You are on page 1of 14

นะศีหะตุล-วาละดียะฮฺ

คำสั่งเสียของ อะบีย์ วะลีด อัล-บาญีย์ (เราะหิมะ


ฮุลลอฮฺ)

คือใคร อะบีย์ วะลีด อัล-บาญีย์?

ท่านคือ อะบีย์ วะลีด สุลัยมาน บิน เคาะลัฟ บิน สะอฺด์ บิน อัยยูบ
บิน วาริษ อัล-บาญีย์ บรรพบุรุษของท่านมาจากเมืองบาดาโฮซ ประเทศ
สเปนในปั จจุบัน จากนัน
้ ครอบครัวของท่านได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองบา
จาร์

ท่านเกิดในปี ฮ.ศ.403 จากครอบครัวที่มีความรู้และเคร่งครัดใน


ศาสนา พ่อของท่านเป็ นอุละมาอ์ และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จใน
เมือง อัล-กอยเราะวาน(ตูนีเซีย) พ่อของท่านเรียนศาสนาจากชัยคฺ อะบู
บักร์ อัล-กอบรีย์ ในเมืองคอร์โดบา และเป็ นลูกศิษย์ที่โดดเด่น จนชัยคฺ
ของท่านได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา นางจึงได้กลายมาเป็ นแม่ขอ
งอะบีย์ วะลีด

แม่ของท่านก็เป็ นผู้รู้ นางได้เรียนศาสนากับพ่อของนาง และพี่น้อง


ของท่านที่ช่ อ
ื อะบู ชากิร อับดุลวาหิด บิน มุหัมมัด ซึ่งเป็ นมุหัด
ดิษ(ปราชญ์หะดีษ)ของสเปน

พี่น้องคนหนึ่งของท่าน เป็ นอิม่ามมัสญิดในเมืองซาราโกซ่า ส่วนพี่


น้องคนอื่นๆ เป็ นทหารของราชวงศ์อุมัยยะฮฺในสเปน
อะบีย์ วะลีด อัล-บาญีย์ ถูกเลีย
้ งในบรรยากาศของความรู้และ
เคร่งครัด ท่านเริ่มเรียนศาสนาตัง้ แต่วัยเยาว์ จนกระทั่งได้กลายเป็ น
ปราชญ์ผู้รอบรู้ในหลายศาสตร์แขนงของวิชาการ เช่น หะดีษ, ญัรห์ วัต-
ตะอฺดีล และฟิ กฮ์

ท่านเรียนศาสนากับปราชญ์หลายท่านในสเปน และจากดินแด
นอื่นๆที่ท่านได้เคยเดินทางไปแสวงหาความรู้ อะบีย์ วะลีด ใช้เวลา 13 ปี
ในการเดินทางไปแสวงหาความรู้ ท่านเคยเดินทางไปยังเมืองมักกะฮฺ, มะ
ดีนะฮฺ, บัฆดาด(แบกแดด) และอียิปต์ อาจารย์ที่มีช่ อ
ื เสียงของท่านได้แก่
ชัยคฺ ยูนุส บิน มุฆีษ, มักกีย์ บิน อะบี ฏอลิบ, อะบู ษัร อัล-ฮัรวีย์, อัล-หะ
สัน บิน มุหัมมัด ญุมัย, อะบู อัฏ-ฏอยยิบ อัฏ-เฏาะบะรีย์, อะบู ญะอฺฟัร
อัซ-ซัมนานีย์ และท่านอื่นๆ

ลูกศิษย์ของท่าน อาทิเช่น อัล-เคาะฏีบ อัล-บัฆดาดีย์, อะบู บักร์


อัต-ตัรตูชีย์, อะบู อุมัร บิน อับดุลบัร, อะบู อะลีย์ อัศ-ศอดฟี ย์, อะบู อับ
ดิลละฮฺ อัล-หุมัยดีย์ และท่านอื่นๆ

