You are on page 1of 16

่ บสี่

บททีสิ
่ ยวเนื
วัฒนธรรมทีเกี ่ ่องกับปั ญญา

วัฒ นธรรมทีเกี ่ ยวเนื


่ ่ องกับปั ญ ญาคือวัฒ นธรรมทีชี ่ ไปสู
้ ่เรืองเป้
่ าหมายของ
ชีวิต อัน เป็ นเนื ้อหาของวัฒ นธรรมชาวพุ ท ธนั่ นเอง ชาวพุ ท ธ(โบราณ)จะ
เติบโตขึนมาด ้ ้วยความรู ้ว่า ชีวต ิ นั้นมีเป้ าหมายอันสูงสุด คือการไปให ้ถึงพระ
นิ พพาน ฉะนั้น การไดเ้ กิดมาเป็ นมนุ ษย ์ในชาตินีจ้ าเป็ นทีจะต ่ อ้ งสร ้างบารมี
ของตนใหแ้ ก่กล า้ เพื่อว่ าชาติหนึ่ งในอานาคตจะไดถ้ ึงฝั่ งแห่ งพระนิ พ พาน
ถึงแมว้ ่าความคิดนี ได ้ จ้ ด ื จางไปมากแลว้ ในสังคมไทยเรา เพราะความหย่อน
ยานของสถาบันสงฆ ์และเจ ้าหน้าทีทางศาสนา ่ พระสงฆ ์ในสมัยนี มั ้ กจะยุ่งอยู่
กับพิธก ี รรมและการสร ้างวัตถุ จึงไม่มีเวลาใหก้ บ ั การปฏิบต ั ิอย่างแทจ้ ริงจึง
ถดถอยในดา้ นคุณ ภาพ เมื่อถึงเวลาสอนชาวบ า้ นก็ จ ะสอนตามต าราเสีย
มากกว่ า ที่จะออกมาจากจิต ใจตนเอง เมื่อพระสงฆ เ์ องไม่ ได เ้ ข า้ ถึง ธรรม
อย่างแทจ้ ริง จึงไดท ่ ายใหก้ ลายเป็ นเรืองยาก
้ าเรืองง่ ่ พระนิ พ พานซึงอยู่ ่ แค่
ตรงหน้าของคนทุกคนกลับถูกบิดเบือนจนกลายเป็ นเรืองที ่ ไม่ ่ เกียวข
่ อ้ งกับ
คนหมู่ ม ากอีกต่อไป ในความเห็ น ของดิฉั น นั้ น การแบ่ งพุ ทธรรมออกเป็ น
โลกียธรรมและโลกุตรธรรมนั้นมีความเสียหายเป็ นอย่างมาก เพราะเมือแบ่ ่ ง
แลว้ และเมื่อตัวผูส้ อนเองคือพระยังไม่ไดร้ ู ้แจง้ เห็ นจริงจึงสอนเพียงใหผ ้ ูค
้ น
พอใจอยู่แค่การปฏิบต ั ิในระดับโลกียธรรมเท่านั้ น ซึงไม่ ่ ถูกตอ้ ง การตรัสรู ้
ของพระพุ ทธเจ า้ นั้ นก็ เพื่อช่วยสัต ว ์โลกใหพ ้ น ้ ทุ ก ข ์เหมือนกัน หมด การที่
พระพุทธเจา้ แบ่งดอกบัวออกเป็ นสีเหล่ ่ าและตรัสว่าดอกบัวสามเหล่าแรกนั้น

คือคนทีสามารถเห็ นธรรมได ้ จะช ้าหรือเร็วเท่านั้น นี่ ย่อมหมายความว่า คน
ส่วนมากสามารถเห็นธรรมและบรรลุธรรมได ้ การเห็นธรรมและการพ้นทุกข ์

เป็ นเรืองเดี ่
ยวกันและเป็ นเรืองโลกกุ ตระเท่ านั้ น คาว่าเหนื อโลก ก็ทาใหค้ น
เขา้ ใจผิดไดม้ ากมายว่ามัน ไม่มีอะไรเกียวข ่ อ้ งกับ โลกที่เขาอยู่ ที่จริงคาว่า
เหนื อโลก นั้นไม่ไดห้ มายถึงการจากโลกนี ไปไหนเลย ้ พระนิ พพานเป็ นเรือง ่

ทีใกล ช
้ ด ิ สนิ ทคลุกเคลา้ กับโลกทีเราอยู่ ่อย่างมากทีสุ ่ ด มากจนคนส่วนมาก
มองขา้ มไปอย่างถนัด เพราะเป็ นเรืองเส ่ น
้ ผมบังภูเขา อย่างไรก็ตาม ความ
อยู่ ร อดของภู มิ ปั ญ ญาในเรืองพระนิ ่ พ พานในสัง คมไทยเราทุ ก วัน นี ้เป็ น

111
ผลงานโดยตรงของพระกลุ่มน้อยทีรู่ ้แจง้ เห็ นจริงจนสามารถสอนใหค้ นกลุ่ม
หนึ่ งรู ้ตามท่านได ้ ถึงแมพ ้ ระผูร้ ู ้แจ ้งจะมีเพียงหยิบมือเดียว แต่ผลงานของพระ
สุ ป ฏิ ปั ณ โณ เหล่ า นี ้ ก็ มี ม ากมายพอที่ จะกอบกู แ้ ละยั้งความหายนะของ
สถาบัน ศาสนาพุ ท ธไว ไ้ ด ้ แต่ จ ะนานได แ้ ค่ ไหนนั้ นเป็ นเรืองที ่ ่น่ าห่ ว งมาก
เพราะฝ่ ายทีมุ ่ ่งทาลายล ้างศาสนาก็สามารถทาได ้ดีมากจนน่ าใจหาย

ชาวพุทธยังมีโอกาสมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมที่บอกทางให้คนรูเ้ ป้ าหมายชีวติ นัน้ คนตะวันออกในวัฒนธรรม
ของชาวพุทธนัน้ จะได้เปรียบกว่าสังคมตะวันตกมากนัก เพราะอย่างน้อยคนเอเซียในสังคมชาวพุทธ
โดยเฉพาะฝ่ ายเถรวาทยังได้ยนิ ได้ฟังคาว่าธรรมะ พระนิพพาน การดับทุกข์ พระอริยเจ้า และพระ
อรหันต์ และทราบว่าคาเหล่านี้เนื่องกับสิง่ ที่ประเสิรฐ์ของชีวติ ถึงแม้ตนเองจะไม่ใช่ชาววัดและไม่
สนใจธรรมะก็ตามแต่ แต่ก็ยกไว้เป็ นของสูง ไม่กล้าคิดระราน หรือ คิ ดนามาคลุกเคล้ากับของต่ า
ทราม นี่เป็ นองค์คุณ อันประเสริฐ์และเป็ นผลของวัฒนธรรมชาวพุทธอย่างแท้จริง แน่ นอน คนเลว
มากถึงขนาดตัดพระเศียรพระพุทธรูปไปขายก็ตอ้ งมีอนั เป็ นข้อยกเว้น แต่คนเช่นนัน้ ก็ตอ้ งนับว่าน้อย
มาก
ในขณะที่สงั คมตะวันออกรู้คุณค่าของคาอันประเสิรฐ์เหล่ านัน้ คนตะวันตกกลับเอาคาว่า พระ
นิพพาน หรือ Nirvana มาตัง้ เป็ นวงดนตรีป๊อป คาว่า ธรรมะ มากลายเป็ นชื่อของตัวแสดงละคร เอา
ค าว่ าพระพุ ท ธเจ้า Buddha มาตัง้ ชื่อ บาร์ด ังที่มีอ ยู่แ ล้ว ในกรุงปารีส เอาพระพุ ท ธรูป มาท าเป็ น
เครื่องประดับบ้าน สิง่ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความตีบ ตันและมืดมนของภูมปิ ั ญญาแห่งความหลุดพ้น
ไม่มใี ครที่สามารถขึ้นมาพูดต่อต้านว่านี่เป็ นสิง่ ที่ผดิ และไม่ควรทา โดยเฉพาะคาว่า Buddha’s bar
นัน้ ดิฉันมีความไม่พอใจมากทีส่ ุด และเห็นแต่ความถ่อยในจิตใจของคนทีบ่ งั อาจเอาบุคคลอันเป็ นที่
เคารพบูชาไว้อย่างสูงสุดของชาวพุทธมาเป็ นชื่อของสถานทีอ่ นั ต่าทรามคลุกเคล้าไปด้วยกิเลส ดิฉัน
เห็นว่าชาวพุทธควรจะประท้วงเพื่อให้เจ้าของบาร์ทโ่ี ง่เขลาเบาปั ญญารูว้ ่าการเอาพระพุทธเจ้ามาตัง้
ชื่อบาร์นนั ้ เป็ นสิง่ ทีไ่ ม่สมควรอย่างยิง่ และควรให้เกียรติแก่ชาวพุทธบ้าง

นี่เป็ นสิง่ ทีช่ าวพุทธไม่สามารถทาต่อศาสนิกอื่นได้ ถึงแม้คนไทยจะไม่เชื่อถือพระเจ้าและไม่นับถือใน


พระเยซูหรือพระอะเลาะห์ ดิฉันก็ไม่เคยเห็นคนไทย(ซึ่งดิฉันเชื่อแน่ ว่าต้องรวมถึงชาวพุทธชาติอ่นื
ด้วย) ระราน ดูหมิน่ เหยียดหยามองค์พระศาสดาและพระเจ้าของศาสนิกอื่นโดยเฉพาะศาสนาคริสต์
ชาวพุทธไม่เคยเอารูปพระคริสต์หรือรูปไม้กางเขนมาทามิดมี ริ ้าย ในทางตรงกันข้าม ดิฉันเห็นว่า
ชาวพุทธเราระวังและให้เกียรติพระคริสต์ว่าเป็ นพระศาสดา การกระทาเช่นนี้ก็ยงั ต้องนับว่าเป็ นอิธิ
พลโดยตรงของวัฒนธรรมชาวพุทธอีกเช่นกัน เพราะเราทาตามคาสอนของพระพุทธองค์ทว่ี ่า ควรให้

