Professional Documents
Culture Documents
ไทม์ไลน์แนวคิดการต่อสู้คอหักกระ พ.ศ.2220-2558
ไทม์ไลน์แนวคิดการต่อสู้คอหักกระ พ.ศ.2220-2558
การเตรียมความพร้อมด้านกฎหมาย
โดย
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
สาขากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปีการศึกษา 2559
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดย
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร
นิติศาสตรมหาบัณฑิต
สาขากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปีการศึกษา 2559
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
BY
บทคัดย่อ
นักนิติศาสตร์ควรต้องพึงระลึกเสมอว่านิติศาสตร์เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในสังคมศาสตร์
ตรงกับคากล่าวของ รอสโค พาวด์ ที่ว่า “นักกฎหมายเสมือนเป็นวิศวกรของสังคม” ทาให้นักกฎหมาย
มีหน้าที่จัดระบบผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ของปั จเจกชน ประโยชน์ของมหาชน หรือ
ประโยชน์ของสังคมอย่างสมดุล โดยอาศัยกลไกทางกฎหมาย เพื่อให้สังคมสามารถดาเนินต่อไปอย่าง
สงบ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
โครงการคลองไทย หรือที่รู้จักในชื่อคอคอดกระหรือคลองกระ หมายถึง แนวคิด ในการ
ขุดคลองเพื่อเชื่อมระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เพื่อประโยชน์ในทางพาณิชย์นาวี และการ
ขนส่งทางทะเล ตลอดระยะเวลา 340 ปีที่ผ่านมา แนวคิดนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นพิจารณา หารือ และ
ศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น (Pre - Feasibility Study) อยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ดี ยังคงมีการะแส
คัดค้านจากบุคคลที่เกี่ยวข้องบางส่ วน ทาให้โครงการปราศจากแนวทางที่ชัดเจน ปรากฏเพียงเสียง
คัดค้านและสนับสนุนปะปนกันเรื่อยมา วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาเพื่อนาเสนอความชัดเจนและ
ประเด็นที่ต้องพิจารณาในด้านต่าง ๆ อย่างละเอียด ทั้งเหตุผลและมุมมองของฝ่ายที่คัดค้านและ
สนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านกฎหมายและการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายหาก
โครงการสามารถดาเนินการจนสาเร็จขึ้นได้ในอนาคต
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโครงการคลองไทย ซึ่งเป็นโครงการเมกะโปรเจคที่มีความสาคัญ
ระดับภูมิภาค และเกี่ยวข้องโดยตรงกับสังคมไทยในหลายภาคส่วน ดังนั้นวิธีการทาให้เกิดความสมดุล
แห่งผลประโยชน์ และตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วนในสังคมได้อย่างแท้จริง คือ ต้องศึกษา
ทั้งแนวทางที่ดีและบทเรียนแห่งความผิดพลาดของประเทศอื่น ๆ ที่มีการขุดคลองในลักษณะเดียวกัน
ABSTRACT
Practitioners of law must be aware that law is one of the subjects in social
science. According to Roscoe Pound, lawyers are considered as engineers of society.
Therefore, lawyers have responsibility to equally administer the benefits of individuals,
the public, and the society through the exercise of legal mechanism so that the society
functions peacefully, steadily, prosperously, and sustainably.
“Thai Canal”, so-called “Kra Canal” or “Khor Khod Kla”, refers to the idea
of excavation of canal to connect the Gulf of Thailand and the Andaman Sea with a
view to facilitate merchant navy and maritime transport. Throughout the last 340 years,
the idea has been discussed and its pre-feasibility study has also been conducted.
However, objections to such idea have been raised by relevant stakeholders, resulting
in an unclear framework of the project and controversial debates, particularly in legal
aspects. Thereby, the objective of this thesis is to study and present crucial issues to
scrutinize. The study will present the arguments for and against “Thai Canal” by
concentrating on legal dimension and suggesting legal preparation for the future
implementation of the project.
The study on “Thai Canal”, one of mega projects, is regionally significant
and directly related to many parts of Thai society. Hence, the key process to encourage
the equal share of profits and to satisfy the needs of the society is to study lessons
learnt by other countries which had the similar excavation of canal such as Suez Canal
of Arab Republic of Egypt, Panama Canal of Republic of Panama, and Kiel Canal of
Republic of Germany. Moreover, the study is required perspectives and supports from
experts in different areas including law, merchant navy, logistics, engineering, maritime
transport, and marine force, to consider the possible effects and issues of public
concerns. The acquired information leads to the analysis of feasibility of
implementation of the project, advantages and disadvantages, further objections, legal
issues, and possible solutions, resulting in a blueprint of legislation that suits the
society and the needs of the general public.
In legal perspectives, “Thai Canal” has two main aspects to consider. The
first one appears in the commencing of the project and it is related to the type of
investment. The options of investment ranges from an ultimate investment of the
government to the co-investment between the government and domestic firms, or
between the government and foreign investors. The second aspect, which could be
raised after the construction of the canal, includes supervision, administration,
maintenance, prevention of the possible problems, and measures to reduce further
negative effects on the project. These are among the top priorities and require a special
act to address.
This thesis has collected information, analyzed results, and synthesized
data with a view to present the feasibility of the implementation of the project, the
possible issues of the project, and the relevant laws to the project, which has been
emphasized on the investment and supervision in details. Furthermore, the thesis aims
to illustrate a blueprint of act to monitor “Thai Canal” in case the project is taken into
practice in the future. The proposed act has been drawn from the Panamanian law,
which effectively and systematically eases the supervision of Suez Canal. However, the
proposed act has been adapted to suit the circumstance of Thai society.
Keywords: Thai Canal, Kra Canal, Khor Kod Kla, Kra Peninsula, Kra Isthmus
กิตติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เกิดขึ้นจากความสงสัยของข้าพเจ้า ในฐานะประชาชนไทยที่มีต่อ
โครงการขุดคลองบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อเชื่อมมหาสมุทร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ได้รับการบอก
เล่าจากคนรุ่นหลัง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังคงปราศจากความชัดเจน และในกระแสหนึ่งก็ว่าหากโครงการ
นี้สามารถทาจนสาเร็จขึ้น จะช่วยพลิกโฉมประเทศไทยและช่วยพัฒนาการค้าระหว่างประเทศได้เป็น
อย่างดี เมื่อค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้นและนาเข้าปรึกษากับท่าน ศาสตราจารย์.ดร.กาชัย จงจักรพันธ์แล้ว
ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด
เท่าที่จะสามารถกระทาได้ ประกอบกับ ติดต่อสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น วิทยานิพนธ์เล่มนี้จะไม่สาเร็จสมบูรณ์ขึ้นได้เลย หากปราศจากความช่วยเหลือจาก
ผู้มีอุปการคุณ ดังต่อไปนี้
ศาสตราจารย์ ดร.กาชัย จงจักรพันธ์ ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ประสิทธิ์ประสาททั้ง
วิชาความรู้และจริยธรรมให้กับข้าพเจ้า เป็นครูผู้อบรมสั่งสอนด้วยความเมตตา อดทนชี้แนะแนวทาง
ให้ข้าพเจ้าได้เดินอย่างถูกต้องตามครรลอง รับฟังความคิดเห็นของข้าพเจ้า และเคารพเสรีภาพทาง
วิ ช าการเป็ น อย่ า งมาก ทั้ ง ยั ง เป็ น ที่ ยึ ด เหนี่ ย วจิ ต ใจยามที่ ข้ า พเจ้ า รู้ สึ ก ท้ อ แท้ โดยกระท าตนเป็ น
แบบอย่างที่ดีในเรื่องความขยันหมั่นเพียรและมีวินัยให้ข้าพเจ้าเห็นเสมอ และสิ่งสาคัญที่สุด คือ ท่าน
เป็นผู้ทาให้ข้าพเจ้าตระหนักถึงคุณค่าของการสร้างสรรค์ งานวิชาการเพื่อสังคม การมีจิตสาธารณะ
รู้จักอุทิศเวลาและกาลังสติปัญญา เพื่อผลิตผลงานที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติแ ละประชาชน
จนกระทั่งสาเร็จเป็นวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ
ศาสตราจารย์ พิ เ ศษ ประจั ก ษ์ พุ ท ธิ ส มบั ติ ซึ่ ง ให้ เ กี ย รติ เ ป็ น ประธานในการสอบ
วิทยานิพนธ์ของข้าพเจ้า ท่านช่วยชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ และถ่ายทอดประสบการณ์ของท่าน
ในมูลนิธิคลองไทย ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับทราบถึงข้อเท็จจริงและข้อสังเกตหลายประการ อันเป็น
ประโยชน์ต่อการทาวิทยานิพนธ์ฉบับนีเ้ ป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ
ศาสตราจารย์ วิชัย อริยะนันทกะ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูมินทร์ บุตรอินทร์ ซึ่งให้
เกียรติเป็นกรรมการในการสอบวิทยานิพนธ์ของข้าพเจ้า ทั้งสองท่านช่วยชี้แนะให้ข้าพเจ้าตระหนักถึง
ผลกระทบทางกฎหมายอย่างรอบด้าน และแนะนาแนวทางการแก้ไขพัฒนาผลงานวิชาการ อันนามา
ซึ่งวิทยานิพนธ์ที่มีความสมบูรณ์ ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ
นอกจากอาจารย์ทั้งสี่ท่าน ยังมีนักวิชาการจานวนหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือแก่ข้าพเจ้ า
เป็นอย่างดี ในการให้สัมภาษณ์ถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ และมุมมองที่เป็นประโยชน์ เพื่อเป็น
วิทยาทานให้แก่วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณ ศาสตราจารย์ พิเศษ วิสูตร ตุวยานนท์
นางสาวดลหทัย จิรวิวรรธน์
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย (1)
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ (4)
กิตติกรรมประกาศ (5)
สารบัญตาราง (18)
สารบัญภาพ (19)
บทที่ 1 บทนา 1
1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์ในการศึกษา 6
1.3 ขอบเขตของการศึกษา 7
1.4 วิธีการดาเนินการศึกษา 8
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 9
บทที่ 2 แนวคิดในการขุดคลองไทย 10
บทที่ 3 ความเป็นไปได้ของโครงการคลองไทย 47
3.2.2.3 ประโยชน์ในทางพาณิชย์นาวีของการขุดคลองกระ 60
โดย นายไชยยศ ไชยมั่นคง
3.2.2.4 ข้อคิดเห็นในทางวิศวกรรมของโครงการขุดคลองกระ 62
โดย คณาจารย์สาขาวิศวกรรมแหล่งน้า คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.2.2.5 ข้อพิจารณาเรื่องคลองกระกับปัญหาความมั่นคง 62
(1) ข้อพิจารณา โดย พลเอกสายหยุด เกิดผล 62
(2) ข้อพิจารณา โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์ 64
3.3 การศึกษาโครงการ โดย อชวท. สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย 65
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2530
3.3.1 สถานการณ์และแนวคิดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว (พ.ศ. 2530) 65
3.3.2. สรุปผลการศึกษาของ อวทช. 65
3.3.2.1 เป้าหมายของโครงการขุดคลองกระ 65
(1) การพัฒนาภาคใต้ให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ 65
(2) การขยายอุตสาหกรรมประมงน้าลึก 66
(3) การเสริมสร้างความเจริญด้านพาณิชย์นาวีแก่ประเทศไทย 66
(4) การระดมทุนและทรัพยากรจากภายประเทศ เพื่อดารงไว้ซึ่ง 66
อธิปไตยของคลองกระ
(5) การจัดสิ่งอานวยความสะดวกอย่างครบครันและพัฒนาเมืองใหม่ 66
3.3.2.2 ความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองกระ 67
3.4 การศึกษาความเป็นไปได้ทางสังคมของโครงการคลองกระ 68
โดย สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2533
3.4.1 สถานการณ์และแนวคิดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว (พ.ศ. 2533) 68
3.4.2 สรุปผลการศึกษาความเป็นไปได้ทางสังคม โดย สถาบันวิจัยสังคม 69
3.4.2.1 สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวบ้านที่อยู่ในเส้นทางคลองกระ 69
แนว 5A
3.4.2.2 ทัศนคติที่มีต่อโครงการ ด้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่ออาชีพ และ 69
ความมุ่งหวังในอนาคต
3.5 รายงานผลการวิจัยการศึกษาความเป็นไปได้ด้านการพาณิชย์ และด้านกายภาพ 71
ของการขุดคอคอดกระ โดย สถาบันพาณิชย์นาวี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในปี พ.ศ. 2542
บทที่ 4 สิ่งที่ภาครัฐต้องคานึงถึงในการดาเนินการตลอดโครงการคลองไทย 99
4.1 รูปแบบของคลองที่เสนอให้ทาการขุด 99
4.1.1 คลองปิด 99
4.1.2 คลองเปิด 99
4.1.3 ระบบราง - คลอง (Rail - Canal) 99
4.2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการขุดคลองไทย 102
4.2.1 ประโยชน์ต่อโลกและภูมิภาค 102
4.2.2. ประโยชน์ต่อประเทศไทย 102
4.2.2.1 ประโยชน์ทางตรง 102
4.2.2.2 ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 103
4.3 ปัญหาและข้อพึงระวังที่อาจเกิดขึ้นหากมีการขุดคลองไทย 104
บรรณานุกรม 255
ภาคผนวก
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
1 รายละเอียดของเส้นทางเดินเรือคลองสุเอซตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งานจนถึงปัจจุบัน 13
2 ตารางเปรียบเทียบศักยภาพของคลองสุเอซ คลองปานามา และคลองคีล 29
3 เส้นทางที่ได้รับการเสนอให้ทาการขุด 39
4 อักษรย่อของรูปแบบการลงทุน PPP 128
5 รูปแบบของหลักปฏิบัติสากลความร่วมมือ PPP 129
6 ข้อสนับสนุนและข้อคัดค้านโครงการขุดคลองไทย 179
7 แนวคลองที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด และรูปแบบที่เสนอให้ทาการขุด 181
8 ข้อเสนอเกี่ยวกับการลงทุนดาเนินโครงการ 186
9 สภาพปัญหาและข้อพิจารณาในการดาเนินโครงการ 189
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
1 แสดงเส้นทางการเดินเรือผ่านคลองปานามา ระหว่างฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกกับ 21
มหาสมุทรแอตแลนติก
2 แสดงโครงสร้างภาพรวมของคลองปานามา 22
3 แสดงลักษณะโครงสร้างของคลองปานามา 22
4 แสดงการทางานประตูน้าและอู่เรือ 23
5 แสดงทาเลที่ตั้งของประเทศสิงคโปร์บนช่องแคบมะละกา และทาเลที่ตั้งของคลองกระ 120
6. แสดงแนวคลอง 5A และแนวคลองต่าง ๆ ที่ TAMS และ RRNA ทาการศึกษา 186
7. แสดงแนวคลอง 9A 187
8. แสดงแนวคลอง KT 188
บทที่ 1
บทนา
1.1 สภาพปัญหา
คลองคอดกระ คลองกระ หรือ “คลองไทย” ล้วนเป็นคาที่สื่อความหมายในสิ่งเดียวกัน
คือ การขุดคลองเชื่อมอ่าวไทยกับทะเลอันดามันเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นเส้นทางเดินเรือสายใหม่ของโลก1
แนวคิดในการขุดคลองบริเวณคอคอดกระ มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แห่งกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. 2220 ซึ่งในยุคสมัยดังกล่าวชาวกรุงศรีอยุธยาทาการติดต่อค้าขายกับ
ชาวยุโรปอย่างกว้างขวาง แต่เนื่องจากประสบอุปสรรคทางเทคโนโลยีที่ไม่มีความทันสมัยเพียงพอที่จะ
ดาเนินการ จึงไม่อาจขุดคลองบริเวณคอคอดกระให้สาเร็จในยุคสมัยดังกล่าว ต่อมาสมัยรัตนโกสินทร์
ตอนต้ น สมเด็ จพระราชวั ง บวรมหาสุ ร สิ ง หนาทมี พ ระด าริ เ รื่ อ งการขุ ด คลองบริเ วณคอคอดกระ
เช่นเดียวกัน แต่ด้วยวัตถุประสงค์ที่เปลี่ยนแปลงไป คือ เพื่อประโยชน์ในการเคลื่อนพลทัพไป ทา
สงครามกับพม่า แต่ก็มิได้มีการดาเนินการให้สาเร็จลุล่วงตามพระประสงค์แต่อย่างใด2
กระทั่งในยุคล่าอาณานิคม ประเทศมหาอานาจ คือ ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสได้เข้ามา
ขอพระบรมราชานุญาตดาเนินการสารวจทางธรณีบริเวณคอคอดกระ เนื่องจากเล็งเห็นผลประโยชน์
ในการได้มาซึ่งเส้นทางเดินเรือสายใหม่ ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสจึงเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในการ
ริเริ่มวางแผนโครงการขุดคลองบริเวณคอคอดกระ โดยวิศวกรจากประเทศอังกฤษได้เข้ามาศึกษาพื้นที่
บริเวณคอคอดกระ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 3 แต่ไม่ประสบ
ความสาเร็จ เนื่องจากประสบปัญหาสภาพภูมิประเทศมีความไม่เหมาะสม ทาให้ขาดแคลนเครื่องมือ
และเงินทุนที่ใช้ในการดาเนินโครงการ 4 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
1 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
วุฒิสภา พุทธศักราช 2548, ผลการศึกษาโครงการขุดคลองไทย, (กรุงเทพฯ : สานักงานเลขาธิการ
วุฒิสภา, 2548), น.11.
2 โปรดดู เพลงยาวนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จไปตีเมืองพม่า
อาทิตย์ ขึ้น 10 ค่า เดือน 3 ปีมะเสง จุลศักราช 1243, ใน นงเยาว์ กาญจนจารี, ดารารัศมี, (กรุงเทพฯ
: ทรีดีการพิมพ์, 2533)
7 ไกรฤกษ์ นานา, “ตะลึ ง Blueprint คลองคอดกระ สมัยรั ชกาลที่ 5 มีจริง,” ใน
11 เพิ่งอ้าง
14 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การขุดคลองไทยสามารถดาเนินไปโดยเกิดประโยชน์สูงสุดแก่
ประเทศชาติและประชาชน
การจัดทาวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ นอกจากจะเกิดจากการเล็งเห็นถึงความเป็นไปได้และ
ผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งคาดว่าโลก ภูมิภาค และประเทศไทยจะได้รับจากการขุดคลองไทยแล้ว
ขณะเดียวกันผู้ศึกษายังเล็งเห็นถึงปัญหาและผลเสียอย่างใหญ่หลวงที่จะตามมา หากประเทศไทย
ขุดคลองไทยขึ้นโดยปราศจากการเข้าใจถึงปัญหาและมองข้ามความกังวลของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ไม่ ว่ า จะเป็ น ปั ญ หาด้ า นรู ป แบบการลงทุ น ด าเนิ น โครงการ การบริ ห ารโครงการ การแบ่ ง ปั น
ผลประโยชน์ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหาความกังวลของกองทัพเรือเกี่ยวกับความมั่นคงและ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ ทาให้รัฐบาลของประเทศไทยต้องทาการวางแผนและเตรียมความ
พร้อมอย่างรัดกุม เพื่อหาแนวทางป้องกันและเยียวยาแก้ไขปัญหาที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น
ตามมาในอนาคต และเนื่องด้วยเม็ดเงินจานวนมหาศาลที่จะเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และ
การเข้ามาของเรือขนส่งสินค้า จากประเทศต่าง ๆ พร้อมกับลูกเรือ จานวนมาก การบริหารจัดการ
โครงการจึงต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และรัดกุม ด้วยเหตุนี้จาต้องมีกฎหมายขึ้นมา
ควบคุมกลไกต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม มิฉะนั้นการขุดคลองไทยนี้อาจนามาซึ่งผลร้ายที่ยิ่งใหญ่
และยากที่จะดาเนินการแก้ไขให้กลับคืนดีได้ในภายหลัง อาทิ ปัญหาการสูญเสียเอกราชทางเศรษฐกิจ
ไปพร้อมกับการให้สัมปทานแก่ต่างชาติโดยปราศจากความระมัดระวัง19 ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ซี่ง
เกิดจากกระบวนการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ 20 ปัญหามลภาวะที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม21
และปัญหาที่สาคัญที่สุด คือ ปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจากการขุดคลองไทยจะทาให้
บริเวณดังกล่าวกลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์ ” อันเป็นพื้นที่รองรับความขัดแย้งในภูมิภาค และอาจ
กลายเป็นสมรภูมิ ในสงครามตัวแทนของประเทศมหาอานาจ 22 ดังนั้น หากมิได้มีความระมัดระวัง
เตรียมพร้อมป้องกันอย่างเพียงพอ อาจนามาซึ่งความเสียหายที่ใหญ่หลวงเกินกว่าประเทศชาติจะรับ
ไหว23
1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งที่จะศึกษาปัญหาทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อรัฐบาลไทยตัดสินใจ
ด าเนิ น โครงการขุ ด คลองไทยเพื่ อ เชื่ อ มระหว่ า งอ่ า วไทยกั บ ทะเลอั น ดามั น ไม่ ว่ า จะเป็ น ด้ า น
ผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับจากการดาเนินโครงการ ปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ ปัญหา
ความกังวลของกองทัพเรือต่อความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ปัญหา
ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านพาณิชย์นาวีและโลจิสติกส์ ตลอดจนข้อพิจารณาด้านการลงทุนทั้งก่อน
และหลังการลงทุน โดยผู้เขียนมีความมุ่งหวังว่าวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จะถูก ใช้เป็นข้อมูลและแนวทาง
เพื่อใช้ในการพิจารณาตัดสินใจศึกษา ดาเนินการ และวางแผนรับมือกับปัญหาความกังวลใจของ
ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
การตระหนักรู้ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างครบถ้วน จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาหรือสร้างกฎหมายที่ประเทศไทยควรต้องมี
เมื่ อ มี ก ารขุ ด คลองไทย เนื่อ งจากในต่ า งประเทศนั้ น การขุ ดทางน้ าหรื อ คลองเพื่ อ เชื่ อมระหว่ า ง
มหาสมุ ท รมี ม าแต่ โ บราณ และจากการที่ ไ ม่ ไ ด้ ศึ ก ษาสภาพปั ญ หาอย่ า งถี่ ถ้ ว น ไม่ ว างแผนจั ด ท า
กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อมรองรับ จึงทาให้ หลายประเทศต้องพบกั บอุปสรรคมากมาย
อันเนื่องมาจากการตัดสินใจขุดคลองโดยปราศจากการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายอย่างเพียงพอ
ในที่สุดประเทศเหล่านั้นก็ทาการแก้ไข พัฒนาจากความผิดพลาดในอดีต จนได้มาซึ่งข้อสรุป และ
ข้ อ กฎหมายที่ มี โ ครงสร้ า งคล้ า ยคลึ ง กั น แต่ มี ค วามแตกต่ า งกั น ในรายละเอี ย ดปลี ก ย่ อ ย ทั้ ง นี้
เพื่อตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ ความต้องการ และบริบททางสังคมที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ
แนวคิดในการขุดคลองไทย ตลอดระยะเวลา 340 ปีที่ผ่านมา โครงการถูกหยิบยกขึ้น
พิจารณาเป็นระยะ แต่กลับยังมิได้ดาเนินการให้สาเร็จ จนกลายเป็นที่สงสั ยของนักวิชาการ นักศึกษา
และประชาชน ถึงผลดีและผลเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รวมถึงสาเหตุที่ทาให้โครงการ
คลองไทยไม่อาจประสบความสาเร็จได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาเพื่อให้
เกิดการวิเคราะห์รายละเอียดข้อมูลทางประวัติศาสตร์และข้อมู ลทางวิชาการของโครงการคลองไทย
เพื่อตอบข้อสงสัยแก่สังคม รวมถึงจัดหาแนวทางในการดาเนินโครงการอย่างระมัดระวังให้แก่ภาครัฐ
23
ดิลก ภัทรโกศล, “ผมไม่ขุดคลองกระ,” ใน วารสารนาวิกศาสตร์ , เล่มที่ 1, ปีที่
83, (มกราคม 2543), น.3.
อั น เป็ น เครื่ อ งมื อ ในการรั ก ษาผลประโยชน์ ข องประเทศ มิ ใ ห้ ถู ก เอารั ด เอาเปรี ย บจากต่ า งชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมหาอานาจ และเป็นแนวทางในการป้อ งกันผลกระทบที่คาดว่าจะ
เกิดขึ้นจากโครงการคลองไทย โดยผู้เขียนจะทาการวิเคราะห์ทางเลือกที่มีความเหมาะสมและเป็นไป
ได้มากที่สุดที่ภาครัฐจะสามารถนาไปใช้ในการดาเนินโครงการ ตลอดจนวิเคราะห์ข้อกฎหมายที่
เกี่ยวข้อง และอุปสรรคทางกฎหมายที่ภาครัฐต้องเผชิญ พร้อมทั้งจัดทาร่า งกฎหมายที่ภาครัฐจะ
สามารถนาไปเป็นแนวทางเพื่อใช้กากับคลองไทย หากมีการขุดคลองไทยขึ้นในอนาคต
1.3 ขอบเขตของการศึกษา
การที่ประเทศไทยจะพิจารณาดาเนินโครงการขุดคลองไทย วิธีการที่ดีที่สุด คือ ต้อง
ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความสาเร็จและข้อผิดพลาดของประเทศที่เคยขุดคลองในลักษณะเดียวกัน
ประกอบด้วย คลองสุเอซ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับ อียิปต์ คลองปานามา ประเทศสาธารณรัฐ
ปานามา และคลองคีล ประเทศสหพันธรัฐเยอรมนี และวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางป้องกันมิให้ปัญหา
เหล่านั้นเกิดขึ้นกับคลองไทย
ทั้ ง นี้ กฎหมายมิ ไ ด้ เ ป็ น เพี ย งเครื่ อ งมื อ ในการแก้ ไ ข ปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น แล้ ว เท่ า นั้ น
แต่กฎหมายที่ดีต้องสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นมากระทบให้
เกิ ดความเสี ย หายต่อ ประเทศชาติ ดัง นั้น วิ ทยานิพ นธ์ฉ บับ นี้ จึง ศึ กษาให้ เ ห็น ถึง ต้ นตอของปัญ หา
ความเป็นไปได้ในการเกิดขึ้นของปัญหา รูปแบบของปัญหา และศึกษาแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหา
โดยพิจารณาเปรียบเทียบกับตัวบทกฎหมายของคลองสุเอซ คลองปานามา และคลองคีล โดยคัดเลือก
มาเฉพาะส่วนที่ดี มีความเหมาะสม สอดรับกับวัตถุประสงค์ ของโครงการ และปรับให้เข้ากับบริบท
ของสังคมไทย โดยในการศึกษาเรื่องดังกล่าวนี้จะแบ่งส่วนของการศึกษาออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ภาคประวัติศาสตร์ เป็ นการศึกษาประวัติ ศาสตร์ค วามเป็นมาและลัก ษณะทั่วไป
ของคลองสุเอซ คลองปานามา และคลองคีล รวมถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโครงการคลองไทย
และลักษณะทั่วไปของคลองไทยที่คาดว่าจะดาเนินการขุดขึ้น
2. กระบวนการตัดสินใจและริเริ่มดาเนินโครงการ เป็นการศึกษารูปแบบการลงทุนที่มี
ความเหมาะสมกับโครงการคลองไทยมากที่สุด เมื่อพิจารณาจากปัจจัยและบริบทแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหมดทุกด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อพิจารณา
และอุปสรรคด้านกฎหมาย โดยการศึกษาในขั้นนี้ผู้เขียนจะจัดทาไว้เป็นทางเลือก เพื่อประกอบ
การพิจารณา ซึ่งมีการแจกแจงข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบ ข้อพึงระวัง และประเมินความเป็นไปได้ของ
แต่ละรูปแบบไว้โดยละเอียด
1.4 วิธีการดาเนินการศึกษา
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จะทาการศึกษาโดยใช้วิธีการค้นคว้า รวบรวม ศึกษาและวิจัยจาก
เอกสาร (Document Research) ทั้ ง ในรู ป แบบของหนั ง สื อ บทความในหนั ง สื อ บทความ
อิเล็กทรอนิกส์ วารสาร วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ ผลการประชุม รายงานการวิจัยต่าง ๆ และฐานข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ รวมถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กฎหมายไทย กฎหมายของประเทศที่ท าการศึก ษาเปรีย บเทีย บ และกฎหมายระหว่า งประเทศ
ที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากโครงการคลองไทยเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เกี่ยวข้อง
กับศาสตร์หลายสาขา นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนต่างให้ความสาคัญและตั้งข้อสังเกตไว้
ผู้เขียนจึงต้องทาการวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ในการนี้ผู้เขียนจึงทาการศึกษาและรวบรวมเอกสาร
วิจัยจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ คือ ด้านกฎหมาย ด้านการลงทุน ด้านพาณิชย์นาวี และ
โลจิสติกส์ ด้านยุทธศาสตร์ และข้อมูลจากผู้ปฏิบัติการจริง โดยผู้เขียนได้ทาการสัมภาษณ์นักเดินเรือ
ระหว่างประเทศ ผู้ให้บริการเรือ นักวิชาการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนาข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากบุคคล
เหล่านี้มาประกอบการวิเคราะห์วิจัยให้ได้มาซึ่งวิทยานิพนธ์ที่มีความละเอียดสมบูรณ์ในทุกมิติ
สาหรับกฎหมายในเรื่องของรูปแบบการลงทุนโครงการคลองไทย วิทยานิพนธ์ฉบับนี้
จะนาเสนอรูปแบบที่มีความเป็นไปได้ พร้อมข้อดีข้อเสียของแต่ละรูปแบบ โดยบูรณาการความรู้และ
ข้อสังเกตที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงเศรษฐศาสตร์ นิติศาสตร์ พาณิชย์นาวี
โลจิสติกส์ และความมั่นคงของชาติ เพื่อให้ได้มาซึ่งบทวิเคราะห์ที่มีความครอบคลุม และสอดรับกับ
ความต้องการของสังคมในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ
ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวกับ การกากับดูแลคลองที่ขุด นั้น เนื่องจากกฎหมายของประเทศ
ต่าง ๆ ที่นามาศึกษา มีความแตกต่างกันในรายละเอียดค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงต้องนากฎหมาย
ทั้งหมดมาเปรียบเทียบกัน เพื่อ ทาความเข้าใจโครงสร้างของกฎหมายเสียก่อน และเลือกกฎหมายที่
มีความสมบูรณ์เหมาะสมมากที่สุดมาเป็นแนวทางในการกาหนดกรอบของตัวบท และวางประเด็น
ภาพรวมที่กฎหมายไทยควรจะต้องมี ว่าประกอบไปด้วยเรื่องใดบ้าง แล้วจึงค่อยลงรายละเอียดในเรื่อง
เหล่านั้น โดยมีกฎหมายของประเทศที่ทาการศึกษาเปรียบเทียบนั้นเป็นต้นแบบ และทาการปรับ
รายละเอียดบางส่วนให้เข้ากับสถานการณ์ ความเหมาะสม และบริบททางสังคมของประเทศไทย
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ผู้ เ ขี ย นมี ค วามมุ่ ง หวั ง ว่ า วิ ท ยานิ พ นธ์ ฉบั บ นี้ จ ะก่ อ ให้ เ กิ ด ประโยชน์ ใ นด้ า นต่ า ง ๆ
ดังต่อไปนี้
1. การศึกษาจนทราบประวัติความเป็นมา เหตุผล ความจาเป็น สภาพปัญหาที่ต้องเผชิญ
ของบรรดาคลองขุดต่าง ๆ ในระดับสากล อันประกอบด้วย คลองสุเอซ คลองปานามา และคลองคีล
ในบริบททางสังคม การเมือง และสภาวะการณ์ในช่วงเวลาที่มีการขุดคลองเหล่านั้น โดยมุ่งศึกษา
ทั้งความสาเร็จและความล้มเหลว ตลอดจนสภาพปัญหา เพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นกรณีศึกษาค้นหา
แนวทางในการป้องกัน มิให้เกิดปัญหาเหล่านั้นขึ้นกับประเทศไทย
2. การศึกษาสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และสถานการณ์ของชาติในทางระหว่าง
ประเทศ ตลอดจนความต้องการของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยพิจารณาข้อมูลจากศาสตร์ทุกแขนง
ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน รวมถึงศึกษาบรรดากฎหมายของประเทศไทยที่เกี่ ยวข้องกับโครงการ
ทั้งนี้ เพื่อสรรหาแนวทางที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้สูงสุดแก่รัฐ พร้อมบทวิเคราะห์ด้านกฎหมาย
อย่างละเอียด เพื่อให้ภาครัฐสามารถดาเนินโครงการอย่างรัดกุม ตั้งแต่ริเริ่มดาเนินโครงการในขั้นของ
การเลื อ กรู ป แบบการลงทุ น ที่ มี ค วามเหมาะสม ไปจนกระทั่ ง ภายหลั ง โครงการแล้ ว เสร็ จ คื อ
การมีกฎหมายและมาตรการรองรับกากับดูแลและจัดสรรผลประโยชน์ที่จะพึงได้รับจากคลองที่ขุดขึ้น
โดยมุ่งรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสาคัญ
3. การศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นภายหลังเปิดใช้คลอง ทั้งในระยะสั้นและ
ระยะยาว เพื่อจัดทาข้อเสนอแนะและแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม โดยนาเสนอความกังวลใจ
ของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ภาครัฐตระหนักเห็นปัญหาอย่างรอบด้าน และมีโอกาสได้พิจารณา
อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนริเริ่มดาเนินโครงการ
4. วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลของโครงการคลองไทยทั้งหมดที่มีอยู่ และ
ศึกษาเปรียบเทียบแนวทางของต่างประเทศ รวมทั้งข้อพิจารณาด้านกฎหมาย ซึ่งผู้เขียนได้ทาการ
รวบรวมข้อสังเกต ข้อสันนิษฐาน และข้อกังวลใจจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นประโยชน์
อย่างยิ่งในทางวิชาการ แก่นักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภาคประชาสังคม ภาครัฐ รวมถึง
ผู้ ส นใจ สามารถใช้ เ ป็ น ข้ อ มู ล เพื่ อ การศึ ก ษา ค้ น คว้ า วิ จั ย และต่ อ ยอดพั ฒ นาเป็ น งานวิ จั ย ที่
ลงรายละเอียดเชิงลึกในด้านอื่น ๆ ต่อไป รวมทั้งเป็นแนวทางที่ภาครัฐใช้ประกอบการตัดสินใจดาเนิ น
โครงการคลองไทยในอนาคต
บทที่ 2
แนวคิดในการขุดคลองไทย
อังกฤษและประเทศฝรั่งเศสกาลังแข่งขันช่วงชิงความเป็นมหาอานาจ โครงการขุดคลองสุเอซเกิดขึ้น
1
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, “ขนส่งทางน้า 57 ยังคงเติบโตจากภาคการส่งออกฟื้นตัว และ
การค้าชายแดนคึกคัก,” สื บค้นเมื่ อวันที่10 กันยายน 2559, www.kasikornresearch.com/th/
keconanalysis/pages/ViewSummary.aspx?docid= 32578
2 ไพฑูรย์ พงศะบุตร และปิยนาถ บุนนาค, “คลอง,” สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน
4 เพิ่งอ้าง
ซึ่งทรงสนพระทัยในคลองโบราณที่เชื่อมระหว่างแม่น้าไนล์กับทะเลแดง จึงมีดาริว่าจะขุดคลองที่
บริเวณนี้เพื่อเสริมสร้างอานุภาพให้แก่กองทัพฝรั่งเศสในการยาตราทัพออกสู่ทะเลไปพิชิตดินแดน
ต่าง ๆ แต่ความคิดนี้ประสบกับอุปสรรคเบื้องต้น 3 ประการ คือ น้าในทะเลแดงและทะเลเมดิเตอร์
เรเนียนต่างระดับกันถึง 10 เมตร ประกอบกับต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการสร้างเขื่อนกั้นน้า
และเกิดสงครามนโปเลียนขึ้นเสียก่อน 6 5F
ต่อมายังได้มีการเพิ่มเติมเงื่อนไขอีกว่าบริษัทไม่ต้องเสียภาษีและค่าเช่าใช้พื้นดินที่มิ ใช่ทรัพย์สินส่วน
บุคคล 10 บริษัทมีเอกสิทธิ์ในการขุดพื้นที่แสวงประโยชน์และสามารถเจาะหินไหล่ทางเพื่อนามาใช้สอย
9F
ได้โดยไม่ต้องเสียภาษี อีกทั้งยังได้รับยกเว้นภาษีศุลกากรสาหรับเครื่องจักรและวัตถุดิบที่นาเข้าเพื่อ
การขุดคลอง 11 ซึ่งเอกสิทธิ์เหล่านี้บริษัทคลองสุเอซสากลล้วนได้เปล่าทั้งสิ้น แต่เมื่อประเทศอียิปต์
10F
ต้องการที่จะยกเลิกเอกสิทธิ์เหล่านี้ในภายหลังกลับต้องแลกมาด้วยการเสียเงินจานวนมาก ส่งผลให้
ประเทศอียิปต์ต้องแบกรับภาระหนี้สินจานวนมหาศาล นามาซึ่งการเทขายหุ้นของบริษัทคลองสุเอซ
สากลให้กับประเทศอังกฤษจนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย และการปฏิวัติครั้งใหญ่ในอียิปต์ในเวลาต่อมา ทา
ให้ประเทศอียิปต์ต้องเผชิญ กับสถานการณ์อันยากลาบาก จนกระทั่งในที่สุดก็ได้มีการวางระบบ
สถานะของคลอง ในอนุสัญญาคอนสแตนติโนเปิล ปี ค.ศ. 1888 12 1F
2.1.1.2 รูปแบบลักษณะของคลองสุเอซ
ในแง่ ข องภู มิ ศ าสตร์ เนื่ อ งจากบริ เ วณต าแหน่ ง ที่ ตั้ ง ของคลองสุ เ อซมี
ลักษณะพิเศษทางภูมิศาสตร์ คือ เป็นบริเวณพื้นดินที่แคบที่สุดเชื่อมระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย
โดยคลองสุเอซมีความสาคัญยิ่งในการเดินเรือระหว่างประเทศ เพราะเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน และทะเลแดง ผ่านคอคอดสุเอซโดยเริ่มจากเมืองปอร์ตซาอิดบนฝั่งทะเล เมดิเตอร์เร
เนียนไปสิ้นสุดยังเมืองสุเอซบนฝั่งทะเลแดง และคลองสุเอซยังมีความยาวถึง 193.30 กิโลเมตรใน
ปัจจุบัน 1312F
10
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 8
11 เพิ่งอ้าง
12 เพิ่งอ้าง
ตารางที่ 1 รายละเอียดของเส้นทางเดินเรือคลองสุเอซตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งานจนถึงปัจจุบัน14
หน่วย ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ.
