Professional Documents
Culture Documents
บทนำ� 07
วิเคราะห์และแนะนำ�เทคนิคการทำ�ข้อสอบ
ความถนัดแพทย์ PART เชาวน์
แนวข้อสอบเชาวน์
ชุด 01 25
ชุด 02 44
ชุด 03 62
เฉลยแนวข้อสอบเชาวน์
ชุด 01 82
ชุด 02 110
ชุด 03 137
เฉลยแนวข้อสอบจริยธรรมแพทย์
ชุด 01 274
ชุด 02 302
ชุด 03 329
เฉลยแนวข้อสอบเชื่อมโยง
ชุด 01 386
ชุด 02 396
ชุด 03 407
ประวัตินักเขียน
วิเคราะห์และแนะนำ�เทคนิค
การทำ�ข้อสอบ
ความถนัดแพทย์
PART
เชาวน์
สัดส่วนจำ�นวนข้อ (เฉลี่ยโดยประมาณในแต่ละปี)
1. แนวโจทย์เชาวน์ปัญญา
30 60 20 80 16 96
2. อนุกรมรูปภาพ
มีหลักการคล้ายๆ กับอนุกรมตัวเลข เพียงแต่เปลี่ยนจากสังเกตตัวเลขมาเป็นสังเกตลักษณะ
ของเหลี่ยม เส้น มุม หรือถ้าเป็นรูปภาพที่มีตัวเลข อาจมองหาความสัมพันธ์ของตัวเลขช่องที่ติดกัน
หรือช่องตรงข้ามกัน
ตัวอย่าง
10
4. การหารูปที่ต่างจากพวก
เป็นการหาว่าอะไรต่างจากพวก โดยใช้คุณสมบัติของเหลี่ยม สี และเส้นเช่นเดิม แต่อาจรวมไปถึง
ทิศทางการหมุนด้วย
ตัวอย่าง
A B C D E
5. อุปมาอุปไมยเชิงรูปภาพ
ให้นึกถึงการ Intersection และ Union ไว้ก่อน โดยเฉพาะถ้าเจอตาราง 3 x 3 จะมีเทคนิคคือ หาก
มี 1 หลัก (Column) ที่ตรงกับค�าถาม มีสัญลักษณ์น้อย ดูสะอาดๆ ให้นึกถึง Intersection (ลบส่วนที่
ต่างกันของภาพออก คงไว้แต่ส่วนที่เหมือนกัน) หรือมีสัญลักษณ์เยอะ ดูรกๆ ให้นึกถึง Union (รวม
ส่วนประกอบทั้ง 2 ภาพเข้าด้วยกัน)
11
6. มองลูกบาศก์
เมื่อเจอรูปคลี่ของลูกบาศก์ให้ลองพับรูปเข้าหากัน มีเทคนิคในการตัดตัวเลือกคือ รูปที่ถัดไป
สองช่องในแนวเดียวกัน ถ้าพับเป็นกล่องแล้วจะอยู่ด้านตรงข้ามกัน จึงไม่ควรจะเห็นพร้อมกันในรูป
ที่ประกอบเป็นลูกบาศก์
ตัวอย่าง เมื่อน�าไปประกอบเป็นลูกบาศก์แล้วจะตรงกับข้อใด
1. 2. 3.
4. 5.