112
การเคารพแก่บุคคลทีค่ วรเคารพ ถึงแม้เราจะไม่ได้เคารพในองค์พระคริสต์อย่างชาวคริสต์เสียทีเดียว
แต่เราก็ยกท่านไว้สูงโดยการไม่กล้าคิด พูด หรือกระทาการใด ๆ ที่อาจหมิน่ ท่านได้ เพราะความ
กลัวบาป เมื่อเทียบกับสิง่ ที่ชาวตะวันตกทาต่อพระพุทธเจ้าและศาสนาของเราแล้ว มันห่างไกลกัน
ลิบลับ ดิฉันจึงย้าเสมอในบทนี้ว่า ชาวพุทธเรายังมีโอกาสที่จะเข้าใจธรรมได้เร็วกว่าชาวตะวันตก
มากนัก เพราะสิง่ กีดขวางของเขามีมากเหลือเกิน

สังคมตะวันตกกาลังหลงทางอย่างสุดเหวียง ่
สังคมตะวันตกในขณะนี้ไม่ผดิ อะไรกับอันเดียในยุคก่อนการตรัสรูข้ องพระพุทธเจ้า ต่างกันหน่อยตรง
ที่ ว่ า คนยุ ค นี้ ห ลงทางลึก กว่ า คือ เป็ นช่ ว งเวลาของการแสวงหาทางพ้ น ทุ ก ข์อ ย่ า งมืด มนและ
สะเปะสะปะ ไม่รแู้ น่ ชดั ว่าอะไรคือทางหลุดพ้นอย่างแท้จริง ความเสื่อมโทรมของสถาบันคริสตจักร
ทาให้คนหมู่มากไม่มที ่พี ่งึ ทางใจอีกต่อไป ความคิดเรื่องพระเจ้าเริม่ ถูกท้าทายตัง้ แต่ยุคการปฏิว ั ติ
อุตสาหกรรมเป็ นต้นมา และถูกรุกรานอย่างมากทีส่ ุดดังทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัตศิ าสตร์เมื่อ
โลกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อ ันเป็ นเครื่องมือ สาคัญ ที่ทาให้การค้นพบทางวิทยาศาสตร์และการ
พัฒนาเทคโนโลยี่ต่าง ๆ กระโดดไปไกลด้วยความเร็วที่น่าใจหาย ประจวบกับความไม่ชดั เจนของ
พระคัมภีร์ไบเบิลที่ไม่สามารถบอกวิถีทางแห่งการเข้าถึงพระเจ้า (ธรรม หรือพระนิพพาน) อย่าง
เด่นชัดดังทีด่ ฉิ ันได้วเิ คราะห์ไว้แล้วในบททีห่ กและเจ็ดของหนังสือเล่มนี้ ความศรัทธาในพระเจ้าของ
ชาวคริสต์ช่ึงตัง้ อยู่บนฐานที่ค ลอนแคลนมากอยู่แล้ว จึงไม่ส ามารถรับแรงกดดัน pressure ของ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้ การค้นพบไดโนเสาร์และพิสูจน์ได้ว่าสัตว์มหึมาเหล่านี้เคยอยู่บน
โลกนี้มาก่อนเท่ากับการลบล้างสิง่ ที่ได้บนั ทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่าพระเจ้าเป็ นผู้สร้างโลกและ
สร้างมนุ ษย์ค่แู รกขึ้นมาด้วยน้ ามือของท่านเอง ข้อเท็จจริงเรื่องการเยีย่ มเยียนของมนุ ษย์ต่างดาวก็
เป็ นสิง่ ที่รฐั บาลของประเทศมหาอานาจโดยเฉพาะอเมริกาต้องปกปิ ด ถึงแม้จะมีคนพยายามขุดคุ้ย
แต่ก็ยงั ไม่มกี ารยอมรับอย่างแน่ ชดั เพราะนี่ก็เป็ นอีกสิง่ หนึ่งที่ไม่สามารถคิดควบคู่ไปกับคัมภีร์ไบ
เบิลได้ ศาสนาคริสต์จงึ อยู่ในสภาวะที่ถูกต้อนเข้า มุมและไม่มที างสูแ้ ต่อย่างใด นอกจากนัน้ ก็ยงั มี
แรงกดดันจากความแตกแยกในระหว่างสถาบันชาวคริสต์เอง ระหว่างกลุ่มแคทอลิคกับโปรแตส
แตนท์จนถึงกับต้องรบราฆ่าฟั นกัน และระหว่างศาสนาคริสต์กบั ศาสนาอิสลามอันก่อให้เกิดสงคราม
ในคาบสมุทนบอลข่านมาตลอด ผูค้ นรูส้ กึ เอือมระอาต่อศาสนา เพราะเห็นว่ามันเป็ นสิง่ ทีส่ ร้างปั ญหา
มากกว่าทีจ่ ะสร้างสันติภาพระหว่างมนุษย์ สถาบันศาสนาคริสต์จงึ ล้มอย่างระเนระนาด จานวนคนที่
เข้าโบสถ์น้อยมากเมื่อเทียบกับจานวนประชากรทัง้ หมดของประเทศ ขนบธรรมเนียมประเพณีของ
ชาวคริสต์ท่ยี งั เหลืออยู่นัน้ เป็ นผลโดยตรงของความรุ่ งเรืองของสถาบันคริสตจักรในอดีต เช่น การ
ฉลอง วันเกิดของพระคริสต์หรือคริสมาสนัน้ เป็ นเทศกาลทีช่ าวคริสต์ทวโลกยั ั่ งคงทากันเป็ นประเพณี
อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เนื้อหาจะด้อยลงไปมากเพราะผู้คนเน้นไปที่การหาซื้อของขวัญแลกเปลีย่ นกัน
เสียมากกว่า แม้กระนัน้ ก็ยงั ดีในแง่ท่ีว่า อย่างน้อยก็มวี นั หนึ่งในปี หนึ่งทีผ่ คู้ นคิดถึงพระคริสต์ว่าท่าน

113
เกิดมาเพื่อถ่ายบาปให้แก่มนุษย์ ดิฉันได้มโี อกาสนังดู ่ โทรทัศน์บบี ซี ซี ่งึ ได้ถ่ายทอดการฉลองปี คริสต
ศัก ราช ๒๐๐๐ millenium ซึ่ ง ชาวโลกไม่ ว่ า จะนั บ ถื อ ศาสนาใดต่ า งให้ ก ารต้ อ นรับ การเข้ า สู่
คริสตศตวรรษที่ ๒๑ อย่างต่อเนื่องทันทีทเ่ี วลาเทีย่ งคืนได้มาถึงประเทศของตน จากหมู่เกาะคิรบิ าติ
ในมหาสมุทรแปซิฟิคซึ่งเป็ นประเทศแรกที่ต้อนรับปี คริสตศักราช ๒๐๐๐ สู่นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
เอเซีย ยุโรป อเมริกา จนถึงหมู่เกาะซามัวอันเป็ นประเทศสุดท้าย มันเป็ นเวลา๒๕ชัวโมงที ่ ช่ าวโลก
สามารถรวมตัวกันได้โดยการต้อนรับและฉลองในสิง่ เดียวกันได้อย่างยิง่ ใหญ่โดยทีไ่ ม่เคยปรากฏมา
ก่อนในประวัตมิ นุษยชาติ ถึงแม้สงิ่ ทีฉ่ ลองนัน้ จะเป็ นเพียงเวลาทีส่ มมุตขิ น้ึ ก็ตาม แต่กเ็ ป็ นสิง่ ทีส่ มั พัน
กับองค์พระศาสดาเยซู คริสต์โดยตรง1

ในขณะที่ผคู้ นให้ความสนใจต่อเทศกาลคริส มาสนัน้ ความหมายของอีสเตอร์กลับน้อยลงไปมาก อี


สเตอร์ควรจะมีความสาคัญไม่น้อยไปกว่าคริสมาสหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้า เพราะเป็ นวันที่พระ
คริสต์ถูกตรึงบนกางเขนเพื่อถ่ายบาปให้แก่มวลมนุ ษย์และฟื้ นคืนชีพ resurrection ภายในสามวัน
เด็ก ๆ รุ่นใหม่จะไม่ทราบว่าอีสเตอร์นนั ้ มีความสาคัญอย่างไร เพราะประเพณีแห่งการฉลองเทศกาล
อีสเตอร์ได้จดื จางลงนันเอง
่ ทีอ่ งั กฤษถึงแม้อสี เตอร์เป็ นวันหยุดราชการ แต่รา้ นรวงต่าง ๆ ก็เปิ ดขาย
ของตามธรรมดาไม่มอี ะไรผิดปกติซ่งึ ผิดกับคริสมาสทีท่ ุกอย่างปิ ดหมด เด็ก ๆ จึงไม่สามารถเรียนรู้
จากขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีสบื ทอดกันมา จะรูเ้ พียงว่าอีสเตอร์หมายถึงเขาจะได้กนิ ช๊อกโกเลตที่
ท าเป็ น รูป ไข่ Easter egg แต่ ค วามหมายว่าท าไมจึงต้อ งเป็ น ไข่นัน้ ไม่ ได้รบั การถ่ า ยทอดอย่ า ง
ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ทางศาสนา ซึ่งที่จริงแล้ว การเกิดใหม่ resurrection ของพระคริสต์สามารถ
ตีค วามว่าเป็ น การเห็น ธรรมหรือ บรรลุ ธ รรม (ซึ่งอาจจะเป็ น พระอริย เจ้าในขัน้ ตอนไหนก็ได้ ไม่

1 ่
เมือหนั ้ พพ
งสือเล่มนี ตี ิ ม ์ออกมาอาจจะมีชาวพุทธทีไม่ ่ เห็นด ้วยกับดิฉันทีพู
่ ดยกย่อง
พระเยซู คริสต ์มากจนเกินไป ดิฉันไม่เคยตัดสินว่าพระคริสต ์เป็ นพระอรหันต ์อย่างที่
บางท่านเข ้าใจ เพราะเหตุผลง่าย ๆ คือดิฉันไม่ทราบ และไม่มท ี างจะทราบได ้ด้วย แต่
ดิฉันแน่ ใจว่าท่านจะต ้องเป็ นพระอริยบุคคลในระดับหนึ่ งทีแม้ ่ แต่ชาวพุทธก็สมควรให ้
การเคารพท่าน ดิฉันไม่คด ิ ว่าการยกย่องพระคริสต ์นั้นเป็ นการไม่สมควรแต่อย่างใด
เพราะหากดิฉันมีความเมตตากรุณาอย่างแท ้จริงต่อชาวตะวันตกซึงเขาเหล่ ่ านั้นก็เป็ น

