบังคับหรือวาญิบ
63
เวลาละหมาดอีด
่
เริมจากดวงอาทิ ้
ตย ์ขึนประมาณเท่ ากับความยาวของหอกจนถึงต
่ นคล ้อยแล ้ว
ะวันคล ้อย แต่หากรู ้ว่าเป็ นวันอีดหลังจากทีตะวั
้
ให ้ชดเชยในวันรุง่ ขึนในเวลาของละหมาดอี ด
วิธล
ี ะหมาดอีด
คือละหมาดสองร็อกอะฮฺ เนื่ องจากคากล่าวของอุมรั ท ฺ ว่ี่ า
“ละหมาดอีดฟิ ตริสองร็อกอะฮฺ และอีดอัฎหา สองร็อกอะฮฺ
เป็ นการละหมาดปกติมใิ ช่ละหมาดย่อ
่
ซึงตามแบบอย่ างของท่านนบี
่ ร ้ายย่อมขาดทุน” (บันทึกโดยอะหมัด)
และแท ้จริงบุคคลทีใส่
และละหมาดก่อนคุฏบะฮฺ ในร็อกอะฮฺแรกตักบีรห ฺ กครงั้
หลังจากตักบีรเฺ ข ้าพิธ ี (ตักบีเราะตุลอิห ์รอม)
่ านอะอุซบ
และก่อนทีจะอ่ ุ ล
ิ ลาฮฺ
ี่
และในร็อกอะฮฺทสองตั กบีรห ั้ อนทีจะอ่
ฺ ้าครงก่ ่ านฟาติหะฮฺ
่
สถานทีละหมาดอี
ด
่ ยมไว ้เพือละหมาด)
คือ มุศ็อลลา (สนามทีเตรี ่
่
สิงควรปฏิ
บต ้
ั ใิ นอีดทังสอง
ควรกล่าวตักบีรฺ มุฏลัก(ทั่วไปมิใช่กรณี หลังละหมาดห ้าเวลา)
้
และกล่าวด ้วยเสียงดังในคืนอีดทังสอง อัลลอฮฺได ้ตร ัสไว ้ว่า
َ ۡ ۡ َّ َ َّ َ ۡ َّ َ
]185 :… فعِدة مِن أيام أخ َر ي ِريد ٱّلل بِكم ٱليسر …﴾ [البقرة.﴿
64
่ พวกเจ
“และเพือที ่ ้าจะได ้ให ้ครบถ ้วน
่ านวนวัน(ของเดือนรอมฏอน)
ซึงจ
่
และเพือพวกเจ ่ พระองค
้าจะได ้ให ้ความเกรียงไกรแด่อลั ลอฮ ์ในสิงที ่ ์
ทรงแนะนาแก่พวกเจ ้า” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 185)
้
และอิมามอะหมัดกล่าวว่า อิบนุ อุมรั เฺ คยกล่าวตักบีรใฺ นอีดทังสอง
และในสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺน้ัน มีหลักฐานว่า
َ ۡ َّ َّ َ َّ ۡ ََۡ
ٓ ِ ويذكروا ٱس َم ٱّللِ ف...﴿
]28 :ى أيام معلومَٰت …﴾ [الحج
“และเพือให ่ ้พวกเขาราลึกถึงพระนามของอัลลอฮฺในวันต่างๆ
ทีรู่ ้กัน” (อัล-หัจญ ์ 28)
65
ควรรับประทานอินทผลัมก่อนออกไปละหมาดอีดฟิ ฏรฺ
และไม่ควรรับประทานอาหารก่อนออกไปละหมาดอีดอัฎฮา
่ จะรอร
เพือที ่ ้ รบ่านเป็ นลาดับแรกก่อนจะทานอย่างอื่
ับประทานเนื อกุ
น
ละหมาดขอฝน
เหตุผลของการบัญญัตล
ิ ะหมาดขอฝน
อัลลอฮฺได ้บังเกิดมนุ ษย ์และใหม้ ส
ี ญ
ั ชาตญาณทีต ่ ้องหันหน้าสู่พระ
่
องค ์เมือเขาประสบกั บความเดือดร ้อน
และการขอฝนก็เป็ นสิงที่ ประจั
่ กษ ์ชัดจากสัญชาตญาณ
่ ่
ซึงมุสลิมจะหันหน้าสู่พระเจ ้าของเขาเพือขอน ้าเมือเขาประสบกั
่ บคว
ามเดือดร ้อน
ความหมาย การอิสติสกออ ์
คือการขอน้าฝนจากอัลลอฮฺ ให ้กับบ ้านเมืองและผูค้ น
โดยการละหมาด วิงวอน และขออภัยโทษ
บทบัญญัตข
ิ องการละหมาดขอฝน
่ เน้
เป็ นสิงที ่ นหนักให ้ปฏิบต ่ านเราะสูล
ั ิ ดังทีท่
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยปฏิบต ั ิ
และประกาศให ้ผูค้ นออกไปละหมาดทีมุ ่ ศอลลา
่ ยมไว ้สาหร ับการละหมาด)
(ทีเตรี
66
เวลา รูปแบบ และบัญญัตต ิ ่างๆของการละหมาดขอฝน
เช่นเดียวกับการละหมาดอีด
ส่งเสริมให ้อิหม่ามประกาศเวลาละหมาดล่วงหน้า
และเรียกร ้องให ้มีการสานึ กผิดจากบาปและการละเมิดต่างๆ
เชิญชวนให ้มีการถีอศีลอด บริจาคทาน
และละเลิกความบาดหมางกัน
เพราะบาปต่างๆเป็ นสาเหตุของความแห ้งแล ้ง
่
ดังทีการภักดีก็เป็ นเหตุของความดีและความจาเริญ
ละหมาดสุรยิ ะคราสและจันทรคราส
นิ ยามและเหตุผลของการบัญญัตล
ิ ะหมาดสุรยิ ะคราสและจันทร
คราส
่
กุสูฟ คือ การทีแสงของดวงอาทิ ตย ์และดวงจันทร ์หายไป
เป็ นส่วนหนึ่ งจากสัญญาณของอัลลอฮฺทเรี ี่ ยกร ้องให ้มนุ ษย ์สู่การเต
รียมตัว และพึงระวังการสอดส่องของอัลลอฮฺ
่
และให ้พึงพาต่ ่ ดการเปลียนแปลงต่
อพระองค ์ในยามทีเกิ ่ างๆ
่
และให ้ใคร่ครวญในความยิงใหญ่ ่
ในการทีพระองค ้ าง
์สร ้างโลกนี อย่
ประณี ต และพระองค ์เท่านั้นทีควรได
่ ้ร ับการเคารพภักดี
้ ่
ดังนันเมือเกิดสุรยิ ะคราสหรือจันทรคราส
จึงส่งเสริมให ้ละหมาดกุสูฟแบบญะมาอะฮฺ
َۡ َ َّ َ َ َۡ َّ َّ ﴿ َوم ِۡن َء َايَٰتِهِ ٱل َّ ۡيل َو
ٱلن َهار َوٱلش ۡمس َوٱلق َمر لا ت ۡسجدوا ل ِلش ۡم ِس َولا ل ِلق َم ِر
َ ۡ َ َّ ۡ َّ َ َ َ َّ َ
]37 :﴾ [فصلت٣٧وْۤاوُدُجۡسٱ ِۤهَّلِل ٱلذِي خلقهن إِن كنتم إِياه تعبدون
67
“และส่วนหนึ่ งจากสัญญาณของพระองค ์
คือกลางคืนและกลางวัน ดวงอาทิตย ์และดวงจันทร ์
พวกเจ ้าอย่าได ้กราบแก่ดวงอาทิตย ์และดวงจันทร ์
แต่จงกราบแด่อลั ลอฮฺผทรงสร
ู้ ้างพวกมัน
ถ ้าหากพวกเจ ้านั้นเป็ นผูท้ เคารพภั
ี่ กดีพระองค ์” (ฟุศศิลต
ั : 37)
เวลาละหมาดสุรยิ ะคราสและจันทรคราส
่
เริมจากเกิ ้
ดสุรยิ ะคราสหรือจันทรคราสจนสินหายไป
และไม่ต ้องละหมาดชดถ ้าไม่ทน ่ รยิ ะคราสหรือจันทรครา
ั หลังจากทีสุ
สได ้เปลียนไปเป็ นปกติ
รูปแบบการละหมาดสุรยิ ะคราสและจันทรคราส
คือ ละหมาดสองร็อกอะฮฺ
ในร็อกอะฮฺแรกอ่านสูเราะฮฺอลั ฟาติหะฮฺและสูเราะฮฺยาวๆ
ด ้วยเสียงดัง จากนั้นก็ให ้รุกูอ ์นานๆ แล ้วก็เงยศีรษะขึน้
กล่าวสะมิอลั ลอฮู ลิมน ั หะมิดะฮฺและอ่านตะห ์มีด (ร็อบบะนา
วะละกัลหัมดฺ ) แล ้วอ่านฟาติหะฮฺและสูเราะฮฺยาวๆ จากนั้นก็รุกูอ ์
แล ้วก็เงยศีรษะขึน้ จากนั้นก็สุญูดสองครงนานๆ้ั
และในร็อกอะฮฺทสองใหี่ ้ทาเหมือนกับร็อกอะฮฺทหนึ ี่ ่ ง
้
แต่ให ้สันกว่ าในทุกๆ การกระทา
และยังมีการละหมาดในรูปแบบอืนๆ ่
แต่น่ี คือรูปแบบทีสมบู่ ิ่ า และมีสายรายงานแข็งแรงกว่า
รณ์ยงกว่
และหากจะละหมาดด ้วยสามหรือสีหรื ่ อห ้ารุกูอ ์ก็ไม่เป็ นไร
่ าเป็ นต ้องกระทาเช่นนั้น
เมือจ
68
การจัดการศพ
มนุ ษย ์ทุกคนต้องตายแม้จะมีอายุยน ื ยาวก็ตาม
่
และต ้องเคลือนย้ายจากโลกแห่ งการปฏิบต ั สิ โู่ ลกแห่งการตอบแทน
และส่วนหนึ่ งจากหน้าทีของมุ
่ ่ ต่อพีน้
สลิมทีมี ่ องมุสลิมด ้วยกันคือ
่
เยียมเยี ่
ยนเมือเขาเจ็ ่
บป่ วย ไปส่งศพเมือเขาตาย
่
ส่งเสริมให ้เยียมผู ่ ย
ป่้ วย ตักเตือนให ้เขาสานึ กผิดและให ้สังเสี
ี่
ส่งเสริมให ้ผูท้ ใกล ้จะตายหันหน้าสู่กบ ิ ลัต
โดยให ้นอนตะแคงขวาและหันหน้าสู่กบ ิ ลัตหากไม่ลาบาก
แต่ถ ้ามีความลาบากก็ให ้นอนหงาย ยืนเท ่ ้าไปทางกิบลัต
และยกศีรษะสูงเล็กน้อยเพือให ่ ้หันหน้าสู่กบ ิ ลัต
จากนั้นก็สอนเขาให ้กล่าวคาปฏิญาณตนลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ
และใช ้น้าหรือเครืองดื
่ มหยดที
่ ่
กระเดื อก และให ้อ่านสูเราะฮฺ ยาสีน
ใกล ้ๆ เขา
่ สลิมเสียชีวต
เมือมุ ้
ิ ส่งเสริมให ้ปิ ดตาทังสองของเขา
้
ผูกขากรรไกรทังสองของเขาด้วยผ้ า และขยับข ้อพับต่างๆ
อย่างเบาๆ วางให ้สูงจากพืนดิ้ น เปลืองเสื
้ ้ าออก ปกปิ ดเอาเราะฮฺ
อผ้
่
และวางบนเตียงทีอาบน ้าศพโดยหันไปทางกิบลัตและตะแคงขวาหา
กสะดวก ถ ้าไม่สะดวกก็ให ้นอนหงายและยืนเท ่ ้าไปทางกิบลัต
การอาบน้าศพ
ี่
ผูท้ สมควรยิ ่
งในการอาบน ้าศพ คือผูท้ เขาสั
ี่ ่ ยไว ้
งเสี
จากนั้นคือพ่อและปู่ ของเขาตามลาดับ
69
จากนั้นบุคคลทีเป็ ่ นญาติใกล ้ชิดทีสุ่ ด
ี่
ส่วนผูท้ สมควรยิ ่
งในการอาบน ้าศพแก่ผหญิ
ู ้ งคือ
่
ผูท้ เขาได
ี ่ ้
้สังเสียไว ้ จากนันคือมารดา ต่อมาคือย่า
จากนั้นญาติใกล ้ชิดทีเป็ ่ นผูห้ ญิง
สามีและภรรยาทีเป็ ่ นมุสลิมสามารถอาบน้าศพแก่กน ั ได ้
่
เงือนไขของผู ี่
ท้ จะอาบน้าศพคือต ้องมีสติสม
ั ปชัญญะ รู ้เดียงสา
่
รู ้บทบัญญัตเิ กียวการอาบน ้าศพ
ลักษณะการอาบน้าศพ
่ มท
เมือเริ ่ าการอาบน้าศพ ให ้ปกปิ ดเอาเราะฮฺของศพ
จากนั้นยกศีรษะของศพให ้สูงขึน้ จนใกล ้เคียงกับท่านั่ง
และรีดท ้องเบาๆ และรดน้าเยอะๆ
จากนั้นใช ้ผ้าชินเล็้ กพันมือถูทาความสะอาด
จากนั้นควรอาบน้าละหมาดให ้ศพ หลังจากทีใช ่ ้ผ้าชินอื
้ นพั่ นมือ
แล ้วก็เจตนาอาบน้าศพ และกล่าวบิสมิลละฮฺ
แล ้วล ้างด ้วยน้าใบพุทราหรือสบู่ โดยเริมจากศี
่ รษะและเครา
้
จากนันก็ด ้านขวา ต่อมาด ้านซ ้าย
จากนั้นอาบซาอี ้ กเป็ นครงที้ั สองและสาม
่ ้ั
เหมือนกับครงแรก
หากไม่สะอาดต ้องเพิมจ ่ านวนครงอี ้ั กจนสะอาด
และครงสุ ้ั ดท ้ายให ้ใช ้น้าผสมการบูรหรือเครืองหอม
่
70
หากหนวดหรือเล็บยาวให ้ตัดออก แล ้วห่อด้วยผ้า
ส่วนผมของผูหญิ
้ งให ้ผูกจัดทาเป็ นสามส่วนและปล่อยไปด้านหลัง
การห่อศพ
ผูช้ ายส่งเสริมให ้ห่อด ้วยผ้าสามชัน้ สีขาว ผสมด ้วยเครืองหอม
่
ทับซ ้อนกันระหว่างชัน้ จากนั้นนาศพมาวางนอนหงายบนผ้า
่
เอาสาลีปิดทีทวารหนั กและทวารเบา
แล ้วผูกมัดด้วยเศษผ้าเหมือนกับกางเกงตัวเล็ก
่
และใช ้เครืองหอมในส่ ่
วนอืนๆของร่ างกาย
จากนั้นก็ให ้ดึงชายผ้าส่วนบนด ้านซ ้ายไปทางด ้านขวา
ด ้านขวาไปซ ้าย ชันที้ สองและสามก็
่ ทาเช่นเดียวกัน
และให ้ผูกชายผ้าส่วนทีเหลื ่ อด ้านศีรษะ และแก ้ออกเมือตอนฝั
่ ง
ส่วนศพเด็กผูช ้ ยว)
้ ายห่อด ้วยผ้าผืนเดียว (ชันเดี
และอนุ ญาตให ้ห่อด ้วยผ้าสามผืน
การอาบน้าศพเพียงครงเดี ้ั ยวซึงทั
่ ่วทุกส่วนของร่างกายถือว่าใช ้ไ
ด้ จะเป็ นศพชายหรือหญิงก็ตาม
่
และเช่นเดียวกันการห่อศพด ้วยผ้าผืนเดียวซึงปกปิ ดทุกส่วนของร่า
งกายถือว่าใช ้ได ้ จะเป็ นศพชายหรือหญิงก็ตาม
่ ยชีวต
เด็กทีเสี ่
ิ จากการแท ้ง เมือครบอายุ ่ อน
ครรภ ์สีเดื
้ อ่ อาบน้าศพ และละหมาดศพให ้
จะต ้องตังชื
71
การละหมาดศพ
่ตามสุนนะฮฺน้ันให ้อิหม่ามยืนตรงทีส ่ วนอกของศพผูช ้ าย
และตรงส่วนกลางของศพหญิง และกล่าวคาตักบีรส ั้ี่ ง
ฺ คร
้
ัโดยยกมือทังสองในการต กบีรท ัฺ้ ุกครง
ตักบีรค ั้
ฺ รงแรกให ้อ่านอะอูซบุ ล
ฺิ ลาฮฺ อ่านบิสมิลลาฮ
์ และสูเราะฮฺอลั ฟาติหะฮฺ (อ่านเบา) โดยไม่ต ้องอ่านดุอาอ ์อิสติฟตาห
แล ้วตักบีรค ้ั สอง
ีฺ รงท ่ ีและอ่าน เศาะละวาตต่อท่านนบ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตักบีรค ้ั สาม
ีฺ รงท ่ ์ และอ่านดุอาอ
وكبينا ،وذكرنا وأنثانا،
وصغينا ر
ر لحينا ّ
وميتنا ،وشاهدنا وغائبنا، اللهم اغفر ّ
شء قدير ،اللهم من أحييته منا إنك تعلم منقلبنا ومثوانا ،وأنت عىل كل ي
فأحيه عىل اإلسالم والسنة ،ومن توفيته منا فتوفه عليهما ،اللهم اغفر له
وارحمه ،وعافه واعف عنه ،وأكرم نزله وأوسع مدخله ،واغسله بالماء والثلج
ّ َر ر
واليد ،ونقه من الذنوب والخطايا كما ينق الثوب األبيض من الدنس،
خيا من زوجه ،وأدخله الجنة ،وأعذه من خيا من داره ،وزوجا روأبدله دارا ر
ّ
القي وعذاب النار ،وأفسح له يف َقيه ونور له فيه.
.عذاب َ
หากเป็ นศพของเด็กให ้กล่าวดุอาอ ์หลังจากประโยค
มันตะวัฟฟัยตะฮุมน
ิ นา ฟะตะวัฟฟะฮุอะลัยฮิมา ว่า
موازينهما به ثقل اللهم ،مجابا وشفيعا وفرطا ،لوالديه ذخرا اجعله اللهم
،إبراهيم كفالة في واجعله ،المؤمنين سلف بصالح وألحقه أجورهما به وأعظم
الجحيم عذاب برحمتك وقه
จากนั้นตักบีรค ี้ั ส
ีฺ รงท ุ่ และหย
่ ่ นึ่ ง
ดครูห
ีจากนั้นก็ให ้สลามเพียงครงเด
้ั ยวทางด ้านขวา
72
ความประเสริฐของการละหมาดศพ
ี่
ผูท้ ละหมาดศพจะได ้ผลบุญ หนึ่ งกีรอฏ
(กีรอฏหนึ่ งเท่ากับภูเขาอุหุด)
และหากเขาตามไปส่งจนกระทั่งฝังศพ เขาจะได ้ผลบุญสองกีรอฏ
ส่งเสริมให ้ผูช ่
้ ายสีคนแบกศพ ่
โดยจับคนละมุมของเตียงทีวางศพ
และควรรีบนาศพไปฝัง
่ นเท ้าให ้นาหน้าศพส่วนคนทีขั
คนทีเดิ ่ บขีพาหนะให
่ ้ตามหลัง
่ ต
การฝังและสิงที ่ ้องห ้ามปฏิบต
ั ใิ นสุสาน
ต้องขุดหลุมให ้ลึกและให ้ขุดลูกหลุม (โพรง)
่
เพือวางศพด ่ นไปทางกิบลัต ซึงดี
้านทีหั ่ กว่าขุดตรงกลางหลุม
ี่ าศพลงหลุมให ้กล่าวว่า
และผูท้ น
ّ
"" بسم الل وعىل ملة رسول هللا
แล ้ววางศพในลูกหลุมตะแคงขวาหันหน้าไปทางกิบลัต
จากนั้นให ้วางก ้อนดิน (อิฐ หิน)
้
แล ้วกลบดินและยกหลุมฝังศพให ้สูงกว่าพืนประมาณหนึ ่ งคืบแล ้วรด
น้า
73
้
ส่งเสริมให ้ทาอาหารเลียงครอบคร ่ าร ังเกียจ
ัวของผูต้ ายและเป็ นทีน่
้ อ้ น
หากครอบคร ัวของผูต้ ายทาอาหารเลียงผู ื่
ี่ ยมสุ
ผูท้ เยี ่ สานควรกล่าวว่า شاء إن وإنا مؤمنين قوم دار عليكم السالم
ّللا
الحقون بكم ه، ّللا يرحم والمستأخرين منكم المستقدمين ه، ّللا نسألولكم لنا ه
العافية، أجرهم تحرمنا ال اللهم، بعدهم تفتنا وال، ولهم لنا واغفر.