รายการ 1869 1956 1962 1980 1994 1996 2001 2010 2015
ความยาว
คลอง 164 175 175 189.80 189.80 189.80 191.80 193.30 193.30
กม.
ความยาวช่อง
สัญจรคู่ขนาน 27.7 27.7 77 77 77 79 80.5 113.3 127.7
กม.
ความกว้าง
160 170 180 195 205 205
ที่ความลึก ม. 60 89 260
/175 /190 /200 /215 /225 /225
11 เมตร
ความลึกคลอง ม. 8 14 15.5 19.5 20.5 21 22.5 24 24
ขนาดเรือกิน
น้าลึกสูงสุด 22 35 38 53 56 58 62 66 66
ฟุต
พื้นที่หน้าตัด 3250/ 3600/ 3850/ 4350/ 4800/ 4800/
ของเรือ 304 1200 1800
ตร.ม. 3600 4000 4300 4800 5200 5200
ขนาดเรือ
บรรทุกสูงสุด 5000 30000 60000 150000 170000 185000 210000 240000 240000
DWT15
Article 1 “The Suez Maritime Canal shall always be free and open, in
time of war as in time of peace, to every vessel of commerce or of war, without
distinction of flag…”
(2) ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ
คลองสุ เ อซเริ่ ม ด าเนิ น การขุ ด ในเดื อ นเมษายน ค.ศ. 1859 แต่ ต้ อ ง
ประสบกับอุปสรรคขัดขวางจากสองทาง คือ เจ้าผู้ครองอียิปต์มิได้มีความยินดีกับอุปราชแห่ง
อียิปต์ในการให้สัมปทานดังกล่าวแก่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับการขัดขวางจากประเทศ
อังกฤษซึ่งเป็นชาติมหาอานาจที่เสียผลประโยชน์จากการที่ประเทศฝรั่งเศสได้สัมปทานขุด
และใช้คลองสุเอซ19 เนื่องจากหากฝรั่งเศสขุดคลองสุเอซสาเร็จจะมีเส้นทางลัดที่เชื่อมทวีป
ยุโรปและทวีปเอเชียเข้าด้วยกัน คลองสุเอซนี้มีแนวโน้มจะทาลายเส้นทางการค้าของประเทศ
อังกฤษที่ไปสู่จีนและอินเดียซึ่งอังกฤษผูกขาดอยู่ก่อน ความกังวลใจว่าจะเสียผลประโยชน์นี้
ทาให้ประเทศอังกฤษยื่นข้อเสนอแก่ประเทศอียิปต์ว่า ประเทศอังกฤษจะสร้างทางรถไฟสายอ
เล็กซาน เดรีย-ไคโร-สุเอซ คร่อมคอคอดสุเอซแทนการขุดคลองสุเอซโดยประเทศอังกฤษ
จะเป็นเจ้าภาพในการดาเนินการเอง 20 แต่ขณะนั้นข้อเสนอนี้กลับมิได้รับการผลักดันจาก
รัฐบาลอียิปต์แต่อย่างใด เพราะรัฐบาลอียิปต์ไม่ต้องการให้ อังกฤษเข้ามาผูกขาดอีกต่อไป
ประเทศอียิปต์ตกอยู่ภายใต้การปกครองและอิทธิพลของอังกฤษมานานจึงต้องการหันไป
พึ่งพาประเทศฝรั่งเศสแทน21 เมื่อประเทศอังกฤษสิ้นหนทางในการขัดขวางโครงการขุดคลอง
สุเอซของฝรั่งเศสอังกฤษจึงหันไปปลุกระดมผู้ใช้แรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาสจากแอฟริก า
และชาวอาหรับเร่ร่อนให้ ลุกฮือขึ้นต่อ ต้านและละทิ้ งงาน จนเกิดจลาจลขึ้น ที่กรุงไคโร 22
อุ ป สรรคนี้ ท าให้ ค ลองสุ เ อซจ าต้ อ งหยุ ด ด าเนิ น การก่ อ สร้ า งเป็ น เวลาถึ ง 3ปี และกลั บ มา
ดาเนินการใหม่อีกครั้งในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 การสร้างสิ้นสุดลง และเปิดใช้คลองสุเอซ
ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1869 มีอายุสัมปทาน 99 ปี ดังที่ระบุข้างต้น
20 เพิ่งอ้าง, น.84-85.
1900)
22 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 5, น.105.
(3) ปัญหาเรื่องการขุดขยายคลอง
เดิมคลองสุเอซมีลักษณะเป็นคลองเดี่ยว คือ เรือไม่อาจวิ่งสวนทางกันได้
ทันที หากเรือประสงค์จะวิ่งสวนทางกันจะต้องทาการหลบหลีกเพื่อรอให้เรือ อี ก ข บ ว น
หนึ่งผ่านไปก่อนดังนั้นการสัญจรผ่านคลองสุเอซจึงกาหนดใหเรือมารวมกันเป็นขบวน แลวจึง
กาหนดเวลาและสถานที่เพื่อสับหลีกขบวนเรือ ทาให้การจราจรติดขัดและเกิดอุบัติเหตุไดงาย
อัน เป็ น อุป สรรคหนึ่ ง ที่ ส าคัญ ในการสั ญ จรผ่ านคลองสุเ อซ ต่ อมารัฐ บาลอี ยิป ต์ จึง มี ความ
พยายามจะแก้ไขปัญหาการจราจรดังกล่าวนี้ โดยการขุดเพื่อขยายคลองเพิ่มช่องทางสัญจร
คู่ขนาน เพื่อเพิ่มปริมาณการสัญจรของเรือใหมากขึ้น และลดระยะเวลาในการจัดขบวนเรือสับ
หลีก23 นอกจากนี้ ด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของบรรดาเรือสินค้าทาให้เกิดภาวะการ
จราจรติดขัดภายในคลองสุเอซ เป็นเหตุให้รัฐบาลของประเทศอียิ ปต์ต้องใช้เงินจานวนมากถึง
ประมาณ 9,000 ล้านดอลลาร์ ในการดาเนินการขุดส่วนต่อขยายคลองสุเอซ โดยคาดการณ์ว่า
ส่วนต่อขยายคลองสุเอซจะช่วยเพิ่มจานวนเรือสินค้าที่เดินทางผ่าน จากปัจจุบันจานวนวันละ
49 ลา เป็น 97 ลาต่อวัน ภายในปี ค.ศ. 256624
23คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
วุฒิสภา พุทธศักราช 2548, ผลการศึกษาโครงการขุดคลองไทย, (กรุงเทพฯ : สานักงานเลขาธิการ
วุฒิสภา, 2548), น.26.
24 รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับ อียิปต์ โดยประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัลซิซี ผู้นา
26
supra note 25
27 United States History, “Clayton-Bulwer Treaty,” สื บ ค้ น เ มื่ อ วั น ที่ 12
ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้ให้การคุ้มครองและป้องกันเอกราชแก่สาธารณรัฐปานามา 30 และด้วย
สนธิสัญญาฉบับนี้ทาให้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นผู้วางรากฐานทางกฎหมายสาหรับการ
ดาเนินการสร้างคลองปานามา31
ขณะที่ ป ระเทศสหรั ฐ อเมริ ก าได้ สิ ท ธิ อ ธิ ป ไตยอย่ า งกว้ า งขวางเหนื อ
ดินแดนของสาธารณรัฐปานามา แต่ชาวปานามาเองกลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากและได้ตั้งข้อ
เรี ย กร้ อ งเรื่ อ งอธิ ป ไตยเหนื อ ดิ น แดนของตนเรื่ อ ยมา จนกระทั่ ง ปลายปี ค.ศ. 1964 ประ เทศ
สหรัฐอเมริกาได้ยินยอมรับหลักการเจรจากับสาธารณรัฐปานามา เพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อตกลงใน
สนธิสั ญ ญาเฮย์ - บูเนา วาริล ลา ค.ศ. 1903 32 และสามารถทาความตกลงกันได้ในที่สุด โดยทั้ง
สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐปานามาได้ร่วมลงนามใน สนธิสัญญาทอร์ริโฮส - คาร์เตอร์ (Torrijos -
Carter Treaties) ค.ศ. 1977 เมื่ อ วั น ที่ 7 กั น ยายน ค.ศ. 1977 ซึ่ ง มี ส าระส าคั ญ ว่ า รั ฐ บาลของ
สาธารณรัฐปานามาจะเข้ามีส่วนในการป้องกันและกาหนดความเป็นกลางของคลองปานามา โดย
ปราศจากการเข้าแทรกแซงของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการ
คลองปานามา ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายสหรัฐอเมริกา 5 ฝ่าย และฝ่ายสาธารณรัฐปานามาอีก 4 ฝ่าย
ทั้ ง นี้ ประเทศสหรั ฐ อเมริ ก ายิ น ยอมส่ ง มอบคลองปานามา ตลอดจน
บรรดาสิ่งปลูกสร้างที่สร้างไว้ทั้งหมดให้แก่รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐปานามา และยินยอมถอนกองกาลัง
ออกจากสาธารณรัฐปานามา เหตุการณ์นี้นับเป็นการคืนอธิปไตยสู่สาธารณรัฐปานามา33
2.1.2.2 รูปแบบลักษณะของคลองปานามา
คลองปานามามีลักษณะที่แตกต่างกับคลองสุเอซ เนื่องจากคลองสุเอซมี
ลักษณะเป็นคลองเดี่ยว34และเป็นคลองแบบเปิด35 ทาให้เรือไม่สามารถวิ่งสวนกันได้ในทันที อันเป็น
อุปสรรคของการสัญจรผ่านคลองสุเอซ36 ในขณะเดียวกันคลองปานามาซึ่งก่อสร้างขึ้นภายหลังคลองสุ
เอซได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการสร้างคลองให้เป็นคลองแบบปิด 37 เหตุผลหนึ่งที่จาเป็นต้องสร้าง
คลองแบบปิด คือ ระดับน้าทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกขึ้นลงแตกต่างกัน
2 และ 5 เมตรตามล าดับ ในขณะที่ตั วคลองปานามาอยู่ เ หนื อระดับ น้ าทะเลถึง 26 เมตร ทาให้
จาเป็นต้องใช้ระบบประตูน้า ซึ่งมีกลไกในการทางานโดยมีอู่เรือที่ประตูน้าเปิดปิดยกระดับ 3 ตอน แต่
ละตอนจะมีการยกเป็นขั้นบันได 3 ขั้น โดยน้าที่นามาใช้ในการยกเรือให้สูงขึ้นอาศัยน้าจากทะเลสาบ
รับน้าฝน ทาให้ประหยัดพลังงานในการสู บน้าทะเลเข้ามาใช้หมุนเวียนในคลองปานามา ในการสร้าง
คลองระบบปิดลักษณะนี้จึงต้องมีการขุดทะเลสาบหรือเขื่อนรองรับน้าเพื่อนามาใช้ยกเรือให้สูงขึ้นใน
กระบวนการดังกล่าว38 ในการนี้จึงได้มีการสร้างเขื่อนแมดเดนกั้นแม่น้าชาเกรสเหนือทะเลสาบกาตูน
ซึ่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1935 และสร้างทะเลสาบอาลาฮูลาที่ทาหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้าให้กับคลอง
ปานามา ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศของปานามาที่มักมีฝนตกหนัก โดยแต่ละปีบริเวณปานามา
มีฤดู ฝ นที่ ระยะเวลายาวนาน ตั้งแต่เ ดือนพฤษภาคมถึงเดือ นมกราคม ปริมาณน้ าฝนเหล่านี้ เป็ น
ประโยชน์อย่างยิ่งในการนาน้ามาใช้ในคลองปานามา ซึ่งในการที่เรือจะสามารถสัญจรผ่านแต่ละเที่ยว
นั้น บางครั้งจาเป็นต้องใช้ปริมาณน้ามากถึง 52 ล้านแกลลอน 39 ด้วยเหตุนี้ตลอดคลองปานามาจึง
ประกอบด้วยทะเลสาบที่ขุดขึ้นมากถึง 17 แห่ง และมีหลายจุดขุดเป็นช่องทางเดินเรือ โดยคลอง
ปานามามีประตูเข้าออกอยู่ 2 จุด ทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกจุดหนึ่ง และทางฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
อีกจุดหนึ่ง สาหรับการสัญจรผ่านคลองปานามา หากเริ่มต้นจากมหาสมุทรแปซิฟิกเข้ามาทางอ่าว
ปานามาจะพบประตูมีราโฟลเรสซึ่งเป็นประตูน้า 2 ส่วน ระยะทางทั้งสิ้นราว 13.2 กิโลเมตร เมื่อผ่าน
ไปจะลอดสะพานบริดจ์ออฟดิอเมริกาส์ และเจอกับประตูมีราโฟลเรสซึ่งมีกาแพงที่มีความยาวราว 1.7
กิโลเมตรขนาบอยู่ จากจุดนี้ระดับน้าจะสูงขึ้นไปอีก 16.5 เมตร เหนือระดับน้าทะเล และถัดมา คือ
ประตูเปโดรมิเกล ความยาว 1.4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีการยกระดับเรือขึ้นไป โดยยกให้สูงขึ้น
อีก 9.5 เมตร สู่ระดับความสูงของน้าในคลองปานามา หลังจากนั้นเรือก็จะแล่นถึงช่องเขาเกลลาร์ด
ซึ่งเป็นส่ วนที่แ ยกทวีปอเมริกาออกเป็น 2 ส่วน โดยภูเขากูเลบราได้ถูกตัดแยกเป็นสองส่วนเป็น
ระยะทางถึง 12.6 กิโลเมตร ด้วยระดับความสูง 26 เมตร จากระดับน้าทะเล แล้วลอดสะพานเซนเทน
เนียลเข้าสู่แม่น้าชาเกรส ซึ่งช่วงตอนกลางของแม่น้าชาเกรสมีเขื่อนกาตูนซึ่งมีฐานเขื่อนกว้าง 8.5
2559, http://earthobservatory.nasa.gov/IOTD/view.php?id=48025
ภาพที่ 1 แสดงเส้นทางการเดินเรือผ่านคลองปานามาระหว่างฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
กั บ ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก , Energy Information Administration, “ Panama Canal” ,
http://www.eia.doe.gov/cabs/World_Oil_Transit_Chokepoints/Panama_Canal.html
41
Noel Maurer and Carlos Yu, “What T. R. Took: The Economic Impact
of the Panama Canal, 1903-1937,” The Journal of Economic History, Vol.68, No.3
(Cambridge: Economic History Association and Cambridge University Press, 2008), p.
687.
สาหรับสหรัฐอเมริกาและบรรดาประเทศสมาชิกองค์การรัฐอเมริกัน
การเปิดใช้คลองปานามาสายนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ทางพาณิชย์ มิตรภาพ และสันติ
สุขของทวีปอเมริกาอย่างเป็นทางการ การแบ่งอเมริกาเหนือกับอเมริกาใต้ โดยมีสายน้าเป็น
สื่อกลางจะช่วยนามาซึ่งความใกล้ชิด ความคุ้นเคย และช่วยอานวยประโยชน์ทางพาณิชย์
ระหว่างกันและกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคลองปานามาจึงหมายถึงสัมพันธภาพที่ดีระหว่าง
มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าว และมหาสมุทรแปซิฟิก42
จะเห็นได้ว่ากรณีของคลองปานามานี้มีความแตกต่างจากกรณีของคลอง
สุเอซ ด้วยความที่คลองปานามามิใช่คลองขุดแห่งแรกเพื่อเชื่อมระหว่างทะเลดังเช่นคลองสุ
เอซ และสร้างขึ้นภายหลังคลองสุเอซเป็นระยะเวลาหลายสิบปี จึงทาให้การสร้างคลอง
ปานามาสายนี้มีการวางระบบสถานะของคลองไว้ล่วงหน้านานถึง 11 ปี ก่อนสร้างคลอง
สาเร็จและเปิดใช้งานในปี ค.ศ. 191443
(2) ปัญหาเรื่องการขุดขยายคลอง
ปัจจุบันความต้องการสัญจรผ่านของเรือสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต
ทาให้เกิดการแออัดและจราจรติดขัด ในปี พ.ศ. 2556 เรือแต่ละลาต้องใช้เวลานาน 24
ชั่วโมงในการแล่นผ่านคลองปานามา ทั้งที่เวลาที่แท้จริงควรจะใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น
ภาวะการจราจรที่แออัด ประกอบกับขนาดของเรือที่สัญจรผ่านมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าในอดีต จึง
ทาให้คลองปานามาต้องขุดเพิ่มช่องทางจราจร โดยใช้เงินจานวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาที่
ตามมา คือ การเก็บค่าผ่านทางจากเรือสินค้าในจานวนที่แพงขึ้น อันจะส่ งผลให้ค่าระวางใน
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย44
45
United Canal Agency GMBH, “KIEL-CANAL,” สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์
2559, http://www.kiel-canal.de/kiel-canal/history/
46 เพิ่งอ้าง และโปรดดู Mackay, Ruddock F., Fisher of Kilverstone, (Oxford:
2559, http://www.kiel-canal.org/english.htm
ใกล้เคียงพื้นที่คลองจะต้องเปิดให้เรือพาณิชย์และเรือรบของนานาชาติแล่นผ่านได้อย่างเท่าเทียมใน
ภาวะสันติ เป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศเยอรมันจะต้องยอมรับระบอบการระหว่างประเทศของ
คลองคีล อันเป็นผลสืบเนื่องจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าจะมีข้อโต้เถียง
ระหว่างฝ่ายของประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศสซึ่งต้องการให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นเพื่อสอดส่อง
ดูแลให้ประเทศเยอรมันปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซาย ในขณะที่สหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วย เพราะมอง
ว่าคลองคีลสายนี้อยู่ภายใต้อธิปไตยของเยอรมันมิใช่ทางน้าระหว่างประเทศ แม้ช่วงปลายสงครามโลก
ครั้งที่สอง ราวปี ค.ศ. 1945 ประเทศสหรัฐอเมริกาจะได้เสนอแนวคิดให้จัดตั้งคลองคีลอยู่ในอานาจ
ของสหประชาชาติ แต่แนวคิดนี้มิได้ถูกนาไปปฏิบัติหรือดาเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นแต่อย่างใด48
2.1.3.2 รูปแบบลักษณะของคลองคีล
คลองคีลเป็นคลองที่ขุดเชื่อมระหว่างทะเลบอลติกและทะเลเหนือ ช่วยให้
เรือไม่ต้องแล่นอ้อมไปยังเดนมาร์ก ซึ่งจะช่วยร่นระยะทางได้ราว 520 กิโลเมตร โดยเป็นคลองที่มีการ
สัญจรแออัดหนาแน่นที่สุดในบรรดาคลองที่ขุดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคลองสุเอซหรือ
คลองปานามา49 คลองคีลใช้ระบบประตูน้า เมื่อแรกขุดนั้น ประตูน้า (Locks) ของคลองคีลมีขนาดเล็ก
ความยาวเพียง 125 เมตร กว้าง 22 เมตร และลึก 9.8 - 10.2 เมตร50 ต่อมาในปี ค.ศ. 1907 - 1914
ได้มีการขุดขยายให้กว้างและลึกขึ้น 51 โดยปัจจุบันคลองคีลมีลักษณะทั่วไปเป็นคลองที่มีความยาว
ตลอดเส้นทาง 98.7 กิโลเมตร มีความกว้างซึ่งวัดที่ผิวน้าประมาณ 102 - 214 เมตร และความลึกราว
11 เมตร โดยมีสะพานซึ่งมีความสูงวัดจากระดับน้าได้ 42 เมตร โดยมีขนาดของประตูกั้นน้า (Locks)
ความยาว 330 เมตร กว้าง 45 เมตร และลึก 13 เมตร52
53
World War II Database, “Battleship Bismarck”, สื บ ค้ น เ มื่ อ วั น ที่ 1 0
พฤษภาคม 2560, http://ww2db.com/ship_spec.php?ship_id=89
59
เมื่อครั้งที่กัปตันโทมัส ฟอร์เรสต์ แห่งบริษัท อินเดียตะวันออก เดินทางจากกัลกา
ตา ไปยังหมู่เกาะมะริดในปีพ.ศ. 2326 - 2327 ได้กล่าวพาดพิงถึงชายฝั่งบริเวณคอคอดกระว่ามีแม่น้า
สายหนึ่ง (สันนิษฐานว่า คือ แม่น้าชุมพร) ซึ่งสามารถแล่นเรือขนาดเล็กไปยังคอคอดกระได้ และมีการ
ขนถ่ายสินค้าจากแม่น้าสายนี้ไปยังแม่น้าอีกสายหนึ่ง ลงสู่อ่าวไทย โดยใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง ซึ่งส่ง
อิทธิพลต่อความคิดของนายไวซ์ แห่งบริษัท ลอยด์ (Lloyd company) ที่ทาการเสนอโครงการขุดคอ
คอดกระสู่ลอร์ด แคลเรนดอน ในปีพ.ศ.2401 โปรดดู Captain Thomas Forrest, A Voyage From
Calcutta to Mergui Archipelago, London : Robson,1972), p.III. และ F.O. 69/105 “Wise to
Lord Clarendon January 11,1858.
60 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 57, น.34.
61 เพิ่งอ้าง, น.37.
63 เพิ่งอ้าง
ความเห็นเกี่ยวกับการขุดคอคอดกระ ส่วนหนึ่งของเอกสารสาหรับคณะกรรมาธิการของรัฐสภา
โครงการศึกษานโยบายสาธารณะ, ที่ได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิ Konrad Adenauer, (กรุงเทพฯ :
มาสเตอร์เพรส, 2531), น.9.
70 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 57, น.49-50.
เศรษฐกิจเป็นหลักมาเป็นเหตุผลทางการเมืองเหนือเหตุผลทางเศรษฐกิจ โดยอังกฤษตระหนักดีว่า
เส้นทางคลองกระสายนี้จะช่วยเพิ่มสมุททานุภาพทางทะเล72ให้กับประเทศอังกฤษ73
พ.ศ. 2401 ความคิดเรื่องการขุดคอคอดกระถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้ง โดยนาย
ไวซ์ แห่งบริษัทลอยด์ (Lloyd company) ที่ทาการเสนอโครงการขุดคอคอดกระสู่ลอร์ด แคลเรนดอน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ โดยแนวคิดในการขุดคอคอดกระในครั้งนี้มุ่งไปที่
ประโยชน์ ท างยุ ท ธศาสตร์ ก ารเมื อ งเป็ น ส าคั ญ ประกอบกั บ เหตุ ผ ลทางเศรษฐกิ จ ด้ ว ย 74 แต่ ก าร
ดาเนินการในครั้งนี้ก็ยังไม่สาเร็จอีกเช่นกัน เนื่องจากประเทศอังกฤษประสบปัญหาความไม่พร้อมด้าน
เงินทุน75 ประกอบกับเรื่องของ “สิงคโปร์” คือ แม้ว่า เซอร์จอห์น บาวริ่ง จะพยายามชี้ให้เห็นว่าการ
ขุดคลองบริเวณคอคอดกระไม่ทาให้ตลาดการค้าที่สิงคโปร์แต่เดิมต้องถูกกระทบกระเทือน เพราะเรือ
สินค้ายังคงต้องจอดแวะที่สิงคโปร์เพื่อรับสินค้าพื้นเมืองที่มี แหล่งผลิตในแถบนี้ แต่การหยิบยกเรื่อง
สิงคโปร์ขึ้นมาพิจารณาก็กลายเป็นอุปสรรคที่ทาให้อังกฤษคิดได้ว่า แม้จะไม่มีการขุดคลองที่คอคอด
กระ อังกฤษก็ยังคงมีผลประโยชน์ที่ตลาดสิงคโปร์76
อย่างไรก็ดี แม้ประเทศอังกฤษจะดาเนินการขุดคลองบริเวณคอคอดกระ
ไม่ ส าเร็ จ แต่ ใ นปี พ.ศ.2402 นายไวซ์ ก็ ไ ด้ มี ห นั ง สื อ กราบบั ง คมทู ล รั ช กาลที่ 4 อี ก ครั้ ง เพื่ อ ขอ
พระราชทานสัมปทานสร้างทางรถไฟผ่านคอคอดกระ โดยนายทุนอังกฤษจะร่วมกันตั้งบริษัทรถไฟ
72
สมุททานุภาพทางทะเล (Sea Power) คือ ความสาคัญหรืออานุภาพของทะเล
ดังคากล่าวของ เซอร์ วอลเทอร์ รอลี นักปราชญ์ นักเขียน นักสารวจ นักเดินเรือ และนักรบคนสาคัญ
ของประเทศอังกฤษ ผู้เป็นกาลังสาคัญในการนากองทัพเรือของอังกฤษออกล่าอาณานิคมจนสามารถ
ยึดครองประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ในสมัยพระนางเจ้าอลิซเบธที่ 1 ที่ว่า “ชาติใดมีอานาจครอง
ทะเลได้ จะสามารถควบคุมเส้นทางการค้าของโลกได้ ผู้ใดครองการค้าของโลกจะได้ครองความร่ารวย
ของโลกและจะได้ค รองโลกด้ ว ย” (Whosoever commands the sea, commands the trade,
whosoever commands the trade of the world, commands the riches of the world, and
consequently the world itself) โปรดดู Robert C. Rubel, COMMAND OF THE SEA, An Old
Concept Resurfaces in a New Form, Vol.6 5 , No.4 Naval War College Review,
(Autumn2012) p.21-33. และสามารถ จาปีรัตน์, “Sea Power สมุททานุภาพ เนื้อหา - ความหมาย
ทหารเรือไทยควรรู้ให้แจ้ง”, ใน วารสารนาวิกศาสตร์, เล่มที่ 10, ปีที่ 96, น.50. (ตุลาคม 2556)
73 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 5, น.76.
75 เพิ่งอ้าง, น.71-72.
76 เพิ่งอ้าง, น.72.
79 เพิ่งอ้าง, น.88.
80 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 70
86 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 16
89 เพิ่งอ้าง
อาทิตย์ ขึ้น 10 ค่า เดือน 3 ปีมะเสง จุลศักราช 1243, ใน นงเยาว์ กาญจนจารี, ดารารัศมี, (กรุงเทพฯ
: ทรีดีการพิมพ์, 2533)
95 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 16
97อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 16
98 สภาผู้ แ ทนราษฎร, รายงานการประชุ ม สภาผู้ แ ทนราษฎร ครั้ ง ที่ 6/วั น ที่ 7
101 เพิ่งอ้าง
2.2.1.2 รูปแบบของคลองกระที่ได้รับการเสนอให้ขุดขึน้
(1) เส้นทางทีไ่ ด้รับการเสนอให้ทาการขุด
แนว ค ว า ม ความ
ผ่านจังหวัด107 ข้อดี ข้อเสีย หมายเหตุ
ขุด105 ยาว106 เป็นไป
ได้
1108 130 จั ง หวั ด ระนอง 1. มีระยะทางสั้น มีปญหาความมั่นคง น้อย
ถึง จังหวัดชุมพร 2. การเดิ น ทาง ระหว างประเทศ
จากกรุ ง เทพใกล้ เรื่องการลวงล้านาน
2109 90 ใต้จังหวัดระนอง มาก น้ากับประเทศพมา
กม. ถึง เหนือจังหวัด
ชุมพร
105 ชมรมอาสาสมัครเพื่อให้ความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่
ประชาชน (อวทช.) ใน สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์, คลองกระกับ
อนาคตของไทย, (กรุงเทพฯ โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2532), น.17.
106 เพิ่งอ้าง
107 เพิ่งอ้าง
108 เพิ่งอ้าง
109 เพิ่งอ้าง
เนื่ อ ง และพั ฒ นา
เขตเศรษฐกิจพิเศษ
5. แม้ระยะคลองสั้น
แต่ มี ค่ า ขุ ด สู ง มาก
เพราะต้ อ งขุ ด ผ่ า น
แนวหินแกรนิต ยาว
กว่า 60 กม.
115 เพิ่งอ้าง
117 เพิ่งอ้าง
5A118 102 เ ห นื อ จั ง ห วั ด 1. ปริ ม าณดิ น ที่ 1. อยู่ ใ กล้ ช ายแดน มี120 ระดั บ น้ าสองฝั่ ง
กม. สตู ล ถึ ง เหนื อ ขุดนอยที่สุด และ ประเทศมาเลเซีย ต่างกันเพียง 0.5
จังหวัดสงขลา ค่าขุดต่าทีส่ ุด 2. มีความหนาแนน เมตร
2. ไมตองตัดผาน ของประชากรสูงจึง
ภู เ ขา เพราะแนว อาจประสบปญหา
คลองอยู ในช อง เรื่ อ งการอพยพคน
เขาพอดี และการเวนคืนที่ดิน
3. อยู ใ นแนวเสน 3. ปัญ หาทางธรณี -
ทางการเดิ น เรื อ วิ ท ยา พบโพรงหิ น
สากลพอดี ท าให้ ขนาดใหญ แหง
ประหยัดระยะทาง ที่จังหวัดสตูล
ได้มาก 4. มีความเป็นไปได้
4. เหมาะส มต่ อ ว่าจะเกิดปัญหาด้าน
การพั ฒ นาท่ า เรื อ ความมั่ น คง และ
119 แบ่ ง แ ยกดิ น แดน
เนื่ อ งจากพื้ น ที่ ใ ต
แนวคลองเป็ น เขต
ไทยมุสลิมหนาแน่น
กวารอยละ 80
5. แนวคลองอยูใกล
ช องแคบมะละกา
จึ ง ไม่ ร นระยะทาง
การเดินเรือ
6. พื้นที่ ไ ม่เพียงพอ
พัฒนาเขตเศรษฐกิจ
พิเศษ และอุตสาห-
กรรมตอเนื่อง
บทที่ 3
ความเป็นไปได้ของโครงการคลองไทย
โครงการขุ ด คลองไทยเป็ น โครงการที่ ไ ด้ รั บ การพิ จ ารณาและศึ ก ษาความเป็ น ไปได้
ด้านต่าง ๆ ปรากฏผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเรื่อยมา โดยผลการศึกษาในแต่ละด้าน
น ามาซึ่ ง เส้ น ทางที่ มี ค วามเป็ น ไปได้ ตลอดจนน าเสนอข้ อ ดี ข้ อ เสี ย และสภาพปั ญ หาที่ พ บเจอ
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1
สมาคมสั ง คมศาสตร์ แ ห่ ง ประเทศไทย, สมุ ด ปกขาวฉบั บ ที่ 1 ข้ อ เท็ จ จริ ง และ
ความเห็นเกี่ยวกับการขุดคอคอดกระ เอกสารสาหรับคณะกรรมาธิการของรัฐสภา โครงการศึกษา
นโยบายสาธารณะ, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ มาสเตอร์เพรส, 2531)
2 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
6 เพิ่งอ้าง, น.20.
7 เพิ่งอ้าง
8 เพิ่งอ้าง, น.22.
12 เพิ่งอ้าง, น.22.
15 เพิ่งอ้าง, น.18.
(3) ปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม16
ข้อคัดค้าน : มลภาวะที่เกิดจากการขุดคลองและผลกระทบต่อร่องน้าใน
ส่วนชายฝั่ง ตลอดจนมลพิษที่เกิดจากการเดินเรือผ่านคลองและอุตสาหกรรมสองฝั่งคลอง ซึ่ง
ต้องวางแผนก่อนริเริ่มดาเนินการอย่างดีและมีมาตรการที่เข้มแข็งและจริงจังในการป้องกัน
แก้ไขปัญหา
ข้อสนับสนุน : เส้นทาง 3 และ 5A ประชากรที่ต้องอพยพมีเพียง 500
ถึง 1,000 ครัวเรือนเท่านั้น เทียบได้กับการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทน
ตลอดจนการอพยพสามารถพิจารณาเทียบเคียงได้จากตัวอย่างที่มีอยู่แล้ว โดยควรให้ผู้ที่
ได้รับผลกระทบจากการอพยพได้รับสิทธิก่อนในการเข้าปฏิบัติงานหรือเข้ารับการฝึกงานใน
โครงการเพื่อให้บุคคลเหล่านี้ตระหนักเห็นถึงประโยชน์ของโครงการตั้งแต่เริ่มแรก
(4) ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ17
ข้อคัดค้าน : ประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ เช่น ประเทศ
มาเลเซียและสิงคโปร์จะทาทุกอย่างเพื่อต่อต้านโครงการนี้ และการประหยัดค่าใช้จ่ายในการ
ขนส่งมีไม่ม ากเท่ากับคลองสุเอซและคลองปานามา เกรงว่าหากประเทศเพื่อนบ้านยอม
ปรับปรุงช่องแคบมะละกาก็จะสามารถแข่งขันแย่งลูกค้าไปจากคลองกระได้
ข้อสนับสนุน : ต้องกาหนดให้คลองทาหน้าที่รับใช้ทุกชนชาติ โดยไม่มี
ความเหลื่อมล้า โครงการนี้จะประสานโครงการอื่น ๆ ในภูมิภาคทั้งหมด นามาซึ่งความเจริญ
หลายด้าน และการเชิญชวนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วยจะช่วย
กระตุ้นให้การประสานงานเป็นไปอย่างดียิ่ง
(5) ปัญหาด้านเงินลงทุน18
ข้อคัดค้าน : โดยสภาพการรัฐบาลไทยไม่ต้องการแตะต้องโครงการที่ ใช้
เงินลงทุนมหาศาลถึงห้าแสนล้านอย่างแน่นอน ลาพังเพียงการจัดทารายงานความเหมาะสม
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในแง่วิชาการก็ต้องใช้เงินราวหนึ่งร้อยล้านแล้ว รัฐบาลไทยคงไม่
คิดจะใช้เงินเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงมากมายถึงเพียงนั้น และแม้จะศึกษาแล้วให้ผลลัพธ์ว่ามี
ความเหมาะสมแก่การลงทุน รัฐบาลไทยก็จะต้องไปกู้เงินมา ซึ่งหากกู้ยืมจากต่างชาติจะต้อง
เสียดอกเบี้ยจานวนมาก ทาให้ผลกาไรจากการดาเนินการย่อมต้องนาไปจ่ายเป็นดอกเบี้ย
เงินกู้เสียหมด
18 เพิ่งอ้าง, น. 20.
