Professional Documents
Culture Documents
่ สลามยืนยันรบั ร
นุ ษย ์ทีอิ
อง
ิ่
ด ้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผูท้ รงเมตตา ปรานี ยงเสมอ
คำนำ
มวลการสรรเสริญเป็ นเอกสิทธิแห่งอัลลอฮฺ เราขอสรรเสริญจงมีแด่พระองค ์
ขอความช่วยเหลือ ขอลุแก่โทษ
และขอกลับเนื อกลั ้ บตัวไปยังพระองค ์เพียงผูเ้ ดียว
และเราขอความคุ ้มครองต่ออัลลอฮฺใหร้ อดพ้นจากความชัวร ่ ้ายของตนเอง
และจากความผิดพลาดทีเกิ ่ ดจากการงานทีเราได่ ้กระทา,
่
ผูใ้ ดก็ตามทีพระองค ์ทรงใหท้ างนาแก่เขา ก็ไม่มผ ่ าใหเ้ ขาหลงทางได ้
ี ใู ้ ดทีท
และผูใ้ ดก็ตามทีพระองค ่ ์ทรงใหเ้ ขาหลงทาง
ก็ไม่มใี ครสามารถทาให้เขาได ้รับทางนา
ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มพ ่
ี ระเจ ้าอืนใดที ่
ควรแก่ การเคารพอิบาดะฮฺนอกจากอัลล
อฮฺพระองค ์เดียวโดยไม่มภ ี าคีใดๆ กับพระองค ์
ฉันขอปฏิญาณว่ามุหม ั มัดเป็ นบ่าวของพระองค ์และเป็ นศาสนทูตของพระองค ์
ขอการสดุดแี ห่งอัลลอฮฺและความสันติสุขปลอดภัยจงมีแด่ท่าน
และบรรดาเครือญาติตลอดจนเศาะหาบะฮฺของท่านทุกคน
รวมถึงผูท้ เจริ ี่ ญรอยตามพวกเขาด ้วยกับความดีงามตราบจนถึงวันแห่งการตัด
สิน
ส่วนหนึ่ งจากความงดงามของอิสลามคือการธารงไว ้ซึงความยุ ่ ตธิ รรมและใหส้ ิ
ทธิแก่ผท ี่
ู ้ สมควรได ้ร ับสิทธิอย่างเหมาะสมโดยปราศจาความเลยเถิดและหย่อน
หยาน อัลลอฮฺได ้บัญชาใหด้ ารงไว ้ซึงความยุ ่ ตธิ รรม ทาดีและรกั ษาสิทธิต่างๆ
ของบรรดาญาติมต ิ ร ด ้วยเหตุเพือธารงความยุตธิ รรมนี่ เอง
่
ศาสนาทูตทังหลายจึ ้ ้ น้ คัมภีร ์ต่างๆ ถูกประทานลงมา
งถูกแต่งตังขึ
และภารกิจทังโลกนี ้ ้
และอาคิ เราะฮฺได ้ถูกปฏิบต ั ิ
3
ความยุตธิ รรมหมายถึงการมอบสิทธิแก่ผท ี่
ู ้ สมควรได ้รบั สิทธิ
ตลอดจนถึงการมอบสถานะอันสมควรแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ ง
่ งนี
ซึงสิ ่ จะไม่
้ เกิดความสมบูรณ์ยกเว ้นเมือได ่ ้รู ้จักสิทธิต่างๆ
่ คคลเหล่านั้นพึงได ้ร ับ
ทีบุ
ดังนั้นข ้าพเจ ้าจึงได ้เรียงร ้อยถ ้อยคาเหล่านี เพื
้ ออธิ ่ บายถึงความสาคัญของสิทธิ
ต่างๆ
่ บ่
เพือที ่ าวคนหนึ่งจะต ้องปฏิบต ั ติ ามภาระหน้าทีเท่ ่ าทีเขามี
่ ่
ความสามารถทีจะกร
ะทาได ้ โดยสามารถสรุปสิทธิต่างๆ ได ้ดังนี ้
3. สิทธิของบิดามารดา
4. สิทธิของบุตร
5. ี ่ อง
สิทธิของญาติพน้
6. สิทธิของคู่สมรส
7. สิทธิของผูน
้ าและผูอ้ ยู่ภายใต ้การปกครอง
8. ่
สิทธิของเพือนบ ้าน
9. สิทธิของชาวมุสลิมทั่วไป
่ องต่างศาสนิ ก
10. สิทธิของพีน้
้ อประเด็นทีเราต
สิทธิต่างๆ เหล่านี คื ่ ้องการอธิบายโดยสังเขปในหนังสือเล่มนี ้
4
หนึ่ง สิทธิของอ ัลลอฮฺ
นี่คือสิทธิทสี่ าคัญอย่างยิงอั ่ นดับแรก
และจาเป็ นอย่างยิงที ่ บ่
่ าวจะต ้องมอบใหแ้ ก่พระองค ์
เพราะเป็ นสิทธิทพึ ี่ งมีต่ออัลลอฮฺ พระผูท้ รงสร ้างสรรพสิงทั ่ งมวล
้
ผูท้ รงพลานุ ภาพ และบริหารจัดการกิจการทังหมด ้
พระองค ์คือผูท้ รงครอบรองสัจธรรมและความชัดแจ ้ง ผูท้ รงชีวน ่
ั ผูท้ รงตืน
ด ้วยอานาจของพระองค ์ชันฟ้ ้ าและแผ่นดินถูกสร ้างขึน้
พระองค ์ทรงบันดาลสรรพสิง่ อย่างมีระบบและปราณี ต
อัลลอฮฺได ้สร ้างเจ ้าจากสิงที ่ ไม่
่ มม ี าก่อนและไม่เคยถูกกล่าวขานมาก่อน
อัลลอฮฺได ้พิทก ้
ั ษร์ กั ษาเจ ้าด ้วยปัจจัยทังหลายยามที ่ ้ายังอยู่ในครรภ ์ของมาร
เจ
ดาในสภาพทีมื ่ ดมิดสามชัน้
่
ซึงขณะนั ้นตัวเจ ้าเองยังอยู่ในสภาพทีไม่ ่ มผ ี ใู ้ ดสามารถใหอ้ าหารหรือสิงที ่ จะท
่ า
ให้เจ ้าเจริญเติบโตมีชวี ต ิ ได ้
พระองค ์คือผูท้ รงใหเ้ จ ้าได ้อิมเอิ ่ บกับน้านมของมารดาและได ้ชีแนะแนวทางชี ้ วิ
ตแก่เจ ้า
จากนั้นพระองค ์ทรงใหเ้ จ ้ามีบด ่
ิ ามารดาทีคอยเอ็ นดูและห่วงใยเจ ้าอยู่เสมอ
พระองค ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เจ ้ามากมาย
ประทานสติปัญญาและความเข ้าใจ
พระองค ์ทรงใหเ้ จ ้ามีความพร ้อมทีจะใช ่ ้และรบั ประโยชน์จากปัจจัยทังมวลที ้ ่
พระ
องค ์ได ้ประทาน อัลลอฮฺได ้ตรัสว่า ความว่า
َ َۡ لُلَ هَ ٔٗ َ َ ه َ َ َٰ ه ۡ َ َ ۡ َ ه ٱّللُأَ ۡخ َر َج ه
َ
ُٱلس ۡم َُعُ َوٱلأبۡصَٰ َُر
َ ُك هُم ُ ونُش ۡيـُاُ َو َج َع
ُ نُأمهتِّك ُمُلاُتعلم ُِّ كمُمِّنُُ هب هطو ُ﴿ َو ه
َ َ َۡۡ َ َ َََ ه َۡ ه
]78 :﴾ُ[النحل٧٨ون ُ ك ُۡمُتشك هر وٱلأف ِّـد ُةُلعل
5
หากแม้นว่าพระองค ์ได ้ระงับปัจจัยแก่เจ ้าแม้เพียงพริบตา
แน่ นอนเจ ้าคงพบกับความหายนะ
หากแม้นว่าพระองค ์ได ้ระงับความเมตตาสักระยะเวลาหนึ่ ง
แน่ แท ้เจ ้าคงไม่มโี อกาสได ้มีชวี ต ิ อยู่บนโลกใบนี ้
้
หากทังหมดนี ้ อสิงที
คื ่ พระองค
่ ์ทรงประทานใหแ้ ก่เจ ้าแล ้ว
้ ่
ดังนันสิทธิทพระองค
ี ์พึงได ้รบั จากเจ ้านั้นต ้องเป็ นสิทธิทใหญ่
ี่ หลวงนัก
เพราะพระองค ์คือผูส้ ร ้างเจ ้า ผูใ้ ห้เจ ้ามีชวี ต
ิ พร ้อมมอบปัจจัยต่างๆ
และความช่วยเหลือใหเ้ จ ้าสามารถดารงตนบนโลกใบนี ได ้ ้
และพระองค ์ก็มไิ ด ้หวังหรือเรียกร ้องจากเจ ้าให้ตอบแทนบุญคุณของพระองค ์ด ้
วยการมอบปัจจัยหรืออาหารแต่อย่างใด พระองค ์ตรัสว่า ความว่า
ۡ َ َ َ ۡ َ ه َ ۡ ٗٔ َ ۡ ه َ ۡ ه ه َ َ ۡ َ َٰ َ ه
َُٰ ِّلتق َو
]132 :﴾ُ[طه١٣٢ى كُوٱلعقِّب ُةُل
ُ نُنرزق
ُ كُرِّزقُاُنح
ُ ُلاُنسـل...﴿
่ นใด
"และข ้ามิได ้สร ้างญินและมนุ ษย ์เพืออื ่ ่
เว ้นแต่เพือเคารพภั
กดีต่อข ้า
ข ้าไม่ต ้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา
และข ้าก็ไม่ต ้องการให้พวกเขาใหอ้ าหารแก่ข ้า แท้จริงอัลลอฮฺ
คือผูป้ ระทานปัจจัยยังชีพอันมากหลาย ผูท้ รงพลัง ผูท้ รงมั่นคง"(อัซ-
ซาริยาต:56-58)
6
พระองค ์เพียงมีความประสงค ์ให้เราเป็ นบ่าวของพระองค ์อย่างจริงจัง
ตามนิ ยามของความเป็ นบ่าวอย่างแท้จริง
่
ดังทีพระองค ์เป็ นผูท้ รงอภิบาลของเราตามนิ ยามของความเป็ นพระผูเ้ ป็ นเจ ้าอย่
างแท ้จริงเช่นกัน อัลลอฮฺ ประสงค ์ทีจะให ่ ่ อฟั
เ้ ราเป็ นบ่าวทีเชื ่ ง
เคารพภักดีต่อพระองค ์ด ้วยการปฏิบต ่ พระองค
ั ใิ นสิงที ่ ์ทรงใช ้และหลีกห่างจาก
่ ่ ่ ่
สิงทีพระองค ์ทรงหา้ ม ศร ัทธาในสิงทีพระองค ์ได ้แจ ้งไว ้
้ เนื
ทังนี ้ ่องจากปัจจัยทีพระองค
่ ์ประทานใหแ้ ก่เรานั้นครอบคลุมตัวเราทังระบบแล ้
ะต่อเนื่อง
้
ด ้วยเหตุนีเราจะตอบแทนพระกรุ ณาธิคุณของพระองค ์ด ้วยการฝ่ าฝื นและเนรคุ
ณพระองค ์กระนันหรือ ้
หากแม้นว่าท่านติดหนี บุ ้ ญคุณกับใครสักคนแน่ นอนท่านคงละอายทีจะกระท ่ าใ
นสิงที่ เป็ ่ นการฝ่ าฝื นหรือขัดคาสังของบุ
่ คคลนั้น
ฉะนั้นนับประสาอะไรกับพระผูเ้ ป็ นเจ ้าผูท้ รงมีพระกรุณามหาธิคุณอันล ้นพ้น
ผูท้ รงเมตตาด ้วยการปกป้ องและปัดเป่ าตัวท่านจากภยันตรายต่างๆ
พระองค ์ตร ัสว่า ความว่า
َ ۡ َ َ َ ُّ س ه َ َۡ َ َ َ ه ﴿ َو َمُاُب ه
ُ ك هُمُٱلض ُُّرُفإِّل ۡي ُهُِّتج َـ هر
]53 :﴾ُ[النحل٥٣ون َُ ٱّللُِّث َُمُإِّذاُ َم
ُ ُن ُ كمُمِّنُنِّعمةُُف ِّم ِّ
7
ََ لُ َعلَ ۡي هَ ٱج َتبَى َٰ ه
ۡ ُقُج َهادِّه ِّۦُُ هه َُو َ َ ُ َ ُواُُفي َ َ ه
ُِّنُ َح َرجُُمِّل ُة ُۡ ِّينُم
ُِّ ك ُۡمُفِّيُٱلد ُ ك ُۡمُ َو َمُاُ َج َع ِّ ُ ٱّللُِّح ِّ ُ ﴿وج َٰ ِّهد
يداُ َعلَ ۡي ه ً ولُ َشه َ ۡ ه َ َ َٰ َ َ ه َ َ ه ه ۡ َ ه ۡ ۡ َ َ ه َ َ َ َٰ ه
ُك ُۡم ِّ ُ ونُٱلرس ُ لُوفِّيُهذاُل ِّيك ُ ينُمِّنُقب َُ ك هُمُٱل هم ۡسلِّ ِّم ُ أبِّيك ُمُإِّبرَٰه
ِّيمُه ُوُسمى
َ َ
ٱّللُ هه َُوُ َم ۡولى َٰ هَ َ
َ ۡ َ َ ُٱلصل َٰوَُةُ َو َءاته ُوا َ َ َ َ
َ ُكونه ُواُ هش َه َدا َُءُعَلى َوتَ ه