ี่
ผูท้ ประสบความเดื อดร ้อน หรือมีทุกข ์ ควรกล่าวว่า إليه وإنا هلل إنا
راجعون، مصيبتي في أجرني اللهم، منها خيرا لي واخلف
อนุ ญาตให ้ร ้องไห ้เงียบๆ เนื่ องจากอาลัยผูต้ าย และห ้ามฉี กเสือผ้
้ า
ตบแก ้ม พรรณนา โหยหวน และอืนๆ ่
การจ่ายซะกาต
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บซะกาต
่
ซะกาตตุลฟิ ฏรฺเป็ นองค ์ประกอบหรือโครงสร ้างหลักข ้อทีสามของ
อิสลาม
การจ่ายซะกาต
เหตุผลของการบัญญัตซ
ิ ะกาต
เหตุผลบางประการของการบัญญัตซ
ิ ะกาต
74
ชาระจิตใจให ้สะอาดจากความต่าช ้าของความตระหนี่ ความตะกล
ะและความละโมบ
นิ ยามซะกาต
่ ้องจ่ายแก่ผมี
คือปริมาณของทร ัพย ์สินทีต ู ้ สท ์ อครบพิ
ิ ธิเมื ่ กดั โดยมี
่
เงือนไขต่ ่ กบัญญัตไิ ว ้
างๆตามทีถู
75
สถานะของซะกาตในอิสลาม
ซะกาตเป็ นองค ์ประกอบหลัก(รุกน
่ )
่ กระบุพร ้อมกับการละหมาดในหลายๆโองการ
ของอิสลามซึงถู
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บซะกาต
ซะกาตนั้นเป็ นภาคบังคับเหนื อมุสลิมผูค้ รอบครองทร ัพย ์สินทีครบ ่
พิกด ่
ั โดยมีเงือนไขต่ างๆ
่ ลลอฮฺได ้บัญญัตไิ ว ้ในคัมภีร ์ของพระองค ์และท่านเราะสูล
ซึงอั
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
่ ้ปฏิบต
ได ้สังให ั ไิ ม่ว่าผูน้ ้นจะเป็
ั นผูเ้ ยาว ์หรือผูใหญ่
้ ผช
ู ้ ายหรือผูห้ ญิง
สุขภาพดีพก ิ ารหรือวิกลจริต อัลลอฮฺได้ตรัสไว ้ว่า
َ َ ۡ َ َٗ َ َ ۡ ََۡ ۡ ۡ
]103 :﴾ [التوبة....﴿خذ مِن أموَٰل ِ ِهم صدقة تط ِهرهم وتزك ِي ِهم
76
้
“โอ ้บรรดาผูศ้ ร ัทธาทังหลาย จงบริจาคส่วนหนึ่ งจากบรรดาสิงดี
่ ๆ
่ พวกเจ
ของสิงที ่ ้าได ้แสวงหาไว ้
่ ่
และจากสิงทีเราได ้ให ้ออกมาจากดินสาหร ับพวกเจ ้า” (อัล-
บะเกาะเราะฮฺ 267)
َ َ َّ َ َ َ َ َّ ََ
َٰ َٰ
]20 :﴾ [المزمل... وأقِيموا ٱلصلوة وءاتوا ٱلزكوة....﴿
เงินตรา ปศุสต ่
ั ว ์ พืชผลทีงอกเงยจากดิ
น
่ าการค ้าขาย
และสินค ้าทีท
77
เงินตราคือ ทองคา เงินและธนบัตรต่างๆ
่
ทองคาเมือครบพิ ั น้าหนัก 20 มิษกอล (ประมาณ 5.58 บาท)
กด
่
อัตราการจ่าย 2.5% โลหะเงินเมือครบพิ กดั 200 ดิรฮัม
อัตราการจ่าย 2.5% เช่นเดียวกับทองคา
ธนบัตรตระกูลต่างๆ ณ
ปัจจุบน ่ ราคาเทียบเท่าพิกด
ั เมือมี ั ทองคาหรือโลหะเงินให ้จ่ายในอัตร
่
า 2.5% เมือครบรอบปี
ปศุสต
ั ว ์คือ อูฐ วัว แพะหรือแกะ
วาญิบต ้องจ่ายซะกาตปศุสต ่ อยให ้เล็มหญ้าตามท ้องทุ่งหรือ
ั ว ์ทีปล่
้ หรือส่วนมากของปี
ทะเลทรายเป็ นเวลาทังปี
่
เมือครบพิ กดั และครบรอบปี โดยทีเลี ่ ยงไว
้ ่ ดนมและขยายพันธุ ์ต
้เพือรี
ามพิกดั ดังนี ้
78
และในทุกสีสิ ่ บตัวให ้จ่ายวัวตัวเมียทีมี ่ อายุครบสองปี หนึ่ งตัว
พิกด ั ของอูฐ อูฐ 5-9 ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ นแกะ 1 ตัว อูฐ 10-14
ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ นแกะ 2 ตัว อูฐ 15-19 ตัว
ให ้จ่ายซะกาตเป็ นแกะ 3 ตัว อูฐ 20-24 ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ นแกะ
4 ตัว อูฐ 25-35 ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ น บินตุมะคอฎ 1 ตัว
่ อายุครบหนึ่ งปี ) อูฐ 36-45 ตัว
(อูฐตัวเมียทีมี
ให ้จ่ายซะกาตเป็ นบินตุละบูน 1 ตัว (อูฐตัวเมียทีมี ่ อายุครบสองปี )
อูฐ 46-60 ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ นหิกเกาะฮ ์ 1 ตัว
(อูฐตัวเมียทีมี่ อายุครบสามปี ) อูฐ 61-75 ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ น
ญะซะอะฮ ์ 1 ตัว(อูฐตัวเมียทีอายุ ่ ครบสีปี่ ) อูฐ 76-90 ตัว
ให ้จ่ายซะกาตเป็ นอูฐตัวเมียทีมี ่ อายุครบสองปี 2 ตัว อูฐ 91-120
ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ น อูฐตัวเมียทีมี ่ อายุครบสามปี 2 ตัว อูฐ 121
ตัว ให ้จ่ายซะกาตเป็ นอูฐตัวเมียทีอายุ ่ ครบสองปี 3 ตัว
จากนั้นในทุกสีสิ ่ บตัวให ้จ่ายซะกาตเป็ นอูฐตัวเมียทีมี่ อายุครบสองปี
1 ตัว
และในทุกห ้าสิบตัวให ้จ่ายซะกาตเป็ นอูฐตัวเมียทีมี ่ อายุครบสามปี 1
ตัว
ถ ้าหากปศุสต ่
ั ว ์มีไว ้เพือการค ่
้าขายและเพือหาก ่
าไรเมือครบรอบปี ใ
ห ้ประเมินราคาแล ้วจ่ายซะกาตในอัตรา 2.5%
่
และถ ้ามิใช่เพือการค ้าขายก็ไม่ต ้องจ่ายซะกาต
• ต ้องจ่ายซะกาตเป็ นตัวเมียเท่านั้น
ส่วนการจ่ายตัวผูน้ ้ันใช ้ไม่ได ้นอกจากซะกาตวัวและอูฐทีเป็
่ นตัวผูส้
องปี สามปี หรือสีปี่ ซึงใช
่ ้จ่ายทดแทนอูฐตัวเมีย
ในกรณี ทมี ี่ เฉพาะตัวผูเ้ ท่านั้น
79
่ งอกเงยจากดิ
สิงที ่ น (พืชผล)
ต ้องจ่ายซะกาตพืชผลทุกชนิ ดทีเป็่ นเม็ดและผลไม้ลูกเล็กๆซึงใช
่ ้ก
่
ารวัดตวงและเก็บไว ้ได ้นานเช่นอินทผลัมและองุ ่นแห ้งเมือครบพิ
กดั
300 ทะนานนะบะวีย ์ เท่ากับ 624 กิโลกรัมโดยประมาณ
ผักและผลไม้อืนๆ่
่ าการค ้าขายหากเป็ นเช่นนั้น
ไม่ต ้องจ่ายซะกาตนอกจากมีไว ้เพือท
่
ต ้องจ่าย 2.5% จากมูลค่าเมือครบพิ กด
ั และครบรอบปี
่ ได
สิงที ่ ้มาจากทะเลเช่นไข่มุกหินปะการ ังและปลาไม่ต ้องจ่ายซะกา
่
ต แต่หากมีไว ้เพือการค ้าขายก็ให ้จ่ายซะกาตการค ้า 2.5%
่
จากมูลค่าเมือครบรอบปี และครบพิกด ั
อัรริกาซคือสมบัตท ี่
ิ เจอถู กฝังอยู่ในดินต ้องจ่ายซะกาตหนึ่ งส่วนห ้
าหรือ 20%
80
มีค่ามากหรือน้อยก็ตามและต้องจ่ายเหมือนกับทร ัพย ์ทียึ ่ ดได ้จากส
งครามโดยไม่ต ้องใช ้กาลัง
(คือหนึ่ งส่วนห ้าจ่ายเพือประโยชน์
่ ส่วนรวม
เครือญาติของท่านเราะสูล เด็กกาพร ้า คนขัดสน
่
และคนเดินทางทีขาดเสบี ยง) และอีกสีส่่ วนก็เป็ นสิทธิของผู
์ ค้ ้นพบ
่
สินทร ัพย ์เพือการค ่
้าต ้องจ่ายซะกาตเมือครบพิ กดั และครบรอบปี ใ
นอัตรา 2.5%
้
จากมูลค่าทังหมดและอนุ ญาตให ้ใช ้ตัวสินทร ัพย ์นั้นจ่ายเป็ นซะกาต
ได ้ ซะกาตค ้าขายนั้นควรแจกจ่ายแก่คนขัดสน
่
หากสินทรัพย ์มีไวเ้ พือครอบครองมิ ่ าการค ้าข
ได ้มีเป้ าหมายเพือท
ายก็ไม่ต ้องจ่ายซะกาต
81
การจ่ายซะกาต
เวลาจ่ายซะกาต
จาเป็ นต้องจ่ายซะกาตโดยเร็วเช่นเดียวกับการบนบานและกัฟฟาเ
่ โทษ)
ราะฮ ์ (สิงไถ่
่
เพราะสานวนคาสังโดยทั ่วไปแล ้วคือต ้องทาทันทีโดยเร็วเช่น
َ َّ َ َ َ
]277 :﴾ [البقرة ...ٱلزك َٰو َة وءاتوا....﴿
82
ข้อควรปฏิบต
ั ข
ิ ณะจ่ายซะกาต
่
ควรจ่ายอย่างเปิ ดเผยเพือให ้พ้นจากข ้อกล่าวหา
่
ให ้แจกจ่ายด ้วยตัวเองเพือให ้ถึงผูม้ ส
ี ท ์ างแท ้จริง
ิ ธิอย่
กล่าวดุอาอ ์ขณะจ่ายซะกาต
้ นกาไรและความสบายใจอย่าให ้เป็ นค่า
“โอ ้อัลลอฮฺโปรดให ้ทานนี เป็
ปรับ”
ผูร้ ับควรกล่าวว่า
“ขออัลลอฮฺตอบแทนผลบุญแก่ท่านในสิงที ่ ท่
่ านให ้
่ ท่
ขออัลลอฮฺให ้ท่านมีความจาเริญในสิงที ่ านเก็บไว ้และขอต่อพระอง
ค ์ให ้เป็ นการขัดเกลาแก่ท่าน”
ี่ ดสนทีไม่
ควรจ่ายซะกาตแก่เครือญาติทขั ่ ได ้อยู่ในการอุปการะตา
มหน้าที่
ผูม้ ส
ี ท
ิ ธิรบั ซะกาต
ผูม้ ส
ี ท
ิ ธิร ับซะกาตมี 8 จาพวกโดยถูกกล่าวไว ้ในอัลกุรอาน
อัลลอฮได ้ตรัสว่า
َ َّ َ ۡ َ َ َٰ َ ۡ َ ۡ
َٰ َ ٱلص َد َقَٰت ل ِلۡف َق َرا ٓ ِء َوٱل َم
َّ ﴿۞ إ َّن َما
ِين َعل ۡي َها َوٱلمؤلفةِ قلوبه ۡم ِين وٱلع ِمل
ِ سك ِ
َّ َّ ٗ َ َ َّ ۡ َ َّ َ َ َ َۡ َ َ
يل ف ِريضة م َِن ٱّللِ َوٱّلل
ِ ِ يل ٱّللِ وٱب ِن ٱلسب ِ ِ اب وٱلغ َٰ ِرمِين وفِى سب ِ ٱلرق ِ وفِى
َ
83
้
“แท ้จริงทานทังหลาย (ซะกาต)
นั้นเป็ นสิทธิสาหร ับบรรดาผูท้ ยากจน
ี่ บรรดาผูขั
้ ดสน
่
บรรดาเจ ้าหน้าทีจัดเก็บ บรรดาผูท้ ต ่
ี ้องโน้มน้าวจิตใจของพวกเขา
ใช ้ในการไถ่ทาส บรรดาผูม้ ห ้ น
ี นี สิ
ใช ้ในหนทางของอัลลอฮฺและผูเ้ ดินทางทีขาดเสบี่ ยงนั่นเป็ นบัญญัติ
จากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺทรงรอบรู ้ทรงปรีชาญาณ” (อัต-เตาบะฮฺ
60)
บุคคลเหล่านั้นคือ
บรรดาผูท้ ยากจน ี่
(ฟะกีร)ฺ คือผูท้ ไม่ ี่ มรี ายได ้แม้สก ั เล็กน้อยของความจาเป็ น
บรรดาผูท้ ขั ี่ ดสน
(มิสกีน)คือผูท้ มี ี่ รายได ้ครึงของความจ
่ าเป็ นหรือมากกว่าครึง่
เจ ้าหน้าทีคื ่ อผูจั้ ดเก็บผูดู้ แลหากไม่มค ี ่าตอบแทนทีเป็ ่ นเงินเดือน
ผูท้ ตี่ ้องโน้มน้าวจิตใจคือหัวหน้าหรือแกนนากลุ่มซึงคาดหวั ่ งว่าเขา
จะร ับอิสลามหรือยับยังความชั ้ ่ ้ายของเขาหรือการศร ัทธาของเขา
วร
จะมั่นคงหรือคนอืนจะร ่ ับอิสลามเพราะเขา
การไถ่ทาสคือทาสทีท ่ าสัญญากับนายว่าจะไถ่ตวั ให ้เป็ นอิสระ
ผูม้ ห
ี นี สิ้ นมี 2 ประเภท
มีหนี สิ ้ นเพราะไกล่เกลียข ่ ้อพิพาทระหว่างคู่กรณี
มีหนี สิ ้ นเพราะตัวเองโดยมีภาระหนี สิ ้ นมากและไม่มท ่
ี ร ัพย ์สินทีจะใช ้
หนี ้ ในหนทางของอัลลอฮฺคอ ื นักรบผูเ้ สียสละในหนทางของอัลลอฮฺ
การเรียกร ้องเชิญชวนสู่ศาสนาของอัลลอฮฺและสิงที ่ ช่ ่ วยหรือส่งเสริ
84
มในการเผยแพร่ศาสนา
่
คนเดินทางคือคนเดินทางทีขาดปั ่
จจัยทีจะกลั
บสู่ภูมล
ิ าเนาของเขา
ซะกาตตุลฟิ ฏรฺ
เหตุผลของการบทบัญญัตซ
ิ ะกาตตุลฟิ ฏรฺ
ส่วนหนึ่ งจากเหตุผลคือการขัดเกลาจิตใจผูที ่ อศีลอดจากสิงไร
้ ถื ่ ้ส
่
าระและการพูดจาหยาบคายซึงอาจจะเกิ ้
ดขึนและยั งเป็ นอาหารแก่ค
่
นขัดสนและยากจนโดยทีพวกเขาไม่ต ้องขอผูอ้ นในวั
ื ่ นอีด
่ นซะกาตุลฟิ ฏรฺ
ปริมาณและชนิ ดอาหารทีเป็
1 ทะนาน คือเท่ากับ 4 ลิตร หรือเท่ากับ 3 กิโลกรัมโดยประมาณ
โดยใช ้อาหารหลักของผูค้ นในเมืองนั้นๆไม่ว่าจะเป็ นข ้าวบาเล่ย ์
อินทผลัม ข ้าว องุ ่นแห ้งหรือเนยแห ้ง
่ ้องจ่าย
เวลาทีต
่ ้าสูค
จาเป็ นต ้องจ่ายเมือเข ่ น
ื ของวันอีดล
ิ ฟิ ฏรฺ
เวลาจ่ายทีอนุ ญาตคือหนึ งวันหรือสองวันก่อนวันอีดเนื่ องจากอับดุ
่ ่
ั เิ ช่นนั้น
ลลอฮุ บิน อุมรั ไฺ ด ้ปฏิบต
่
เวลาทีประเสริ ่
ฐคือเริมจากรุ ง่ อรุณของวันอีดจนถึงเวลาใกล ้ละหม
าดอีดเนื่ องจากท่านเราะสูลได ้สังให
่ ้จ่ายก่อนทีผู
่ คนจะออกไปละหม
้
าด
85
่ี ้องจ่ายซะกาตตุลฟิ ฏรฺ
ผูท้ ต
่ นมุสลิมเป็ นอิสระหรือทาส ชายหรือหญิง
คือทุกคนทีเป็
่ึ เหลือเพียงพอสาหร ับเป็ นอาหารของเขาในวันแ
เด็กหรือผูใ้ หญ่ซงมี
ละคืนของวันอีด และส่งเสริมให ้จ่ายแทนทารกทีอยู่ ่ในครรภ ์ด ้วย
ผูม้ ส
ี ท
ิ ธิร ับซะกาตุลฟิ ฏรฺ
คือผูม้ ส ิ ธิร์ ับซะกาตทัง้ 8
ี ท
จาพวกเพียงแต่คนขัดสนและยากจนสมควรยิงกว่ ่ าจาพวกอืนๆ ่
เพราะท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าว่า
้ นอีด)โดยทีไม่
“จงให ้พวกเขามีความเพียงพอในวันนี (วั ่ ต ้องขอจาก
ผูใ้ ด”
การถือศีลอด
บทบัญญัตข
ิ องการถือศีลอด
86
่ มีเพศสัมพันธ ์ และทุกสิงที
ดืม ่ ท ่ าให ้การถือศีลอดเสีย
้ แสงอรุณขึนจนกระทั
นับตังแต่ ้ ่งดวงอาทิตย ์ลับขอบฟ้ า
ประวัตก
ิ ารบัญญัตก
ิ ารถือศีลอด
อัลลอฮฺได ้บัญญัตก ิ ารถือศีลอดให ้กับประชาชาติของท่านนบีมห
ุ ั
่
มมัดดังทีพระองค ่ นหน้านี ้
์ได ้บัญญัตแิ ก่ประชาชาติกอ
่ ลลอฮฺได ้ตร ัสว่า
ดังทีอั
َ َ
َ ب عَلَى ٱلَّذ
ِين مِن َ ِ ٱلص َيام َك َما كت ََ َ
ِ ب عل ۡيكم َ يأ ُّي َها ٱلَّذ
ِ ِين َء َامنوا كت َٰٓ ﴿
َ َّ َ ۡ َّ َ َ ۡ َۡ
]183 :﴾ [البقرة١٨٣قبل ِكم لعلكم تتقون
การบัญญัตก ้
ิ ารถือศีลอดเกิดขึนในเดือนชะอฺบาน
่
ปี ทีสองหลั
งจากฮิจญ ์เราะฮฺของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ประโยชน์ของการถือศีลอด
้ั
การถือศีลอดศีลอดมีประโยชน์ทงในด ้านจิตใจ สังคม
และสุขภาพ
87
ประโยชน์ในด้านจิตใจคือ
เป็ นการฝึ กให ้ผูถ้ อื ศีลอดคุ ้นชินกับความอดทนและยับยังชั้ งใจ
่
้ งเป็ นการเพิมความย
อีกทังยั ่ าเกรงในกับตัวของเขาด ้วย
ประโยชน์ในด้านสังคมคือ
เป็ นการฝึ กประชาชาติมส ุ ลิมให ้มีระบบระเบียบและร่วมเป็ นหนึ่ ง
ร ักความเสมอภาคและยุตธิ รรม มีความเมตตาและจริยธรรมทีดี ่
่ งหมดเป็
ซึงทั ้ นช่องทางป้ องกันสังคมจากความชัวต่ ่ าง ๆ ได ้
ส่วนประโยชน์ในด้านสุขภาพคือ
ิ่ น้
เป็ นการช่วยชะล ้างกระเพาะให ้มีประสิทธิภาพในการทางานดียงขึ
่
ชาระล ้างร่างกายจากสิงปฏิกูล และช่วยลดไขมันและพุง
การกาหนดเดือนเราะมะฎอน
การกาหนดเดือนเราะมะฎอนมีสองวิธ ี คือ 1.