12
(ใครที่อยู่คนละเส้นกันจะไม่สามารถบอกได้ว่าใครเข้าเส้นชัยก่อนกัน)
8. วิเคราะห์ความเพียงพอของข้อมูล
แต่ละค�าถามจะให้ข้อมูลประกอบ 2 ชุด คือ ข้อมูลที่ (1) และข้อมูลที่ (2) และให้เราหาค�าตอบว่า
ข้อมูลที่ให้เพียงพอต่อการใช้หาค�าตอบหรือไม่ ค�าตอบอาจเป็นเพียงข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง ต้องใช้ทั้งสอง
ข้อมูล หรือข้อมูลไม่เพียงพอที่จะหาค�าตอบเลยก็ได้ โดยเราอาจไม่จ�าเป็นต้องคิดโจทย์เพื่อหาค�าตอบ
จริงๆ แต่ให้พิจารณาแค่ว่าข้อมูลใดบ้างที่มีประโยชน์ต่อการตอบค�าถาม
ตัวอย่าง พ่อมีเงิน 15,000 บาท ต้องการแบ่งให้ลกู 3 คน อยากทราบว่าคนเล็กจะได้สว่ นแบ่งเท่าไร
ข้อมูลที่ (1) คนโตได้ 2 ส่วน คนกลางและคนเล็กรวมกันได้ 3 ส่วน
ข้อมูลที่ (2) คนกลางได้มากกว่าคนเล็ก 2,000 บาท
13
14
1. อัตราเร็วและเวลา
โจทย์เรื่องอัตราเร็วและเวลาส่วนมากจะใช้สูตร v = st แนวโจทย์ที่มักจะชอบออก เช่น
1.1 แนวหยุดพักระหว่างทางแล้วถามหาระยะ จะต้องก�ำหนดให้ระยะทางส่วนที่ 1 เท่ากับ x และ
ระยะทางส่วนที่ 2 เท่ากับ ระยะทางทั้งหมด - x และจะต้องตั้งสมการโดยใช้ผลรวมของเวลา โดยใช้สูตร
t1 + t2 = vs11 + vs22
1.2 แนวขับรถมาเจอกันระหว่างทาง ถ้าสองคนออกเดินทางพร้อมกันจากคนละที่ แปลว่าใช้เวลา
ในการเดินทางเท่ากัน ดังนั้น t1 = t2 ก็จะได้สมการว่า vs11 = vs22 ด้วย
2. อัตราการไหลและการทำ�งาน (Man-Day)
โจทย์ลักษณะนี้ให้เทียบบัญญัติไตรยางศ์เป็นหลัก เช่น ถ้าโจทย์ก�ำหนดให้ ผู้ใหญ่ a คน เด็ก b
คน ท�ำงานหนึ่งเสร็จในเวลา t วัน ดังนั้นจะได้ว่า ใน 1 วัน จะท�ำงานเสร็จไปคิดเป็น งาน
จากนั้นจึงตั้งสมการ 2 ตัวแปร (x, y) ตามข้อมูลที่โจทย์ก�ำหนด โดยแทนลงไปในส่วนที่เป็น
ตัวหนังสือสีไว้ โดย x และ y หมายถึง ปริมาณงานที่ท�ำได้ในหนึ่งวันของผู้ใหญ่และเด็ก ตามล�ำดับ
หากโจทย์เป็นเรื่องเติมน�้ำ ก็ให้เปลี่ยนค�ำว่า “งาน” เป็นค�ำว่า “ถัง” ส่วนผู้ใหญ่และเด็กก็เปลี่ยน
เป็นก๊อกน�้ำแต่ละตัว แล้วใช้วิธีการคิดเหมือนกัน
ตัวอย่าง การทาสีบ้านหลังหนึ่ง ถ้าผู้ใหญ่ 6 คน เด็ก 2 คน ช่วยกันทาสี จะทาเสร็จในเวลา 3 วัน
แต่ถ้าผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 6 คน ช่วยกันทาสี จะทาเสร็จในเวลา 12 วัน จงหาว่าถ้าผู้ใหญ่ 1 คน
เด็ก 1 คน ช่วยกันทาสี จะทาเสร็จในเวลากี่วัน
ดังนั้นจะได้ว่า ผู้ใหญ่ 6 คน เด็ก 2 คน “ใน 1 วัน” จะท�ำงานเสร็จไปคิดเป็น งาน
และจะได้ว่า ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 6 คน “ใน 1 วัน” จะท�ำงานเสร็จไปคิดเป็น งาน
15
16
5. โจทย์ปัญหาสมการเงื่อนไข
ส่วนใหญ่เป็นโจทย์แนวสมการสองตัวแปรทั่วไป โดยจะต้องแปลโจทย์และตั้งสมการให้ได้ แต่จะมี
แนวโจทย์ที่ออกสอบบ่อยๆ เช่น
5.1 แนวถามหาอายุ เพื่อถามอายุ 5 ปีที่แล้ว หรือ 10 ปีข้างหน้า วิธีคิดโจทย์แนวนี้แนะน�ำให้
ตีตาราง เช่น
17
x เดิม → ใหม่ x + 10
x + 20
x + 30
พื้นที่ของรูปใหม่ (x + 30)(x + 10) 160