เพือนร่ วมทุกข ์เกิดแก่เจ็บตายของดิฉันด ้วยและถ ้าดิฉันต ้องการช่วยให ้เขามีดวงตา
เห็นธรรมอย่างแท ้จริงแล ้วไซร ้ ดิฉันจาเป็ นต้องยกย่องพระคริสต ์เพราะท่านยังเป็ น
ศาสดาทีมี ่ บทบาทต่อชาวโลกอย่างแนบแน่ น ฉะนั้น แทนทีพยายามจะให่ ้ชาวตะวันตก
อ ้าแขนร ับศาสนาและวัฒนธรรมของชาวพุทธนั้น ดิฉันเห็นว่ามันจะทาได้ยากกว่าการ
พยายามให ้ชาวคริสต ์เข ้าใจในพระเจ ้าและพระคริสต ์ และพยายามประสานในสิงที ่ ่
่ ฉันเห็นว่ามันน่ าจะทาได ้ง่ายกว่า ดิฉันจึงใคร่ขอร ้องให ้ชาว
สามารถเข ้ากันได ้ ซึงดิ
พุทธคิดอย่างเป็ นธรรม และพยายามเอาเมตตากรุณาเป็ นธรรมนาหน้า

114
จ าเป็ นต้ อ งหมายถึง พระอรหัน ต์ เ สมอไป)ซึ่ ง เปรีย บเหมือ นกับ การเกิ ด ใหม่ อ ัน เป็ นที่ ม าของ
สัญญลักษณ์ไข่อสี เตอร์ Easter Egg

การคิดแบบเทียบเคียง Realativism
วิกฤตกาลของโบสถ์ก่อให้เกิดการขาดภูมปิ ั ญ ญาในเรื่องพระเจ้าหรือพระสัจธรรม เจ้าหน้าที่ทาง
ศาสนาจึงไม่มีค วามสามารถที่จะอธิบ ายได้ว่าท าไมคนจึงต้อ งประพฤติศีล ธรรมและไม่ ส ามารถ
ปกป้ อ งศีล ธรรมและจริย ธรรมได้อีก ต่ อ ไป เพราะถ้าภู มิปั ญ ญาในเรื่อ งสัจ ธรรมชัด เจนแล้ว ไซร้
เจ้าหน้าทีท่ างศาสนาจะเข้าใจได้ว่าศีลธรรมก็คอื บันไดหรือวิธกี ารทีจ่ ะช่วยคนไต่ต้าวไปให้ถงึ พระเจ้า
หรือเห็นสัจธรรมอันสูงสุด อิทธิพลของทฤษฎีสมั พันธภาพได้สร้างครรลองการคิดใหม่ว่าไม่มรี ะบบ
ศีลธรรมไหนที่มีค วามเด็ดขาดในตนเอง there is no moral absolute เรื่องดีชวั ่ บาปบุ ญ นัน้ เป็ น
เรื่อ งของการเทียบเคียง relativism เท่านัน้ เพราะไม่มีอ ะไรที่เป็ นอมตะหรือ แน่ นิ่งอย่างเด็ดขาด
There is no absolute element in nature. ที่จะสามารถอ้างอิงไปถึงได้ นี่เป็ น ครรลองการคิดอัน
เป็ นผลโดยตรงของทฤษฎีสมั พันธภาพของไอนสไตน์ The theory of Relativity. และทีเ่ ป็ นเช่นนัน้
เพราะตัว ไอนสไตน์ เองก็ไ ม่ รู้ว่ า สัจ ธรรมที่แ ท้จ ริงหรือ พระเจ้า นั น้ ที่แ ท้ แ ล้ว ก็ค ือ ธาตุ อ มตะ the
absolute element ที่เขาต้อ งการค้น ให้พ บนัน่ เอง ธาตุ อ มตะนี้ ค ือ สิ่งเดีย วกับ นิ พ พานธาตุ หรือ
อสัง ขตธาตุ อัน เป็ นธาตุ ห รือ สภาวะที่ อ ะไรปรุ ง แต่ ง ไม่ ไ ด้ เป็ นสภาวะที่ ค งที่ และนี่ ค ื อ สิ่ง ที่
พระพุทธเจ้าได้คน้ พบในคืนทีท่ ่านตรัสรู้ แต่เมื่อขาดเครื่องมือหรือการปฏิบตั อิ ย่างถูกต้อง คนก็จะไม่
เข้าใจแม้ตวั ไอนสไตน์เอง จึงรีบด่วนสรุปอย่างผิด ๆ ว่าในจักรวาลนี้ไม่มธี าตุอมตะ ที่จริงมี แต่เขา
ไม่ รู้ ข้อ สรุป ที่ผ ิด พลาดอย่ างมหัน ต์น้ี ได้เป็ น ตัว ผลัก ดัน ที่ส าคัญ ให้เกิด การคิด แบบเทียบ เคีย ง
relativism ขึ้น เรื่องดีเรื่องชัวจึ่ งเป็ นเรื่องเทียบเคียง เช่น อ๊อดดูจะเป็ นคนดีกว่าอู๊ดเพราะอ๊อดไม่กนิ
เหล้าสูบบุหรีแ่ ต่อู๊ดทัง้ ดื่มทัง้ สูบจึงเป็ นคนเลวกว่าอ๊อด แต่ถ้าเอาอ๊อดไปเทียบกับโอ๋ อ๊อดก็จะดูเลว
กว่าโอ๋ เพราะโอ๋นอกจากไม่กนิ เหล้าสูบบุหรี่แล้ว โอ๋ย ังชอบเข้าวัดฟั งธรรมทาสมาธิ ในขณะที่อ๊อด
ชอบเดินห้างและเข้าโรงหนัง อู๊ดนัน้ ถึงแม้จะเลวเมื่อเทียบกับอ๊อดและโอ๋ เขากลับกลายเป็ นคนดีมาก
เมื่อเทียบกับป้ อม เพราะป้ อมเป็ นคนลักขโมยด้วย ป้ อมก็ยงั เป็ นคนดีได้เมื่อไปเทียบกับเสือหนุ่ ย
เพราะเสือหนุ่ ยปล้นฆ่าและสูบเฮโลอิน การคิดเทียบเคียงเช่นนี้จะไม่มวี นั สิ้นสุดและสรุปอะไรไม่ได้
หากไม่ได้พดู ถึงอมตะธาตุ
การคิดดังกล่าวจึงก่อให้เกิดยุคที่คนเชื่อในเรื่องเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขต unlimited freedom โดย
ไม่ต้องพูดถึงหน้าที่ duty และก่อให้เกิดระบบประชาธิปไตยที่รฐั บาลเน้นเรื่องหลัก ๆ อยู่ เพียงสอง
เรื่อง คือการหาความสุขให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด maximise pleasure ซึ่งเป็ นเรื่องของกามสุข
ทัง้ สิ้น และบรรเทาความเจ็บ ปวดทางร่างกายโดยการเน้ น เรื่อ งการรัก ษาพยาบาล นี่ ค ือ ระบบ
ประชาธิปไตยทีเ่ ปิ ดโอกาสให้กเิ ลสของคนสามารถเบ่งบานได้อย่างสุดเหวีย่ ง อย่างน้อยคนทีป่ ฏิบตั ิ
กามสุขลั ลิกานุโยคในครัง้ พุทธกาลนัน้ เขาคิดว่าเมื่อเสพกามได้อมิ่ แล้ว เขาจะเบื่อไปเองและสามารถ

115
เห็นธรรมได้ ซึ่งต่างจากการเสพกามของคนในยุคนี้ท่เี สพอย่างเดียวและเสพอย่างมืดมน การคิด
อย่างเทียบเคียงนัน้ ทาให้คนสามารถหาเหตุผลทีไ่ ม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทาของตนเอง เพราะ
เมื่อไปเทียบกับคนทีเ่ ลวกว่าตนแล้ว ก็สามารถคิดเข้าข้างตนเองได้ว่ายังมีความดีกว่า ศีลธรรมจึงถูก
ย่ายีอย่างป่ นปี้ เพราะคนไม่เข้าใจว่าจะต้องไปฝืนตัวเองทาไมให้มากเรื่อง

ฉะนัน้ จะเห็นได้ว่า เพียงการเข้าใจในสัจธรรมอันสูงสุด พระนิพพาน หรือพระเจ้าอย่างถูกต้องซึ่ง


เป็ นเรื่องเดียวกับการค้นพบธาตุอมตะ the state of the absolute เท่านัน้ ศีลธรรมจะกลายเป็ นเรื่อง
ที่มีเหตุผลขึ้นมาทันทีดงั ที่ได้อ ธิบายไปแล้ว คนจะเข้าใจเสรีภาพของจิต ใจหรือ วิมุต ติสุ ขที่อยู่ใน
ขอบเขตของหน้าทีท่ ม่ี ตี ่อศีลธรรม

วิทยาศาสตร ์ยิงเจริ ่ ญศีลธรรมก็ยงถู ิ่ กทาลาย


ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีน่ นั ้ ได้ก่อให้เกิดภาวะทีศ่ ลี ธรรมและจริยธรรมถูก
ท้าทาย moral dilemma อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุ ษ ยชาติ การค้นพบ
การทางานของยีน gene และ DNA นัน้ ได้ก่อ ให้เกิดเทคโนโลยี่ท่ีส ามารถสร้ างมนุ ษ ย์ข้นึ มาตาม
คุ ณ ภาพที่ต้อ งการเหมือ นกับ การเลือ กแบบแฟชัน่ ของเสื้อ ผ้าจากแคตตาล๊ อ คจนมีศ ัพ ท์ใหม่ ว่า
designer baby ซึ่งวิธีก ารนี้ได้ทาการกันอย่างแพร่หลายแล้วในหมู่ค นมีเงินในสังคมตะวันตก สิ่ง
เหล่านี้ทด่ี ูเหมือนเป็ นความก้าวหน้าและความสาเร็จทางวิทยาศาสตร์ ทีจ่ ริ งแล้วมันคือระเบิดเวลาที่
น่ากลัวทีส่ ุดเพราะเราจะไม่มที างรูเ้ ลยว่ามันจะพัฒนาไปทางใดในอีก ๕๐ ถึง ๑๐๐ ปี ขา้ งหน้า แต่กด็ ู
เหมือนว่าเจ้าหน้าที่ทางศาสนาไม่สามารถตัดสินความผิดถูกได้อย่างชัดเจน นัน่ คือไม่สามารถหา
เหตุผลออกมาต้านนักวิทยาศาสตร์ได้เพราะขาดภูมปิ ั ญญาในเรื่องพระเจ้า (พระนิพพาน)ทีแ่ ท้จริง