22 เพิ่งอ้าง, น.12-13.
23 เพิ่งอ้าง, น.13.
และนครศรีธรรมราชเป็นผู้เสนอ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้เก็บรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่ง
ต่าง ๆ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นจากบุคคลสาคัญที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมิทันได้สรุปผลการศึกษาเสนอ
ต่อสภาผู้แทนราษฎร ก็ยุบสภาเสียก่อน24
พ.ศ. 2527 ส านั ก งาน Executive Intelligence Review (EIR) และ
Fusion Energy Foundation (FEF) ได้จัดสัมมนาโครงการและความเป็นไปได้ของคอคอดกระเมื่อ
27 ตุลาคม 2527 เพื่อเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับโครงการนี้และสารวจรับฟังความคิดเห็นของ
ประชาชนตลอดจนหน่วยงานราชการต่าง ๆ25
พ.ศ. 2528 Fusion Energy Foundation (FEF) ของสหรัฐอเมริกา new
ร่ว มกั บ Global Infrastructure Fund (GIF) ของญี่ ปุ่ นเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่ อท าการศึก ษา
เบื้องต้นทางเศรษฐกิจของโครงการเสียใหม่ และประเมินค่าโครงการซึ่ง TAMS และ RRNA ได้เคยทา
ไว้เมื่อ พ.ศ. 2516 ใหม่อีกครั้งโดยละเอียด โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2528 เป็นต้นมา ฝ่ายวิชาการคณะ
ยุทธศาสตร์ชาติและกิจการระหว่างประเทศ ชมรมนักศึกษา วปอ. นาโดย ดร.บุญรอด บิณฑสันต์
ได้ทาการศึกษาและจัดการสัมมนาวิชาการกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง26 อันนามาซึ่ง
3.2.1.1 การประชุมสมัชชาวิชาการ เรื่อง โครงการคลองกระและการพัฒนา
คาบสมุทรแหลมทอง โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 252927
แนวคิดโครงการพัฒนาคาบสมุทรแหลมทอง โดย ดร.บุญรอด บิณฑสันต์
จากการอภิปรายในที่ประชุมคณะยุทธศาสตร์ชาติและกิจการระหว่างประเทศ ในฝ่ายวิชาการ ชมรม
นักศึกษา “วปอ” ระหว่าง ตุลาคม 2528 ถึง มิถุนายน 2529
ผลการสัมมนา คือ โครงการพัฒนาคาบสมุทรแหลมทองเป็นการรวบรวม
ทั้งการขุดคลอง การพัฒนาท่ าเรือ ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมสองฝั่งคลอง โดยมุ่งให้เป็น
โครงการเอนกประสงค์ ซึ่งอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาคตลอดจนเทคโนโลยีที่ เหมาะสม โดย
ดาเนินการขุดโดยคนไทย ในแนว 5A ความยาว 222 กิโลเมตร 2 ช่องเดินเรือ สาหรับเรือขนาด
300,000 ตัน ขุดด้วยวิธีการธรรมดา ค่าดาเนินการขุด 467,704 ล้านบาท วิธีการใช้นิวเคลียร์ขุด
252,200 ล้านบาท
26 เพิ่งอ้าง
27 เพิ่งอ้าง, น.16.
3.2.2 สรุปผลการศึกษาโครงการพัฒนาคาบสมุทรแหลมทอง
ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ ได้สรุปและเสนอแนะแนวความเห็นโดยวิเคราะห์จาก
รายงานการศึกษาเดิมของ TAMS และ FEF โดยมีบทสรุปและข้อเสนอแนะ คือ ด้านวิศวกรรมควรใช้
วิธีการขุดคลองระดับพื้นดิน ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลในขีดความสามารถของประเทศไทย
และภูมิภาคนี้เท่านั้น อันเป็นการขจัดปัญหาเรื่องเงินกู้และการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างชาติ
ด้านเศรษฐกิจควรวางแผนให้โครงการเกิดประโยชน์หลายอย่างเพื่อไม่ต้องพึ่งพารายได้จากทางเดียว
และเกิดเป็นกิจกรรมที่ท าให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค ด้านการเมืองระหว่างประเทศใน
ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โครงการที่มีประโยชน์เช่นนี้จะทาให้เกิดมิตรมากกว่าศัตรู เพราะ
จะช่วยอานวยประโยชน์ท างเศรษฐกิจให้แก่ภูมิภาค และด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
เมื่อประเทศมีเศรษฐกิจดีประชาชนมีงานทา ย่อมทาให้ประเทศชาติมีความมั่นคงขึ้น
อนึ่ ง ในการสั ม มนาครั้ ง นี้ ยั ง ได้ มี ก ารแสดงความเห็ น และข้ อ เสนอแนะจาก
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วน ดังต่อไปนี้
3.2.2.1 ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและการเงินของการขุดคลองกระ29
ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ หรือ
ความเป็นไปไม่ได้ทางเศรษฐกิจและการเงินของการขุดคลองกระ เริ่มการอรัมภบทโดยยกเรื่องการขุด
คลองคีลในประเทศเยอรมนีและการขุดคลองคอรินท์ในประเทศกรีซ ซึ่งไม่มีปัญหาการเมืองระหว่าง
ประเทศ เนื่องจากเจ้าของคลองเป็นผู้ใช้จ่ายเงินของตนเองในการดาเนินการขุด แต่สาหรับกรณีของ
คลองสุเอซและคลองปานามา การขุดคลองอาศัยเงินทุนจากต่างประเทศกล่าวคือต่างประเทศเป็นผู้
28 เพิ่งอ้าง
29 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 10, น.30.
32 เพิ่งอ้าง, น.34.
ประการที่สอง เมื่อคลองกระได้เป็นเส้นทางเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่
บริเวณคลองกระก็จะกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจไปโดยอัตโนมัติ และเป็นจุดที่สินค้าออกของประเทศ
ไทยจะขนลงเรือไปสู่ภายนอก ในขณะเดียวกันก็จะเป็นท่าเรือสาหรับสินค้าเข้า สภาพท่าเรือเดินสมุทร
จะนาไปสู่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นอีกมากมายในบริเวณดังกล่าว ประเทศไทยไม่เคยมีเมืองท่า
นอกจากกรุงเทพซึ่งก็มิใช่เมืองท่าเทียบเรือเดินสมุทร ในขณะที่เมืองท่าอื่นอื่นในโลกมีความเจริญทาง
เศรษฐกิจและการค้าฉันใดคลองกระก็จะมีลักษณะเช่นนั้น34
ประการที่สาม พื้นที่บริเวณสองฝั่งคลองและบริเวณใกล้เคียงมีโอกาส
พัฒนาขึ้นเป็นเขตอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการส่งออกในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่แหลม
ฉบังที่กาลังจะพัฒนาขึ้น โดยจะมีประชากรหนาแน่นและเป็นแหล่งชุมชนที่สาคัญ เป็นเมืองหลักใน
ภาคใต้ เมื่ อ มี ป ระชากรหนาแน่ น ความเจริ ญ ก็ จ ะแผ่ ข ยายออกไปมี ก ารผลิ ต สิ น ค้ า และบริ ก าร
เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน รวมทั้งสาธารณูปโภคต่าง ๆ และการหมุนเวียนทางการเงิน
ภูมิประเทศที่เคยรกร้างว่างเปล่าจะได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ35
ประการที่สี่ โครงการคลองกระจะเป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมของภาคใต้ที่สาคัญที่สุด โดยเฉพาะภาคใต้ตอนใต้ซึ่งมีปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศ การ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ดังกล่าวจะทาให้ประชากรในภาคนั้น และประชากรที่หลั่งไหลมา
จากภาคอื่นมีงานทา มีรายได้ ซึ่งเมื่อฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมดีขึ้นความมั่นคงของประเทศก็จะ
เพิ่มสูงขึ้นด้วย36
ประเด็นที่สอง คือ ความเป็นไปได้ทางการเงิน ซึ่งท่านเจ้าคุณพหลฯ และ
คุณหลวงเดชาติวงศ์ได้เคยตั้งคาถามแก่ ท่านปรีดี พนมยงค์ เมื่อ 50 ปีก่อน ว่าโครงการนี้ ต้องมี
ค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาทเราจะเอาเงินที่ไหนมาทา ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ยืนยันว่าไม่
สนับสนุนการดาเนินโครงการด้วยเงินจากภายนอกประเทศอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลทางการเมือง
ระหว่างประเทศ และภาระหนี้สินของประเทศในปัจจุบันมีความหลากหลายอยู่แล้ว โครงการนี้จะต้อง
ใช้เงินจานวนมากและระยะยาวย่อมก่อให้เกิดหนี้จากต่างประเทศมากขึ้นอีกไปชั่วกาลนาน ดังนั้น
เงินทุนที่จะใช้สาหรับโครงการคลองกระควรเป็นเงินทุนที่ระดมจากในประเทศทั้งหมดหรือเกือบ
ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรเพื่อโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในแผนพัฒนา
เศรษฐกิจ เงินทุนสมทบจากมหาชนจากการจาหน่ายพันธบัตรเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ เงินลงทุน
34 เพิ่งอ้าง, น.36.
35 เพิ่งอ้าง, น.37.
36 เพิ่งอ้าง
บางส่วนของโครงการโดยภาคเอกชนคนไทย และเงินช่วยเหลือทางภาควิชาการจากองค์การระหว่าง
ประเทศและจากรัฐบาลมิตรประเทศหลายหลายประเทศร่วมกัน37
3.2.2.2 การวิเคราะห์สภาพปัญหาด้านต่าง ๆ ของโครงการขุดคลองกระ38
โดย พล.ต.ต. อารุง สกุลรัตนะ ได้รายงานสภาพปัญหาและผลกระทบ
ของโครงการขุดคลองกระไว้ 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม สาหรับด้านสังคมมีผลกระทบต่อประชาชนใน
ท้องถิ่นซึ่งมีประมาณ 500 - 1000 หลังคาเรือนในเขตที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องโยกย้ายถิ่น ที่อยู่ แต่ใน
ความเป็นจริงการโยกย้ายเวนคืนที่ดินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ เมื่อมีการสร้างถนนหรือสร้างเขื่อน ซึ่ง
ผลตอบแทนที่สังคมส่วนรวมจะได้รับนั้นมีมากกว่าเมื่อเทียบกับคนส่วนน้อยที่จะต้องเสียสละ ทั้งนี้
กรรมการเกี่ยวกับเรื่องการเวนคืนจะต้องทาสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องไม่ว่าเป็นการจ่ายเงินเวนคืนที่จะต้อง
จ่ า ยให้ ยุ ติ ธ รรมและรวดเร็ ว ตลอดจนต้ อ งมี จิ ต ใจจะช่ ว ยเหลื อ ผู้ ที่ ถู ก โยกย้ า ยด้ ว ยความเมตตา
นอกจากนี้ยังมีสั งคมที่ เกิดจากการสร้างคลอง คือ ผู้คนมีงานทา ยิ่งเมื่องานมีมากขึ้นเพราะเป็น
โครงการใหญ่ ลู่ทางการทามาหากินของคนไทยก็จะยิ่ งมีมากขึ้น ผู้คนจากพื้นที่อื่นที่ไม่มีงานทาก็จะ
โยกย้ายเข้ามามีงานทา จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรวางแผนการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อยไว้
ล่วงหน้าเพื่อรองรับกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น39
เพิ่งอ้าง, น.41.
39 เพิ่งอ้าง, น.51.
ด้านสิ่งแวดล้อม มีผู้เป็นกังวลว่าเมื่อขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลแล้วจะทา
ให้สิ่งแวดล้อมเสียไป เรื่องนี้ นาวาโท สว่าง เจริญผล อดีตอธิบดีกรมการประมง ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์
น้า ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการสารวจสัตว์ทะเลของไทย กล่าวยืนยันว่า "ได้เคยสารวจสัตว์ทะเลสองฝั่งของ
แหลมทองบริ เวณที่ จั งหวัด สตูล และสงขลาเป็ นประเภทเดี ยวกั น" อั น เป็ นการยื นยั นได้ ว่า สภาพ
สิ่งแวดล้อมสองฝั่งไม่ต่างกัน ส่วนกรณีที่มีผู้เกรงว่าน้าในคลองที่ขุดใหม่จะทาลายสภาพน้าในทะเลสาป
สงขลาปัจจุบัน ศาสตราจารย์ ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ วิศวกร ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเขื่อนขุดคลอง
ยืนยันว่ากรณีจาเป็นก็จะทาการลักน้าลอดคลอง เพื่อมิให้สภาพน้าในทะเลสาปเปลี่ยนแปลงไป40
ด้านวิศวกรรม ตามเส้นทาง 5A หากจะขุดด้วยพลังงานปรมาณูไม่ควรทา
เด็ดขาดในเวลานี้ เพราะจะมีปัญหาหลายประการที่ยังไม่มีความสามารถที่จะจัดการแก้ไขได้ จึงควรใช้
การขุดแบบธรรมดา คือ สั่งเครื่องจักรกลต่างประเทศแบบใหม่เข้ามาใช้ หรือใช้เครื่องจักรกลเท่าที่หา
ได้ ใ นประเทศ หรื อ ใช้ ผ สมผสานทั้ ง 2 รู ป แบบ กล่ า วคื อ บางอย่ า งต้ อ งสั่ ง จากต่ า งประเทศก็ สั่ ง
บางอย่างที่มีอยู่ในประเทศพอใช้ได้หรือพัฒนาให้ใช้ได้ก็ใช้ ซึ่งเห็นว่าวิธีสุดท้ายนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เพราะจะมีโอกาสใช้ทรัพยากรบุคคลในชาติมาทางานได้มากและการกู้หนี้จากต่างประเทศก็อาจจะ
น้อยที่สุด41
ด้านเศรษฐกิจ เมื่อโครงการนี้ได้ดาเนินการสร้างสาเร็จแล้วจะเกิดผลดี
อย่างไรนั้น ประการแรก จะได้ค่าผ่านคลองซึ่งจะคุ้มค่าการลงทุนในระยะ 50 ปี (กรณีที่กู้เงินจาก
ต่างประเทศมาทา) ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลดีด้านที่เป็นตัวเงิน คือ เมื่อสร้างคลองท่าเรือที่กาลัง
ก่อสร้า งที่ ส งขลาและภู เก็ ตจะได้ป ระโยชน์อ ย่า งเต็ม ที่ ประกอบกั บรั ฐ บาลสามารถพั ฒนาแหล่ ง
อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกบริเวณคลอง เชิญชวนให้ต่างชาติที่มีเทคโนโลยีสูงมาตั้งอุตสาหกรรมใน
แนวคลอง โรงงานอุตสาหกรรมและการเกษตรของไทยที่ซบเซาเพราะปัญหาการแข่งขันด้านราคาก็จะ
มีความสามารถในการสู้ราคาได้ดีขึ้น เพราะค่าขนส่งลดลง มีเรือสินค้ามารับสินค้ามากขึ้น มีโอกาส
ส่งออกสู่ตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ได้รับการพัฒนา เพราะหากคลอง
กระก่อสร้างสาเร็จจะเป็นเกียรติภูมิอันสูงยิ่งที่จ ะชักนาให้มีผู้คนเข้ามาเที่ยวชมได้มาก และยังมีผลดีที่
มิใช่ตัวเงิน คือ ผู้คนที่ว่างงานจะมีอาชีพการงานที่ต่อเนื่องและมีความสามารถในด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ
มากยิ่งขึ้น อันเป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ส่วนปัญหาเรื่องเงินลงทุนนั้นสามารถระดมเงินไทยจาก
การขายหุ้ น ในประเทศ ขายหุ้ น ต่ า งประเทศ กู้ เ งิ น ในประเทศโดยออกพั น ธบั ต รเงิ น กู้ ขอความ
ช่วยเหลือแบบเงินให้เปล่า เพื่อสนับสนุนโครงการจากประเทศที่ได้ประโยชน์จากการที่เรือผ่านคลอง
ได้เร็วขึ้น ขอยืมเงินจากประเทศที่มีเรือผ่านแล้วตั้งเป็นเงินชาระค่าผ่านคลอง กู้เงินต่างประเทศเพื่อซื้อ
เทคโนโลยีต่างประเทศ และวางผังเมืองอย่างดีให้เรียบร้อย แล้วจัดเป็นพื้นที่แหล่งอุตสาหกรรม และ
ประกาศขายตั้งแต่วางผังเมือง42
ด้านความมั่นคงของชาติ เมื่อขุดคลองแล้วหากตั้งเงื่อนไขที่ไม่เสมอภาค
แก่ผู้ใช้คลองจะก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนเป็นภัยได้ ดังนั้นผู้ใดจะผ่าน ถ้าปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ที่วางไว้จะได้สิทธิเสมอกัน เว้นแต่ยามสงครามจะกาหนดการผ่านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรือรบของ
ประเทศคู่สงครามก็คงไม่ปรารถนาจะผ่านคลองแคบ ๆ ที่ไม่อาจแปลขบวนในทางต่อสู้ได้ ดังนั้น
สาหรับเรื่องนี้เห็นว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร43
3.2.2.3 ประโยชน์ในทางพาณิชย์นาวีของการขุดคลองกระ44
นายไชยยศ ไชยมั่นคง ได้นาเสนอว่า เรือที่ผ่านคลองกระจะแบ่งได้เป็น 2
ประเภท คือ เรือจรและเรือเดินประจาเส้นทาง เนื่องจากคลองกระสามารถประหยัดระยะเวลาการ
เดินเรือได้ ไม่มากนัก ดังนั้นการจราจรในคลองกระจะมีมากน้อยเพียงใดจึงขึ้นอยู่กับค่ าธรรมเนียม
การใช้คลองและความรวดเร็วในการผ่านเข้าออกคลองเป็นสาคัญ โดยเศรษฐกิจการเดินเรือจรและเรือ
บรรทุกสินค้ากองจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดเรือ ซึ่งหากเป็นเรือบรรทุก
สินค้ากองจะไม่มีตารางการเดินเรือที่แน่นอน และในภาวะที่ตลาดเรือมีระวางเรือมากการเดินเรือจะ
ไม่มีปัจจัยเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องมากนัก แต่ในยามที่ตลาดเรือเป็นของเจ้าของเรือการเดินเรือ ที่มุ่ง
จะใช้ประโยชน์จากเรือสู งสุ ด ในภาวะเช่นนั้นเจ้ าของเรือจะเดินเรือโดยใช้เวลาน้อยที่สุดโดยมุ่ ง
ประหยัดเวลาและใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด45 ขณะที่เรือเดินประจาเส้นทางจะมีความสาคัญกับการผ่านเข้า
ออกคลองกระอยู่มาก เพราะต้องการดึงดูดลูกค้าด้วยการให้บริการที่มีความถี่และการขนส่งที่มีช่วง
ระยะเวลาสั้น โดยเฉพาะเรือคอนเทนเนอร์ในเส้นทางหลัก และเลือกฟีดเดอร์สาหรับเรือคอนเทนเนอร์
ในเส้ นทางหลักอเมริกา-ตะวันออกกลาง ซึ่ งเดิมสิ้ นสุดการเดินทางที่ฮ่องกงแต่เมื่อมีการเปิดการ
เดินเรือรอบโลกของบริษัทเอฟเวอร์กรีนและยูเอสไลน์ ทาให้เรือเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านช่องแคบ
มะละกา46
สาหรับการพาณิชย์นาวีไทย การพัฒนาคลองกระจะช่วยลดระยะเวลา
การเดินทางระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ซึ่งอาจมีผลต่อ การเดินเรือชายฝั่งของไทยอยู่บ้าง แต่
เมื่อพิจารณาถึงปริมาณการค้าระหว่างสองฝั่งทะเลแล้วยังนับว่าน้อยมากที่จะเกิดการขยายกองเรือ
42 เพิ่งอ้าง, น.53-55.
43 เพิ่งอ้าง
44 เพิ่งอ้าง, น.60.
45 เพิ่งอ้าง, น.77.
46 เพิ่งอ้าง, น.78.
ชายฝั่งขึ้นสาหรับการลดระยะเวลาระหว่างมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้อาจเป็นผลดีกับการ
พาณิชย์นาวีโดยทั่วไป แต่สาหรับกองเรือพาณิชย์นาวีไทยไม่น่าจะมีผลเพราะเรือไทยไม่ได้เปรียบเรือ
ต่างชาติ47 แต่อย่างใดในกรณีนี้ ดังนั้นคงจะไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการขยายกองเรือพาณิชย์ของ
ไทย แต่อาจมีผลทางอ้อมกับการขยายกองเรือพาณิชย์ ได้ ในลักษณะที่หากคลองกระสามารถพัฒนา
เป็นศูนย์กลางการขนส่งรับช่วงและกระจายสินค้าของภูมิภาคจะทาให้คนไทยมีความรู้ด้านการขนส่ง
ทางทะเลมากขึ้ น อั น น าไปสู่ ก ารลงทุ น ในด้ า นนี้ ม ากยิ่ ง ขึ้ น 48 และจะส่ ง ผลบวกกั บ การพั ฒ นา
อุตสาหกรรมการต่อเรือและซ่อมเรือก็ต่อเมื่อมีการพัฒนาท่าเรือที่ทาหน้าที่ท่าเรืออย่างสมบูรณ์ 49 คือ
เป็นท่าเรือการขนส่งรับช่วง ศูนย์กระจายสินค้า สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และ
อุตสาหกรรมการต่อซ่อมเรือ แต่การจะพัฒนาให้เป็นท่าเรือที่สมบูรณ์เช่นนี้ได้จะต้องมีการลงทุน
จานวนมหาศาล ทั้งนี้คลองกระอยู่ในตาแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลาง
การขนส่งรับช่วง และศูนย์กลางกระจายสินค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาจรวมถึง
อ่าวเบงกอลได้50
สาหรับความเป็นไปได้ของโครงการการพัฒนาโครงการเพียงให้เรือผ่านจะไม่
คุ้มค่าการลงทุน แต่หากจะให้คุ้มค่าต้องมุ่งหวังที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งรับ
ช่วงการกระจายสินค้า ฯลฯ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกที่จะต้องพิจารณาประกอบด้วย คือ
อนาคตของฮ่องกงและสิงคโปร์ การค้าโลก โครงสร้างการเดินเรือพาณิชย์ของโลก และเศรษฐกิจการ
เดินเรือพาณิชย์51
49 เพิ่งอ้าง
50 เพิ่งอ้าง, น.78.
51 เพิ่งอ้าง, น.79.
3.2.2.4 ข้อคิดเห็นในทางวิศวกรรมของโครงการขุดคลองกระ52
คณาจารย์ ส าขาวิ ศ วกรรมแหล่ ง น้ า ภาควิ ช าวิ ศ วกรรมโยธา คณะ
วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นาเสนอว่าจากการศึกษาในเชิงวิศวกรรมมีความเป็นไป
ได้ที่จะขุดคลองเชื่อมทะเลอันดามันและทะเลจีนใต้ ผ่านทางภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งการขุดเป็นไป
ได้ทั้งคลองในแนวราบและคลองยกระดับ ขึ้นอยู่กับแนวคลองที่จะเลือกขุด และขนาดเรือที่จะสัญจร
ผ่าน โดยคลองในแนวราบมีข้อสังเกตว่า ความเร็วของกระแสน้าในคลองที่เกิดจากความต่างระดับของ
น้าทะเลอาจเป็นปัญหาในการบารุงรักษาคลอง หากไม่มีมาตรการในการลดความเร็ว และการดาเนิน
โครงการโดยอาศัยหลักการพึ่งพาตนเองรัฐบาลจาต้องวางนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน
โดยเฉพาะการผลิ ต เครื่ อ งจั ก รกลและวั ต ถุ ร ะเบิ ด รวมถึ ง พั ฒ นาขี ด ความสามารถบุ ค คลในสาย
วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเพื่อสนับสนุนการดาเนินการ ทั้งนี้ ในการตัดสินใจโครงการนี้ควรต้อง
วิเคราะห์ปัจจัยปัญหาด้านวิศวกรรมต่าง ๆ ในรายละเอียด และนาผลการศึกษามารวมกันในภายหลัง
เพื่อให้เกิดลักษณะโครงการที่มีความเหมาะสมและชัดเจนมากที่สุด53
3.2.2.5 ข้อพิจารณาเรื่องคลองกระกับความมั่นคง
(1) ข้อพิจารณา โดย พลเอก สายหยุด เกิดผล54
สาหรับเรื่องโครงการคอคอดกระกับปัญหาความมั่นคง เป็นข้อพิจารณา
ในภาพรวม ซึ่งคอคอดกระเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สาคัญของโลกจุดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นความมั่นคงที่รวมทุกด้าน ทั้ง
ด้านการเมืองการทหารเศรษฐกิจสังคม อนึ่ง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทาง
ทหารจะต้องสนับสนุนซึ่ งกันและกัน แม้โดยธรรมชาติแล้วมักจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ แต่
จะต้องหาจุดลงตัวกันให้ได้55 ซึ่งจุดมุ่งหมายสูงสุดของการพัฒนา คือ เรื่องความปลอดภัยอัน
จะนาไปสู่ความมั่นคงแห่งชาติ56
สาหรับภาคใต้ของประเทศไทย มีประวัติการก่อความไม่สงบและการ
ต่อต้านอานาจส่ วนกลางของกรุงเทพมาเป็นเวลาช้านาน โดยเฉพาะภาคใต้ตอนใต้ ซึ่ งมี
สาเหตุสาคัญ 4 ประการ คือ ความห่างไกลของภาคใต้จากรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ปัญหาสังคม
เนื่องจากคนภาคใต้ตามแนวชายแดนมีเชื้อชาติและศาสนาแตกต่างกับคนไทยส่วนใหญ่
54 เพิ่งอ้าง, น.121.
55 เพิ่งอ้าง
56 เพิ่งอ้าง, น.122.
อิทธิพลจากประเทศมาเลเซียซึ่งมีเชื้อชาติและศาสนาเดียวกันแต่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงกว่า
คนไทยที่มีเชื้อชาติและศาสนาเดียวกันที่อยู่ในประเทศไทย และความไม่แน่นอนและต่อเนื่อง
ของนโยบายรัฐบาลที่มีต่อคนภาคใต้ทาให้คนภาคใต้ขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลอันเป็นเรื่อง
ทางจิตวิท ยา ปัญ หาเหล่ านี้เป็นปัญ หาที่รัฐ บาลต้องยอมรับและแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดย
ยกระดับความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจและสังคมของคนภาคใต้ให้ทัดเทียมกับคนในประเทศ
มาเลเซีย57
วิธี ก ารหนึ่ง ในการบรรลุ ผ ลดั งกล่ าว คือ การน าเอาความส าคัญ ของ
ภาคใต้ในฐานะที่เป็นกุญแจสาคัญทางยุทธศาสตร์โลกที่ช่วยในการติดต่อระหว่างมหาสมุทร
อินเดียและทะเลจีนใต้ให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการใช้จ่ายในการขนส่งและแบ่งเบา
ภาระการจราจรแออัดหนาแน่นบริเวณช่องแคบมะละกา 58 ปัญหาความมั่นคงของภาคใต้ไม่
ว่าจะเป็นขบวนการก่อการร้ายหรือที่เกิดจากความไม่เชื่อมั่นระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน
ในพื้นที่หรือเกิดจากการแข่งขันในการที่จะทาให้ประชาชนในพื้นที่มีความจงรักภักดีต่อ
ประเทศไทยมากกว่านิยมประเทศมาเลเซียล้วนจาเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่แก้ปัญหา
อย่างจริงจัง ต้องพัฒนาและรักษาความปลอดภัย โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้ ต้องวางแผนระยะยาว
ซึ่งถ้าท าได้ ก็จะบรรลุ ความสาเร็จเช่นเดียวกับที่ประสบความสาเร็จในบริเวณอื่นของ
ประเทศมาแล้ว59
การที่ฝ่ายคัดค้านอ้างว่าหากมีการขุดคอคอดกระจะกระทบกระเทือนต่อ
ความมั่นคงของพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเป็นความคิดที่มีเหตุผลตามแนวคิดยุทธศาสตร์
เก่า ซึ่งมักตามหลอกหลอนอยู่เสมอ อันเป็นแนวคิดสมัยอาณานิคมจนถึงก่อนสงครามโลกครั้ง
ที่ 2 ซึ่งไทยถูกล้อมด้วยประเทศมหาอานาจที่มีดิ นแดนอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ และด้วยแนวคิด
ตามยุท ธศาสตร์เก่ านี้ท าให้ประเทศไทยต้ องเสีย เวลาไปอย่ างไม่ สมควร กว่ าจะเอาชนะ
แนวความคิดเก่าได้ผลที่ปรากฏตามที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้ว ดังนั้นประเทศไทยก็ไม่ควรที่จะ
พลาดโอกาสที่จะฉวยโอกาสทองในการพัฒนาภาคใต้ในขณะที่โลกกาลังให้ความสนใจ60
59 เพิ่งอ้าง, น.130
60 เพิ่งอ้าง, น.127.
63 เพิ่งอ้าง
66 เพิ่งอ้าง, น.90.
67 เพิ่งอ้าง
(2) การขยายอุตสาหกรรมประมงน้าลึก
โครงการคลองกระจะทาให้ประเทศไทยสามารถขยายการทาประมงน้า
ลึก เข้าไปในมหาสมุทรอินเดียได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยใช้คลองกระในการคุ้มครอง
ป้องกันชายฝั่งทะเลตะวันตกได้สะดวกกว่าในปัจจุบัน68
(3) การเสริมสร้างความเจริญด้านพาณิชย์นาวีแก่ประเทศไทย
โครงการคลองกระจะทาให้เกิดเส้นทางเดินเรือพาณิชย์สายใหม่ ซึ่งช่วย
ร่นระยะทางเดินเรือได้ถึง 160 - 180 ไมล์ทะเล อันเป็นการสร้างความเจริญด้านพาณิชย์นาวี
แก่ประเทศไทย69
(4) การระดมทุนและทรัพยากรจากภายในประเทศ เพื่อดารงไว้ซึ่งอธิปไตย
ของคลองกระ
เพื่ อ ให้ อ ธิ ป ไตยของคลองกระอยู่ ใ นเขตแดนไทย จึ ง ควรต้ อ งระดม
ทรัพยากรทั้ งหมดที่ มี อยู่ ทั้งเงิ น แรงงาน เทคโนโลยี และเครื่องจักรกล จากทั้งสถาบั น
ราชการ ทหารพลเรือน สถาบันเทคโนโลยี และสถาบันการเงิน เพื่อร่วมกันสร้างประโยชน์
และประหยัดมูลค่าการลงทุนให้ได้มากที่สุด โดยการระดมทุนต้องเริ่มจากในประเทศก่อน
และหากไม่เพียงพอจึงค่อยกระจายการระดมทุนออกไปนอกประเทศยังหลายประเทศ เพื่อ
ไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมีส่วนหรือมีอิทธิพลเหนือคลองมากจนเกินไป70
(5) การจัดสิ่งอานวยความสะดวกอย่างครบครันและพัฒนาเมืองใหม่
โครงการคลองกระต้องกาหนดให้มีสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น
ท่าเรือและสิ่งอานวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ อุปกรณ์จอดเทียบเรือ อุปกรณ์ในการขนถ่าย
สินค้า และอุปกรณ์ในการซ่อมแซมเรือตลอดจนที่จอดและที่กาบังคลื่นลมสาหรับเรือประเภท
ต่าง ๆ โรงกลั่นและท่อลาเลียงน้ามันเพื่อรองรับเรือน้ามัน อ่างเก็บน้าเพื่อการสาธารณูปโภค
และอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า เพื่อการอานวยความสะดวกด้านพลังงาน การพัฒนาอุตสาหกรรม
หนัก นิคมอุตสาหกรรมสาหรับอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเมืองใหม่71
3.3.2.2 ความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลองกระ
ประเทศไทยมี อ าณาเขตทางทะเล มากถึ ง 2,400 กิ โ ลเมตร แต่ ด้ ว ย
อุปสรรคทางภูมิศาสตร์ ทะเลทั้งสองข้างของด้ามขวานทองไม่เชื่อมต่อกัน การเดินเรือจึงต้องอ้อมผ่าน
70 เพิ่งอ้าง
71 เพิ่งอ้าง, น.90-91.
ทะเลอาณาเขตของต่างประเทศ และยิ่งเมื่อประเทศเพื่อนบ้านประกาศใช้บังคับเขตเศรษฐกิจจาเพาะ
ทะเลอาณาเขตและเขตเศรษฐกิจจาเพาะของไทยยิ่งถูกปิดล้อม ทาให้ไม่มีจุดใดติดต่อกับทะเลหลวง
หรือน่านน้าสากลได้เลย อันเป็นเหตุให้ชาวประมงไทยประสบอุปสรรคในการประกอบอาชี พและ
ท่าเรือทั้งหลายในประเทศไทยมีฐานะเป็นท่าเรือระดับรอง ไม่มีความสาคัญในระบบการค้าระหว่าง
ประเทศเท่าที่ควรและอยู่นอกเส้นทางการเดินเรือปกติ ในขณะเดียวกันช่องแคบมะละกาก็กาลัง
ประสบปัญหาการจราจรแออัด ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียต่างมีความวิตกในเรื่อง
ปัญหาอุบัติเหตุและมลภาวะอันเกิดจากเรือที่สัญจรผ่านช่องแคบมะละกา ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าหากมีการ
ขุ ด คลองกระ เรื อ ทั้ ง หลายจะนิ ย มใช้ เ ส้ น ทางนี้ อ ย่ า งแน่ น อน โดยเส้ น ทาง 5A และ 3C มี ค วาม
เหมาะสมมากที่สุด ซึ่งถ้าหากขุดคลองในเส้นทาง 5A เป็นระยะทางประมาณ 102 กิโลเมตร จาก
เหนือจังหวัดสตูลและตรังผ่านทะเลสาบสงขลาไปออกที่จังหวัดสงขลาจะเป็นเส้นทางที่ใช้ทดแทนช่อง
แคบมะละกาได้ ช่วยร่นระยะทางเดินเรือได้ราว 160 - 800 ไมล์ทะเล ช่วยประหยัดระยะเวลาได้ราว
ครึ่งวันถึงสามวันครึ่ง72 โดยมีหลักการที่ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
ประการแรก แนวคลองไม่ค วรผ่านบริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดม
สมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการพัฒนาเหมืองแร่73
ประการที่ ส อง แนวคลองควรเป็ น แนวที่ ส ามารถขุ ด และก่ อ สร้ า ง
โครงสร้างของคลองและอาคารได้อย่างประหยัด74
ประการที่สาม ระบบคลองที่ขุดต้องใช้เดินเรือได้ อย่างสะดวก เสียเวลา
น้อยที่สุด และการดาเนินการตลอดจนการบารุงรักษาต้องการทาได้โดยประหยัด75
ประการที่สี่ ปากคลองทั้งสองด้านควรอยู่ห่างจากเส้นเขตแดนให้มาก
ที่สุด และควรอยู่บริเวณที่กองทัพไทยสามารถให้ความอารักขาได้อย่างสะดวก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
การเมืองระหว่างประเทศและเพื่อความปลอดภัยของระบบคลอง76
ประการที่ห้า แนวคลองที่เลือกควรมีจุดเหมาะสมในการก่อสร้างท่าเรือ
น้าลึกสาหรับรับเรือพาณิชย์ขนาด 100,000 เดทเวทตัน และทุ่นจอดเรือหรือท่าเทียบเรือสาหรับเรือ
บรรทุกน้ามันขนาด 250,000 เดทเวทตันเพื่อขนถ่ายน้ามันดิบได้โดยสะดวกทั้งสองฝั่งทะเล77
74 เพิ่งอ้าง, น.92.
75 เพิ่งอ้าง
76 เพิ่งอ้าง
78 เพิ่งอ้าง
79 กอบกุล สามัคคี, การศึกษาความเป็นไปได้ทางสังคมของโครงการคลองกระ,
84 เพิ่งอ้าง, น.51.
85 เพิ่งอ้าง, น.78.
89 เพิ่งอ้าง, น.80.
