You are on page 1of 4

กฎหมายน่ารู้

“อ่านให้ดี ศึกษาให้รอบคอบ...ขัดคาสั่งเจ้าพนักงาน มีความผิด”

ปัจจุบันเราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลและเป็นส่วนหนึ่งใน
ชีวิตประจาวัน การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ สามารถทาได้โดยง่ายและรวดเร็วกว่าในยุคอดีตมาก ซึ่งนับว่าเป็นข้อดี
และสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน
แต่ในขณะเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีรวมถึงข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดีย กลับยิ่งต้องใช้ความ
ระมัดระวังให้เพียงพอ เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ ที่เผยแพร่ มีทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง ข้อมูลที่เป็นเท็จ ความคิดเห็นส่วน
บุคคล การที่เราจะทราบได้ว่าข้อมูลต่าง ๆ นั้น เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ จาเป็นต้องใช้ความระมัดระวังและ
ตรวจสอบที่มาที่ไปของข้อมูลให้ถูกต้องเสียก่อนที่จะนาไปใช้ หรือเผยแพร่ส่งต่อให้กับบุคคลอื่น ซึ่งรวมไปถึงข้อ
กฎหมายต่าง ๆ ที่ส่งต่อกันทางสื่อโซเชียลมีเดียด้วย ดังเช่น กรณีตัวอย่างคาพิพากษาคดีลหุโทษ ต่อไปนี้

คาพิพากษาคดีอาญา
คดีหมายเลขดาที่ อ 280/2563
คดีหมายเลขแดงที่ อ 2738/2563
ของศาลแขวงนนทบุรี

โจทก์ฟ้องว่า จาเลยไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของพนักงานสอบสวนประจาสถานีตารวจ ซึ่งเป็นเจ้า


พนักงานตามกฎหมายมีหน้าที่สอบสวนความผิดอาญาและมีอานาจในการรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด รวมทั้ง
มีอานาจในการจัดให้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาคดีอาญา ที่ได้สั่งการให้จาเลยซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาข้อหา
นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะลามกและประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ทาการ
พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม จาเลยทราบคาสั่งของเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว ไม่ปฏิบัติตาม
คาสั่งนั้นโดยจาเลยไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือ ทั้งนี้โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร จึงขอให้ลงโทษตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 368
ในทางพิจารณา โจทก์นาสืบว่าพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความว่าจาเลยได้กระทาความผิดใน
ข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา
และแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้จาเลยทราบ จาเลยให้การปฏิเสธและลงลายมือชื่อในช่องผู้ต้องหาแต่เมื่อพนักงาน
สอบสวนจะให้จาเลยพิมพ์ลายนิ้วมือ จาเลยปฏิเสธ พนักงานสอบสวนแจ้งกับจาเลยว่าตนมีอานาจตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 132 และระเบียบสานักงานตารวจแห่งชาติ จาเลยต่อสู้ว่าตนมีสิทธิ
เสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคาวินิจฉัยแล้ว
จาเลยนาสืบว่าจาเลยไม่พิมพ์ลายนิ้วมือโดยแจ้งพนักงานสอบสวนแล้วว่า จาเลยไม่ได้กระทา
ความผิด การกระทาของจาเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดทางกฎหมาย พนักงานสอบสวนจะปฏิบัติต่อตน
เหมือนเป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาแล้วไม่ได้ การที่พนักงานสอบสวนสั่งให้ตนพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการละเมิดสิทธิ
เสรีภาพและเป็นการกระทาที่ปฏิบัติต่อตนเองซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคาวินิจฉัยแล้วว่า การที่ผู้ต้องหาไม่ยอมให้พิมพ์
ลายนิ้วมือไม่มีความผิดฐานขัดต่อคาสั่งเจ้าพนักงาน

พิเคราะห์คาฟ้อง คาให้การและทางนาสืบของโจทก์จาเลยแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัย


ประการเดียวว่า การกระทาของจาเลยเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่
เห็นว่าพนักงานสอบสวนมีอานาจหน้าที่สอบสวนคดีอาญาซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญามาตรา 132 ให้อานาจไว้ดังนั้นคาสั่งของพนักงานสอบสวนจึงเป็นการสั่งการตามอานาจที่กฎหมายและ
ระเบียบให้ไว้ เมื่อจาเลยทราบคาสั่งดังกล่าวและไม่ปฏิบัติตามโดยไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือของตน การกระทาของ
จาเลยจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอานาจที่มีกฎหมายให้ไว้
ที่จาเลยอ้างเหตุว่าการกระทาของจาเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่สมควรถูกดาเนินคดี
ดังกล่าวนั้น เห็นว่าเมื่อจาเลยให้การปฏิเสธแล้ว การกระทาของจาเลยเป็นความผิดหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่
พนักงานสอบสวนจะต้องดาเนินการสอบสวนคดีต่อไป และการที่พนักงานสอบสวนจะสรุปสานวนการสอบสวน
แล้วมีความเห็นอย่างไร ก็เป็นการใช้อานาจตามดุลพินิจของพนักงานสอบสวน จาเลยมีสิทธิเสนอพยานหลักฐาน
ตามข้อต่อสู้ของตน ไม่ใช่ว่าพนักงานสอบสวนต้องยุติการสอบสวนคดีตามที่จาเลยแจ้ง
ส่วนที่จาเลยอ้างว่า การสั่งให้พิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
ศาลรัฐธรรมนูญมีคาวินิจฉัยแล้วว่าผู้ต้องหาที่ไม่พิมพ์ลายนิ้วมือไม่มีความผิดฐานขัดขืนคาสั่งของเจ้าพนักงานนั้น
เห็นว่า เพราะเหตุที่การพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นสิทธิพื้นฐานเฉพาะตัวบุคคล ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ ในคา
วินิจฉัยที่ 2/2562 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 25 เรื่องการดาเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา ที่กาหนดให้ผู้ซึ่ง
ถูกกล่าวหาว่ากระทาความผิดอาญามีหน้าที่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ลายมือหรือลายเท้า ในส่วนที่กาหนดให้เป็น
ความผิดและโทษทางอาญาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลหลักคือลักษณะการบัญญัติกฎหมายกาหนดให้
ผู้ที่ฝ่าฝืนมีความผิดไปในทันที โดยไม่มีข้อยกเว้นและกาหนดอัตราโทษที่ไม่ได้สัดส่วนกับความผิด ทั้งที่รัฐชอบที่
จะหาวิธีการอื่นที่เหมาะสมควรแก่กรณี ประกอบกับสภาวการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนไปจากช่วงการรัฐประหาร
ไม่ปรากฏถ้อยคาใดจากคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวที่ทาให้เข้าใจได้ว่า บุคคลทุกคนมีสิทธิอย่างเสรีที่จะ
ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือได้ โดยการกระทาของบุคคลนั้นไม่เป็นความผิดใด ๆ นอกจากนี้คาวินิจฉัยของศาล
รัฐธรรมนูญดังกล่าวมิได้วินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 ที่โจทก์ฟ้องเป็นบทบัญญัติหรือกฎหมาย
ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเนื้อหาคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังรับรองว่า มีมาตรการทางกฎหมายอื่น
ที่ให้อานาจแก่เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในการบังคับให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ สาหรับผู้ที่ฝ่า
ฝืนคาสั่งของเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร คือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 วรรคหนึ่ง
ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงในเชิงลักษณะการกระทาของจาเลยคดีนี้กับจาเลยในคดีที่เป็นมูลเหตุแห่งคาวินิจฉัยของศาล
รัฐธรรมนูญจะเหมือนกัน แต่บทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนั้นแตกต่างกันและกฎหมายที่โจทก์ฟ้องขอให้
ลงโทษในคดีนี้ยังไม่ถูกวินิจฉัยให้เพิกถอนหรือสิ้นผลบังคับใช้
ใจความสาคัญของคดีนี้จึงอยู่ที่ว่าผู้ฝ่าฝืนมีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรในการไม่ปฏิบัติตามคาสั่ง
ของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอานาจหรือไม่ การที่พนักงานสอบสวนสั่งให้จาเลยพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่จาเลยอ้างว่า
จาเลยแจ้งพนักงานสอบสวนแล้วว่า จาเลยมีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้และแจ้งให้ทราบถึงผล
คาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งวินิจฉัยเพิกถอนกฎหมายฉบับอื่น อีกทั้งไม่ได้วินิจฉัยรับรองสิทธิของผู้ต้องหาที่จะ
ปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือได้อย่างเสรี จึงไม่ถือว่าเป็นเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
ส่วนการที่จาเลยอ้างว่าเพราะจาเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคาพิพากษา จาเลยจึงมีสิทธิไม่
ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือที่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
131 บัญญัติให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทาได้ เพื่อประสงค์ทราบข้อเท็จจริง
และพฤติการณ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพือ่ จะรู้ตัวผู้กระทาผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือ
ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา การสอบสวนคดีจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาเท่านั้นและหนึ่งใน
กระบวนการสอบสวนคดี เพื่อเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานให้เห็นว่าจาเลยเป็นผู้มีความผิดหรือบริสุทธิ์นั้นก็คือ
การจัดให้ผู้ต้องหาพิมพ์ลายนิ้วมือตามอานาจที่ให้ไว้ ผลของการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นการระบุบ่งชี้ตัวตนของบุคคล
นอกจากผลพิมพ์ลายนิ้วมือสามารถใช้ตรวจสอบประวัติการกระทาความผิดของผู้ต้องหาหรือจาเลย ซึ่งอาจพบ
ประวัติหรือไม่พบ และสามารถมาประกอบการพิจารณาโทษในชั้นศาล การพิมพ์ลายนิ้วมือยังเป็นไปเพื่อ
วัตถุประสงค์อื่นในมุมกลับกันด้วย กล่าวคือเพื่อการป้องกันมิให้มีการดาเนินคดีผิดตัวบุคคล อันจะส่งผลร้ายและ
ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรม
แม้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการถูกดาเนินคดีหรือประวัติต้องโทษอาจส่งผลร้ายแก่จาเลยในรูปของผลคา
พิพากษา แต่จาเลยก็ยังมีสิทธิปฏิเสธข้อมูลนั้นและนาพยานหลักฐานอื่นมาหักล้างได้ ไม่ใช่ว่าผลของการพิมพ์
ลายนิ้วมือเท่ากับเป็นการยอมรับรายการประวัติอันเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองไปเสียทีเดียว หรือเป็น
การยอมรับว่ากระทาความผิดตามข้อที่กล่าวหานั้นทันที ดังนั้นการที่จาเลยในฐานะผู้ต้องหาปฏิเสธไม่ยอมให้
พนักงานสอบสวนพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยอ้างว่าการกระทาของจาเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดและจาเลยให้การ
ปฏิเสธ จึงมีสิทธิปฏิเสธการพิมพ์ลายนิ้วมือก็ดี หรือที่จาเลยอ้างว่าจาเลยแจ้งพนักงานสอบสวนให้ทราบถึงสิทธิ
เสรีภาพตามผลคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้วก็ดี รวมถึงที่จาเลยยกเหตุอ้างว่าการพิมพ์ลายนิ้วมือ
เป็นการกระทาลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองก็ดี ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นข้อหรือเหตุแก้ตัวอันสมควร

พยานหลักฐานของจาเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ การกระทาของจาเลยจึงเป็น
การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคาสั่งที่เจ้าพนักงานสั่งการตามอานาจที่มีกฎหมายให้ไว้ โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวสมควร
และเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์
พิพากษาว่า จาเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 วรรคแรก ปรับ
3,000 บาท ไม่ชาระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30
จะเห็นได้ว่าการรับข้อมูลอันรวดเร็วจากสื่อโซเชียลมีเดีย ที่เผยแพร่กันโดยง่ายนั้น นอกจาก
จะต้องตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่แล้ว ยังต้องพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ทราบถึงเหตุและผลของแต่
ละเรื่องราว ก่อนที่จะนาข้อมูลต่าง ๆ ไปใช้งานหรือใช้อ้างอิง
ผลของการหลงเชื่อนักกฎหมายโซเชียลมีเดีย ว่าเป็นผู้ต้องหาแล้วมีสิทธิที่จะปฏิเสธ ไม่ยินยอม
พิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้ว
จึงทาให้ผู้ต้องหารายนี้ได้คดีเพิ่มมาอีก 1 คดี เสียเวลาไปศาลเพิ่มอีก 1 คดี รวมถึงเสียค่าปรับเพิ่มอีก 3,000
บาท
ฉะนั้น ก่อนที่จะเชื่อ ก่อนที่จะนาข้อมูลต่าง ๆ ไปใช้ ขอให้ทุกท่าน “อ่านให้ดี ศึกษาให้
รอบคอบ…” จะได้ไม่เกิดปัญหาเหมือนตัวอย่างคาพิพากษาข้างต้นนี้

You might also like