= (x + 20)x = 100
พื้นที่ของรูปเดิม
เมื่อแก้สมการจะพบว่า x = 30, - 503
แต่เราพิจารณาเฉพาะค่าบวกเท่านั้น คือ 30 จึงได้ความยาวรอบรูปเท่ากับ 160 เมตร
6. โจทย์ปัญหาเซต
หนีไม่พ้นการวาดแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์เป็นหลัก โดยค่อยๆ แปลงข้อมูลเป็นแผนภาพ
ซึ่งมีเทคนิคการเขียนข้อมูลลงในแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ให้ไม่สับสน ดังนี้
• n(U) = 100, n(A) = 36, n(B) = 43, n(C) = 50, … ให้เอาข้อมูลเซต U ซึ่งหมายถึง Universe
(เอกภพสัมพัทธ์) เขียนจ�ำนวนไว้ที่กรอบบนขวา ส่วนจ�ำนวนของสมาชิกเซต A, B และ C ให้ทด
ไว้ข้างๆ นอกกรอบ Universe ก่อน
18
3. แนวโจทย์ภาษาไทย
1. แนวจับคู่คำ�
จะมีการเปรียบเทียบค�ำ โดยเราจะต้องสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างสองค�ำนั้นว่าเป็นอย่างไร ดังนี้
สิ่งนั้นอยู่ในหมวดหมู่ใด (โยงไปหาสิ่งที่กว้างกว่า)
ตัวอย่าง สุนัข : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ชมพู่ : ผลไม้
สิ่งนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง (โยงไปหาสิ่งที่ย่อยกว่า)
ตัวอย่าง สุนัข : ไทยหลังอาน (เป็นพันธุ์หนึ่งของสุนัข)
ญี่ปุ่น : โอซากา (เป็นจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น)
19
2. แนวหาคำ�ที่ ไม่เข้าพวก
พยายามนึกถึงเกณฑ์ที่คนทั่วไปมักจะนึกถึงมากที่สุด อย่าไปนึกถึงเกณฑ์แปลกๆ เพราะอาจ
ผิดได้
ตัวอย่าง ข้อใดไม่เข้าพวก
สกลนคร ลพบุรี นครนายก สุพรรณบุรี สระบุรี
ค�ำตอบของข้อนีค้ อื สกลนคร เพราะสกลนครอยูใ่ นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนตัวเลือกอืน่
อยูใ่ นภาคกลาง เกณฑ์ของโจทย์ขอ้ นีจ้ งึ เป็นต�ำแหน่งทีต่ งั้ แต่หากไปนึกถึงจ�ำนวนพยางค์และตอบว่า
ลพบุรี ข้อนีก้ จ็ ะเสียคะแนนไปทันที
3. อุปนัย-นิรนัย
อุปนัยเป็นการคาดเดาทีไ่ ม่ชวั ร์ เพราะโยงจากสิง่ ทีอ่ ยูใ่ นหมวดหมูท่ ยี่ อ่ ยกว่าไปหาหมวดหมูท่ กี่ ว้าง
กว่า แต่นริ นัยเป็นการคาดเดาทีช่ วั ร์กว่า เพราะโยงจากสิง่ ทีอ่ ยูใ่ นหมวดหมูท่ กี่ ว้างกว่าไปหาหมวดหมูท่ ี่
ย่อยกว่า
เทคนิคคือ ถ้านึกไม่ออกบอกไม่ถกู ให้วาดแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์แบบในโจทย์คณิตศาสตร์
โดยมีเทคนิคการวาดดังนี้
1. คนเก่งทุกคนเป็นคนรวย ▶ ค�ำว่า “ทุกคน” บ่งบอกว่า คนเก่งเป็น Subset ของคนรวย
คนรวย
คนเก่ง
20
คนเก่ง
คนขยัน
คนรวย
คนเก่ง
∅
คนขยัน
4. การตั้งสมมติฐาน
ส่วนใหญ่มักจะให้บทความหรือการทดลองมาแล้วก็ตั้งสมมติฐาน โดยมีหลักการว่าจะต้องตั้งจาก
ตัวแปรต้น (สาเหตุ หรือสิง่ ทีเ่ อามาเปรียบเทียบ) ไปหาตัวแปรตาม (ผลลัพธ์จากการทดลองนัน้ ๆ) โดยใน
การทดลองนัน้ จะต้องมีตวั แปรควบคุมทีจ่ ดั ให้เหมือนๆ กันเพือ่ ไม่ให้การทดลองคลาดเคลือ่ น
ตัวอย่าง เด็กหญิงปัญต้องการท�ำการทดลองโดยน�ำใยบวบที่ผสมยางพาราในอัตราส่วนยางพารา
20%, 40%, 60% และ 80% มาขึน้ รูปเป็นแผ่น และมียางพารา 100% เป็นตัวควบคุม เพือ่ ทดสอบ