90 เพิ่งอ้าง
3.5 รายงานผลการวิจัยการศึกษาความเป็นไปได้ด้านการพาณิชย์และด้านกายภาพของการขุดคอ
คอดกระ โดย สถาบันพาณิชย์นาวี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2542
93 เพิ่งอ้าง, น.56.
ควรพิจารณาใช้เทคโนโลยีโดยใช้เครื่องจักรหนักเพื่อเร่งระยะเวลาการก่อสร้างงานหลัก 94 และใช้
เทคโนโลยีแ บบที่อุตสาหกรรมไทยสามารถผลิตได้เพื่อทาการก่อสร้างงานสนับสนุน ส่วนการใช้
เทคโนโลยีนิวเคลียร์ควรพิจารณาเป็นอันดับสุดท้ายเพราะยังไม่เคยมีการใช้มาก่อนและมีโอกาสที่
ส่งผลกระทบที่ควบคุมไม่ได้และทาให้เกิดและคัดค้านโครงการ95
การประมาณการค่าก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้มีความยากลาบาก
เพราะจะต้องพิจารณารายละเอียดเสริมมากมายรวมถึงเทคโนโลยีที่ต้องการใช้และแหล่งเงินทุน โดย
หากพิจารณาขุดแนวคลองรองรับเรือขนาด 250,000 ตันช่องคู่ในแนว 5A โดยพิจารณาจากการปรับ
ค่าเงินบาทอัตราเงินเฟ้อของประเทศและใช้ฐานปริมาณงานและต้นทุนต่อหน่วยจัดการศึกษาเดิมของ
TAMS คาดว่าโครงการขุดคลองเชื่อม ท่าเรือ เขื่อนกันคลื่นใช้เวลาประมาณ 15 ปีและมีงบประมาณ
ในการก่อสร้างประมาณ 8 แสนล้ านบาท โดยคานวณจากค่ าเงิน ในปี พ.ศ. 2540 และคิด อัตรา
แลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 40 บาท96
3.5.1.3 รูปแบบการพัฒนาและการบารุงรักษา
นับตั้งแต่เกิดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก และเกิดโครงการท่าเรือ
และเขตอุตสาหกรรมขึ้นที่แหลมฉบังและมาบตาพุดในปี พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา รูปแบบการพัฒนาที่มี
ทั้งท่าเรือทางคมนาคมขนส่งและเขตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ก่อให้เกิดการเสริมประโยชน์ซึ่งกัน
และกันเป็นอย่างดี แม้จะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาพอสมควรก็ตาม ดังนั้นในการขุดคอคอดกระจึง
ควรพิจารณารูปแบบการพัฒนาในลักษณะ Integrated Development ซึ่งมีทั้งคลอง ท่าเรือน้าลึก
เขตอุตสาหกรรม และอาศัยดินที่ขุดได้นั้นทาการถมทะเล เพื่อให้เกิดพื้นที่พัฒนาใหม่ทั้งสองด้าน
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเคมีหรือปิโตรเลียมซึ่งใช้วัตถุดิบที่มีการขนถ่ายทางทะเลของเรือที่จะสัญจร
ผ่านและใช้บริการอยู97่
ผลการศึกษาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่มีการกล่าวถึงการบารุงรักษา
คลองเลย แต่จากการศึกษาในครั้งนี้พบว่าต้องมีการบารุงรักษาอย่างต่อเนื่อง อาทิ อุปกรณ์การนาร่อง
การขุดลอกร่องน้า การติดตามคุณภาพน้า การแก้ไขการกัดเซาะของชายฝั่งด้านท้ายคลื่น ตลอดจน
การปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณประจาเสริมให้อีก98
96 เพิ่งอ้าง
97 เพิ่งอ้าง, น.56.
98 เพิ่งอ้าง, น.58.
101 เพิ่งอ้าง
เป็นโครงการที่มีความเสี่ยงสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากรัฐบาลมีนโยบายที่จะริเริ่มโครงการ
จะต้องศึกษารายละเอียดลงไปในทุกด้าน ส่วนผลการวิเคราะห์ของสถาบันพาณิชย์นาวีจุฬาพบว่า การ
ขุดคอคอดกระไม่น่าจะเป็นโครงการที่สามารถพลิกภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่าไปสู่เศรษฐกิจที่เจริญเติบโต
และหากพิจารณาถึงระบบเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมแล้วก็อาจเป็นโครงการที่ทาให้ระบบเศรษฐกิจ
ขาดเสถียรภาพได้104
104
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 91, น.89.
105 เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต และคณะ, รายงานผลการวิจัย การศึกษาความเป็นไปได้
3.6 รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
โดย คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ สานักงาน
เลขาธิการวุฒสิ ภา ในปี พ.ศ. 2548110
108
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 105, น.126
109 เพิ่งอ้าง, น.129.
110 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
สร้างคลองเป็นคลองระดับน้าทะเล ไม่ต้องสร้างประตูน้าเพื่อยกระดับให้
เรือผ่าน เนื่องจากระดับน้าของฝั่งทะเล 2 ฝั่งต่างกันเพียง 25 เซนติเมตร โดยในการขุดคลองสามารถ
ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อความเร็วในการขุด แต่ไม่ควรขุดด้วยเทคโนโลยีปรมาณู116
3.6.2.2 แผนการพัฒนาพื้นที่โดยรอบบริเวณคลอง
คณะกรรมการวิสามัญเสนอกาหนดแนวเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 เขต ซึ่ง
รวมพื้นที่ประมาณ 1,400 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย117
ก. บริเวณอาเภอสิเกา และอาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง และอาเภอคลอง
ท่อมจังหวัดกระบี่ ใช้พื้นที่ประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร
ข. บริ เ วณอ าเภอทุ่ ง สง อ าเภอรั ษ ฎา และอ าเภอห้ ว ยยอด ใช้ พื้ น ที่
ประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร
ค. บริเวณอาเภอหัวไทร อาเภอชะอวด อาเภอระโนด ใช้พื้นที่ประมาณ
600 ตารางกิโลเมตร
การสร้างเมืองใหม่และเขตอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้ง 3 เขตจะต้องคานึงถึง
อุตสาหกรรมที่สะอาดและทันสมัยเท่านั้น โดยเป็นอุตสาหกรรม High Technology เพื่อเตรียมสินค้า
ส่งออกลงเรือไปยังประเทศต่าง ๆ รวมทั้งจัดให้มีอุตสาหกรรมบริการอื่น ๆ เช่น การซ่อมเรือ โรงเเรม
การท่องเที่ยว การบิน และการขนส่งทางบก เป็นต้น 118 ควรมีการกาหนดเขตปลอดภาษีในเขตเมือง
ใหม่และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้ง 3 เขต ทั้งนี้ รายได้จากเมืองใหม่จะต้องแบ่งเป็นรายได้ที่จัดสรรให้แก่
จังหวัดที่คลองผ่าน ในอัตราที่รัฐกาหนด (ประมาณร้อยละ 50) ที่เหลือจึงเป็นของจัง หวัดใกล้เคียง
และจังหวัดอื่นอื่น ๆ โดยนาเข้าเป็นรายได้ของรัฐต่อไป119
3.6.2.3 แผนการดาเนินการ และแนวทางในการกากับควบคุมด้านต่าง ๆ
(1) ด้านการลงทุน
คณะกรรมการวิสามัญเสนอให้กาหนดกรอบข้อกาหนด TOR (Terms
of Reference) ในการพัฒนาโครงการสาหรับผู้ลงทุนอย่างเป็นธรรมกั บผู้รับสัมปทานและ
ประเทศไทยในฐานะเจ้าของของไทย และการจ่ายค่าชดเชยการเวนคืนขนย้ายจะต้องเป็น
ธรรมกับประชาชน ในอัตราค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าราคาเวนคืนตามที่รัฐกาหนด อนึ่ง ราษฎรที่
119 เพิ่งอ้าง
122 เพิ่งอ้าง
(3) ด้านทรัพยากรบุคคล
ประเทศไทยควรเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรที่จะทาหน้าที่บริหารจัดการ
เรื่องคลอง การเดินเรือ การซ่อมเรือ การต่อเรือ การท่าเรือ การจัดการในทะเล การควบคุม
คลอง ฯลฯ โดยจะต้องฝึกคนไทยไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 ปี ด้วยเหตุผลนี้ จึงควรจัดตั้ง
"มหาวิทยาลัยคลองไทย" เพื่อรับนักศึกษาทั้งในระดับต่ากว่าปริญญาตรี ปริญญาตรี และสูง
กว่าปริญญาตรี126
3.7 การศึกษาโครงการ โดย มูลนิธิคลองไทย Klong Thai Foundation ในปี พ.ศ.2546 - 2554
131 เพิ่งอ้าง
3.7.2.2 การเสวนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการขุดคลองกระ134
การเสวนาครั้งนี้ไม่มีเสียงคัดค้านโครงการขุดคลองกระ เพียงแต่เสนอให้
ทาการเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งนี้ พลเรือเอกถนอม เจริญลาภ กล่าวว่าหากขุดบริเวณ
คอคอดผลประโยชน์จะตกอยู่ที่ท่าเรือมะละแม่งของประเทศพม่า และหากขุดในแนวที่พาดผ่าน
จังหวัดสงขลา จะต้องพาดผ่านสถานที่สาคัญหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบสงขลา โครงการในพระราชดาริ
เป็นต้น ในขณะที่หากขุดในแนวกันตัง ผลประโยชน์จะตกไปอยู่ที่ท่าเรือของประเทศมาเลเซีย ดังนั้น
พื้นที่ที่ เห็นควรว่าจะนามาพิจารณาเพื่อทาการศึกษาความเป็นไปได้ต่อไป คือ แนวคลองจังหวัด
สุราษฎร์ธานีไปยังจังหวัดพังงา หรือจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังจังหวัดกระบี่ ลงไปบริเวณใต้เกาะ
ลันตา ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมเสวนาให้ความสนใจและสนับสนุนโครงการนี้มาก135 โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้
แสดงความคิดเห็นในการร่วมเสวนาเกี่ยวกับโครงการขุดคลองกระดังนี้
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้แสดงความคิดเห็นว่าประเทศมหาอานาจ
ยังคงมีนโยบายแสวงหาประโยชน์กับประเทศที่กาลังพัฒนาโดยการเข้ามายึดครองระบบเศรษฐกิจและ
แสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบกับการแสวงหาประโยชน์จากโครงการใหญ่ของ
นักการเมื องในแต่ละยุคสมัยทาให้สูญ เสียงบประมาณของประเทศอย่างมหาศาล แล้วเกิดความ
เสียหายต่อส่วนรวมโดยเฉพาะภาพลักษณ์ของประเทศ หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าการขุดคลอง
กระจะทาให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน นายทุนต่างชาติจะเข้ามาครอบครองระบบเศรษฐกิจ และ
องค์กรระหว่างประเทศจะเข้ามาแทรกแซง อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงเสนอให้
ทาการศึกษาผลกระทบในทุก ๆ ด้านอย่างละเอียด และแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยสถานการณ์ความ
ไม่พร้อมด้านต่าง ๆ เห็นควรยุติโครงการคลองกระ136
อาจารย์กมล กมลตระกูล ได้แสดงความเห็นว่าประเทศมหาอานาจใน
โลกยังคงพยายามเอาเปรียบ แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และระบบเศรษฐกิจของ
ประเทศที่เล็กกว่า โดยแทรกแซงเข้ามาในรูปแบบของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีนักการเมือง
บางส่ วนที่ เห็นแก่ประโยชน์ส่ ว นตนพยายามท าการแก้ก ฎหมายระหว่า งประเทศเพื่อเปิดช่ องให้
ต่างชาติเข้ามามีสิทธิถือหุ้นซื้อกิจการในธุรกิจสาคัญของประเทศ และแสวงหาประโยชน์จากโครงการ
เมกะโปรเจกต์ใหญ่ ๆของประเทศ137 โดยหากดาเนินการขุดคลองกระจะมีผลกระทบต่อความมั่นคง
136 เพิ่งอ้าง
ของการเมืองในประเทศ เนื่องจากประเทศมหาอานาจจะเข้าแทรกแซงโดยเสนอผลประโยชน์ผ่านทาง
นักการเมืองเหล่านั้น จึงก่อให้เกิดความแตกแยกและส่งผลกระทบต่อประชาชน ดังนั้นประเทศจะต้อง
มีความพร้อม ไม่เพียงแต่ในเชิงเทคโนโลยีความรู้ แต่จะต้องพร้อมในการคิดป้องกันผลประโยชน์ของ
ประเทศ โดยรัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีการศึกษาเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนไม่ให้ตก
เป็นเครื่องมือของนักการเมือง เพราะฉะนั้นจึงยังไม่เห็นด้วยกับการดาเนินการขุดคลองกระในขณะที่
ประเทศไทยยังขาดความพร้อมโดยเฉพาะจิตสานึกในความรักชาติของเหล่านักการเมือง138
พลเรือเอกถนอม เจริญลาภ แสดงความคิดเห็นว่าการขุดคลองกระจะ
ช่วยพัฒนาพื้น ที่ แ ละเสริม สร้างความมั่ง คั่งทางเศรษฐกิจ และประชาชนในพื้นที่ ภาคใต้ ในการนี้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะทาการศึกษาข้อมูลต่ าง ๆ ของโครงการขุดคลองกระ และหากประเทศ
ไทยไม่ดาเนินการจะมีประเทศมหาอานาจของโลกเข้ามาทาการแทรกแซงเพื่อขุดคลองกระแล้วก็เอา
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจไป เช่นเดียวกับคลองปานามา ถ้าหากมีการขุดคลองกระก็ควรจะสร้าง Break
Water เพื่อ ลดระดับ ความรุ นแรงของคลื่ นยั กษ์ ที่อ าจเกิด และซั ดเข้ามาในแนวคลอง นอกจากนี้
ทรัพยากรธรรมชาติลดปริมาณลงมากจึงเสนอให้พิจารณาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดย
สมควรให้สัตยาบันในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 ปรับปรุงกฎหมาย
ภายในประเทศที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทะเลโดยด่วน จัดทา
กรอบนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลให้มีประสิทธิภาพ และมีแผนในการ
ดาเนินการที่ชัดเจนเพื่อเร่งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้า รวมถึงความ
หลากหลายทางชีวภาพ โดยจัดตั้งสานักงานอิสระที่ทาหน้าที่ประสานงานแผนการต่ าง ๆ เพื่อให้
นโยบายที่กาหนดไว้สามารถปฏิบัติได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้มีการจัดทายุทธศาสตร์
ชาติทางทะเลเป็นองค์รวม139
รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร แสดงความเห็นว่าหากสามารถดาเนินโครงการ
คลองกระได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประเทศชาติ แต่อุปสรรคที่สาคัญ คือ ระบบอุปถัมภ์ ซึ่ง
ก่อให้เกิดการคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยไม่มีรัฐบาลชุดใดสามารถปกป้อง
ผลประโยชน์ของประเทศได้อย่างจริงจัง ส่วนใหญ่ต่างเห็นแก่พวกพ้องและประโยชน์ส่วนตน อนึ่ง
โครงการขุดคลองกระหากจะดาเนินการรัฐบาลต้องทาการศึกษาอย่างจริงจังถึ งข้อมูลพื้นฐานแต่ละ
ด้าน เช่น ด้านวิศวกรรม ด้านความมั่นคง ด้านผลประโยชน์ของประเทศชาติและเศรษฐกิจ โดย
ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันศึกษาอย่างละเอียด มีวัตถุประสงค์ของโครงการที่ชัดเจน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่
ผ่านมารัฐบาลมักมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้แสดงความ
คิดเห็นและตัดสินใจ140
ดร.ทวีศักดิ์ ปิยะกาญจน์ แสดงความเห็นว่าสิงคโปร์มีความวิตกกังวลมาก
เมื่อทราบว่าประเทศไทยดาเนินการศึกษาโครงการขุดคลองกระ เนื่องจากกระทบต่อผลประโยชน์
หลายด้านของสิงคโปร์ ทั้งนี้รัฐบาลไทยควรพัฒนาระบบการศึกษาให้คนไทยสามารถรู้ทันเล่ห์กลของ
นักการเมือง หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของชาวต่างชาติ ในปัจจุบันท่าเรือ
ไทยถูกลดอันดับต่าลงทุกปี ในขณะที่สิงคโปร์ได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นทุกปีเช่นเดียวกัน นอกจากนี้
ยั ง เสนอให้ มี ค ณะกรรมการอิ ส ระ เพื่ อ ดู แ ลและวางกรอบนโยบายที่ เ กี่ ย วกั บ การพั ฒ นา
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม141
3.7.2.3 สรุปผลการตรวจภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม
(1) ผลการตรวจภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งของแนวคลองต่าง ๆ
10 จังหวัด จาก 14 จังหวัด ในพื้นที่ภาคใต้142
ผลการตรวจภูมิประเทศในแต่ละแนวคลอง พบว่าส่วนราชการในพื้นที่
ส่ ว นใหญ่ รั บ ทราบข้ อ มู ล น้ อ ยมาก โดยสามารถสรุ ป สาระส าคั ญ ของแต่ ล ะแนวคลองได้
ดังต่อไปนี้
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 3 และ 3C อาเภอพุนพิน จังหวัดสุ
ราษฎร์ธานี พบว่าแนวที่เสนอให้พิจารณาโดยเห็นว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่ในเขต
ปกครอง คือ ในพื้นที่ซึ่งอยู่คู่ขนานกับถนนสาย พุนพิน-กระบี่ ตามโครงการแลนด์บริดจ์ โดย
ขอให้ใช้หลักประชาชนมีส่วนร่วม143
การตรวจภู มิ ป ระเทศบริ เ วณแนว 9A อ าเภอระโนด จั ง หวั ด สงขลา
ปรากฏว่าพบกับความกังวลในเรื่องของการเวนคืนที่ดินและปัญหาเรื่องการดารงชีพ โดย
ขอให้การเลือกแนวคลองเกิดจากความมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสาคัญ ซึ่งประชาชนใน
เชิงอรรถที่ 127
143 เพิ่งอ้าง, น.1.
พื้ น ที่ ส่ ว นใหญ่ ไ ด้ รั บ ความเดื อ ดร้ อ นจากการระบายน้ าไม่ ทั น โดยเข้ า ใจผิ ด จึ ง อยากให้
คณะกรรมการมูลนิธิมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ด้วย144
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 5A อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
พบว่า ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีอาชีพทานาซึ่งต้องใช้น้าทะเลสาบสงขลาเป็นหลัก หากมี
การขุดคลองก็ควรเลี่ยงทะเลสาบสงขลา เพราะจะกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนในบริเวณ
นั้ น ดั ง นั้ น จึ ง ต้ อ งการทราบแนวคลองที่ ชั ด เจนว่ า จะท าการขุ ด ผ่ า นจุ ด ใด จึ ง จะสามารถ
พิจารณาได้ว่าจะเกิดผลกระทบมากน้ อยเพียงใด โดยการพิจารณาเรื่องแนวคลองขอให้ถือ
หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสาคัญ อนึ่งการถือครองที่ดินของประชาชนในพื้นที่มี
ปริมาณน้อยเพียงคนละ 10-20 ไร่เท่านั้น จึงทาให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องการ
เวนคืนที่ดินเพราะกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนที่ประกอบอาชีพทานา145
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 5A อาเภอละงู จังหวัดสงขลา พบว่า
อาเภอละงูยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่หากมีการขุดคลองเกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของปัญหา
เป็นเรื่องของอนาคตที่จะต้องแก้ไขต่อไปและขอให้พิจารณาเรื่องแนวคลองกับการมีส่วนร่วม
ของภาคประชาชนเป็นสาคัญ146
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 9A อาเภอสทิงพระ จังหวัดตรัง พบว่า
กลุ่ม NGO ของอาเภอสิเกาคัดค้านการขุดคลอง เนื่องจากจะกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชน
ในพื้นที่ ต้องมีการโยกย้ายถิ่นฐานอันส่งผลต่อสถาบันครอบครัวและการประกอบอาชีพ ซึ่ง
ส่วนใหญ่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม หากมีการขุดคลองกระขึ้นจะทาให้ประชาชน
เสียเวลาเรียนรู้อาชีพใหม่เป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ดี นายจิโรจน์ อาจารย์มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ให้ข้อพิจารณาว่าควรขุดในแนว 9A ว่าจะเกิด
ประโยชน์ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวมาก แต่ต้องดูเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
ความมั่นคงของดินแดนด้วย147
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 2 2A และ 1 พบว่า ปรากฏข้อห่วงใย
เรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแนวที่ได้รับการพิจารณาให้มีแนวคลองพาดผ่าน
กระทบต่อป่าชายเลน ซึ่งองค์การ UNESCO ให้ชื่อว่าเป็นป่าชีวมณฑลโลก โดยกินพื้นที่ถึง
ตาบลปากน้า ตาบลกะเปอร์ อาเภอกะเปอร์ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่คัดค้านการขุดคลอง และ
146 เพิ่งอ้าง
ยังปรากฏข้อห่วงใยเรื่องสถาบันครอบครัว เนื่องจากต้องมีการอพยพคนในพื้นที่ส่งผลกระทบ
ด้านสังคม โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวที่ทาให้บ้านแตกสาแหรกขาดได้ ประชาชนในพื้นที่นี้
จึงต้องการถนน 4 เลน มากกว่าการขุดคลอง148
การตรวจภูมิประเทศบริเวณแนว 2A พบว่าประชาชนต้องการข้อมูล
เพิ่ ม เติ ม เนื่ อ งจากประชาชนรั บ ทราบข้ อ มู ล น้ อ ยมากและไม่ เ ห็ น ด้ ว ยกั บ การขุ ด คลอง
เนื่องจากจะกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน หากในอนาคตจะมีการขุดคลองขึ้นก็ขอให้
นั ก วิ ช าการที่ เ กี่ ย วข้ อ งท าการศึ ก ษาผลกระทบด้ า นต่ า ง ๆ อย่ า งละเอี ย ด โดยค านึ ง ถึ ง
ผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวมเป็นหลัก149
(2) ผลการตรวจภูมิประเทศ แนวคลองไทย สุราษฎร์ธานี - พังงา
การตรวจภูมิประเทศ แนวคลองไทย สุราษฎร์ธานี - พังงา มีขึ้น 2 ครั้ง
ในปี พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2553 โดยมีข้อสรุปดังต่อไปนี้
ผลการตรวจภูมิประเทศ แนวคลองไทย สุราษฎร์ธานี - พังงา ครั้งที่
1/2551 พบว่า แนวคลองที่ได้จากการสารวจภูมิประเทศในครั้งนี้ไม่ตรงกับแนวใด ๆ ที่เคยมี
การสารวจมาก่อน อันมีพื้นฐานพิจารณาจากแนวคลองโบราณ โดยปรับแนวจากพื้นที่จังหวัด
สุราษฎร์ธานีบริเวณอ่าวบ้านดอน เนื่องจากตกตะกอนมากและกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจของ
จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้เบี่ยงขึ้นไปด้านบนบริเวณเหนือแหลมซุย (แหลมโพธิ์) ระยะทาง
ขั้นต้นสรุปได้ว่าสั้นเป็นลาดับ 2 โดยลัดเลาะมาตามเชิงเขา พยายามหลีกเลี่ยงชุมชน ในส่วน
พื้นที่ของจังหวัดพังงาบางช่วงของคลองอาจต้องตัดผ่านไปทางช่องเขา ซึ่งประโยชน์ในการขุด
เลาะตามซอกเขาจะได้วิวทิวทัศน์ใหม่ ก่อให้เกิดการเดินเรือที่สวยงาม เป็นการชดเชยความ
ยากลาบากในการขุด และผลสรุปว่าแนวคลองทั้งด้านอ่าวไทยและด้านฝั่งอันดามันมีความ
เหมาะสม มีปัญหาน้อยทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะฝั่งอันดามันใกล้ฐานทัพเรือพังงา ผลขั้นต้นของ
การตรวจภูมิประเทศเบื้องต้นมีความเหมาะสม และในแง่ของส่วนราชการให้ความร่วมมือ
เป็นอย่างดี150
ผลการตรวจภูมิประเทศ แนวคลองไทย สุราษฎร์ธานี - พังงา ครั้งที่
1/2553การพบปะ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดอาเภอแจ้งว่าการสารวจต้องแจ้งให้คนใน
154 เพิ่งอ้าง
157 เพิ่งอ้าง
158 เพิ่งอ้าง
159 เพิ่งอ้าง
นายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ให้ข้อพิจารณาว่าอยากให้ศึกษา
และตีกรอบให้กระชับขึ้นลงไปในรายละเอียด สาหรับการดาเนินงานในด้านต่าง ๆ ขอให้
พิจารณาจากภาคเอกชนของไทยก่อน และเห็นด้วยในการดาเนินงานของมูลนิธิ ถ้าเจตนาดี
ต้องการช่วยเหลือประเทศชาติจริง นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาชี้แจงว่ารู้สึกดีใจที่
อบต. ต่าง ๆ ในพื้นที่แนวคลองไทยได้พูดคุยกันเป็นเรื่องราว และจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่หาก
รัฐบาลเข้ามาดาเนินการ160
ท้ายที่สุดแล้วผู้เข้าร่วมประชุมต่างให้ข้อพิจารณาเพิ่มเติมว่า161
ประการแรก มีสนามบินแล้วจะมีโอกาสมีคลองด้วยหรือไม่ ซึ่งคลองไทย
นีก้ เ็ ปรียบเหมือนกับโรงรับจานา เข้าก็ได้เงิน ออกก็ได้เงิน
ประการที่สอง ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่มี
ความคิดไปในทิศทางเดียวกันกับส่วนราชการรวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้รู้ถึงความเป็นไปและ
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประการที่สาม ควรสร้างแรงจูงใจเพื่อป้องกันการต่อต้านและเสนอให้มี
การจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายอาสาสนับสนุนการศึกษาของมูลนิธิคลองไทย ในพื้นที่ตามแนวคลอง
ไทย (แนว KT)162
162 เพิ่งอ้าง
เมื่อพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ของแนวคลองไทยสุราษฎร์
ธานี-พังงา (แนวKT) เปรียบเทียบกับแนวคลองอื่น ๆ ที่เคยมีการศึกษามาในสภาวะปัจจุบัน
สามารถสรุปสาระสาคัญได้ ดังต่อไปนี้
ก. ด้านความมั่นคงและการรักษาความมั่นคงชายฝั่งทะเล
แนวคลองไทย KT เกื้อกูลต่อความมั่นคง และการรักษาอธิปไตยของ
ประเทศทางทะเลมากที่สุด (ตามข้อสังเกตของ พลเรือเอกเกตุ สันติเวชกุล) เนื่องจากอยู่ใน
พื้นที่ย่านกลาง ที่มีที่ตั้งของกองเรือภาค ฐานทัพเรือในพื้นที่ และยังสามารถรับสนับสนุน
เพิ่มเติมจากหน่วยงานที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การป้องกันการกระทา
ความผิดกฎหมายจากฝั่งทะเลสามารถดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วกว่า
แนวคลองอื่น ๆ โดยสามารถบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อม
ทั้งรับการสนับสนุนจากกาลังภาคพื้นดินและอากาศได้อย่างรวดเร็ว168
ทั้งนี้ มีข้อพิจารณาว่าคลองควรตั้งอยู่เหนือสุดของทางใต้ มากที่สุดเท่าที่
จะทาได้ เพื่อลดค่าขนส่งทางบกจากภาคกลางและภาคอื่น ๆ แต่ไม่ควรให้สูงมากจนอาจเกิด
การรุกล้าเขตแดนกับประเทศพม่า ทาให้สอดคล้องกับแนวคลอง KT มากกว่าแนวอื่น ๆ169
ข. ด้านเศรษฐกิจการลงทุน
แนวคลองไทย KT ซึ่งเสนอให้ขุดเป็น 3 ขั้นตอน จะทาให้การเตรียมการ
การลงทุนและการประสานงบประมาณเป็นไปได้อย่างเหมาะสม โดยกาหนดวัตถุประสงค์ใน
การขุดทั้ง 3 ขั้นตอน170 ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 เป็นการขุดคลองขนาดเล็กเพื่อใช้ในการสัญจรไปมาขนส่ง
สินค้าและค้าขายระดับท้องถิ่น รวมทั้งศึกษาเพิ่มเติมผลกระทบต่าง ๆ ซึ่งคาดว่ายังคงมี
ปัญหาไม่มากนัก
165 เพิ่งอ้าง
167 เพิ่งอ้าง
168 เพิ่งอ้าง
169 เพิ่งอ้าง
ขั้นตอนที่ 2 ขยายขนาดคลองเป็นระดับกลางเพื่อใช้ประโยชน์จากการ
ประมงการขนส่งและการค้าขายสินค้าระดับภูมิภาค รวมทั้งการท่องเที่ยวและการเคลื่อนย้าย
กาลังพลของกองทัพเรือ
ขั้นตอนที่ 3 ขยายขนาดคลองเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถใช้เป็นการขนส่ง
และค้าขายสินค้าระดับโลก รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการท่องเที่ยวและเคลื่อนย้าย
กาลังเพื่อป้องกันอธิปไตย
ง. ด้านระยะทางการเดินเรือ
แนวคลองไทย KT มี ร ะยะทางเดิ น เรื อ โดยรวมอยู่ ใ นเกณฑ์ ต่ า เมื่ อ
เปรียบเทียบกับแนวอื่น ๆ ที่เคยศึกษามา สามารถร่นระยะเวลาจากอ่าวไทยไปทะเลอันดามัน
ได้ประมาณ 800 - 1,000 กิโลเมตร โดยระยะทางอยู่ในลาดับที่ 4 จาก 11 แนวของเส้นทาง
เดินเรือภูมิภาค คิดเป็นระยะทางประมาณ 2,840 กิโลเมตร และอยู่ในลาดับที่ 5 จาก 11
แนวของเส้นทางการเดินเรือโลก คิดเป็นระยะทางประมาณ 2,960 กิโลเมตร171
จ. ด้านของภาคประชาสังคม
ภายหลังจากการตรวจภูมิประเทศทุกแนวคลองโดยมูลนิธิคลองไทย
พบว่าประชาชนที่อยู่ในบริเวณในแนวคลอง KT มีทัศนคติและท่าทีให้ความร่วมมือมากกว่า
แนวคลองอื่น ๆ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบอยู่ในเกณฑ์ต่าเมื่ อเทียบกับแนวอื่น ๆ โดย
บริเวณพื้นที่แนวคลอง KT ส่วนใหญ่สามารถปรับให้หลีกเลี่ยงชุมชน โบราณสถาน และ
สิ่งก่อสร้างได้172
ฉ. ด้านการท่องเที่ยว
แนวคลอง KT มี ป ากคลองอยู่ ใ นพื้ น ที่ ข องจั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี แ ละ
จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม มีชื่อเสียงระดับโลก ดังนั้นหากขุด
คลองตามแนว KT จะทาให้เกิดการเชื่อมโยงและพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวได้หลากหลาย
กว่าแนวอื่น ๆ173
(2) สรุปข้อมูลสาคัญของแนวคลองไทยสุราษฎร์ธานี-พังงา (แนว KT)
ก. ข้อมูลลักษณะทั่วไป
แนวคลองไทย KT มีตาแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ตอนกลาง ในพื้ นที่
ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพังงา เริ่มปากคลองฝั่งอ่าวไทยที่บริเวณบ้านปากกิ่ว อาเภอท่า
173 เพิ่งอ้าง
ค. ข้อมูลด้านสมุทรศาสตร์และอุทกวิทยา
ความต่างของระดับน้าทะเลที่ปากคลองฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มี
ลักษณะการขึ้นลงของระดับน้าทะเลที่แตกต่างกัน คือ ฝั่งทะเลอันดามันเป็นแบบน้าคู่ ซึ่งมี
การขึ้นลงของน้าทะเล 2 รอบ ใน 24 ชั่วโมง ย่อมแสดงว่าในแต่ละวันมีน้าขึ้นสูงสุดวันละ 2
ครั้ง และลดลงต่าสุดวันละ 2 ครั้งเช่นกัน ส่วนฝั่งอ่าวไทยมีลักษณะการขึ้นลงของน้าเป็นแบบ
180 เพิ่งอ้าง
ขนส่งสินค้าลาเลียงเข้าออกเป็นจานวนมาก น่านน้าไทยยังคงมีความสาคัญทางเศรษฐกิจมี
ทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมาย ทั้งน้ามัน ก๊าซ ธรรมชาติ และแร่ธาตุ อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่มี
เรือประมงมากกว่า 30,000 ลา นอกจากนี้ทะเลไทยและบริเวณชายฝั่งยังมีภูมิประเทศที่
สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย183
การขุดคลองไทยในแนวใดจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบด้านความมั่นคง
และประเทศเพื่อนบ้าน โดยหากขุดคลองที่แนวระนองจะทาให้วิคตอเรียพอยท์มีความสาคัญ
ทางภูมิศาสตร์ทันที และบริเวณดังกล่าวจะต้องถูกอ้างเป็นเขตเศรษฐกิจร่วมทันที เพราะเรือ
จะต้องผ่านเกาะเซนต์แมทธิวของประเทศพม่า และท่าเรือกัมปงโสมของประเทศกัมพูชา
ก่ อ นจะอ้ อ มแหลมญวน 184 แต่ ถ้ า แนวคลองย้ า ยลงไปทางทิ ศ ใต้ ใ กล้ จั ง หวั ด สงขลาหรื อ
นครศรีธรรมราชจะมีปัญหากระทบต่อโครงการพระราชดาริหลายโครงการ และอาจเป็น
ปัญหาต่อความมั่นคงของชาติ (โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย
และไทย)185 และถ้าขุดแนวกันตัง ละงู ผ่านเข้าไปในทะเลสาบสงขลาก็จะมีผลกระทบต่อ
สภาพแวดล้อมและการรักษาความปลอดภัยเเก่เรือพาณิชย์ก็จะกระทาได้อย่างยากลาบาก186
นอกจากนี้ ถ้าพิจารณาแนวคลองต่าลงไปอีกจนถึงจังหวัดสตูล ก็จะไปชนเขตเศรษฐกิจของ
ประเทศมาเลเซียและการพัฒนาเกาะลังกาวี อันจะกลายเป็นปัญหาได้เช่นเดียวกัน187
สาหรับความมั่นคงในภูมิภาคต่อนโยบายการขยายอานาจของจีน ซึ่ง
ประเทศจีนให้ความสาคัญกับประเทศพม่า ตามทฤษฎี Go West ซึ่งประเทศจี นต้องการ
หาทางออกสู่ทะเลจากมณฑลยูนานที่เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจตอนใต้ของจีน และด้วยเหตุที่
ประเทศพม่าตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือที่สาคัญ 2 เส้น คือ มหาสมุทรอินเดียและช่องแคบ
มะละกา จึงมีความสาคัญทางยุทธศาสตร์การทหารสาหรับประเทศจีน 188 ถ้าหากประเทศจีน
สามารถเข้าไปตั้งฐานทัพเรื อในพม่าได้ ก็จะสร้างมั่นใจในความปลอดภัยของ SLOC ของ
ประเทศตน ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย และช่องแคบมะละกา แต่ในขณะเดียวกัน
ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ให้ความสนใจต่อกิจการพลังงานและเคลื่อนย้ายการลงทุนมาสู่เอเชีย
186 เพิ่งอ้าง
187 เพิ่งอ้าง
189 เพิ่งอ้าง
190 เพิ่งอ้าง, น.12-13.