ُك ُۡمُفن ِّۡع َُم ُِّ ِّ ص هم ُواُبِّ ٱلزك َٰوُةُ َوٱعت
َ ُِّيم ُوااسُفأق ه ُ ِّ ٱلن
]78 :﴾ُ[الحج٧٨ير ُص ه
ِّ ٱلنَ ُٱل ۡ َم ۡول َ َُٰيُ َون ِّۡع َُم
่ ลลอฮฺ ซึงเป็
"และจงต่อสู ้เพืออั ่ นการต่อสู ้ทีแท้จริ
่ ่
งเพือพระองค ์
พระองค ์ทรงคัดเลือกพวกเจ ้า
และพระองค ์มิได ้ทรงทาใหเ้ ป็ นการลาบากแก่พวกเจ ้าในเรืองของศาสนา ่
ศาสนา (ทีไม่ ่ ลาบาก) คือศาสนาของอิบรอฮีม บรรพบุรุษของพวกเจ ้า
่
พระองค ์ทรงเรียกชือพวกเจ ้าว่า มุสลิมนี (พหูพจน์ของ มุสลิม) ในคัมภีร ์ก่อนๆ
่
และในอัลกุรอานด ้วย เพือศาสนทูตจะได ้เป็ นพยานต่อพวกเจ ้า
และพวกเจ ้าจะได ้เป็ นพยานต่อมนุ ษย ์ทั่วไป ดังนั้นพวกเจ ้าจงดารงการละหมาด
และบริจาคซะกาต และจงยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ พระองค ์เป็ นผูค้ ุ ้มครองพวกเจ ้า
เพราะพระองค ์คือผูค้ ุ ้มครองทีดี ่ เลิศ และผูท ้ รงช่วยเหลือทีดี ่ เยียม"
่ (อัล-หัจญ ์ :
78) ประเด็นดังกล่าวถือเป็ นหลักการศรทั ธาทียิงใหญ่ ่ ่
คือการศร ัทธาต่อสัจธรรมพร ้อมกับการปฏิบต ั อ
ิ ะมัลทีดี ่ ทเกิ
ี่ ดผล
หลักศรทั ธาทีมี ่ ลาต ้นเป็ นความรกั และความเชือมั ่ น
่
ในขณะทีผลของมั ์
นคือความบริสุทธิใจและความอดทน
่ อน
อะมัลทีดี ั เป็ นสิทธิของอัลลอฮฺนั้นก็มต ี วั อย่าง เช่น
การดารงการละหมาดวันกับคืนหนึ่ งหา้ เวลา
อัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษบาปและยกระดับความดีให ้หลายขัน ้
พร ้องกับได ้ขัดเกลาจิตใจและความเป็ นอยู่ใหด้ ข ี น ึ้
่ าวสามารถปฏิบต
ซึงบ่ ั ศ ้
ิ าสนากิจนี ตามความสามารถที ่
ตนจะกระท าได ้
อัลลอฮฺตรัสว่า ความว่า
َۡ َ ه ۡ ََ ه َ ه َ ه َ َ َه ََ َ ۡ ََ ۡه ۡ َ ۡ َ ه ََ ه َ ه
ُسهِّۦ
ِّ حُنف ُ ِّيع ُواُ َوأنفِّق ُواُخيۡ ٗٔراُل ِّأنفسِّك ُمُومنُي
ُ وقُش ٱّللُمُاُٱستطعت ُمُوٱسمع ُواُوأط
ُ ُ﴿فٱتق ُوا
َ ۡ ۡ َ َ َه
]16 :﴾ُ[التغابن١٦ون ُ كُ هه هُمُٱل همفل هِّح
ُ ِّ فأو َٰٓلئ
8
"ดังนั้นจงยาเกรงอัลลอฮฺเท่าทีพวกเจ ่ ้ามีความสามารถ" (อัต-ตะฆอบุน : 16)
และดังทีนบี่ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวแก่อม ิ รอน บิน หุศ็อยนฺ
่
(ในขณะทีอิมรอนกาลังเจ็บป่ วย) ว่า ความว่า "เจ ้าจงละหมาดในสภาพทียื ่ น
แต่หากไม่สามารถทีจะยื ่ นไดก้ ็จงนั่งเสีย
และหากไม่สามารถทีจะนั ่ ่ งก็จงละหมาดบนสีข ้าง(ตะแคงขวา)" (บันทึกโดย
อัล-บุคอรีย ์ 1066, อบู ดาวูด 952) ซะกาต
้
คือเศษเสียวหนึ ่ งของทรพ ั ย ์สินทีผู่ ค้ รอบครองจ่ายไปเพือช่ ่ วยเหลือพีน้ ่ องมุสลิม
่
ทียากจนและขั ดสน ตลอดจนช่วยเหลือผูข ้ าดเสบียงในการเดินทาง
ผูม้ ภ ้
ี าระหนี สินล ้นพ้นตัวและผูม้ ส ี ท ์
ิ ธิรบั ซะกาตประเภทอืนๆ ่
่ นสิงที
(ซึงเป็ ่ มี ่ ประโยชน์ต่อผูท้ ยากไร ี่ ้และไม่ทาใหผ้ ท ู ้ รี่ ารวยเดื
่ อดร ้อนลาบากแ
ต่อย่างใด) อัลลอฮฺได ้ตรัสว่า ความว่า
َ ۡ َ َ ه َ َ ۡ َ َٰ ه
ُك ُۡمُفن ِّۡع َُمُٱل َم ۡول َُٰيُ َوُن ِّ ۡع َُم ُ ِّ ص هم ُواُب
ٱّللُِّه ُوُمولى َ ۡ َ َ َ ُٱلصلَ َٰوَُةُ َو َءاته ُوا
ِّ ٱلزك َٰوُةُ َوٱعت ُفَأَق ه...﴿
َ ُِّيم ُوا
การประกอบพิธห ้ั ่งในชีวต
ี จั ญ ์ครงหนึ ี่ ความสามารถ
ิ สาหรบั ผูท้ มี
9
้
ทังหมดนั ้นเป็ นหลักการสิทธิของอัลลอฮฺ ส่วนบทบัญญัตอ ื่
ิ นๆ
นั้นจะบังคับให ้กระทาเมือมี
่ เหตุจาเป็ น เช่นการต่อสู ้ในหนทางของอัลลอฮฺ
หรือเพราะเหตุแวดล ้อมกดดันให้ปฏิบต ี่ กอธรรม
ั ิ เช่น การช่วยเหลือผูท้ ถู
َ َ ه ۡ َ ۡ َ َ َ َ َ ۡ َ َ َ َ ۡ َ َ َٰ ه ُّ ۡ َ َ ۡ ه َ
ُ ٱلدن َيُاُإِّلاُُ َمتَٰ هُعُٱلغ هر
﴾ُ[آل١٨٥ِّور ُازُومُاُٱلحيوُة
ُ ِّلُٱلجن ُةُفق ُدُف
ُ ارُِّوأدخ ُِّ حُ َع
ُ نُٱلن َُ ُِّف َمنُ هز ۡحز...﴿
]185 :عمران
10
สอง สิทธิของท่ำนนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
สิทธิข ้อนี เป็ ้ นสิทธิทยิ ี่ งใหญ่
่ ทพึ ี่ งมีต่อมัคลูก(สรรพสิงที ่ ถู ่ กสร ้าง)ด ้วยกัน
ไม่มส ี ท ิ ธิของสรรพสิงใดๆ ่
่ งใหญ่
ทีจะยิ ่ ไปกว่าสิทธิทพึ ี่ งมีต่อศาสนทูตของอัลลอฮฺ (นบีมุหม ั มัด)
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม พระองค ์อัลลอฮฺได ้ตรัสว่า ความว่า
وههُ َوت ه َسب ه ه ه َ ۡ ٔٗ شه ٗٔداُ َو همبَ ِّش ٗٔراُ َونَذ َ َ َٰ َ ۡ َ ۡ َ َ
ُوهه
ُح ِّ ُ وههُ َوت َوق هِّر ُ ِّ ُل هِّتؤم هِّن ُواُب٨ِّيرا
ُ ٱّللُِّ َو َر هسولِّهِّۦُ َوت َع ِّز هر ِّ َٰ ُك
ُ ﴿إِّنُاُأرسلن
ً َ ٔٗ ۡ
ُ ]9-8 :﴾ُ[الفتح٩ُبهك َرُةُ َوأصِّ يلا
11
ส่วนการให ้เกียรติหลังจากทีท่ ่ านได ้สินชี
้ วต ิ ไปแล ้ว คือ
การเคารพและให้เกียรติแนวทางและคาสอนของท่าน
หากใครได ้เห็นถึงการให้เกียรติและเทิดทูนของบรรดาเศาะหาบะฮฺต่อท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมแล ้ว
เขาก็จะทราบดีว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺผท ู ้ รงเกียรติเหล่านั้นได ้ทาหน้าทีที ่ พึ
่ งมีต่อ
ศาสนทูตของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไว ้อย่างไรบ้าง รวะฮฺ บิน
มัสอูด ได ้เล่าแก่ชาวกุรอ ้ั พวกเขาได
็ ยชฺ ครงที ่ ้ส่งเขาไปเจรจากับท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในการทาสนธิสญ ั ญา อัล-หุดยั บิยะฮฺ เขากล่าวว่า
ความว่า "ฉันเคยเข ้าเฝ้ าบรรดากษัตริย ์หลายองค ์ไม่ว่าจะเป็ น กิสรอ
(คุสโรแห่งเปอร ์เซีย), ก็อยศ็อรฺ (ซีซาร ์แห่งโรมัน) หรือ อัน-นะญาชีย ์
(แห่งอบิสสิเนี ยหรือเอธิโอเปี ย)
แต่ฉันไม่เคยพบว่าบรรดาพสกนิ กรของกษัตริย ์เหล่านั้นจะใหเ้ กียรติแก่กษัตริย ์
่
ของพวกเขา เฉกเช่นทีบรรดาเศาะหาบะฮฺ ของมุหม ั มัดได ้กระทากับมุหม ั มัด
้ ้ เมือเขา
ทังนี ่ (มุหม ่
ั มัด) บัญชาสิงใดพวกเขารี บสนองคาบัญชาทันที
่
เมือเขาจะอาบน ้าละหมาดบรรดาเศาะหาบะฮฺต่างแย่งกันทีจะอ ่ านวยความสะดว
กใหท้ ่านอาบน้าละหมาด
่
เมือเขาพู ดจาสนทนาบรรดาเศาะหาบะฮฺจะพากันลดเสียงในขณะทีอยู ่ ่ต่อหน้าเ
ขา
และพวกเขาจะไม่จ ้องมองสายตาไปยังเขาทังนี ้ เพื
้ อเป็
่ นการใหเ้ กียรติแก่เขา"(มุ
คตะศ็อร สีเราะฮฺ อัร-เราะสูล โดยชัยคฺ อับดุลลอฮฺ บิน มุหม ั มัด บิน
อับดุลวะฮ ์ฮาบ หน้าที่ 300)
้
เช่นนี แหละที ่
บรรดาเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอน ั ฮุม
ได ้ให้เกียรติและเทิดทูนท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
เนื่องจากอัลลอฮฺได ้ประทานใหท้ ่านนบีมน ่
ี ิ สยั และมารยาททีงดงาม
มีความอ่อนน้อม และใช ้ชีวต ่ ยบง่าย
ิ ทีเรี
่
ซึงหากท่ ่ ้าวร ้าวแน่ นอนคนรอบข ้างจะพากันเตลิดหนี หายจ
านนบีเป็ นบุคคลทีก
ากท่านไป
12
และส่วนหนึ่งจากสิทธิทพึ ี่ งมีต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ
ศร ัทธาและเชือในสิ ่ ่ ท่
งที ่ านได ้แจ ้งใหเ้ ราทราบทังในเรื ้ ่
องอดี ตกาลและเรืองที ่ จะเ ่
้
กิดขึนภายภาคหน้ า การปฏิบต ั ต ิ ามคาบัญชาของท่าน
การหลีกห่างจากสิงที ่ ท่ ่ านได ้หา้ มและเตือนระวัง
ตลอดจนศรทั ธาว่าทางนาของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
คือทางนาทีสมบู ่ รณ์ทสุ ี่ ด
บทบัญญัตข ิ องท่านนั้นคือบทบัญญัตท ี่
ิ สมบู รณ์แบบทีสุ ่ ด
และไม่เอาบทบัญญัติ
หรือกฎระเบียบใดๆมาอยู่เหนื อบทบัญญัตห ิ รือคาสอนของท่านไม่ว่าจะมาจาก
แหล่งใดก็ตาม อัลลอฮฺ ตรัสว่า ความว่า
َ ه َ َ ه َ ِّيمُاُ َش َه َ ۡ َ َ ََ ََ
ُس ِّه ُۡمُ َح َر ٗٔجُاُم َِّمُا ُ ج َُرُبَيۡ َن هه ُۡمُث َُمُلاُي ِّج هد
ِّ واُفِّيُُأنف َُ ونُ َح َت َُٰىُيحك هِّم
