Professional Documents
Culture Documents
ท่านคือ อะบีย์ วะลีด สุลัยมาน บิน เคาะลัฟ บิน สะอฺด์ บิน อัยยูบ
บิน วาริษ อัล-บาญีย์ บรรพบุรุษของท่านมาจากเมืองบาดาโฮซ ประเทศ
สเปนในปั จจุบัน จากนัน
้ ครอบครัวของท่านได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองบา
จาร์
ท่านเรียนศาสนากับปราชญ์หลายท่านในสเปน และจากดินแด
นอื่นๆที่ท่านได้เคยเดินทางไปแสวงหาความรู้ อะบีย์ วะลีด ใช้เวลา 13 ปี
ในการเดินทางไปแสวงหาความรู้ ท่านเคยเดินทางไปยังเมืองมักกะฮฺ, มะ
ดีนะฮฺ, บัฆดาด(แบกแดด) และอียิปต์ อาจารย์ที่มีช่ อ
ื เสียงของท่านได้แก่
ชัยคฺ ยูนุส บิน มุฆีษ, มักกีย์ บิน อะบี ฏอลิบ, อะบู ษัร อัล-ฮัรวีย์, อัล-หะ
สัน บิน มุหัมมัด ญุมัย, อะบู อัฏ-ฏอยยิบ อัฏ-เฏาะบะรีย์, อะบู ญะอฺฟัร
อัซ-ซัมนานีย์ และท่านอื่นๆ
ท่านประพันธ์ตำรามากมายในหลายศาสตร์ของศาสนา ในศาสตร์
อะกีดะฮฺ เช่น อัต-ตัสดีด อิลา มะอฺริฟะฮฺ เฏาะริกุต-เตาฮีด ในศาสตร์ฟิก
ฮ์ เช่น อัล-มุกตะบิส มิน อิลม์ อิม่าม มาลิก บิน อะนัส ในศาสตร์อุศูลุล-
ฟิ กฮ์ เช่น อิหฺกามุล-ฟุศูล ฟี อะหฺกามุล-อุศูล ในศาสตร์หะดีษ เช่น อัล-
มุนตะกอ ฟี ชัรหุล-มุวัฏเฏาะฮฺ และอื่นๆ
ท่านเสียชีวิตในปี ฮ.ศ.474 ในเมืองอัลมาริอา สิริรวมอายุได้ 71 ปี
คำนะศีหะฮฺที่ 1
การศรัทธาในเสาหลักของอีหม่าน
ท่องจำอัล-กุรอ่านและปฏิบัติตาม
ยึดมั่นใน อัล-กุรอ่านและซุนนะฮฺ
มีการรายงานจากท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ว่า:
รักบรรดาเศาะหาบะฮฺ
หล่อเลีย
้ งหัวใจของลูก ด้วยกับการรักเศาะหาบะฮฺทุกคน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง บรรดาอิม่ามจากหมู่เศาะหาบะฮฺ คือ อะบู บักร์, อุมัร, อุษมาน
และอะลีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม พยายามหาข้อแก้ตัวให้กับเหตุการณ์
ความขัดแย้งที่เกิดขึน
้ ระหว่างพวกเขา และเชื่อในสิ่งที่ถูกรายงานจากพวก
เขา แท้จริง มีการรายงานจากท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:
"จงอย่าพูดจาว่าร้ายแก่บรรดาเศาะหาบะฮฺของฉัน ขอสาบานต่อพระผู้
ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ หากผูห
้ นึ่งผู้ใดในหมู่พวกท่าน
บริจาคทองคำเท่ากับภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เทียบเท่ากับที่พวกเขาบริจาคหนึ่ง
กำมือ หรือครึ่งกำมือ"
ถ้าผู้ใดในหมู่เศาะหาบะฮฺ บริจาคทองคำครึ่งกำมือ หรือหนึ่งกำมือ
มันก็จะเทียบเท่ากับทองคำขนาดเท่ากับภูเขาอุฮุด จะมีผู้ใดสามารถวัด
ความสูงส่งของเศาะหาบะฮฺ หรือพยายามจะตีตนเสมอบรรดาเศาะหาบ
ะฮฺในความดีได้? พวกเขาทัง้ หมดเสียสละในหนทางของอิสลาม
กลับไปหาบรรดาอุละมาอฺ และปฏิบัติตามแบบอย่างของพวกเขา