จากภาคประชาชนจะเป็นส่วนสาคัญในการขับเคลื่อนโครงการคลองไทยให้สาเร็จลุล่วงไป
ได้193
ช. คลองไทยกับกิจการพาณิชย์นาวีในประเทศ
วิเคราะห์ความสัมพันธ์และความสาคัญของกิจการพาณิชย์นาวีกับคลอง
ไทยจะพิจารณาจากการขนส่งทางทะเลเป็นหลัก โดยการขนส่งทางทะเลเป็นอุปสงค์ต่อเนื่อง
ของการค้าทางทะเล โดยสินค้าที่ขนส่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ คือ สินค้าเหลวและสินค้า
แห้ง โดยสินค้าแห้งเป็นการขนส่งที่มีอัตราการขนส่งสูงมาก ซึ่ งมักขนส่งด้วยบริการเรือ
ประเภทสายเดิ น เรื อ ประจ าเส้ น ทาง (Liner Service) มี เ ส้ น ทางที่ ส าคั ญ 3 เส้ น ทาง
ประกอบด้วย เส้นทางเข้ามหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเส้นทางที่เชื่อมทวีปเอเชียกับทวีป อเมริกา
เหนือ เส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นเส้นทางที่เชื่อมทวีปยุโรปกับทวีปอเมริกาเหนือ
และเส้นทางสายเอเชียยุโรป ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นเส้นทางที่มีการขนส่งตู้สินค้าสูงที่สุด เป็น
การขนส่งในแนวตะวันออกและตะวันตก (Eastbound - Westbound) นอกจากนี้ยังมีการ
ขนส่งตู้สินค้าในแนวเหนือใต้ (North - South / South - North) อีกด้วย194
ท่าเรือไทยมีทั้งสิ้น 443 ท่า ประกอบด้วย ท่าเรือประมง 223 ท่า ท่าเรือ
สินค้า 146 ท่า และท่าเรือโดยสาร 74 ท่า 195 การมีคลองไทยจะส่งผลดีต่อกิจการพาณิชย์
นาวี ทั้ ง ทางตรง คื อ การขนส่ ง สิ น ค้ า ทางทะเลของไทย ซึ่ ง มี แ หล่ ง เกษตรกรรมและ
อุตสาหกรรมรวมถึงท่าเรือหลักทั้งหมดตั้งอยู่ในชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ทาให้การขนส่งสินค้า
จากประเทศไทยไปยังประเทศที่อยู่ฝั่งตะวันตกของประเทศไทยต้องขนส่งผ่านช่องแคบมะละ
กา ดั ง นั้ น การมี ค ลองไทยจะช่ ว ยท าให้ ก ารค้ า ระหว่ า งประเทศของไทยกั บ ประเทศทาง
ตะวั น ตกของไทยไม่ ต้ อ งขนส่ ง ผ่ า นช่ อ งแคบมะละกา โดยการเดิ น เรื อ ผ่ า นคลองไทยมี
ระยะทางที่สั้นกว่าการผ่านช่องแคบมะละกา ย่อมทาให้ประหยัดเวลาและค่าขนส่ง ประกอบ
กับมีความปลอดภัยในการเดินเรือที่สูงกว่าช่องแคบมะละกาซึ่งกาลังประสบกับปัญหาโจร
สลัดชุกชุม196
นอกจากนี้ การมีคลองไทยยังมีผลดีต่อกิจการพาณิชย์นาวีทางอ้อม คือ
ประสิทธิภาพในการใช้ท่าเรือไทย เนื่องจาก การประเมินผลการศึกษาสถานภาพการใช้ท่าเรือ
ไทยพบว่ามีอัตราการใช้ที่ต่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าเรือในฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันตกชายฝั่ง
ฌ. ข้อมูลด้านภูมิสถาปัตย์และแนวคิดทางผังเมืองของสองฝั่งคลอง
สาหรับแนวคิดการออกแบบสิ่งอานวยสะดวกและภูมิทัศน์ตลอดเส้นทาง
ในภาพรวม ประกอบด้วย บริเวณปากแม่น้าอันเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุ ดการเดินทางสาหรับ
การท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง ควรมีขนาดใหญ่พอสมควรและมีบริการที่หลากหลายรองรับ
ความต้องการที่เพียงพอและเหมาะสม เช่น ท่าเรือ ลานจอดรถ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ศูนย์การค้า และโรงแรมที่พัก เป็นต้น202
บริเวณจุดเปลี่ยนถ่ายสัญจรโดยทั่วไปมีความคล้ายคลึงกับบริเวณปาก
แม่น้าแต่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางระหว่างทั้งสองฝั่งทะเลโดยไม่ห่างจากแนวถนนสายหลัก อีก
ทั้งยังเป็นเสมือนการปรับเปลี่ยนการรับรู้สภาพภูมิทัศน์จากฝั่งซ้ายบริเวณอุทยานแห่งชาติเขา
สกที่มีลักษณะภูเขาลดหลั่นสวยงามสู่ฝั่งขวาซึ่งเป็นพื้นที่ราบเกษตรกรรม และต้องมีจุดชมวิว
รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ เพื่ออานวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วย203
นอกจากนี้ยังจะต้องจัดให้มีสถานีขนส่งสินค้าที่เป็นส่วนของท่าเรือย่อย
ซึ่งสามารถติดต่อรับส่งจากท่าเรือชายฝั่งจากท่าเรือหลักที่ปากคลองตะวันตกและตะวันออก
เพื่อ ความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งทางบกและทางน้า อีกทั้งจะต้องมีสิ่งอานวยความ
สะดวกอื่น ๆ เช่น สะพานข้ามคลอง อันเป็นสะพานหลัก 4 ช่องจราจร และสะพานชุมชน
ขนาด 2 ช่องจราจร พร้อมท่าเทียบเรือขนาดเล็กเพื่อใช้เปลี่ยนถ่ายสัญจรทางบก-ทางน้า204
ทั้งนี้การออกแบบคลองจะต้องสอดคล้องกับธรรมชาติ คือ มีเวิ้งอ่าว 3
แห่ง ในคลอง เพื่อประโยชน์ในการชะลอกระแสน้าจากการเปลี่ยนระดับของน้าขึ้น -ลง ใน
ทะเล 2 ด้ า น ซึ่ ง ในอ่ า วดั ง กล่ า วจะท าเป็ น ส่ ว นของที่ พั ก จุ ด ชมวิ ว หรื อ จุ ด จอดเรื อ ของ
นักท่องเที่ยว และจุดสาคัญของแนวคลองจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม และสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานเดิม205
205 เพิ่งอ้าง
บทที่ 4
สิ่งที่ภาครัฐต้องคานึงถึงในการดาเนินการตลอดโครงการคลองไทย
4.1 รูปแบบของคลองที่เสนอให้ทาการขุด
4.1.1 คลองปิด
คลองปิ ด คื อ คลองในลั ก ษณะของคลองปานามา ซึ่ ง เป็ น คลองยกระดั บ มี
ประตูน้าเปิด-ปิด โดยจะต้องสร้างคลองปิด ในกรณีที่ระดับน้า 2 ฝั่งทะเลไม่เท่ากัน แต่ค่าดาเนินการ
ก่อสร้างมีราคาสูงกว่าคลองเปิด ซึ่งคลองที่สร้างในรูปแบบนี้ คือ คลองปานามา มีประตูน้าปิดเปิด
ยกระดับเรือขึ้นแล่นในคลองด้วยระบบที่ใช้หัวรถจักรไฟฟ้าลากเรือ ทาให้เรือไม่ต้องแล่นเอง กัปตัน
เพียงแค่แสตนด์บายเรือไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น1
4.1.2 คลองเปิด
คลองเปิด คือ คลองในลักษณะของคลองสุเอซซึ่งไม่มีประตูน้าปิดเปิด ข้อดี คือ
ประหยัด เพราะไม่ ต้องสร้างประตูน้า ซึ่ งเป็นลักษณะที่ถูกผลัก ดันให้ขุดในประเทศไทย จากผล
การศึกษาทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตามแนวคลอง 5A แนว 9A หรือ แนว KT2
4.1.3 ระบบราง-คลอง (Rail - Canal)
ระบบราง-คลอง (Rail - Canal) 3 เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในการ
สร้างคลองที่เชื่อมมหาสมุทรลักษณะนี้มาก่อน โดยเป็นการขุดทางเข้าคลองทั้งสองฝั่ง แต่มิได้ขุดคลอง
4
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 3
5 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ , รองศาสตราจารย์ ดร., สัมภาษณ์, อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพิน,ี 10
กุมภาพันธ์ 2560.
6 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 3
7 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 5
4.2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการขุดคลองไทย
4.2.1 ประโยชน์ต่อโลกและภูมิภาค
การขุดคลองไทยจะทาให้เกิดเส้นทางเดินเรือเส้นทางใหม่ที่ช่วยลดระยะเวลาและ
ระยะทางในการเดินเรือ โดยลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้ราว 3 – 4 วัน ประหยัดค่าใช้จ่ายใน
การขนส่งสินค้าของผู้ประกอบธุรกิจได้ราว 300,000 ดอลล่าร์ (สาหรับเรือที่มีระวางขนส่งขนาด
100,000 ตัน) น้ามันกว่า 15 ล้านบาร์เรล หรือร้อยละ 17 ของโลกที่ผลิตได้ในแต่ละวันต้องลาเลียง
ผ่านช่องแคบมะละกา การขุดคลองไทยจะช่วยเพิ่มเส้นทางลาเลียงน้ามันและบรรเทาสภาพความ
แออัดของเรือสินค้า ซึ่งปัจจุบันเรือแล่นผ่านช่องแคบมะละกามากถึงวันละ 122,000 ลา และคาดว่า
จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 140,000 ลา ในปี ค.ศ. 202510
การขุดคลองไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยทางการค้าที่ประเทศทั่วทั้งภูมิภาค
ต่างได้รับประโยชน์ร่วมกันการเพิ่มทางเลือกให้เส้นทางการเดินเรือสินค้านี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่าง
ยิง่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน อาทิ เมื่อมีการปิดช่องแคบมะละกาในยามสงคราม อันเป็นการ
เพิ่มความมั่นคงทางการค้าและพาณิชย์นาวีให้แก่ภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง11
4.2.2 ประโยชน์ต่อประเทศไทย
4.2.2.1 ประโยชน์ทางตรง
ประโยชน์ทางตรง คือ รายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งเมื่อคิดคานวณ
แล้ว ถือว่าเป็นจานวนน้อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ12
4.2.2.2 ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
สาหรับข้อพิจารณาเรื่องประโยชน์และความคุ้มทุนของโครงการ เป็นสิ่ง
สาคัญที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยล้วนคานึงถึงและส่งอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจลงทุน และเป็น
อุปสรรคสาคัญที่ทาให้โครงการคลองไทยยังมิได้เกิดขึ้น เนื่องจากโครงการขุดคลองไทยเป็นการลงทุน
ในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มิได้มีความสาคัญต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสาคัญในระดับ
ภูมิภาคและในระดับโลก ด้วยเหตุนี้จึงทาให้ทั่วโลกให้ความสนใจสนับสนุน รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจ
อย่างรอบคอบเพื่อให้โครงการประสบความสาเร็จ
ค าว่ า “ประสบความส าเร็ จ ” ที่ รั ฐ บาลควรค านึ ง ถึ ง ในที่ นี้ มิ ใ ช่ เ พี ย ง
ผลประโยชน์ทางตรง คือ เรื่องผลประกอบการที่ได้รับตอบแทน (Return) ในอัตราสูง เพราะสาหรับ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น ผลตอบแทนอาจจะช้าหรือไม่คุ้มค่าแต่เป็นโครงการที่จะก่อให้เกิดการ
พัฒนา (Development) ดังนั้นสาหรับรัฐบาลแล้วเป้าหมายของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจึง
ไม่ใช่ผลตอบแทนจากการลงทุน (Investment Return) เท่านั้น แต่รวมถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
(Economic Return) เพื่อที่จะปลดล็อกบริเวณหรือจังหวัดที่ไม่มีความเจริญและนาพาความเจริญไปสู่
บริเวณเหล่านั้น อันก่อให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth)13 นอกจากนี้การ
ประสบความสาเร็จยังรวมถึงโครงการมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชี วิตของประชาชน สร้างงาน
กระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องมีส่วน
ผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวด้วย จึงจะถือได้ว่าประสบความสาเร็จ
และบรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างแท้จริง14
ดั ง นั้ น เมื่ อ พิ จ ารณาประโยชน์ ท างเศรษฐกิ จ ที่ ป ระเทศไทยจะได้
นอกเหนือจากประโยชน์ทางตรง คือ การเก็บค่าผ่านทางแล้วจะพบว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อีก
อย่างน้อย 2 ประการ ดังนี้
13
รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ให้ความเห็นไว้ในงานสัมมนา The Chinese Link
Forum “Lastest Developments on the Belt and Road Initiative; Showcasing connection
between china Luipanshui City and Thailand” จัดโดย ธนาคารกรุงเทพฯ สภาธุรกิจจีน-อาเซียน
และเทศบาลเมืองหลิวผานซุย เมื่อวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559 เวลา 11.00 - 16.00 น. ณ ห้อง
นภาลัย โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร
14 กระทรวงคมนาคม, “แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย
พ.ศ. 2558 - 2565 และแผนปฏิ บั ติ ก ารด้ า นคมนาคมขนส่ ง ระยะเร่ ง ด่ ว น พ.ศ. 2558 (Action
Plan)”, น.3.
4.3 ปัญหาและข้อพึงระวังที่อาจเกิดขึ้นหากมีการขุดคลองไทย
4.3.1 ปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ
หากพิ จ ารณาในแง่ ของความมั่ นคงของชาติแ ล้ วจะพบว่า เหตุส าคัญ ที่ ทาให้
โครงการขุดคลองไทยไม่อาจสาเร็จขึ้นได้นับตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน คือ เหตุผลด้านความมั่นคงของ
ชาติ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศมหาอานาจขณะนั้น คือ ประเทศ
อังกฤษและประเทศฝรั่งเศสต่างเสนอตัวเป็นผู้ลงทุนดาเนินโครงการ เนื่องจากหากสามารถขุดคลองใน
บริเวณนี้ได้สาเร็จจะเป็นการเชื่อมโลกตะวันตกที่มั่งคั่งและเป็นมหาอานาจ คือ ยุโรปและอเมริกาเข้า
กับโลกตะวันออกที่อ่อนแอ แต่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ คือ เอเชียและออสตราเลเซียทั้งหมด
ในทางทฤษฎีพื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สาคัญยิ่ ง ทั้งในด้านความมั่นคงทางการทหาร
ปานามาออกมาเป็นอีกประเทศหนึ่ง จนท้ายที่สุดสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นประเทศที่มีสิทธิคุ้มครอง
บริเวณคอคอดปานามา และรับรองประเทศปานามาที่ตั้งขึ้นใหม่โดยให้อยู่ในความอารักขาของตน23
จึงจะเห็นได้ว่าการขุดคลองในลักษณะเดียวกันกับการขุดคลองไทย หากใช้
เงินลงทุนจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของคลองสุเอซหรือคลองปานามา ล้วนต้องเผชิญกับปัญหา
ความมั่นคง การถูกริดรอนอานาจอธิปไตย และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ไ ด้
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลของไทยต้องคานึงถึง คือ ประเทศไทยมิได้เป็นมหาอานาจ 24 หากเกิดเหตุการณ์
ริดรอนอธิปไตยหรือแทรกแซงโดยประเทศมหาอานาจแล้ว ด้วยขนาดและศักยภาพของกองทัพไทย
ไม่ ว่า จะเป็ นกองทั พ บก กองทั พเรือ หรือ กองทั พ อากาศ ไม่ อาจต่ อต้ านการกระท าของประเทศ
มหาอานาจเหล่านั้นได้เลย25 หากรัฐบาลตัดสินใจขุดคลองไทยรัฐบาลจะมองข้ามความสาคัญของเรื่อง
นี้ไปเสียมิได้ หากประเทศไทยไม่อาจต่อสู้ได้ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ประเทศไทยก็จะต้องมีวิธีการ
ทางการฑูตที่ดีที่สามารถเป็นตัวกลางในการถ่วงดุลผลประโยชน์ของประเทศมหาอานาจหาจุดลงตัวที่
ทุกฝ่ายพึงพอใจร่วมกันให้ได้26 มิฉะนั้นบริเวณคลองไทยซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ หรือ Choke point จะ
กลายเป็นสมรภูมิสู้รบกันของชาติมหาอานาจ ดังเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น และก่อความเสียหายใหญ่
หลวงแก่คลองสุเอซในอดีต27เพราะความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แท้จริงแล้วมิได้ตกแก่ชาติมหาอานาจที่ สู้รบ
กัน แต่ตกแก่ชาติเจ้าคลองเจ้าของดินแดนอันเป็นสมรภูมิแห่งสงคราม
4.3.2 ปัญหาความกังวลของกองทัพเรือต่อความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ปัจจุบันประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สาคัญแห่งหนึ่งของโลก ใน
บริเวณช่องแคบมะละกา ซึ่งทางยุทธศาสตร์ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สาคัญมากแห่งหนึ่งของโลก ที่
เรียกว่า Strategic point หรือ Choke point เนื่องจากบรรดาเรือสินค้าและเรือรบของชาติต่าง ๆ
ล้วนจาเป็นจะต้องเดินทางเข้ามาพึ่งพา หรือใช้บริการเส้นทางและสิ่งอานวยความสะดวกในบริเวณ
ดังกล่าว เพื่อเดินทางข้ามไปยังมหาสมุทรอินเดียหรือมหาสมุทรแปซิฟิก28
ในขณะที่ประเทศมหาอานาจยังคงเพียรพยายามแสวงหาสมุททานุภาพทางทะเล
ให้กับประเทศของตนอย่างไม่หยุดหย่อนนับแต่อดีตกาลมาจวบจนปัจจุบัน เพียงแต่ด้วยบริบทของ
สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ทาให้มีการเปลี่ยนแปลงขั้วประเทศ
27 นอกจากความขัดแย้งระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสในการสร้างคลองสุเอซแล้ว ยังมี
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่สาคัญ คือ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด ภายหลังจากประเทศอียิปต์โอนคลอง
สุเอซกลับมาเป็นของตน (Nationalize) ได้เกิดสงครามระหว่างประเทศอียิปต์และอิสราเอล อันมี
ชนวนเหตุเบื้องหลังมาจากการที่อียิปต์เอนเอียงไปอยู่กับมหาอานาจฝ่ายสหภาพโซเวียตมากเกินไป
ทาให้มหาอานาจฝ่ายตะวันตกนาโดยสหรัฐอเมริกาไม่พอใจ เพราะเกรงว่าถ้ามหาอานาจฝ่ายสหภาพ
โซเวียตได้ยึดครองคลองสุเอซจะปิดกั้นมิให้เรือของฝ่ายตนสัญจรผ่าน อันจะทาให้สูญเสียผลประโยชน์
จานวนมหาศาลและเสียหายแก่กองทัพเรือสหรัฐฯด้วย ซึ่งในสงครามครั้งนี้อียิปต์โดยการสนับสนุน
ของสหภาพโซเวียตได้จมเรือปิดคลองสุเอซไว้ใม่ให้ฝ่ายตะวันตกมาใช้คลองได้ ความขัดแย้งนี้ทาให้
คลองสุเอซต้องปิดตายอยู่หลายปี เรือทุกลาที่มามหาสมุทรอินเดียต้องแล่นผ่านแหลมกู๊ดโฮปทางใต้
ทวีปแอฟริกา เรือทุกลาล้วนเสียเวลาและค่าใช้จ่ายจานวนมากขึ้น ภายหลังจากอียิปต์เ ปลี่ยนนโยบาย
กลั บ มาอยู่ กั บ ฝ่ า ยมหาอ านาจตะวั น ตกเหตุ ก ารณ์ นี้ จึ ง ค่ อ ยสิ้ น สุ ด ลงและเปิ ด ใช้ ค ลองตามปกติ
เหตุ ก ารณ์ เ หล่ า นี้ ยิ่ ง ท าให้ เ ห็ น ว่ า ประเทศเจ้ า ของคลองจะต้ อ งวางตั ว อย่ า งเป็ น กลาง ถ่ ว งดุ ล
ผลประโยชน์ของชาติมหาอานาจอย่างระมัดระวัง, อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 25, น.7.
28 สมาคมสั ง คมศาสตร์ แ ห่ ง ประเทศไทย, สมุ ด ปกขาวฉบั บ ที่ 1 ข้ อ เท็ จ จริ ง และ
ความเห็นเกี่ยวกับการขุดคอคอดกระ ส่วนหนึ่งของเอกสารสาหรับคณะกรรมาธิการของรัฐสภา
โครงการศึกษานโยบายสาธารณะ, ที่ได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิ Konrad Adenauer, (กรุงเทพฯ :
มาสเตอร์เพรส, 2531), น.9.
มหาอ านาจจากเดิ ม ซึ่ ง เป็ น ประเทศอั ง กฤษและฝรั่ ง เศส 29 มาเป็ น ประเทศจี น และประเทศ
สหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน30 แต่สถานการณ์การช่วงชิงความเป็นมหาอานาจและความขัดแย้งที่ แฝงอยู่
เบื้องหลังมิได้มีสภาพการณ์ที่แตกต่างกันนัก
บริบทของสถานการณ์ความขัดแย้งของชาติมหาอานาจในปัจจุบัน หากพิจารณา
ตามทฤษฎี ส มุ ท ทานุ ภ าพของ พล.ร.ท. อั ล เฟรด เทเยอร์ มาฮาน ที่ ก ล่ า วไว้ ว่ า ประเทศที่ เ ป็ น
มหาอานาจจะต้องเป็นประเทศที่มีกาลังอานาจควบคุมทะเลและมหาสมุทรได้ 31 ซึ่งจะพบว่าประเทศ
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศขนาดใหญ่เพียงประเทศเดียวที่มีดินแดนติด กับมหาสมุทรถึง 2 มหาสมุทร
คือ มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงควรเป็นเจ้าโลกตามทฤษฎี
นี้32 ขณะที่ประเทศจีนภายหลังเปิดประเทศก็กลายเป็นชาติที่มีบทบาทสาคัญเพราะผงาดขึ้นมา 33เป็น
มหาอานาจในเศรษฐกิจโลก และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาด้วย โดยสหรัฐอเมริกาเอง
ก็เริ่มเสื่อมถอยลงด้วยปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ34 ในการนี้หากมองประเทศจีนตามทฤษฎี
29 โปรดดูสถานการณ์การช่วงชิงความเป็นมหาอานาจในเอเชีย ระหว่างประเทศ
อังกฤษและฝรั่งเศส ใน น.28-30. และ น.37-39.
30 สุรศักดิ์ เฉิดผาด, เอกสารประจาภาค วิทยาลัยการทัพเรือ เรื่องการกาหนดท่าที
จะตัดความสัมพันธ์ทางการทหาร และมีมาตรการคว่าบาตรบริษัทสหรัฐที่ขายอาวุธให้กับไต้หวัน
และจีนขู่ว่าจะไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของโลกด้วย38
นอกจากปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
ระหว่างจีนกับสหรัฐ อเมริกาก็กาลังมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะสหรัฐได้กล่าวหาว่าจีนได้เปรียบ
ดุลการค้าสหรัฐเป็นจานวนมหาศาล อันเป็นผลจากการที่ค่าเงินหยวนของจีนมีค่าต่ากว่าความเป็นจริง
และโจมตีจีนอย่างหนักเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้วย อีกทั้ง สหรัฐ ยังได้โจมตีจีนอย่าง
ต่อเนื่องเรื่องการเปิดตลาดของจีนและอุปสรรคในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกีดกันที่มิใช่
ภาษี หรือมาตรการห้ามนาเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐ เป็นต้น โดยทั้งสหรัฐและจีนต่างมีนโยบายเพิ่มอัตรา
ภาษีเพื่อตอบโต้ซึ่งกันและกัน และประเด็นสาคัญที่ขาดมิได้เลย คือ ประเด็นความขัดแย้งด้านพลังงาน
ซึ่งจีนใช้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ามันจากแหล่งต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่เป็นศัตรูกับสหรัฐ39
จะเห็นได้ว่าผลจากการผงาดขึ้นของจีน ทาให้จีนมีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ
และไม่ให้ความเกรงใจแก่สหรัฐอเมริกา หลายครั้งที่จีนทดสอบสหรัฐอเมริกาว่าจะยอมอ่อนข้อให้กับ
จีนมากน้อยเพียงใดซึ่งผลปรากฏว่าประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐ อเมริกากลับมีท่าทียอมอ่อนข้อ
ให้กับจีน เพราะต้องการความร่วมมือจากจีนในการแก้ปัญหาของโลก อันอาจทาให้จีนคิดได้ว่าตนถือ
ไพ่เหนือกว่าและสามารถแข็ง-กร้าวกับสหรัฐได้มากยิ่งขึ้น40 ซึ่งการกระทาเหล่านี้ล้วนเป็นการท้าทาย
มหาอานาจอย่างสหรัฐอเมริกาอย่างมากเป็นการเติมเชื้อไฟของความขัดแย้งเรื่อยมา
การผงาดขึ้นของจีน ซึ่งผงาดขึ้นมาทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านการทหาร ทาให้มี
นักวิเคราะห์ม องว่ าอนาคตของจีนจะมีเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นจนเป็น อันดับ 1 ของโลก แซงหน้า
สหรัฐอเมริกา41 และอาจผงาดขึ้นมาเป็นมหาอานาจเทียบเคียงกับสหรัฐอเมริกาได้ เมื่อประกอบกับ
เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาดังกล่าวข้างต้น ทาให้สหรัฐต้องหันกลับมามอง
เอเชี ย และจี น อย่ า งจริ ง จั ง 42 โดยประเทศจี น มี ยุ ท ธศาสตร์ One Belt One Road (OBOR) หรื อ
เส้นทางสายไหมทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งเป็น Grand Strategy ของจีน ซึ่งเส้นทางสายไหมทาง
ทะเลนั้นจะเชื่อมจีนกับยุโรปผ่านทางทะเลจีนใต้และมหาสมุทรอินเดีย เนื่องจากการผงาดขึ้นของจีน
ทาให้จีนต้องการขยายอิทธิพลและปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งจีนให้ความสาคัญมากกับ
โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) คือ เส้นทางคมนาคมที่จะสามารถเชื่อมจีนกับทั้งโลก43 ถ้าสาเร็จ
จะทาให้จีนได้มาซึ่งเส้นทางสายใหม่ที่ใช้ในการขนส่งพลังงานไม่ว่าจะเป็น น้ามัน ถ่านหิน และก๊าซ
ธรรมชาติ44 ประกอบกับการที่จีนต้องประสบภัยคุกคามจากสหรัฐอเมริกาตามยุทธศาสตร์ปิดล้อม
จีน45ยิง่ เป็นปัจจัยที่ทาให้จีนมีความคิดว่าต้องตีฝ่าวงล้อมนี้ ให้ ส าเร็ จ 46ดั ง นั้ น สิ่ ง ที่ ก องทั พ เรื อ เป็ น
กังวลอย่างมาก คือ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และท่าทีการวางตัวของประเทศไทยเหนื อความ
42
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 30, น.28.
43 ประภั ส ร์ เทพชาตรี , “One Belt One Road (OBOR) : Grand Strategy ของ
47 ประเด็นนี้เชื่อมโยงไปถึงการวางแผนรูปแบบการลงทุนในโครงการคลองไทย เรื่อง
ของปัญหาการเลือกประเทศที่เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการขุดคลองไทย คือ ถ้าหากรัฐบาลเลือก
ประเทศจีนซึ่งมีความเป็นไปได้สูงสุดในห้วงเวลานี้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะก่อให้ เกิดปัญหา
การเมืองระหว่างประเทศตามมา
ถึงกระนั้น แม้ว่ารัฐบาลจะเลือกให้ชาติอื่นที่ไม่ใช่จีนมาร่วมลงทุนขุดคลองไทย ก็ยังมี
สิ่งที่ต้องตระหนักและยอมรับต่อไปว่าประเทศเล็กอย่างประเทศไทยอาจจะหนีไม่พ้นการเข้ามาของ
ประเทศมหาอ านาจ เพื่ อ แย่ ง ชิ ง จุ ด ยุ ท ธศาสตร์ (Choke point) แห่ ง ใหม่ นี้ อ ยู่ ดี สอดคล้ อ งกั บ
ข้อสังเกตของนักวิชาการบางท่านที่ว่า โครงการนี้ไม่เคยใช่โครงการของประเทศไทยเลย กล่าวคือ ไม่
เคยมีครั้งไหนที่ไทยคิดริเริ่มดาเนินการเองโดยปราศจากการชักจูงและชี้นาของชาติมหาอานาจ 47 (นับ
แต่อดีต ไทยถูกชักจูงและชี้นาโดยอังกฤษและฝรั่ งเศสมาจนปัจจุบันคือจีน) เพราะประโยชน์ที่แท้จริง
ล้วนตกแก่ชาติมหาอานาจเหล่านั้นทั้งสิ้น, สัมภาษณ์ ดร.รุธิร์ พนมยงค์, รองศาสตราจารย์, ณ คณะ
พาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 30 กันยายน 2559.
48
ปรีดี พนมยงค์, อนาคตของประเทศควรดาเนินไปในรูปแบบใด กับ แผนขุดคอ
คอดกระ, (กรุงเทพฯ : บริษัท ครีเอทีฟ พับลิชชิ่ง จากัด, 2536), น.11 - 13.
49 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 31
แต่การสัญจรไปมาก็คงไม่สะดวกเหมือนเดิม ยิ่งนานวันไปก็ยิ่งเกรงว่าความสานึกรักแผ่นดินที่ตนอาศัย
อยู่จะยิ่งมีมากขึ้น และแบ่งออกเป็น 2 ก๊กในที่สุด คือ ก๊กเหนือคลอง และก๊กใต้คลอง50
4.3.4 ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
ส าหรับ ประเด็น ปั ญ หาด้า นผลกระทบต่ อ สิ่ง แวดล้ อมนั้ นมี ค วามสาคั ญ ที่ ต้ อ ง
พิจารณาเป็นอย่างยิ่งเพราะปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสาคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยปัญหาสิ่งแวดล้อมยัง
ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกาหนดนโยบายทางการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการกาหนดมาตรฐาน
ISO (International Standards Organization) ในระดับต่าง ๆ ดังนั้นในการเลือกแนวคลองที่จะทา
การขุ ด ขึ้ น นั้ น จ าต้ อ งเลื อ กโดยค านึ ง ถึ ง ผลกระทบด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ มด้ ว ย ปั ญ หาด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม
โดยทั่วไปของโครงการขุดคลองไทย สามารถแยกพิจารณาได้เป็น 4 ประเด็น51 คือ
ประเด็นที่ 1 ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ต้องพิจารณาถึงกายภาพ
ทางบก ชายฝั่งทะเล อุทกวิทยา คุณภาพอากาศ และธรณีวิทยา
ประเด็นที่ 2 ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ ต้องพิจารณาถึง ทรัพยากร
ป่าไม้ และการเกษตร ทรัพยากรประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า ป่าชายเลน พืชเศรษฐกิจในทะเล
ประเด็นที่ 3 ด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ต้องพิจารณาถึงการอพยพโยกย้าย
ประชากร และการตั้งถิ่นฐานใหม่ การให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม การยอมรับของประชาชนต่อการมี
คลอง รวมถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนตลอดแนวคลอง และบริเวณใกล้เคียง
ประเด็นที่ 4 ปัญหาที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุและอุบัติภัย ต้องพิจารณาการหกราดของ
น้ามัน การฟุ้งกระจายของตะกอน การปนเปื้อนของสารเคมี และวัสดุอันตราย การรักษาป้องกันความ
ปลอดภัย ตลอดจนแผนอพยพ รวมถึงการจราจรทั้งในลาคลองและในทะเล
ทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คือ ภาพรวมของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รัฐจะต้อง
พิจารณาเมื่อมีการจัดทาโครงการ โดยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนักวิชาการต่างเป็นกังวลว่าจะได้รับ
ผลกระทบโดยตรงจากโครงการนี้ ปรากฏข้อกังวลใจที่สาคัญ ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมทางธรณีวิทยา
และสิ่งแวดล้อมทางทะเล ดังต่อไปนี้
50
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 25, น.5.
51 ทวีศั กดิ์ ปิย ะกาญจน์, “ความเป็ นไปได้ ในการขุ ดคลองกระ : ด้ านการค้า และ
4.3.4.1 สิ่งแวดล้อมทางธรณีวิทยา
ลั ก ษณะภู มิ ป ระเทศ และธรณี สั ณ ฐานของคาบสมุ ท รประเทศไทยมี
ลักษณะเป็น ทิวเขาสูงทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้เป็นแกนกลางของคาบสมุทรและมีที่ราบชายฝั่งทะเลทั้ง
2 ด้าน กล่าวคือ ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยทางทิศตะวันออก ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่ง
กว้างที่เกิดจากการขยายตัวของแผ่นดิน มีการสะสมของดินตะกอนจนเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปาก
แม่น้า มีสันดอนจะงอย สันดอนก้นอ่าว สันดอนเชื่อมเกาะ ทะเลสาบน้าเค็ม ที่ราบลุ่มน้าท่วมถึง และ
หาดทรายชายทะเลเป็นแนวยาว ส่วนอีกด้านหนึ่ง คือ ชายฝั่งทะเลอันดามันทางทิศตะวันตก ซึ่งมี
ลักษณะเป็นชายฝั่งทะเลที่มีการยกตัวสูง มีภูมิประเทศแบบหุบผาจมน้าชายฝั่ง เต็มไปด้วยเกาะแก่ง
ชายหาดแคบ และมีการกัดกร่อนชายฝั่งเป็นสันทรายรูปครึ่งวงพระจันทร์ โดยในการขุดคลองไทยจะ
ส่งผลกระทบทางธรณีวิทยา52 ซึ่งความกังวลถึงผลกระทบต่อธรณีวิทยาอาจพิจารณาได้ 2 ประการ
ประการแรก คือ ผลกระทบต่ อทรัพ ยากรดิน เนื่ องจากการขุด คลอง
จะต้องมีการขุดและเคลื่อนย้ายดินจานวนมาก ในการก่อสร้างหากต้องขุดคลองโดยตัดผ่านภูเขาพื้นที่
สูงชันที่มีความต่างระดับกันมาก ต้องระมัดระวังเรื่องของการพังทลายของดินหรือดินถล่ม53
ประการที่สอง คือ ผลกระทบต่อแหล่งแร่ที่สาคัญ เนื่องจากการขุดคลอง
ไทยมีโอกาสที่จะตัดผ่านบริเวณแหล่งแร่ที่สาคัญ ทั้งบริเวณที่ขุดขึ้นมาแล้วและยังมิได้ขุดโดยเฉพาะแร่
ดีบุกและวุลแฟรม อันจะส่งผลกระทบต่อปริมาณแร่สารองที่จะลดน้อยลง54
4.3.4.2 สิ่งแวดล้อมทางทะเล
การขุดคลองไทยจะก่อให้เกิดปัญหาปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล
อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการแลกเปลี่ยนมวลน้าจากด้านฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามัน
ปัญหาการลุกล้าของน้าเค็มเข้าไปในแผ่นดิน ปัญหาการหกราดและปนเปื้อนของน้ามัน และสารเคมี
วัตถุอันตราย ปัญหาผลกระทบที่มีต่อแหล่งท่องเที่ ยว ปัญหาการกระจายตะกอนของการขุดลอกร่อง
4.4 ด้านพาณิชย์นาวีและโลจิสติกส์
4.4.1 การประสบกับภาวะผลตอบแทนไม่คุ้มกับเงินลงทุน
สาหรับเรื่องความคุ้มทุนและประโยชน์ที่จะได้รับ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิ
สติกส์และพาณิชย์นาวีบางท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับตอบแทนทางตรง
คือ ค่าผ่านทาง พิจารณาแล้วไม่คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่ประเทศไทยจะต้องเสียไป โดยประเทศที่จะ
ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากการขนส่งผ่านคลองไทยสายนี้ คือ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้
และประเทศจีน ตามลาดับ58
4.4.2 การไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทย
นักวิชาการด้านโลจิสติกส์บางท่านได้ให้ความเห็นว่า เมื่อมีการขุดคลองไทยแล้ว
แม้จะก่อสร้างท่าเรือในบริเวณดังกล่าวขึ้น ก็ไม่อาจได้รับความสาคัญ เทียบเท่าท่าเรือของประเทศ
55อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 52
56 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 28, น.59.