َ وكُف ُ كُلاُيهؤم هِّن ُ ِّ ﴿فلاُورب
]65 :﴾ُ[النساء٦٥ُِّيمُا ٔٗ تُ َويه َسل هِّم ُواُت َ ۡسل َ َ
ُ َ قض ۡي
13
่
และแนวทางของท่านเท่าทีเขาคนนั ้นจะมีความสามารถแม้ว่าในบางกรณี จาเป็
่
นทีจะต ้องใช ้กาลังและอาวุธต่อสู ้ก็ตาม
่
เมือศัตรูโจมตีด ้วยปร ัชญาและข ้อคลุมเครือต่างๆ
การปกป้ องเกียรติของท่านก็ต ้องตอบโต ้ด ้วยหลักวิชาการและพยามยามหักล ้า
งข ้อกล่าวหาต่างๆ
14
สำม สิทธิของบิดำมำรดำ
ไม่มผ ่
ี ใู ้ ดทีสามารถปฏิ เสธบุญคุณทีบิ ่ ดามารดามีต่อบรรดาลูกๆ
ของเขาทังสองได ้ ้ ้ เนื่องจากทังสองเป็
้ ทังนี ้ ี่ ม้ บ
นสาเหตุทให ี ุตรเกิดขึน้ ดังนั้น
้
เขาทังสองจึ งเป็ นบุคคลทีพึ ่ งได ้สิทธิมากทีสุ
่ ด
้
ทังสองได ้ บุตรตังแต่
้เลียงดู ้ เยาว ์วัยอย่างเหน็ ดเหนื่ อย
่
เพือให ้ลูกร ักได ้นอนอุ่นหลับสบาย
มารดาต ้องอุ ้มครรภ ์เป็ นระยะเวลาประมาณเก ้าเดือน ดังทีอั ่ ลลอฮฺได ้ตรสั ว่า
ความว่า
ۡ َ َ َۡ َ َ َۡ َۡ َ ۡ ه َ ه ۡ َ ۡ َََ ه
ُص ه
ُ﴾١٤ير ِّ كُإِّل َُيُٱل َم
ُ نُٱشك ُرُلِّيُولِّوَٰل ِّدي ُِّ ُحمل ۡت هُهُأ ُّم هه ُۥُ َوه ًنُاُعَل َُٰىُ َوهنُُ َوفِّصَٰل هه ُۥُفِّيُعامي...﴿
ُِّ نُأ
]14 :[لقمان
15
“และเราได ้สังการแก่ ่ มนุ ษย ์เกียวกั ่ บบิดา มารดาของเขา
่
โดยทีมารดาของเขาได ้อุ ้มครรภ ์เขาอย่างเหนื่ อยล ้าชันแล ้ ้ า
้วชันเล่
และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี เจ ้าจงขอบคุณข ้า
และบิดามารดาของเจ ้า ยังเรานั้น คือการกลับไป” (ลุกมาน : 14)
และพระองค ์ตร ัสอีกว่า ความว่า
َ َ ۡ َ َ َه ۡ َ َ َ َ َ ُّ َ َٰ َ َ َ
ُكُٱلكِّبَ َُرُأ َح هد هه َمُاُأ ُۡو َٰ َ نُإِّ ۡح
َُ س ًنُاُإِّ َمُاُ َي ۡبلغ
ُ نُعِّند ُِّ ۡكُألاُت ۡع هب هدوُاُإِّلاُُإِّيَُاههُُ َوبِّٱل َوَٰل َِّديُ ﴿۞ُوقض ُىُرب
ُّ َ َ َ َ َ ۡ ۡ َ ه ه
ٔٗ اه َمُاُفَلَاُ َت هقلُل َ هه َمُاُأفُُ َولَاُ َت ۡن َه ۡر هه َمُاُ َو هقلُل َ هه َمُاُقَ ۡولٗٔاُ َكر ك ِّل َ ه
َُ احُٱلذ ُِّلُم
ُِّن ُ ِّضُلهمُاُجن ُ ُوٱخف٢٣يمُا ِّ
ُ ]24-23 :﴾ُ[اإلسراء٢٤ِّيرا ٔٗ ٱر َحمۡ هه َمُاُ َك َمُاُ َر َب َيانيُ َصغۡ ُب َ َۡ ه
ُِّ ٱلرحمةُِّ َوقلُ َر
ِّ
16
่ านทังสองได
แม่ดงั ทีท่ ้ ้เป็ นพ่อแม่ของท่านมาแล ้ว
และท่านเองก็ต ้องแก่ชราในสายตาลูกหลานหากอัลลอฮฺทรงไว ้ชีวต ิ ท่านยาวน
าน
่ งเวลานั้นท่านเองคงต ้องการความกตัญญูจากลูกหลานดังทีพ่
เมือถึ ่ อแม่ของท่
านเคยต ้องการจากตัวท่านมาแล ้ว
หากเจ ้าเคยทาดีต่อพ่อแม่ทงสองแล ้ั ้วก็จงภูมใิ จในสิงที ่ ท่ ่ านจะได ้รบั
นั่นคือผลบุญอันมากมายจากอัลลอฮฺ
และท่านเองจะได ้ร ับการปฏิบต ั จิ ากลูกของท่านเหมือนกับทีท่ ่ านได ้เคยปฏิบต ั ก
ิ ั
่
บพ่อแม่ของท่านเช่นกัน ผูใ้ ดทีกตัญญูรู ้คุณบิดามารดาของเขา
เขาก็จะได ้ร ับความกตัญญูจากลูกหลานภายภาคหน้า
่
ส่วนผูใ้ ดทีอกตั ญญูเนรคุณบิดามารดาในภายภาคหน้าลูกหลานของเขาจะแส
ดงความอกตัญญูต่อเขาเช่นกัน
ผลตอบแทนของคนเรานั้นจะได ้รบั เสมือนทีเขาได ่ ้เคยปฏิบต ั ิ
อัลลอฮฺได ้จัดลาดับการทาดีต่อพ่อแม่อยู่ในระดับทีสู ่ งส่ง
้
พระองค ์ได ้ลาดับสิทธิของทังสองรองลงมาจากสิ ทธิทพึ ี่ งมีต่อพระองค ์และศาสน
ทูตของพระองค ์ ดังทีอั ่ ลลอฮฺได ้ตรสั ว่า ความว่า
“และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด
ิ่
และอย่าให ้มีสงหนึ ่งสิงใดเป็
่ นภาคีกบั พระองค ์
และจงทาดีต่อพ่อแม่ผบ ้
ู ้ งั เกิดเกล ้าทังสอง” (อัน-นิ สาอ ์ : 36) ความว่า
ۡ َ َ َۡ َ َ ۡۡ ه
ُص ه
]14 :﴾ُ[لقمان١٤ير ِّ كُإِّل َُيُٱل َم
ُ ُٱشك ُرُلِّيُول ِّوَٰل ِّدي...﴿
17
่
ดังหะดีษทีรายงานโดยท่ านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยลั ลอฮุอน ั ฮฺ ว่า ฉันได ้กล่าวว่า
ความว่า โอ ้ ศาสนทูตของอัลลอฮฺ การงานใดทีอั ่ ลลอฮฺทรงรกั มากทีสุ ่ ด?
ท่านนบีตอบว่า “การละหมาดในเวลาของมัน” และฉันไดถ้ ามอีกว่า
่
แล ้วมีการงานอะไรอีก(ทีพระองค ์ทรงรกั )? ท่านนบีตอบว่า “การทาดีต่อพ่อแม่”
แล ้วฉันก็ถามท่านอีกว่า แล ้วการงานอะไรอีก? ท่านนบีตอบว่า
“การต่อสู ้ในหนทางของอัลลอฮฺ” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย ์ 504, มุสลิม
85,อัต-ติรมิซยี ์ 1898, อัน-นะสาอีย ์ 610,อะหฺมด ั 1/439, อัด-ดาริมย ี ์
1225)หะดีษบทนี ชี ้ ถึ้ งความสาคัญของสิทธิทพึ ี่ งมีต่อพ่อแม่
่ ค้ นส่วนใหญ่ในปัจจุบน
ซึงผู ั มักจะละเลยและไม่ใหค้ วามสาคัญจนถึงขันแสดงค ้
วามอกตัญญูเนรคุณ และตัดขาดความสัมพันธ ์กับท่านทังสอง ้
เราพบว่าบางคนนั้นไม่ใหค้ วามสาคัญกับสิทธิหน้าทีที ่ พึ
่ งมีต่อพ่อแม่
และมีบางคนถึงขันดู ้ ถูกเหยียดหยาม พูดจาขึนเสี ้ ยงกับพ่อแม่ของเขาเอง
่
ซึงพฤติ กรรมเหล่านั้นเขาจะได ้ประสบกับตัวเองไม่ช ้าก็เร็ว
*
18
สี่ สิทธิของบุตร
บรรดาบุตรหมายรวมถึง บุตรชายและธิดา ซึงสิ ่ ทธิต่างๆ
ของบุตรนั้นมีมากมาย แต่ทส ี่ าคัญอย่างยิงคื ่ อการใหก้ ารอบรม ปลูกฝังศาสนา
คุณธรรมและจริยธรรมในหัวใจของพวกเขา ดังทีอั ่ ลลอฮฺตรสั ว่า ความว่า
َ اسُ َوٱلۡح اراُ َو هق ه
َ ُود َهُا ك ُۡمُ َوأَ ۡهل ه
ٔٗ َِّيك ُۡمُن َ َٰٓ َ ُّ َ َ َ َ َ ه ه َ ه
نف َس ه
:﴾ُ[التحريم...ُارُهة
َ ِّج ُ ٱلن ه ِّينُءامن ُواُقوُاُأ
ُ ﴿يأيهُاُٱلذ
]6
19
“และผูศ้ รทั ธาทังหลาย ้
่
ทีบรรดาลู กหลานของพวกเขาได ้ดาเนิ นตามพวกเขาด ้วยการศรทั ธา
เราจะให้ลูกหลานของพวกเขาอยู่รว่ มกับพวกเขา
และเราจะไม่ให้ผลบุญจากการงานของพวกเขาลดหย่อนลงจากพวกเขาแต่อย่
างใด แต่ละคนนั้นย่อมได ้รบั การคาประกั ้ ่ เขาขวนขวายไว
นในสิงที ่ ้” (อัฏ-ฏูรฺ :
้
21) เราทังคู่ต่างก็:เราขาดพวกเขา และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่า ความว่า “เมือบ่ ่ าวคนหนึ่ ง (มนุ ษย ์) ได ้เสียชีวต ิ ลง
การงานของเขาจะถูกตัดขาด นอกจากการงานสาม ประการ
คือการบริจาคทานทีถาวร ่ หรือความรู ้ทีเป็ ่ นประโยชน์
หรือลูกทีดี ่ ซงขอดุ
่ึ อาอ ์ใหก้ บั เขา” (บันทึกโดยมุสลิม 1631,อัต-ติรมิซยี ์
1376, อัน-นะสาอีย ์ 3651,อะหฺมด ั 2/327,อัด-ดาริมย ี ์ 559)
นี่คือผลของการอบรมเลียงดู ้ บุตรหลานด ้วยกระบวนการอบรมขัดเกลาทีดี ่ ซงจ
่ึ
ะยังประโยชน์แก่บด ิ ามารดาหลังจากทีเขาทั ่ ้
งสองจากโลกนี ้
ไป
มีบรรดาพ่อแม่หลายคนทีมองข ่ ้ามภาระหน้าทีนี ่ จนท ้ าให ้ลูกหลานของเขาต ้อง
สูญเสียโอกาสและสิทธิทพึ ี่ งได ้รบั พวกเขาต่างหลงลืมภาระหน้าทีต่ ่ อลูกๆ
พวกเขาไม่เคยทีจะสอบถามว่ ่ าลูกหลานไปไหนกัน กลับมาถึงบา้ นตอนไหน
พวกเขาไปคบหากับเพือนคนไหนบ ่ า้ ง
พ่อแม่บางคนไม่เคยชีแนะแนวทางแก่ ้ ลูกๆ
ไม่เคยหา้ มปรามพวกเขาจากการประพฤติชว่ ั
แต่ทน่ ี่ าแปลกใจยิงนั ่ กพวกเขาพยายามอย่างยิงยวดที ่ ่ างานเพือหาเงิ
จะท ่ น
่
เพือสะสมทร พ ั ย ์อย่างมากมาย และพัฒนาสินทร ัพย ์เหล่านั้นให ้งอกเงย
ซึงส่่ วนใหญ่ผท ี่ ้ร ับประโยชน์จากทรพ
ู ้ ได ั ย ์สินนั้นก็เป็ นผูอ้ น ื่ ส่วนบรรดาลูกๆ
นั้น
พวกเขาไม่เคยสนใจทีจะอบรมพั ่ ฒนาพวกเขาให ้เป็ นคนดีทงที ั้ พวกเขาสมควร
่
ได ้รบั การดูแลเป็ นพิเศษเพือให ่ เ้ กิดประโยชน์ทงในโลกนี ้ั ้
และโลกหน้ า
่ ่
และดังทีจาเป็ นสาหรบั บิดามารดาทีต ้องใหอ้ าหารกายแก่ลูกไม่ว่าจะเป็ นอาหาร
หรือเครืองดื ่ ม ่ ให ้เสือผ้ ้ าเป็ นอาภรณ์ห่มกาย
20
เฉกเช่นนั้นแหล่ะทีเขาทั่ ้
งสองต ้องใหอ้ าหารด ้านจิตใจ
ด ้วยความรู ้และศร ัทธาและให้ความยาเกรงเป็ นอาภรณ์สาหรบั วิญญาณของเข
่ งดั