รักษาการละหมาด
รักษาการละหมาด เพราะว่ามันคือเสาหลักของอิสลามและชะรีอะฮฺ
และเป็ นสิ่งที่สำคัญที่สุดจากบรรดาสิ่งที่เป็ นวาญิบต่างๆ โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่ง การทำความสะอาดตัวเองเพื่อไปทำละหมาด การเอาใจใส่ในเวลาของ
การละหมาด การอ่านอัล-กุรอ่านอย่างสมบูรณ์ การสุญูดและรุกูอฺอย่าง
สมบูรณ์ การรักษาความคุชูอฺ(นอบน้อม)ตลอดการละหมาด การผินหน้า
ไปยังทิศกิบละฮฺ และหุก่มต่างๆ และท่าทางต่างๆของการละหมาด และ
รักษาการไปร่วมละหมาดเป็ นญะมาอะฮฺที่มัสญิด เพราะแท้จริง สัญญาณ
ของผูศ
้ รัทธาที่มีอีหม่านที่สมบูรณ์ และแนวทางของบรรดาคนดี นัน
้ คือ
การไปละหมาดเป็ นญะมาอะฮฺที่มัสญิด
จ่ายซะกาต
จากนัน
้ ลูกจะต้องให้ความสนใจในการจ่ายซะกาตจากทรัพย์สิน
ของลูก และจงอย่าล่าช้าในการจ่ายซะกาต จงอย่าเสียดายถ้าต้องจ่ายซะ
กาตเป็ นจำนวนมาก และจงอย่าดูแคลน แม้ว่าเงินซะกาตนัน
้ จะมีจำนวน
น้อย จงจ่ายด้วยกับทรัพย์สินที่ดีที่สุดของท่าน และใจกว้างในการคำนวณ
ซะกาต เพราะว่าอัลลอฮฺนน
ั ้ คือพระผู้ทรงใจบุญอย่างสูงที่สุด และพระองค์
ทรงประทานให้ด้วยกับความใจดีของพระองค์ พึงทราบด้วยกับความ
มั่นใจว่า ซะกาตนัน
้ มีบะเราะกะฮฺ และเป็ นการชำระทรัพย์สินของลูกให้
สะอาด จงมอบซะกาตให้กับผู้ที่เหมาะสม ไม่ใช่จ่ายให้แค่กับผู้ที่ลูกรัก จง
อย่าให้ตามอำเภอใจ จงแบ่งตามที่ได้ถูกสั่งใช้มา
ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน
จากนัน
้ ลูกจะต้องถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน เพราะว่ามันเป็ นอิ
บาดะฮฺส่วนบุคคล และเป็ นการเชื่อฟั งพระเจ้าของลูก ในระหว่างเดือน
เราะมะฎอน ลูกจะต้องระมัดระวังคำพูด และเพิ่มการปฏิบัติอิบาดะฮฺ
รักษาตนให้พ้นจากข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ และพยายามเก็บเกี่ยวผลบุญ
ทัง้ ในยามกลางวันและกลางคืน และละหมาดในยามค่ำคืน และซุนนะฮฺใน
การอิอฺติกาฟ
หัจญ์และอุมเราะฮฺ
จากนัน
้ คือการไปทำหัจญ์ ณ บ้านของอัลลอฮฺ ของผู้ที่มีความ
สามารถ การทำหัจญ์ของผู้ที่มีความสามารถนัน
้ เป็ นวาญิบ และมีการ
รายงานจากท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:
ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ
จากนัน
้ คือการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ถ้าลูกมีความสามารถ
หรือไม่ก็ จงช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ถ้าลูก
ไม่สามารถไปญิฮาดด้วยตัวเองได้
จงแสวงหาความรู้
[อัล-กะฮฺฟ์: 103-104]
และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า
"จงกล่าวเถิดมุหัมมัด บรรดาผู้ร้แ
ู ละบรรดาผู้ไม่ร้จ
ู ะเท่าเทียมกันหรือ?
แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านัน
้ ที่จะใคร่ครวญ"
[อัซ-ซุมัร: 9]
และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า
"แท้จริง บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านัน
้ ที่เกรงกลัว
อัลลอฮฺ"
[อัล-ฟาฏิร: 28]
และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า
"อัลลอฮฺจะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และ
บรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชัน
้ "
[อัล-มุญาดะละฮฺ: 11]
ความประเสริฐของความรู้
ความรู้คือหนทางที่จะนำพาสหายของมันไปสู่ความสุข และความรู้
นัน
้ ไม่สามารถจะถอดถอนเกียรติและสถานะของลูกได้ แม้กระทั่งความรู้ที่
น้อยนิด ก็ยังมีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีความรู้มาก ก็จะยิ่งยก
ระดับของคนๆหนึง่ ให้สูงขึน ั ้ เป็ นทรัพย์ที่บริสุทธิ ์ และจะยิ่ง
้ ความรู้นน
เพิ่มพูนขึน
้ ถ้าลูกนำไปเผยแพร่ ความรู้นน
ั ้ ไม่สามารถถูกผู้ใดขโมยไปได้
และลูกไม่ต้องกลัวว่าจะมีโจรหรือนักรบคนใดจะมายึดมันไป
สถานะของบรรดาอุละมาอฺ
จงพิจารณาดูถึงสถานะของผูค
้ น ลูกมองเห็นผู้ใดกันที่จะมีสถานะ
สูงส่งไปกว่าบรรดาอุละมาอฺ? บรรดาอุละมาอฺนน
ั ้ คือสิง่ จำเป็ นสำหรับผู้
ปกครองและประชาชน ทางนำจากพวกเขานัน
้ เป็ นที่ต้องการ ความเห็น
ของพวกเขานัน
้ เป็ นที่อ้างอิง ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่องมุอามะลาต, หุก่ม
ศาสนา, สัญญาที่ใช้ได้ และรูปแบบการค้าขาย จงเจ้าหาพวกเขาในเรื่อง
ของศาสนา เช่น เงื่อนไขของการละหมาด, วิธีการจ่ายซะกาต การถือศีล
อด และในเรื่องของหะลาลและหะรอม และอื่นๆ บรรดาอุละมาอฺนน
ั้
สร้างความสงบสุขให้กับประชาชน และมีสถานะที่สูงจากทุกระดับชนชัน
้
ของสังคม
ความรู้นน
ั ้ คือพันธมิตร ที่จะไม่ทรยศต่อสหายของมัน และผู้ใดที่
สวมใส่ชุดของความรู้ และไม่สามารถถอดชุดคลุมความรู้ที่สวยงามออกได้
ทุกคนที่เป็ นสหายกับความรู้ ไม่ว่าเขานัน
้ จะมีอำนาจแค่ไหน หรือยิ่งใหญ่
แค่ไหน ถ้าหากเขาทิง้ จากการแสวงหาความรู้ เขาก็จะสูญเสียซึ่งสถานะ
และความปลอดภัย แต่สิ่งนีจ
้ ะไม่เกิดขึน
้ กับผู้รู้ เพราะว่าสถานะของพวก
เขาอยู่ที่สหาย(ความรู้)ของเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด สหาย(ความรู้)ก็จะตาม
เขาไปด้วย ในทุกๆที่ทุกๆดินแดน และมันจะยังคงอยู่แม้กระทั่งร่างกาย
ของเขาได้จากไป(ด้วยกับการสอนในความรู้)
ความรู้ที่ดีที่สุดคือความรู้ในเรื่องของบทบัญญัติศาสนา
ความรู้ที่ดีที่สุดคือความรู้ในเรื่องของบทบัญญัติศาสนา และส่วน
หนึ่งจากที่ดีที่สุด คือผู้ที่ได้รับบะเราะกะฮฺให้สามารถอ่านอัล-กุรอ่านได้
อย่างสวยงาม และจดจำหะดีษของท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะซัลลัม มีความรู้ว่าหะดีษไหนเศาะฮีห์ อันไหนเฎาะอีฟ จากนัน
้ ลูกควร
เรียนวิชา อุศล
ู ุล-ฟิ กฮ์ เพื่อที่ลูกจะได้ทำความเข้าใจในอัล-กุรอ่านและซุน
นะฮฺ จากนัน
้ ลูกควรเรียนรู้จักทัศนะของนักฟิ กฮ์ และประเด็นต่างๆใน
เรื่องฟิ กฮ์ที่มีการรายงานมาจากอุละมาอฺ จากนัน
้ ลูกควรฝึ กฝนในการใช้
