Professional Documents
Culture Documents
Lab 3
Lab 3
เรื่อง การทดลองวงจรลอจิกเกต
วัตถุประสงค์
- เพื่อทดสอบหน้าที่การทางานของลอจิกเกทต่างๆ ซึ่ งสร้างขึ้นในรู ปแบบของ
วงจรลอจิก ( Logic Circuit )
- เพื่อทอสอบวงจรลอจิกที่สร้างจากสมการลอจิก
- เพื่อทอสอบวงจรลอจิกที่สร้างจากตารางความจริ ง
ทฤษฎี
1. หลักการเขียนสมการลอจิกในรู ปเต็ม
การเขียนสมการลอจิกก็คือ การเขียนฟังค์ชนั่ สวิทชิ่ ง ( Switching Function ) ในรู ปแบบการกระทาพื้นฐาน
ทางลอจิก ซึ่ งมีรูปแบบเต็มอยู่ 2 รู ปแบบ คือ
2.1 ฟังค์ ชั่นในรู ปเต็มแบบผลบวกของผลคูณ ( Canonical Sum of Product Form ) หมายถึง
การนาตัวแปรซึ่ งอยูใ่ นรู ปปกติและรู ปคอมพลีเม้นท์มาแอนด์กนั ซึ่ งเราเรี ยกเทอมที่แอนด์กนั นี้วา่
มินเทอม ( Minterm ) แล้วจึงนามินเทอมแต่ละเทอมมาออร์ กนั อีกที เช่นฟังค์ชนั่ มี 3 ตัวแปร คือ
A , B และ C จะเขียนได้เป็ น
โดยที่ F(A,B,C) เป็ นฟังค์ชนั่ สวิทชิ่งของตัวแปรลอจิก A , B และ C ซึ่ งค่าของฟังค์ชนั่ F จะเป็ นได้ 2 ค่าคือ
0 หรื อ 1 ขึ้นอยูก่ บั ค่าของตัวแปร A , B และ C ทั้ง 3 ตัว นอกจากนี้ อาจเขียนให้อยูใ่ นรู ปของ มินเทอมได้ดงั นี้
F(A,B,C) = m2 + m6 + m3 ( m = มินเทอม )
และเพื่อความสะดวกอาจเขียนได้ดงั นี้
F(A,B,C) = m(2,6,3)
โดยที่ เครื่ องหมาย ( อ่านว่า ซิ กม่า ) แทนคาว่า ผลบวก
น้า 18
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
2.2 ฟังค์ ชั่นในรู ปเต็มแบบผลคูณของผลบวก ( Cannonical Product of Sum Form )
หมายถึง การนาตัวแปรซึ่ งอยูใ่ นรู ปปกติและรู ปคอมพลีเม้นท์มาออร์ กนั ซึ่ งเราเรี ยกเทอมที่ออร์ กนั นี้วา่ แมกเทอม
( Max term ) แล้วจึงนาแมกเทอมแต่ละเทอมมา แอนด์กนั อีกที เช่น
F(A,B,C) = M0 . M 1 . M5 ( M = แมกเทอม )
และเพื่อความสะดวกอาจเขียนได้ดงั นี้
F(A,B,C) = M(0,1,5)
Page | 19
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
INPUT OUTPUT
A B C Y
0 0 0 0
0 0 1 1 A.B.C
0 1 0 1 A.B.C
0 1 1 1 A.B.C
1 0 0 0
1 0 1 0
1 1 0 1 A.B.C
1 1 1 0
Page | 20
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
INPUT OUTPUT
A B C Y
0 0 0 0 A+B+C
0 0 1 1
0 1 0 1
0 1 1 1
1 0 0 0 A+B+C
1 0 1 0 A+B+C
1 1 0 1
1 1 1 0 A+B+C
3.2 หลักการเขียนสมการลอจิกจากวงจรลอจิก
การเขียนสมการลอจิกหรื อฟังค์ชนั่ สวิทชิ่ง จากวงจรลอจิกที่กาหนดให้น้ นั วิธีการเขียนต้องเริ่ มต้นจาก
ทางด้านอินพุตมาทางเอ้าต์พุตเรื่ อย ๆ ไปตามลาดับ จงสังเกตจากตัวอย่าง
Page | 21
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
ตัวอย่าง จงหาสมการลอจิกทางเอ้าต์พุตของเกตทุกตัวจากวงจรลอจิกที่กาหนดให้
A Y1
Y3
B Y5
Y2
Y4
เมื่อแทนสมการที่เอ้าต์พุตของวงจรเกตแต่ละตัวได้ดงั นี้
Y1 = A
Y2 = B
Y3 = Y1.Y2 = A.B ( แทนค่า Y1 = A และ Y2 = B )
Y4 = A.B
Y5 = Y3 + Y4 = A.B + AB ( แทนค่า Y3 = A.B และ Y4 = AB )
4. หลักการเขียนวงจรลอจิกจากสมการลอจิก
การเขียนวงจรลอจิก ( Logic diagram ) จากสมการลอจิก ( Logic expression ) หรื อ
ฟังค์ชนั่ สวิทชิ่ง มีหลักการดังนี้
1. เทอมที่คูณกันแทนด้วยแอนด์เกต
2. เทอมที่บวกกันแทนด้วยออร์เกต
3. ถ้าในสมการมีวงเล็บจะต้องทาในวงเล็บในสุ ดก่อน แล้วจึงจะมาทาในวงเล็บนอก
4. สาหรับตัวกระทาเราจะทาน๊อตก่อน ตามด้วยแอนด์ และท้ายสุ ดจะทาออร์ (ในกรณี