า ซึงสิ ่ งกล่าวนั้นย่อมประเสริฐกว่า และส่วนหนึ่ งจากสิทธิทพึ ี่ งมีต่อบุตร คือ
การให ้ค่าใช ้จ่ายเลียงดู้ ด ้วยความเหมาะสมเพียงพอไม่ฟมเฟื ุ่ อยหรือตระหนี่ เกิน
ไป
เพราะนั่นเป็ นสิงที
่ จ่ าเป็ นทีบรรดาบุ
่ ตรพึงได ้รบั และเป็ นการสานึ กในพระกรุณา
่
มหาธิคุณทีอัลลอฮฺได ้ประทานทรพ ั ย ์สินใหแ้ ก่เรา
เราจะไปหวงแหนทร ัพย ์สินจนเกินเหตุทาไมจนตระหนี่ ทีจะใช ่ ้จ่ายมันไปแล ้วใน
่ ่
ทีสุดเมือเราเสียชีวต ้
ิ ไปทร ัพย ์สินเหล่านันย่อมถูกริบไปหมด
่
แม้ว่าเมือบิดามารดายังมีชวี ต ิ อยู่แต่มค ี วามตระหนี่ ไม่ยอมใหค้ ่าเลียงดู
้
บรรดาลูกสามารถเอาทรพ ั ย ์สินนั้นมาใช ้จ่ายใหเ้ พียงพอต่อการดารงชีพดังทีท่ ่
านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้ตอบคาถามแก่ ฮินดฺ
บุตรีของอุตบะฮฺ (ดังหะดีษทีบั ่ นทึกโดยอัล-บุคอรีย ์และมุสลิม)
และส่วนหนึ่งของสิทธิทพึ ี่ งมีต่อบุตร คือ
การไม่แสดงความลาเอียงระหว่างบุตรในการมอบของขวัญหรือของกานัลใดๆ
ไม่อนุ ญาตให ้เรามอบสิงหนึ ่ ่งสิงใดแก่
่ ่ กๆ
ลูกๆ บางคนในขณะทีลู
่
คนอืนไม่ ่ ้นด ้วยความลาเอียง แท้จริงแล ้วอัลลอฮฺไม่ทรงรกั ผูท้ อธรรม
ได ้ร ับสิงนั ี่
เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวจะทาใหเ้ กิดความข ้องใจและเกิดความบาดหมางใ
จระหว่างลูกๆ ผูท ี่ ้รบั และผูท
้ ได ี่ มส
้ ไม่ ี ท
ิ ธิ
้
ซาร ้ายอาจจะทาใหเ้ กิดความบาดหมางใจระหว่างบิดามารดากับบุตรทีไม่ ่ ได ้รบั
สิทธิดงั กล่าวด ้วย
มีบางคนทีจ่ าแนกระหว่างบุตรทีท ่ าดีและอ่อนน้อมต่อบิดามารดากับบุตรทีไม่่ ก
ระทาเช่นนั้น ด ้วยการมอบของขวัญหรือของกานัลแก่บุตรทีท ่ าดีต่อเขาก่อน
่ งสิงเหล่
อันทีจริ ่ ้ ใช่เหตุผลทีจะอนุ
านี ไม่ ่ ญาตใหเ้ ราลาเอียงหรือไม่ยุตธิ รรมแก่พ
วกเขาได ้
การมอบของขวัญตอบแทนบุตรโดยอาศัยการพิจารณาจากความดีงามทีเขา ่
ปฏิบต ั ต ่ ไม่
ิ ่อบิดามารดาเป็ นสิงที ่ อนุ ญาต
21
เนื่องจากผลตอบแทนทีเขาท ่ าดีต่อพ่อแม่นั้นอัลลอฮฺจะเป็ นผูต้ อบแทนใหเ้ อง
การให ้รางวัลเฉพาะแก่ลูกทีท ่ าดีต่อบิดามารดานั้นจะทาใหล้ ูกเกิดความลาพอง
ในการงานของตน และจะทาใหล้ ูกๆ คนอืนออกห่ ่ างจากบิดามารดา
และจะอยู่ในความอกตัญญูหรือเนรคุณต่อบิดามารดาตลอดไป อีกอย่าง
เราเองก็ไม่สามารถล่วงรู ้ได ้ว่าบางทีภายภาคหน้าสถานการณ์อาจจะพลิกผัน
่ ญญูกลายเป็ นลูกทีเนรคุ
ทาใหล้ ูกทีกตั ่ ณ
่ ่
หรือลูกทีเนรคุณอาจจะกลายเป็ นลูกทีกตัญญูก็เป็ นได ้ ทังนี ้ ้
เนื่องจากจิตใจของมนุ ษย ์ทุกคนล ้วนอยู่ในพระหัตถ ์ของอัลลอฮฺ
่
ซึงพระองค ์สามารถพลิกผันมันได ้ตามทีพระองค ่ ์ทรงประสงค ์
ในตาราหะดีษเศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย ์และมุสลิม บันทึกว่า รายงานจากอัน-
นุ อมฺ าน บิน บะชีรฺ ว่า บะชีรฺ บิน สะอัด
บิดาของเขาได ้มอบทรพ ั ย ์สินบางอย่างใหแ้ ก่ลูกชายของเขาคนหนึ่ ง
แล ้วมาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
แล ้วบอกกับท่านนบีถงึ เรืองดั ่ งกล่าว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
แล ้วบอกกับท่านนบีถงึ เรืองดั ่ งกล่าว ท่านบี จึงถามเขาว่าความว่า
้ ลูกๆ ของเจ ้าทุกคนไหม?” เขาตอบว่า “ไม่” ท่านบี
“เจ ้าได ้มอบให ้เช่นนี แก่
กล่าวว่า “ดังนั้นจงเอาสิงนั ่ ้นกลับคืนมา”ในบางสายรายงาน ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ความว่า “ พวกท่านจงยาเกรงอัลลอฮฺ
และจงให ้ความยุตธิ รรมระหว่างลูกๆ ของพวกท่าน”และในบางสานวน
้
มีดงั นี ความว่ ่
า “ใหค้ นอืนมาเป็ นพยานแทนฉันเถิด
เพราะฉันไม่เป็ นพยานต่อความอยุตธิ รรม” ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้ระบุว่า
การให ้ความสาคัญแก่บุตรบางคนและละเลยอีกบางคนนั้น
ถือเป็ นการกระทาทีอธรรม ่ ่ นการกระทาทีต
ซึงเป็ ่ ้องหา้ มในอิสลาม
แต่หากเรามอบสิงหนึ ่ ่งสิงใดแก่
่ บรรดาบุตรตามความต ้องการหรือความจาเป็ น
่
ของเขาในขณะทีอีกบางคนมีความต ้องการอย่างอืนเช่ ่ น
คนหนึ่งต ้องการอุปกรณ์เครืองเขี ่ ยน ในขณะทีอี ่ กคนต ้องการรกั ษาโรค
22
่
หรืออีกคนต ้องการทร ัพย ์สินทีจะแต่ งงาน
้ ้
ถือว่าสามารถใหเ้ ป็ นการเฉพาะได ้แม้ว่าจะมีความแตกต่างอยู่บา้ ง ทังนี
อันเนื่องจากความต ้องการและความจาเป็ น
่ อว่าเป็ นเสมือนการจ่ายค่าเลียงดู
ซึงถื ้ น่ ันเอง
่ ดามารดาได ้ทาตามหน้าทีในการอบรมเลี
เมือบิ ่ ้ บุตรของตนตลอดจนการ
ยงดู
้ แล ้วไซร ้
ให ้ค่าเลียงดู
ก็สมควรแล ้วทีอั ่ ลลอฮฺจะตอบแทนเขาด ้วยการใหม้ ล ่ ญญูรู ้คุณ
ี ูกทีกตั
คอยทาดีและมอบสิทธิต่างๆ ทีบิ ่ ดามารดาพึงได ้รบั เป็ นการตอบแทน
่
แต่หากเมือใดที ่ อแม่ละเลยต่อหน้าทีในการอบรมดู
พ่ ่ แลลูก
ก็สมควรแล ้วเช่นกันถ ้าอัลลอฮฺจะใหเ้ ขาถูกทดสอบด ้วยการมีลูกทีเนรคุ ่ ณและ
้
อกตัญญูต่อทังสองคน
เพราะชนิ ดของผลตอบแทนนั้นขึนอยู ้ ่ ละคนได ้ก่อไ
่กบั ชนิ ดของการกระทาทีแต่
ว ้เช่นกัน
*
23
ห้ำ สิทธิของเครือญำติ
สาหรบั ญาติพน้ ี่ องทีมี
่ ความสัมพันธ ์เครือญาติกบั ท่าน เช่น เป็ นพีน้ ่ อง ลุง
ป้ า น้า อา ตลอดจนลูกพีลู ่ กน้อง
่ เป็
หรือบุคคลอืนที ่ นเครือญาติกบั เรานั้นพวกเขามีสท ิ ธิพงึ ได ้รบั
่
ดังทีอัลลอฮฺได ้ตรสั ว่าความว่า
ۡ َۡ َ ه َ ه َ ه
ُ ﴿قالوُاُإِّنُاُك َنُاُق ۡب
َُ لُفِّيُُأهل َِّنُاُ همشفِّق
]26 :﴾ُ[الطور٢٦ُِّين
“และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด
และอย่าให ้มีสงหนึ ิ่ ่งสิงใดเป็
่ นภาคีกบั พระองค ์
และจงทาดีต่อผูบ้ งั เกิดเกล ้าทังสอง ้ และต่อผูเ้ ป็ นเครือญาติ” (อัน-นิ สาอ ์ : 36)
้ ่ ่
ดังนัน จาเป็ นทีจะต ้องเชือมสัมพันธ ์กับผูท้ เป็ ี่ นญาติด ้วยกัน
ด ้วยการทุ่มเทแรงกายแรงใจ
และเอือเฟื ้ ้อทร ัพย ์สินเงินทองในยามทีญาติ ่ ต ้องการหรือมีความจาเป็ น
่ ่
ซึงเรืองการช่วยเหลือกันในหมู่เครือญาติเป็ นสิงที ่ ได
่ ้รบั การยืนยันโดยบทบัญ
ญัตท ิ างศาสนา สติปัญญา และกมลสันดานอันเป็ นธรรมชาติของมนุ ษย ์
มีหลักฐานตัวบทมากมายทีส่ ่ งเสริมใหม้ ก ่
ี ารเชือมและสานสั มพันธ ์ในหมู่เครือ
ญาติทใกล ี ่ ้
้ชิด ในตาราหะดีษเศาะฮีหฺอลั -บุคอรีย ์และมุสลิม
่
ได ้บันทึกหะดีษทีรายงานจากท่ าอบูฮุรอ ็ ยเราะฮฺ แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่าความว่า
“อัลลอฮฺได ้ทรงสร ้างสรรพสิงทั ่ งหลายจนเมื
้ ่
อเสร็ ้
จสินแล ้ว อัร-เราะหิม
(ตัวเครือญาติ) ก็ได ้ลุกขึนมาและกล่ ้ าวว่า
นี่คือการยืนของผูข ้ อความคุ ้มครองใหพ ้ น ้ จากการถูกตัดขาด
24
พระองค ์อัลลอฮฺก็ตรัสว่า ได ้ เจ ้าจะพอพอใจหรือไม่
่
หากฉันจะเชือมสั มพันธ ์กับผูท ี่ อมสั
้ เชื ่ มพันธ ์กับเจ ้า
และฉันจะตัดขาดกับผูท ่
้ ตั
ี ดขาดกับเจ ้า? มันได ้ตอบว่า ใช่ ข ้าพอใจแล ้ว”
จากนั้นท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได ้กล่าวว่า
“พวกท่านจงอ่านอายะฮฺนีเถิ ้ ดหากพวกท่านประสงค ์
َ َ َ َ َ َهَ ه َۡ َ َ ه ۡ ه َۡ َۡ َ َ ه ۡ َ
ُِّينُل َع َن هه هُم ُ ِّ ُأو َٰٓلئ٢٢ُۡرضُوتق ِّطعوُاُأرحامكم
ُ كُٱلذ ُ لُ َع َسيۡ هت ُۡمُإِّنُت َول ۡي هت ُۡمُأنُتفس هِّد
ُ ِّ واُفِّيُٱلأ ُ ﴿ف َه
َ َ ۡ َ ََ َه
]23-22 :﴾ُ[محمد٢٣ٱّللُفأ َص َم هه ُۡمُ َوأع َم َُٰٓىُأبۡصَٰ َر هه ُۡم ُ
ปัจจุบน
ั มีผูค้ นส่วนใหญ่มก ั จะละเลยสิทธิทพึ ี่ งมีต่อเครือญาติ
่
ซึงเราจะพบว่ ้
าบางคนไม่รู ้จักแม้กระทังญาติ ใกล ้ชิดของตนเอง
ไม่เคยเชือมสั่ มพันธ ์กับพวกเขาไม่วา่ จะด ้วยทรพ ั ย ์สิน ตาแหน่ งการงาน หรือ