ปั ญหาร ักร่วมเพศ
นอกจากานัน้ นักการศาสนายังไม่มปี ั ญญาพอทีจ่ ะตัดสินปั ญหาง่าย ๆ อันเกีย่ วเนื่องกับจริยธรรมได้
อีก ต่ อ ไป อย่ างเช่ น ปั ญ หาเรื่อ งรัก ร่ว มเพศ homosexuality ซึ่งต้ อ งนั บ ว่ าเป็ น เรื่อ งผิด ปกติข อง
ธรรมชาติ ซึ่งในอดีตนัน้ เป็ นเรื่องทีค่ นต้องปกปิ ด มาบัดนี้โดยเฉพาะในสังคมตะวันตกสังคมของคน
รักร่วมเพศขยายออกไปใหญ่โตมาก และพยายามเรียกร้องสิทธิให้กบั ตนเองมากยิง่ ขึน้ ประจวบกับ
มีท งั ้ นัก การเมือ ง นัก ร้อ งตลอดจนถึงนัก แสดงที่ด ังระดับ โลกก็เป็ น ลัก เพศ gay ด้ว ย ผลคือ ทัง้
นักการเมืองและนักการศาสนาจึงเริม่ เปิ ดไฟเขียวให้กบั สังคมลักเพศทาอะไรได้อย่างเปิ ดเผยและ
เป็ นเชิงบีบบังคับให้คนปกติต้องยอมรับความประพฤติของคนรักร่วมเพศด้วย เจ้าหน้าทีท่ างศาสนา
ได้ยอมรับให้คนรักร่วมเพศสามารถเป็ นพระและสอนคนได้ แม้แต่พระราชินีองั กฤษก็จะเริม่ ออกบัตร
เชิญ ให้แก่ คู่รกั ร่วมเพศมาในงานน้ าชาที่จดั ปี ละครัง้ ในสวนของพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้ แต่ก็อ ด
ไม่ได้ทจ่ี ะบอกว่าห้ามพรอดรักกันอย่างโจ๋งครึม่ เป็ นอันขาด ซึ่งแสดงว่าแม้ราชินีกไ็ ม่เห็นด้วย แต่ทน

116
ความกดดันของสังคมไม่ได้จนในทีส่ ุดต้องเปิ ดไฟเขียวเหมือนทีส่ ถาบันอื่น ๆ ทากัน ลูกชายอายุ๑๕
ของดิฉันไปดูละครที่ลอนดอนกับโรงเรียน กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าตนเองดูละครไม่สนุกเลยเพราะมี
ผูช้ ายสองคนกอดจูบและพรอดรักกันอยู่ขา้ งหน้าเขา แม้ครูของเด็ก ๆ ก็ได้เตือนชายทัง้ สองแล้วว่ามี
เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่นงอยู
ั ่ ่ดว้ ย ขอให้เกรงใจกันบ้าง แต่ชายทัง้ สองก็ไม่สนใจและพรอดรักกันต่อไป

ทีพ่ ูดมานี้ มิได้หมายความว่าดิฉนั ตัง้ ป้ อมทีจ่ ะจงเกลียดจงชังบุคคลทีร่ กั ร่วมเพศ มิใช่เช่นนัน้ เลย แต่
ดิฉันเห็นว่ามันต้องมีขอบเขตกันบ้าง และต้องพูดอะไรกันตามเนื้อผ้า ท่านดาไลลามะได้พูดออกมา
ตรง ๆ เลยว่าการรักร่วมเพศเป็ นสิง่ ผิดปกติทไ่ี ม่ควรสนับสนุนอย่ างเปิ ดเผย ซึ่งสร้างความไม่พอใจ
ให้กบั สังคมของผูร้ กั ร่วมเพศเป็ นอย่างมาก แต่ดฉิ ันเห็นว่านี่คอื ความแตกต่างระหว่างผูร้ จู้ ริงกับผู้รู้
ไม่จริง บุคคลทีเ่ ข้าถึงธรรมหรือพระเจ้าอย่างแท้จริงนัน้ จะมีบุคคลิกทีก่ ล้าหาญ และกล้าทีจ่ ะยืนหยัด
อยู่ฝ่ายศีลธรรมและจริยธรรมอันดีงาม ถึงแม้จะต้องพูดอะไรที่คนหมู่มากไม่อยากฟั ง การพูดให้คน
ทาตามกิเลสนัน้ ย่อมเป็ นเรื่องง่ายเพราะคนชอบฟั ง แต่การพูดให้ค นฝื นกิเลสย่อ มเป็ นเรื่อ งยาก
เพราะคนไม่อยากฟั ง คนเห็นพระเจ้าอย่างแท้จริงนัน้ จะไม่กลัวการต่อต้าน แต่คนทีไ่ ม่เห็นพระเจ้าจะ
กลัว และจะไม่กล้าพูดอะไรที่ขดั ใจคนหมู่มาก นี่คอื ความแตกต่างระหว่างนักการเมืองที่เก่งแต่พูด
เพื่อเอาใจคน กับนักการศาสนาทีเ่ ข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงและพยายามจะยืนอยู่ฝ่ายธรรมซึ่งนับวัน
ยิง่ จะมีน้อยมาก ถ้าไม่มบี ุคคลเช่นนี้แล้ว เด็ก ๆ จะไปเอาตัวอย่างดี ๆ ทีไ่ หนมาประพฤติและสังคม
จะอยู่รอดได้อย่างไร ขอให้ดูปัญหาเรื่องการเปิ ดไฟเขียวให้สงั คมรักร่วมเพศกันต่อไป ในอังกฤษมี
โบสถ์ท่ยี อมทาพิธแี ต่งงานให้กบั คู่รกั ร่วมเพศ และคนเหล่านี้กข็ อสิทธิให้กบั ตนเองมากขึน้ ถึงขนาด
ต้องการมีลูก ความก้าวหน้าของวิทยาการทางแพทย์ในสมัยนี้ก็สามารถช่วยให้คนมีลูกได้ง่ายขึ้ น
คู่รกั ร่วมเพศที่เป็ นหญิงนัน้ ก็สามารถไปทาลูกให้กบั ตนเองได้ ในขณะที่ค่รู กั ร่วมเพศชายหากมีเงิน
หน่อยก็ไปจ้างหญิงทีย่ อมอุม้ ครรภ์ให้ซง่ึ มีมาแล้วในอังกฤษ นี่ยงั ไม่ได้พดู รวมถึงเด็กจานวนมากมาย
ในสังคมตะวันตกที่เติบโตขึน้ มากับคู่รกั ร่วมเพศ เด็กเหล่านี้เกิดมาในครอบครัวปกติท่มี ที งั ้ พ่อและ
แม่ แต่ภายหลังพ่อแม่แยกทางกันเพราะฝ่ ายหนึ่งฝ่ ายใดเป็ นรักร่วมเพศ ฉะนัน้ หากพ่อเป็ นเกย์ก็
แยกไปอยู่กบั คู่รกั ที่เป็ นชาย หากแม่เป็ นเกย์ก็แยกไปอยู่กบั คู่รกั ที่เป็ นหญิง ลูกเล็กก็ต้องเติบโต
ขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ผดิ ธรรมชาติเช่นนัน้ นี่ก็เป็ นอิ ทธิพลของการเปิ ดไฟเขียวให้กบั สังคมรัก
ร่วมเพศอีกเช่นกัน ซึง่ หากเป็ นอดีตเขาก็จาเป็ นต้องทนไป เพราะสังคมไม่ยอมรับ

สิง่ เหล่านี้จะสร้างความสับสนวิปริตและผิดธรรมชาติให้กบั สังคมในอานาคตเหมือนกับการวางระเบิด


เวลา ซึ่งระเบิดเวลาบางอันก็ได้ระเบิดออกมาแล้ว โรคเอดส์ท่ี ได้ปลิดชีวติ ของคนเร็วแบบใบไม้ร่วง
นัน้ มิใช่เริม่ ต้นจากความวิปริตในเรื่องพฤติกรรมทางเพศของมนุ ษย์ดอกหรือ นี่เป็ นสิง่ ที่ธรรมชาติ
พยายามจะบอกมนุ ษย์ว่าทาไม่ได้ ถ้าทาแล้วผลจะเป็ นอย่างนี้ และเด็ก ๆ ที่กาลังเติบโตขึ้นมาใน
ครอบครัวของคู่รกั ร่วมเพศนัน้ จะมีจติ ใจทีป่ กติได้อย่างไร ความสับสนวุ่นวายเหล่านี้เป็ นผลโดยตรง

117
ของสังคมที่ขาดภูมิปัญ ญาแห่งความหลุดพ้นหรือสัจจธรรมอันสูงสุดนัน่ เอง เป็ นสังคมที่กาลังรอ
ความหายนะให้เกิดขึน้ เป็ นสิง่ ทีน่ กั การเมืองและนักการศึกษาไทยจะต้องพยายามปกป้ องและไม่ให้
เกิดในสังคมไทยเรา