นับเดือนชะอฺบานให ้ครบจานวนสามสิบวัน กล่าวคือ
หากเดือนชะอฺบานมีจานวนสามสิบวัน
่
วันทีสามสิ ่ ่ งของเดือนเราะมะฎอน
บเอ็ดก็คอื วันทีหนึ
้
2. การเห็นจันทร ์เสียว
่ การเห็นจันทร ์เสียวของเราะมะฎอนในคื
เมือมี ้ ่
นทีสามสิ บของเดือนช
่ ้องถือศีลอด ดังทีอั
ะอฺบานแล ้ว จาเป็ นทีต ่ ลลอฮฺได ้ตร ัสว่า
88
ۡ َ ۡ َ ۡ َّ َ َ ََ
]185 :﴾ [البقرة.... فمن ش ِهد مِنكم ٱلشه َر فليصمه...﴿
สาหร ับการดูจน ้
ั ทร ์เสียวของเราะมะฎอน
่
พยานเพียงคนเดียวหรือสองคนก็เป็ นทีพอเพี ้ ้
ยงแล ้ว ทังนี
เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได ้อนุ ญาตให ้มีพยานเพียงคนเดียวในการกาหนดเดือนเราะมะฎอน
ส่วนการกาหนดเดือนเชาวาลนั้นจาเป็ นต้องมีพยานสองคน
เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
89
่
ไม่อนุ ญาตให ้ออกจากการถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนเพือจะเข ้าเ
ดือนเชาวาลนอกจากต้องมีพยานสองคน
วาญิบต ้องถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน
การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนเป็ นวาญิบ
่ หลักฐานจากอัลกุรอาน หะดีษ และอิจญ ์มาอฺของประชาชาติ
ดังทีมี
และเป็ นหนึ่ งในหลักการของศาสนาอิสลาม อัลลอฮฺได ้ตร ัสไว ้ว่า
َٰ اس َوبَي ِ َنَٰت م َِن ٱلۡه َد
ى َّ ِي أنز َل فِيهِ ٱلۡق ۡر َءان ه ٗدى ل
ِ ِلن ٓ ان ٱلَّذ
َ َ َ َ ۡ َ
﴿شهر رمض
ِ
َۡ ۡ َ
]185 :﴾ [البقرة... ان
ِ وٱلفرق
“เดือนเราะมะฎอน
เป็ นเดือนทีอั ่ ลกุรอานได ้ถูกประทานลงมาในเดือนนั้น
่ นทางนาแก่มนุ ษยชาติ
เพือเป็
และหลักฐานอันชัดเจนเกียวกั ่ บข ้อแนะนานั้น
่
และเกียวกั ่ จ่ าแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้น
บสิงที
ผูใ้ ดในหมูพ ่ วกเจ ้าอยูใ่ นเดือนนั้นแล ้ว ก็จงถือศีลอด” (อัล-
บะเกาะเราะฮฺ185) และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ได ้กล่าวว่า “อิสลามถูกวางอยู่บนโครงสร ้าง 5 ประการ หนึ่ ง
การปฏิญาณตนว่า
ไม่มพ ่ กเคารพภักดีโดยแท ้จริงนอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น
ี ระเจ ้าทีถู
และมุหม ่
ั มัดเป็ นศาสนทูตของอัลลอฮฺ สอง ดารงไว ้ซึงการละหมาด
สาม จ่ายซะกาต สี่ การทาหัจญ ์ ณ บัยตุ ้ลลอฮฺ และห ้า
การถือศิลอดในเดือนรอมฎอน”
90
องค ์ประกอบ (รุกน
่ ) ของการถือศีลอด
้
ตังเจตนาถื ่
อศีลอดเพือปฏิ บต
ั ต ่
ิ ามคาสังใช ้ของอัลลอฮฺและสร ้างค
วามใกล ้ชิดกับพระองค ์ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
้
กล่าวว่า “แท ้จริง การงานทังหลายนั ้นขึนอยู
้ ่กบั เจตนา”
่ ท
ละเว ้นจากสิงที ่ าให ้เสียการถือศีลอด เช่น การกิน ดืม
่
และมีเพศสัมพันธ ์
91
ละศีลอดด้วยผลอินทผลัมสดหรือแห ้งหรือละด ้วยน้าเปล่า
่
ทีประเสริ ่ ดคือ การละศีลอดด ้วยผลอินทผลัมสด
ฐทีสุ
หลังจากนั้นคือผลอิทผลัมแห ้ง และหลังจากนั้นคือด ้วยน้าเปล่า
และส่งเสริมให ้ละโดยร ับประทานเป็ นจานวนคี่ คือ สาม ห ้า
หรือเจ็ดผล
่ านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวดุอาอ ์ละศีลอด ซึงท่
จะกล่าวขณะละศีลอดว่า
่
“ข ้าแด่อลั ลอฮฺ พวกเราได ้ถือศีลอดเพือพระองค ์
และเราก็ได ้ละศีลอดด ้วยริซกีของพระองค ์ ฉะนั้น
ได ้โปรดทรงตอบรับการถือศีลอดของพวกเรา แท ้จริง
พระองค ์ทรงเป็ นผูไ้ ด ้ยิน ผูท้ รงรอบรู ้”
รับประทานสะหูรฺ
่
คือการกินหรือดืมในช่ ่ อ
วงท ้ายของเวลากลางคืนโดยมีเจตนาเพือถื
ศีลอด
ฺ ระทั่งช่วงท ้ายของกลางคืน
ให ้ล่าช ้าในการร ับประทานสะหูรก
่ ารังเกียจในขณะถือศีลอด
การกระทาทีน่
่ อาจท
คือการกระทาสิงที ่ าให ้การถือศีลอดเสีย
้
ถึงแม้ว่าการกระทานันโดยตัวของมันเองไม่ได ้ทาให ้การถือศีลอดเสี
ย นั่นคือ
บ ้วนปากหรือสูดนาเข ้าจมูกอย่างแรงจนเกินไป
92
่
การจูบทีอาจส่ งผลให ้เกิดอารมณ์และเสียศีลอด
โดยการมีน้ามะซีย ์เคลือนออกหรื
่ ่ ้องจ่ายกัฟ
ออาจมีเพศสัมพันธ ์ทีต
ฟาเราะฮฺ
การเพ่งมองภรรยาด้วยอารมณ์ใคร่
่
คิดเรืองการมี
เพศสัมพันธ ์
จับมือหรือสัมผัสร่างกายของสตรี
ข ้อผ่อนปรนในการละศีลอด
่ รอบเดือนและนิ ฟาสจาเป็ นต้องละศีลอด
ผูห้ ญิงทีมี
ี่ มออกเดิ
ผูท้ เริ ่ นทางในเวลากลางวันของเดือนเราะมะฎอน
ทางทีดี ่ แล ้วเขาไม่ควรละศีลอด
้ เพื
ทังนี ้ อเป็
่ นการเลียงจากพิ
่ สยั ของการคิลาฟ
้ั
สตรีตงครรภ ่
์หรือให ้นมบุตรทีเกรงว่ าหากถือศีลอดแล ้วจะเกิดอัน
ตรายต่อตัวนางและทารก
และหากเกรงว่าจะเกิดอันตรายเฉพาะกับทารก
93
ฺ องทารกจาเป็ นต ้องให ้อาหารแก่คนยากจนเท่ากับวันที่
ผูเ้ ป็ นวะลียข
้
ขาดศีลอด แต่ในทังสองกรณี นางจาเป็ นต ้องถือศีลอดชด
่ ท
สิงที ่ าใหก้ ารถือศีลอดเสีย
่ ท
สิงที ่ าให ้การถือศีลอดเสียมีดงั นี ้
้
เป็ นมุรตัด (สินสภาพการเป็ นมุสลิม)
เสียชีวต
ิ
้
ตังใจละศี
ลอด
ไม่แน่ ใจในการจะถือศีลอดต่อ
อาเจียนโดยเจตนา
ใช ้ยาสวนทวารและฉี ดยาบารุง
มีรอบเดือนหรือเลือดนิ ฟาส
่
กลืนเสมหะทีออกมาถึ
งปาก
้ ถ้ ูกกรอกและผูท้ าการกรอก
กรอกเลือด ทังผู
่
มีอสุจเิ คลือนออก ้
โดยเกิดจากการตังใจเพ่ งมอง
94
มีวต ั ถุตกถึงลาคอหรือซึมเข ้าถึงสมอง
ไม่ว่าจะเป็ นของเหลวหรือของแข็ง
หมายเหตุ
ี่
ผูท้ เจตนามี เพศสัมพันธ ์ในเดือนเราะมะฎอนไม่วา่ จะมีความสัมพัน
ธ ์กันทางด้านหน้าหรือด ้านหลัง
จาเป็ นต้องถือศีลอดชดพร ้อมกับจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
ี่ มเี จตนา (ลืม)
ส่วนผูท้ ไม่
ไม่ต ้องถือศีลอดชดและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺแต่ประการใด
ส่งเสริมให ้รีบเร่งในการถือศีลอดชดและถือติดต่อกัน
หากประวิงเวลาจนเลยเดือนเราะมะฏอนโดยไม่มเี หตุ
95
จาเป็ นต้องให ้อาหารแก่คนยากจนต่อหนึ่ งวันทีขาดศี
่ ลอดพร ้อมกับ
การถือศีลอดใช ้
ผูเ้ สียชีวต
ิ โดยยังไม่ได ้ถือศีลอดทีได ่ ้บนบานไว ้หรือยังไม่ได ้ทาหัจ
่ ้บนบานไว ้ ให ้ผูเ้ ป็ นวะลียถ
ญ ์ทีได ฺ อ
ื ศีลอดหรือทาหัจญ ์แทน
่ นสุนัต มักรูฮฺ (น่ ารังเกียจ) และหะรอม
การถือศีลอดทีเป็
(ต ้องห ้าม)
่ นัต
การถือศีลอดทีสุ
ส่งเสริมให ้ถือศีลอดในวันต่อไปนี ้
หกวันในเดือนเชาวาล
่ อนแรกของเดือนชะอฺบาน
ครึงเดื
สิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ
การถือศีลอดในเดือนมุหรั ร็อม
วันจันทร ์และวันพฤหัสบดี
ถือศีลอดวันเว้นวัน
96
่ มค
การถือศีลอดของคนโสดทีไม่ ี วามสามารถจะแต่งงาน
่ กรูฮฺ (น่ าร ังเกียจ)
การถือศีลอดทีมั
การถือศีลอดของผูประกอบพิ
้ ธหี จั ญ ์ในวันอะเราะฟะฮฺ
การถือศีลอดวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน
่ นมักรูฮใฺ นเชิงน่ าร ังเกียจ
ข ้างต ้น คือการถือศีลอดทีเป็
้ นการถือศีลอดทีเป็
ส่วนต่อไปนี เป็ ่ นมักรูฮฺเชิงต ้องห ้ามคือ
อัลวิซอล :
คือการถือศีลอดสองวันติดต่อกันหรือมากกว่าโดยไม่ได ้ละศีลอด
ี่ ได ้ร ับอนุ ญาตจากสามีของนาง
การถือศีลอดสุนัตของสตรีทไม่
่
ในขณะทีสามีน้ันอยู่กบ
ั นาง
่ อ้ งหา้ ม
การถือศีลอดทีต
การถือศีลอดในวันต่อไปนี ้
้
ถือศีลอดในวันอีดทังสอง (วันอีดฟิ ตรีย ์และวันอีดอฎฮา)
97
ถือศีลอดในวันตัชรีก (11-13 ซุลหิจญะฮฺ)
เว ้นแต่ผป ู ้ ระกอบพิธห ่
ี จั ญ ์อืนไปจากประเภทตะมั
ตตุอฺ
่
และผูท้ ไม่
ี มค ี วามสามารถในการทาฟิ ดยะฮฺ(เชือดสัตว ์)
่ ประจาเดือนของผูหญิ
วันทีมี ้ ง และเลือดหลังคอลดบุตร
่
การถือศีลอดของผูป่้ วยทีคาดว่ าอาจส่งผลอันตรายต่อชีวต
ิ ได ้
การอิอต
ฺ ก
ิ าฟและบทบัญญัตท ี่ ยวข
ิ เกี ่ ้อง
่
ประเภทและเงือนไขของการอิ
อตฺ ก
ิ าฟ
การอิอต
ฺ ก
ิ าฟ
นิ ยาม
การอิอต
ฺ กิ าฟตามหลักภาษา คือ การพานัก, การอยู่ประจา,
การเก็บตัว, หรือการยับยัง้
้
ตามหลักวิชาการ คือ การตังเจตนาพานักอยู่ในมัสญิด
่
เพือการเคารพภักดี โดยมีรูปแบบเฉพาะ
เหตุผลของการบัญญัตก
ิ ารอิอต
ฺ ก
ิ าฟ
ทาให ้จิตใจปลอดโปร่งปราศจากการหมกมุ่นอยู่กบ ั กิจการโลกปัจ
จุบน
ั โดยมุ่งสู่การเคารพภักดีและราลึกถึงอัลลอฮฺ
ถวายใจให ้กับอัลลอฮฺ
ี่
โดยการมอบหมายและพานักอยู่ทประตู แห่งความโปรดปรานและค
วามเมตตาของพระองค ์
98
ประเภทของการอิอต
ฺ ก
ิ าฟ
การอิอต
ฺ ก
ิ าฟมี 2 ประเภท
3.ผูช
้ ายต ้องอิอต
ฺ ก ่ การละหมาดญะมาอะฮฺ
ิ าฟในมัสญิดทีมี
ี่ ้องอาบน้า (ญะนาบะฮฺ
4.ชาระตัวให ้สะอาดจากมูลเหตุทต
เลือดประจาเดือน และเลือดหลังการคลอดบุตร)
่ ท
สิงที ่ าให ้การอิอต
ฺ ก
ิ าฟเป็ นโมฆะ
้
1. การร่วมประเวณี แม้ว่านาอสุ ่
จไิ ม่ได ้หลังออกมาก็
ตาม
พระองค ์อัลลอฮฺได ้ตรัสไว้ว่า
َ َۡ َ َ ۡ َ َ َّ َ ََ
َٰ ولا تبَٰ ِشروهن وأنتم عَٰكِفون فِى ٱلم..﴿
]187 :﴾ [البقرة.. د
ِ ج
ِ س
2.การเล้าโลมระหว่างสามีภรรยา
2.เหตุตามปกติวส
ิ ยั
เช่น การขับถ่าย หรือ มีญะนาบะฮฺ (เหตุทต ี่ ้องอาบน้า )
่ สามารถอาบน้าชาระร่างกายในมัสญิดได ้
โดยการฝันเปี ยก เมือไม่
แต่มข ่ าภารกิจเสร็จเท่านั้น
ี ้อแม้ว่าให ้กาชับเวลาเท่าทีท
การประกอบพิธห
ี จั ญ ์
กฏเกณฑ ์ของการประกอบพิธห
ี จั ญ ์
102
การประกอบพิธหี จั ญ ์ ณ บัยตุ ้ลลอฮฺ และห ้า
การถือศิลอดในเดือนรอมฎอน ”
บทบัญญัตข
ิ องการประกอบพิธห
ี จั ญ ์
การประกอบพิธห ี จั ญ ์เป็ นข ้อบังคับให ้ปฏิบต
ั เิ พียงครงเดี้ั ยวในชีวต
ิ
เนื่ องจากท่านเราะสูลกล่าวว่า “การประกอบพิธห ี จั ญ ์ภาคบังคับ
คือเพียงครงเดี ั้ ยวในชีวติ หากผูใ้ ดกระทามากกว่านั้น
ก็ถอ ื ว่าเป็ นการสมัครใจ”
การประกอบพิธอี ม
ุ เราะฮฺ
่
ความหมายของ "อุมเราะฮฺ" ตามหลักภาษา คือ การเยียมเยี
ยน
การเยือน และความหมายของ "อุมเราะฮฺ" ตามบทบัญญัติ คือ
การปฏิบตั ต
ิ ่างๆ
่ ้กาหนดไว ้ตามทีได
ทีได ่ ้ระบุไว ้ในบทบัญญัตอ
ิ ส
ิ ลาม
103
การประกอบพิธอี ม ุ เราะฮฺน้ัน
ควรปฏิบต ้ั ยวในชีวต
ั เิ ป็ นภาคบังคับเพียงครงเดี ิ
่
เหตุผลเกียวกั
บการบัญญัตก
ิ ารประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเร
าะฮฺ
ส่วนหนึ่ ง คือ การชาระจิตใจให ้สะอาดจากร่องรอยของบาป
่
เพือให ี่ เกียรติ ณ ทีอั
้เขาเป็ นผูท้ มี ่ ลลอฮฺ ในวันปรโลก
ดังคากล่าวชองท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทีว่่ า
“บุคคลใดได ้ประกอบพิธห ี จั ญ ์ ณ วิหารแห่งนี ้
่
โดยทีเขาไม่ ทาการร่วมประเวณี หรือทาอนาจาร และไม่ละเมิด
เขากลับจะมาดังวั ่ นทีเขาได
่ ้ออกมาจากครรภ ์มารดาของเขา”
(ไม่มบ
ี าปตัวตัวเขาเลย)
่ จ่ าเป็ นในการประกอบพิธห
เงือนไขที ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ
่ จ่ าเป็ นในการประกอบพิธห
เงือนไขที ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ มีดงั นี ้
เป็ นมุสลิม
มีสติสม
ั ปชัญญะ
บรรลุนิตภ
ิ าวะตามศาสนบัญญัติ
่
มีความสามารถ คือ มีเสบียงและพาหนะทีเหมาะสมสาหร ับเขา
เป็ นไทอย่างสมบูรณ์(อิสระ)
104
สาหร ับผูห้ ญิงนั้นต ้องมีข ้อทีหกเพิ
่ ่
มมา
คือนางต ้องมีมะห ์รอม(บรรดาญาติทแต่ ี่ งงานกันมิได ้)ร่วมเดินทางกั
บนางด้วย
แต่ถ ้าหากว่านางได ้ประกอบพิธห ่ มม
ี จั ญ ์โดยทีไม่ ี ะห ์รอมแล ้ว
ก็ถอ ่
ื ว่าใช ้ได ้เช่นกัน โดยทีนางมี ความผิดในการฝ่ าฝื นข ้อนี ้
ี่ งไม่ได ้ประกอบพิธห
ผูท้ ยั ่ นวาญิบ(ภาคบังคับ)ให ้กับตนเอง
ี จั ญ ์ทีเป็
จะไม่สามารถประกอบพิธห ่
ี จั ญ ์แทนคนอืนได ้
ส่วนการประกอบพิธห ี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺทเป็ ่
ี นนะฟิ ล(ไม่ใช่ภาคบังคั
บ) สาหร ับผูที ่ ความสามารถและคนอืนๆนั
้ มี ่ ้น
ถือว่าเป็ นการอนุ ญาตให ้ผูอ้ นกระท ื่ าแทนได ้
ประเภทของการประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ
1.ประกอบพิธอี ุมเราะฮฺอย่างเดียว
2.ประกอบพิธห
ี จั ญ ์อย่างเดียว (อิฟรอด)
105
3.ประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺควบคู่กน
ั (กิรอน)
การประกอบพิธห ี จั ญ ์ควบคู่กบ
ั การประกอบพิธอี ม ุ เราะฮฺ (กิรอน)
คือ
้
การตังเจตนาร่ วมกันในการประกอบพิธห ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺไปพร ้อม
ๆกัน
ทาให ้การปฏิบต ้
ั ใิ นขันตอนต่ างๆของแต่ละพิธน ี ้นผนวกเข
ั า้ ร่วมกัน
จึงเพียงพอกับการเฏาะวาฟและสะแอเพียงครงเดี ั้ ยวสาหร ับการประ
กอบพิธห ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺประเภทนี ้
106
ทาการเฏาะวาฟ การสะแอ และการตะหัลลุลจนเสร็จสิน้
่
และต่อมาในวันทีแปดของเดื อนซุลหิจญะฮฺในปี เดียวกัน
ให ้ร่วมประกอบพิธห ี จั ญ ์โดยการปฏิบต ั ท ้
ิ ุกขันตอนในพิ ธห
ี จั ญ ์จนเส
ร็จสมบูรณ์ ดังเช่น ทาการเฏาะวาฟ การสะแอ และหยุดพัก
ณทีทุ ่ ่งอะเราะฟะฮฺ ฯลฯ
่
ซึงการเลื อกประกอบพิธห ี จั ญ ์ประเภทตะมัตตุอแฺ ละกิรอนนั้นจาเป็ น
ต้องเชือดสัตว ์พลีด ้วย
107
ประการทีหนึ ่ ่ ง อิห ์รอม คือ การตังเจตนาเข
้ ้าพิธห
ี จั ญ ์
หรือพิธอี ุมเราะฮฺ หลังจากทีมี ่ การครองชุดอิห ์รอม (ชุดอิห ์รอมคือ
ผ้าขาวสองผืนทีไม่ ่ ได ้ตัดเย็บเป็ นรูปทรงเสือหรื