แสดงกิรยิ ามารยาททีดีงาม ่
วันเวลาผ่านไปพวกเขาไม่เคยนึ กทีจะไปเยี ่ ่
ยมญาติ พน้ี ่ อง
่
ไม่เคยหยิบยืนของขวั ้
ญสักชินหนึ ่ ง ไม่เคยช่วยเหลือพวกเขาในยามเดือดร ้อน
ซาร ้ ้ายกว่านั้น มีบางคนถึงกับทาร ้ายจิตใจของผูเ้ ป็ นญาติไม่ว่าจะเป็ นคาพูด
หรือการกระทา หรือทังค ้ าพูดและการกระทา
25
่ กทีพวกเขายอมผู
น่ าแปลกยิงนั ่ ่
กสัมพันธ ์กับคนอืนคนไกลแต่ ตด
ั ขามความสัม
พันธ ์กับญาติสนิ ทใกล ้ชิด
26
่ านยังคงร ักษาสิงนั
ตราบทีท่ ่ ้นไว ้” (บันทึกโดยมุสลิม 2558, อะห ์มัด 2/412)
(บันทึกโดยมุสลิม)
27
หก สิทธิของสำมีภรรยำ
การแต่งงานก่อใหเ้ กิดผลพวงทีส ่ าคัญและหน้าทีอั ่ นยิงใหญ่
่
เพราะการแต่งงานเป็ นการผูกสายสัมพันธ ์ระหว่างสามีกบั ภรรยา
่ ละฝ่ ายจาเป็ นต ้องมอบสิทธิแก่อก
ซึงแต่ ี ฝ่ ายหนึ่ ง ทังสิ
้ ทธิด ้านร่างกาย
สิทธิด ้านสังคม และสิทธิด ้านทรัพย ์สิน
ดังนั้น ทังสามี
้ และภรรยาจึงจาเป็ นต ้องใช ้ชีวต ิ ร่วมกันด ้วยดี
และต ้องทุ่มเทในสิทธิทจี่ าเป็ นต ้องมอบใหก้ บั อีกฝ่ ายด ้วยความเต็มใจและยินดี
โดยปราศจากการฝื นใจ ไม่จริงจัง และฉาบฉวยในสิงที ่ ได ่ ้ทุ่มเทใหแ้ ก่อก ี ฝ่ าย
อัลลอฮฺตรัสว่า ความว่า
ۡ َ َ َ ه ه
ُ ِّ نُبِّٱل َم ۡع هر
]19 :﴾ُ[النساء...ُوف ُ اشروه
ِّ ُوع...﴿
28
สองก็จะยืนนาน แต่หากไม่เป็ นเช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้งและแตกแยก
ทาใหช้ วี ต ้
ิ คู่ของทังสองฝ่ ายต ้องระส่าระสายและไม่เป็ นสุข
29
ณ์และไม่ได ้ดีพร ้อมเสียทุกอย่าง โดยมีความบกพร่องและคดงออยู่ในตัว
และผูช ่
้ ายไม่สามารถทีจะแสวงหาความสุ ขกับนางได ้อย่างโล่งใจ
นอกจากจะต ้องยอมรบั ธรรมชาติทอั ่
ี ลลอฮฺสร ้างนางมาในแบบดังกล่าวด ้วยเท่า
นั้น
่ ้ร ับจากหะดีษต่างๆ ข ้างต ้น ก็คอ
บทเรียนทีได ื
มนุ ษย ์ควรทาการเปรียบเทียบและแยกแยะระหว่างความดีงามกับความบกพร่อง
่ อยู่ในตัวผูห้ ญิง
ทีมี
เพราะยามใดทีเขารู ่ ่ ดบ
้สึกรงั เกียจกับนิ สยั ทีไม่ ี างประการของนาง
่
เขาก็ลองนานิ สยั ทีไม่ดด ี งั กล่าวไปเปรียบเทียบกับอีกนิ สยั หนึ่ งของนางทีเขาพึ
่ ง
พอใจ
โดยต ้องไม่มองนางด ้วยสายตาทีเอื ่ อมระอาและเกลียดชังเพียงอย่างเดียว
30
่
“และหน้าทีของสามี ผเู ้ ป็ นพ่อเด็ก
คือการหาปัจจัยยังชีพและเครืองนุ ่ ่ งห่มใหแ้ ก่บรรดาภรรยาอย่างชอบธรรม”
(อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 233) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่าความว่า
่
“และหน้าทีของพวกท่ านทีพึ ่ งปฏิบต ั ต
ิ ่อบรรดาภรรยาของพวกท่าน
่
คือการหาปัจจัยยังชีพ และเครืองนุ่ งห่มใหแ้ ก่พวกนางอย่างชอบธรรม” (มุสลิม
2137) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถูกถามว่า
ี่
"อะไรคือสิทธิทภรรยาของคนใดคนหนึ ่ งในหมู่พวกเราพึงได ้รบั ?"
ท่านตอบว่าความว่า “ท่านจะต ้องใหอ้ าหารแก่นางเมือท่ ่ านทานอาหาร
่ ่ มห่มแก่นางเมือท่
ให ้เครืองนุ ่ านสวมใส่เครืองนุ ่ ่ งห่ม จงอย่าตบหน้านาง
อย่าด่าทอหรือพูดจาหยาบคายกับนาง
และอย่าลงโทษด ้วยการปลีกตัวจากนางนอกจากใหท้ าแค่ในบา้ นเท่านั้น
(หมายถึงไม่ลงโทษด ้วยการหนี จากนางออกไปนอกบ้าน)” (บันทึกโดย
อบูดาวูด) อีกส่วนหนึ่ งของสิทธิทสามี ี่ พงึ ปฏิบต ั ต
ิ ่อภรรยาคือ
สามีต ้องปฏิบต ั อิ ย่างเป็ นธรรมระหว่างบรรดาภรรยาทังหลายของเขา ้
หากว่าเขามีภรรยามากกว่าหนึ่ งคน
โดยสามีต ้องปฏิบต ั อ
ิ ย่างเป็ นธรรมในด ้านปัจจัยยังชีพ ทีอยู ่ ่อาศัย
การร่วมหลับนอน และทุกๆ
่ สามารถสร
สิงที ่ ้างความเป็ นธรรมใหก้ บั บรรดาภรรยาทังสองคน ้
เพราะการเอนเอียงไปทางภรรยาคนใดคนหนึ่ งถือว่าเป็ นบาปใหญ่ประการหนึ่ ง
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่าความว่า “ผูใ้ ดมีภรรยาสองคน
แล ้วเขาปฏิบต ั ดิ ้วยการเอนเอียงไปทางภรรยาคนใดคนหนึ่ ง
เขาจะปรากฏในวันกิยามะฮฺในสภาพทีเอี ่ ยงข ้าง” (อบู ดาวูด 2133, อัต-
ติรมิซยี ์ 1141, อิบนุ มาญะฮฺ 1969) อย่างไรก็ตาม
ิ่ สามี
ยังมีสงที ่ ไม่สามารถให ้ความเท่าเทียมกันแก่ภรรยาทังสองได ้ ้ อาทิ
ความรู ้สึกร ัก ความเอ็นดู และความสบายใจ เป็ นต ้น
31
ก็ไม่ถอ
ื ว่าสามีมบ
ี าปความผิดแต่ประการใด
่ งกล่าวอยู่นอกเหนื อความสามารถของเขา อัลลอฮฺตรสั ว่า ความว่า
เพราะสิงดั
َ ۡ ََ َۡ َ ه َ َ ه
]129 :﴾ُ[النساء...ُنُٱلن َِّسا ُِّءُ َول ُۡوُ َح َر ۡص هت ُۡم
َُ يعوُاُأنُت ۡعدِّل ُواُ َبي ﴿ولنُتست ِّط
32
ี่
ส่วนสิทธิของสามีทภรรยาจ าเป็ นต ้องปฏิบต ั ต
ิ ่อเขาถือว่ายิงใหญ่ ่ กว่าสิทธิของ
่
ภรรยาทีสามี จาเป็ นต ้องปฏิบต ั ติ ่อนาง เนื่ องจากคาตรสั ของอัลลอฮฺทว่ี่ า
ความว่า
َ َ َۡ َ َ َ ۡ َ َۡ َ َ ََه َ ۡه
]228 :﴾ُ[البقرة...نُد َر َجةُُ ُو ُ ِّ نُبِّٱل َم ۡع هر
ُ وفُول ِّلرِّجا ُِّلُعلي ِّه ُ لُٱلذِّيُعلي ِّه
ُ نُمِّث
ُ ُوله...﴿
“บรรดาบุรุษเพศคือผูท ี่ าหน้าทีเป็
้ ท ่ นผูป้ กครองและดูแลเลียงดู
้ บรรดาสตรีเพ
ศ
ด ้วยปัจจัยแห่งความสามารถทีอั ่ ลลอฮฺทรงกาหนดใหบ้ ุรุษเพศมีเหนื อกว่าสตรีเ
พศ และเนื่องจากบุรุษเพศต ้องใช ้จ่ายในทรพ ั ย ์ของพวกเขา
่ นปัจจัยยังชีพแก่นาง)”(อัน-นิ สาอ ์:34)
(เพือเป็
ในจานวนสิทธิของสามีทภรรยาจ ี่ าเป็ นต ้องปฏิบต ั ต
ิ ่อเขาคือ
ภรรยาต ้องเชือฟั่ งคาสังของสามี
่
่ เป็
ยกเว ้นในเรืองที ่ นการฝ่ าฝื นทรยศต่ออัลลอฮฺ
่
(ซึงภรรยาไม่ ่ ง) ต ้องปกป้ องสามีในยามลับตาเขา
จาเป็ นต ้องเชือฟั
รวมทังต ้ ้องดูแลทร ัพย ์สินของเขาด ้วย แท้จริงท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ความว่า
่ ค้ นหนึ่งกราบสุญูดต่อคนหนึ่ งได ้
“หากฉันสามารถสังให
33
่ ภ้ รรยาสุญูดต่อสามีของนาง (แต่ท่านไม่ได ้สังเช่
แน่ นอนว่าฉันก็จะสังให ่ นนั้น
เพราะการสุญูดต่อสิงอื ่ นนอกจากอั
่ ่
ลลอฮฺเป็ นเรืองต ้องห ้ามในอิสลาม)” (อบู
ดาวูด 2140, อัต-ติรมิซยี ์ 1159) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
่
กล่าวว่า ความว่า “เมือสามี คนหนึ่งชวนภรรยามายังทีหลั ่ บนอนของเขา
แต่ภรรยากลับปฏิเสธไม่ยอมไป ทาใหเ้ ขานอนทังคื ้ นในสภาพทีโกรธเคื ่ อง
บรรดามะลาอิกะฮฺก็จะสาปแช่งนางจนถึงรุง่ เช ้า”(อัล-บุคอรีย ์ 5193,มุสลิม
1436) สิทธิของสามีอก ี ส่วนหนึ่ งทีภรรยาจ
่ าเป็ นต ้องปฏิบต ั ติ ่อเขา ก็คอ ื
ภรรยาต ้องไม่ยุ่งอยู่กบั งานใดๆ
่ าให ้บกพร่องต่อการปรนนิ บต
ทีท ั แิ ละใหค้ วามสุขกับสามีได ้อย่างสมบูรณ์เต็มที่
ถึงแม้ว่าจะเป็ นการทาอิบาดะฮฺสุนัตก็ตาม เนื่องจากคาสอนของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ความว่า
“ไม่อนุ ญาตให ้สตรีผเู ้ ป็ นภรรยาถือศีลอดสุนัต ในขณะทีสามี ่ อยู่กบั บา้ นนอก
จากจะได ้ร ับอนุ ญาตจากสามี
และต ้องไม่อนุ ญาตให้ผูใ้ ดเขา้ บ้านนอกจากจะได ้รับอนุ ญาตจากสามีกอ ่ น”
(อัล-บุคอรีย ์ 5195, มุสลิม 1026) แท้จริง ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้บอกว่า ความพอใจของสามีทมี ี่ ต่อภรรยา
เป็ นสาเหตุหนึ่ งทีจะท
่ าใหน้ างได ้เข ้าสวนสวรรค ์ ดังหะดีษทีบั ่ นทึกโดยอัต-
ติรมิซยี ์จากอุมมุ สะละมะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอน ั ฮา นางเล่าว่า ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ความว่า
“ผูห้ ญิงท่านใดก็ตามทีเสี ่ ยชีวต
ิ ลงในสภาพทีสามี ่ ของนางพึงพอใจต่อนาง
แน่ นอนว่านางจะได ้เข ้าสวนสวรรค ์” (อัต-ติรมิซยี ์ 1161, อิบนุ มาญะฮฺ 1854)
*
34
เจ็ด สิทธิของผูน