เป็ นยุคทีจะเชื ่
ออะไรก็ ได้
วิกฤตกาลที่เกิดขึ้นกับโบสถ์และความไม่เชื่อถือในพระเจ้านัน้ มิได้หมายความว่าคนไม่ต้องการที่
พึ่งทางใจและไม่เชื่ออะไรเลย นี่เป็ นความเข้าใจผิดอย่างมาก ที่จริงแล้วเป็ นการเปิ ดทางให้คนเชื่อ
อะไรก็ได้ ซึง่ เป็ นเรื่องทีอ่ นั ตรายมากกว่า
การเชื่ออะไรก็ได้นั น้ ในแง่บุคคลซึ่งคนเคยเชื่อพระหรือเจ้าหน้าที่ทางศาสนาเพราะคนเหล่านี้เป็ น
ตัวแทนพระเจ้า เมื่อศาสนาล้ม คนจึงหันมาเชื่อนักการเมือง นักร้อง นักแสดง นักกีฬา หรือใครก็ได้
ทีม่ ชี ่อื เสียงและรวย ๆ เด็ก ๆ ก็เชื่อในตัวการ์ตูนที่เขาชอบเช่น Bart Simpson เป็ นต้น คนเหล่านี้
ถึงแม้จะดังและรวยแต่ประวัตสิ ว่ นตัวอาจจะเหลวแหลกซึง่ ไม่สาคัญมากสาหรับยุคนี้ ชาวอเมริกนั ให้
ความสนใจต่ อ ใครก็ ไ ด้ ท่ีด ัง ไม่ จ าเป็ นต้ อ งดี เช่ น คุ ณ มอนิ ก้ า ลู ว ิน สกี้ ในยุ ค ที่พ ยายามจะเอา
ประธานาธิบดีคลินตันขึน้ ศาลนัน้ ลูวนิ สกีไ้ ด้กลายเป็ นคนดังทีส่ ุดของโลกไปและได้รบั การต้อนรับใน
ระดับประเทศ

นอกจากการเชื่อในบุค คลที่อาจจะมีแต่ความเหลวแหลก คนยังเชื่อในเรื่องวัตถุ อย่างโงหัวไม่ข้นึ


เงินตรานัน้ ได้กลายเป็ นสิง่ ศักด์สทิ ธิมากกว่
์ าพระเจ้าบนสวรรค์มานานมากแล้ว เพราะสามารถหาซื้อ
ความสุขแบบง่าย ๆ ทีช่ าวโลกรูจ้ กั กันดี การเชื่อสิง่ ที่วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีห่ ยิบยื่นให้นนั ้ เป็ น
สิง่ ที่แน่ นอนอยู่แล้ว บ้านของคนยุคใหม่จะเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทนั สมัยจนทาให้วถิ ชี วี ติ
ของคนเปลี่ยนไป เช่นการมีเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนท โทรศัพท์มอื ถือ สิง่
เหล่านี้ได้สร้างวิถชี วี ติ แบบใหม่ทต่ี ่างไปจากเพียง ๒๐ ปี ก่อนอย่างลิบลับ ความสุขสบายแบบโลก ๆ
นัน้ ต้องมีอย่างแน่ นอน แต่ในขณะเดียวกันคนก็มไิ ด้มคี วามสุขทางใจมากขึ้นแต่อย่างใด การรับรู้
ข่าวสารมากและเร็วขึ้นนี้ ข้อ ดีนัน้ ไม่ต้อ งพูดถึง แต่ ข้อ เสียคือ ท าให้ค นทุ กข์ใจได้ม ากและเร็ว ขึ้น
เช่นกัน ก่อนทีโ่ ทรศัพท์มอื ถือจะระบาด คนทีเ่ ข้าวัดปฏิบตั ธิ รรมก็ยงั พอมีโอกาสเห็นสภาวะของจิต
ว่างจากความคิดบ้าง เพราะไม่ต้องไปรับรูเ้ รื่องภายนอกให้วุ่นวายใจเปล่า ๆ บางทีรแู้ ล้วก็ไม่ใช่ว่าจะ
แก้ปัญหาได้ทนั ทีก็หาไม่ เมื่อเป็ นเช่นนี้การไม่รู้เสียเลยจะดีกว่า แต่เดีย๋ วนี้ คนเข้ าวัดปฏิบตั ธิ รรมก็
ยังอดเอามือถือเข้าไปไม่ได้ แล้วจิตจะสงบได้อย่างไร แม้พระสงฆ์องค์เจ้าเองก็ยงั ทิ้งมือถือไม่ได้
เพราะกลัว ว่าหากใครมีเรื่อ งด่ว นจะติดต่ อ ไม่ ได้ ดิฉัน บอกได้เลยว่า ไม่มีอ ะไรในโลกนี้ ท่ีจะต้อ ง
รีบด่วนมากเท่ากับการเห็นธรรมและไปให้ถงึ พระนิพพาน

118
การเชื่ออะไรก็ได้นนั ้ คนยังเชื่อว่ายาเสพติดก็สามารถแก้ปัญหาให้เขาได้เช่นกัน ฝรังไม่ ่ น้อยเชื่อว่า
ถ้าอยากรู้ว่าพระนิพพานเป็ นอย่างไรก็ลองสูบ LSD ดู ประสบการณ์ นัน้ คือพระนิพพานอย่างไรก็
อย่างนัน้ ซึง่ เป็ นการพูดออกจากสมองทีฝ่ ่ อและปั ญญาทีต่ บี ตันแต่อวดฉลาด และเป็ นอันตรายต่อคน
อื่นที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็ นอะไร ปั ญ หายาเสพติดเป็ นปั ญ หาที่ใหญ่ มากในสังคมตะวันตก สถิติของเด็ก
ตัง้ แต่วยั ๑๒ ขวบขึน้ ไปทีเ่ ริม่ กินเหล้า สูบบุหรีแ่ ละทดลองยาเสพติดนัน้ มีมากขึน้ อย่างน่าใจหาย ยา
เสพติดได้กลายเป็ นรากเง่าของปั ญ หาสังคมอื่นที่ตามมาอีกมากมายนับไม่ถ้ว นโดยเฉพาะอาชญ
กรรม ความเชื่อในการหาความสุขทางเพศก็ได้กลายเป็ นเรื่องทีส่ ร้างปั ญหาให้กบั สังคมมากขึ้นทุก
วัน เดีย๋ วนี้เด็กผู้หญิงมีลูกเร็วขึ้น อายุ ๑๔ หรือ ๑๕ ปี ก็ตงั ้ ครรภ์แล้ว ตลอดไปจนถึงความเชื่อใน
วิธีการแก้ปัญ หาโดยใช้ความรุนแรง ปั ญ หาจึงเกิดขึ้นโดยทัวไปจากครอบครั
่ วไปสู่สงั คมและไปสู่
ระดับ โลก ผู้นาประเทศมหาอ านาจเลือ กใช้ส งครามเป็ นวิธีการแก้ปัญ หาดังที่กาลังเกิดขึ้น อยู่ใน
ยูโกสลาเวียหรือบอสเนียขณะนี้ ระบบประชาธิปไตยได้กลายเป็ นว่าใครอยากทาอะไรก็ทาได้ กิเลส
มนุษย์จงึ มีโอกาสได้เจริญเติบโตอย่างเต็มที่

ขบวนการศาสนายุคใหม่
นี่ แ หละคือ จุ ด เริ่ม ต้ น ของหายนธรรม disasterisation ที่ก าลัง ระบาดอยู่ทุ ก หย่ อ มหญ้ าในสังคม
ตะวันตก ไม่มใี ครรูค้ าตอบของชีวติ ทีแ่ น่นอน สภาวะทีจ่ ติ ใจคนกาลังหลงทางอย่างสุดเหวีย่ งเช่นนี้
ก็ได้เปิ ดโอกาสให้แก่ขบวนการศาสนายุคใหม่ cult movement หยิบยื่นทางรอดให้แก่จิตวิญ ญาน
ขบวนการเหล่านี้มกั จะลงเอยด้วยการที่ผู้นา cult leader ฉ้อฉล และหลอกลวงคนของตนเอง และ
บางกลุ่มก็ถึงขัน้ ที่ต้องเสียชีวติ กันเป็ นหมู่ด้วยการฆ่าตัวตายบ้างหรือถูกฆ่าบ้าง ยุคนี้จึงเป็ นยุคที่
สังคมตะวันตกอ้าแขนรับเอาปรัชญาชีวติ ของฝ่ ายตะวันออกเข้ามาอย่างมากมายรวมทัง้ ศาสนาพุทธ
ด้วย คนหันมาสนใจเรื่องฮวงจุย้ feng shui เรื่องโชคชะตาราศีกม็ มี ากขึน้ หนังสือทีเ่ กี่ยวกับการผ่อน
คลายจิตและรักษาสุขภาพจิต healing and relaxation ขายดีเป็ นเทน้าเทท่า

วัดของพุทธศาสนาเริม่ มีมากขึน้ ในสังคมตะวันตกอันเป็ นผลพลอยได้จากการทีค่ นเอเซียโยกย้ายถิน่


ฐานมาอยู่ในประเทศตะวันตกมากขึ้น ท่ านดาไลลามะได้นาศาสนาแบบธิเบตมาเผยแพร่อ ย่าง
กว้างขวางในสังคมตะวันตก วัดพม่า ลังกา จีน ญี่ป่ ุนก็มโี ดยทัวไป
่ วัดไทยก็มีจานวนไม่น้อ ยใน
อเมริกา ยุโรป และออสเตรเลียซึ่งส่วนมากจะเป็ นสายของหลวงพ่อชา ท่านอาจารย์สุเมโท ลู กศิยษ์
คนสาคัญของหลวงพ่อชาก็สามารถมาสร้างวัดและเผยแพร่การปฏิบตั ธิ รรมให้แก่ชาวอังกฤษและ
ชาวยุ โรปได้อ ย่ างมาก ซึ่งพลอยท าให้ช าวตะวัน ตกมีโอกาสเข้ามาศึก ษาปรัช ญาชีว ิต ของชาว
ตะวันออกมากขึน้