เครื่ องหมายน๊อตอยูบ่ นเทอมที่มีการกระทากันอีก ในกรณี น้ ีจะต้องทาเทอมที่อยูใ่ ต้เครื่ องหมาย
น๊อตก่อน แล้วจึงจะทาน๊อต )
Page | 22
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
4.1. หลักการเขียนวงจรลอจิกจากตารางความจริง
INPUT OUTPUT
A B C Y
0 0 0 0
0 0 1 1 A.B.C
0 1 0 1 A.B.C
0 1 1 1 A.B.C
1 0 0 0
1 0 1 0
1 1 0 1 A.B.C
1 1 1 0
Page | 23
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
การเขียนตัวแปรในตารางความจริ ง ปกตินิยมเขียนเรี ยงตามลาดับตัวอักษร และในบางกรณี อาจเขียนจากตัว
หลังมาหาตัวแรก สาหรับฟังค์ชนั่ ที่มีตวั กระทามาก ๆอาจจะต้องเขียนเป็ นขั้น ๆ โดยจะ
เขียนที่เอ้าต์พุตของตัวกระทาแต่ละตัว เพื่อสะดวกในการตรวจสอบและแสดงลาดับขั้นของตัวกระทา
ดังตัวอย่างที่ (1)
INPUT OUTPUT
A B C A.B A A.C A.B + A.C
สภาวะที่ 1 0 0 0 0 1 0 0
สภาวะที่ 2 0 0 1 0 1 1 1
สภาวะที่ 3 0 1 0 0 1 0 0
สภาวะที่ 4 0 1 1 0 1 1 1
สภาวะที่ 5 1 0 0 0 0 0 0
สภาวะที่ 6 1 0 1 0 0 0 0
สภาวะที่ 7 1 1 0 1 0 0 1
สภาวะที่ 8 1 1 1 1 0 0 1
อุปกรณ์ การทดลอง
1. Supply 5 V
2. IC # 7400 , 7402 , 7404 , 7408 , 7432
3. LED , Resistor
4. แผ่นประกอบวงจร และสายประกอบวงจร
Page | 24
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
ลาดับการทดลอง
1. จากวงจรลอจิก รู ปที่ 3.1 ให้เขียนสภาวะลอจิกที่ Out put Y1 ถึง Y7 ลงในตารางที่ 3.1
A B C
Y1
Y5
Y7
Y2
Y3
Y6
Y4
รู ปที่ 3.1
INPUT OUTPUT
A B C Y1 Y2 Y3 Y4 Y5 Y6 Y7
0 0 0
0 0 1
0 1 0
0 1 1
1 0 0
1 0 1
1 1 0
1 1 1
Page | 25
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
2. ให้ประกอบวงจรตามรู ปที่ 3.1 แล้วทดลองและบันทึกผลตามตารางการทดลองที่ 3.2
INPUT OUTPUT
A B C Y7
0 0 0
0 0 1
0 1 0
0 1 1
1 0 0
1 0 1
1 1 0
1 1 1
ตารางการทดลองที่ 3.2
3. ให้เขียนวงจรลอจิกพร้อมตารางวิเคราะห์วงจร จากสมการที่กาหนดให้
Y = A.B + (A + B ) C
Page | 26
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
4. ให้ประกอบวงจรตามสมการที่กาหนดให้ แล้วทดลองบันทึกผลการทดลองที่ 3.3
A B C Y
0 0 0
0 0 1
0 1 0
0 1 1
1 0 0
1 0 1
1 1 0
1 1 1
ตารางการทดลองที่ 3.3
5. จากตารางความจริ งที่กาหนด จงเขียนวงจรลอจิก
A B C Y
0 0 0 0
0 0 1 0
0 1 0 1
0 1 1 1
1 0 0 1
1 0 1 0
1 1 0 0
1 1 1 1
Y = ………………………………………………………………………
Page | 27
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
เขียนวงจรลอจิกได้ ดังนี้
A B C Y
0 0 0
0 0 1
0 1 0
0 1 1
1 0 0
1 0 1
1 1 0
1 1 1
ตารางการทดลองที่ 3.4
Page | 28
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
แบบฝึ กหัด
1. จงเขียน วงจรลอจิกเกต และตารางความจริ ง จากสมการ
f (A,B.C,D) = m ( 2 , 3 , 6 , 7 , 10 , 12)
Input Output
A B C D f
Page | 29
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
Input Output
A B C D f
Page | 30
การออกแบบวงจรดิจิทัล
าขาวิชาวิศวกรรม าร นเทศและการ ื่อ าร
คณะเทคโนโลยีอุต า กรรม ม าวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
ช่วงเวลา A B C Y
0 0 0 0 0
1 0 0 1 1
2 0 1 0 0
3 0 1 1 1
4 1 0 0 0
5 1 0 1 0
6 1 1 0 1
7 1 1 1 1
1
A0 t
1
B0 t
1
C0 t
1
Y0 t
Page | 31