ท่านประพันธ์ตำรามากมายในหลายศาสตร์ของศาสนา ในศาสตร์
อะกีดะฮฺ เช่น อัต-ตัสดีด อิลา มะอฺริฟะฮฺ เฏาะริกุต-เตาฮีด ในศาสตร์ฟิก
ฮ์ เช่น อัล-มุกตะบิส มิน อิลม์ อิม่าม มาลิก บิน อะนัส ในศาสตร์อุศูลุล-
ฟิ กฮ์ เช่น อิหฺกามุล-ฟุศูล ฟี อะหฺกามุล-อุศูล ในศาสตร์หะดีษ เช่น อัล-
มุนตะกอ ฟี ชัรหุล-มุวัฏเฏาะฮฺ และอื่นๆ
ท่านเสียชีวิตในปี ฮ.ศ.474 ในเมืองอัลมาริอา สิริรวมอายุได้ 71 ปี
คำนะศีหะฮฺที่ 1

การศรัทธาในเสาหลักของอีหม่าน

ประเภทแรกของอีหม่าน เริ่มต้นด้วยกับการศรัทธาในอัลลอฮฺ อัซซะ


วะญัล, มะลาอิกะฮฺของพระองค์, คัมภีร์ของพระองค์, นบีของพระองค์
และศรัทธาในบทบัญญัติของพระองค์ ทัง้ หมดนีจ
้ ะไม่มีประโยชน์อันใด ถ้า
ปราศจากการลงมือปฏิบัติ และการยึดมั่นในคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน นัน
้ คือจุด
สูงสุดของมัน

ท่องจำอัล-กุรอ่านและปฏิบัติตาม

รักษาอัล-กุรอ่านด้วยกับการจดจำมัน และอ่าน อัล-กุรอ่าน และ


ใคร่ครวญถึงความหมายและสัญญาณ ลงมือปฏิบัติในคำสั่งใช้ และออก
ห่างจากสิง่ ที่ถูกสั่งห้าม และเตือนให้ออกห่าง

ยึดมั่นใน อัล-กุรอ่านและซุนนะฮฺ

มีการรายงานจากท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ว่า:

"ฉันได้ทงิ ้ ไว้แด่พวกท่านซึ่งสิ่งหนึ่ง หากท่านยึดมั่นในมัน ท่านก็จะไม่หลง


ผิด หลังจากที่ฉันได้จากไปแล้ว นั่นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัล-กุรอ่าน)
และซุนนะฮฺของฉัน ฉะนัน
้ จงยึดมั่นมันไว้ด้วยกับฟั นกราม"
เชื่อฟั งท่านนบี และรักท่านนบี

ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นัน


้ มีความเมตตาและเห็นอก
เห็นใจต่อบรรดาผู้ศรัทธา และท่านเคยสอนพวกเขา ดังนัน
้ จงน้อมรับใน
คำสอนของท่านนบี และปฏิบัติตาม ยืนยันความรักในตัวท่านนบีด้วยกับ
หัวใจของลูก เก็บเกี่ยวความรู้ที่ท่านนบีได้นำมาสอน ปฏิบัติตามซุนนะฮฺ
ด้วยกับการน้อมรับและเชื่อฟั งในหุก่มของท่านนบี และรักษาความรู้ด้วย
กับการศึกษาซุนนะฮฺและมารยาทตามแบบฉบับของท่านนบี แท้จริง การ
มีความรักต่อท่านนบี จะนำไปสูค
่ วามดี และปกป้ องคนๆหนึ่งให้รอดพ้น
จากฟิ ตนะฮฺและความชั่ว

รักบรรดาเศาะหาบะฮฺ

หล่อเลีย
้ งหัวใจของลูก ด้วยกับการรักเศาะหาบะฮฺทุกคน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง บรรดาอิม่ามจากหมู่เศาะหาบะฮฺ คือ อะบู บักร์, อุมัร, อุษมาน
และอะลีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม พยายามหาข้อแก้ตัวให้กับเหตุการณ์
ความขัดแย้งที่เกิดขึน
้ ระหว่างพวกเขา และเชื่อในสิ่งที่ถูกรายงานจากพวก
เขา แท้จริง มีการรายงานจากท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:

"จงอย่าพูดจาว่าร้ายแก่บรรดาเศาะหาบะฮฺของฉัน ขอสาบานต่อพระผู้
ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ หากผูห
้ นึ่งผู้ใดในหมู่พวกท่าน
บริจาคทองคำเท่ากับภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เทียบเท่ากับที่พวกเขาบริจาคหนึ่ง
กำมือ หรือครึ่งกำมือ"
ถ้าผู้ใดในหมู่เศาะหาบะฮฺ บริจาคทองคำครึ่งกำมือ หรือหนึ่งกำมือ
มันก็จะเทียบเท่ากับทองคำขนาดเท่ากับภูเขาอุฮุด จะมีผู้ใดสามารถวัด
ความสูงส่งของเศาะหาบะฮฺ หรือพยายามจะตีตนเสมอบรรดาเศาะหาบ
ะฮฺในความดีได้? พวกเขาทัง้ หมดเสียสละในหนทางของอิสลาม

กลับไปหาบรรดาอุละมาอฺ และปฏิบัติตามแบบอย่างของพวกเขา

ถัดจากเศาะหาบะฮฺ คนๆหนึง่ ควรจะกลับไปหาบรรดาตาบิอีน จาก


นัน
้ คือบรรดาอิม่ามของอิสลาม และอุละมาอฺที่ปฏิบัติตามแนวทางสะลัฟ
ขออัลลอฮฺทรงเมตตาพวกท่าน ให้เกียรติต่อความประเสริฐของพวกเขา
เอาอย่างพวกเขา ยอมรับทางนำจากพวกเขา ปฏิบัติตามก้าวย่างของพวก
เขา จดจำในสิ่งที่พวกเขาสอน และเชื่อตามพวกเขา

รักษาการละหมาด

รักษาการละหมาด เพราะว่ามันคือเสาหลักของอิสลามและชะรีอะฮฺ
และเป็ นสิ่งที่สำคัญที่สุดจากบรรดาสิ่งที่เป็ นวาญิบต่างๆ โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่ง การทำความสะอาดตัวเองเพื่อไปทำละหมาด การเอาใจใส่ในเวลาของ
การละหมาด การอ่านอัล-กุรอ่านอย่างสมบูรณ์ การสุญูดและรุกูอฺอย่าง
สมบูรณ์ การรักษาความคุชูอฺ(นอบน้อม)ตลอดการละหมาด การผินหน้า
ไปยังทิศกิบละฮฺ และหุก่มต่างๆ และท่าทางต่างๆของการละหมาด และ
รักษาการไปร่วมละหมาดเป็ นญะมาอะฮฺที่มัสญิด เพราะแท้จริง สัญญาณ
ของผูศ
้ รัทธาที่มีอีหม่านที่สมบูรณ์ และแนวทางของบรรดาคนดี นัน
้ คือ
การไปละหมาดเป็ นญะมาอะฮฺที่มัสญิด
จ่ายซะกาต

จากนัน
้ ลูกจะต้องให้ความสนใจในการจ่ายซะกาตจากทรัพย์สิน
ของลูก และจงอย่าล่าช้าในการจ่ายซะกาต จงอย่าเสียดายถ้าต้องจ่ายซะ
กาตเป็ นจำนวนมาก และจงอย่าดูแคลน แม้ว่าเงินซะกาตนัน
้ จะมีจำนวน
น้อย จงจ่ายด้วยกับทรัพย์สินที่ดีที่สุดของท่าน และใจกว้างในการคำนวณ
ซะกาต เพราะว่าอัลลอฮฺนน
ั ้ คือพระผู้ทรงใจบุญอย่างสูงที่สุด และพระองค์
ทรงประทานให้ด้วยกับความใจดีของพระองค์ พึงทราบด้วยกับความ
มั่นใจว่า ซะกาตนัน
้ มีบะเราะกะฮฺ และเป็ นการชำระทรัพย์สินของลูกให้
สะอาด จงมอบซะกาตให้กับผู้ที่เหมาะสม ไม่ใช่จ่ายให้แค่กับผู้ที่ลูกรัก จง
อย่าให้ตามอำเภอใจ จงแบ่งตามที่ได้ถูกสั่งใช้มา

ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน

จากนัน
้ ลูกจะต้องถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน เพราะว่ามันเป็ นอิ
บาดะฮฺส่วนบุคคล และเป็ นการเชื่อฟั งพระเจ้าของลูก ในระหว่างเดือน
เราะมะฎอน ลูกจะต้องระมัดระวังคำพูด และเพิ่มการปฏิบัติอิบาดะฮฺ
รักษาตนให้พ้นจากข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ และพยายามเก็บเกี่ยวผลบุญ
ทัง้ ในยามกลางวันและกลางคืน และละหมาดในยามค่ำคืน และซุนนะฮฺใน
การอิอฺติกาฟ

หัจญ์และอุมเราะฮฺ
จากนัน
้ คือการไปทำหัจญ์ ณ บ้านของอัลลอฮฺ ของผู้ที่มีความ
สามารถ การทำหัจญ์ของผู้ที่มีความสามารถนัน
้ เป็ นวาญิบ และมีการ
รายงานจากท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า:

"การตอบแทนของหัจญ์ที่ถูกตอบรับ(มับรูร) ไม่ใช่สิ่งใด นอกเสียจากจะ


เป็ นสวรรค์"

ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ

จากนัน
้ คือการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ถ้าลูกมีความสามารถ
หรือไม่ก็ จงช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่ญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ถ้าลูก
ไม่สามารถไปญิฮาดด้วยตัวเองได้

สิ่งเหล่านี ้ คือเสาหลักของอิสลาม และเสาหลักของการศรัทธา จง


รักษาในสิ่งเหล่านี ้ และเร่งรีบไปสู่การปฏิบัติมัน จงอย่าดูแคนในสิทธิขอ
งอัลลอฮฺ

จงแสวงหาความรู้

พึงทราบเถิด ลูกทัง้ สองจะสามารถปฏิบัติตามในสิ่งที่เป็ นฟั รฎู และ


เงื่อนไขต่างๆของมัน ได้ก็ต่อเมื่อ อัลลอฮฺได้ทรงประทานความจำเริญให้
กับลูกด้วยกับความรู้ และความรู้นน
ั ้ เป็ นรากฐานของทุกๆความดี ดังนัน

จงแสวงหาความรู้ เพราะมันเป็ นขุมทรัพย์ของบรรดาผู้ที่แสวงหามัน
สร้างความเข้มแข็งให้กบ
ั ผู้ที่แบกรับความรู้ และเป็ นสาเหตุอันยิ่งใหญ่ที่จะ
ทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จในอาคิเราะฮฺ ความรู้จะปกป้ องลูกจาก
ความสงสัย(ชุบฮาต) และทำให้อิบาดะฮฺต่างๆของลูกนัน
้ ถูกต้อง มีผู้คน
จำนวนมากแค่ไหน ที่ห่างไกลจากพระเจ้าของพวกเขา โดยคิดไปเองว่า
สิ่งที่ตนทำนัน
้ (หมายถึง บิดอะฮฺ)จะทำให้พวกเขาเข้าใกล้ชิดกับพระองค์
เพราะแท้จริง พวกเขาได้ทำบาปใหญ่ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ได้ตรัสว่า

"จงกล่าวเถิดมุหัมมัด “เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่ง


ในการงาน? คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิน
้ ไป ในการมี
ชีวิตในโลกนี ้ และพวกเขาคิดว่าแท้จริงพวกเขาปฏิบัติความดีแล้ว”

[อัล-กะฮฺฟ์: 103-104]

และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า

"จงกล่าวเถิดมุหัมมัด บรรดาผู้ร้แ
ู ละบรรดาผู้ไม่ร้จ
ู ะเท่าเทียมกันหรือ?
แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านัน
้ ที่จะใคร่ครวญ"

[อัซ-ซุมัร: 9]

และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า

"แท้จริง บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านัน
้ ที่เกรงกลัว
อัลลอฮฺ"

[อัล-ฟาฏิร: 28]
และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า

"อัลลอฮฺจะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และ
บรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชัน
้ "

[อัล-มุญาดะละฮฺ: 11]