59
หากสร้างท่าเรือที่ฝั่งอันดามันจะสามารถรับและกระจายสินค้าจากประเทศพม่า
60 หากสร้างท่าเรื อที่ฝั่งอ่าวไทยจะสามารถรับและกระจายสินค้าจากประเทศลาว
และประเทศกัมพูชา
61 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 58
ฉะนั้นในการตัดสินใจลงทุนในโครงการคลองไทย เพื่อให้การดาเนินโครงการเกิด
ประสิทธิภาพสูงสุด ภาครัฐจึงควรจัดให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study)
ก่อนการดาเนินโครงการ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่มีความทันสมัยนามาพิจารณาประกอบการ
ตัดสินใจลงทุน63
4.5 ด้านการลงทุน
การลงทุน (Investment) หมายถึง การจ่ายเงินเพื่อสินทรัพย์ซึ่งมุ่งหวังว่าจะก่อให้เกิด
รายได้ในอนาคต ในทางเศรษฐศาสตร์ การลงทุน คือ การซื้อสินค้าที่มิได้ใช้ในปัจจุบัน แต่ใช้เพื่อสร้าง
ความมั่ งคั่งในอนาคต ส่ วนในทางการเงิน การลงทุน คือ สิ นทรัพย์ทางการเงินที่ซื้ อมาพร้อมกับ
ความคิดที่ว่าสินทรัพย์น้ีจะก่อให้เกิดรายได้ในอนาคตหรือสร้างกาไรจากราคาขายที่สูงขึ้น64 ดังนั้นการ
ลงทุนจึงมีความหมายที่แตกต่างและหลากหลายขึ้นอยู่กับรูปแบบและวัตถุประสงค์
โครงสร้า งพื้น ฐาน (Infrastructure) หมายรวมถึ ง สิ นทรั พย์ท างกายภาพ เครื่ องมื อ
เครื่องใช้ สิ่งอานวยความสะดวกและระบบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดให้มีบริการขั้นพื้นฐานที่จาเป็น
ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐาน มีองค์กร รูปแบบธุรกิจ รวมถึงกฎหมายที่ใช้กากับดูแลสินค้าและบริการบาง
ประเภทเป็นการเฉพาะ 65 และมักเป็นกิจการที่มีความสาคัญ จาเป็น และเป็นประโยชน์ในวงกว้าง
สาหรับการพัฒนาประเทศ อาทิเช่น ประปา ไฟฟ้า ท่าอากาศยาน ถนน ทางพิเศษ ทางสัมปทาน หรือ
ท่าเรือน้าลึก เป็นต้น66
Class : Investment Strategies, Project Finance and PPP,” (Wiltshire : CPI Antony Rowe,
2010), introduction p. xviii
66 สานั กงานคณะกรรมการก ากับ หลัก ทรั พย์ แ ละตลาดหลั ก ทรัพ ย์ , “กองทุน รวม
67
ธรรมรัตน์ รัตนพันธ์, “บีโอไอ : หลักการส่งเสริมการลงทุน ”, สืบค้นเมื่อวันที่ 22
สิ ง หาคม 2559, http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=95400000
16131
68 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 63 ,น.74-76.
69 เพิ่งอ้าง, น.63-66.
70 โดยประเทศที่ลงทุนขุดคลองในลักษณะเดียวกันนี้ ด้วยเงินทุนภายในของรัฐบาล
ประเทศดังกล่าวเองทั้งหมดประกอบด้วย คลองคีล ของประเทศเยอรมัน และคลองคอรินทร์ของ
ประเทศกรีซ ในขณะที่คลองสุเอซ ในการดาเนินการขุดได้รับเงินทุนจากหลายประเทศรวมถึงประเทศ
ฝรั่งเศส และคลองปานามา ในการดาเนินการขุดนั้นใช้เงินทุนจากประเทศฝรั่งเศส (ขุดไม่สาเร็จ) และ
ตามด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา ทาให้ทั้งคลองสุเอซและคลองปานามาต่างอยู่ภายใต้อิทธิพลของ
ประเทศมหาอานาจ และสูญเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจให้กับประเทศเหล่านั้น โปรดดู ปรีดี พนมยงค์,
อนาคตของประเทศควรดาเนินไปในรูปแบบใด กับ แผนขุดคอคอดกระ, อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 48
71 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
ทางวิ ช าการ ส านั ก งบประมาณของรั ฐ สภา (ฉบั บ ที่ 7 /2558) เรื่ อ งการจั ด เก็ บรายได้ ข อง
รั ฐ บาล ไ ท ย ตั้ ง แ ต่ ปี พ.ศ . 2 5 3 3 – 2 5 57 ” , สื บค้ น เมื่ อวั น ที่ 2 5 สิ งหาคม 2 5 5 9 ,
http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parbudget/ewt_news.php?nid=
210&filename=index
74 บริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุน เอ็มเอฟซีจากัด (มหาชน), “ทันศัพทการเงิน :
76 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 71
77 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 78
78 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 71
Guarantees, and Fiscal Risk, แปลและเรียบเรียงโดย วิมล ชาตะมีนา และ มยูร บุญยะรัตน์, กลุ่ม
งานบริการความเสี่ยงด้านการคลัง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, น.5
2559, https://ppp.worldbank.org/public-private-partnership/
83 European Commission, Guidelines for Successful Public-Private
Design D การออกแบบโครงการ
Build B การลงทุนก่อสร้าง
Finance F การจัดหาแหล่งเงินทุน
Own O ความเป็นเจ้าของตามช่วงอายุสัมปทาน
Operate O การประกอบการและนาส่งรายได้ให้แก่รัฐ
Maintain M การบารุงรักษา
Transfer T การโอนกรรมสิทธิ์คืนให้แก่รัฐ เมื่อสิ้นอายุสัมปทาน
Lease L รัฐจ่ายค่าเช่าทรัพย์สินและค่าจ้าง แก่เอกชนคู่สัญญา
88 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 99
(Build-Own-
Operate) 89
9 BBO ภาคเอกชนซื้อสินทรัพย์จากรัฐ
(Buy-Build-Operate) เพื่อนามาปรับปรุง พัฒนา และ
ดาเนินการโดยไม่ มีข้อตกลงว่า
ให้โอนกลับคืนมาเป็นของรัฐ
10 LDO ภาคเอกชนเช่าสินทรัพย์จากรัฐ
(Lease-Develop- เพื่อนามาปรับปรุง พัฒนา และ
Operate) ดาเนินการตลอดอายุสัญญาเช่า
ซึ่ ง ไ ม่ มี ข้ อ ต ก ล ง ว่ า ใ ห้ โ อ น
กลับคืนมาเป็นของรัฐ
11 BLOT ภาคเอกชนเช่าพื้นที่จากรัฐ เพื่อ เอกชนเป็ น ผู้ แ บกรั บ ความ
(Build-Lease- สร้ า ง และด าเนิ น การตามช่ ว ง เ สี่ ย ง จ า ก ก า ร ด า เ นิ น
Operate-Transfer ) ระยะเวลาเช่า โครงการไว้เองทัง้ หมด90
เมื่ อ สิ้ น สุ ด ระยะเวลาก็ โ อน
กลับคืนมาเป็นของรัฐ
89
สานักงานบริหารหนี้สาธารณะ, “คู่มือแนวทางการดาเนินโครงการลงทุนภาครัฐ
ในรู ป แบบ PPPs”, สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 10 สิ ง หาคม 2559, http://www.dti.or.th/download/
file/3ed 60403.pdf
90 มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร์ คณะบริ ห ารธุ ร กิ จ , “ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งรั ฐ บาล
12 BROT ภาคเอกชนเช่าสินทรัพย์จากรัฐ
(Build-Rent-Own- ภายหลังจากที่ได้โอนทรัพ ย์สิน
Transfer) 91 ให้รัฐแล้ว
93 ibid.
15 DB ภาคเอกชนออกแบบ และ
Design-Build94 ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อ
ตอบสนองความต้องการของรัฐ
ซึ่งรัฐมักจะกาหนดอัตราค่าจ้าง
ไว้อย่างตายตัว เพื่อเป็นการโอน
ความเสี่ ย งด้ า นค่ า ใช้ จ่ า ยไปยั ง
ภาคเอกชน (หลายฝ่ ายมองว่ า
DB ไม่ จั ด อยู่ ใ นประเภทของ
PPP แต่ จั ด อยู่ ใ นประเภทของ
โยธาธิสัญญา)
2. ตลอดระยะของสัญ ญา รัฐมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกิจการ
ดังกล่าวร่วมกับเอกชน และแบ่งปันผลประกอบการตามที่ได้ตกลงกัน
3. ตลอดระยะของสัญญา รัฐจ้างให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดการกิจการ
แล้วนาส่งผลประกอบการให้แก่รัฐ
ในการนี้นักวิชาการกฎหมายบางท่านมีความกังวลว่า หากรัฐเลือกการ
ให้การบริหารจัดการเป็นไปตามแบบที่ 1. คือ ตลอดระยะของสัญญา เอกชนเป็น Turn-key ทั้ง
ก่อสร้าง ดาเนินกิจการ บริหารจัดการเองทั้งหมด โดยจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐตามที่ได้ตกลง
กัน ประเทศชาติจะสูญเสียผลประโยชน์บางประการให้แก่ต่างชาติได้ ดังนั้นรัฐควรเลือกแบบที่ตนได้มี
ส่วนในการบริหารจัดการหรือร่วมดาเนินการด้วย97
รั ฐ บาลไทยมี โ ครงการที่ ร่ ว มลงทุ น กั บ ภาคเอกชนและอยู่ ร ะหว่ า ง
ดาเนินการตามสัญญา (ตั้งแต่ปี 2523 - 2557) รวม 33 โครงการ สาหรับรูปแบบการร่วมทุน PPP ที่
นิยมใช้ในประเทศไทย มี 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี98้
1. Build - Operate - Transfer (BOT) หรือ Build-Transfer-Operate
(BTO) โครงการ BOT ภายในประเทศไทย อาทิ โครงการลงทุนบริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ
ตู้สินค้า ซี. 3 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการสัญญาสัมปทานทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง - ดอนเมือง (Tollway) และโครงการให้ใช้สิทธิดาเนินการบริหาร
และประกอบการศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู
จังหวัดสมุทรปราการ เป็นต้น
ส าหรั บ ตั ว อย่ า งของโครงการ BTO ในประเทศไทย ประกอบด้ ว ย
โครงการอนุ ญ าตให้ ด าเนิ น การให้ บ ริ ก ารระบบส่ ง น้ ามั น เชื้ อ เพลิ ง อากาศยานผ่ า นท่ อ Hydrant
โครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้างบริหาร
จัดการ ให้บริการและบารุงรักษาโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
เป็นต้น
97
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 14
98 ส านั ก งบประมาณของรั ฐ สภา, การวิ เ คราะห์ ก ารร่ ว มทุ น ระหว่ า งภาครั ฐ และ
ภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP), พิ ม พ์ ค รั้ ง ที่ 3 (กรุ ง เทพฯ : ส านั ก การพิ ม พ์
สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2559), บทสรุปผู้บริหาร
99
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 110
100 Thomas Board, “ BUILD OWN OPERATE TRANSFER – REAL WORLD
101
Supra note 100
102 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ
สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา, รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของ
โครงการขุดคอคอดกระ, (กรุงเทพฯ : กลุ่มงานการพิมพ์ สานักการพิมพ์ สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา,
2548), น.126.
4.5.2.2 ทางเลือกของรัฐในการร่วมลงทุนกับเอกชน
หากรัฐเลือกที่จะให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการคลองไทย การร่วมลงทุน
ในรูปแบบ PPP ยังอาจจาแนกได้อีก 2 ลักษณะ คือ
(1) รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนภายในประเทศ
หากรั ฐ เลื อ กที่ จ ะร่ ว มลงทุ น กั บ เอกชนภายในประเทศ กฎหมายที่
เกี่ ย วข้ อ งกั บ การลงทุ น โครงการคลองไทย ในกรณี ที่ ภ าครั ฐ ร่ ว มลงทุ น กั บ ภาคเอกชน
ภายในประเทศในการจั ด ท าโครงสร้ า งพื้ น ฐานในลั ก ษณะ PPP (Public – Private
Partnership) คือพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556
(2) รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนต่างชาติ
สาหรับการลงทุนอาจแบ่ง 2 รูปแบบ109 คือ
ก. การลงทุนทางอ้อม เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลัก ทรัพย์
ต่างชาติเพื่อหวังผลกาไร (Return of Investment)110 และ
ข. การลงทุนทางตรง เป็นการลงทุนอุตสาหกรรมการผลิต 111และการ
บริการ112ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบริการสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงการขนส่งด้วย113
ทั้งนี้การลงทุนทางตรงนั้น ผลได้เสียและความเสี่ยงทั้งปวงตกแก่นัก
ลงทุน114 ดังนั้นจึงเป็นดุลยพินิจของนักลงทุนที่จะต้องไตร่ตรองก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งการ
ลงทุ น ข้ า มชาติ ที่ เ รี ย กว่ า Foreign Direct Investment (FDI) ก็ เ ป็ น การลงทุ น ทางตรง
เช่นกัน115 โดยบริษัทที่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้วมักมองว่าการลงทุนในประเทศที่กาลัง
พัฒนามีความเสี่ยงสูงมาก และในอดีตประเทศไทยก็เคยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็น
อันดับต้น ๆ116
การลงทุนนั้นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการลงทุน จึงมีทั้ง
Public และ Private Investment โดยประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการสร้างองค์กรที่คุ้มครอง
การลงทุ น ของภาคเอกชน เช่ น Oversea Private Insurance Operation (OPIC) ซึ่ ง ท า
หน้าที่คุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนที่ได้ซื้อประกันการลงทุนไว้ เมื่อ OPIC รับผิดชอบแล้ว
จึงค่อยดาเนินการเรียกร้องคืนจากรัฐบาลของประเทศที่ยึดกิจการดังกล่าวนั้น หากรัฐบาลไม่
ยอมชดใช้คืนก็จะมีมาตรการตอบโต้หลายรูปแบบ117
ทั้งนี้ ถ้ารัฐเลือกที่จะร่วมลงทุนกับเอกชนต่างชาติ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กับการลงทุนโครงการคลองไทย ในกรณีที่ภาครัฐร่วมลงทุนกับภาคเอกชนต่างชาติ ในการ
จัดทาโครงสร้างพื้นฐานในลักษณะของ PPP (Public – Private Partnership) และนอกจาก
พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 แล้วยังมีกฎหมายที่
เกี่ยวข้องกับ FDI ประกอบด้วย118
ก. กฎหมายของประเทศผู้ลงทุน
ข. กฎหมายของประเทศผู้รับการลงทุน และ
ค. ความตกลงระหว่างประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
(BITs และ FTA)119
115 เพิ่งอ้าง
อนึ่ง ความเสี่ยงที่สาคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความกังวลเมื่อต้องมา
ลงทุนในประเทศกาลังพัฒนา คือ การถูกยึดกิจการจากรัฐ บาลของประเทศที่มาลงทุน, เพิ่งอ้าง
เช่น กรณีที่รัฐบาลประเทศอียิปต์ทาการยึดกิจการ (Nationalization) คลองสุเอซ จากบริษัทคลอง
สุเอซสากล (โปรดดูบทที่ 2) หรือในประเทศไทยก็ปรากฏในกรณี Walter Bau (โปรดดู บทที่ 5)
117 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 121, น.9-10. และ กรณี Walter Bau โปรดดู บทที่ 5
“รูปแบบที่ 3 ภาครัฐรับการลงทุนโดยตรงจากเอกชนต่างประเทศ”
ของไทย FDI in Thailand: Trend and Relationship with the Macro Economy”, สื บ ค้ น เมื่ อ
วั น ที่ 4 กั น ยายน 2559, http://econ.tu.ac.th/class/archan/Rangsun/ EC%20460/เอกสาร
สภาวการณ์ เ ศรษฐกิ จ ไทย/เอกสารธนาคารแห่ ง ประเทศไทย/Economic%20Monitor/FDI%
20in%20Thailand.pdf
122 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 132, น.5.
123
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 132, น.5.
124 เสาวนี ย์ จั น ทะพงษ์ ทิ พ วรรณ ทนนกลิ่ น และสุ ภ วดี ชิ ง นวรรณ์ , FOCUSED
4.5.4 ข้อพิจารณาของรัฐในการพิจารณาเลือกรูปแบบการลงทุน
4.5.4.1 สัมพันธไมตรีและความขัดแย้งระหว่างประเทศ
รูปแบบการลงทุน รูปแบบที่ 1 คือ รัฐ บาลไทยลงทุน เองทั้งหมด เป็ น
รูปแบบที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุดสาหรับโครงการขุดคลองไทย เพราะคลองไทยเป็นโครงการพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคจาเป็นต้องใช้เงินลงทุนจานวนมหาศาลรัฐบาลของประเทศ
ไทยย่อมไม่ อาจหาเงินจานวนดังกล่าวมาลงทุนเองได้ทั้งหมดโดยไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะและ
งบประมาณแผ่นดิน130 ดังนั้นโอกาสที่รัฐบาลจะให้ต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนด้วยมีค่อนข้างสูง
รัฐบาลไม่อาจจบข้อพิจารณาเพียงแค่สามารถเลือกรูปแบบการลงทุนที่รัฐ
จะได้ประโยชน์สูงกว่าต่างชาติ แต่รัฐบาลยังต้องคานึงต่อไปว่าจะให้ชาติใดเข้ามาเป็นผู้ลงทุน เพราะ
สาหรับคลองไทย มิได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐานให้เรือพาณิชย์ของประเทศต่าง ๆ สัญจรผ่านไปมาได้
โดยสะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สาคัญแห่งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งในทาง
การเมืองระหว่างประเทศ รัฐบาลจึงต้องคานึงถึงจุดนี้ด้วย
ปัจจุบันประเทศที่มีท่าทีว่าสนใจจะเข้ามาลงทุนโครงการขุดคลองไทย
อย่ า งมาก คื อ ประเทศจี น ซึ่ ง ได้ ป ระโยชน์ จ ากโครงการนี้ โ ดยตรงอย่ า งแน่ น อน เพราะมี ค วาม
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ One Belt One Road ของประเทศจีน แต่ที่ผ่านมาที่ประเทศจีนยังไม่ได้
เสนอตั วเข้ามาดาเนินโครงการอย่างชั ดเจน เนื่องจากประเทศจีนมีน โยบายต่างประเทศที่จะไม่
แทรกแซงกิจการภายในของประเทศต่าง ๆ131 ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลประเทศ
นั้นอย่างเสรี ซึ่งหากนโยบายของรัฐบาลประเทศใดมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศจีน
ประเทศจีนจึงจะเข้าไปเสนอให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน 132 ดังนั้นทันทีที่
รัฐบาลไทยตัดสินใจขุดคลองไทย รัฐบาลจีนจะต้องเสนอตัวเข้าร่วมลงทุนด้วยอย่างแน่นอน ปัจจุบัน
จีนมีเงินทุนที่ใช้สาหรับปล่อยกู้ให้ต่างชาตินาไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องกับโครงการ
One Belt One ทั้ ง สิ้ น 2 ธนาคารใหญ่ ประกอบด้ ว ย Asian Infrastructure Investment Bank
(AIIB) และ Asian Development Bank (ADB) และในฐานะของนั ก ลงทุ น จี น ย่ อ มคาดหวั ง
ผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุน จานวนมหาศาลนี้ โดยสิ่งสาคัญที่สุดที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าจีน
ย่อมคาดหวังจะได้รับจากการลงทุน ครั้งนี้ คือ สมุททานุภาพทางทะเลและการก้าวขึ้นสู่ความเป็น
มหาอานาจ อันจะเป็นประโยชน์ต่อจีนอย่างยิ่งในการขนส่งสินค้า อาวุธยุทโธปกรณ์ และที่สาคัญที่สุด
ก็คือพลังงานเชื้อเพลิง โดยไม่ต้องพึ่งพาช่องแคบมะละกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาครอบครองอยู่ในทางพฤติ
นัยอีกต่อไป เนื่องจากจีนอยู่ในช่วงของการพัฒนาเศรษฐกิจ พลังงานเชื้อเพลิงและแร่ธาตุที่สาคัญ จึงมี
ประการแรก สัมปทานเป็นการทาสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐ
ในฐานะที่เป็นผู้ให้สัมปทาน และภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน โดยสัญญาสัมปทานที่ทาขึ้นนี้เป็น
“สัญญาทางปกครอง”
ประการที่สอง เอกชนผู้ รับสัมปทานมีหน้าที่ในการลงทุน สร้าง
และบารุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้การดูแลของหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้ให้สัมปทาน
ประการที่สาม สัญญาสัมปทานมีระยะเวลาที่จากัด ซี่งในระหว่าง
ระยะเวลาสัมปทาน เอกชนผู้รับสัมปทานจะมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Rights) ในการใช้และ
แสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินที่ตนสร้างขึ้น ภายใต้ขอบเขตตามที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทาน
ประการที่สี่ การจัดเก็บผลประโยชน์ตามสัมปทานต้องเป็นไปใน
อัตราและข้อกาหนดในสัญญาสัมปทาน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาความหมายของสัมปทานในความหมาย
อย่างกว้างจะพบว่าสัมปทานหมายความรวมถึงกรณีที่เอกชนต้องขอรับใบอนุญาตในการประกอบ
กิจการบางประเภทจากรัฐด้วย ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่รัฐต้องกากับดูแล140
การประกอบกิจการภายใต้ระบบสัญญาสัมปทานมีความแตกต่าง
บางประการกับการประกอบการภายใต้ระบบใบอนุญาต กล่าวคือ การประกอบการภายใต้สัญญา
สัมปทาน เอกชนจะไม่สามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สิน อาทิ โครงสร้างพื้นฐานที่ตนลงทุน เอกชนจะมี
เพียงสิทธิในการหารายได้จากการให้บริการ แต่หากเป็น การประกอบการภายใต้ ใบอนุญาตจะเปิด
โอกาสให้เอกชนเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ตนลงทุนได้ 141 อีกทั้งการที่สัญญาสัมปทานก่อให้เกิดสิทธิใน
การแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพย์สิน หรือทรัพยากรสาธารณะแต่เพียงผู้เดียว หรือโดยกลุ่มบุคคล
142 ระบบสัมปทานยังเป็นที่มาของการแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนมากเกินจริง
(Economic Rent) จากรัฐ หากนักธุรกิจหรือนักการเมืองพยายามใช้อิทธิพลแทรกแซงผลประโยชน์
แก่ตน จะนาไปสู่การแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาความไม่เสมอภาคกันในสังคม และบ่อน
ทาลายโอกาสการพัฒนาประเทศ, อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 150
143 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 150
149
จันทจิรา เอี่ยมมยุรา, “ปัญ หาทางกฎหมายกรณี การสิ้น สุดสัญ ญาสัมปทาน
1800 MHz ระหว่ า ง บมจ.กสท. กั บบริ ษั ท ทรูมู ฟ และบริ ษั ท ดิจิ ต อลโฟน”, สืบ ค้ น เมื่ อวั น ที่ 21
กรกฎาคม 2560,จาก http://www.nbtc.go.th/getattachment/News/Information/การเสวนา
เวทีสาธารณะ -Nbtc-Public-Forum-ประจาปี- 2556/Jantajira_1800.pdf.aspx
4.6.2 การวางผังเมืองรูปแบบพิเศษ
การขุดคลองไทยย่อมทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับบริเวณโดยรอบพื้นที่
คลอง โดยจะเกิดการพัฒนาท่าเรือและเขตอุตสาหกรรมขึ้น ในการนี้เคยมีการทาการศึกษาการวางผัง
เมืองแบบพิเศษ กรณีพื้นที่หลังท่าเรือคลองคอคอดกระ เสนอให้มีลักษณะการวางผังเมืองแบบพิเศษ
คือ “เมืองท่าเรือ” โดยพยายามเสนอให้นาเมืองท่าเรือของคลองคีลมาใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาผัง
เมืองคลองไทย150
150
ระหัตร โรจนประดิษฐ์, “การศึกษาการวางผังเมืองแบบพิ เศษ กรณีพื้นที่หลัง
ท่าเรือคลองคอคอดกระ,” วารสารนาวิกศาสตร์, เล่มที่ 6, ปีที่ 88, น.16-32. (มิถุนายน 2548)
บทที่ 5
การศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายสาหรับโครงการคลองไทย
5.1 ข้อสังเกตด้านกฎหมายสาหรับการลงทุนโครงการคลองไทย
5.1.1 ข้อพิจารณาด้านกฎหมายกรณีที่รัฐเลือกลงทุนเองทั้งหมด
5.1.1.1 อุปสรรคด้านกฎหมายกรณีรัฐบาลปฎิบัติตามกฎหมายการเงินการคลัง
โดยเคร่งครัด
การดาเนินโครงการขุดคลองไทยในกรณีที่รัฐเลือกที่จะลงทุนเองทั้งหมด
มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่รัฐต้องคานึงถึงในการลงทุน ประกอบด้วย
1. (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2559 มาตรา 140 1
การจ่ายเงินแผ่นดินจะต้องกระทาโดยกฎหมายการคลัง 5 ฉบับ ตามมาตรา 140 เท่านั้น ประกอบด้วย
1.1 กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย คือ พระราชบัญญัติงบประมาณ
รายจ่ายประจาปีงบประมาณ
1.2 กฎหมายว่ า ด้ ว ยวิ ธี ก ารงบประมาณ คื อ พระราชบั ญ ญั ติ วิ ธี ก าร
งบประมาณ พ.ศ. 2502
1.3 กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ คือ พระราชบัญ ญั ติโอน
งบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2558
1.4 กฎหมายว่าด้ว ยเงิ นคงคลัง คือ พระราชบัญ ญั ติเงิน คงคลัง พ.ศ.
2491
1.5 กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ2
พระราชบัญญัติเหล่านี้ล้วนเป็นพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน ซึ่ง
เหตุผลที่ทาให้รัฐธรรมนู ญบังคับให้การจ่ายเงินแผ่นดินต้องกระทาภายใต้พระราชบัญญัติเหล่านี้
เท่านั้นเพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญประสงค์ให้เกิดการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติ
บัญ ญั ติ คือรั ฐ สภาและฝ่ ายบริ หารตามหลั กการแบ่ง แยกอานาจ โดยรัฐ สภามีสิท ธิรั บทราบและ
ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล การก่อหนี้สาธารณะ ภาระหนี้ รวมถึงเพดานเงินกู้ และการใช้
จ่ายเงินที่กู้ยืมมา เพื่อให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง ดังนั้นทุกครั้งที่รัฐจะจ่ายเงินแผ่นดิน
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้โดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเป็นการกระทาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูอันเป็น
กฎหมายสูงสุด3 แต่การจะดาเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลและกระทบต่อหนี้
สาธารณะในลั ก ษณะนี้ โ อกาสที่ รั ฐ บาลจั ด ท าร่ า งพระราชบั ญ ญั ติ ง บประมาณรายจ่ า ยประจ าปี
งบประมาณและผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาย่อมมีน้อยมาก
2. โครงการคลองไทยจะต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติ 4
และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามที่กาหนดใน (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2559 มาตรา 1425
5.1.1.2 อุปสรรคด้านกฎหมายกรณีรัฐบาลเลี่ยงไม่ปฎิบัติตามกฎหมายการเงิน
การคลัง
หากรัฐบาลหลบเลี่ยงไม่ดาเนินการตามที่รัฐธรรมนูญกาหนด กล่าวคือ ให้
มีการจ่ายเงินแผ่นดินโดยไม่ เป็นไปตามพระราชบัญญั ติที่ว่าด้วยการเงิน ทั้ง 5 ฉบับ ตาม (ร่าง)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2559 มาตรา140 การกระทาของรัฐบาลย่อมเป็นการขัด ต่อ
รัฐธรรมนูญและซ้ารอยประวัติศาสตร์กรณีคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3 - 4 / 2557 ซึ่งรัฐบาล
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสงค์จะดาเนินการกู้ยืมเงินเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็ว
สูง มูลค่า 2 ล้าน ล้านบาท แต่มิได้ปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา
169 วรรคแรก6 ประกอบมาตรา 170 7 กล่าวคือ การกู้ยืมเงินและการจ่ายเงินเพื่อดาเนินโครงการ
ดังกล่าวมิได้จัดทาเป็นพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน แต่รัฐบาลกลับใช้วิธีออกเป็นพระราชบัญญัติ
ธรรมดา คือ ร่างพระราชบัญญัติใหอานาจกระทรวงการคลังกูเงินเพื่อการพัฒนาโครงสรางพื้นฐาน ด
านคมนาคมขนสงของประเทศ พ.ศ. ....
การที่ร างพระราชบัญญัติฉบับนี้ใหอานาจกระทรวงการคลัง สามารถนา
เงินกูตามรางพระราชบัญญัตินี้ไปใชจายตามวัตถุประสงคได้ โดยไม่ตองนาสงคลังตามกฎหมายวาดวย
วิธีการงบประมาณและกฎหมายวาดวยเงินคงคลัง และในมาตรา 18 ยังกาหนดใหคณะรัฐมนตรี
รายงานการกูเงิน ผลการดาเนินงาน การประเมินผลการดาเนินการตามแผนงานในแตละยุทธศาสตรต
อสภาผูแทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบเท่านั้น ซึ่งแตกตางจากที่ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
หน่วยงานของรัฐนั้นทารายงานการรับและการใช้จ่ายเงินดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อสิ้น
ปีงบประมาณทุกปี และให้คณะรัฐมนตรีทารายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
การใช้จ่ายเงินรายได้ตามวรรคหนึ่งต้องอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังหมวดนี้
ด้วย
5.1.2 ข้อพิจารณาด้านกฎหมายกรณีที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนต่างชาติ
5.1.2.1 อุปสรรคตามรัฐธรรมนูญ
แม้ว่าการลงทุนในลักษณะที่รัฐร่วมลงทุนกับต่างชาติจะมีความเป็นไปได้
มากที่ สุ ด ตามที่ ไ ด้ วิ เ คราะห์ ใ นบทที่ แ ล้ ว หากแต่ ก็ ยั ง จะต้ อ งเผชิ ญ กั บ อุ ป สรรคตามรั ฐ ธรรมนู ญ
เนื่องจาก (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2559 มาตรา 178 ความว่า
“พระมหากษั ต ริ ย์ ท รงไว้ ซึ่ ง พระราชอ านาจในการท าหนั ง สื อ สั ญ ญา
สันติภาพสัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือพื้นที่นอกอาณาเขต
ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอานาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ
หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติ เพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และหนังสือสัญญาอื่นที่อาจมี
ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจสัง คมหรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง
ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่
วันที่ได้รับเรื่อง หากรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ารัฐสภาให้ความ
เห็นชอบ
หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมี ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคม
การค้าหรือการลงทุนของประเทศไทยอย่างกว้างขวางตามวรรคสอง ได้แก่ หนังสือสัญญาเกี่ยวกับ
การค้าเสรี เขตศุลกากรร่วม หรือการให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทาให้ประเทศต้องสูญเสียสิทธิใน
ทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด หรือบางส่วน หรือหนังสือสัญญาอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
ให้มีกฎหมายกาหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดง
ความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จาเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทาหนังสือสัญญาตามวรรค
สามด้วย
เมื่อมีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นกรณีตามวรรคสองหรือวรรคสาม
หรือไม่คณะรัฐมนตรีจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยให้แล้ว
เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคาขอ”
ผู้ เขียนมองว่าบริบทของสังคมไทยมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก แม้ว่ า
โครงการขุดคลองไทยจะมีแนวคิดมาตั้งแต่อดีต และถูกหยิบยกขึ้นมาผลักดันอยู่บ่อบครั้ง แต่ด้วยยุค
สมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ระบอบการเมืองในปัจจุบันมีระบบการตรวจสอบ และขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีความ
เข้มงวดซับซ้อนขึ้น อีกทั้งมีความพยายามที่จะให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการต่าง ๆ
ทั้งเป็นการกระทาผ่านผู้แทนราษฎร หรือแม้แต่การให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเองโดยตรง อัน
แตกต่างกับประเทศไทยเมื่อ 10 ปีก่อน 20 ปีก่อน หรือ 100 ปีก่อนเป็นอย่างมาก เราไม่อาจเทียบ
สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันกับสถานการณ์ที่ประเทศไทยต้องการขุดคลองไทยในสมัยรัชกาลที่ 4
รัชกาลที่ 5 หรือตามบันทึกข้อเสนอของ นายปรีดี พนมยงค์ได้อีกต่อไป แต่จะต้องประเมินสถานการณ์
ณ ปัจจุบัน
สาหรับมาตรา 178 (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2559
นั้น อาจเรียกได้ว่าทาให้เกิดสถานการณ์ล็อค 2 ชั้น กล่าวคือ แม้ว่าตัวโครงการขุดคลองไทยจะผ่าน
การอนุมัติจากรัฐสภาแล้ว คือ ผ่านล็อคที่หนึ่ง ได้แล้วก็ตาม แต่ในขั้นตอนของการลงทุนและการทา
สัญญากับนักลงทุนต่างชาติที่จะมาร่วมลงทุนนั้น ก็ยังจะต้องเผชิญกับล็อคที่สอง คือ มาตรา 178 นี้
ด้วย ซึ่งแม้ตัวโครงการคลองไทยจะผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาแล้วว่าให้ขุดแต่ท้ายที่สุดก็จะยังคงติด
ล็อคที่สองอยู่ดี เนื่องจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยสามารถโจมตีว่าโครงการขุดคลองไทยเป็นสัญญาระหว่าง
ประเทศที่ มีความสาคัญในการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
สังคม หรือการค้าการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ตาม (ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย มาตรา 178 นี้ และหากรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบก็จะมีผลให้โครงการขุดคลองไทยไม่เกิดขึ้นอยู่
ดี เพราะรัฐบาลไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะสามารลงทุนเองได้โดยลาพัง อีกทั้งการกู้ยืมมาเพื่อการลงทุน
ก็จะกระทบต่อหนี้สาธารณะตามที่ได้วิเคราะห์ไปแล้วในบทที่ 3
9หรือก็คือ “คดีทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์”
10 ชาญวิทย์ สุวรรณะบุณย์, “เอกสิทธิและความคุ้มกันของรัฐต่างประเทศในการ
คาดหวั ง ที่ ช อบธรรมว่ า หากทุ ก อย่ า งเป็ น ไปตามแผน การลงทุ น ย่ อ มมี ผ ลก าไร (Legitimate
Expectation) ดังนั้นการกระทาของรัฐบาลไทยจึงเป็นการละเมิดหลัก Legitimate Expectation15
เนื่ อ งจากมาตรฐานในการคุ้ ม ครองนั ก ลงทุ น ในการลงทุ น แบบ FDI นั้ น
ประกอบด้วยหลักการที่สาคัญ 10 ประการ16 ดังนี้
(1) หลักความเป็นธรรมและเท่าเทียม (Fair and Equitable Treatment) ซึ่งเป็น
หลักการสาคัญที่ปรากฏในความตกลงระหว่างประเทศมาช้านาน ทั้งนี้ที่ผ่า นมามีความพยายามอย่าง
มากในการที่ศาลจะตีความและกาหนดนิยามของ “เป็นธรรม”และ“เท่าเทียม”17 แต่ถึงกระนั้นหลัก
สาคัญประการนี้ก็มักเป็นหลักที่นักลงทุนหยิบยกขึ้น ฟ้องร้องรัฐบาลของประเทศที่รับการลงทุน ว่า
ละเมิดความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อกาไรในอนาคต (Legitimate Expectations)18 และหนึ่งใน
กรณีศกึ ษาทีช่ ดั เจนของประเทศไทยก็คอื คดี Walter Bau
(2) หลั ก ความมั่ น คงและการคุ้ ม ครองอย่ า งเต็ ม ที่ (Full Protection and
Security)
(3) ขอตกลงครอบคลุม (The Umbrella Clause) เป็นข้อตกลงที่ สรางขึ้นบน
พื้นฐานของแนวคิดวารัฐคูสัญญาจะละเมิดขอตกลงในสัญญาไมได้ หากรัฐคูสัญญาละเมิดข้อตกลงใน
สัญญา นักลงทุนสามารถที่จะอางขอตกลงครอบคลุมในการเรียกรองความชอบธรรมดวยกลไกของ
ระบบกฎหมายระหวางประเทศ คือกระบวนการอนุญาโตตุลาการ19
(4) การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ตลอดจน
การปฏิเสธความเป็นธรรม (Access to justice, fair procedure, and denial of justice)
15 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 13
16 Rudolf Dolzer and Christoph Schreuer, Principles of International
20
วิลาวรรณ มังคละธนะกุล และธีรวัฒน์ ว่องแก้ว , “สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตก
ลงเพื่อการส่งเสริม และคุ้มครองการลงทุน ”, สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2560, www.mfa.go.th/
business/contents/files/cooperation-20120412-153206-563617.ppt
ประการแรก ออกกฎหมายมอบหมายอานาจหน้าที่ให้แก่คณะบุคคลที่ทาหน้าที่บริหาร
จัดการคลองไทยเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระบวนการตรวจสอบ
ความโปร่งใสของคณะบุคคลเหล่านัน้ และ
ประการที่สอง ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้คลองและดูแลรักษาคลองรวมถึงการ
ดาเนินการรักษาสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีและเป็นแนวทางในการจัดทากฎหมายที่สามารถบังคับ
ใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรศึกษาต้นแบบจากประเทศที่มีการขุดคลองลักษณะเดียวกันนี้
อันประกอบด้วยคลองสุเอซ คลองปานามา และคลองคี ลเพื่อนาส่วนที่ดีของแต่ละประเทศมาเป็น
แนวทางในการจัดทากฎหมายของคลองไทยประเทศไทย
lists of ratifications of, accessions and successions to the Convention and the related
Agreements : The United Nations Convention on the Law of the Sea of 10 December
1982”, สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 5 ตุ ล าคม 2559, http://www.un.org/depts/los/reference_files/
chronological_lists_of_ratifications.htm
Sustainable Development of the Coastal Areas of the Mediterranean 1995 (MAP Phase
II)
25 European Commission, “ Regional Sea Conventions: The Barcelona
the Protection of the Marine Environment and the Coastal Region of the Mediterranean
and its Protocols as at 30 July 2016 (last notification received)”, สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม
2559, http://195.97.36.231/dbases/webdocs/BCP/StatusOfSignatures AndRatifications.