119
แต่การที่จะด่วนสรุปว่าศาสนาพุทธกาลังรุ่งเรืองในสังคมตะวันตกนัน้ ดิฉันยังไม่เห็นด้วยเพราะจริง
อยู่ท่วี ่ามีชาวตะวันตกเข้าวัดและสนใจศาสนาพุทธมากขึน้ แต่นับจานวนแล้วก็ยงั เป็ นเปอร์เซนต์ท่ี
ต่ามากเมื่อเทียบกับประชากรทัง้ หมด มันอาจจะมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ ๒๐ ปี ก่อนนัน้ ต้องจริง
แน่ นอกจากนัน้ การจะรีบสรุปว่าคนตะวันตกเข้าใจศาสนาพุทธมากขึน้ ก็ไม่ได้อกี เช่นกัน ทีจ่ ริงแล้ว
ต้องถามให้แน่ ชดั ว่าเข้าใจในระดับไหนมากกว่า เพราะดิฉันทราบว่าการเข้าถึงธรรมและเห็นธรรม
นัน้ มิใช่เป็ นเรื่องง่าย แม้เราชาวพุทธกันเองทีเ่ ติบโตขึน้ มาในวัฒนธรรมอันเอือ้ อานวยก็ยงั รูส้ กึ ว่าการ
ปฏิบตั ธิ รรมเป็ นเรื่องยากมาก และจะเอาอะไรกับคนที่ไม่ได้เติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมที่เอื้ออานวย
ให้เขาปฏิบตั ธิ รรม ดิฉันไม่ได้พูดดูถูกชาวตะวันตก แต่พูดกันตามข้อเท็จจริงในฐานะที่ตนเองก็ได้
คลุกคลีกบั งานเช่นนี้อยู่ถงึ ๑๒ ปี เมื่อปี ท่แี ล้วนี่เอง ดิฉันได้พานักศึกษากลุ่มหนึ่งจานวน ๒๗ คน
ไปปฏิบตั ธิ รรมทีพ่ ุทธวิหารแอสตันเป็ นเวลา สามวันกับสองคืน ปฏิกริ ยิ าจากนักศึกษาก็นับว่าดี เขา
ยอมรับว่าได้เรียนรูม้ ากเกี่ยวกับศาสนาพุทธ สองวันต่อมาดิฉันก็กลับไปสอนไท้เก็กทีม่ หาวิทยาลัย
ตามเดิม นักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งได้ไปวัดปฏิบตั ิกบั ดิฉันด้วยก็เดินมาขอบคุณดิฉันที่ช่วยให้เขา
เข้าใจการปฏิบตั สิ มาธิได้มากขึ้น และขอแสดงความคิดเห็นนิดหน่ อย เธอบอกว่า เธอเห็นด้วยกับ
หลักการใหญ่ ๆ ของศาสนาพุทธและการปฏิบตั สิ มาธิเพื่อผ่อนคลาย แต่เธอไม่สามารถเห็นด้วยกับ
อีกหลายสิง่ โดยเฉพาะเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเพราะพิสูจน์ไม่ได้ ดิฉันตอบเธออย่างยิ้มแย้มว่า
ขอให้ปฏิบตั ใิ นสิง่ ทีเ่ ธอสามารถเห็นด้วยได้กพ็ อแล้ว ไม่ตอ้ งไปห่วงเรื่องทีไ่ ม่เห็นด้วยหรอก

การที่ไม่ ได้เจริญ เติบ โตขึ้น มาในวัฒ นธรรมของปรัชญาชีว ิต ตะวัน ออกนัน้ คนตะวันตกก็เรียนรู้


ปรัชญาตะวันออกด้วยวิถีทางของคนตะวันตก คือเป็ นเรื่องของการอ่าน ขบคิด ถกเถียงกันในเชิง
ปรัชญา และหยิบเอาส่วนที่เขาต้องการใช้จริง ๆ ออกมาเท่านัน้ เช่น การฝึ กสมาธิเพื่อผ่อนคลาย
แรงกดดัน การคิดและการใช้ชวี ติ แบบชาวเอเซียซึ่งเติบโตขึน้ มาในกระแสวัฒนธรรมของพุทธนัน้ ยัง
ไกลอยู่มาก ดิฉันเห็นว่าการเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด reincarnation นัน้ เป็ น
พืน้ ฐานทีส่ าคัญของชาวพุทธ นี่เป็ นเรื่องของสัมมาทิฏฐิ ดิฉันจะไม่แปลกใจเลยหากมีชาวตะวันตกที่
เข้าวัดทาสมาธิประกาศตนเองพุทธมามกะ แต่หากต้องพูดเรื่องเวียนว่ายตายเกิด นรก สวรรค์แล้ว
เขาจะลังเล
แม้ทศั นคติเช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับชาวพุทธที่รบั การศึกษาและคิด แบบชาวตะวันตก หากไปถามนิสติ
นักศึกษาไทยว่าเชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือไม่ ดิฉันเชื่อแน่ว่ามีไม่น้อยที่บอกว่าไม่เชื่อ ดิฉันก็เป็ นคน
หนึ่ งในอดีต ที่ไ ม่ เชื่อ ในขณะที่ช าวบ้านธรรมดาที่เติบ โตขึ้น มาอย่างสนิ ท แนบแน่ น กับ วัด และ
พระสงฆ์นัน้ จะไม่มคี วามสงสัยในเรื่องนรก สวรรค์แ ละการสร้างบารมีเพื่อไปให้ถึงพระนิพพานแต่
อย่างใด นี่คอื ความแตกต่างระหว่างคนที่เติบโตขึน้ มาในวัฒนธรรมกับผูท้ ไ่ี ม่ได้เติบโต ฉะนัน้ การที่
ดิฉันพยายามคิดจะประสานศาสนาโดยให้ชาวตะวันตกสามารถเจริญสติปัฏฐานในความอบอุ่นของ

120
วัฒนธรรมคริสต์ทเ่ี ขามีอยู่แล้วนัน้ จึงเป็ นสิ่งทีน่ ่าจะทาได้ง่ายกว่าการให้เขามารับเอาวัฒนธรรมของ
ชาวพุทธไปทัง้ ดุน้ ซึง่ เป็ นสิง่ ทีแ่ ทบจะเป็ นไปไม่ได้ในความเห็นของดิฉนั

นี่ แ หละคือ ความสับ สนวุ่ น วายของสัง คมตะวัน ตกในขณะนี้ ฉะนั น้ เมื่อ พู ด ถึงวัฒ นธรรมอัน
เกีย่ วเนื่องกับปั ญญาแล้วไซร้ ในความเห็นของดิฉันแล้ว เห็นว่าถึงแม้สงั คมไทยจะหย่อนยานในเรื่อง
พระนิพ พานมากมายสักแค่ไหน แต่ก็ยงั มีความร่ารวยกว่าสังคมตะวันตกมากนัก อย่างน้อยชาว
พุทธเราก็ยงั มีวฒ ั นธรรมทีบ่ อกให้คนรูว้ ่าอะไรเป็ นอะไร จึงเป็ นสิง่ ทีช่ าวพุทธเราต้องดูแลรักษาไว้ให้
ดี

สระน้ านาฬเิ กร ์

ความรูเ้ รื่องพระนิพพานในยุคโบราณนัน้ จะต้องมีมากถึงขนาดทีช่ าวบ้านเอามาผูกเป็ นเพลงกล่อม


เด็กดังเพลงมะพร้าวนาฬิเกร์ท่ที ่านอาจารย์พุทธทาสได้เอามาเปิ ดเผย จนกระทังได้ ่ สร้างสระน้ า
นาฬิเกร์ไว้ทส่ี วนโมกข์เป็ นการย้าให้คนรุ่นหลังได้รถู้ งึ เป้ าหมายอันสูงสุดของชีวติ เนื้อหาของเพลงมี
ดังนี้คอื
มะพร า้ วนาฬ ิเกร ์ ต้น เดีย วโนเน อยู ่ ก ลางทะเลขีผึ ้ ง้ ฝนตกก็ ไ ม่
้ ง้ คือฝั ่ งพระนิ พพานเอย ฯ
ต้อง ฟ้าร ้องก็ไม่ถงึ กลางทะเลขีผึ
จากการเปิ ดเผยของอาจารย์เขมานันทะ บทดอกสร้อยชื่อ แม่งูเอ๋ย ที่เด็ก ๆ ร้องกันและเอามาเล่น
กัน นั ้น ก็ไ ด้ซ่ อ นแก่ น ของการปฏิบัติท่ีจ ะเข้า ถึง ธรรมอั น สู งสุ ด เช่ น กัน ในประโยคท้ า ยสุ ด ของ
ดอกสร้อยนัน้ มีว่า กิ นหัวหรือกิ นหาง กิ นกลางตลอดตัว แสดงให้เห็นถึงการปฏิบตั ทิ ่จี ะให้เข้าถึง
ความว่างอันปราศจากทัง้ ผู้มองและผูถ้ ูกมอง เจ้าของความคิดนัน้ จะต้องกินตัวเองอย่างหมดจดจน
ไม่มอี ะไรเหลือ
บทดอกสร้อยนี้สอดคล้องกับเรื่องกิ้งก่าตัวสุดท้ายของโลกทีเ่ ราได้ยนิ จากอาจารย์เขมานันทะเช่นกัน
ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อครัน้ น้ าท่วมโลก สัตว์โลกทัง้ หลายจมน้ าตาย เหลือแต่ก้งิ ก่าตัวสุดท้ายของโลก
ซึ่งหนีน้ ามาอยู่ในทีส่ ูงแห่งหนึ่ง อาหารก็หมดแล้ว กิ้งก่าตัวนี้จาต้องกินเนื้อตัวเองเพื่อยังชีพ ฉะนัน้
เขาจะหันหัวไปกินหางของเขานิดหนึ่งทุกวัน และกินขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงวันสุดท้ายก็เหลือแต่หวั
เท่านัน้ ในที่สุด กิ้งก่าก็เขมือบหัวตัวเอง และโลกนี้ก็ไม่มอี ะไรเหลืออีกเลย นิทานเรื่องนี้ก็เน้ นถึง
เนื้อหาของการดูความคิดนัน่ เอง ในทีส่ ุด ผูป้ ฏิบตั จิ ะต้องรูจ้ กั เขมือบความคิดสุดท้ายของตนเองอัน
เป็ นเรื่องจิตตานุปัสนา เมื่อเขมือบความคิดสุดท้ายได้แล้วก็จะเข้าถึงตัวธรรมทีพ่ ูดไม่ออกบอกไม่ได้
หรือธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