้ ำและประชำชน
ผูน
้ าคือผูท ี่
้ ปกครองดู แลกิจการต่างๆ ของชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็ นผูน ่
้ าทัวไป
เช่นผูน้ าสูงสุดของประเทศ หรือผูน ้ าเฉพาะด ้าน
เช่นประธานหรือผูอ้ านวยการขององค ์กรหรือการงานเฉพาะด ้าน เป็ นต ้น
พวกเขาเหล่านั้นล ้วนมีสท ี่
ิ ธิทประชาชนหรื ี่ ่ใต ้การปกครองของพวกเขา
อผูท้ อยู
จาเป็ นต ้องมอบให ้
ในทางกลับกันประชาชนก็มีสท ิ ธิอน ่
ั ชอบธรรมทีบรรดาผู น้ าหรือผูบ้ งั คับบัญชา
จาเป็ นต ้องมอบให ้เช่นเดียวกัน
35
ส่วนสิทธิของผูน ่
้ าทีพลเมื องจาเป็ นต ้องมอบให ้
คือใหค้ าตักเตือนนะศีหะฮฺหรือหวังดีอย่างบริสุทธิใจแก่ ์ เขาในหน้าทีการปกคร ่
อง ช่วยสะกิดเตือนเขาเมือเกิ ่ ดการหลงลืม
ขอดุอาอ ์ให ้แก่เขาเมือเห็่ นเขาเบียงเบนออกจากสั ่ จธรรม
ปฏิบต ่ งตามคาสังของผู
ั แิ ละเชือฟั ่ น ่ ไม่
้ าในสิงที ่ เป็ นการฝ่ าฝื นหรือทรยศต่ออัลล
อฮฺ
เพราะการเชือฟั่ งดังกล่าวจะทาใหเ้ กิดความเข ้มแข็งและความเสถียรของสังคม
และการไม่เชือฟั ่ งผูน้ าจะก่อใหเ้ กิดความวุ่นวายและสร ้างความเสียหายต่อระบ
บการปกครอง ด ้วยเหตุนีอั ้ ลลอฮฺจงึ ทรงสังให ่ ้เชือฟั ่ งพระองค ์
่ งท่านเราะสูลุลลอฮฺ และเชือฟั
เชือฟั ่ งผูน ้ า พระองค ์ตรสั ว่า ความว่า
ولُ َوأهوليُٱل ۡ َأ ۡمرُُم هَ َ َ َ ُّ َ َ َ َ َ ه َ ه َ َ َ َ ه
]59 :﴾ُ[النساء...ُُِّنك ۡم ِّ ِّ ُ ٱلر هسُٱّللُوأطِّيع ُوا
ُ ُِّينُءامنوُاُأطِّيع ُوا َٰٓ ﴿
ُ يأيهُاُٱلذ
36
มา และต ้องเตือนพวกเขาจากความชัวร ่ ้ายทีเลวที
่ ่ ดตามทีเขาได
สุ ่ ้รู ้มา
และแท้จริง
ประชาชาติของพวกเจ ้านี ถู ้ กกาหนดใหม้ ค ี วามปลอดภัยอยู่ในช่วงแรกๆ
ของประชาชาติ และประชาชาติชว่ งสุดท้ายจะประสบกับภัยพิบต ั ิ และสิงต่ ่ างๆ
อันเลวร ้ายมากมายทีพวกเจ ่ ้าต ้องปฏิเสธมัน และฟิ ตนะฮฺก็จะมา
่ ่
ซึงฟิ ตนะฮฺบางส่วนทีมาภายหลังจะรุนแรงกว่าจนทาใหผ้ ค ู ้ นคิดว่าฟิ ตนะฮฺทมา ี่
ก่อนหน้ามันเบาบางเล็กน้อยเท่านั้นเอง พอฟิ ตนะฮฺมา มุสลิมก็จะกล่าวว่า
นี่คือหายนะทีเป็
่ นจุดจบของฉันแล ้วกระมัง (แล ้วฟิ ตนะฮฺน้ันก็หายไป)
พอฟิ ตนะฮฺใหม่มา มุสลิมก็จะกล่าวซาเหมื ้ ้ั แหละ
อนเดิมว่า ครงนี ้
ครงนี้ั แล
้ ้วกระมังทีจะเป็
่ นจุดจบของฉัน ดังนั้น
ผูใ้ ดปรารถนาจะหลีกห่างจากไฟนรกและอยากจะเข ้าสวนสวรรค ์
เขาก็จงเตรียมพร ้อมพยายามใหเ้ สียชีวต ิ ในสภาพทีศร ่ ทั ธาต่ออัลลอฮฺและวันอ
าคิเราะฮฺ
และจงปฏิบต ั ต ่
ิ ่อคนอืนเฉกเช่ ่
นทีเขาชอบจะให ่
ค้ นอืนปฏิ บต
ั ต
ิ ่อเขาด ้วย
และผูใ้ ดได ้จับมือใหส้ ต ั ยาบันกับผูน้ าคนใดและมีความบริสุทธิใจในสั ์ ญญา
่ ่
เขาก็จงเชือฟังเขาเท่าทีสามารถจะทาได ้
้
และหากมีผใู ้ ดขึนประกาศเป็ นผูน
้ าหรือคิดแย่งชิงตาแหน่ งจากผูน ่ ้รบั การ
้ าทีได
ให ้สัตยาบันมา พวกเจ ้าก็จงต่อสู ้ประหัตประหารคนทีมาแย่ ่ งอานาจนั้น
(บันทึกโดยมุสลิม) ชายคนหนึ่ งได ้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
โอ ้ท่านนบีของอัลลอฮฺ ท่านเห็นเป็ นอย่างไร
หากบรรดาผูน ้ าบังคับและขอให้เราเติมเต็มในสิทธิของพวกเขา
แต่พวกเขากลับปิ ดกันไม่ ้ ยอมมอบสิทธิของพวกเรา
่ เ้ ราทาอย่างไร? แต่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ตอบ
ท่านจะสังให
หลังจากนั้นเขาก็ถามท่านอีกครงั้ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
จึงตอบว่า ความว่า “พวกเจ ้าจงเชือฟั ่ งและปฏิบต ั ต
ิ ามพวกเขา เพราะแทจ้ ริง
บรรดาผูน ้ ่
้ าเหล่านันต ้องร ับผิดชอบหน้าทีในส่วนทีพวกเขาต ่ ้องปฏิบตั ิ
37
่ วนทีพวกเจ
ส่วนพวกเจ ้าก็ต ้องแบกรบั ผิดชอบต่อหน้าทีในส่ ่ ้าต ้องปฏิบต
ั ”ิ
(มุสลิม 1846)
และส่วนหนึ่งของสิทธิทผู ี่ น
้ าพึงได ้รบั จากประชาชน คือ
ประชาชนต ้องคอยใหค้ วามช่วยเหลือสนับสนุ นภารกิจและหน้าทีของผู ่ น
้ า
ด ้วยการช่วยเหลือผูน ่
้ าในการดาเนิ นกิจการทีพวกเขาได ้รบั อะมานะฮฺมา
่
และใหแ้ ต่ละคนรู ้จักบทบาทและหน้าทีรบั ผิดชอบในสังคมของตัวเอง
จนกระทั่งทุกๆ อย่างสามารถดาเนิ นไปตามแนวทางทีพึ ่ งประสงค ์
เพราะหากผูน ้ าไม่ได ้ร ับการช่วยเหลือจากประชาชนในภารกิจและหน้าทีร่ บั ผิด
ชอบของพวกเขา
ภารกิจของพวกเขาก็จะไม่สามารถดาเนิ นไปตามแนวทางทีพึ ่ งประสงค ์ได ้
38
่
แปด สิทธิของเพือนบ้
ำน
่
เพือนบ ้านหมายถึงผูท ี่ บา้ นเรือนอยู่ใกล ้กับบา้ นของท่าน
้ มี
่
เพือนบ ้านมีสท ี่
ิ ธิทควรจะได ้ร ับจากท่านมากมาย
่
ถ ้าเพือนบ ้านของท่านมีความสัมพันธ ์ทางเครือญาติกบั ท่านและเป็ นมุสลิม
เขาก็ควรจะได ้รบั สิทธิสามประการด ้วยกันคือ สิทธิในฐานะเพือนบ ่ า้ น
สิทธิในฐานะเครือญาติ และสิทธิในฐานะพีน้ ่ องมุสลิม
ถ ้าเพือนบ่ ้านของท่านเป็ นมุสลิมแต่ไม่ได ้มีความสัมพันธ ์ทางเครือญาติกบั ท่าน
เขาก็ควรจะได ้รบั สิทธิสองประการคือ สิทธิในฐานะเพือนบ ่ า้ น
่
และสิทธิในฐานะพีน้องมุสลิมของท่าน
เช่นเดียวกับเพือนบ ่ ่ ความสัมพันธ ์ทางเครือญาติกบั ท่านแต่เขาไม่ใช่มุส
า้ นทีมี
ลิม เขาก็ควรจะได ้ร ับสิทธิสองประการเหมือนกันคือ สิทธิในฐานะเพือนบ ่ า้ น
และสิทธิในฐานะเครือญาติ
่
ส่วนเพือนบ ่ ได ้มีความสัมพันธ ์ทางเครือญาติกบั ท่านและไม่ใช่มุสลิม
้านทีไม่
เขาก็ควรจะได ้รบั สิทธิเพียงประการเดียว นั่นคือ สิทธิในฐานะเพือนบ
่ า้ น
อัลลอฮฺตรัสว่า ความว่า
ۡ ۡ ۡ ۡ
ُِّ ارُِّٱلجه هن
ُب
َ ۡه
ُ َارُِّذِّيُٱلق ۡرب َُٰيُ َوٱلج
ُ َنُ َوٱلج َٰ َ س ٗٔنُاُ َوبِّذِّيُٱلۡ هق ۡرب َ َُٰيُ َوٱل َي َتَٰ َم َُٰىُ َوٱل ۡ َم
ُِّ سكِّي َٰ َ نُإ ِّ ۡح ۡ
ُِّ ۡ َوبِّٱل َوَٰل َِّدي...﴿
ۡ َ َو
]36 :﴾ُ[النساء...ُۢنب ُِّ َِّبُبِّٱلج ُِّ ٱلصاح
39
การทาดีต่อเขาด ้วยสิงต่ ่ างๆ ทีสามารถกระท
่ าได ้
ไม่ว่าจะเป็ นด ้วยทร ัพย ์สินของเขา ชือเสี ่ ยงหรือบารมีในสังคม
และสิงที่ เกิ่ ดประโยชน์ ท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ความว่า
่
“เพือนบ ่
้านทีประเสริ ฐทีสุ ่ ดในทัศนะของอัลลอฮฺ คือ
่
เพือนบ ่ บต
า้ นทีปฏิ ั ด
ิ ท ี่ ดต่อเพือนบ
ี สุ ่ า้ นของเขา” (อัต-ติรมิซยี ์ 1944) ท่านนบี
ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าวอีกว่า ความว่า
่ ัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ เขาก็จงทาดีต่อเพือนบ
“ผูใ้ ดทีศร ่ า้ นของเขา”
(อัล-บุคอรีย ์ 6019,มุสลิม48) และท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ้กล่าว
(แก่ อบู ซ ัรฺ) ว่า ความว่า “โอ ้ อบู ซัรฺ เอ๋ย
่ านต ้มน้าแกงท่านจงเติมน้าใหม้ าก
เมือท่
และจงแบ่งปันให ้กับเพือนบ ่ า้ นของท่านด ้วย”(มุสลิม 2625)
ในจานวนวิธก ่
ี ารทาดีต่อเพือนบ า้ นคือ
การมอบของขวัญให้แก่เขาตามโอกาสและเทศกาลต่างๆ
่ น้
เพราะของขวัญเป็ นการเสริมสร ้างความร ักใคร่ใหแ้ น่ นแฟ้ นยิงขึ
และขจัดความรู ้สึกบาดหมางและเป็ นศัตรูกน
ั
และส่วนหนึ่งของสิทธิทเพื ี่ อนบ
่ า้ นพึงปฏิบต ั ต ่
ิ ่อเพือนบ า้ นของเขาก็คอ ื
การระงับจากการสร ้างความเดือดร ้อนแก่เขาทังในแง่ ้ คาพูดและการกระทา
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ความว่า
“ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า เขายังไม่เป็ นผูศ้ รัทธา เขายังไม่เป็ นผูศ้ รัทธา
เขายังไม่เป็ นผูศ้ ร ัทธา”มีคนถามว่า
ผูใ้ ดหรือโอ ้ท่านเราะซูลุลลอฮฺ?ท่านตอบว่า“คนทีเพื ่ อนบ
่ า้ นของเขาไม่ปลอดภั
ยจากการอธรรมและความเลวของเขา”(อัล-บุคอรีย ์ 6016)
ในอีกรายงานหนึ่งท่านกล่าวว่า