้ อกางแกง)
่ เป็
สิงที ่ นวาญิบ(ต ้องปฏิบต
ั )ิ ในการอิห ์รอม
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบตั ิ (หากละเลยต ้องมีการชดใช ้)ในการอิห ์รอม มี 3
ประการ คือ 1.อิห ์รอมจากเขตทีก ่ าหนด (มีกอต)คือ
สถานทีที ่ ถู
่ กกาหนดเพือการอิ
่ ห ์รอม กล่าวคือ
ไม่อนุ ญาตให ้ผูป้ ระกอบพิธห ี จั ญ ์ หรืออุมเราะฮฺ
ผ่านไปโดยไม่ได ้ทาการอิห ์รอมจากสถานทีเหล่ ่ านี ้
้
2.การเปลืองเสื ้ าทีตั
อผ้ ่ ดเย็บเป็ นชุดออกจากร่างกาย
ผูช ้ ดยาว เสือ้ เสือคลุ
้ ายจะไม่สวมใส่เสือชุ ้ มศรีษะ
่
ไม่ใช ้ผ้าโพกศรีษะ และไม่เอาสิงใดคลุ มติดศรีษะ
และไม่สวมรองเท้าหุมส ้ ้น นอกจากไม่มรี องเท้าแตะ
ส่วนผูห้ ญิงจะไม่สวมถุงมือ และจะไม่ปิดหน้า
108
และคาตัลบียะฮฺของอุมเราะฮฺน้ัน จะสินสุ
้ ดเมือเริ
่ มเฏาะวาฟ
่
้ ดเมือเริ
ส่วนตัลบียะฮฺของหัจญ ์ จะสินสุ ่ มขว่ ้างเสาหิน
่
ประการทีสอง การเฏาะวาฟ
่
เฏาะวาฟ คือ การเดินวนรอบกะบะฮฺเจ็ดรอบ และมีเงือนไข 7
ประการ
้
1.ตังเจตนาเมื ่ มเฏาะวาฟ
อเริ ่
่
2.ชาระล ้างตัวให ้สะอาดจากสิงสกปรกโสโครกและจากหะดั
ส
ี่ ้องอาบน้าทังตั
(เหตุทต ้ ว หรืออาบน้าละหมาด)
4.ต้องเฏาะวาฟภายในมัสญิด
ถึงแม้ว่าจะห่างไกลจากกะอฺบะฮฺก็ตาม
6.เฏาะวาฟเจ็ดรอบ
7.ในระหว่างแต่ละรอบของการเฏาะวาฟนั้น
จะต ้องประติดประต่อกันอย่างต่อเนื่ อง เว ้นแต่ด ้วยเหตุจาเป็ นเท่านั้น
ข ้อควรปฏิบต
ั ใิ นการเฏาะวาฟ (ไม่เป็ นการบังคับ)
109
่
1.วิงเหยาะๆ ้ ายเท่านั้น
สาหร ับผูช
โดยการเดินเร็วพร ้อมกับยกย่างก ้าวเป็ นจังหวะๆ
ส่งเสริมให ้ปฏิบต
ั ใิ นการเฏาะวาฟกุดูม(ฏาะวาฟแรกมาถึง)
และในสามรอบแรกของการเฎาะวาฟเท่านั้น
5.การขอพรขณะเฏาะวาฟนั้น
ไม่มบี ทขอพรเป็ นการเฉพาะเจาะจง
่ ละคนสามารถขอพรได ้ตามถนัด
ซึงแต่
และส่งเสริมให ้กล่าวตอนใกล ้จบในแต่ละรอบว่า
โอ ้พระผูอ้ ภิบาลของเรา
่ งดี
ได ้โปรดประทานให ้แก่พวกเราซึงสิ ่ งามในโลกนี ้
110
่ งามในโลกหน้า
และสิงดี
และโปรดคุมครองพวกเราให
้ ้พ้นจากลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด
7.ละหมาดสองร็อกอะฮฺหลังจากเฏาะวาฟเสร็จ ณ
่ เวณหลังมะกอมอิบรอฮีม โดยอ่านซูเราะฮฺอลั กาฟิ รูน
ทีบริ
ี่ ่ ง และซูเราะฮฺอลั อิคลาศ ในร็อกอะฮฺทสอง
ในร็อกอะฮฺทหนึ ี่
(หลังเสร็จจากการอ่านซูเราะฮฺอลั ฟาติหะฮฺ)
่ ้าซัมซัมจนอิม
8.ดืมน ่ หลังจากละหมาดสองร็อกอะฮฺเสร็จ
9.กลับไปจับหินดาอีกครง้ั ก่อนทีจะไปท
่ าการสะแอ
่
ประการทีสาม : การสะแอ
111
2.เคร่งครัดในการปฏิบต
ั ตามลาดับ
โดยทาการเฏาะวาฟก่อนการสะแอ
3.ห ้ามเว้นช่วงในระหว่างแต่ละรอบ
เว้นแต่ระยะเวลาเพียงเล็กน้อยในกรณี มเี หตุจาเป็ น
5.ต้องทาการสะแอหลังจากทาการเฏาะวาฟตามลาดับ
จึงจะถือว่าถูกต้อง (ใช ้ได้) ไม่ว่าจะเป็ นการเฏาะวาฟวาญิบ (บังคับ)
หรือการเฏาะวาฟสมัครใจ
ข ้อควรปฏิบต
ั ใิ นการสะแอ(ไม่เป็ นการบังคับแต่ได้ผลบุญ)
ข ้อควรปฏิบต
ั ใิ นการสะแอ : คือ
112
4.กล่าว "อัลลอฮฺผทรงยิ ู้ ่
งใหญ่ ” 3 ครง้ั
ไม่มพ ่
ี ระเจ ้าอืนใดนอกจากอั ลลอฮฺ ไม่มผ
ี ใู ้ ดเป็ นภาคีกบ
ั พระองค ์
อานาจและการสรรเสริญเป็ นสิทธิของพระองค ์
พระองค ์คือผูท้ รงอานาจเหนื อทุกสิง่
ไม่มพ ่
ี ระเจ ้าอืนใดนอกเหนื อจากอัลลอฮฺ
พระองค ์ทรงปฏิบต ั ต
ิ ามสัญญาของพระองค ์
ทรงช่วยเหลือบ่าวของพระองค ์
่
และพระองค ์เพียงผูเ้ ดียวทีทรงสร ้างความปราชัยให ้แก่พลพรรคทัง้
หลาย”
่ ่ : การวุกุฟ ณ ทุ่งอะเราะฟะฮฺ
ประการทีสี
113
้ อนไขไว
(ถ ้าหากเขาไม่ได ้ตังเงื ่ ้ก่อนหน้านี )้
ส่วนบุคคลใดทีถู ่ กกีดกันจากศั
้ ตรูไม่ให ้มาประกอบพิธห
ี จั ญ ์ในระหว่
างการเดินทางนัน ้
่
จึงอนุ ญาตให ้เขาตะหัลลุล(ปลดการครองอิหรฺ อม) ณทีตรงนั ้น
แล ้วเชือดสัตว ์พลี
และถ้าหากว่าเขาเจออุปสรรคโดยการเจ็บป่ วยหรือขาดเสบียง
ในขณะทีเขาได่ ้ อนไขไว
้ตังเงื ่ ้ก่อนแล ้วว่า “หากมีอุปสรรคใดๆ
่
มาขัดขวาง ก็ให ้ทีปลดเปลื ้
องของฉั น
เป็ นสถานทีที ่ พระองค
่ ์ทรงกักฉัน” เขาเพียงแค่ออกจากพิธห ี จั ญ ์
แล ้วไม่ต ้องชดใช ้ด ้วยสิงใด ่
และหากเขาไม่ได ้ตังเงื ้ อนไขไว
่ ้ดังข ้างต ้น ให ้เขาออกจากพิธห ี จั ญ ์
และชดใช ้ด้วยการเชือดสัตว ์พลีตามความสามารถ
ประการวาญิบของการประกอบพิธห
ี จั ญ ์
ประการวาญิบของการทาหัจญ ์ มี 7 ประการ
้
1.ตังเจตนาเข ้าพิธห ่ กอต (เขตทีถู
ี จั ญ ์ ณทีมี ่ กกาหนดไว ้)
่ ่งมินาในค่าคืนของวันตัชรีก (ในวันที11,
4.ค ้างคืน ณทีทุ ่ 12 และ
13 ของเดือนซุลหิจญะฮฺ)
114
5.การขว ้างเสาหินโดยเรียงตามลาดับ
้
6.การโกนศรีษะหรือตัดผมให ้สัน
7.การเฏาะวาฟวะดาอฺ (เฏาะวาฟอาลา)
ประการวาญิบของประกอบพิธอี ม
ุ เราะฮฺ
ประการวาญิบของอุมเราะฮฺ มี 2 ประการ
้
1.การตังเจตนาเข ้าพิธจี ากมีกอต
ส่วนชาวมักกะฮฺน้ันให ้ตังเจตนาจากนอกเขตหะรอม
้
้
2.การโกนศรีษะหรือตัดผมให ้สัน
ข ้อควรระมัดระวัง
้
บุคคลใดละทิงองค ์ประกอบหลักๆ (รุกน ่ )
ในการประกอบพิธห ี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺน้ัน จะเป็ นการโมฆะในทันที
(ขาดไม่ได ้)
บุคคลใดละทิงสิ ้ งที
่ เป็
่ นวาญิบ(บังคับ) ต ้องชดใช ้ด ้วยดัม
้ ้อควรปฏิบต
(เชือดสัตว ์พลี) และผูใ้ ดละทิงข ั ท ี่ นซุนนะฮฺ(ไม่บงั คับ)
ิ เป็
่
ไม่ต ้องชดใช ้ด ้วยสิงใด
่ ้องห ้ามของการครองอิห ์รอม
สิงต
คือ การกระทาต่างๆ
่ ้องห ้ามสาหร ับบุคคลทีประกอบพิ
ทีต ่ ธหี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺ
แต่หากว่ามีการฝ่ าฝื นไปกระทาลงไป
115
จะต้องชดใช ้ด้วยการเชือดสัตว ์พลี หรือถือศีลอด
้
หรือเลียงอาหารแก่ คนยากจน(ชาวมักกะฮฺ)
่ ่ ้ ายและผูห้ ญิง มีดงั ต่อไปนี ้
ซึงจะเป็ นสิงต ้องห ้ามสาหร ับผูช
1.การกาจัดขนออกจากร่างกาย
2.การตัดเล็บ
3.การคลุมศรีษะ (สาหรับผูช
้ าย)
ี ่ ผช
การปิ ดหรือคลุมใบหน้า(สาหร ับผูห้ ญิง)ยกเว ้นในกรณี ทมี ู ้ ายแป
ลกหน้าเดินผ่านมา
7.ทาพิธแี ต่งงาน
8.การมีเพศสัมพันธ ์ระหว่างสามีภรรยา
•หากมีเพศสัมพันธ ์ก่อนตะหัลลุลเอาวัล(การปลดอิหรฺ อมครงแรก)ก ้ั
ารประกอบพิธห ี จั ญ ์ก็เป็ นโมฆะ ต ้องเชือดอูฐหนึ่งตัว
้
และจะต ้องดาเนิ นขันตอนการประกอบพิ ธห ี จั ญ ์ต่อไปให ้เสร็จสมบูร
ณ์ และชดใช ้ใหม่ในปี ต่อไปอีกด้วย
•หากมีเพศสัมพันธ ์หลังจากตะหัลลุลเอาวัล(การปลดอิหรฺ อมครงแร ้ั
ก)การประกอบพิธห ี จั ญ ์ไม่เป็ นโมฆะ แต่ต ้องเชือดแพะหนึ่ งตัว
116
9.การมีความสัมพันธ ์กับภรรยาด ้วยอารมณ์ทางเพศทีไม่ ่ ถงึ ขันมี
้ เ
พศสัมพันธ ์กัน (เช่นการจูบ การเล้าโลม เป็ นต้น)
หากการกระทาดังกล่าวนาไปสู่การหลังน ่ ้าอสุจอิ อกมา
จาต ้องเชือดอูฐหนึ่ งตัว และหากไม่มก ่ ้าอสุจอิ อกมา
ี ารหลังน
ก็ต ้องเชือดแพะหนึ่ งตัว
ส่วนการประกอบพิธห ี จั ญ ์ก็ไม่เป็ นโมฆะในกรณีทงสอง ้ั
ั้
ตะหัลลุลเอาวัล(การปลดอิหรฺ อมครงแรก)
โดยการปฏิบต ั ล ุ ่วงสองในสามประการต่างๆ ดังนี ้ 1.การเฏาะวาฟ
ิ ล
2.การขว ้างเสาหิน 3.การโกนศรีษะหรือตัดผมให ้สัน ้
ี่
อนุ ญาตให ้ผูท้ ครองอิ ้
ห ์รอมทาการเชือดสัตว ์เลียงเช่ น อูฐ วัว แกะ
่ และอนุ ญาตให ้ฆ่าสัตว ์ดุร ้าย เช่นสิงโต หมาป่ า เสือ
ไก่ และอืนๆ
หนู งู และสัตว ์ดุร ้ายทุกชนิ ด และอนุ ญาตให ้เขาล่าสัตว ์ทะเล
และอาหารทะเลต่างๆ
117
ี่
ไม่อนุ ญาตให ้ผูท้ ครองอิ ห ์รอม
ี่ ได ้ครองอิหรฺ อมตัดต ้นไม้และใบหญ้าบในเขตหะรอม ณ
หรือผูท้ ไม่
นรคมักกะฮฺนอกจากต้นอิซคิรฺ
และห ้ามล่าสัตว ์ป่ าในขอบเขตหะรอม ณ นครมักกะฮฺเช่นกัน
หากมีผใู ้ ดฝ่ าฝื นแล ้ว จะต้องจ่ายค่าชดใช ้ และห ้ามตัดต้นไม้
ห ้ามล่าสัตว ์ป่ าในเขตหะรอม ณ นครมะดีนะฮฺเช่นเดียวกัน
แต่หากมีการฝ่ าฝื นจะไม่ต ้องจ่ายค่าชดใช ้ใดๆทังสิ้ น้
่ อุสรรคและจาเป็ นต ้องทาในสิงต
ผูใ้ ดทีมี ่ ้องห ้าม
ยกเว้นการมีเพศสัมพันธ ์เช่น การกาจัดขน
สวมใส่เสือผ้ ้ าทีตั
่ ดเย็บเป็ นชุด และอืนๆ
่ ก็สามารถกระทาได ้
่
แต่ต ้องจ่ายค่าชดใช ้ ซึงสามารถเลื อกปฏิบต ิ งั นี ้ ถือศีลอดสามวัน
ั ด
้
หรือเลียงอาหารแก่ คนยากจน(ชาวมักกะฮฺ)หกคน
่
คนละหนึ งลิตรจากข ้าวสาลี หรือข ้าวบาเล่ หรืออืนๆที ่ ่
ใกล ้เคียงกัน
หรือเชือดแพะหนึ่ งตัว ผูใ้ ดกระทาสิงต ่ ้องหา้ มเพราะขาดความรู ้ ลืม
หรือถูกบังคับ จะไม่เป็ นบาป และไม่ต ้องจ่ายค่าชดใช ้ใดๆทังสิ ้ น้
เนื่ องจากอัลลอฮฺได ้ตร ัสไว ้ว่า
َۡ َ ۡ َ َۡ َٓ َّ َٓ ۡ َ َ َ َّ َ
]286 :﴾ [البقرة... سينا أو أخطأنا
ِ ربنا لا تؤاخِذنا إِن ن...﴿
่ มต
ผูใ้ ดฆ่าสัตว ์บก(สัตว ์ป่ าทีอนุ ั ใิ ห ้บริโภค)
่ ใ่ นการครองอิห ์รอม
ขณะทีอยู
118
หากเขามีปศุสต ่ ลก
ั ว ์ทีมี ่ ถู
ั ษณะเหมือนกับสิงที ่ กฆ่า
ให ้เขาเลือกระหว่างการเชือดสิงที ่ เหมื
่ อนกัน
แล ้วแจกจ่ายเพือเป็่ นอาหารแก่คนจนในเขตหะรอม ณ นครมักกะฮฺ
หรือจะประเมินสัตว ์ทีถู ่ กฆ่าเป็ นราคา(เป็ นเงิน)
้
แล ้วนามาซืออาหารแก่ คนยากจนคนละหนึ่ งลิตร
หรือจะถือศีลอดทดแทน (ถือศีลอดหนึ่ งวันทดแทนอาหารหนึ่ งลิตร)
หากเขาไม่มป ี ศุสต ่ ลก
ั ว ์ทีมี ่ กฆ่าแล ้ว
ั ษณะเหมือนกับสัตว ์ทีถู
ให ้เขาเลือกระหว่าง การประเมินเป็ นราคา(เป็ นเงิน)
้
แล ้วนามาซืออาหารแจกจ่ ายแก่คนจนในเขตหะรอม
หรือจะถือศีลอดทดแทน(ถือศีลอดหนึ่ งวันทดแทนอาหารหนึ่ งลิตร)
119
ี่
ผูท้ ประกอบพิ ธห
ี จั ญ ์แบบตะมัตตุอแฺ ละกิรอน (ยกเว ้นชาวมักกะฮฺ)
ต ้องเชือดสัตว ์พลี คือแพะหนึ่ งตัว หรือส่วนหนึ่ งจากเจ็ดส่วนของอูฐ
หรือส่วนหนึ่ งจากเจ็ดส่วนของวัว
หากเขาไม่มค ี วามสารถทีจะเชื ่ อดสัตว ์พลี
ก็ให ้ถือศีลอดสามวันระหว่างการทาหัจญ ์
่
และเจ็ดวันเมือกลั บภูมล ิ าเนา
ี่ าในสิงต
• ผูท้ ท ่ ้องห ้ามซาหลายคร
้ ง้ั -
ทาสิงต่ ้องห ้ามชนิ ดเดียวกันหลายครงั้ แต่ยงั ไม่จา่ ยค่าชดใช ้
้ั ยว ซึงต่
ให ้จ่ายครงเดี ่ างกับค่าชดใช ้ในการล่าสัตว ์
(ต ้องจ่ายตามจานวนครงที ้ั ท ่ า ) -ทาสิงต
่ ้องห ้ามหลายครง้ั
แต่ต่างชนิ ด เช่น โกนศรีษะ แล ้วตัดเล็บ
ก็ต ้องจ่ายค่าชดใช ้ชนิ ดละหนึ่ งครง้ั
มีกอต (เขตกาหนด)
มีกอต มีสองประเภท
120
2.มีกอตสถานที่ คือ
่ ผู
สถานทีที ่ ป้ ระกอบพิธห ้ั
ี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺตงเจตนาเข ้าพิธ ี
่ ้ ่
ณทีตรงนัน ซึงมีอยู่ 5 แห่งด ้วยกัน
121
• มีกอตเหล่านี ้ เป็ นมีกอตของชาวเมืองต่างๆ
่ ้กล่าวแล ้วข ้างต ้น และเป็ นมีกอตของผูท้ ผ่
ตามทีได ี่ านมาทางนั้น
ี่ ความประสงค ์จะประกอบพิธห
สาหร ับผูท้ มี ี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺ
ี่
•ผูท้ อาศัยอยู่ในระหว่างเขตมีกอตและ นครมักกะฮฺ
่
ก็ให ้ยึดมีกอตของเขา ณ จุดทีเขาต ้องการจะครองอิห ์รอม
แม้กระทั่งชาวมักกะฮฺให ้ครองอิห ์รอมการประกอบพิธห ี จั ญ ์จากมักก
ะฮฺ
่ ความประสงค ์จะประกอบพิธห
•ชาวมักกะฮฺ เมือมี ี จั ญ ์
ก็ให ้ครองอิห ์รอมจากมักกะฮฺ
ส่วนการประกอบพิธอี ม ุ เราะฮฺน้ันก็ให ้ครองอิห ์รอมจากนอกเขตหะร
อม ณ นครมักกะฮฺจากทิศใดก็ได้
้
(ตังเจตนาครองอิ หรฺ อมนอกเขตหะรอมนั่นเอง)
ี่
•ไม่อนุ ญาตให ้ผูท้ ประกอบพิ
ธห ี จั ญ ์หรืออุมเราะฮฺ
ั้
ผ่านมีกอตโดยไม่ตงเจตนาครองอิ ่
ห ์รอม ณทีตรงนั ้น
และผูใ้ ดผ่านเลยมีกอตโดยไม่มก ี ารครองอิห ์รอม
จาเป็ นต ้องกลับไปครองอิห ์รอม ณทีมี ่ กอตทันที
หากเขาไม่ได ้กลับไปก็ให ้ครองอิห ์รอม ณจุดทีเขาอยู่ ่นั้นแหละ
แต่เขาจาเป็ นต้องจ่ายชดใช ้ด้วยดัม(สัตว ์พลี)
ส่วนการประกอบพิธห ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺของเขานั้นใช ้ได ้
122
่ กอตก็ถอื ว่าใช ้
และหากเขาจะครองอิห ์รอมก่อนจะเดินทางมาถึงทีมี
ั เิ ช่นนั้น
ได ้เช่นกัน แต่ไม่สมควรปฏิบต
การทากรุบานและอะกีเกาะฮฺ
การทากรุบานและอะกีเกาะฮฺ
อัลอุฎหิยะฮฺ (กุรบาน)
คือ อูฐ วัว แพะหรือแกะ
่ อดในวันนะหัร(ฺ อีดอัฎหา)และวันตัชรีก (11-13)
ทีเชื
่ นทาน ซึงเป็
เดือนซุลหิจญะฮฺ) เพือเป็ ่ นสิงที
่ ส่
่ งเสริมให ้ปฏิบต
ั ิ
เวลาเชือดสัตว ์ คือ
หลังจากละหมาดอีดอัฎหา ในวันที่ 10 จนถึงวันที่ 13
เดือนซุลหิจญะฮฺ
้ นสามส่วน เพือร
ควรแบ่งเนื อเป็ ่ ับประทานเองหนึ่ งส่วน
่ นของมอบให ้(ฮะดียะฮฺ)หนึ่ งส่วน
เพือเป็
และบริจาคแก่คนจนอีกหนึ่ งส่วน
การทาอุฎหิยะฮฺนั้น มีความประเสริฐอย่างยิง่
เนื่ องจากทาให ้เกิดความสะดวก ยังประโยชน์แก่คนจน
และขจัดความเดือดร ้อนของพวกเขา
123
อายุของวัวจะครบสองปี บริบูรณ์ อายุของแกะจะครบหกเดือน
และอายุของแพะจะครบหนึ่ งปี บริบูรณ์
อัลอะกีเกาะฮฺ
่ อดในกรณีทคลอดบุ
คือ สัตว ์ทีเชื ี่ ตร ส่งเสริมให ้ปฏิบตั ิ
กาหนดให ้เชือดแพะสองตัวสาหร ับทารกชาย
และหนึ่ งตัวสาหร ับทารกหญิง จะเชือดในวันทีเจ็ ่ ด
(นับจากวันคลอด) และให ้ตังชื ้ อเด็
่ กในวันทีเจ็ ่ ด และโกนศรีษะทารก
แล ้วบริจาคเงินตามราคาทองทีมี ่ น้าหนักเท่ากับผมของทารก
หากพลาด(เลยเวลา)วันทีเจ็ ่ ด ก็ให ้ทาในวันทีสิ ่ บสี่