121
ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วนัน้ ได้แสดงให้เห็นว่าคนไทยโบราณสามารถเข้าถึงศาสน
ธรรมได้อย่างแท้จริง ชี้ให้เห็นว่าย่าทวดไทยสามารถเข้าใจเรื่องสติปัฏฐานสี่ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
และพยายามที่จะส่งทอดความรู้ท่ีส าคัญ เหล่ านี้ให้แก่ลู กหลานไทยต่อ ไป เพื่อให้ลู กหลานได้รบั
ประโยชน์อย่างทัวถึ
่ งกัน ย่าทวดไทยจึงได้สร้างเป็ นวิถชี วี ติ เป็ นขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงาม
และวัฒ นธรรมเหล่ า นี้ ก็ไ ด้ส ืบ ทอดกัน มาจนถึง ปั จ จุ บัน นี้ จึง เป็ น สิ่ง ที่ลู ก หลานไทยควรจะดู แ ล
วัฒนธรรมอันดีงามเหล่านี้ต่อไป

ปัญหาวนแบบงูกินหาง
จะท าอย่างไรจึงจะรัก ษาความร่ารวยของวัฒ นธรรมชาวพุ ท ธไว้ได้นัน้ เป็ นเรื่อ งใหญ่ มากทีเดียว
วิถที างเดียวทีท่ าได้คอื ผูเ้ ป็ นเจ้าของวัฒนธรรมจะต้องปฏิบตั ธิ รรมนัน่ เอง เมื่อคนในสังคมสามารถ
เห็นธรรมได้มากขึน้ ก็จะสามารถรักษาวัฒนธรรมทีด่ งี ามไว้ได้ แต่ปัญหาเริม่ จะวน การปฏิบตั ธิ รรม
คืออะไรเล่า ปฏิบตั ิเพื่ออะไร ปฏิบตั ิทาไม ปฏิบตั ิอย่างไร ควรจะเข้าหาใคร จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็ น
พระจริงและไม่ถูกหลอก ความปั น่ ป่ วนและแตกแยกของสถาบันสงฆ์ในเมืองไทยขณะนี้ ทาให้คนไม่
แน่ใจว่าอะไรคือการปฏิบตั ธิ รรมทีถ่ ูกต้อง การปฏิบตั ธิ รรมหมายถึงการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ต้อง
กินอาหารมังสวิรตั ิ หรือการนัง่ หลับตาเพ่งท้องตนเองจนเห็นลูกแก้วและองค์พระในลูกแก้ว หรือการ
บริก รรมพุ ท ธโธ หรือ ยุบ หนอพองหนอ หรือ อานาปานสติ หรือ มุ่ งแต่ท าบุญ เอาเงิน เอาทองเอา
ดอลลาห์มากอบกู้ชาติเพื่อไปสวรรค์ หรืออะไรกันแน่ นี่คอื ปั ญหาของผู้เริม่ จะปฏิบตั ธิ รรม ยิง่ ยุคนี้
หลังจากการพังทลายของระบบเศรษฐกิจฟองสบู่แล้ว ดิฉันแน่ใจว่าคนทีอ่ ยากจะปฏิบตั ธิ รรมเพื่อหา
ความสงบทางใจนัน้ มีมากนัก ดิฉันเชื่ออีกว่า แม้คนทีป่ ฏิเสธศาสนาในยุคปั จจุบนั นี้กเ็ ป็ นเพราะเขา
ไม่รู้ว่าศาสนามีอะไรเกี่ยวข้องกับชีวติ เขา เพราะหากเขาเข้าใจเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่า
เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงแล้ว เขาอาจจะให้ความสนใจก็ได้ แต่จะให้คนเหล่านี้เริม่ อย่างไรนัน้ เป็ น
เรื่องทีแ่ ม้แต่ดฉิ ันเองก็ยงั ขนหัวลุกเมื่อคิดถึงตนเองว่าต้องอยู่ในสถานะนัน้ การเริม่ ต้นนัน้ เป็ นจุดที่
ยากที่สุด ความไม่รู้หรือความมืดแห่งอวิชชานัน้ เป็ นสิง่ ที่น่ากลัวที่สุดสาหรับคนที่รู้แล้ว เพราะเมื่อ
ดิฉันมองย้อนหลังไปก่อนทีจ่ ะพบสวนโมกข์ ชีวติ ช่างมืดมนและทุ กข์อย่างแสนสาหัส ถึงแม้จะรูท้ งั ้ รู้
ว่าพระพุทธเจ้าเท่านัน้ ทีส่ ามารถช่วยดิฉันได้ แต่กม็ ดื แปดด้านเพราะไม่มที างรูไ้ ด้เลยว่าท่านจะช่วย
ดิฉนั ได้อย่างไร และแม้กระทังพบท่ ่ านอาจารย์พุทธทาส อาจารย์เขมานันทะ และหลวงพ่อเทียนแล้ว
ความสับสนวุ่นวายที่พยายามจะจับหลักอะไรสักอย่างหนึ่งให้ได้เพื่อให้จติ หยุดซัดส่ายนัน้ ช่างเป็ น
สิง่ ทีย่ ากเย็นเสียนี่กระไร การไปเยีย่ มเยียนหลายวัดวาและเรียนรูก้ ารสอนทีแ่ ตกต่างของแต่ละครูบา
อาจารย์ก็ยิ่งสร้างความสับสนให้มีมากขึ้น ดิฉัน จึงเข้าใจความรู้ส ึกของคนในยุค นี้ดีว่ามันสับ สน
วุ่นวายแค่ไหน ความรูส้ กึ เช่นนี้เป็ นความทุกข์อย่างยิง่ และเป็ นปั ญหาทีว่ นเหมือนงูกนิ หาง ไป ๆ มา
ๆ ก็คงต้องโยนให้กบั เรื่องของบารมี ใครทีส่ ร้างบารมีมามากก็จะมีเหตุปัจจัยทีท่ าให้พบผูร้ จู้ นได้

122
ไม่ มีใครบอกใครได้ว่ าวิถีท างไหนที่ดีท่ีสุ ด ส าหรับ คนผู้นั น้ ปั จ จัย ที่ส าคัญ ที่สุ ด จะต้ อ งมาลงที่
กัลยาณมิต ร หากใครโชคดีท่ียงั มีบุญ บารมีอ ยู่บ้างก็จะได้พบกัล ยาณมิต รหรือ ครูบ าอาจารย์ท่ีมี
บุคคลิกเหมาะสมกับตน ครูก ับศิษ ย์นัน้ เหมือนกับสลักเกลียวสองตัวที่เกลียวเข้าหากันได้อ ย่าง
เหมาะเจาะ ครูบางท่านอาจจะรู้จริง แต่วธิ กี ารสอนอาจจะไม่เหมาะกับผูร้ บั ทาให้เกิดการลักลันไม่ ่
สามารถทีจ่ ะเกลียวเข้าหากันได้อย่างสนิท อย่างไรก็ตาม การได้พบครูทส่ี ามารถนาทางให้ตนได้นนั ้
เป็ นปั จจัยที่สาคัญ มากเพราะเป็ น จุดที่ก่อ ให้เกิดศรัทธา เมื่อ ศรัทธาเกิด สิ่งต่อ ไปคือ ความวิริยะ
อุตสาหะ ความพยายามทีจ่ ะเดินตามทางทีค่ รูบาอาจารย์แนะไว้กจ็ ะตามมา

ความฝันอันสูงสุด

ความคิดเรื่องการกอบกู้วฒ ั นธรรมสติปัฏฐานได้มารุกรานดิฉันอยู่หลายปี มาก ดิฉันมักจะต่อสูก้ บั


ตัวเองที่จะให้หยุดคิด เพราะเห็นว่ามันเป็ นเรื่องทีเ่ ป็ นไปไม่ได้ เป็ นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่จะมาขบคิด
อยู่คนเดียว การคิดและทาคนเดียวเป็ นสิง่ ที่ดฉิ ันทามาแล้ ว ๑๒ ปี โดยไม่มใี ครคุยหรือปรึกษาด้วย
เพราะสถานภาพบีบบังคับ สามีไม่เคยอ่านงานของดิฉนั อย่างจริงจังและไม่เข้าใจว่าดิฉนั ทาอะไรมาก
ไปกว่าการสอนไท้เก็ก บางครัง้ ดิฉันว้าเหว่มากโดยเฉพาะเมื่อมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจทาอะไรลงไป
แต่เงื่อนไขทีต่ ้องจายอมเช่นนี้กลับทาให้ดฉิ ั นต้องเกาะแน่นอยู่กบั หลักธรรมเพื่อความอยู่รอดทางใจ
ของตนเองและเพื่อขอค าตอบที่ถู กต้องจากพระธรรม หลายครัง้ ที่อ ยากจะยอมแพ้ต่อตนเองผู้มี
สถานะเป็ นเพศหญิงเป็ นแม่ของลูกสามคนซึ่งงานของแม่บ้านก็ล้นมืออยู่แล้ว และเป็ นชาวต่างด้าว
ทีม่ าอาศัยบ้านเมืองคนอื่นอยู่ คิดเพียงว่าใครจะมาสนใจในสิง่ ทีด่ ฉิ นั พูดไปโดยเฉพาะเป็ นเรื่องทีส่ วน
กระแสของวัฒนธรรมบริโภคอย่างรุนแรงเช่นนี้ อดคิดไม่ได้ว่าดิฉันบ้าอยู่คนเดียวและเพ้อฝันในสิง่ ที่
เป็ นไปไม่ได้ การพูดอะไรให้ฝรังยอมรั
่ บฟั งนัน้ ชาวเอเซียทีม่ าอยู่ประเทศในตะวันตกจะรูด้ กี นั ทัง้ นัน้
ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ชนเผ่าอารยัน (ฝรัง)่ นัน้ มีความหยิง่ ในเชื้อสายตนเองอยู่แล้ว ยิง่ มาเป็ นประเทศ
มหาอานาจของโลกด้วยแล้ว ความหยิง่ และทะนงในตนเองย่อมมีมากเป็ นธรรมดา ความรูส้ กึ นี้จะมี
อยู่เองตามธรรมชาติโดยทีเ่ ขาเองก็ไม่รู้ตวั คนที่รตู้ วั คือ ชาวต่างชาติจากประเทศทัง้ ที่กาลั งพัฒนา
และด้อยพัฒนาและต้องมาอาศัยบ้านเมืองเขาอยู่ การทีจ่ ะทาให้ฝรังยอมรั ่ บและยอมฟั งชาวต่างชาติ
นัน้ คนเอเซียจะต้อ งรู้ว่าเขาฟั งไม่ใช่เพราะคนนี้มาจากประเทศไทย จีน สิงคโปร์ อินเดีย บาหลี
เคนยา อันเป็ นประเทศที่เขาให้เกียรติอย่างสูง ประเทศทางเอเซียที่ฝรังพอให้ ่ เ กียรติบ้างก็มเี พียง
ญีป่ ่ ุนเท่านัน้ ประเทศไทยนัน้ ได้กลายเป็ นแหล่งของมุขตลกต่าง ๆ ทีฝ่ รังมั ่ กจะยกขึน้ มาพูดเยาะเย้ย
โดยเฉพาะเรื่องโสเภณี จะให้เกียรติบา้ งก็เรื่องอาหารไทยเท่านัน้ ฉะนัน้ ใครทีส่ ามารถทาให้ฝรังยอม ่
ได้ คนผูน้ นั ้ จะต้องมีความสามารถอะไรสักอย่างทีเ่ ด่น ออกมาอย่างแท้จริงอันเป็ นเรื่องปั จเจกของคน