ความว่า“จะไม่ได ้เข ้าสวรรค ์สาหรบั ผูท้ เพืี่ อนบ
่ า้ นของเขาไม่ปลอดภัยจากการ
อธรรมและความเลวของเขา”(มุสลิม 46) และคุณลักษณะ:
่ ้ายดังนั้นใครก็ตามทีไม่
ชัวร ่ เชือว่
่ าเพือนบ
่ ่
า้ นของเขาไม่ดเี ขาก็ไม่ใช่ผเู ้ ชือและเ
40
ขาไม่ได ้เข ้าสวรรค ์
มีผค ู ้ นจานวนมากในปัจจุบน ั ทีไม่ ่ ค่อยใหค้ วามสาคัญกับสิทธิของเพือนบ ่ ้าน
่
และเพือนบ ้านของเขาไม่ปลอดภัยจากความเลวทรามของพวกเขา
ท่านจะพบว่าพวกเขาชอบทีจะโต ่ ่
้เถียงกับเพือนบ า้ นอยู่ตลอดเวลา ชอบทะเลาะ
ล่วงละเมิดสิทธิ และสร ้างความเดือดร ้อนใหแ้ ก่เพือนบ ่ า้ น
้
ทังด ้วยคาพูดและการกระทา
้
ทังหมดนั ้นล ้วนเป็ นการปฏิบต ั ท ี่ ้านกับคาสังใช
ิ ค ่ ้ของอัลลอฮฺและศาสนทูตของ
พระองค ์ และเป็ นการกระทาทีก่ ่ อใหเ้ กิดความแตกแยกในหมู่ชาวมุสลิม
ทาใหจ้ ต ิ ใจของพวกเขาเหินห่างกัน และไม่ใหเ้ กียรติซงกั ่ึ นและกัน
41
่
เก้ำ สิทธิของมุสลิมทัวไป
มีสท ิ ธิจานวนมากมายทีมุ ่ สลิมแต่ละคนพึงปฏิบต ั ต ่ องมุสลิมของเขา
ิ ่อพีน้
ส่วนหนึ่ งของสิทธิเหล่านั้นคือ คากล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม ตามทีมี ่ ระบุในหะดีษเศาะฮีหวฺ ่า ความว่า
“สิทธิของมุสลิมทีพึ ่ งปฏิบต ั ต ิ ่อมุสลิมมีหกประการ คือ
่ านพบเขาท่านจงใหส้ ลามแก่เขา เมือเขาเชิ
เมือท่ ่ ญชวนท่าน
ท่านก็จงตอบร ับคาเชิญของเขา เมือเขาขอค ่ ้
าชีแนะและตั กเตือนจากท่าน
้ ่
ท่านก็จงใหค้ าชีแนะและตักเตือนเขา เมือเขาจามและกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ
ท่านก็จงขอดุอาอ ์ใหแ้ ก่เขา เมือเขาเจ็ ่ บป่ วยท่านก็จงไปเยียมเยี ่ ยนเขา
่
และเมือเขาเสี ยชีวต ิ ท่านก็จงติดตามส่งศพ/ญะนาซะฮฺของเขา” (มุสลิม
2162, อัล-บุคอรีย ์ 1240 ดว้ ยสานวนทีใกล ่ ้เคียงกัน โดยระบุว่ามีหา้ ประการ)
หะดีษข ้างต ้นได ้ชีแจงถึงสิทธิต่างๆ ทีมุสลิมคนหนึ่ งพึงปฏิบต
้ ่ ั ต ่ องมุสลิม
ิ ่อพีน้
ดังนี ้ สิทธิทหนึ
ี่ ่ง:การใหส้ ลาม การใหส้ ลามเป็ น สุนนะฮฺ มุอก ั กะดะฮฺ
(สุนนะฮฺทเน้ ี่ นยาให้ ้ปฏิบต ั )ิ
เพราะสลามเป็ นสาเหตุหนึ่งทีจะท ่ าให ้ชาวมุสลิมรู ้สึกรกั ใคร่และห่วงใยกัน
ดังคากล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ความว่า
“พวกท่านจะไม่สามารถสวรรค ์ได ้ จนกว่าพวกท่านจะศรัทธา
และพวกท่านจะไม่ศรทั ธาอย่างแท้จริงจนกว่าพวกท่านจะรักใคร่กน ั เอาไหม
ฉันจะบอกสิงหนึ ่ ่ งแก่พวกท่าน
่
เมือพวกท่ านปฏิบต ั แิ ล ้วก็จะเกิดความรกั ใคร่ในหมู่ของพวกท่าน? นั่นคือ
จงโปรยสลามให้แก่กน ั ระหว่างพวกท่าน”
42
และผูท้ อยู ี่ ่บนพาหนะใหส้ ลามแก่ผท ี่ าลังเดิน
ู้ ก
แต่หากว่าผูท้ สมควรให ี่ ส้ ลามก่อนตามสุนนะฮฺทได ี่ ้กล่าวมาข ้างต ้นไม่เริมให
่ ้สล
่
ามก่อน ก็ให ้อีกฝ่ ายหนึ งใหส้ ลามก่อนแทน เพือไม่ใหข ่ ้ าดการใหส้ ลาม ดังนั้น
่ น
เมือผู ่ ส้ ลามแก่ผใู ้ หญ่หรือผูอ้ าวุโสกว่า
้ อ้ ยหรือเด็กไม่เริมให
่ ส้ ลามแก่เด็กหรือผูน
ก็ใหผ้ ใู ้ หญ่หรือผูอ้ าวุโสกว่าเริมให ้ อ้ ยแทน
่ ่ ่
และเมือกลุ่มทีมีจานวนน้อยกว่าไม่เริมให ้สลามแก่กลุ่มทีมี ่ จานวนมากกว่า
ก็ใหก้ ลุ่มทีมี ่ จานวนมากกว่าเริมให่ ส้ ลามแก่กลุ่มทีมี ่ จานวนน้อยกว่าแทน
่
เพือให ้ได ้ร ับผลบุญของการใหแ้ ละรบั สลาม
43
สะฮฺลนั )เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ
เพราะคากล่าวดังกล่าวไม่ใช่การตอบสลามทีดี ่ กว่าหรือเท่าเทียมกัน
เพราะฉะนั้น เมือมี
่ คนใหส้ ลามท่านว่า อัสลามุอะลัยกุม ท่านก็จงตอบเขาว่า
วะอะลัยกุมุสสลาม และเมือมี่ คนทักท่านว่า อะฮฺลนั ท่านก็จงทักตอบว่า อะฮฺลน
ั
ให ้เหมือนกับเขา และหากมีการกล่าวสานวนเพิมเติ ่ มก็จะเป็ นการประเสริฐกว่า
ี่
สิทธิทสอง:เมื ่ สลิมคนหนึ่ งเชิญชวนท่าน ท่านก็จงรบั คาเชิญของเขา
อมุ
หมายความว่า
่ พน้
เมือมี ี่ องมุสลิมเชิญท่านไปยังบา้ นของเขาเพือร
่ บั ประทานอาหารหรือทาธุระ
่ ท่านก็จงตอบรบั คาเชิญของเขา การตอบรบั คาเชิญเป็ น สุนนะฮฺ
อืนๆ
มุอก ั กะดะฮฺ (เน้นให้กระทา)
เนื่องจากการตอบร ับดังกล่าวจะช่วยโอบอุ ้มหัวใจของผูเ้ ชิญ
(ไม่ให ้เสียความรู ้สึก) และทาให้เกิดความรักใคร่สนิ ทสนมกัน
44
ะส่วนของอาคารต่างยึดเหนี่ ยวซึงกั ่ นและกัน”(อัล-บุคอรีย ์ 2446,มุสลิม
2585) สิทธิทสาม ี่ ่ สลิมคนหนึ่ งขอคาชีแนะและตั
: เมือมุ ้ กเตือนจากท่าน
้
ท่านก็จงใหค้ าชีแนะแก่เขา หมายความว่า
่ สลิมคนหนึ่ งมาหาเพือขอให
เมือมุ ่ ้
ท้ ่านช่วยตักเตือนและชีแนะแก่ เขา
้
ท่านก็จงชีแนะและให ค้ าตักเตือนแก่เขา
เพราะการตักเตือนเป็ นส่วนหนึ่ งของศาสนา ดังคากล่าวของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ความว่า“ศาสนาคือ นะศีหะฮฺ(การชีแนะ ้
การปรารถนาดี)ต่ออัลลอฮฺ ต่อศาสนทูตของพระองค ์
ต่อบรรดาผูน ้ าของชาวมุสลิม และต่อชาวมุสลิมทุกคน”(อัล-บุคอรีย ์ 35,มุสลิม
55) แต่หากเขาไม่มาขอคาตักเตือนและคาชีแนะจากท่ ้ าน
และท่านทราบว่าเขาจะต ้องพบกับอันตรายหรือเขาจะไปทาความผิด
ท่านก็จาเป็ น(วาญิบ) ต ้องใหค้ าตักเตือนและชีแนะเขา ้
และถือว่าเป็ นหน้าทีร่ ับของท่านถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได ้มาขอคาตักเตือนจากท่าน
ก็ตาม
เพราะการตักเตือนดังกล่าวเป็ นการขจัดอันตรายและสิงที ่ ไม่
่ ดงี ามอย่างหนึ่ งจา
กพีน้ ่ องชาวมุสลิม
แต่ถ ้าหากว่าสิงที ่ เขาจะกระท
่ าไม่ได ้ก่อใหเ้ กิดอันตรายหรือความผิดบาป
และท่านเห็นว่าการกระทาดังกล่าวน่ าจะเกิดประโยชน์ต่อคนอืนมากกว่ ่ าเขา
ท่านก็ไม่จาเป็ นต ้องกล่าวนะศีหะฮฺใดๆ แก่เขา
เว ้นแต่ว่าเขาจะขอมาขอคาชีแนะจากท่ ้ าน
่ งเวลานั้นท่านจึงจาเป็ นต ้องชีแนะและตั
เมือถึ ้ กเตือนเขา
ี่ ่ : เมือมุ
สิทธิทสี ่ สลิมคนหนึ่ งจามและกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ
ท่านก็จงขอดุอาอ ์ให้แก่เขา หมายความว่า
่ สลิมคนหนึ่ งจามและกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺว่า “ُ ْال َح ْمدُ للهอัลหัมดุลล
เมือมุ ิ ลาฮฺ”
(หมายถึง มวลการสรรเสริญเป็ นเอกสิทธิของอั์ ลลอฮฺ) ท่านก็จงกล่าวแก่เขาว่า
“ُ يَ ْر َحمكَُ للاยัรหะมุกลั ลอฮฺ” (หมายถึง
ขออัลลอฮฺโปรดประทานความเมตตาแก่ท่าน)
45
่ นการขอบคุณแก่เขาทีได
เพือเป็ ่ ้กล่าวสรรเสริญพระผูอ้ ภิบาลของเขาขณะจาม
แต่หากเขาจามแล ้วไม่ได ้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ
เขาไม่มสี ท ี่
ิ ธิทจะได ้รบั ดุอาอ ์นี ้ ดังนั้นจึงไม่จาเป็ นต ้องขอดุอาอ ์ใหแ้ ก่เขา
่
เพราะในเมือเขาไม่ ได ้กล่าวคาสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ ผลตอบแทนของเขาก็คอ ื
การไม่สมควรทีจะได ่ ้รบั ดุอาอ ์ดังกล่าว
สิทธิทหี่ ้า:เมือมุ
่ สลิมคนหนึ่ งเจ็บป่ วยท่านก็จงไปเยียมเขาการไปเยี่ ่
ยมผู ป้ ่ วยเ
ป็ นสิทธิทพี ี่ น้
่ องชาวมุสลิมพึงปฏิบต ั ต ิ ่อผูป้ ่ วย ดังนั้นมุสลิมทุกคนจึงจาเป็ น
(วาญิบ) ต ้องไปเยียมพี ่ ่ องทีป่่ วยไข ้
น้
โดยเฉพาะอย่างยิงถ ่ ้าหากว่าผูป้ ่ วยเป็ นเครือญาติของท่าน หรือมิตรสหาย
่
หรือเพือนบ ้าน ก็ยงจิ่ าเป็ นต ้องไปเยียมเยี
่ ยนพวกเขา
46
ี่
สาหรบั ผูท้ ไปเยี ่
ยมคนป่ วยมีสุนนะฮฺใหส้ อบถามถึงสภาพและอาการป่ วยของเ
ขา ขอดุอาอ ์ให้กับเขา และพูดปลอบใจเขาใหห้ ายวิตกกังวลและมีความหวัง
่
เพราะสิงเหล่ านั้นเป็ นสาเหตุหนึ่ งทีจะท ่ าใหผ้ ป ึ้
ู ้ ่ วยมีอาการดีขนและหายป่ วยไวขึ ้
น
่
ผูเ้ ยียมควรจะกล่ าวเตือนสติใหผ้ ป ู ้ ่ วยเตาบะฮฺต่ออัลลอฮฺด ้วยสานวนทีไม่ ่ ทาใหเ้