หากพลาดอีกก็ให ้ทาวันทียี ่ สิ ่ บเอ็ด
หลังจากนั้นให ้ทาในเวลาใดก็ได ้
และไม่ควรทาให ้กระดูกแพะหักหรือแตก(ไม่เป็ นการบังคับ)
่
ซึงการท าอะกีเกาะฮฺน้ันเป็ นการขอบคุณอัลลอฮฺในสิงใหม่ ่ ่
ๆทีพระอง
ค ์ได ้ประทานให ้แก่เรา และลูกคนใหม่ทก ี่ าลังจะมา
การญิฮาด
124
การญิฮาด
นิ ยาม
คือ
การทุ่มเทพละกาลังและความสามารถในการต่อสู ้กับบรรดาผูปฏิ
้ เส
ธศรัทธา
ประโยชน์ของการบัญญัตก
ิ ารญิฮาด
การญิฮาดนั้น คือจุดสูงสุดแห่งโดมของอิสลาม
เป็ นการเสียสละอันประเสริฐยิง่
่
ถูกบัญญัตเิ พือให ้บรรลุเป้ าหมายต่อไปนี ้
่ ดชูดาร ัสของอัลลอฮฺให ้สูงส่ง
1.เพือเชิ
และให ้มีการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงองค ์เดียว
่ นความสุขแก่มนุ ษยชาติ
2.เพือคื
และนาพวกเขาออกจากความมืดสูแ่ สงสว่าง
่ ารงไว ้ซึงความยุ
3.เพือด ่ ตธิ รรมบนแผ่นดิน ให ้สัจธรรมปรากฏ
่
และความเท็จต ้องเสือมสลาย
้ ให ้ความวิบต
อันจะเป็ นการยับยังมิ ั เิ กิดขึน้
่
4.เพือเผยแพร่
ศาสนา ปกป้ องมุสลิม
่ ้ายของผูป้ ฏิเสธศร ัทธา
และตอบโต ้แผนการชัวร
125
้
ข ้อชีขาดทางบทบั ่
ญญัตเิ กียวกั
บการญิฮาด
การญิฮาด
โดยทั่วไปนั้นเป็ นภาคบังคับต่อส่วนรวม(ฟัรฎก ู ฟิ ายะฮฺ)
่ ตวั แทนทีเหมาะสมออกมาท
คือการทีมี ่ ่
าหน้าทีแทนคนอื ่
น
และจะเป็ นภาคบังคับรายบุคคล (ฟัรฎอ ู ยั น์)
สาหร ับทุกคนทีมี ่ ความสามารถ ในสถานการณ์ดงั ต่อไปนี ้
่
1.เมืออยู ่ าสงคราม
่ในแถวทหารเพือท
่ ตรูบุกรุกบ ้านเมือง
2.เมือศั
่ น้ าออกคาสังรบหรื
3.เมือผู ่ ่
อเคลือนทั
พ
่
เงือนไขของผู ท้ าการญิฮาด
• เป็ นมุสลิม • มีสติสม
ั ปชัญญะ •
บรรลุนิตภิ าวะตามศาสนบัญญัติ • เพศชาย •
ปราศจากความอุปสรรคหรือความลาบาก (เช่น เจ็บป่ วย ตาบอด
และพิการ) • มีเสบียง
ประเภทของการญิฮาด
การญิฮาดมี 4 ประเภท
ี่ ยชีวต
ความประเสริฐของผูท้ เสี ิ ในสงคราม
ิ ในสงครามนั้น ณ ทีอั
สาหร ับผูเ้ สียชีวต ่ ลลอฮฺมผี ลบุญ 7 ประการ
้ เลือดหยดแรก
1.ได ้ร ับการอภัยโทษตังแต่
2.จะได ้เห็นทีพ่ านักของเขาในสวรรค ์
3.จะได ้รับการคุ ้มครองจากการลงโทษในหลุมศพ
่
4.เขาจะปลอดภัยจากการตืนตระหนกคร ั้ งใหญ่
งยิ ่ (ในวันปรโลก)
5.จะได ้สวมอาภรณ์แห่งศรัทธา 6.จะมีสาวสวรรค ์เป็ นภรรยา
7.จะได ้รับการขออุทธรณ์ให ้แก่เครือญาติถงึ เจ็ดสิบคน
หลักปฏิบต
ั ใิ นการทาสงคราม
ส่วนหนึ่ งจากหลักปฏิบต ั ใิ นการทาสงครามนั้นคือ
ไม่ตต
ี ลบหลังข ้าศึก ไม่ฆ่าเด็กและสตรี
หากพวกเขาไม่รว่ มทาสงครามด้วย ไม่ลาพองตน ไม่หลงตน
ไม่คาดหวังอยากจะเจอศัตรู
127
ต้องขอดุอาอ ์จากอัลลอฮฺให ้พระองค ์ช่วยเหลือ “โอ ้อัลลอฮฺ
ผูท้ รงประทานคัมภีร ์ ผูขั ่
้ บเคลือนก ้อนเมฆ
ผูท้ าให ้ศัตรูพลพรรคปราชัย ได ้โปรดให ้พวกเขาพ่ายแพ้
และให ้พวกเราได ้รับชัยชนะเหนื อพวกเขาด้วยเถิด”
่
ถอยเพือไปรวมกั
บอีกกลุ่ม
บรรดาเชลยศึก
สตรีและเด็กจะถูกจับเป็ นทาส
่
หน้าทีของทหารต่ อผูน
้ า(แม่ทพ
ั )
่ งผูน้ า มีความอดทนอดกลัน
ทหารต ้องเชือฟั ้
ี่ ตรูจโู่ จม
ไม่ทาสงครามโดยไม่ได ้ร ับอนุ ญาต เว ้นแต่ในกรณี ทศั
และเกรงว่าจะได ้รับอันตราย
และหากศัตรูขอเจรจาพักรบ(ทาสุดทิ)หรืออยูใ่ นเดือนต้องห ้าม(เดือ
นซุลเกาะอฺดะฮฺ เดือนซุลหิจญะฮฺ เดือนมุหรั ร็อม และเดือนเราะญับ)
ก็สามารถกระทาได้
หมวดที่ 2 การทาธุรกรรม
้
ข ้อชีขาดทางบทบั ่
ญญัติ และเงือนไขต่ ้
างๆของการซือขาย
่ บดอกเบีย้
บทบัญญัตเิ กียวกั
้
ข ้อชีขาดทางบทบัญญัติ
่
และเงือนไขต่างๆของการเช่าและการว่าจ ้าง
้
ข ้อชีขาดทางบทบั ่
ญญัติ และเงือนไขต่ างๆของการวะกัฟ
้
ข ้อชีขาดทางบทบั ่
ญญัติ และเงือนไขต่ างๆของพินัยกรรม
129
หมวดที่ 2 การทาธุรกรรม
้
การซือขาย
้
ความหมายของการซือขายตามหลั
กภาษาและตามบทบัญ
ญัติ
เชิงภาษา มาจากคาว่า บาอา คือ
่
การแลกเปลียนทร ัพย ์สินกับทร ัพย ์สิน
่
หรือการให ้สิงแลกเปลี ่
ยนแก่ กน
ั
เหตุผลจากการอนุ มต
ั ก ้
ิ ารซือขาย
เนื่ องจากเงินตราและสินค ้านั้น อยู่กระจัดกระจายในหมู่ผค ู ้ นทั่วไป
ขณะทีผู ่ ห้ นึ่ งมีความต ้องการสิงที ่ อยู
่ ่ในการครอบครองของอีกผูหนึ ้ ่
่
ง ซึงเขาจะไม่ ิ่
ได ้ร ับ เว ้นแต่จะต ้องมีสงแลกเปลี
ยน่
่
ซึงการซื ้
อขายกั นเป็ นการขจัดความเดือดร ้อนดังกล่าว
และบรรลุในสิงที ่ ต่ ้องการ ดังนั้นศาสนาจึงอนุ มต ั ก ้
ิ ารซือขาย
่
เพือให ้เกิดประโยชน์โดยรวม
130
้
องค ์ประกอบหลักของการซือขาย
้
องค ์ประกอบหลักของการซือขาย คือ
คาเสนอและสนอง
ผูซ ื้
้ อและผู ข
้ าย
สินค้าและราคา
้
สานวนการซือขาย
คือ คาเสนอและคาสนองตอบรับ และทุกๆ
่ บ่
สิงที ่ งบอกถึงความพึงพอใจระหว่าวสองฝ่ าย(ผูขายและผู้ ซ ื ้ เช่น
้ อ)
ฉันขายแก่ท่าน ฉันมอบสิงนี ่ แก่
้ ท่าน
หรือฉันให ้เป็ นกรรมสิทธิของท่ ์ าน
และผูซ ื้
้ อจะกล่ าวว่าตอบสนองด ้วยคาว่า ฉันซือ้
ฉันร ับเป็ นกรรมสิทธิ ์ ฉันตกลง หรือคาอืนๆ ่ ในทานองนี ้
้
และการซือขายจะถื อว่าสมบูรณ์ได ้เช่นกันด ้วยการกระทา(เช่น
การมอบให ้ หรือการร ับ เป็ นต ้น)จากฝ่ ายหนึ่ งฝ่ ายใด
หรือจากทังสองฝ่้ าย(ผูซ้ อื ้ ผูข้ าย)ก็ได ้
้
การซือขายกั
นทางโทรศัพท ์
การสนทนาทางโทรศัพท ์นั้น ให ้ถือว่าเป็ นสถานทีท
่ าการซือขาย
้
้
และการซือขายจะสิ ้ ดลงเมือจบการสนทนา
นสุ ่
่
เพราะสถานทีในการซื ้
อขาย ให ้ยึดธรรมเนี ยมปฏิบตั เิ ป็ นเกณฑ ์
่
เงือนไขที
ท ่ าให ้การซือขายสมบู
้ รณ์ 7 ประการ
131
้
ความพึงพอใจจากทังสองฝ่ ้ อื ้ ผูข
าย (ผูซ ้ าย)
้
หรือตัวแทนของทังสองฝ่ าย
้
ทังสองฝ่ ่ าเนิ นการได ้เป็ นอิสระ (คือ ป็ นไท
ายอยู่ในวิสยั ทีจะด
บรรลุนิตภ
ิ าวะและมีสติสมั ปชัญญะ)
่ อนุ
สินค ้าต ้องเป็ นสิงที ่ มต ั ใิ ห ้ใช ้ประโยชน์ ดังนั้น
้
ไม่อนุ ญาตให ้ซือขายสิ ่ ไม่
งที ่ มป ี ระโยชน์
่ ้องห ้าม(หะรอม) เช่น เหล ้า และหมู
หรือเป็ นสิงต
่ ไม่
ส่วนสิงที ่ มป ี ระโยชน์นันไม่
้ ่ มต
เป็ นทีอนุ ั ิ
นอกจากในภาวะคับขัน(เพือเอาชี ่ วติ รอด) เช่น ซากสัตว ์
์
สินค้าต ้องเป็ นกรรมสิทธิของผู ขาย
้
หรือผูข
้ ายได ้รับอนุ ญาตให ้ขาย ขณะทาสัญญา
132
่
สาหร ับเงือนไขถู ่
กต ้อง เช่น มีเงือนไขว่ าให ้ผ่อน
หรือจ่ายก่อนเพียงบางส่วน หรือให ้มีสงค ิ่ าประกั
้ น
หรือมีหลักประกัน เพราะส่งผลดีต่อพันธะสัญญา
่
หรือมีเงือนไขเกี ่
ยวกั บลักษณะของสินค ้า ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“บรรดามุสลิมต ้องปฏิบต ั ต ่
ิ ามเงือนไขที ่ ้ไว ้ต่อกัน” (บันทึกโดย
ให
อะหมัด และอบู ดาวูด 3594)
่ ขายตั
และการทีผู ้ ้ อนไขต่
งเงื ่ อผูซ ื้ า
้ อว่
จะใช ้ประโยชน์ของสินค้าสักระยะ เช่น
อาศัยในบา้ นหลังนั้นเป็ นเวลาหนึ่ งเดือน เงือนไขเช่
่ ้ ถูกต ้อง
นนี ก็
เป็ นต้น
่
เงือนไขไม่ ้
ถูกต ้อง และการซือขายเป็ นโมฆะ เช่น
ฝ่ ายหนึ่ งตังเงื
้ อนไขแก่
่ อกี ฝ่ ายโดยมีสญั ญาซ ้อน เช่น
้
ซือขายพร ้
้อมกู ้ยืม และให ้เช่าพร ้อมกับซือขาย
่
เงือนไขเป็ ้
นโมฆะแต่เพียงลาพัง แต่การซือขายไม่ เป็ นโมฆะ เช่น
ผูซ
้ อตั ้ ้ ่ ้
ื งเงือนไขว่าหากซือสินค ้าไปแล ้วเกิดขาดทุน ก็จะคืนสินค ้า
หรือตังเงื ้ อนไขว่
่ าอย่าไปขายต่อหรือมอบให ้แก่ผใด ู้
แต่เมือเงื่ อนไขนั
่ ้นส่งผลดีต่อสัญญาซือขาย
้ ่
เงือนไขนั ้นก็ถูกต ้อง
่ ้องห ้าม
การค ้าขายทีต
อิสลามได ้อนุ มต
ั ก ่ ามาซึงความดี
ิ ารค ้าขายทุกประเภททีจะน ่ และค
้
วามจาเริญ และห ้ามการซือขายบางประเภท
เนื่ องจากไม่ทราบรายละเอียด และมีความเสียง่
133
หรือเกิดผลเสียต่อวงการตลาด หรือเกิดผลต่อความรู ้สึก
เป็ นเหตุให ้มีการริษยาต่อกัน และพิพาทกัน ได ้แก่
134
และเนื่ องจากราคาไม่แน่ นอน (ในตัวอย่างทีสอง)
่
ี่ ่ในเมืองขายแทนผูม้ าจากชนบท นั่นก็คอ
ผูท้ อยู ื นายหน้า
(ตัวกลาง) ซึงจะขายสินค ้าด ้วยราคาสูงกว่าราคาทั่วไป (ปกติ)
่
การขายตัดหน้า เช่น เขากล่าวแก่คนทีจะซื ่ อสิ
้ นค ้าชินหนึ
้ ่ งในราคา
10 เหรียญ โดยกล่าวว่า ณ ทีฉั ่ นก็มส ิ่
ี งเหมือนกันแต่ขายแค่ 9
เหรียญ
่ งมิได ้ครอบครอง
ขายสินค ้าทียั
้
การซือขายหลั ้ั สองในละหมาดวั
งจากอะซานครงที ่ นศุกร ์
่
(สาหร ับคนทีวาญิ
บต ้องละหมาดวันศุกร ์)
บทบัญญัตแิ ละประเภทของดอกเบีย้
่ ยจากดอกเบีย้
แนวทางทีจะปลอดภั
นิ ยามของดอกเบีย้
่ มและงอกเงย
เชิงภาษา คือ การเพิมเติ
้
และจะถูกนามาใช ้กับการซือขายที
ต ่ ้องห ้ามทุกประเภท
่
เชิงบทบัญญัติ คือ การเพิมในสิ ่ างๆ
งต่
่ กกาหนดไว ้เป็ นการเฉพาะ
ทีถู
135
หรือการทานิ ตก
ิ รรมในการแลกเปลียน ่
โดยทีไม่่ มค
ี วามเท่าเทียมกันตามกรอบของศาสนา หรือ
่ ่
สิงแลกเปลียนของอี ้
กฝ่ ายยังคงค ้างจ่าย หรือค ้างจ่ายทังสองฝ่ าย
เหตุผลการห ้ามดอกเบีย้
้ นสิงต
ดอกเบียเป็ ่ ้องห ้าม (หะรอม) เนื่ องจาก
มีความไม่สมดุลความเท่าเทียมกัน
ระหว่างความเหน็ ดเหนื่ อยกับผลทีได ่ ้ร ับ
้ เอาดอกเบี
เพราะเจ ้าหนี ที ่ ้ ้น ไม่ต ้องใช ้ความพยายาม
ยนั
ไม่ต ้องทาอะไร
และไม่ต ้องร ับภาระการขาดทุนในสิงที ่ จะเป็
่ นรายได ้ของเขา
่
หรือกาไรทีเขาจะได ้ร ับ
จริยธรรมของสังคมได ้ถูกทาลายลงไป
อันเนื่ องมาจากการขาดความร่วมมือระหว่างสมาชิกในสังคม
เป็ นเหตุนาไปสู่การแตกแยก การเห็นแก่ตวั
่ การเสียสละให ้กัน
และการเอาร ัดเอาเปรียบกัน แทนทีจะมี
้ ้อเผือแผ่
มีความร ักห่วงแหนกัน และมีการเอือเฟื ่ ระหว่างกัน
136
การแตแยกสังคมเป็ นสองกลุ่มชนชันที้ ขั
่ ดแย้งกันคือ
่
ระหว่างกลุ่มชนคนรวยทีฉกฉวยโอกาสและจั ดการทุนทร ัพท ์ของต
นเอง และกลุ่มชนคนจน ผูอ้ ่อนแ
่ กเอาร ัดเอาเปรียบจากการใช ้แรงงานและค่าตอบแทน
ทีถู
โดยริดรอนสิทธิอย่างไม่เป็ นธรรม
ประเภทของดอกเบีย้
้
ดอกเบียตามทั
ศนะของผูร้ ู ้ส่วนใหญ่ มี 2 ประเภท คือ
้ งเวลา (ริบา อันนะสีอะฮฺ) คือ
ดอกเบียเชิ
การยืดหรือย่อระเวลาในการชาระหนี ้ นั่นก็คอ
ื
่ านวนดอกเบียเพื
การเพิมจ ้ อทดแทนกั
่ บการยืดระยะเวลาในการชาร
้ ่ ้
ะหนี ซึงเรียกว่า การผ่อนดอกเบียในระยะยาว
้ งปริมาณ หรือความเหลือมล
ดอกเบียเชิ ่ ้ บา อัลฟัฎลฺ)
า(ริ
137
้
ดอกเบียประเภทที ่
สามตามทั
ศนะของอัชชาฟิ อียะฮฺ(ผูร้ ู ้มัซฮับชา
้ ทธิ ์ คือ
ฟิ อีย ์) คือ ดอกเบียในการครอบครองกรรมสิ
การยืดระยะเวลาในการครอบครองสิงที ่ แลกเปลี
่ ่
ยนจากทั ้
งสองฝ่ าย
หรือจากฝ่ ายหนึ่ งฝ่ ายใด
้
ดอกเบียประเภทที ่ (ตามทั
สี ่ ศนะของผูร้ ู ้บางท่าน)
้
คือดอกเบียในการกู ้ยืม
่ ยกร ้องผลประโยชน์ในเวลาเดียวกัน
เป็ นการกู ้ยืมทีเรี
แต่ในความเป็ นจริง
้ งคงอยู่ในสองประเภทหลักข ้างต้น
การแบ่งประเภทของดอกเบียยั
้ น 2 ประเภท
นักเศรษฐศาสตร ์สมัยใหม่แบ่งดอกเบียเป็
้ นกู ้ทีน
ดอกเบียเงิ ่ ามาใช ้ในการบริโภค
้ นกู ้ทีน
และดอกเบียเงิ ่ ามาลงทุน
่ ถู
คือ ส่วนเพิมที ่ กเก็บจากการกู ้ยืมทีน
่ าไปซือสิ
้ งจ่ าเป็ นพืนฐาน
้
่ ม
เช่นอาหาร เครืองดื ่ และยาร ักษาโรค และในทานองนี ้
้ นกู ้ทีน
ดอกเบียเงิ ่ ามาลงทุน คือ เพือใช
่ ้ในการผลิต
เช่นสร ้างโรงงาน โรงเรือน
่ าหมายในการค ้าเป็ นการเฉพาะ
หรือเพือเป้
้ งแบ่งได ้อีกเป็ น 2 ประเภท
และดอกเบียยั
้
ดอกเบียทบเท่ าทวี คือ
้ คิ
ดอกเบียที ่ ดเพิมในอั
่ ้ ง)
ตราหลายเท่า(ดอกเบียสู
138
้
ดอกเบียธรรมดา คือ
้ คิ
ดอกเบียที ่ ดเพิมเพี
่ ยงเล็กน้อย(ดอกเบียต
้ ่า)
ดอกเบียเป็้ นสิงต
่ ้องห ้ามในทุกๆการทาธุรกรรม
้ งปริมาณหรือดอกเบียเชิ
ไม่ว่าจะเป็ นดอกเบียเชิ ้ งเวลา
้
ดอกเบียทบเท่ ้
าทวี หรือดอกเบียธรรมดา
ดอกเบียเพื้ อการบริ
่ โภคหรือลงทุน อัลลอฮฺตร ัสว่า
َ َ َ َ َۡ ۡ
َّ َ َّ َّ َ َ َ
]275 :﴾ [البقرة.. ٱلرب َٰوا
ِ وأحل ٱّلل ٱلبيع وحرم....﴿
“อัลลอฮฺทรงอนุ มต
ั ก ้
ิ ารค ้าขาย และห ้ามดอกเบีย”
(อัลบะเกาะเราะฮฺ 275)
่ ย้ มีหลายประการ
แนวทางทีจะปลอดจากดอกเบี
อิสลามได ้วางหลายแนวทางเพือให ่ ์
้บริสุทธิจากดอกเบี ้
ยในปั จจุบ ั
น และอนาคตได ้แก่ อนุ มต ั ใิ ห ้มีการหุ ้นส่วน (ร่วมลงทุน)
คือการมีหุ ้นส่วนจากสองคน คนหนึ่ งมีต ้นทุน(เป็ นเงิน)
และอีกคนหนึ่ งเป็ นผูน้ าไปลงทุน(ลงมือทา)
ผลกาไรจะแบ่งไปตามทีได ่ ้ตกลงกันไว ้ หามีการขาดทุนใดๆ
ก็จะเกิดแก่เจ ้าของเงินทุน ส่วนผูน้ าไปลงทุนนั้น
จะไม่ต ้องร ับผิดชอบในส่วนต ้นทุนทีขาดทุ่ นไป
เว้นแต่ได้สูญเสียแรงกายและการงงานไป
้
อนุ ญาตให ้มีการซือขายล่ วงหน้า คือ
(สะลัม)คือจ่ายก่อนและจะส่งมอบสินค้าภายหลัง
139
ผูใ้ ดมีความเดือดร ้อนต้องการทรัพย ์ ก็ให ้ขายผลผลิตตามฤดูกาล
่
ด ้วยราคาทีเหมาะสม ่
(ตามเงือนไขที ่ กกล่าวไว ้ในตาราฟิ กฮฺ)
ถู
140
้
มันคือแก่นแท ้ของดอกเบียเลยที เดียว
่ื ยกว่าเป็ น"ผลกาไร" ก็ตามแต่ ดังนั้นมิต ้องสงสัยเลยว่า
แม้จะมีชอเรี
นั่นคือดอกเบียที
้ ต ่ ้องห ้าม (หะรอม) ตามอัลกุรอาน หะดีษ
และมติเอกฉันท ์ของปวงปราชญ ์
่
และส่วนเพิมจากการกู ่ การตังเงื