123
ผู้นัน้ พูดง่าย ๆ ว่าจะต้อ งมีของจริงหรือของแข็งจริง ๆ เช่น ในวงการพระ ก็มหี ลวงพ่อชา ท่าน
อาจารย์พุทธทาส ในวงการกีฬาก็มี คุณเจมส์ วัฒนา คุณไทเกอร์ วู๊ด ซึ่งทีจ่ ริงเขาก็เป็ นอเมริกนั ที่
มีแม่ไทย แม้ผมู้ คี วามรูท้ างด้านวิชาการและอาชีพอันเป็ นทีย่ อมรับของสังคม เช่น หมอ นัน้ ล้วนแต่
ต้องต่อสูไ้ ม่น้อยเป็ นส่วนตัวเพื่อให้ฝรังยอมรั
่ บตนเข้ามาในสังคมเขา นี่คอื สิง่ ทีด่ ฉิ นั ต้องต่อสูม้ าตลอด
เพื่อให้ฝรังยอมฟั
่ งค าพูดของดิฉัน โลกนี้เป็ นโลกของผู้ชาย ความเป็ นผู้หญิงหมายความว่าดิฉัน
จะต้องทางานมากกว่าผูช้ ายหลายเท่านักทีจ่ ะให้สงั คมยอมรับ ยิง่ เป็ นผูห้ ญิงเอเซียในสังคมตะวันตก
ด้วยแล้ว ความยากย่อมมีมากขึ้นเป็ นทวีคูณ ทุกครัง้ ที่ดฉิ ันยืนต่อหน้านักศึกษาซึ่งบางคนก็แสดง
ออกมาอย่างชัดเจนว่า ผูห้ ญิงเอเซียคนนี้จะสามารถสอนอะไรเขาได้หรือ หากดิฉันเลือกสอนแต่ท่ า
ราไท้เก็กอน่ างเดียว มันก็คงจะไม่หนักหนาอะไร แต่ดฉิ ันก็ไม่เคยพอใจเพียงเท่านัน้ คิดอยู่เสมอว่า
จะทาอย่างไรจึงสามารถให้เขาเข้าใจธรรมะและมีส่วนในการปฏิบตั เิ พือ่ การพ้นทุกข์ดว้ ย การพูดตาม
หลักธรรมก็คอื การพูดด้วยเหตุผลที่เป็ นไปตามความเป็ นจริง การพูดความจริงของดิฉั นจึงเปรียบ
เหมือนกับอยู่ในถ้าเสือแล้วยังดันเอาไม้มาแหย่เสือให้โกรธอีก นัน่ คือ ยืนต่อหน้าปั ญญาชนฝรังแถม ่
ยังตาหนิระบบการศึกษาและวิถชี วี ติ ของฝรัง่ ทุกครัง้ ที่ดฉิ ันพูดเรื่องความตายซึ่งเป็ นเรื่องบอบบาง
มากสาหรับฝรัง่ อาทิตย์หนึ่งต่อมา จานวนคนที่กลับมานัน้ น้อยลงอย่ างถนัดตา บางชัน้ นักศึกษา
หายเกือบหมด กิจภายในของดิฉันยังไม่หมด ความเจ็บปวดในหัวใจย่อมมีเป็ นธรรมดา ความมันใจ ่
ในตนเองถดถอยและไม่อยากกลับไปสูห้ น้าเขาอีก เหตุการณ์เช่นนี้เกิดบ่อยมากโดยเฉพาะในช่วง ๗
ปี แรกของการสอน ต้องเลียแผลให้ตนเองอยู่เสมอเพราะไม่สามารถเข้าหาใครได้ ไม่มหี มู่กลุ่มที่จะ
คอยพู ด เพื่อ ให้ก าลังใจ บางครัง้ ดิฉั น อยากคิด ว่ า ที่รอดมาได้เพราะการช่ ว ยเหลือ ของเทวดา
สัมมาทิฏฐิมากกว่าที่เฝ้ ามากระซิบที่หูว่าขอให้เอาเมตตากรุณ าเป็ นธรรมเดินหน้า ช่วยเพียงคน
เดียวได้ก็พ อแล้ว หากไม่มใี ครยอมให้ดิฉันสอนละก็ ก็ยงั มีต นเองให้ ส อน และต้องพยายามสอน
ตัวเองให้พน้ ทุกข์ จะไปกลัวอะไร เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดิฉนั จึงค่อย ๆ เก็บและรวบรวมกาลังใจทีต่ กหล่น
ให้กลับขึน้ มาอีก งานสอนของดิฉนั จึงอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

การพยายามพูดเพื่อกอบกู้วฒ ั นธรรมสติปัฏฐานนัน้ ก็เป็ นอีกเรื่องหนึ่งที่ดิฉันอดคิ ดไม่ได้ว่าคนจะ


หัวเราะเยาะดิฉันเพราะเป็ นเรื่องสวนกระแสความคิดของคนในยุคนี้อย่างมาก แต่ถงึ แม้ได้พยายาม
ผลักไสความคิดเหล่านัน้ ออกไปมากสักเพียงใดก็ตาม ความคิดเช่นนี้กม็ กั จะวนเวียนกลับมาอีกเสมอ
และรุนแรงมากขึ้น ผู้ท่เี จริญสติปัฏฐานอยู่นาน ๆ แล้วนัน้ จะสังเกตออกว่ าความคิดประเภทไหน
จัดเป็ นกลุ่มขยะที่ควรขจัดและประเภทไหนเป็ นกลุ่มของปั ญ ญาที่ควรสางต่อ หลังจากที่พจิ ารณา
ความคิดกลุ่มนี้อยู่หลายปี ทาให้เริม่ เห็นชัดขึน้ ว่า ความคิดกลุ่มนี้มใิ ช่เรื่องทีไ่ ร้สาระเสียทีเดียว แต่จะ
เป็ นเมล็ดพันธ์ท่เี ป็ นประโยชน์ ต่อชนรุ่นหลังที่จะสางต่ อได้ หากมีการเขียนรวบรวมเอาไว้เป็ นชิ้น
เป็ นอัน มันจะเป็ นประโยชน์แก่คนหมู่มาก และอาจจะนาไปสู่การสร้างสรรค์ท่ดี งี ามในอนาคตก็ได้
หากมีความฝั นใดทีย่ งั เหลืออยู่แล้วละก็ มันคือ การได้มสี ่วนร่วมในการกอบกู้เอาวัฒนธรรมสติปัฏ

124
ฐานทีม่ อี ยู่แล้วกลับคืนมารวมทัง้ การสร้า งวัฒนธรรมสติปัฏฐานใหม่ ๆ ให้กบั สังคมใดทีไ่ ม่มพี น้ื ฐาน
ของวัฒนธรรมเช่นนี้ การสร้างวัฒนธรรมทีถ่ ูกต้องให้กบั ชาวโลกเป็ นสิง่ ที่แรกที่ต้องทา หนังสือเล่ม
นี้คอื จุดเริม่ ต้นของการกระทานัน้

วัฒนธรรมสติปัฏฐานทีด่ ฉิ ันได้พดู ถึงในหนังสือเล่มนี้เป็ นเพียงตัวอย่างนิดเดียวทีด่ ฉิ ันต้องยอมรับว่า


มีความรูน้ ้อยมากเพราะขาดประสบการณ์ มันเป็ นงานที่ต้องการความรู้ความสามารถของบุคคล
ต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะผู้เจนจัดในเรื่องวัฒนธรรมไทย เรื่องเหล่านี้ ผู้ท่จี ะให้ความรู้ได้ดยี งิ่ คือ
ท่านอาจารย์โกวิท เขามานันทะ เพราะนอกจากท่านจะเป็ นผูร้ แู้ ล้ วท่านยังเป็ นพหูสูตทีม่ คี วามรูด้ า้ น
วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างกว้างขวาง ดิฉันแน่ใจว่าผูค้ นและองค์กรทีท่ าอยู่แล้วต้องมี
แต่การมาอยู่องั กฤษทาให้ดฉิ ันไม่รจู้ กั คนมากนักและไม่สามารถประสานงานกับคนอื่นได้ จึงยังไม่
สามารถทางานนี้ได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่

ดิฉนั จึงขอฝากความฝันอันสูงสุดนี้ไว้ให้กบั ผูอ้ ่าน เพือ่ เราจะได้ช่วยเหลือกันทีจ่ ะทาให้ความฝันนี้ใกล้


ความจริงขึ้น มาได้บ้าง ดิฉัน ได้ป วารณานากับ ตนเองแล้ว ว่า จะขอใช้ชีว ิต ในอีก ๒๐ ถึง ๓๐ ปี
ข้างหน้านี้ทุ่มเทให้กบั งานชิ้นนี้เพื่อประโยชน์และความสุขของคนหมู่มาก งานนี้จะไม่ มวี นั บรรลุถงึ
จุดมุ่งหมายในชัวชี
่ วติ ของดิฉันอย่างแน่นอน แต่มนั ก็สามารถเป็ นเชื้อ stepping stone ทีช่ นรุ่นหลัง
จะสามารถสางต่อได้ จึงเห็นแต่ความจาเป็ นทีต่ อ้ งพูด

125
126

You might also like