ขาตกใจ ตัวอย่างเช่น
การป่ วยของท่านในครงนี ้ั เท่ ้ ากับว่าท่านได ้รบั ความดีงาม
เพราะความป่ วยเป็ นสิงที ่ อั ่ ลลอฮฺใช ้ขจัดบาปต่างๆ และลบล ้างความผิดต่างๆ
และหวังว่าด ้วยการทีท่ ่ านต ้องพานักอยู่กบั ที่
จะทาให ้ท่านได ้ร ับผลบุญทีมากมาย ่ ด ้วยการราลึกถึงอัลลอฮฺ
ขออภัยโทษจากพระองค ์ และขอดุอาอ ์ต่อพระองค ์ใหม้ าก สิทธิทหก ี่ :
่ สลิมคนหนึ่ งเสียชีวต
เมือมุ ิ ท่านก็จงตามส่งศพของเขา
การติดตามส่งญะนาซะฮฺหรือการส่งศพ
เป็ นหนึ่งในบรรดาสิทธิทมุ ี่ สลิมพึงปฏิบต ั ติ ่อพีน้่ องของเขา
ขณะเดียวกันการติดตามส่งญะนาซะฮฺก็ยงั ได ้รบั ผลบุญทียิ ่ งใหญ่
่ อก
ี ด ้วย
ดังมีรายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า
ความว่า“ผูใ้ ดติดตามส่งญะนาซะฮฺจนกระทั่งเขาได ้ละหมาดใหศ้ พนั้น
เขาจะได ้รบั ผลบุญเท่ากับหนึ่ง กีรอฏ
และผูใ้ ดติดตามญะนาซะฮฺจนกระทั่งศพถูกฝัง
เขาจะได ้ร ับผลบุญเท่ากับสองกีรอฏ”มีคนถามท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
สองกีรอฏนั้นคืออะไร?ท่านตอบว่า“เหมือนกับภูเขาใหญ่สองลูก”(อัล-บุคอรีย ์
1325,มุสลิม 945)
และส่วนหนึ่งของสิทธิทมุ ี่ สลิมพึงปฏิบต ั ต ่ องมุสลิมคือการไม่สร ้างความเดื
ิ ่อพีน้
อดร ้อนแก่เขา เพราะการสร ้างความเดือดร ้อนแก่ชาวมุสลิมเป็ นบาปหนัก
อัลลอฮฺตรัสว่า ความว่า
47
ٔٗ ٱح َت َملهواُُ هب ۡه َتَٰ ٗٔنُاُ َوِإثۡ ٗٔمُاُ ُّمب
ۡ ُٱكتَ َس هب ُواُ َف َق ُِّد
ۡ َ ۡ ۡ َ ۡ َ َ َ هۡ ه َ ۡه
ُينُا ِّ ُِّينُ َوٱل همؤم َِّنَٰتُُِّبِّغيۡ ُِّرُ َمُا
ُ ونُٱلمؤ ِّمن
ُ ِّينُيؤذ
ُ ﴿وٱلذ
]58 :﴾ُ[األحزاب٥٨
48
สิบ สิทธิของผูท ี่ ใช่มุสลิม
้ ไม่
ผูท ี่ ใช่มุสลิมจะครอบคลุมทุกคนทีไม่
้ ไม่ ่ ศรทั ธาต่ออัลลอฮฺ
่ ด ้วยกันสีจ่ าพวก นั่นคือ 1.หัรบีย ์
ซึงมี
ี่ ใช่มุสลิมทีเป็
หมายถึงผูท้ ไม่ ่ นศัตรูกบั ชาวมุสลิม 2.มุสตะมัน
ี่ ใช่มุสลิมทีอยู
หมายถึงผูท้ ไม่ ่ ่ภายใต ้การคุ ้มครองดูแลของชาวมุสลิม 3.มุอาฮัด
ี่ มุสลิมทีมี
หมายถึงผูท้ ไม่ ่ พน ั ธะสัญญากับชาวมุสลิม 4.ซิมมีย ์
ี่ ใช่มุสลิมทีอาศั
หมายถึงผูท้ ไม่ ่ ยอยู่ภายใต ้การปกครองของรฐั อิสลาม
ผูท ี่ ใช่มุสลิมทีเป็
้ ไม่ ่ นศัตรูกบั ชาวมุสลิม (หัรบีย ์)
พวกเราไม่จาเป็ นต ้องมอบสิทธิด ้านการให้การคุ ้มครองหรือการดูแลแก่พวกเข
า
ี่ ใช่มุสลิมทีอยู
ส่วนผูท้ ไม่ ่ ่ภายใต ้การคุ ้มครองดูแลของชาวมุสลิม(มุสตะมัน)
พวกเราจาเป็ นต ้องมอบสิทธิด ้านการให้การคุ ้มครองแก่พวกเขาตามเวลาและ
่ ได
สถานทีที ่ ้ตกลงไว ้ เนื่องจากอัลลอฮฺได ้ตรัสไว ้ว่า ความว่า
ۡ ۡ َ َ ۡ َ َ َ ََ ه َ َ َۡ َ َ َ َ ه ۡ ۡ َ َ ۡ َ
ُ﴾...ُٱّللُِّث َُمُأبۡلِّغ هُهُ َمأ َم َن هه ُۥ
ُ ُج ۡرُهُحت َُٰىُيس َم ُعُكلَٰ َُم
ِّ كُفأ
َ ِّينُٱستج
ُ ار ُ ِإنُأ َحدُُم
ُ ِّنُٱل همش ِّرك ُ ﴿و
]6 :[التوبة
49
และไม่ได ้สร ้างความเสือมเสี ่ ยหรือทาลายศาสนาของเรา อัลลอฮฺได ้ตรสั ว่า
ความว่า
َ َ ٔٗ َ َ َ ۡ ه َ َ ٔٗ َ َ ه َ ه ه ۡ ۡ َ ُّ َ َٰ َ َ َ َ
ُك ُۡمُأ َحداُفأت ُِّّموُا ُ ِّينُث َُمُل ُۡمُيَنق هصوك ُۡمُش ۡيـُاُ َول ُۡمُيهظَٰ ِّه هر
واُعلي ُ ِّنُٱل همش ِّركُ ِّينُعهدتمُم ُ ﴿إِّلاُٱلذ
ۡ ُّ َ ۡ ۡ َ ۡ َ ه ۡ َ ه َ ۡ َ َ َ ه
]4 :﴾ُ[التوبة٤ِّين َُ ِّبُٱل هم َتق
ُ ٱّللُيح
ُ ُن ُ ِّ إِّلي ِّه ُمُعهده ُمُإِّل َُٰيُمدت ِّ ِّه ُمُإ
“นอกจากบรรดาผูท้ ตั ี่ งภาคี
้ ต่อพระองค ์ (ผูท้ ปฏิ ี่ เสธศรทั ธา) บางกลุ่ม
่
ทีพวกเจ ้าได ้ทาสัญญาไว ้ แล ้วพวกเขามิได ้บกพร่องใดๆ
ในสัญญาทีได ่ ้ทาไว ้กับแก่พวกเจ ้า และมิได ้สนับสนุ นผูใ้ ดต่อต ้านพวกเจ ้า
ดังนั้น จงร ักษาสัญญาของพวกเขาใหค้ รบถ ้วน
จนถึงกาหนดเวลาของพวกเขาเถิด แท้จริงอัลลอฮฺน้ัน
ทรงรกั ผูท้ ย ี่ าเกรงทังหลาย”้ (อัต-เตาบะฮฺ : 4) ความว่า
َ َ َ ۡ ه ۡ ََ ه َ ََ ۡ ه َ َ َ َه
َُ َٰكفرُُِّإِّن هه ُۡمُلاُُأيۡ َم
ُن ﴿ َوِإنُنكثوُاُأيۡ َم َٰ َن ههمُمِّنُُ َب ۡع ُِّدُع ۡه ِّده ُِّۡمُ َو َط َع هن ُواُفِّيُدِّينِّك ُمُفقَٰتِّلوُاُأئِّم ُةُٱل
َ َ َ ۡ َه ۡ َ َ َه
]12 :﴾ُ[التوبة١٢ون ُ نت هه له ُمُلعله ُمُي
ี่ ใช่มุสลิมทีอาศั
ส่วนผูท้ ไม่ ่ ยอยู่ภายใต ้การปกครองของรฐั อิสลาม(ซิมมีย ์)
้ นผูท้ เราจ
พวกเขาเหล่านี เป็ ี่ าเป็ นต ้องมอบสิทธิแก่พวกเขามากทีสุ่ ด
และพวกเขาก็ต ้องคานึ งถึงสิทธิของพวกเราชาวมุสลิมด ้วย
เพราะพวกเขาเป็ นกลุ่มชนทีอาศั ่ ยอยู่ในรฐั อิสลาม
ภายใต ้การคุ ้มครองดูแลของชาวมุสลิมโดยทีแลกกั ่ บการจ่ายค่า ญิซยะฮฺ
่ นการคุ ้มครองดูแลพวกเขา
เพือเป็
50
ดังนั้น
ผูน
้ าของชาวมุสลิมจึงจาเป็ นต ้องตัดสินคดีของพวกเขาด ้วยกฎหมายอิสลามใ
่ เกี
นเรืองที ่ ยวกั
่ บชีวติ ทร ัพย ์สินและเกียรติของพวกเขา
และใหล้ งโทษพวกเขาในความผิดทีพวกเขามี ่ ่ ามันเป็ นสิงต
ความเชือว่ ่ ้องหา้ ม(
หะรอม) สาหร ับพวกเขา
และผูน ้ าจาเป็ นต ้องให้การดูแลคุ ้มครองและปกป้ องไม่ให้ผูใ้ ดสร ้างความเดือดร ้
อนหรือทาอันตรายต่อพวกเขา
้ าและการแต่งกายของพวกเขาจาเป็ นต ้องแตกต่างจากการเสือผ้
เสือผ้ ้ าและแ
่
ต่งกายของชาวมุสลิม (เพือความสะดวกในการแยะแยะและการก ากับดูแล)
่ ่
และพวกเขาจาเป็ นต ้องไม่แสดงสิงใดทีไม่ดงี ามในอิสลามอย่างโจ่งแจ ้ง
่ เป็
หรือสิงที ่ นสัญลักษณ์ในศาสนาของพวกเขา เช่น ระฆังและไม้กางเขน
ส่วนหุกม ่ บชาวซิมมีย ์นั้น
่ ต่างๆ เกียวกั
บรรดานักวิชาการอิสลามได ้กล่าวถึงแล ้วอย่างละเอียดในหนังสือต่างๆ
่
ของพวกเขา ซึงเราไม่ ้ ก
จาเป็ นต ้องกล่าวถึงในหนังสือเล่มนี อี
้ รงมหิทธิฤทธิ ์
คนจนปล่อยให้พระเจ้ำผู ท
มุหม
ั มัด ศอลิห ์ อล
ั -อุษย
ั มีน
51
้
เนื อหา
สิ ท ธิ โ ดยธรรมชาติ ข องมนุ ษ ย์ที่ อิ สลามยื น ยัน รั บ รอง ........................................... 1
คานา ............................................................................................................... 3
หนึ่ง สิ ทธิของอัลลอฮฺ ......................................................................................... 5
สอง สิ ทธิของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ................................................. 11
สาม สิ ทธิของบิดามารดา ................................................................................... 15
สี่ สิ ทธิของบุตร ............................................................................................... 19
ห้า สิ ทธิของเครื อญาติ ....................................................................................... 24
หก สิ ทธิของสามีภรรยา .................................................................................... 28
เจ็ด สิ ทธิของผูน้ าและประชาชน ......................................................................... 35
แปด สิ ทธิของเพื่อนบ้าน ................................................................................... 39
เก้า สิ ทธิของมุสลิมทัว่ ไป .................................................................................. 42
สิ บ สิ ทธิของผูท้ ี่ไม่ใช่มุสลิม .............................................................................. 49
เนื้อหา ........................................................................................................... 52
52