้ยืมทีมี ้ อนไขไว
่ ้นั้น
่ ้องห ้ามโดยมติเอกฉันท ์ของปวงปราชญ ์
เป็ นสิงต
ส่วนชือที่ เรี่ ยกว่ากู ้ยืมนั้นไม่ใช่เป็ นการกู ้ยืมทีแท
่ ้จริง ดังทีเชค
่
มุหม ั มัด บิน อิบรอฮีม มุฟตี ประเทศซาอุดอ ิ าระเบียได้กล่าวไว้ว่า
“ในความเป็ นจริงสิงที ่ ถู ่ กเรียกว่าการกู ้ยืมนั้น ไม่ใช่เป็ นการกู ้ยืม
เนื่ องจากการกู ้ยืมทีแท ่ ้จริงคือ การทาทาน
การช่วยเหลือและให ้ความสะดวก แต่น่ี คือการแลกเปลียนที ่ ่ ดเจน
ชั
้
คือการซือขายเงิ นตราด ้วยเงินตราในราคาผ่อน
และมีกาไรตามทีตั ่ งเงื
้ อนไขไว
่ ้”
อัลอิญาเราะฮฺ หมายถึง
การทานิ ตก ่ นประโยชน์ในสิงที
ิ รรมระหว่างสองฝ่ ายทีเป็ ่ อนุ
่ มต
ั ิ
141
้
ข ้อชีขาดทางบทบั
ญญัติ
่ อนุ
เป็ นสิงที ่ มต
ั ิ
ดังนั้นมีผลบังคับระหว่างทังสองฝ่
้ าย(ผูว้ ่าจ ้างและลูกจ ้าง/ผูให
้ ้เช่าแ
ละผูข ้ อเช่า)
่
เหตุผลแห่งบทบัญญัตเิ กียวกั
บอัลอิญาเราะฮฺ
่
เป็ นการแลกเปลียนประโยชน์ ่ึ นและกัน
ซงกั
เนื่ องจากมีความต ้องการผูเ้ ชียวชาญในงานต่
่ างๆ เช่น
ผูร้ ับเหมาก่อสร ้างอาคารและโรงเรือน ช่างยนต ์
่ กรกล คนขับรถบรรทุก ฯลฯ
คนขับเครืองจั
้ เพื
ทังนี ้ อเป็
่ นการเอือให ้ ้ความสะดวกแก่ผค ู้ น
และตอบสนองความต้องการต่างๆของมนุ ษย ์ได ้เป็ นอย่างดี
ี่ ใ่ นวิสยั ทีจะด
การว่าจ ้างและเช่าผูท้ อยู ่ าเนิ นการได ้
(มีสติสม
ั ปชัญญะ ไม่เป็ นทาส
และบรรลุนิตภ ิ าวะตามศาสนบัญญัต)ิ
142
มีความชัดเจนในการใช ้ประโยชน์ หรือให ้ทาประโยชน์ เช่น
่
เช่าบ ้านเพืออยู ่ นคนร ับใช ้ หรือเพืองานสอน
่อาศัย ว่าจ ้างเพือเป็ ่
ค่าเช่าหรือค่าจ ้างต้องมีความชัดเจน(ระบุจานวนเงิน)
ตอบประเด็นข ้อสงสัย
่ น เรือ
การโดยสารด ้วยรถยนต ์ เครืองบิ
หรือการจ ้างช่างตัดเย็บผ้า
หรือจ ้างคนแบกสัมภาระโดยไม่ไดม้ ข ่ าจ ้างในเบือง
ี ้อตกลงในเรืองค่ ้
ต ้นนั้น เป็ นอันใช ้ได ้
ี ่ บต
ด ้วยราคาเช่าหรือค่าจ ้างตามจารีตประเพณี ทปฏิ ั ก
ิ น ้ ่
ั อยู่ในพืนที
นั้น ซึงเป็
่ นการทดแทนคาพูดหรือข ้อตกลงระหว่างกัน
่
เงือนไขสิ ่ ให
งที ่ ้เช่า
่
มีเงือนไขว่ ่ ให
าสิงที ่ ้เช่า
ต้องทราบชัดเจนโดยการเห็นหรือการบ่งบอกลักษณะ
และทาสัญญาตกลงกันให ้ใช ้ประโยชน์ในสิงนั ่ ้นอย่างครบถ ้วน
และสามารถส่งมอบแก่กน ่ มี
ั ได ้ และต ้องเป็ นสิงที ่ ประโยชน์
และเป็ นกรรมสิทธิของผู์ ให
้ ้เช่า
หรือได ้ร ับอนุ ญาตให ้ปฏิบต ั แิ ทนผูให
้ ้เช่าในสิงนั่ ้น
143
ประเด็นต่างๆในการให ้เช่า
่ เป็
สิงที ่ นสาธารณะประโยชน์(วะกัฟ)สามารถให ้เช่าได้
หากผูใ้ ห ้เช่าเสียชีวต ์
ิ กรรมสิทธิจะตกแก่
ทายาทร ับค่าเช่าแทน
่ ญญาการเช่าครงแรกจะไม่
ซึงสั ั้ ถูกยกเลิกไป
่ ห
ไม่อนุ ญาตให ้เช่าในสิงที ่ ้ามซือขาย
้
่ เป็
ยกเว ้นเช่าสิงที ่ นสาธารณะประโยชน์
่ นอิสระ(ไม่ใช่ทาส)
(วะกัฟ)ว่าจ ้างคนทีเป็
และจ ้างทาสทีเป็่ นแม่ของลูก(สามประการนี ห
้ ้ามขายแต่ว่าจ ้างหรือเ
ช่าได้)
สัญญาการเช่าจะถูกยกเลิกไป
เนื่ องจากสิงที
่ ให่ ้เช่าเกิดชารุดเสียหาย
้
หรือสินประโยชน์ การใช ้งานไป
144
การบังคับจ่ายค่าจ ้างหรือค่าเช่าจะมีผลทันทีทได ี่ ้ทาสัญญาไว ้
่ การส่งมอบสิงที
หรือเมือมี ่ ให
่ ้เช่า
้
และหากทังสองฝ่ ายยินยอมให ้มีการยืดเวลาออกไป หรือผ่อนชาระ
่ างานเสร็จ
ก็สามารถกระทาได ้ ส่วนลูกจ ้างต ้องได ้ร ับค่าจ ้างเมือท
่ เป็
การวะกัฟ(สิงที ่ นสาธารณะประโยชน์)
นิ ยามวะกัฟเชิงภาษาและวิชาการ
วะกัฟเชิงภาษา คือ
ส่วนวะกัฟเชิงวิชาการ คือ
่ อให ้เกิดประโยชน์ไว ้
การสงวนทร ัพย ์สินหลักทีจะก่
่
และนาส่วนทีงอกเงยไปบริ ่ นทานแก่สาธารณะประโยชน์
จาคเพือเป็
หลักฐานการทาวะกัฟ
มีหลักฐานจากหะดีษ และมติเอกฉันของปวงปราชญ ์
145
่ อาจกระทาการขาย
(ยกให ้เป็ นสาธารณะประโยชน์) ซึงไม่
การมอบให ้คนอืน ่ หรือตกเป็ นมรดกได ้เลย"
การทาวะกัฟเป็ นคุณสมบัตท ี่
ิ โดดเด่ นของมุสลิม ท่านญาบิรฺ
กล่าวว่า
“ไม่มส
ี าวกของท่านนบีท่านใดทีมี่ ความสามารถแล ้วในการวะกัฟ
เว้นแต่เขาจะทาการวะกัฟโดยทันที"
เหตุผลการบัญญัตก
ิ ารทาวะกัฟ
ี่ ฐานะดีเตรียมเสบียงเพือโลกหน้
ส่งเสริมให ้ผูท้ มี ่ า
โดยการทาความดีให ้มากๆ
โดยให ้ทาการบริจาคทร ัพย ์สินเพือเป็่ นทาน
่
เพราะเกรงว่าหลังจากทีเขาตายไปแล ้ว
ทร ัพย ์สินของเขาจะถูกถ่ายโอนไปยังผูท้ ไม่ ี่ รู ้จักร ักษา
แล ้วการงานของเขาจะถูกลบล ้าง และลูกหลานของเขาจะยากจน
146
และเพือป้่ องกันมิให ้เกิดเช่นนั้น
และเพือให ่ ้มีส่วนร่วมในการทาความดี
ศาสนาจึงบัญญัตใิ ห ้มีการทาวะกัฟ
่ เขาจะท
เพือที ่ าความดีด ้วยตัวเอง
และจัดการตามความประสงค ์และเพือให ่ ้เกิดความต่อเนื่ อง
เหมือนกับตอนทีเขามี่ ชวี ต
ิ
การทาวะกัฟเป็ นสาเหตุหลัก
่ ารงร ักษาไว ้ซึงมั
(ปัจจัยหลัก)ทีจะด ่ สญิด โรงเรียน
่
และอืนๆที ่ นการกุศล
เป็
เพราะตามประวัตศ ิ าสตร ์มัสญิดโดยมากดารงอยูด ่
่ ้วยกับสิงวะกั
ฟ
่ านั้น สิงจ
ยิงกว่ ่ าเป็ นอืนๆที
่ ่ ยวกั
เกี ่ บมัสญิด เช่น การทาความสะอาด
่
เครืองปู และปัจจัยยังชีพ(เงินเดือนค่าจ ้าง)ของผูด้ ูแล
่
ยังต ้องอาศัยสิงวะกั ฟ
ถ ้อยคาการทาวะกัฟ
่ ดเจน เช่น
มีถ ้อยคาทีชั
147
่ นนัยจะบ่งชีถึ้ งการทาวะกัฟได ้
ถ ้อยคาทีเป็
โดยมีอย่างหนึ่ งอย่างใดจากสามกรณี
้
การตังเจตนา:เมื ่
อกล่ ่ นนัยก็จะกลา
าวหรือเจตนาด ้วยถ ้อยใดๆทีเป็
ยเป็ นวากัฟ
การระบุลก ่
ั ษณะของสิงของที ่
จะยกให ้เป็ นวะกัฟ เช่น
่ ้ ่
สิงนี ห ้ามขายและห ้ามมอบให ้คนอืน และเช่นเดียวกัน
การวะกัฟจะสมบูรณ์โดยการกระทา เช่น
่ นตนเองแล ้วอนุ ญาตให ้คนอืนละหมาด
สร ้างมัสญิดในทีดิ ่
ประเภทของการทาวะกัฟ
การทาวะกัฟโดยแบ่งตามผูร้ ับประโยชน์ มี 2 ประเภท
่
เพือการกุ ศล
่ วนตัวหรือลูกหลาน
เพือส่
่
วะกัฟเพือการกุ ศล
คือในเบืองต ้นจะทาการวะกัฟแด่องค ์การกุศลแห่งใดแห่งหนึ่ งไว ้เพีย
้
งสักระยะเวลาหนึ่ ง ต่อมาจะเปลียนการท
่ าะวะกัฟนั้นแก่คนใด
หรือกลุ่มใด เป็ นการเฉพาะเจาะจง เช่น
148
บริจาคทีดิ่ นแก่โรงพยาบาลหรือโรงเรียน
ต่อจากนั้นจะเป็ นของลูกหลาน วะกัฟเพือส่ ่ วนตัวหรือลูกหลาน คือ
่ วะกั
สิงที ่ ฟในเบืองต
้ ้นแก่ตวั เอง หรือคนใด หรือกลุ่มใด
่
เป็ นการเฉพาะ แล ้วต่อมาจะวะกัฟเพือการกุ ศล เช่น
่
วะกัฟแก่ตวั เองเมือเขาเสียชีวต
ิ จะเป็ นของลูกๆ
่
และเมือพวกเขาเสียชีวต ่
ิ จะวะกัฟเพือการกุ ศล
่ ท
สิงที ่ าวะกัฟ
่ ท
สิงที ่ าวะกัฟคือ ทร ัพย ์สินทีเป็
่ นอสังหาริมทร ัพย ์ทีมี
่ อยู่
่ กสร ้าง) เช่น อาคาร ทีดิ
(สิงปลู ่ น หรือบ ้าน โดยมติเอกฉันท ์
่
หรือสังหาริมทร ัพย ์ (ทร ัพย ์เคลือนย้ายได ้ า
้) เช่น หนังสือ เสือผ้
้ และอาวุธ ดังหะดีษทีท่
สัตว ์เลียง ่ านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่า “สาหร ับคอลิด(หนึ่ งในบรรดาสาวกของท่านนบี)นั้น
แท ้จริงพวกท่านอธรรมต่อคอลิด
(โดยกล่าวหาว่าไม่จา่ ยซะกาตเสือเกราะ ้
่ ้าขาย)
เพราะเข ้าใจว่ามีไว ้เพือค
เนื่ องจากเขาได ้บริจาคเสือเกราะและอาวุ
้ ธของเขาเพืออั ่ ลลอฮฺแล ้ว”
149
่
เงือนไขผู ี่ าการวะกัฟ
ท้ จะท
ี่ าวะกัฟต ้องประกอบด ้วยเงือนไขต่
ผูท้ ท ่ อไปนี ้
หากขาดข ้อหนึ่ งข ้อใด การทาวะกัฟใช ้ไม่ได ้
ต ้องมีคุณสมบัตท ี่
ิ จะบริ จาคได ้ การทาวะกัฟของทร ัพย ์ทีปล่ ้น
้ ยงั ไม่ได ้สิทธิครอบครองโดยสมบู
หรือซือแต่ ์ รณ์ก็ใช ้ไม่ได ้
150
์
เป็ นกรรมสิทธิของผู ่
ว้ ะกัฟ ขณะทีการวะกั
ฟ
จะต ้องเจาะจงดังนั้นการวะกัฟสิงที
่ ไม่
่ เจาะจงใช ้ไม่ได ้
่ วะกั
สิงที ่ ฟจะต ้องไม่เกียวพั
่ ์
นกับกรรมสิทธิของผู ื่
อ้ น
วิธก ่
ี ารใช ้ประโยชน์จากสิงวะกั
ฟ
่
จะเกิดประโยชน์จากสิงวะกั ่
ฟ การใช ้ประโยชน์จากสิงวะกั
ฟ เช่น
บ ้านโดยการอยู่อาศัย พาหนะโดยการขับขี่
่ ไปใช ้ประโยชน์
และสัตว ์โดยการตัดเอาขน นม ไข่ หรืออืนๆ
ความแตกต่างระหว่างวะกัฟและวะศียะฮฺ(พินัยกรรม)
วะกัฟ คือการสงวนไว ้ซึงสิ่ ทธิของทร
์ ัพย ์สินหลัก
และบริจาคผลประโยชน์ (ผลผลิต) ไว ้เป็ นทาน
่ ยะฮฺ(พินัยกรรม)
ขณะทีวะศี
คือการโอนกรรมสิทธิให ์ ้โดยสมัครใจหลังจากทีเจ ่ ้าของเสียชีวต
ิ
ไม่ว่าจะเป็ นวัตถุหรือผลประโยชน์ต่างๆ
วะกัฟมีผลบังคับใช ้ทันที
่
ซึงจะไม่
สามารถกลับคาหรือยกเลิกได ้เลย
(ตามทัศนะของผูร้ ู ้โดยรวม) เนื่ องจากท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวแก่อุมรั วฺ ่า “หากท่านต้องการ
151
์ ้ และนาผลประโยชน์บริจาคเป็ นทาน
(ประสงค ์) ก็จงสงวนสิทธิไว
ท่านจงทาเสีย”
ส่วนพินัยกรรมนั้น จะมีผลบังคับใช ้
และอนุ ญาตให ้เจ ้าของพินัยกรรมกลับคาพูดได้
้
ไม่ว่าจะทังหมดหรื อบางส่วน
่ วะกั
สิงที ่ ฟจะไม่มผ ์
ี ใู ้ ดถือสิทธิครอบครอง
์
ส่วนประโยชน์เป็ นสิทธิของผู ่ นัยกรรมนั้น
ร้ บั วะกัฟ ขณะทีพิ
์
สิทธิและประโยชน์ จะเป็ นของผูร้ ับพินัยกรรม
์ ้ประโยชน์ในสิงวะกั
การให ้สิทธิใช ่ ฟ
้
จะมีผลขึนขณะผูว้ ะกัฟยังมีชวี ต ิ อยู่และหลังจากเสียชีวติ ไปแล ้ว
ส่วนสิทธิในพิ์ ้
นัยกรรมจะมีผลขึนหลั งจากเจ ้าของพินัยกรรมได ้เสีย
ิ แล ้วเท่านั้น
ชีวต
พินัยกรรม
นิ ยามของพินัยกรรม
การวะศียะฮฺ หรือพินัยกรรม คือ
่ ้จัดการทร ัพย ์สินหลังจากทีเขาเสี
คาสังให ่ ยชีวต
ิ
152
รวมถึงการคืนของฝาก
่ ยวกั
การบริจาคและภาระต่างๆทีเกี ่ บทร ัพย ์สิน
การจัดงานแต่งให ้ลูกสาว การจัดอาบน้าศพพร ้อมละหมาดศพ
การจัดการแจกจ่ายหนึ่ งส่วนสามของทร ัพย ์สิน และอืนๆ
่
หลักฐานทางบทบัญญัตก
ิ ารทาพินัยกรรม
หลักฐานจาก อัลกุรอาน หะดีษ และมติเอกฉันท ์ของปวงปราชญ ์
อัลลอฮฺได ้ตรัสไว ้ว่า
ۡ َ َ ۡ َّ َ ۡ ً ۡ َ َ َ َ ۡ َ ۡ َ َ َ َ َ َ َ ۡ َۡ َ َ
َٰ
صية ل ِلول ِدي ِنِ ﴿كتِب عليكم إِذا حضر أحدكم ٱلموت إِن ترك خيرا ٱلو
َ َوٱل ۡ َأقۡ َرب
َ َّ ۡ َ َ ًّ َ ِ ين بٱل ۡ َم ۡعر
]180 :﴾ [البقرة١٨٠وف حقا على ٱلمت ِقين ِ ِ
“การทาพินัยกรรมให ้แก่ผบ ้
ู ้ งั เกิดเกล ้าทังสอง
และบรรดาญาติทใกล ี่ ้ชิดโดยชอบธรรมนั้นได ้ถูกาหนดขึนแก่ ้ พวกเ
่ ่
จ ้าแล ้ว เมือความตายได ้มายังคนหนึ งคนใดในพวกเจ ้า
หากเขาได ้ทิงทร้ ัพย ์สมบัตไิ ว ้ ทังนี
้ เป็
้ นหน้าทีแก่
่ ผย ้
ู ้ าเกรงทังหลาย”
(อัลบะเกาะเราะฮฺ180)
พินัยกรรมมีผลบังคับใช ้โดย
วาจา
153
ลายลักษณ์อก
ั ษร
สัญญาณบ่งชีที้ เข
่ ้าใจได้
ลาดับทีหนึ ่ ่ ง วาจา:
นักนิ ตศิ าสตร ์อิสลามมีความเห็นพ้องกันว่าพินัยกรรมมีผลบังคับใช ้
โดยคาพูดทีชั ่ ดถ ้อยชัดคา เช่น สิงนี ่ จะเป็
้ ์
นกรรมสิทธิของคนนั ้น
หรือคาพูดทีเป็ ่ นนัยแต่เข ้าใจได ้ว่าเป็ นพินัยกรรมโดยมีพยานแวดล ้
อมประกอบ เช่น หลังจากฉันตายฉันให ้เขาสิงนั ่ ้นสิงนี
่ ้
หรือจงเป็ นพยานด ้วยว่าฉันสังเสี ่ ยสิงนี ่ แก่
้ คนนั้น ลาดับทีสอง
่
ลายลักษณ์อก ั ษรจากคนทีไม่ ่ สามารถพูดได ้ เช่นเป็ นใบ ้
หรือผูท้ ลิ ี่ นหนั
้ ี่
กพูดไม่ได ้ หรือผูท้ หมดหวั ่ ด ลาดับทีสาม
งทีจะพู ่
คือสัญญาณทีบ่ ่ งบอกถึงการสังเสี
่ ย และพินัยกรรมของคนเป็ นใบ ้
และคนทีพู ่ ดไม่ได ้มีผลบังคับโดยสัญญาณทีเข ่ ้าใจได ้
่
โดยมีเงือนไขว่ าเขาไม่สามารถพูด และหมดหวังทีจะพู ่ ดได ้
้
ข ้อชีขาดทางบทบั
ญญัติ
่ ถู
พินัยกรรมเป็ นคาสังที ่ กบัญญัตไิ ว ้ในอัลกุรอาน
َ ِين َء َامنوا َش َهَٰ َدة بَيۡن ِك ۡم إ َذا َح َض َر أَ َح َدكم ٱل ۡ َم ۡوت ح َ َ
ِين َ يأ ُّي َها ٱلَّذ
َٰٓ ﴿
ِ
]106 :﴾ [المائدة... ان
َ ۡ َّ ٱل ۡ َو
ِ صيةِ ٱثن ِ
้
“โอ ้ผูศ้ ร ัทธาทังหลาย!การเป็ ่
นพยานระหว่างพวกเจ ้าเมือความตา
ยได ้มายังคนหนึ่ งคนใดในพวกเจ ้าขณะมีการทาพินัยกรรมนั้นคือส
องคน” (อัลมาอิดะฮฺ 106)
154
ประเภทของพินัยกรรม
พินัยกรรมภาคบังคับ (วาญิบ) ผูท้ มี ี่ หนี สิ
้ น
ี่ ภาระต ้องร ับผิดชอบและมีพน
ผูท้ มี ั ธะสัญญา
จาเป็ นต้องทาพินัยกรรมให ้ชัดเจน โดยทาเป็ นลายลักษณ์อก ั ษร
้ ้ ่ ้ ่
ระบุหนี สิน จะเป็ นหนี ทีด่วน หรือหนี ทีจ่ายตามระยะ
และระบุให ้ชัดเจนเกียวกั ่ บพันธะสัญญาต่างๆทีอยู ่ ่ในความร ับผิดชอ
บ
่ นทีประจั
เพือเป็ ่ กษ ์แก่ทายาทในการจัดการให ้ดาเนิ นตามพินัยกรร
ม พินัยกรรมภาคสมัครใจ (ส่งเสริมให ้ปฏิบต ั )ิ
คือการทาพินัยกรรมแก่บุคคลทีไม่ ่ ใช่ทายาท
โดยอัตราหนึ่ งในสามของทร ัพย ์สิน หรือน้อยกว่านั้น
และทาพินัยกรรมในด้านการกุศล
ไม่ว่าจะเป็ นการกุศลทีจ่ ากัดเฉพาะ เช่น ให ้แก่ญาติ หรือคนอืนๆ ่
หรือแก่องค ์กรใดเป็ นการเฉพาะ เช่น มัสญิดนั้นๆ
หรือแก่องค ์กรการกุศลสาธารณะ เช่น มัสญิดต่างๆ โรงเรียน
้ ย โรงพยาบาล และอืนๆ
หอสมุด ค่ายลีภั ่
อัตราทรัพย ์สินในการทาพินัยกรรม
ไม่อนุ ญาตให ้ทาพินัยกรรมเกินกว่าหนึ่ งในสามของทร ัพย ์สิน
เนื่ องจากหะดีษของสะอัด บิน อบี วักกอศ ทีได่ ้ถามท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
ี่ นจะทาพินัยกรรมบริจาคทร ัพย ์สินของฉันทังหมด
“ได ้หรือไม่ทฉั ้ ?