เหตุผล(มิใช่ตรรกะแบบอะชาอิเราะฮฺ) ให้สอดคล้องกับหลักฐานและหะ
ดีษที่เศาะฮีห์ นี่คือเป้ าหมายและระดับอันสูงส่ง
ทำความเข้าใจในศาสนา
ผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถเรียนรู้ในศาสตร์ฟิกฮ์ได้ หลังจากที่ได้ท่องจำ
อัล-กุรอ่านและหะดีษ ลูกควรจะอ่านประเด็นฟิ กฮ์ต่างๆของอิม่าม มาลิก
(เราะหิมะฮุลลอฮฺ) เพราะว่าถ้าคนๆหนึง่ มีความสามารถในการอ่าน
หนังสือได้เพียงเล่มเดียว เมื่อนัน
้ หนังสือที่ดีที่สุดในศาสตร์ฟิกฮ์ เราแนะ
นำมัสฮับของอิม่าม มาลิก เพราะว่าอิม่าม มาลิก เป็ นทัง้ นักหะดีษและนัก
ฟิ กฮ์ ไม่มีอุละมาอฺคนใดจะครอบคลุมประเด็นฟิ กฮ์ ได้มากกว่าที่มัสฮับ
มาลิกีย์ ได้ครอบคลุม และอิม่าม มาลิก นัน
้ ตอบคำถามหลายๆคำถาม
ด้วยกับทัง้ ศาสตร์ฟิกฮ์และหะดีษ มีเพียงอุละมาอฺไม่กี่ท่านที่จะพอเทียบ
เคียงท่านได้ในประเด็นปลีกย่อยและอธิบาย อาทิเช่น อะบู หะนีฟะฮฺ
และอัช-ชาฟิ อีย์ แต่ไม่มีผู้ใด(จากบรรดาอิม่ามของมัสฮับ)จะเป็ นอิม่ามใน
ด้านหะดีษ (อิม่าม อัล-บาญีย์ อาศัยอยู่ในสเปน อาจจะไม่ค่อยรู้จักบร
รดาอิม่ามในตะวันออกกลาง)
ห้ามอ่านตำราตรรกศาสตร์และปรัชญา
จงระวังการอ่านสิ่งหนึ่งสิง่ ใดจากตำราตรรกศาสตร์(มันฏิก)และ
ปรัชญา เพราะว่าในนัน
้ มีทงั ้ กุฟร์ และขัดแย้งกับบทบัญญัติของศาสนา
และสร้างความแตกแยก
อ่านตำราตรรกศาสตร์ได้ ก็ต่อเมื่อมีความรู้ในศาสนา
พ่อขอเตือนลูกจากการอ่านตำราตรรกศาสตร์ จนกว่าลูกจะมีความรู้
ในคำกล่าวของบรรดาอุละมาอฺ ที่เกี่ยวกับความเข้าใจที่ผิด ข้อสงสัย และ
สิ่งที่ไม่ถูกต้องที่อยู่ในหนังสือเหล่านี ้ นอกจากนี ้ พ่อยังกลัวว่า ถ้าลูกไม่มี
ความรู้ที่เพียงพอที่จะปกป้ องตัวเองและตอบโต้ชุบฮาตเหล่านี ้ บางทีพวก
มันอาจจะฝั่ งแน่นอยู่ในหัวใจของลูก ด้วยเหตุนี ้ บรรดาอุละมาอฺทงั ้ ในยุค
อดีตและยุคหลังจึงได้ห้ามจากการอ่านหนังสือเหล่านี ้ สำหรับผู้ที่ยังไม่
ความรู้และความเข้าใจไม่ถึงขัน
้ นี่ก็เป็ นเหตุผลเดียวกันที่พ่อสั่งห้ามลูก
แต่ถ้าพ่อรู้ว่าลูกมีความรู้ความเข้าใจในศาสนาถึงขัน
้ แล้ว พ่อจะ
สนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือของพวกเขา เพื่อที่ลูกจะได้ร้ว
ู ่าพวกที่เชื่อถือ
ในตำราเหล่านีน
้ น
ั ้ เฎาะอีฟและด้อยสติปัญญาเพียงใด และพวกเขานัน
้ ถูก
หลอกอย่างไร การอ่านหนังสือเหล่านี ้ ลูกจะพบถึงกลเม็ดอันน่าเกลียด
ของพวกเขา และถ้อยคำที่เฎาะอีฟ และเรื่องเล่าต่างๆทีพ
่ วกเขาใช้เพื่อ
หลอกบรรดาผู้ที่ไม่มีความรู้
ด้วยเหตุนี ้ ถ้าลูกพบเจอคนหนึ่งคนใดจากนักตรรกะและปรัชญา
อิสลาม ลูกจะพบว่าพวกเขาไม่มค
ี วามรู้ศาสนาในระดับที่ดี แต่กลับชอบ
อ้างว่าตนเองนัน
้ มีความรู้ แท้ที่จริงแล้ว มันคือการเพิ่มพูนความสมบูรณ์
ให้กับความโง่เขลาของพวกเขา
การสั่งใช้ในความดีและห้ามปรามความชั่ว
เชื่อฟั งผู้นำในสิ่งที่ศาสนาอนุญาต
จงเชื่อฟั งผู้นำ ผู้ที่อัลลอฮฺทรงให้พวกเขานัน
้ ดูแลกิจการต่างๆของคุณ
ตราบใดที่พวกเขานัน
้ ไม่ได้สั่งให้ลูกไปทำบาป ในกรณีนี ้ ลูกจะต้องปฏิเสธ
และในขณะเดียวกัน ก็เชื่อฟั งเขาในสิ่งอื่นที่เป็ นการเชื่อฟั งต่อพระเจ้า
จงซื่อสัตย์ และไม่พูดโกหก
รักษาอะมานะฮฺ
จงยุติธรรมในการชั่ง