ความสามารถในการดูดซับเสียงโดยการน�ำแผ่นไปกั้นตรงกลางท่อ โดยที่ต้นท่อจะปล่อยเสียงที่มี
ความดัง 50 dB ส่วนทีป่ ลายท่อจะวัดเสียงทีต่ รวจวัดได้หลังการดูดซับ ซึง่ ได้ผลการทดลองดังภาพ
ทีแ่ สดง
21
จากภาพจะพบว่า
ตัวแปรต้น คือ สัดส่วนของการผสมใยบวบต่อยางพาราในการขึน้ รูปเป็นแผ่นกัน้ เสียง
ตัวแปรตาม คือ ปริมาณเสียงทีส่ ามารถดูดซับได้ (จะพบว่ายิง่ ตรวจวัดเสียงได้เบาเท่าไร แปลว่า
ยิง่ ดูดซับเสียงได้ดเี ท่านัน้ )
ตัวแปรควบคุม คือ ชนิดท่อทีใ่ ช้ในการทดลองแต่ละครัง้ ชนิดเครือ่ งปล่อยเสียง เครือ่ งวัดเสียง
ชนิดของยางพารา และสภาพอากาศในการทดลอง
ข้อนีจ้ งึ ต้องตัง้ สมมติฐานว่า สัดส่วนของการผสมใยบวบต่อยางพาราในการขึน้ รูปเป็นแผ่นกัน้ เสียง
มีผลต่อปริมาณเสียงทีส่ ามารถดูดซับได้
5. จับใจความสำ�คัญจากบทความ
โจทย์แนวนี้อาจเสียเวลาในการอ่านบ้าง แต่ส่วนใหญ่บทความมักจะไม่ยาวมาก ประมาณ 5-6
บรรทัดเท่านั้น หรืออาจจะให้เป็นบทประพันธ์มาก็ได้ (โอกาสออกไม่บ่อยเพราะไม่ใช่วิชาภาษาไทย)
ทั้งนี้อาจรวมไปถึงการตั้งชื่อเรื่อง หาจุดประสงค์ของผู้เขียน และความรู้สึกของผู้เขียน
เทคนิคคือ ลองสรุปเนื้อหา และขีดเส้นใต้บทความตรงใจความส�ำคัญ โดยอย่าเพิ่งไปดู
ตัวเลือก เพราะอาจจะถูกชักจูงให้คล้อยตามตัวเลือกไปก่อนได้ พยายามมองหาค�ำส�ำคัญ เช่น
แต่ ถ้า เพราะ ดังนั้น ที่ส�ำคัญ เพราะใจความส�ำคัญมักจะอยู่หลังค�ำส�ำคัญเหล่านี้ (แต่ค�ำเหล่านี้
ก็ต้องสอดคล้องกับเนื้อหาโดยรวมด้วย)
22
สรุปเกี่ยวกับข้อสอบความถนัดแพทย์พาร์ตเชาวน์
โดยรวมข้อสอบพาร์ตเชาวน์นี้ถือเป็นพาร์ตที่ยากที่สุดในข้อสอบความถนัดแพทย์ แต่ก็ยังไม่ถือว่า
เกินความสามารถของน้องๆ มากนัก สิ่งที่ส�ำคัญที่สุดในพาร์ตนี้คือเรื่องการบริหารเวลา เพราะ 45 ข้อ
ในเวลา 75 นาทีนั้น เฉลี่ยแล้วข้อหนึ่งประมาณ 1 นาทีครึ่งเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก บางข้อยากๆ อาจ
ต้องใช้เวลา 3-5 นาทีในการคิด เช่น แนววิเคราะห์เงื่อนไข แต่บางข้อ เช่น อนุกรม หรือจับคู่ค�ำ
สามารถท�ำได้ภายในครึง่ นาที จึงควรเลือกข้อท�ำก่อนให้ดๆี ทีส่ ำ� คัญคือ ต้องฝึกฝนการท�ำโจทย์พาร์ตนี้
บ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน ให้คิดได้อย่างเป็นระบบ จะได้เดามุกของแนวโจทย์ได้ถูก และอย่าคิด
นอกกรอบจนเกินไป เพราะจะไม่ได้ค�ำตอบที่ถูกต้อง
23
3. 26 4. 28
5. 30
2 จงหาตัวเลขล�าดับถัดไปของ 2 52 32 3 1 72 ___
1. - 12 2. 1
2
3. 1 4. 3
2
5. 2
3 จงหาตัวอักษรล�าดับถัดไปของ A ข C ฅ H ญ ___
1. M 2. N
3. P 4. S
5. U
26
แนวขอสอบเชาวน ชุด 01
1. 4 2. 6
3. 8 4. 9
5. 10
6
4 ?
10 4
6 5
7 1
1. 2 2. 4
3. 6 4. 8
5. 10
7
2 3 1 2
2 ? 3
5 7 3
3 2 5 4 7 6
1. 3 2. 4
3. 5 4. 6
5. 7
27
1. 2. 3. 4. 5.
1. 2.
3. 4.
5.
28
แนวขอสอบเชาวน ชุด 01
?
1. 2.
3. 4.
5.
11 หากมองจากด้านที่ชี้จะเห็นภาพอย่างไร
1. 2. 3. 4. 5.
29