doc
27 น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี Protocol concerning protecting Mediterranean from
pollution resulting from vessel and planes waste sewage 1976 ที่ประเทศอียิปต์ยังมิได้ให้
3. รัฐ ภาคีส นธิสั ญ ญารั บ ว่า จะพัฒ นาสิ่ ง แวดล้ อมทั้ ง โดยส่ว นตั ว หรื อ
ร่วมกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทั้ ง ทางด้ า นเทคนิ ค และอื่ น ๆ ที่ มี ค วามสอดคล้ อ งกั บ หลั ก
ปฏิบัติมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและการดาเนินโครงการใน
ลักษณะที่ช่วยลดผลกระทบซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งมาตรฐานสากลใน
เรื่องนี้อาจใช้ตามความเหมาะสม31
Jeddah Convention ถูกบัญญัติขึ้นใช้ควบคู่ไปกับ “แผนปฏิบัติการเพื่อ
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของทะเลแดงและอ่าวเอเดน ค.ศ. 1976” โดย
เป็นส่วนหนึง่ ของ United Nations Environment Programme (UNEP) ซึ่งในภายหลังได้
จัดทา“แผนปฏิบัติการเพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของทะเลแดงและ
อ่าวเอเดน ค.ศ. 1995”32 ปัจจุบันมีประเทศภาคีสมาชิกทั้งสิ้น 9 ประเทศ33 เพื่อให้เป็นไป
ตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาภูมิภาค เพื่อการอนุรักษ์สิ่ ง แวดล้ อ มของทะเลแดงและอ่ า ว
Coastal Areas of the Red Sea and the Gulf of Aden (Adopted : 1976, Revised : 1995)
โปรดดู UNEP, “Red Sea & Gulf of Aden - Governing Instruments”, สื บ ค้ น เมื่ อ วั น ที่ 25
ตุ ล าค ม 25 59 ,จ าก http://www.unep.org/regionalseas/programmes/nonunep/redsea/
instruments/ default.asp
33 เพิ่งอ้าง
เอเดน (Regional Convention for the Conservation of the Red Sea and Gulf of
Aden Environment 1982) หรือ Jeddah Convention 1982 ข้างต้น ประเทศสมาชิกซึ่ง
รวมถึงประเทศอียิปต์จึงได้ให้สัตยาบันในพิธีสารความร่วมมือระดับภูมิภาคสาหรับการต่อสู้
กับมลพิษจากน้ามันและสารอั น ตรายอื่ น ๆ ในกรณี ฉุ ก เฉิ น (Regional cooperation
protocol for combating pollution by oil and other hazardous substances in case
of emergencies 1982)34
(2) กฎหมายพาณิชย์นาวีซงึ่ เป็นกฎหมายภายในของประเทศอียิปต์
สาหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมและการพาณิชย์นาวี ซึ่ง
เป็นกฎหมายภายในของประเทศอียิปต์ที่สาคัญ มีดังต่อไปนี้
1 . Decree No. 2 7 of 1 9 9 0 concerning the baselines of the
maritime areas of Egypt35 (พระราชกฤษฎีกาลาดับที่ 27 ปี ค.ศ. 1990ว่าด้วยเส้น ฐานที่
ใช้กาหนดเขตพาณิชย์นาวีของประเทศอียิปต์)
พาณิ ช ย์ น าวี ข องประเทศอี ยิ ป ต์ (Decree No. 27 of 1990 concerning the baselines of the
อี ยิ ป ต์ ไ ด้ ป ระกาศให้ ค ลองสุ เ อซตกเป็ น ของรั ฐ (Nationalize) เมื่ อ ปี ค.ศ. 1975 อั น เป็ น การดึ ง
กรรมสิทธิ์ของคลองกลับมาเป็นของประเทศอียิปต์ เพื่อจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ของบริษัทคลองสุ
เอซโดยรัฐบาลของประเทศอียิปต์
37 The organization of the Suez Canal Authority
บริหารคลองสุเอซ และพระราชกฤษฎีกาที่แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะบุคคลที่
มีอานาจบริหารคลองสุเอซ ค.ศ. 1975)
เมื่อพิจารณากฎหมายข้างต้นทั้งหมดจะพบว่ากฎหมายพาณิชย์นาวีที่
สาคัญของคลองสุเอซ ที่ประเทศไทยสมควรต้องพิจารณาเพื่อเป็นต้นแบบจัดทากฎหมาย
ส าหรั บ ใช้ กั บ คลองไทยที่ ขุ ด ขึ้ น คื อ The organization of the Suez Canal Authority
(พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะบุคคลที่มีอานาจบริหารคลองสุเอซ) ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้น
ภายหลังประเทศอียิปต์ทาการโอนคลองสุเอซกลับมาเป็นของตนแล้วโดยพระราชกฤษฎีกา
โอนคลองสุเอซกลับมาเป็นของรัฐ ค.ศ. 1956 จึงจาเป็นต้องมีคณะบุคคล ท าหน้ า ที่ ใ น
การบริหารจัดการและจัดสรรผลประโยชน์ของคลองสุเอซ ซึ่งเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ แต่ใน
ขณะเดี ย วกั น ก็ เ ป็ น ผลประโยชน์ จ านวนมหาศาล จึ ง ต้ อ งกระท าอย่ า งระมั ด ระวั ง และมี
หลักเกณฑ์ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะบุคคลที่มีอานาจบริหารคลองสุเอซ
ค.ศ. 1975 นี้ ประกอบด้วย 17 มาตรา มีสาระสาคัญกล่าวถึงเหตุผลและความจาเป็นในการ
จัดให้มีคณะบุคคลที่มีอานาจบริหารคลองสุเอซ (Suez Canal Authority) หรือที่เรียกว่า
SCA” องค์ประกอบของคณะบุคคลใน SCA อานาจหน้าที่ของ SCA รวมถึงการจัดสรรเงิน
งบประมาณ และเงินรายได้ ซึ่งเน้นย้าให้เห็นถึงความเป็นอิสระและความคล่องตัวของ SCA
ในการบริหารจัดการบริษัทคลองสุเอซและท่าเรือพอร์ทซาอิด โดยไม่จาเป็นต้องอยู่ภายใต้
หน่วยงาน หรือเงินงบประมาณของหน่วยงานอื่น
5.2.1.2 กฎการเดินเรือของคลองสุเอซ
ประเทศอียิปต์มีกฎหมายทั่วไปซึ่งวางหลักการเกณฑ์เกี่ยวกับการเดินเรือ
พาณิชย์นาวีระหว่างประเทศบัญญัติรวมไว้ใน Law 1990 - 088 Maritime Trade Law (พระราช
กฤษฎีกาลาดับที่ 088 ปี ค.ศ. 1990 กฎหมายการค้าพาณิ ชย์นาวี) ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วน วาง
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรือ (Ships) คนเรือ (Person of maritime navigation) คือ นายเรือ ลูกเรือ และ
ตัวแทนเรือ การใช้ประโยชน์ของเรือ (Exploiting of ships) คือ การชาร์เตอร์เรือ การทาสัญญาขนส่ง
ทางทะเล การลากจูง การนาร่อง รวมถึงอุบั ติเหตุจากการพาณิชย์นาวี (Marine incidents) คือ เรือ
Article 13: The SCA Board of Directors or its delegates, until regulations
on staffing and personnel are issued, shall have and use all authorities needed to
recruit and select technical and administrative applicants and decide about their
seniority and salary as well as assign them to the different departments and offices.
39 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 21
40 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 22
mouths of the Río Chico, east of Panama City) is one hundred and sixty-five kilometres
(165 kms).
In view of its current and potential resources the Gulf of Panama, a
historic bay, has been a vital necessity for the Republic of Panama since time
immemorial, both with regard to its security and defence and to the economic field,
since its marine resources have long been used by the inhabitants of the Isthmus of
Panama. Oblong in shape, with a coastal outline which somewhat resembles a calf’s
head, the Gulf has a coastal perimeter under Panamanian sea control of some six
hundred and sixty-eight kilometres (668 kms). Within this demarcation, the Gulf of
Panama, a historic bay, has an area of approximately thirty thousand square kilometres
(30,000 kms²).
The Republic of Panama declares that in the exercise of its sovereign
and jurisdictional rights and the accomplishment of its duties, it will act in accordance
with the provisions of the Convention, reserving the right to issue other related
declarations, should the need arise." [Original: Spanish]
42 นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์นาวี ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ
ต่างๆ อาทิ Law Decree No. 8 of 1998 “whereby work at sea and in navigable waterways
is regulated and other measures are dictated (of February 26, 1998)” พระราชกฤษฎี ก า
ล าดั บ ที่ 8 ปี ค.ศ. 1998 “กฎหมายและมาตรการบั ง คั บ อื่ น ๆส าหรั บ การท างานในทะเล (26
กุมภาพันธ์ 1998)” หรือ Law Decree No. 57 of 2008 The General Merchant Marine(พระ
ราชกฤษฎี ก าทั่ ว ไปเกี่ ย วกั บ การค้ า ทางทะเล) ซึ่ ง วางหลั ก เกณฑ์ เ กี่ ย วกั บ การจดทะเบี ย นเรื อ
(Registration of vessel) ทั้งในกรณีเรือที่ใช้ขนส่งภายในและระหว่างประเทศ รวมถึงใบอนุญาต
เดินเรือและวิทยุสื่อสาร ซึ่งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจดทะเบียนเรือที่ปานามานี้มีมากถึง 189 มาตรา
เนื่องจากปานามาให้ความสาคัญและสนับสนุนสิทธิพิเศษแก่บรรดาเรือให้เข้ามาจดทะเบียนเรือและ
ชักธงของปานามา
5.2.2.2 กฎการเดินเรือของคลองปานามา
ส าหรั บ คลองปานามาได้ มี ก ารจั ด ท ากฎการเดิ น เรื อ (Rules of
navigation) โดยบัญญัติไว้รวมกับ Organic Law Panama Canal Authority Panama Legislative
Assembly Law No. 19 ( of June 11, 1997) "Whereby the Panama canal Authority is
organized" (พระราชบัญญัติ ลาดับที่ 19 จัดตั้งคณะบุคคลที่มีอานาจบริหารคลองปานามา (11
มิถุนายน 1997)) ซึ่งอยู่ในบทที่ 4 เรือและการเดินเรือ (Vessel and Navigation) อันประกอบไปด้วย
3 ส่ ว นย่ อ ย คื อ คณะกรรมการตรวจสอบความเสี ย หายที่ เ กิ ด ขึ้ น จากการเดิ น เรื อ และอั ต รา
ค่าธรรมเนียมสาหรับการผ่านคลองและค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
43
อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 21
44 อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 22
45 นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกีย
่ วข้องกับการพาณิชย์นาวี ซึ่งเป็นกฎหมาย
เฉพาะต่างๆ อาทิเช่น Maritime Labour Act, 2013 (พระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล ค.ศ.2013)
บทที่ 6
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
6.1 บทสรุป
ผลการศึกษาแนวความคิดที่จะขุดคลองเพื่อเชื่อมระหว่างอ่าวไทยมหาสมุทรแปซิฟิก กับทะเล
อั น ดามั น มหาสมุ ท รอิ น เดี ย โดยพิ จ ารณาย้ อ นกลั บ ไปถึ ง สภาพเหตุ ผ ลและความจ าเป็ น นั บ แต่ อ ดี ต กาล
ประกอบกับสภาพบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ตลอดจนวิเคราะห์ผลการศึก ษาโดยหน่วยงาน
และสถาบันอุดมศึกษา ที่ผ่านมาพบว่า โครงการขุดคลองเพื่อเชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามันสามารถ
แบ่งระยะแนวคิดของโครงการได้เป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่หนึ่ง ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา เรื่อยมาจนสงครามโลกครั้ง
ที่สอง ซึ่งเดิมแนวคิดในการขุดคลองนี้เรียกว่า “คลองคอคอดกระ” เนื่องจากมีแนวคิดว่าจะขุดในบริเวณที่เป็น
คอคอดส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทยบริเวณผืนแผ่นดินระหว่างจังหวัดชุมพรกับระนอง อันเป็นส่วนที่คอด
หรือกิ่วที่สุดของคาบสมุทรมลายูตรงกับความหมายของ “คอคอด” ซึ่งหมายถึงแผ่นดินที่กิ่ วต่อส่วนใหญ่
ทั้งสองข้าง1 ดังนั้นการริเริ่มลงพื้นที่สารวจครั้งแรกโดยบริษัทอินเดียตะวันออก ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้ทา
ในบริเวณคอคอดแต่พบว่ามีสภาพภูมิประเทศที่เป็นอุปสรรคต่อการดาเนินการ หลังจากนั้นจึงได้มีการปรับ
แนวที่ทาการสารวจเพื่อขุดคลองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งต่อมาประเทศฝรั่งเศสจัดทาแผนการสารวจแนวคลอง
มาเป็นบริเวณเมืองตระบุรี (กระบุรี) โดยเรียกว่าคลองตระหรือที่รู้จักกันในสมัยมาว่า “คลองกระ” แต่อย่างไรก็
ดี ก ารขุ ด คลองเพื่ อ เชื่ อ มมหาสมุ ท รก็ ไ ม่ อ าจท าส าเร็ จ เนื่ อ งจากเหตุ ผ ลทางการเมื อ งระห ว่ า งประเทศ
ผลประโยชน์และความปลอดภัยของสยามประเทศในยุคล่าอาณานิคม
ทั้งนี้ เป้าหมายแรกของการขุดคลองเพื่อเชื่อมมหาสมุทรคือเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสร้าง
เส้นทางเดินเรือเส้นทางใหม่ที่มีระยะทางสั้นกว่าการแล่นเรืออ้อมผ่านช่องแคบมะละกา แต่แล้วเมื่อระยะเวลา
ผ่านไปเป้า หมายหลั กของชาติตะวั นตกในการขุดคลองบริเวณนี้กลับเปลี่ยนจากเป้าหมายทางเศรษฐกิ จ
ไปเป็นวัตถุประสงค์ทางการเมืองและการแย่งชิงความเป็นมหาอานาจ จนทาให้บริเวณดังกล่าวถูกจับตามองว่า
กลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์” ที่สาคัญบริเวณหนึ่งของโลก
ช่วงที่สอง ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นการยุติยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
อย่างเป็นทางการ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงประเทศไทยจาต้องลงนาม
ในความตกลงสมบูรณ์แบบเพื่อเลิกสถานะสงครามกับประเทศอังกฤษ ซึ่งใน ข้อ 7 ของความตกลงฉบับนี้
มีสาระสาคัญ ห้ามมิให้รัฐบาลไทย (สยาม) ทาการขุดคลองเพื่อเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทย
โดยปราศจากความยินยอมของรัฐบาลประเทศอังกฤษ อันเป็นการตอกย้าให้เห็นถึงความสาคัญของเส้นทาง
1
ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554, สืบค้นเมื่อวันที่ 10
กรกฎาคม 2560, http://www.royin.go.th/dictionary/
1. ข้อสนับสนุนและข้อคัดค้านโครงการขุดคลองไทย
ข้อสนับสนุนโครงการขุดคลองไทย ข้อคัดค้านโครงการขุดคลองไทย
1. ผลการศึกษาโครงการ โดย TAMS และ RRNA ในปี พ.ศ. 2515 1. ผลการศึกษาความเป็นไปได้ทางสังคมของโครงการคลองกระ
ข้อสนับสนุน : โครงการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อโลก โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2533
และไม่มีชาติมหาอานาจใดที่จะสามารถครอบงาแบบเด็ดขาดได้ และเมื่อ ข้อคัดค้าน : การขุดคลองกระจะทาให้สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ
คลองนี้ ท าหน้ า ที่ รั บ ใช้ ทุ ก ชนชาติ จ ะน ามาซึ่ ง ประโยชน์ ต่ อ ภู มิ ภ าคจึ ง ไม่ ทุกชนิดในบริเวณที่โครงการตัดผ่านซึ่งเป็นการสูญเสียไปตลอดกาล และ
ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ โครงการนี้จะ ราคาที่ดินบริเวณภาคใต้ได้พุ่งสูงขึ้นหลายสิบเท่าจนทาให้เกษตรกรบางส่วน
ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้แก่ประชาชน และเมื่อผู้คนมีความเป็นอยู่ ขายที่ดินผันตัวไปประกอบอาชีพอื่น ขณะที่เกษตรกรที่เหลืออยู่ต้องปรับตัว
ที่ดีขึ้น สามารถทามาหากินร่วมกันก็จะไม่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยผลสารวจภาคครัวเรือน ร้อยละ 53.8
2. ผลการศึ ก ษาโครงการพั ฒ นาคาบสมุ ท รแหลมทอง ในปี เห็นว่าไม่ควรขุด
พ.ศ. 2528 2. ผลการวิ จั ย การศึ ก ษาความเป็ น ไปได้ ด้ า นการพาณิ ช ย์ แ ละ
ข้อสนับสนุน : โครงการนี้จะช่วยฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจ และขยาย กายภาพของการขุ ด คอคอดกระ โดยสถาบั น พาณิ ช ย์ น าวี จุ ฬ าลงกรณ์
ฐานเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังช่วยทาให้ประเทศไทยอยู่ในเส้นทางการ มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2542
เดินเรือของโลก สามารถพัฒนาให้เกิดท่ าเทียบเรือเดินสมุทร ศูนย์กลาง ข้ อ คั ด ค้ า น : การขุ ด คอคอดกระไม่ น่ า จะสามารถพลิ ก ภาวะ
กระจายสิ น ค้ า ในภู มิ ภ าคเอเชี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ และอาจรวมถึ ง อ่ า ว เศรษฐกิ จ ที่ ต กต่ าไปสู่ เ ศรษฐกิ จ ที่ เ จริ ญ เติ บ โต และหากพิ จ ารณาระบบ
เบงกอล เกิดเขตอุตสาหกรรมและเมืองใหม่ อันเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ เศรษฐกิจมหภาคโดยรวมอาจเป็นโครงการที่ทาให้ระบบเศรษฐกิจขาด
แก่ประชาชน ลดปัญ หาการแบ่งแยกดินแดน และเป็นการสนับสนุนการ เสถียรภาพได้ นอกจากนี้แม้ประเทศไทยขุดคลองแล้วจะกลายเป็นการเปิด
เคลื่อนย้ายกาลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ เส้นทางเดินเรือสายใหม่ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันช่องแคบมะละกา ท่าเรือ
3. ผลการศึกษาโครงการ อชวท. ในปี พ.ศ. 2530 ของสิงคโปร์ และบางส่วนในประเทศใกล้เคียงก็จะยังคงเป็นเส้นทางสาย
ข้อสนับสนุน : โครงการคลองกระเป็นโครงการหลักในการพัฒนา หลักต่อไป ดังนั้นการที่ประเทศไทยขุดคลองกระจะเป็นเพียงเส้นทางเลือก
ประเทศ แต่กลับขาดความสาคัญเนื่องจากยังหาข้อยุติไม่ได้ โดยเสนอให้ เท่านั้น
180
ดาเนินโครงการโดยมี เป้าหมายเพื่อการพัฒนาภาคใต้ให้กลายเป็นแหล่ง
อุตสาหกรรมใหญ่ ขยายอุตสาหกรรมประมงน้าลึก เสริมสร้างความเจริญ
ด้านพาณิชย์นาวี และพัฒนาเมืองใหม่ที่มีสิ่งอานวยความสะดวกครบครัน
4. รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้
ของโครงการขุดคอคอดกระ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึ กษาความ
เป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในปี
พ.ศ. 2548
ข้อสนับสนุน : หากมีโครงการใหญ่ที่ทาให้ประชาชนมีงานทาและ
เป็นการจ้างงานระยะยาว ทาให้มีรายได้ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีขึ้น
ก็จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้มั่นคงและประชาชนมั่งคั่ งมากยิ่งขึ้น โดย
เชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยกอบกู้เศรษฐกิจของชาติแบบยั่งยืนและตลอดไป
5. ผลการศึ ก ษาโครงการ โดย มู ล นิ ธิ ค ลองไทย ในปี พ.ศ.
2546 - 2554
ข้ อ สนั บ สนุ น : ถ้ า ขุ ด คลองในแนวคลองไทย (แนว KT) เชื่ อ ว่ า
ประชาชนจะมีเศรษฐกิจที่ดีมีเงินใช้ และเป็นประโยชน์ต่อกองทัพเรือมาก
โดยเฉพาะในการเคลื่ อ นย้ า ยและรวบรวมก าลั ง พลในพื้ น ที่ ทั้ ง สองฝั่ ง
มหาสมุทร เกื้อกูลต่อความมั่นคงและการรักษาอธิปไตยของประเทศทาง
ทะเล ถ้ า ขุ ด คลองไทยจะท าให้ แ นวเดิ น เรื อ ของโลกสมบู ร ณ์ ม ากยิ่ ง ขึ้ น
การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะสมบูรณ์ขึ้น บริเวณดังกล่าวจะเจริญมาก
181
แนว 5A
(สตูล - สงขลา)
1. ผลการศึ ก ษาโครงการ โดย TAMS และRRNA
ข้อสนับสนุนแนวคลอง 5A ประกอบด้วย ในปี พ.ศ. 2515
1. ผลการศึ ก ษาโครงการ โดย TAMS และ - คลองมีความยาว 222 กิโลเมตร
RRNA ในปีพ.ศ. 2515 - ความกว้าง 490 เมตร สาหรับสองช่องทางเดินเรือ
2. ผลการศึ ก ษาโครงการพั ฒ นาคาบสมุ ท ร - วิ ธี ก ารขุ ด ใช้ เ ทคโนโลยี ธ รรมดา ไม่ ใ ช้ ร ะเบิ ด
แหลมทอง ในปี พ.ศ. 2528 และ นิวเคลียร์
3. ผลการศึกษาโครงการ โดย อชวท. ในปี
2. ผลการศึกษาโครงการ โดย อชวท. ในปี พ.ศ. 2530
พ.ศ. 2530
- คลองมีความยาว 102 กิโลเมตรจากเหนือจังหวัด
สตู ล และตรั ง ผ่ า นทะเลสาบสงขลาไปออกจั ง หวั ด
สงขลา
182
แนว 9A
(นครศรีธรรมราช-พัทลุง-ตรัง)
- คลองมีความยาว 120 กิโลเมตร
ข้อสนับสนุนแนวคลอง 9A คือ ผลการศึกษา
- คลองคู่ ข นานกั น เป็ น คลองบนและคลอง ล่ า ง
ของคณะ กรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความ
เพื่อการสัญจรทางเดียว
เป็ น ไปได้ ข องโครงการขุ ด คอคอดกระ โดย
- ความกว้างคลองละ 350 เมตร
คณะกรรมาธิ ก ารวิ ส ามั ญ เพื่ อ ศึ ก ษาความ
- หน้าจุดกลับเรือกว้าง 500 เมตร
เป็ น ไปได้ ข องโครงการขุ ด ค อคอดกระ
- ความลึก 30 เมตร
สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2547
- วิธีการขุด ใช้เทคโนโลยีธรรมดา ไม่ใช้ปรมาณู
และเป็ น เส้ น ทางที่ ไ ด้ รั บ การอนุ มั ติ จ าก
การประชุ มวุ ฒิส ภา เมื่ อ วัน ที่ 24 มิ ถุน ายน
2548 ว่ามีความเหมาะสมที่สุด โดยให้เรียกว่า
“คลองไทย”
แนว KT
(สุราษฎร์ธานี - พังงา)
- คลองมีความยาว 160 กิโลเมตร
ข้อสนับสนุนแนวคลอง KT คือ ผลการศึกษา - ความกว้างตั้งแต่ 200 - 400 เมตร
โครงการ โดยมู ล นิ ธิ คลองไทย ในปี พ.ศ. - ความลึก 14 เมตร
2546 - 2554
183
ภาพที่ 7 แสดงแนวคลอง 9A
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย, “ปลุกผี ขุดคลองไทย " แนว 9 A" ตัดผ่าน 5 จังหวัด”, สืบค้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560,
https://news.thaipbs.or.th/content/262482
185
ภาพที่ 8 แสดงแนวคลอง KT
Engineering Today, “เ ส น อ โ ค ร ง ก า ร ค ล อ ง ก ร ะ 2 5 5 7 The Proposal of Kra Canal”, สื บ ค้ น เ มื่ อ วั น ที่ 3 0 ก ร ก ฎ า ค ม 2 5 6 0 ,
http://www.engineeringtoday.net/download/Proposal-Kra-Canal.pdf
186
3. ข้อเสนอเกี่ยวกับการลงทุนดาเนินโครงการ
แหล่งที่มา รัฐบาลลงทุนเอง รัฐบาลให้เอกชนไทยร่วมลงทุน รับการลงทุนจากต่างชาติ
1. บั น ทึ ก ข้ อ เสนอเรื่ อ ง
สนับสนุนให้รัฐบาลไทยขุดคลองไทย
การขุ ด คอคอดกระ ของ
ภายใต้เงื่อนไขว่ ารัฐ บาลต้องใช้เงิน
นายปรีดี พนมยงค์
ของรั ฐ บาลไทยเอง เพื่ อ รั ก ษา
อธิปไตยทางเศรษฐกิจ
2. การประชุ ม สมั ช ชา
เชิ ญ ชวนประเทศเพื่ อ นบ้ า นเข้ า มาร่ ว ม
วิชาการ ประจาปี 2529
ลงทุน เพื่อประสานความร่วมมือระหว่าง
โครงการคลองกระและ
ประเทศ โดยโครงการมี ป ระโยชน์
การพั ฒ นาคาบสมุ ท ร
เอนกประสงค์ ห ลายอย่ า ง และสู ง ยิ่ ง
แหลมทอง
ของโลก จึงไม่มีมหาอานาจใดจะเข้า มา
ครอบงาอย่างเด็ดขาดได้
187
4. ผลการศึ ก ษา ของ
รั ฐ บาลต้ อ งพยายามระดมเงิ น และ
อวทช. ในปี พ.ศ. 2530
ทรัพยากรทั้งหมดที่มี อยู่จากภายใน
ประเทศก่อน และหากไม่เพียงพอจึง
ค่อยกระจายการระดมทุนออกไปยัง
หลายประเทศ เพื่อไม่ให้ประเทศใด
ประเทศหนึ่ ง มี ส่ ว นหรื อ มี อิ ท ธิ พ ล
เหนือคลองมากจนเกินไป
188
6. ผลการศึกษาโครงการ
รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด และ
โดยมูลนิธิ คลองไทย ในปี - รัฐบาลและเอกชนเข้าร่วมหุ้นกันในลักษณะ Joint venture หรือ Consortium
ให้เอกชนมาเช่า
พ.ศ. 2546 - 2554 - รัฐบาลเชิญให้เอกชนมาลงทุนในลักษณะ Turn-Key
- รัฐให้เอกชนมาลงทุนในลักษณะ BOT ( Built - Operate - Transfer)
- รัฐให้เอกชนมาลงทุนแบบสัมปทาน BTO คือ ผู้ลงทุนทาการก่อสร้ างเสร็จแล้วยก
กรรมสิทธิ์ให้รัฐบาล หลังจากนั้นก็ร่วมการบริหารภายในระยะเวลาที่กาหนด โดยแบ่ง
ภาระที่มีต่อกัน
189
4. สภาพปัญหาและข้อพิจารณาในการดาเนินโครงการ
ผลการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Pre - Feasibility Study) หลายครั้งที่ผ่านมาได้มีการนาเสนอปัญหาและ
ข้อพิจารณา 7 ประการ ดังต่อไปนี้
1. ปัญหาเรื่องเงินลงทุน
2. ปัญหาเกี่ยวกับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
3. ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ
4. ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ และการบริหารจัดการ
5. ปัญหาด้านกฎหมาย
6. ปัญหาเรื่องความมั่นคง และการแบ่งแยกดินแดน
7. ปัญหาด้านประชากร และสิ่งแวดล้อม
การเมือง ผลประโยชน์ /
ด้านเงิน ความ ด้าน ความ ประชากร /
ผู้นาเสนอ / ปัญหา ระหว่าง การบริหาร
ลงทุน คุ้มทุน กฎหมาย มั่นคง สิ่งแวดล้อม
ประเทศ จัดการ
1. การศึกษาโครงการ
โดย TAMS และ RRNA
ในปี พ.ศ. 2515
2. การศึกษาโครงการ
พัฒนาคาบสมุทร
แหลมทอง โดย
ชมรมนักศึกษา วปอ.
ในปี พ.ศ. 2528
3. การศึกษาโครงการ
โดย อชวท.
ในปี พ.ศ. 2530
การเมือง ผลประโยชน์ /
ด้าน ความ ด้าน ความ ประชากร /
ผู้นาเสนอ / ปัญหา ระหว่าง การบริหาร
เงิน คุ้มทุน กฎหมาย มั่นคง สิ่งแวดล้อม
ประเทศ จัดการ
ลงทุน
4. การศึกษาความ
เป็นไปได้ทางสังคม
โดย สถาบันวิจัยสังคม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในปี พ.ศ. 2533
5. การศึกษา
ความเป็นไปได้ด้าน
พาณิชย์และกายภาพ โดย
สถาบันพาณิชย์นาวี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในปี พ.ศ. 2542
6. รายงานของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญ
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้
โครงการขุดคอคอดกระ
สานักงานเลขาธิการ
วุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2548
7. การศึกษาโครงการ
โดย มูลนิธคิ ลองไทย
ในปี พ.ศ.2546 - 2554
หมายถึง มีการกล่าวถึงประเด็นปัญหาและข้อพิจารณาในด้านนั้น
การเมือง
ด้านเงิน ผลประโยชน์ / ด้าน ความ ด้าน
ผู้นาเสนอ / ปัญหา ความคุ้มทุน ระหว่าง ข้อพิจารณาอืน่ ๆ
ลงทุน การบริหารจัดการ กฎหมาย มั่นคง สิ่งแวดล้อม
ประเทศ
6. ผู้ให้บริการรับขนของ - พิธีศุลกากร
ทางทะเล (สายเรือ) - ด้านวิศวกรรม
BSAA - ความสามารถในการ
(Bangkok Shipowner แข่งขันกับสิงคโปร์
and Agent Association) และมาเลเซีย
7. ผลสรุปการวิเคราะห์
เอกสารทางวิชาการ และ
บทความที่เกีย่ วข้อง
ของกองทัพเรือ
หมายถึง มีการกล่าวถึงประเด็นปัญหาและข้อพิจารณาในด้านนั้น
193
6.2 ข้อเสนอแนะ
สาหรับการพิจารณาลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยง
สูง เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนจานวนมหาศาล ดังเช่นโครงการคลองไทย ผู้มีอานาจตัดสินใจอาจต้อง
พิจารณาระดับของความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ เนื่องจาก
เหตุการณ์ในอนาคตล้วนเป็นสิ่งไม่แน่นอน และปัจจัยทางสังคมต่าง ๆ ล้วนส่งผลกระทบให้เกิดความ
เสี่ยงในด้านต่าง ๆ เสมอ ซึ่งโดยหลักแล้วสามารถจัดแบ่งระดับความเสี่ยงโครงการได้เป็น 3 ระดับ1
1. ระดับความเสี่ยงมากจนไม่อาจคาดหวังผลกาไรได้เลย หมายถึง กรณีที่ไม่ควรเสี่ยงต่อ
ผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงการนั้น
1
คณะเศรฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, “บทที่ 5 การวิเคราะห์โครงการภายใต้
ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน”, สืบค้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560, http://fuangfah.econ.cmu.
ac.th
อานวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการศึกษากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญของ
สาธารณรัฐปานามา และบริบทของสังคมไทย โดยเทียบเคียงองค์กรที่เป็นองค์กรอิสระและมีรายได้
ตลอดจนภาระหน้าที่ในการกากับดูแล บริหารงาน และจัดสรรผลประโยชน์ทางการเงินเป็นของตนเอง
คื อ คณะกรรมการกิ จ การกระจายเสี ย ง กิ จ การโทรทั ศ น์ และกิ จ การโทรคมนาคมแห่ ง ชาติ
ตามพระราชบัญ ญั ติอ งค์ กรจั ดสรรคลื่นความถี่แ ละก ากับ การประกอบกิ จการวิท ยุก ระจายเสีย ง
วิ ท ยุ โ ทรทั ศ น์ และกิ จ การโทรคมนาคม ผู้ เ ขี ย นเห็ น ควรว่ า หากรั ฐ บาลตั ด สิ น ใจด าเนิ น โครงการ
คลองไทย นอกจากประเด็นกฎหมายการลงทุนดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว รัฐบาลยังสมควรที่จะต้อง
จัดเตรียมกฎหมายที่จะใช้ในการบริหารงานและหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบกากับดูแลไว้ล่วงหน้า
ด้วยเหตุทั้งหลายดังที่กล่าวมาแล้ ว ผู้เขียนจึงเห็นควรให้มีการจัดทาร่างพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย พ.ศ.... โดยผู้เขียนได้จัดทาร่างขึ้นเพื่อเป็นแนวทาง
จานวน 10 หมวด รวมทั้งสิ้น 82 มาตรา ประกอบด้วย
หมวดที่ 1 ว่าด้วย คณะกรรมการผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
หมวดที่ 2 ว่าด้วย ทรัพย์สิน การเงิน และการกากับดูแลองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
หมวดที่ 3 ว่าด้วย ความสัมพันธ์กับรัฐบาลและรัฐสภา
หมวดที่ 4 ว่าด้วย เรือและการเดินเรือ
หมวดที่ 5 ว่าด้วย คณะกรรมการตรวจสอบและติดตาม
หมวดที่ 6 ว่าด้วย ค่าเสียหายที่เกิดจากการเดินเรือในคลองไทย
หมวดที่ 7 ว่าด้วย การกาหนดค่าผ่านทาง และอัตราค่าบริการที่เกี่ยวข้อง
หมวดที่ 8 ว่าด้วย แรงงานสัมพันธ์ และการบริหารงานบุคคล
หมวดที่ 9 ว่าด้วย การบารุงรักษาคลอง
หมวดที่ 10 ว่าด้วย การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้า
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย พ.ศ....2
บันทึกหลักการและเหตุผล
ประกอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยองค์กรผูม้ ีอานาจบริหารจัดการคลองไทย พ.ศ....