ความประเสริฐของความรู้

ความรู้คือหนทางที่จะนำพาสหายของมันไปสู่ความสุข และความรู้
นัน
้ ไม่สามารถจะถอดถอนเกียรติและสถานะของลูกได้ แม้กระทั่งความรู้ที่
น้อยนิด ก็ยังมีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีความรู้มาก ก็จะยิ่งยก
ระดับของคนๆหนึง่ ให้สูงขึน ั ้ เป็ นทรัพย์ที่บริสุทธิ ์ และจะยิ่ง
้ ความรู้นน
เพิ่มพูนขึน
้ ถ้าลูกนำไปเผยแพร่ ความรู้นน
ั ้ ไม่สามารถถูกผู้ใดขโมยไปได้
และลูกไม่ต้องกลัวว่าจะมีโจรหรือนักรบคนใดจะมายึดมันไป

สถานะของบรรดาอุละมาอฺ

จงพิจารณาดูถึงสถานะของผูค
้ น ลูกมองเห็นผู้ใดกันที่จะมีสถานะ
สูงส่งไปกว่าบรรดาอุละมาอฺ? บรรดาอุละมาอฺนน
ั ้ คือสิง่ จำเป็ นสำหรับผู้
ปกครองและประชาชน ทางนำจากพวกเขานัน
้ เป็ นที่ต้องการ ความเห็น
ของพวกเขานัน
้ เป็ นที่อ้างอิง ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่องมุอามะลาต, หุก่ม
ศาสนา, สัญญาที่ใช้ได้ และรูปแบบการค้าขาย จงเจ้าหาพวกเขาในเรื่อง
ของศาสนา เช่น เงื่อนไขของการละหมาด, วิธีการจ่ายซะกาต การถือศีล
อด และในเรื่องของหะลาลและหะรอม และอื่นๆ บรรดาอุละมาอฺนน
ั้
สร้างความสงบสุขให้กับประชาชน และมีสถานะที่สูงจากทุกระดับชนชัน

ของสังคม

ความรู้นน
ั ้ คือพันธมิตร ที่จะไม่ทรยศต่อสหายของมัน และผู้ใดที่
สวมใส่ชุดของความรู้ และไม่สามารถถอดชุดคลุมความรู้ที่สวยงามออกได้
ทุกคนที่เป็ นสหายกับความรู้ ไม่ว่าเขานัน
้ จะมีอำนาจแค่ไหน หรือยิ่งใหญ่
แค่ไหน ถ้าหากเขาทิง้ จากการแสวงหาความรู้ เขาก็จะสูญเสียซึ่งสถานะ
และความปลอดภัย แต่สิ่งนีจ
้ ะไม่เกิดขึน
้ กับผู้รู้ เพราะว่าสถานะของพวก
เขาอยู่ที่สหาย(ความรู้)ของเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด สหาย(ความรู้)ก็จะตาม
เขาไปด้วย ในทุกๆที่ทุกๆดินแดน และมันจะยังคงอยู่แม้กระทั่งร่างกาย
ของเขาได้จากไป(ด้วยกับการสอนในความรู้)

ความรู้ที่ดีที่สุดคือความรู้ในเรื่องของบทบัญญัติศาสนา

ความรู้ที่ดีที่สุดคือความรู้ในเรื่องของบทบัญญัติศาสนา และส่วน
หนึ่งจากที่ดีที่สุด คือผู้ที่ได้รับบะเราะกะฮฺให้สามารถอ่านอัล-กุรอ่านได้
อย่างสวยงาม และจดจำหะดีษของท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะซัลลัม มีความรู้ว่าหะดีษไหนเศาะฮีห์ อันไหนเฎาะอีฟ จากนัน
้ ลูกควร
เรียนวิชา อุศล
ู ุล-ฟิ กฮ์ เพื่อที่ลูกจะได้ทำความเข้าใจในอัล-กุรอ่านและซุน
นะฮฺ จากนัน
้ ลูกควรเรียนรู้จักทัศนะของนักฟิ กฮ์ และประเด็นต่างๆใน
เรื่องฟิ กฮ์ที่มีการรายงานมาจากอุละมาอฺ จากนัน
้ ลูกควรฝึ กฝนในการใช้
เหตุผล(มิใช่ตรรกะแบบอะชาอิเราะฮฺ) ให้สอดคล้องกับหลักฐานและหะ
ดีษที่เศาะฮีห์ นี่คือเป้ าหมายและระดับอันสูงส่ง