่ ่ งล่ะ?”
ท่านเราะสูลตอบว่า “ไม่” สะอัด ก็กล่าวว่า “ครึงหนึ
ท่านเราะสูลตอบว่า “ไม่ได ้” สะอัดก็กล่าวว่า “หนึ่ งในสามล่ะ?”
155
ท่านเราะสูลก็ตอบว่า “ได ้ และหนึ่ งในสามนั้นก็มากแล ้ว”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย ์ และมุสลิม)
พินัยกรรมจะสมบูรณ์โดย
พินัยกรรมต้องมีความชอบธรรม คือมีความเป็ นธรรม
ต้องสอดคล ้องกับบทบัญญัติ
์
เจ ้าของพินัยกรรมต ้องกระทาอย่างบริสุทธิใจเพื ่ ลลอฮฺ
ออั
้
และตังใจว่ าพินัยกรรมดังกล่าวขอให ้เป็ นการกระทาความดีและการ
กุศล
่
เงือนไขผู ท้ าพินัยกรรม (เจ ้าของพินัยกรรม)
ี่ ่ในวิสยั บริจาคได ้ (มีสติสม
เป็ นผูท้ อยู ั ปชัญญะ ไม่เป็ นทาส
บรรลุนิตภ ิ าวะตามศาสนบัญญัต)ิ
์
เป็ นผูค้ รอบครองกรรมสิทธิโดยสมบู รณ์
ยินยอมและสมัครใจ (ไม่ถูกบังคับ)
่
เงือนไขผู ร้ บั พินัยกรรม
่ ดี
ร ับพินัยกรรมไปใช ้ในสิงที ่ หรืออนุ มต
ั ิ
156
ผูร้ ับพินัยกรรมต้องมีชวี ต
ิ ขณะทาพินัยกรรม
คือมีอยูจ่ ริงหรือโดยการคาดการณ์ (เช่นเด็กในครรภ ์)
่
และตามเงือนไขนี ้ สามารถทาพินัยกรรมแก่ผท ี่ อยู่ได ้เช่นกัน
ู ้ ไม่
ระบุผูร้ ับอย่างชัดเจน
ี่
เป็ นผูท้ ครอบครองสิ ์ ้ (เช่น ไม่ใช่ญน
ทธิได ิ สัตว ์ หรือคนตาย)
ิ ธิร์ ับมรดก
มิใช่ทายาทผูมี้ สท
่
เงือนไขสาระแห่ ่ เป็
งพินัยกรรม (สิงที ่ นพินัยกรรม)
่ นมรดกได ้
เป็ นทร ัพย ์สินทีเป็
การยืนยันพินัยกรรม
่ มติเอกฉันท ์ว่าควรเขียนพินัยกรรม(ส่งเสริมให ้ปฏิบ ั
เป็ นประเด็นทีมี
่ ้วยบัสมะละฮฺ และการสรรเสริญอัลลอฮฺ
ติ) โดยเริมด
157
และเศาะละวาตนบี
้
และกล่าวคาปฏิญาณทังสองโดยวาจาหรื
อลายลักษณ์อก
ั ษรก็ได ้
ผูพ
้ พ
ิ ากษา
สามัญชน
่ ท
สิงที ่ าให ้พินัยกรรมเป็ นโมฆะ
การกลับคา หรือ ยกเลิกพินัยกรรม โดยวาจา
หรือพยานแวดล ้อม
่
พินัยกรรมถูกวางเงือนไขไว ่ ยั
้กับสิงที ่ งไม่เกิดขึน้
ไม่มม ่
ี รดกหลงเหลือเพือให ้ดาเนิ นตามพินัยกรรม
้
ลักษณะการสินสภาพผู เ้ ป็ นเจ ้าของพินัยกรรม
หรือการทาพินัยกรรมเป็ นโมฆะ
้
เจ ้าของพินัยกรรมสินสภาพจากการเป็ นมุสลิม
(ตามทัศนะของบางส่วน)
158
ผูร้ ับพินัยกรรมเสียชีวต
ิ ก่อนเจ ้าของพินัยกรรม
ทาพินัยกรรมแก่ทายาทโดยไม่ได ้รับความยินยอมจากทายาททุก
ๆ คน
หมวดที่ 3
กฎหมายครอบครัว
้
ข ้อชีขาดและเงื ่
อนไขของการนิ กาหฺ(การแต่งงาน)
159
หมวดที่ 3 กฎหมายครอบคร ัว
การนิ กาหฺ(การแต่งงาน)
เหตุผลบัญญัตก ิ ารนิ กาหฺ(การสมรส) การนิ กาหฺ(การแต่งงาน)
เป็ นวิถข ่ ส่
ี องอิสลาม เป็ นสิงที ่ งเสริมให ้ปฏิบต
ั ิ ท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “โอ ้คนหนุ่ มทังหลาย ้ คนใด
ในหมู่พวกเจ ้ามีความสามารถในค่าสินสอดและการอุปการะเลียงดู ้
เขาจงแต่งงานเถิด เพราะการแต่งงานนั้นจะช่วยยับยัง้ (ลด) สายตา
จากการมองสิงต ่ ้องห ้าม (หะรอม) เป็ นอย่างยิง่ และช่วยรักษา
อวัยวะสืบพันธุ ์ให ้บริสุทธิยิ์ ง่ (จากการผิดประเวณี ) หากคนใดไม่มี
ความสามารถ เขาจงถือศีลอด เพราะการถือศีลอดจะลดกาหนัด
ของเขา” (บันทึกโดย ญามาอะฮฺ)
ส่วนหนึ่ งจากเหตุผลของการแต่งงาน
การแต่งงานเป็ นการสร ้างบรรยากาศทีดี ่
สร ้างความสัมพันธ ์ระหว่างครอบครัว มอบความรักแก่กน ั
ิ มีความบริสุทธิ ์ และป้ องกันจากสิงที
ทาให ้ชีวต ่ ต ่ ้องห ้าม (เช่น
่ ้องห ้ามหรือผิดประเวณี )
มองสิงต
่ ส้ บ
การแต่งงานเป็ นปัจจัยในการกาเนิ ดบุตร และเพิมผู ื ทายาท
่
พร ้อมกับร ักษาไว ้ซึงวงศ ์ตระกูล
ความหมายของการนิ กาหฺตามหลักภาษาและตามบทบัญ
ญัติ
การนิ กาหฺตามหลักภาษา
่ ้ด ้วยกัน
การมีเพศสัมพันธ ์ และการรวมสองสิงไว
และจะใช ้กับการทาสัญญาหรือข ้อตกลงการสมรส
161
ขณะทีอยู่ ใ่ นประเทศคู่สงคราม โดยไม่มค
ี วามจาเป็ น
(ไม่อยู่ในภาวะคับขัน)
ถ ้อยคาในการนิ กาหฺ
การนิ กาหฺจะมีผลโดยทุกถ ้อยคาทีบ่ ่ งบอกถึงการแต่งงาน
จะเป็ นภาษาใดก็ได้ เช่น ฉันแต่งงาน ฉันสมรส
ฉันตอบร ับการสมรสนี ้ ฉันร ับนางเป็ นภรรยา หรือฉันพึงพอใจ
และควรใช ้ภาษาอาหร ับ ส่วนคนทีไม่่ รู ้ภาษาอาหร ับ
ก็ให ้ใช ้ภาษาของตัวเอง
162
เช่น ฉันตอบร ับ หรือฉันพึงพอใจการสมรสนี ้
หรือจะใช ้เพียงคาว่า ฉันตอบรับ ก็ใช ้ได ้
คาเสนอต ้องอยู่กอ่ นคาสนอง
นอกจากจะมีพยานแวดล ้อมทีบ่ ่ งชีให
้ ้เข ้าใจ
ก็สามารถเอาคาสนองขึนก่ ้ อนได ้
่
เงือนไขที
ท ่ าใหก้ ารนิ กาหฺสมบูรณ์ 4 ข ้อ คือ
ต้องระบุคู่สมรสให ้ชัดเจน
163
่ องชายพ่อแม่เดียวกัน
ลูกชายของพีน้
ลูกชายของพีน้่ องชายทีร่่ วมพ่อ
่ องชายของพ่อ(ลุงหรืออา)ร่วมพ่อแม่เดียวกัน
พีน้
่ องชายของพ่อทีร่่ วมพ่อเดียวกัน
พีน้
ลูกชายของพีน้ ่ องชายของพ่อร่วมพ่อแม่เดียวกัน(ลูกชายของลุงหรื
ออา)
ลูกชายของพีน้ ่ องชายของพ่อทีร่่ วมพ่อ(ลูกชายของลุงหรืออา)
เครือญาติใกล ้ชิดทีร่ ับมรดกส่วนเหลือร่วมกับนาง
และสุลต่านหรืออัลหากิม (ผูน ้ าหรือผูปกครองรัฐ)
้
่
สิงควรปฏิ
บตั แิ ละห ้ามปฏิบต
ั ใิ นการแต่งงาน
ี่
ผูท้ เกรงว่ าจะไม่มค
ี วามยุตธิ รรมระหว่างภรรยาหลายๆคน
ก็ควรจะมีภรรยาเพียงคนเดียว ควรหาผูห้ ญิงทีเคร่่ งคร ัดศาสนา
ไม่เป็ นเครือญาติ ควรแต่งกับสาวพรหมจันทร ์ เผ่าพันธุ ์ลูกดก
และสวยหน้าตาดี
่
ควรมองผูห้ ญิงทีจะไปสู
ข ่ ใช่เอาเราะฮฺ
่ อ โดยมองส่วนทีไม่
่ ้องปกปิ ดตามหลักศาสนา)
(ส่วนทีต
164
และมองในสิงที่ ดึ
่ งดูดเขาเพือการแต่
่ งงาน โดยไม่อยู่กน
ั ตามลาพัง
(มีผป ่
ู ้ กครองอยู่ด ้วย) เพือให ้ประจักษ ์ชัด
และผูห้ ญิงก็ควรมองฝ่ ายชายด้วยเช่นกัน
หมวดที่ 4
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บสตรีมุสลีมะฮ ์
165
หมวดที่ 4 บทบัญญัตเิ กียวกั
่ บสตรีมุสลีมะฮ ์
คานา
่ งบทบัญญัตแิ ก่ผป
คาสังแห่ ู ้ ฏิบต
ั ม
ิ ส
ี าม ประเภท
่ ยวข
ประเภททีเกี ่ ้องกับผูชายเป็
้ นการเฉพาะ
่ ยวข
ประเภททีเกี ่ ้องกับสตรีเป็ นการเฉพาะ
่ ยวพั
ประเภททีเกี ่ ้ ช
นทังผู ้ ายและผูห้ ญิง
่ ้ระบุไว ้ในสามหมวดแรกทีผ่
ตามทีได ่ านมา
ส่วนมากจะเป็ นบทบัญญัตท ี่ ยวพั
ิ เกี ่ ้ ช
นทังผู ้ ายและผูห้ ญิง
่ อจากนี ไปจะเป็
ซึงต่ ้ นการอธิบายบทบัญญัตท ี่ ยวกั
ิ เกี ่ บสตรีเป็ นการเ
ฉพาะ
้ นข ้อๆ
แล ้วจะแบ่งประเด็นเหล่านี เป็
ประเด็นสาหรับสตรีโดยเฉพาะ
ประเด็นสาหรับสตรีโดยเฉพาะ
่ ่ ง การลูบหรือเช็ดบน(ขณะอาบน้าละหมาด)
ประเด็นทีหนึ
บนผมปลอม ทีอนุ ่ โลมให ้สวมใส่ในกรณี ทมี
่ี ความจาเป็ น
่ ห้ ญิงมีความจาเป็ นต้องสวมใส่ผมปลอม
เมือผู
้
ไม่อนุ โลมให ้ลูบหรือเช็ดบนผมปลอมขณะอาบนาละหมาด
เพราะไม่ใช่ผา้ คลุม
166
และไม่อยู่ในขอบข่ายหรือข ้อบัญญัตข
ิ องผ้าคลุม
และจาเป็ นต ้องเช็ดบนศีรษะโดยตรง หรือบนผมแท ้เท่านั้น
่
ประเด็นทีสอง ทาเล็บ
ย้อมเล็บ :ผูห้ ญิงบางคนย้อมเล็บด ้วยผลิตภัณฑ ์ทีห ่ ้ามมิให ้น้าเ
่ นสิงที
ข ้าถึงผิวหนัง ซึงเป็ ่ ไม่
่ อนุ ญาต
เว ้นแต่จะมีน้าละหมาดอยู่แล ้ว
และจาเป็ นต ้องขจัดออกขณะอาบน้าละหมาดทุกครง้ั
ประเด็นทีสาม ่ อัลหัยฎุ (เลือดประจาเดือน) :คือ
่
เลือดทีออกจากมดลู กของสตรี ขณะทีมี ่ สข
ุ ภาพดี ไม่เจ็บป่ วย
่
และมิใช่เลือดทีออกมาเนื ่ องจากการคลอดบุตรและบาดแผล
ผูร้ ู ้ส่วนมากมีความเห็นว่า
่
เลือดประจาเดือนจะเริมมาเมื ่
ออายุ ครบเก ้าขวบ
ดังนั้นเมือเห็่ นเลือดก่อนเก ้าขวบ ก็ไม่ใช่เลือดประจาเดือน
แต่เป็ นเลือดเนื่ องจากเจ็บป่ วยหรือเลือดเสีย และจะมีจนถึงวัยชรา
โดยทีส่ ่ วนมากจะหมดเลือดประจาเดือนตอนอายุห ้าสิบปี
167
่
และระยะเวลาทีมากที
สุ่ ดคือ15 วัน แต่โดยส่วนใหญ่แล ้ว จะอยู่ที่ 6
วันถึง 7 วัน
้ั
ระยะเวลาระหว่างรอบเลือดประจาเดือนครงแรกกั ้ั สองนั
บครงที ่ ้น
่ ด คือ13 วัน (โดยส่วนมาก)
อย่างน้อยทีสุ
และบางทีอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่านั้นก็เป็ นได ้
ี่ เลือดประจาเดือนคือ ห ้ามละหมาด
ข ้อห ้ามสาหร ับผูท้ มี
ห ้ามถือศีลอด ห ้ามเข ้ามัสญิด ห้ามอ่านอัลกุรอานโดยสัมผัสคัมภีร ์
ห ้ามทาการเฏาะวาฟ ห ้ามมีเพศสัมพันธ ์
และการมีเลือดประจาเดือนนั้น
เป็ นสัญญลักษณ์บ่งบอกถึงการบรรลุนิตภ ิ าวะของสตรีตามศาสนบั
ญญัติ
่ ่ นิ ฟาส (เลือดหลังคลอดบุตร) คือ
ประเด็นทีสี
่
เลือดทีออกจากมดลู ก หลังจากการคลอด
หรือแท ้งลูกทีมี่ อวัยะวะครบสมบูรณ์แล ้ว
168
ประเด็นทีห ่ ้า อัลอิสติหาเฎาะฮฺ(เลือดเสีย): อัลอิสติหาเฎาะฮฺ คือ
่
เลือดทีออกมาจากมดลู กในช่วงระยะเวลาทีไม่ ่ ใช่เวลาของเลือ
ดประจาเดือนและเลือดหลังการคลอดบุตร ดังนั้น
่
เลือดทีเลยระยะเวลา
หรือน้อยกว่าระยะเวลาทีน้ ่ อยสุดของเลือดประจาเดือน
หรือนิ ฟาส หรือก่อนอายุเก ้าขวบ คือ เลือดเสีย
้
และข ้อชีขาดทางบทบั ญญัตผ ิ ท ี่ เลือดเสียนี ้
ู ้ มี
คือเป็ นผูม้ ห ่ เป็ นอุปสรรคหักห ้ามการละหมาด
ี ะดัษประจาซึงไม่
และการถือศีลอด
ี่ เลือดเสีย ต ้องอาบน้าละหมาดทุกๆ ครงก่
ผูท้ มี ั้ อนละหมาด
และสามีสามารถมีเพศสัมพันธ ์กับนางได ้
่ าลังตังครรภ
เลือดของหญิงทีก ้ ์นับว่าเป็ นเลือดเสีย
169
ประเด็นทีหก่ ไม่อนุ ญาตให ้สตรีโกนผมของนาง
เว ้นแต่ในกรณี จาเป็ น และไม่อนุ ญาตให ้โกนขนคิว้ สัก
ต่อผมปลอม ดัดฟันใหห้ ่างกัน
เนื่ องจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวไว ้ว่า
่ี
“แท ้จริงท่านเราะสูลสาปแช่งผูท้ กระท า และผูร้ ับกระทา”
บันทึกโดยนักบันทึกทังเจ็ ้ ด คือ อัลบุคอรีย ์,
มุสลิม,อัตติรมิซยี ์,อบู ดาวูด, อันนะสาอีย ์, อิบนุ มาญะฮฺ
และอะหมัด)
้
การถอนขนคิว:การก ้ งหมด
าจัดขนคิวทั ้ หรือทาใหมันบางลง
่ วหนังให ้หยดเลือดแล ้วเติมสี
และกาสักรอยสัก: คือการใช ้เข็มทิมผิ
และการดัดฟันให ้แยกกัน คือการจัดฟันให ้ดูอายุนอ้ ย และสวยงาม
170
่ มม
และไม่อนุ ญาตให ้นางเดินทางโดยทีไม่ ี ะห ์รอม นั่นคือ
ผูช ่
้ ายทีนางแต่ งงานด ้วยไม่ได ้ตลอดไป เนื่ องจากเป็ นเครือญาติ
่
การเกียวดอง(แต่ งงาน)และการร่วมแม่นม
และเวลาละหมาดนางจะต้องปกปิ ดทุกส่วนของร่างกาย
นอกจากใบหน้า มือทังสอง ้ ้
และเท ้าทังสอง
แต่จาเป็ นต ้องปกปิ ดทุกส่วน หากอยู่ต่อหน้าผูช ่ ใช่มะห ์รอม
้ ายทีไม่
้
และส่งเสริมให ้ปกปิ ดมือและเท ้าทังสองในทุ กๆกรณี
ี่
อาภรณ์ทสวมใส่ จะต ้องหนา ไม่ลอกเลียนแบบบุรุษเพศ
ไม่ดงึ ดูดสายตา ไม่เลียนแบบเหมือนต่างศาสนิ ก
่
และไม่เป็ นทีโดดเด่ ี่ ้อดัง
นหรือมียห
่
ประเด็นทีแปด:เครื ่
องประดั บของผูห้ ญิง
่
เครืองประดั บของผูห้ ญิงมีสองประเภท
่ ญาตและต ้องห ้าม ส่วนทีอนุ
คือทีอนุ ่ ญาตเช่น น้าหอม ทองคา
เงิน ผ้าไหม และผ้าย้อมสีเหลืองหรือแสด
และทีห ่ ้ามคืออาภรณ์ทใส่
ี่ เพือให
่ ่
้เป็ นทีโดดเด่ นและโอ ้อวด
้ ่ ่
และดึงดูดสายตาของผูค้ น และนาหอมทีกลินฟุ้ งกระจาย
และเปิ ดเผยต่อหน้าผูช ่ ใช่มะห ์รอม
้ ายทีไม่
171
ประเด็นทีเก ่ ้า:เสียงผูห้ ญิง เสียงของผูห้ ญิงมิใช่เอาเราะฮฺ
่ ต
(สิงที ่ ้องปกปิ ด) ถ ้าหากว่านางไม่พยายามพูดอ่อนโยน
และยั่วยวนผูค้ น และเลยขอบเขตของการอ่อนโยน
ส่วนการขับร ้องเพลง เป็ นสิงต ่ ้องห ้าม
ผูค้ นส่วนมากในสมัยนี ได ้ ้หลงใหลในเสียงเพลง
และยึดเอาเป็ นอาชีพหรือช่องทางในการแสวงหารายได ้
และการขับร ้องเพลง เป็ นสิงต ่ ้องห ้ามสาหร ับผูช
้ าย
่ า
ส่วนผูห้ ญิงก็ต ้องห ้ามมากยิงกว่
แล ้วจะอนุ โลมให ้นางในโอกาสงานรืนเริ ่ งต่างๆ
และในวันอีดและอยู่ท่ามกลางผูห้ ญิงเท่านั้น
้ ้องทีไม่
และด ้วยเนื อร ่ ขด ั หลักศาสนาปราศจากเสียงดนตรี
่ บ อนุ ญาตให ้ผูห้ ญิงอาบน้าศพให ้สามี
ประเด็นทีสิ
และลูกชายทียั ่ งเล็ก
และเช่นกันอนุ ญาตใหล้ ะหมาดศพเช่นเดียวกับผูช ้ าย
แต่ไม่อนุ ญาตให ้ตามไปส่งศพทีสุ ่ สาน
่
และไม่อนุ ญาตให ้เยียมสุ ่
สาน และไม่อนุ ญาตให ้ร ้องคราครวญ
ตบหน้า ฉี กผ้า ถอนผม
เพราะนั่นเป็ นวิถปี ฏิบตั ข
ิ องยุคก่อนอิสลาม(ญาฮิลยี ะฮฺ)
และเป็ นบาปใหญ่
และไม่อนุ ญาตให ้ไว ้ทุกข ์เกินสามวันในกรณี ทไม่ ี่ ใช่สามี
ส่วนในกรณี สามีเสียชีวต ิ นั้น นางต ้องไว ้ทุกข ์สีเดื
่ อนกับสิบวัน
172
่
และต้องพานักอยู่ในบ ้านทีเคยอยู ่กบ
ั สามี
่
และต ้องเลียงการใส่ ่ บและน้าหอม
เครืองประดั
และการไว ้ทุกข ์นั้นไม่มอ
ี าภรณ์เป็ นการเฉพาะ
่ บเอ็ด การใส่เครืองประดั
ประเด็นทีสิ ่ บทองคา และเงิน
ตามปกติวส ิ ยั นั้น เป็ นทีอนุ
่ โลมแก่สตรี
่
และจะต ้องหลีกเลียงการฟุ่ มเฟื อย และการโออ้ วด
่
เครืองประดั ่ ห้ ญิงสวมใส่ตามปกติประจาวัน
บทองและเงินทีผู
หรือตามโอกาสต่างๆไม่ต ้องจ่ายซะกาต
173
ประเด็นทีสิ ่ บสอง
อนุ ญาตให ้ผูห้ ญิงบริจาคทานจากทร ัพย ์สินของสามีตามจารีต
(ปกติวส ิ ยั )โดยไม่ต ้องขออนุ ญาต หากรู ้ว่าสามียน ิ ยอม
และอนุ ญาตให ้นางจ่ายซะกาตของนาง (ทานบังคับ) แก่สามี
หากเขาเป็ นผูม้ ส ิ ธิร์ ับซะกาต และหากสามีเป็ นคนตระหนี่
ี ท
ไม่จา่ ยค่าอุปการะเลียงดู ้ ทจ่ี าเป็ น
นางสามารถเอาจากทร ัพย ์สินของสามีได ้ตามจานวนทีเพี ่ ยงพ
อกับการใช ้จ่ายของนางและลูก โดยมิต ้องขออนุ ญาต
ประเด็นทีสิ ่ บสาม
้
อนุ โลมให ้ผูห้ ญิงตังครรภ ์และผูห้ ญิงให ้นมบุตร(หรือร ับจ ้างให ้น
มบุตร)ละศีลอดได ้
หากเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อตัวเองและเด็ก
หรือเกรงจะเกิดอันตรายต่อตัวทังสองกรณี ้ นี้
ให ้ถือศีลอดชดเชโดยไม่ต ้องจ่ายฟิ ดยะฮฺ
แต่หากเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อเด็กเท่านั้น
ก็ต ้องถือศีลอดชดเชยพร ้อมจ่ายฟิ ดยะฮฺ นี่ สาหร ับคนตังครรภ ้ ์
่ี ้นมบุตร หากเด็กดืมนมของหญิ
ส่วนผูท้ ให ่ ่
งอืนได ้
และสามารถจ่ายค่าจ ้าง หรือมีทร ัพย ์สินทีจะจ ่ ้างได ้
ก็ไม่อนุ โลมให ้ละศีลอด
และแม่นมก็ใช ้บทบัญญัตเิ ดียวกับผูเ้ ป็ นแม่
่ าวมาแล ้วข ้างต ้น
ดังทีกล่
174
ภรรยาไม่มส ิ ธิถื์ อศีลอดภาคสมัครใจ (สุนนะฮฺ)
ี ท
โดยไม่ได ้ร ับอนุ ญาตจากสามี ขณะทีสามี่ อยูบ
่ า้ น
ประเด็นทีสิ ่ บสี่
สามีไม่มส ี ท ิ ธิที์ จะหั
่ กห ้ามภรรยามิให ้ประกอบพิธห ่ นภา
ี จั ญ ์ทีเป็
คบังคับ และเมือนางขออนุ ่ ญาต จาเป็ นต ้องอนุ ญาตให ้แก่นาง
และให ้การสนับสนุ นตามความสามารถ
ส่วนการประกอบพิธห ี จั ญ ์ภาคสมัครใจ
สามีมส ี ท
ิ ธิหั ์ กห ้ามนางได ้หากว่ามันมีผลเสียต่อสามีและลูกๆ
ประเด็นทีสิ ่ บห ้า ขณะอยู่ในพิธห ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ
จะสวมใส่อาภรณ์ใดๆก็ได ้ นอกจาก
้ าทีเปื
เสือผ้ ่ ้อนหรือโดนน้าหอม ถุงมือ ผ้าปิ ดหน้า
ผ้าทีย่ ้อมสีเหลืองหรือสีแสด
(ย้อมด ้วยพืชชนิ ดหนึ่ งซึงมี ่ กลินหอม)
่ ่ บหก
ประเด็นทีสิ
่ี เลือดประจาเดือน และเลือดหลังคลอดบุตร
ผูท้ มี
จะอาบน้าชาระร่างกาย เข ้าพิธห ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ
และปฏิบต ั ท ิ ุกพิธก ี รรมในทุกขันตอน ้ ยกเว ้นการทาเฏาะวาฟ
ต ้องรอจนกว่าจะสะอาดเสียก่อนถึงจะทาการเฏาะวาฟได ้
่ บเจ็ด
ประเด็นทีสิ
ประเด็นทีสิ ่ บแปด
การโกนศีรษะหรือตัดผมเป็ นองค ์ประกอบหลักในการประกอบ
พิธหี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ
แต่สาหร ับผูห้ ญิงนั้นจะไม่มก
ี ารโกนศีรษะ
แต่จะมีการตัดผมแทน
่
ซึงผลบู ญของนางจะอยู่ในสถานะเดียวกับการโกนศีรษะของผู ้
ชาย
และการตัดผมของนาง
้
ให ้ตัดผมสันขนาดข ้ ยวจากปุ่ มมัดผมทุกปุ่ ม
้อนิวเดี
หรือว่ารวบรวมผมทีเดียวแล ้วตัดตามขนาดข ้างต้น
176
ประเด็นทีสิ ่ บเก ้า ผูห้ ญิงควรรีบในการเฏาะวาฟอิฟาเฎาะฮฺ
(เฏาะวาฟหัจญ ์) ในวันทีสิ ่ บซุลหิจญะฮฺ
หากเกรงว่าเลือดประจาเดือนมาเร็ว ดังทีท่ ่ านหญิงอาอิชะฮฺ
่ ้ทาเช่นนั้น
ได ้สังให
เพราะเกรงว่าเลือดประจาเดือนจะมาเสียก่อน
่
เมือเฏาะวาฟอิ ฟาเฎาะฮฺแล ้วผูท้ มี่ี เลือดประจาเดือนไม่ต ้องเฏาะ
วาฟอาลา หากออกจากมักกะฮฺในสภาพทีมี ่ ประจาเดือน
ประเด็นทียี ่ สิ
่ บ ไม่อนุ ญาตให ้แต่งงานกับชายต่างศาสนิ ก
ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม
เนื่ องจากสามีมส ี ท ์ อภรรยาและภรรยาต ้องเชือฟั
ิ ธิเหนื ่ ง
นี่ คือแก่นแท ้ของการปกครอง
ดังนั้นผูป้ ฏิเสธศร ัทธาไม่มส ิ ธิที์ จะเป็
ี ท ่ นผูป้ กครอง
และมีอานาจเหนื อผูศ้ ร ัทธาทีได ่ ้กล่าวคาปฏิญาณทังสอง ้
ประเด็นทียี ่ สิ
่ บเอ็ด อัล-ฮาฎอนะหฺ
คือการเลืยงดู ้ บุตรทียั ่ งเยาว ์วัย หรือสติไม่สมประกอบ
ทียั่ งไร ้เดียงสา
่
หน้าทีของแม่ ้ บุตรทียั
ต ้องเลียงดู ่ งเยาว ์วัย หากนางปฏิเสธ
ต ้องมีการบังคับนาง จากนั้นเป็ นหน้าทีของบุ
่ ้
คคลเหล่านี ตามลาดับ
แม่ของนาง แม่ของแม่ ตามลาดับความใกล ้ชิด พ่อ แม่ของพ่อ
(ตามลาดับความใกล ้ชิด) พ่อของพ่อ (ปู่ ) จากนั้นแม่ของปู่
(ตามลาดับความใกล ้ชิดเช่นเดียวกัน) พีน้ ่ องสาวพ่อแม่เดียวกัน
่ องสาวร่วมแม่ พีน้
พีน้ ่ องสาวร่วมพ่อ พีน้
่ องสาวของพ่อ
177
่ องสาวของแม่ ป้ าหรือน้าของแม่ ป้ าหรือน้าของพ่อ
พีน้
ลูกสาวของพีน้ ่ อง ลูกสาวของลุงและป้ า
ลูกสาวของลุงและป้ าของพ่อ
ี่ สท
ผูท้ มี ิ ธิร์ ับมรดกในส่วนเหลือตามเครือญาติของเขา
เครือญาติทไม่ ี ่ มส ี ท ์
ิ ธิในมรดกของเขา อัลหากิม
(ผูม้ อี านาจการปกครองรัฐ)
178
ประเด็นทียี ่ สิ
่ บสอง
บรรดาปราชญ ์ผูรู้ ้ในทุกมัซฮับมีความเห็นพ้องกันว่า
จาเป็ นต ้องปกปิ ดทุกส่วนของร่างกายจากชายทีไม่ ่ ใช่มะห ์รอม(
่ี งงานด ้วยไม่ได ้)
ผูท้ แต่
แม้กระทั่งผูที ่ ทศ
้ มี ้
ั นะว่าใบหน้าและฝ่ ามือทังสองของผู ห้ ญิงไม่ใ
ช่เอาเราะฮฺ(ส่วนเรือนร่างทีต ่ ้องปกปิ ด)ก็ตาม
เนื่ องจากยุคนี มี ้ ผคู ้ นส่วนมากมีความวิบต ั ิ ไม่เคร่งคร ัด
ไม่ยบ ้
ั ยังการมองในสิ ่ ต
งที ่ ้องห ้าม
นี่ คือสิงที
่ ข ่ ้าพเจ ้ามีความสามารถจะรวบรวมและเรียบเรียงไว ้ในโอ
้ างรีบเร่ง ซึงขอพรต่
กาสนี อย่ ่ ออัลลอฮฺผส
ู ้ ูงส่ง
และปรีชาสามารถให ้ทรงอานวยประโยชน์จากผลงานชินนี ้ ด้ ้วยเถิด
พระองค ์นั้นอยู่เบืองหลั
้ งทุกเจตนา
และทรงเป็ นผูช ี้
้ ทางสู ่ ยงตรง
่ทางทีเที ่
179
้
เนื อหา