ทำความเข้าใจในศาสนา
ผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถเรียนรู้ในศาสตร์ฟิกฮ์ได้ หลังจากที่ได้ท่องจำ
อัล-กุรอ่านและหะดีษ ลูกควรจะอ่านประเด็นฟิ กฮ์ต่างๆของอิม่าม มาลิก
(เราะหิมะฮุลลอฮฺ) เพราะว่าถ้าคนๆหนึง่ มีความสามารถในการอ่าน
หนังสือได้เพียงเล่มเดียว เมื่อนัน
้ หนังสือที่ดีที่สุดในศาสตร์ฟิกฮ์ เราแนะ
นำมัสฮับของอิม่าม มาลิก เพราะว่าอิม่าม มาลิก เป็ นทัง้ นักหะดีษและนัก
ฟิ กฮ์ ไม่มีอุละมาอฺคนใดจะครอบคลุมประเด็นฟิ กฮ์ ได้มากกว่าที่มัสฮับ
มาลิกีย์ ได้ครอบคลุม และอิม่าม มาลิก นัน
้ ตอบคำถามหลายๆคำถาม
ด้วยกับทัง้ ศาสตร์ฟิกฮ์และหะดีษ มีเพียงอุละมาอฺไม่กี่ท่านที่จะพอเทียบ
เคียงท่านได้ในประเด็นปลีกย่อยและอธิบาย อาทิเช่น อะบู หะนีฟะฮฺ
และอัช-ชาฟิ อีย์ แต่ไม่มีผู้ใด(จากบรรดาอิม่ามของมัสฮับ)จะเป็ นอิม่ามใน
ด้านหะดีษ (อิม่าม อัล-บาญีย์ อาศัยอยู่ในสเปน อาจจะไม่ค่อยรู้จักบร
รดาอิม่ามในตะวันออกกลาง)

ห้ามอ่านตำราตรรกศาสตร์และปรัชญา

จงระวังการอ่านสิ่งหนึ่งสิง่ ใดจากตำราตรรกศาสตร์(มันฏิก)และ
ปรัชญา เพราะว่าในนัน
้ มีทงั ้ กุฟร์ และขัดแย้งกับบทบัญญัติของศาสนา
และสร้างความแตกแยก

อ่านตำราตรรกศาสตร์ได้ ก็ต่อเมื่อมีความรู้ในศาสนา

พ่อขอเตือนลูกจากการอ่านตำราตรรกศาสตร์ จนกว่าลูกจะมีความรู้
ในคำกล่าวของบรรดาอุละมาอฺ ที่เกี่ยวกับความเข้าใจที่ผิด ข้อสงสัย และ
สิ่งที่ไม่ถูกต้องที่อยู่ในหนังสือเหล่านี ้ นอกจากนี ้ พ่อยังกลัวว่า ถ้าลูกไม่มี
ความรู้ที่เพียงพอที่จะปกป้ องตัวเองและตอบโต้ชุบฮาตเหล่านี ้ บางทีพวก
มันอาจจะฝั่ งแน่นอยู่ในหัวใจของลูก ด้วยเหตุนี ้ บรรดาอุละมาอฺทงั ้ ในยุค
อดีตและยุคหลังจึงได้ห้ามจากการอ่านหนังสือเหล่านี ้ สำหรับผู้ที่ยังไม่
ความรู้และความเข้าใจไม่ถึงขัน
้ นี่ก็เป็ นเหตุผลเดียวกันที่พ่อสั่งห้ามลูก
แต่ถ้าพ่อรู้ว่าลูกมีความรู้ความเข้าใจในศาสนาถึงขัน
้ แล้ว พ่อจะ
สนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือของพวกเขา เพื่อที่ลูกจะได้ร้ว
ู ่าพวกที่เชื่อถือ
ในตำราเหล่านีน
้ น
ั ้ เฎาะอีฟและด้อยสติปัญญาเพียงใด และพวกเขานัน
้ ถูก
หลอกอย่างไร การอ่านหนังสือเหล่านี ้ ลูกจะพบถึงกลเม็ดอันน่าเกลียด
ของพวกเขา และถ้อยคำที่เฎาะอีฟ และเรื่องเล่าต่างๆทีพ
่ วกเขาใช้เพื่อ
หลอกบรรดาผู้ที่ไม่มีความรู้
ด้วยเหตุนี ้ ถ้าลูกพบเจอคนหนึ่งคนใดจากนักตรรกะและปรัชญา
อิสลาม ลูกจะพบว่าพวกเขาไม่มค
ี วามรู้ศาสนาในระดับที่ดี แต่กลับชอบ
อ้างว่าตนเองนัน
้ มีความรู้ แท้ที่จริงแล้ว มันคือการเพิ่มพูนความสมบูรณ์
ให้กับความโง่เขลาของพวกเขา

การสั่งใช้ในความดีและห้ามปรามความชั่ว

เป็ นวาญิบสำหรับลูก ที่จะต้องสั่งใช้ในความดี และจงอยู่ร่วมกับ


บุคคลที่คนทั่วไปรู้จักว่าเขานัน
้ เป็ นคนดี และเป็ นวาญิบที่จะต้องห้าม
ปรามความชั่ว และจงออกห่างจากบุคคลที่คนทั่วไปรู้จักว่าคนนัน
้ เป็ นคน
ไม่ดี

เชื่อฟั งผู้นำในสิ่งที่ศาสนาอนุญาต
จงเชื่อฟั งผู้นำ ผู้ที่อัลลอฮฺทรงให้พวกเขานัน
้ ดูแลกิจการต่างๆของคุณ
ตราบใดที่พวกเขานัน
้ ไม่ได้สั่งให้ลูกไปทำบาป ในกรณีนี ้ ลูกจะต้องปฏิเสธ
และในขณะเดียวกัน ก็เชื่อฟั งเขาในสิ่งอื่นที่เป็ นการเชื่อฟั งต่อพระเจ้า

จงซื่อสัตย์ และไม่พูดโกหก

เป็ นวาญิบสำหรับลูกที่จะต้องเป็ นคนซื่อสัตย์ เพราะแท้จริง ความซื่อสัตย์


นัน
้ สวยงาม และพึงระวังการโกหก เพราะมันคือความน่าละอาย ผู้ใด
ก็ตามที่ผู้คนรู้ว่าเขานัน
้ เป็ นคนที่ซ่ อ
ื สัตย์ ก็จะถูกผู้คนสรรเสริญในยามที่
เขาพูด และผู้ใดก็ตามที่ผู้คนรู้ว่าเขานัน
้ เป็ นคนโกหก เขาก็จะถูกเมินและ
ตำหนิ แม้ว่าเขานัน
้ กำลังเงียบอยู่ก็ตาม การลงโทษที่เบาที่สุดสำหรับคน
โกหก คือการที่ผู้คนจะไม่เชื่อเขา แม้ว่าเขานัน
้ จะพูดความจริงก็ตาม
อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ไม่เคยพูดถึงคนโกหกคนใด นอกเสียจากพระองค์จะ
ทรงประณาม และอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ไม่เคยพูดถึงคนซื่อสัตย์คนใด
นอกเสียจากพระองค์จะทรงสรรเสริญเขา

รักษาอะมานะฮฺ

เป็ นวาญิบสำหรับลูกที่จะต้องรักษาอะมานะฮฺ และระวังการผิดอะมานะฮฺ


หรือทรยศหลังหัก รักษาอะมานะฮฺเท่าที่ลูกได้รับอะมานะฮฺนน
ั ้ มา และจง
อย่าทรยศหักหลัง แม้กระทั่งกับบรรดาผู้ที่ทรยศหักหลังลูก และจงรักษา
สัญญา เพราะลูกจะต้องรับผิดชอบต่อทุกๆคำสัญญานัน

จงยุติธรรมในการชั่ง

You might also like