ฟิ กฮฺ อ ย่ า งง่ า ย ............................................................................................. 2
บทนา ............................................................................................................. 3
สถานะและข ้อพิเศษของมรดกนิ ตศ
ิ าสตร ์อิสลาม .............................................. 5
หมวดที่ 1 ...................................................................................................... 14
่
สิงแรกที
ส ่ าคญในอิสลามคือการรักษาความสะอาด ........................................ 14
ประเภทของการทาความสะอาด ............................................................... 16
บทว่าด ้วยภาชนะ ....................................................................................... 17
ความหมายของภาชนะ ........................................................................... 17
ประเภทของภาชนะ................................................................................. 17
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บภาชนะ ...................................................................... 17
ภาชนะของต่างศาสนิ ก ........................................................................... 18
บทว่าด ้วยมารยาทในการขับถ่ายและการทาความสะอาด ................................ 19
บทว่าด ้วยหลักปฏิบต
ั ท ี่ นธรรมชาติ (ฟิ ฏเราะฮฺ) ........................................... 21
ิ เป็
่ เป็
สิงที ่ นฟิ ฏเราะฮฺ ................................................................................... 21
การอาบน้าละหมาด .................................................................................... 22
ความหมายของการอาบน้าละหมาด ......................................................... 22
ความประเสริฐของการอาบน้าละหมาด ..................................................... 22
่ ) ของการอาบน้าละหมาด ...................................... 23
องค ์ประกอบหลัก (รุกน
่ ควรปฏิ
สิงที ่ บตั ใิ นการอาบน้าละหมาด ....................................................... 24
่ ควรปฏิบต
สิงไม่ ั ิ (มักรูฮฺ) ในการอาบน้าละหมาด ......................................... 25
180
่ ท
สิงที ่ าให้เสียน้าละหมาด ........................................................................ 25
การอาบน้าชาระร่างกาย ............................................................................. 26
ความหมายเชิงภาษาและเชิงวิชาการ ........................................................ 26
่ จ่ าเป็ นต ้องอาบน้ายกหะดัษ................................................................ 26
สิงที
การอาบน้าทีส่
่ งเสริมให้ปฏิบต
ั ิ.................................................................. 27
่
เงือนไขของการอาบน ้ายกหะดัษ .............................................................. 28
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบต
ั ิ (วาญิบ) ของการอาบน้ายกหะดัษ....................................... 28
่ ) ของการอาบน้ายกหะดัษ............................................. 29
องค ์ประกอบ (รุกน
ข ้อควรปฏิบต ิ องการอาบน้ายกหะดัษ...................................................... 29
ั ข
่ ไม่
สิงที ่ ควรปฏิบต ิ องการอาบน้า (มักรูฮ)ฺ ................................................. 30
ั ข
่ี หะดัษใหญ่ ................................................................ 30
ข ้อห้ามสาหรับผูท้ มี
่
บทบัญญัตเิ กียวกั ่
บนะญิส (สิงปฏิ
กูล) ........................................................... 30
ชนิ ดของนะญิส ...................................................................................... 31
ประเภทของนะญิส .................................................................................. 31
่ ้รับการยกเว ้นหรืออนุ โลม......................................................... 33
นะญิสทีได
วิธก
ี ารทาความสะอาดนะญิส ................................................................... 33
การทาตะยัมมุม.......................................................................................... 34
คานิ ยามเชิงภาษาและเชิงวิชาการ ............................................................ 34
่ี โลมให้ทาตะยัมมุมได ้..................................................................... 34
ผูท้ อนุ
่
เงือนไขที
ต ่ ้องทาตะยัมมุม ........................................................................ 35
่
เงือนไขที
ท ่ าให้การตะยัมมุมสมบูรณ์ ........................................................ 35
่ ต
สิงที ่ ้องปฏิบต
ั ข
ิ องการทาตะยัมมุม (องค ์ประกอบ) ..................................... 35
181
่ ควรปฏิ
สิงที ่ บตั ข
ิ องการตะยัมมุม ............................................................... 36
่ ท
สิงที ่ าให้ตะยัมมุมเป็ นโมฆะ .................................................................... 36
วิธก
ี ารตะยัมมุม ...................................................................................... 36
การตะยัมมุมบนเฝื อกและบาดแผล ........................................................... 37
การลูบบนรองเท้าหนังและเฝื อก ................................................................... 37
่
การทาละหมาดเป็ นองค ์ประกอบหรือโครงสร ้างหลักข ้อทีสองของอิ
สลาม .......... 39
ความหมายเชิงภาษาและวิชาการ ............................................................. 39
การบัญญัตล
ิ ะหมาด ............................................................................... 40
เหตุผลการบัญญัตล
ิ ะหมาด ..................................................................... 40
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บการละหมาดและจานวนของมัน .................................... 41
่
การสังใช ้ผูเ้ ยาว ์ให้ละหมาด ..................................................................... 43
่
บทบัญญัตเิ กียวกั ่ี เสธว่าการละหมาดเป็ นบัญญัตภ
บผูท้ ปฏิ ิ าคบังคับ ............. 43
รุกน
่ (องค ์ประกอบหลัก) ของการละหมาด.................................................. 44
่ เป็
สิงที ่ นวาญิบของการละหมาด ............................................................... 45
่
เงือนไขของการละหมาด ......................................................................... 46
เวลาละหมาด 5 เวลา .............................................................................. 46
การละหมาดญะมาอะฮฺ ............................................................................ 51
การละหมาดย่อ ...................................................................................... 53
การละหมาดรวม .................................................................................... 54
การสุญด
ู สะฮฺวย
ี .....................................................................................
์ 55
การละหมาดตะเฏาวุอฺ ( ภาคสมัครใจ ) ...................................................... 56
การละหมาดวันศุกร................................................................................
์ 61
182
้
การละหมาดอีดทังสอง ............................................................................ 63
ละหมาดขอฝน....................................................................................... 66
ละหมาดสุรยิ ะคราสและจันทรคราส ........................................................... 67
การจัดการศพ ....................................................................................... 69
การจ่ายซะกาต .......................................................................................... 74
นิ ยามซะกาต ......................................................................................... 75
สถานะของซะกาตในอิสลาม.................................................................... 76
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บซะกาต ...................................................................... 76
่ ้องจ่ายซะกาต ...................................................................... 77
ทรัพย ์สินทีต
ปศุสต
ั ว ์คือ อูฐ วัว แพะหรือแกะ ................................................................. 78
่ งอกเงยจากดิ
สิงที ่ น (พืชผล) .................................................................... 80
สินทรัพย ์ในการค ้าขาย........................................................................... 81
การจ่ายซะกาต ...................................................................................... 82
ผูม้ ส
ี ท
ิ ธิรบั ซะกาต ................................................................................... 83
ซะกาตตุลฟิ ฏรฺ ....................................................................................... 85
การถือศีลอดเป็ นองค ์ประกอบหรือโครงสร ้างหลักข ้อทีสี ่ ของอิ
่ สลาม
ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน........................................................................... 86
นิ ยามและประวัตก
ิ ารบัญญัตก
ิ ารถือศีลอด ................................................. 86
ประโยชน์ของการถือศีลอด ..................................................................... 87
การกาหนดเดือนเราะมะฎอน ................................................................... 88
วาญิบต ้องถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน .................................................... 90
องค ์ประกอบ (รุกน
่ ) ของการถือศีลอด ...................................................... 91
183
่
เงือนไขที ่
วาญิบต ้องถือศีลอด .................................................................. 91
่ ควรปฏิ
สิงที ่ บตั ข
ิ ณะถือศีลอด................................................................... 91
่ ารังเกียจในขณะถือศีลอด ................................................... 92
การกระทาทีน่
ข ้อผ่อนปรนในการละศีลอด .................................................................... 93
่ ท
สิงที ่ าให้การถือศีลอดเสีย...................................................................... 94
หมายเหตุ .............................................................................................. 95
่ นสุนัต มักรูฮฺ (น่ ารังเกียจ) และหะรอม (ต ้องห้าม) ............... 96
การถือศีลอดทีเป็
่ ้องห้าม .......................................................................... 97
การถือศีลอดทีต
การอิอต
ฺ ก
ิ าฟ ......................................................................................... 98
่ า ทีอยู
หลักการข ้อทีห้ ่ ่ในหลักอิสลามคือ การประกอบพิธห
ี จั ญ ์ ...................... 102
ความหมายของคาว่า หัจญ ์................................................................... 102
บทบัญญัตข
ิ องการประกอบพิธห
ี จั ญ ์ ...................................................... 103
การประกอบพิธอี ม
ุ เราะฮฺ ....................................................................... 103
่
เหตุผลเกียวกั
บการบัญญัตก
ิ ารประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ ................... 104
่ จ่ าเป็ นในการประกอบพิธห
เงือนไขที ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ ............................... 104
ประเภทของการประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ ......................................... 105
องค ์ประกอบหลัก (รุกน
่ ) ของการประกอบพิธห
ี จั ญ ์และอุมเราะฮฺ ................. 107
่ เป็
สิงที ่ นวาญิบ(ต ้องปฏิบต
ั )ิ ในการอิห ์รอม ............................................... 108
ประการวาญิบของการประกอบพิธห
ี จั ญ..................................................
์ 114
ประการวาญิบของประกอบพิธอี ุมเราะฮฺ ................................................... 115
่ ้องห้ามของการครองอิห ์รอม ............................................................ 115
สิงต
มีกอต (เขตกาหนด) ............................................................................. 120
184
การทากรุบานและอะกีเกาะฮฺ ...................................................................... 123
อัลอุฎหิยะฮฺ (กุรบาน) ............................................................................ 123
อัลอะกีเกาะฮฺ ....................................................................................... 124
การญิฮาด ............................................................................................... 125
นิ ยาม.................................................................................................. 125
ประโยชน์ของการบัญญัตก
ิ ารญิฮาด ...................................................... 125
้
ข ้อชีขาดทางบทบั ่ บการญิฮาด ............................................ 126
ญญัตเิ กียวกั
่
เงือนไขของผู ท้ าการญิฮาด ................................................................... 126
ประเภทของการญิฮาด.......................................................................... 126
หลักปฏิบต
ั ใิ นการทาสงคราม ................................................................ 127
บรรดาเชลยศึก .................................................................................... 128
่
หน้าทีของทหารต่ อผูน้ า(แม่ทพ
ั ) ............................................................ 129
หมวดที่ 2 การทาธุรกรรม.............................................................................. 130
้
การซือขาย ............................................................................................. 130
้
ความหมายของการซือขายตามหลั
กภาษาและตามบทบัญญัติ .................. 130
เหตุผลจากการอนุ มต
ั ก ้
ิ ารซือขาย .......................................................... 130
้
องค ์ประกอบหลักของการซือขาย ........................................................... 131
้
สานวนการซือขาย ............................................................................... 131
่
เงือนในการซื ้
อขาย .............................................................................. 132
่ ้องห้าม ........................................................................... 133
การค ้าขายทีต
นิ ยามของดอกเบีย้ ............................................................................... 135
อัลอิญาเราะฮฺ หมายถึง ......................................................................... 141
185
่ เป็
การวะกัฟ(สิงที ่ นสาธารณะประโยชน์) ...................................................... 145
186
ผูร้ บั ผิดชอบพินัยกรรม (หรือผูจั้ ดการพินัยกรรม) .................................... 158
่ ท
สิงที ่ าให้พน
ิ ัยกรรมเป็ นโมฆะ................................................................ 158
หมวดที่ 3 กฎหมายครอบครัว การนิ กาหฺ(การแต่งงาน)..................................... 160
ส่วนหนึ่ งจากเหตุผลของการแต่งงาน ...................................................... 160
ความหมายของการนิ กาหฺตามหลักภาษาและตามบทบัญญัติ .................... 161
้
ข ้อชีขาดทางบทบั
ญญัติ ....................................................................... 161
ถ ้อยคาในการนิกาหฺ ............................................................................. 162
องค ์ประกอบหลักของการนิ กาหฺ ............................................................. 162
่
เงือนไขที
ท ่ าให้การนิ กาหฺสมบูรณ์ 4 ข ้อ คือ ............................................ 163
่
สิงควรปฏิ
บตั แิ ละห้ามปฏิบต
ั ใิ นการแต่งงาน ............................................. 164
หมวดที่ 4 บทบัญญัตเิ กียวกั
่ บสตรีมส
ุ ลีมะฮ ์ ..................................................... 166
คานา ...................................................................................................... 166
ประเด็นสาหรับสตรีโดยเฉพาะ ............................................................... 166
187
188