หลักการ
ให้มีกฎหมายว่าด้วยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
เหตุผล
เนื่องจากการดาเนินงานต่าง ๆ ของโครงการคลองไทยล้วนต้องข้องเกี่ยวกับเงินจานวนมาก
และบุคคลหลายภาคส่วน หากมิได้มีมาตรการที่เหมาะสมในการกากับควบคุมตลอดจนองค์กรที่ทา
หน้าที่ โดยตรงในการกากับดูแลให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพย่อมนามาซึ่งความ
เสียหายต่อผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของประเทศ อีกทั้งในการดาเนินโครงการคลองไทย รายได้จากการ
ดาเนินการจะต้องถูกจัดสรรเพื่อใช้สาหรับการบริหารงานหลายด้าน ประกอบด้วย การบริหารงาน
บุคคล การใช้สอยและบารุงรักษา การดูแลด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลรักษาความปลอดภัย ตลอดจน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบางครั้งอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ รีบร้อนต่อการตัดสินใจและอนุมัติ ดังนั้น
เพื่อให้การดาเนินการของโครงการคลองไทยเป็นไปอย่างคล่องตัว รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ต้องมี
การบัญญัติกฎหมายที่ให้อานาจแก่องค์กรที่ทาหน้าที่กากับดูแลโครงการคลองไทยให้สามารถบริหาร
จัดการด้านการเงินของโครงการได้อย่างเป็นเอกเทศโดยไม่ผูกพันต่อกฎหมายว่าด้วยการคลังแผ่นดิน
จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้
2
รู ป แบบและสาระส าคั ญ เป็ น ไปตามแนวทางการร่ า งกฎหมายของส านั ก งาน
คณะกรรมการกฤษฎีกา โปรดดู สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา Office of the council of state,
คู่มือแบบการร่างกฎหมาย Legislative Drafting Manual, (กรุงเทพฯ : สานักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกา, 2551)
ร่างพระราชบัญญัติ
ว่าด้วยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย พ.ศ....
.......................................
.......................................
.......................................
....................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
โดยที่เป็นการสมควรมีพระราชบัญญัติว่าด้วยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลอง
ไทย
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของ
บุ ค คล ซึ่ ง มาตรา ๒๖ ประกอบกั บ มาตรา๓๖ มาตรา๔๐ และมาตรา๔๔ ของรั ฐ ธรรมนู ญ แห่ ง
ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย3
3
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
มาตรา ๒๖ การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้อง
เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมาย
ดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่
เหตุและจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจาเป็นใน
การจากัดสิทธิและเสรีภาพไว้ด้วย
กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้ใ ช้บังคับแก่
กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง
มาตรา ๓๖ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารถึงกันไม่ว่าในทางใดๆ
การตรวจ การกัก หรือการเปิดเผยข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกัน รวมทั้งการกระทา
ด้วยประการใดๆเพื่อให้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกันจะกระทามิได้ เว้นแต่มีคาสั่งหรือ
หมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา ๔๐ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
การจ ากั ด เสรี ภ าพตามวรรคหนึ่ ง จะกระท ามิ ไ ด้ เว้ น แต่ โ ดยอาศั ย อ านาจตาม
บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ การแข่งขันอย่าง
..................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
........................................
มาตรา ๑ พระราชบั ญ ญั ตินี้ เ รี ย กว่ า “พระราชบั ญ ญั ติ ว่ า ด้ ว ยองค์ก รผู้ มี อ านาจ
บริหารจัดการคลองไทย พ.ศ. ...”4
คลองปานามา โดยอัตราค่าผ่านทางนี้จะถูกกาหนดโดยองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา
และจะต้องไม่น้อยกว่าจานวนที่จ่ายให้กับสาธารณรัฐปานามาในช่วง ๓๑ ธันวาคม ๑๙๙๙
ด้วยเหตุผลในการขนส่งสินค้าผ่านคลองปานามา เรือ สินค้า ผู้โดยสาร เจ้าของเรือ
ผู้ประกอบการ หรือผู้ดาเนินการไม่จาต้องต้องเสียภาษีทั้งในระดับชาติ หรือระดับเทศบาล ในลักษณะ
เดียวกันกับองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา
มาตรา ๓๒๒ องค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาอยู่ภายใต้การจ้างงานแบบ
พิเศษ บนพื้นฐานของระบบคุณธรรม และใช้ระบบการจ้างงานแบบทั่วไปซึ่งวางหลักเกณฑ์เงื่อนไขการ
จ้างงานและสิทธิขั้นพื้นฐานไว้ตามที่ปรากฏเมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๑๙๙๙
ลูกจ้างทุกคนตลอดจนบุคคลที่ต้องเกษียณพิเศษในปีนั้นตามข้อบังคับในบทบัญญัติ
จะได้รับการประกันสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขของการจ้างงานไปจนถึงวันเกษียณ
องค์ ก รผู้ มี อ านาจรั บ ผิ ด ชอบคลองปานามาสามารถจ้ า งงานชาวปานามา ทั้ ง นี้
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอาจมีการบัญญัติควบคุมการจ้างงานชาวต่างชาติ โดยประกันว่าจะไม่
ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงื่อนไขหรือมาตรฐานการครองชีพของแรงงานชาวปานามา และเมื่อ
คานึงถึงความสาคัญในการจัดการบริการสาธารณะของคลองปานามา การบริหารจัดการคลองจะต้อง
ไม่ถูกรบกวนขัดขวางไม่วา่ ด้วยเหตุใดๆ
ความขัดแย้งใดๆเกี่ยวกับแรงงานระหว่างลูกจ้างของคลองปานามาและผู้บริหารจะ
ได้รับการแก้ไขโดยแรงงานหรือสหภาพแรงงานผ่านกลไกของกฎหมายเพื่อจัดการกับความขัดแย้ง
เหล่านั้น โดยอนุญาโตตุลาการนับเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ใช้ในการจัดการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
มาตรา ๓๒๓ ระบบการบริหารจัดการตามหมวดนี้ให้ดาเนินการตามกฎหมายที่
กาหนดไว้เป็นนโยบายทั่วไป โดยองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาจะเป็นผู้ควบคุมระบบ
บริหารจัดการเหล่านี้และส่งต่อสาเนากฎระเบียบใดๆที่เกี่ยวกับการใช้อานาจบริหารจัดการตามหมวด
นีไ้ ปยังฝ่ายนิตบิ ญ
ั ญัตภิ ายในระยะเวลา ๑๕วัน
สาหรับองค์กรตามกฎหมายไทยที่มีลักษณะเป็นองค์กรอิสระซึ่งได้รับอานาจตาม
รั ฐ ธรรมนู ญ และมี อ านาจหน้ า ที่ ใ นการบริ ห ารจั ด การกิ จ การ ซึ่ ง รวมถึ ง ผลประโยชน์ บุ ค ลากร
งบประมาณ และการเงิน เป็นของตนเอง ในลักษณะที่อาจเทียบได้กับองค์กผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองปานามา ผู้เขียนมองว่าองค์กรดังกล่าว คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิ จการโทรคมนาคมแห่ งชาติ ตามพระราชบั ญ ญั ติ องค์ กรจั ดสรรคลื่ นความถี่ และกากั บการ
ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทั ศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งจะนามา
เป็นหลักในการพิจารณาเปรียบเทียบควบคู่กับ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่ององค์กรผู้มีอานาจ
หมวด ๑
คณะกรรมการผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
ส่วนที่ ๑
องค์ประกอบ คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของกรรมการ
มาตรา ๕ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยเป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
การจัดการ การบารุงรักษา การใช้สอย และการอนุรักษ์ทรัพยากรของลุ่มน้าคลองไทย เพื่อการ
ปกป้องทรัพยากรนี้องค์กรผู้มีอานาจจะต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ไม่ว่ าจะ
เป็นหน่วยงานรัฐหรือองค์กรเอกชนที่รับผิดชอบ และมีผลประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติในลุ่มน้า
คลองไทย การจัดการ สงวนรักษา และใช้สอยทรัพยากรธรรมชาติในลุ่มน้าคลองไทย ตลอดจนการ
อนุมัติแผนยุทธศาสตร์ นโยบาย โปรแกรม และโครงการ ไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือเอกชนที่อาจ
ส่งผลกระทบต่อลุ่มน้าคลองไทย
องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ
ที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตาม
กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น และอยู่ภายใต้การกากับดูแลของคณะกรรมการ7
คณะกรรมการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยสามารถแต่งตั้งและ
ควบคุมกรรมการของสถาบันกากับดูแลพื้นที่ลุ่มน้าคลองไทย ซึ่งทางานโดยประสานงานกับหน่วยงาน
ของรัฐและองค์กรเอกชน
มาตรา ๖ คณะกรรมการผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยมีจานวนสิบเอ็ด คน8
ประกอบด้วย
7 บทบัญญัติลักษณะนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร
คลื่นความถี่และกากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕๖
8 คณะกรรมการจานวนสิบเอ็ดคน เป็นจานวนที่เท่ากับขององค์กรผู้มีอานาจบริหาร
(๑) รั ฐ มนตรี ซึ่ ง ได้ รั บ แต่ ง ตั้ ง จากนายกรั ฐ มนตรี ใ ห้ เ ป็ น ประธานในที่ ป ระชุ ม
คณะกรรมการ จานวนหนึง่ คน9
(๒) ผู้ ที่ มี ผ ลงานหรื อ มี ค วามรู้ แ ละมี ค วามเชี่ ย วชาญหรื อ ประสบการณ์ ด้ า น
วิศวกรรมโยธา อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย จานวนหนึ่งคน10
(๓) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านกฎหมาย
ด้านเศรษฐศาสตร์ อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย ด้านละสองคน
(๔) ผู้ที่มี ผลงานหรือมีความรู้และมี ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านการ
คุ้มครองสวัสดิภาพแรงงาน อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย จานวนหนึง่ คน
(๕) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมี ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านระบบ
โลจิสติกส์ อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย จานวนหนึ่งคน
(๖) ผู้ ที่ มี ผ ลงานหรื อ มี ค วามรู้ แ ละมี ค วามเชี่ ย วชาญหรื อ ประสบการณ์ ด้ า น
สิ่งแวดล้อม อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย จานวนหนึ่งคน
(๗) ผู้ ที่ มี ผ ลงานหรื อ มี ค วามรู้ แ ละมี ค วามเชี่ ย วชาญหรื อ ประสบการณ์ ด้ า น
รัฐศาสตร์ อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการคลองไทย จานวนหนึ่งคน
พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ
โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗ ข.
ส่วนที่ ๒
การได้มาซึ่งรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ
มาตรา ๙ ในการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการผู้มีอานาจบริหารจัดการคลอง
ไทย ให้มีคณะกรรมการสรรหากรรมการคณะหนึ่ง มีจานวน ๑๐ คน ทาหน้าที่คัดเลือกผู้สมควรได้รับ
เลือกเป็นกรรมการ ประกอบด้วย15
(๑) ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(๒) ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
(๓) ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(๔) ปลัดกระทรวงกลาโหม
(๕) ปลัดกระทรวงคมนาคม
(๖) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
(๗) อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
(๘) อธิบดีกรมเจ้าท่า
(๙) ประธานคณะกรรมการการท่าเรือ
(๑๐) นายกสภาวิศวกร
ให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการสรร
หา และคัดเลือกกรรมการสรรหาอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา
ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาในตาแหน่งใดหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้า
กรรมการสรรหาที่เหลืออยู่นั้นมีจานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วย
กรรมการสรรหาที่เหลืออยู่
มาตรา ๑๐ ในการดาเนินการคัดเลือกกรรมการตามส่วนนี้ให้สานักงานเลขาธิการ
วุฒิสภาประกาศการเปิดรับสมัครบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๖ ให้ทราบเป็นการทั่วไปอย่างน้อย
สามสิบวันติดต่อกัน16
ห้ามมิให้บุคคลซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการสรรหา ตามมาตรา ๘ เสนอชื่อ
ตนเอง หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตนโดยเป็นญาติสืบสายโลหิต สี่ลาดับชั้นหรือญาติของคู่สมรส
สองลาดับชั้น17 เมื่ อ พ้ น ก าหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ ง แล้ ว ให้ ค ณะกรรมการสรรหา
พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นกรรมการให้ได้จานวนสองเท่าของจานวนกรรมการ
ตามมาตรา ๖ (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖)18
ส่วนที่ ๓
วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหน่งของกรรมการ
มาตรา ๑๑ การแต่งตั้งคณะกรรมการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
ให้กรรมการแต่ละคนมีวาระการดารงตาแหน่ง ๖ ปี19
อนึ่งสาหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการในครั้งแรกให้แต่งตั้งกรรมการจานวน ๓ คน มี
วาระการดารงตาแหน่งคนละ ๓ ปี จานวนอีก ๓ คน มีวาระการดารงตาแหน่งคนละ ๖ ปี และ ๓ คน
16 บทบัญญัติลักษณะนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร
คลื่นความถี่และกากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทั ศน์ และกิจการโทรคมนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๕ วรรคแรก
17 เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
18 บทบัญญัติลักษณะนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร
ส่วนที่ ๔
การประชุม และอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
มาตรา ๑๓ กรรมการได้รับเบี้ยประชุมสาหรับการเข้าประชุมคณะกรรมการแต่ละ
ครั้งเท่านั้น22
ภาระหน้าที่ในการกาหนดนโยบายหรือการวางแผนงานเท่านั้น แต่มิได้มีภาระหน้าที่ในทางปฏิบัติหรือ
ต้องลงมือปฏิบัติ จึงไม่จาเป็นต้องมีเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง หรือเงินสนับสนุนอื่นนอกเหนือไปจากเบี้ย
ในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา
กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลอง
ปานามาขึ้น” มาตรา ๑๖
24 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นเรื่องการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อัน เป็นไป
ในลั ก ษณะเดี ย วกั บ พระราชบั ญ ญั ติ อ งค์ ก รจั ด สรรคลื่ น ความถี่ แ ละก ากั บ การประกอบกิ จ การ
วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๓ วรรคสอง
25 บทบัญญัติ ในมาตรานี้ เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
(๒) ปรึกษาหารือกับผู้บริหารและตัดสินใจเรื่องระบบการวัดปริมาตรเรือ
(๓) กาหนดอัตราค่าผ่านทาง ค่าธรรมเนียม และค่าบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
ใช้คลองไทย ภายใต้การอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
(๔) นาเสนองบประมาณประจาปี ตลอดจนรายละเอียดหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
เกี่ยวกับโครงการคลองไทย โดยต้องจัดเตรียมและนาเสนอสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและนาเข้า
สู่การพิจารณาของรัฐสภาตามลาดับ
(๕) อนุมัติข้อเสนอของผู้บริหารในเรื่องการกู้ยืมเงินหรือการก่อให้เกิดภาระผูกพัน
ทางหนี้
(๖) ดาเนินตามนโยบาย แผนการ หรือโครงการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดาเนินการของคลองสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ของฝ่าย
บริหาร
(๗) ดาเนินนโยบายที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม หรือบริการ
ใด ๆ ซึ่งส่งเสริมการดาเนินการของคลอง ไม่ว่าจะเป็นการดาเนินการโดยตรงขององค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทยหรือผ่านบุคคลภายนอกที่ได้รับสัมปทานก็ตาม
(๘) ดาเนินนโยบายในด้านบริหาร วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างขีด
ความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกาไรของคลองไทย ตลอดจนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(๙) อนุมัติการจ่ายค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอก สาหรับความเสียหายที่มีจานวน
เกินกว่าที่ผู้บริหารจะสามารถอนุมัติได้ตามระเบียบ
(๑๐) กากับดูแลการปฏิบัติงานของผู้บริหาร
(๑๑) ยืนยันการนัดประชุมที่ผู้บริหารนัดหมายบรรดาหัวหน้าสานักงานต่าง ๆ
(๑๒) อนุมัติการฝากเงินทุนขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยในสถาบัน
การเงินเอกชนหรือธนาคาร
(๑๓) แต่งตั้งและมอบหมายหน้าที่ให้คณะอนุกรรมการ
(๑๔) ออกระเบียบ
(๑๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกาหนด
27 บทบัญญัติในมาตรานี้ เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๑๖ (เอ) ถึง (เอ็ญ)
(๗) ระเบี ย บเกี่ ย วกั บ หลั ก เกณฑ์ แ ละวิ ธี ก ารในการให้ บ ริ ก ารและจ าหน่ า ยซึ่ ง
สังหาริมทรัพย์ขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย แก่รัฐบาล องค์กรอิสระ เทศบาล องค์กร
เอกชน บริษัทเอกชน หรือภาคประชาสังคม
(๘) ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับสัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย หรือการโอนกรรมสิทธิ์
ตลอดจนสัญญาที่ให้สัมปทานอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองไทยแก่บุคคลภายนอก เมื่ อทรัพย์นั้นมิได้ใช้สอย ล้าสมัย หมดความจาเป็นหรือ หมดความ
เหมาะสมในการจัดการ บริหาร พัฒนา บารุงรักษา หรือพัฒนาคลองไทยให้มีความทันสมัย
(๙) ระเบียบเกี่ยวกับข้อกาหนดกฎหมายเพื่อการรักษาระบบนิเวศ ในลักษณะที่จะ
ไม่ส่งผลกระทบต่อการดาเนินงานของคลอง
(๑๐) ระเบียบเกี่ยวกับการเฝ้าระวังและการรักษาความปลอดภัยของคลอง
(๑๑) ระเบียบเกี่ยวกับการกาหนดค่าผ่านทาง อัตรา และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ
โดยผู้มีอานาจ และผู้รับสัมปทานสาหรับการเดินเรือผ่านคลองตลอดจนบริการที่เกี่ยวข้อง
(๑๒) ระเบียบเกี่ยวกับการแต่งตั้งและกาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่
บริหารงานคลองไทย ตลอดจนองค์กรที่ปฏิบัติงานและมีหน้าที่ในสานักงานและหน่วยงานต่าง ๆ ของ
องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
(๑๓) ระเบียบเกี่ยวกับการสุขาภิบาล สุขภาพ และความปลอดภัยในการขนส่งของ
เรือและบริเวณพื้นที่ซึ่งสงวนไว้สาหรับการดาเนินงานของคลองไทย
(๑๔) ระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดการและบันทึกข้อมูลเพื่อการ
จ่ายเงินอย่างเหมาะสมและจาเป็น ตลอดจนการรับรองสาเนาเอกสารนโยบายและธุรกรรมขององค์กร
ผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
(๑๕) ระเบียบสาหรับการใช้งานบริเวณพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินงานของคลอง
ไทย การกาหนดขอบเขตของลุ่มน้าคลองไทย และจัดทาความคิดเห็นในการกาหนดเขตแดนเพื่อขอ
อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
28 บทบัญญัติในมาตรานี้ เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๒๑
ส่วนที่ ๕
อานาจหน้าที่ของผู้บริหารและรองผู้บริหาร
29
บทบัญญัติในมาตรานี้ วรรคแรกและวรรคสองเป็นเรื่องของ “ผู้บริหารคลองไทย”
ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ มีเงินเดือน และเป็นผู้แทนนิติบุคคลขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองไทย ซึ่งมิใช่กรรมการในคณะกรรมการตามบทบัญญัติในส่วนที่ ๔
30 เพื่ อ ให้ เ กิ ด ความโปร่ ง ใสและป้ อ งกั น ผลประโยชน์ ทั บ ซ้ อ น เช่ น เดี ย วกั น กั บ
บทบัญญัติมาตรา ๑๐ วรรคสอง
31 บทบั ญญั ติใ นมาตรานี้เ ป็น ไปในลั กษณะเดี ยวกับ พระราชบั ญญั ติอ งค์ กรจัด สรร
มาตรา ๒๑ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารให้เป็นไปตามมาตรา ๗
และ มาตรา ๘
มาตรา ๒๒ ผู้บริหารมีอานาจหน้าที่ดังต่อไปนี32้
(๑) เป็นผู้แทนขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยในการดาเนินการทาง
ศาล หรือในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ
(๒) ดาเนินการตามมติของคณะกรรมการ
(๓) กาหนดเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ ตลอดจนการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อน
ขั้น ดาเนินการทางวินัย และถอดถอนเจ้าพนักงานขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
ผู้ปฏิบัติงานในตาแหน่งที่ได้รับความไว้วางใจ และแรงงานที่มิได้มีความรับผิดขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ
ทั้งนี้โดยเป็นไปตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายนี้ ระเบียบ และข้อตกลง
(๔) ร่างงบประมาณประจาปีและเอกสารภาคผนวกทางบัญชีเพิ่มเติมขององค์กรผู้
มี อ านาจ เกี่ ย วกั บ กิ จ กรรมและโครงการขององค์ ก รผู้ มี อ านาจ เพื่ อ น าเสนอสู่ ก ารพิ จ ารณาของ
คณะกรรมการ
(๕) จัดทารายงานตามระยะเวลาเสนอต่อคณะกรรมการ เพื่อใช้ในการพัฒนา
กิจกรรมและโครงการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยและเป็นแนวทางในการใช้จ่ายเงิน
งบประมาณด้านอื่น ๆ
(๖) ร่ า งระเบี ย บส าหรั บ การดาเนิน การและปรั บปรุ งคลองให้มี ค วามทัน สมั ย
เหมาะสม และนาเสนอสู่การพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการ
(๗) เข้าไปมีส่วนร่วมและตัดสินใจในการทานิติกรรมสัญญาที่องค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทยเป็นคู่สัญญา
(๘) อนุมัติการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอก สาหรับความเสียหายที่
เกิดจากการที่เรือประสบอุบัติเหตุระหว่างสัญจรในคลอง โดยการชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวจากัดอยู่
ภายใต้จานวนเงินที่กาหนดโดยคณะกรรมการ
32 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๒๕
ส่วนที่ ๖
อานาจหน้าที่ของผู้ตรวจการ
33 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๒๖
34 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนู ญ
ผู้ตรวจการจะต้องปฏิบัติการส่งเสริมเศรษฐกิจตลอดจนความมีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลในการบริหารงาน ป้องกันตรวจสอบการทุจริตละเมิดกฎหมายและเสนอนโยบายที่จะ
ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ดังกล่าว35
มาตรา ๒๖ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ตรวจการให้เป็นไปตามมาตรา ๗
และมาตรา ๘
ในระหว่างที่ดารงตาแหน่งผู้ตรวจการจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารหรือรอง
ผู้บริหาร ตลอดจนญาติสืบสายโลหิตในสี่ลาดับชั้น หรือญาติของคู่สมรสในสองลาดับชั้นของผู้บริหาร
หรือรองผู้บริหาร36
มาตรา ๒๗ ผู้ตรวจการจะต้องเสนอรายงานและอยู่ภายใต้การกากับดูแลทั่วไปของ
คณะกรรมการแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่จาต้องอยู่ภายใต้การกากับดูแลของเจ้าพนักงานอื่นใดขององค์กร
ผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย37
35 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๒๘
36 บทบัญญัติในมาตรานี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกั นผลประโยชน์ทับซ้อน
อันเป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลอง
ปานามา กฎหมายฉบั บที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจั ดตั้งองค์ก รผู้มีอานาจ
รับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๒๙
37 บทบั ญ ญั ติ ใ นมาตรานี้ เ พื่ อ ให้ ผู้ ต รวจการมี ค วามเป็ น อิ ส ระและคล่ อ งตั ว ในการ
ปฏิ บั ติ ง าน อั น เป็ น ไปในลั ก ษณะเดี ย วกั บ กฎหมายประกอบรั ฐ ธรรมนู ญ เรื่ อ งองค์ ก รผู้ มี อ านาจ
รับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้
มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๐
มาตรา ๒๘ ผู้ตรวจการมีภารกิจดังต่อไปนี้38
(๑) พัฒนานโยบายสาหรับการควบคุม ปฏิบัติการ สารวจ ตลอดจนประสานงาน
ตรวจสอบและสอบสวนกระบวนการดาเนินงานของคลอง
(๒) ทบทวนกฎหมายปัจ จุบันและกฎหมายในอนาคต ระเบียบ และขั้นตอนที่
เกี่ ย วข้ อ งกั บ การด าเนิ น งานขององค์ ก รผู้ มี อ านาจบริ ห ารจั ด การคลองไทย และให้ ค าแนะน าที่
เหมาะสมเกี่ยวกับผลกระทบจากการออกกฎหมายหรือระเบียบดังกล่าวต่อเศรษฐกิจและความมี
ประสิทธิภาพขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย หรือเพื่อป้องกันการทุจริต ความเสียหาย
การละเมิดกฎหมาย และความผิดปกติอื่น ๆ ขององค์กรผู้มีอานาจ
(๓) ควบคุมการสอบสวน ตรวจสอบ และทาการตัดสิน โดยเสนอรายงานผลการ
ตรวจสอบพร้อมแนวทางการดาเนินการแก้ไขต่อคณะกรรมการ
(๔) ส่งรายงานให้แก่คณะกรรมการเมื่อมีการทุจริต ความเสียหาย หรือการละเมิด
กฎหมาย และความผิดปกติอื่น ๆ ในการบริหารงานหรือการเงินขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองไทย
(๕) แต่งตั้งพนักงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ต่าง ๆ ของผู้ตรวจการ ซึ่งการคัดเลือกผู้มา
ปฏิบัติหน้าที่นี้ให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
(๖) รับการรายงานข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนการทุจริต ความเสียหาย
หรือการละเมิดกฎหมาย และความผิดปกติอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรผู้มีอานาจบริหาร
จัดการคลองไทย
(๗) ตรวจสอบกรณีที่จะนาไปสู่ความเสียหาย การละเมิดอานาจ การทุจริต การ
ละเมิดกฎหมายและระเบียบ ตลอดจนการกระทาที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือความปลอดภัย
สาธารณะ โดยผู้ตรวจการไม่จาต้ องเปิดเผยชื่อของเจ้าพนักงาน ผู้ปฏิบัติงานในตาแหน่งที่ได้รับความ
ไว้วางใจ แรงงาน หรือบุคคลอื่น เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะจาเป็นเพื่ อการชี้แจงข้อเท็จจริง
และเป็นการปฏิบัติตามกระบวนการ
(๘) เรียกข้อมูล เอกสาร รายงาน ประวัติ ตลอดจนข้อมูลหรือหลักฐานอื่น ๆ ที่
ต้องการ เนื่องจากเป็นสิ่งจาเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ซึ่งอาจเรียกจากแรงงาน ภาครัฐ และ
38 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๑
องค์กรเอกชน โดยหากเจ้าพนักงานฝ่าฝืนไม่ส่งมอบเอกสารตามที่เรียกร้องก็จะถูกบังคับโดยองค์กรผู้มี
อานาจบริหารจัดการคลองไทย
(๙) ผู้ตรวจการสามารถเข้าถึงบันทึก รายงาน การตรวจสอบบัญชี เอกสาร หนังสือ
รั บ รอง หรื อ เอกสารอื่ น ๆ ขององค์ ก รผู้ มี อ านาจบริ ห ารจั ด การคลองไทยที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ความ
รับผิดชอบของผู้ตรวจการ และแจ้งให้คณะกรรมการทราบหากถูกปฏิเสธหรือไม่ยอมให้เข้าถึงข้อมูล
ดังกล่าว ตลอดจนขอความช่วยเหลือเพื่อเข้าตรวจสอบข้อมูล
หมวด ๒
ทรัพย์สิน การเงิน และการกากับดูแลองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
ส่วนที่ ๑
ทรัพย์สินและงบประมาณ
39บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๓
(๔) ทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินงานของคลองไม่ว่าโดยตรงหรือโดย
อ้อม40 รวมถึงทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือได้เช่าเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกองทรัพย์สินตามมาตรานี้
(๕) รายได้จากการขายสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นทรัพย์ในกอง
ทรัพย์สินขององค์กรผูม้ ีอานาจบริหารจัดการคลองไทย ซึ่งถูกจาหน่ายไปเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวไม่
มีความจาเป็นสาหรับการดาเนินงานของคลองไทยอีกต่อไป
(๖) รายได้จากการใช้สถานที่ทาการหรือทรัพย์สิน ขององค์กรผู้มีอานาจบริหาร
จัดการคลองไทย ตลอดจนทรัพย์สินอื่น ๆ ตลอดแนวฝั่งคลอง น่านน้า รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง หรือที่
เป็นส่วนหนึ่งของกองทรัพย์สิน
(๗) ทรัพย์สิน สิทธิ หรือสินทรัพย์อื่นซึ่งกาหนดไว้โดยกฎหมาย เทศบาลท้องถิ่น
องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานในกากับของรัฐ แรงงาน หรือบริษัท ให้เป็นขององค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทย
(๘) รายได้หรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
เพื่อใช้ในการดาเนินงาน
(๙) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้41
ทรัพย์สินขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยไม่อยู่ในความรับผิดแห่ง
การบังคับคดี42
มาตรา ๓๐ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยจะต้องจัดทาบัญชีทรัพย์สิน
และประเมินราคาทรัพย์สินทั้งหมด โดยปรับปรุง บัญชีทรัพย์สินและประเมินราคาทรัพย์สิน ให้มีความ
ทันสมัย ตามรอบระยะเวลาที่คณะกรรมการกาหนด43
มาตรา ๓๑ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องดาเนินการตามแผนการ
เงิน ๓ ปี และระบบการบริหารควบคุมรายปี เว้นแต่มีเหตุจาเป็นเกี่ยวกับการพาณิชย์ นาวีระหว่าง
ประเทศอาจมีการเตรียมวางแผนการดาเนินการตามช่วงระยะเวลาที่ยาวกว่านั้นได้44
มาตรา ๓๒ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยจะต้องจัดเตรียมงบประมาณ
ประจาปีไว้ล่วงหน้า โดยระบุวันเริ่มต้นและสิ้นสุดปีงบประมาณไว้ในนั้น ซึ่งงบประมาณขององค์กรผู้มี
อานาจบริหารจัดการคลองไทยมีความเป็นเอกเทศจากงบประมาณแผ่นดิน ของรัฐบาลจึงมิให้นา
บทบัญญัติทั่วไปในเรื่องงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลมาใช้กับงบประมาณขององค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทย
ให้มีระเบียบซึ่งวางข้อกาหนดกลไกและขั้นตอนที่จาเป็นสาหรับการแก้ไขปัญหาใน
กรณีที่รายรับและรายจ่ายขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยขาดดุลหรืออาจจะขาดดุลใน
ปีงบประมาณ45
43 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๔
44 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
เป็นเอกเทศจากงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล เป็นไปโดยมีวัตถุประสงค์ให้การบริหารจัดการคลอง
ไทยเป็นไปอย่างคล่ องตัว และในบางกรณีที่เกิดปัญ หาฉับพลันก็จะสามารถแก้ไขปัญ หาได้อย่าง
ทันท่วงที โดยไม่จาต้องผูกพันต่อกระบวนการ ขั้นตอน และกฎหมายที่ว่าด้วยการคลังของแผ่นดินตาม
พระราชบัญญัติว่าด้วยงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลในแต่ละปี ซึ่งบทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปใน
ลั ก ษณะเดี ย วกั บ กฎหมายประกอบรั ฐ ธรรมนู ญ เรื่ อ งองค์ ก รผู้ มี อ านาจรั บ ผิ ด ชอบคลองปานามา
กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลอง
ปานามาขึ้น” มาตรา ๓๖
ส่วนที่ ๒
การนาส่งคลัง และการตรวจสอบควบคุมทางบัญชี
46 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๗
47 การกาหนดเช่นนี้เพื่อ คุ้มครองบุคคลภายนอกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ขององค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทย ให้ได้รับชาระหนี้อย่างถูกต้องตามกาหนดเวลา
48 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
มาตรา ๓๘ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
อากร และ ค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ยกเว้นเงินประกันสังคม เงินประกัน
ชีวิตเพื่อการศึกษา เงินทดแทนลูกจ้าง ค่าสาธารณูปโภค และเงินที่ต้องนาส่งคลังตามมาตรา ๓๕52
49 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๓๙
50 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
มาตรา ๓๙ เงินทุนขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยอาจนาไปใช้ในการ
ลงทุนตราสารระยะสั้น พันธบัตรของรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างชาติ หรือองค์กรเอกชน หรือให้กู้ยืมแก่
หน่วยงานเหล่านั้น53
มาตรา ๔๐ รัฐบาลไม่ผูกพันต่อรายได้รวมขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลอง
ไทย ในทางกลับกันองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยก็ไม่จาต้องให้ทรัพย์สิน ขององค์กรผู้มี
อานาจบริหารจัดการคลองไทยเพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมหรือการทาธุรกรรมทางการเงินของ
รัฐบาลหรือองค์กรอิสระ
อนึ่ง รัฐบาลไม่อาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรายได้ในอนาคตของคลองไทย54
53 เนื่องจากองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยมีอิสระทางการเงินและไม่
ผู ก พั น ตนต่ อ งบประมาณแผ่ น ดิ น ดั ง นั้ น ย่ อ มสามารถน าเงิ น กองทุ น ไปใช้ ล งทุ น เพื่ อ ให้ ไ ด้ รั บ
ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการ อนึ่ง บทบัญญัติใน
มาตรานี้ คล้ ายกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนูญ เรื่ององค์กรผู้มี อานาจรับ ผิดชอบคลองปานามา
กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลอง
ปานามาขึ้น” มาตรา ๔๔
54 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
มาตรา ๔๒ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยสามารถกู้ยืมหรือก่อภาระ
ผูกพันโดยประการอื่น เพื่อเงินทุนสาหรับค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อการลงทุน ภายใต้มติของ
คณะกรรมการและการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี56
ส่วนที่ ๓
การทาสัญญา การจ้างงาน และการเผยแพร่ข้อมูลแก่ประชาชน
มาตรา ๔๔ กิจการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยไม่อยู่ภายใต้บังคับ
แห่ ง กฎหมายว่ าด้ ว ยการคุ้ ม ครองแรงงาน กฎหมายว่ าด้ ว ยแรงงานสั มพั น ธ์ ก ฎหมายว่ าด้ ว ยการ
ประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน58
56 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๕๐
57 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติตามกฎหมายนี้ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลอง
ไทยต้องอยู่ภายใต้ระบบการจ้างงานแบบพิเศษ โดยใช้ระบบคุณธรรม59
มาตรา ๔๕ ให้องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการ
ดาเนินงานของ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย และสานักงานบริหารให้ประชาชนทราบ
ทางระบบเครื อ ข่ า ยสารสนเทศ หรื อ วิ ธี ก ารอื่ น ที่ เ ห็ น สมควร โดยอย่ า งน้ อ ยต้ อ งเปิ ด เผยข้ อ มู ล
ดังต่อไปนี60้
(๑) รายได้ขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยเป็นรายเดือนโดยสรุป
(๒) รายจ่ายสาหรับการดาเนินงานขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยและ
สานักงาน บริหารเป็นรายเดือนโดยสรุป
(๓) รายละเอียดของอัตราค่าตอบแทนคณะกรรมการ อนุกรรมการ และที่ปรึกษา
เป็นรายบุคคล
(๔) ผลการศึกษาวิจัยและผลงานอื่น ๆ ที่ว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกดาเนินการ
(๖) รายการเรื่ องร้องเรียน ความคืบหน้าและผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ
ผู้ใช้บริการคลองไทยและจานวนเรื่องที่ยังค้างพิจารณา
(๗) รายละเอียดของผลการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลอง
ไทย และสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
59 บทบัญญัติในมาตรานี้ เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๘๐
60 บทบัญญั ติในมาตรานี้ เป็ นไปในลักษณะเดียวกับ พระราชบัญญั ติ อ งค์ก รจัด สรร
มาตรา ๔๖ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยไม่จาต้องรับผิดชอบต่อการ
กระทาของเจ้าพนักงานซึ่งกระทาทุจริตอันเป็นความผิดทางอาญาต่อองค์กร หรือจัดการแข่งขันที่ไม่
เหมาะสมจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก61
61 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๕๕
62 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
หมวด ๓
ความสัมพันธ์กับรัฐบาลและรัฐสภา
64 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็ นไปในลักษณะเดียวกับพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรร
คลื่นความถี่และกากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๖
หมวด ๔
เรือและการเดินเรือ
มาตรา ๕๐ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยจะต้องออกระเบียบควบคุม
ดังต่อไปนี้
(๑) การเดินเรือในคลองไทย
(๒) การสัญจรของเรือ การตรวจสอบควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ
เดินเรือหรือบริเวณใกล้เคียงท่าเรือของคลอง รวมถึงความปลอดภัยทางทะเล การนาร่อง และการ
ออกใบอนุญาติพิเศษสาหรับผู้นาร่อง ต้นหน ผู้ควบคุมเรือ และอุปกรณ์ หรือทุ่นลอยน้าอื่น ๆ ในคลอง
(๓) ป้องกันและควบคุมภัยพิบัติ กาจัดของเสียและของที่ปล่อยมาจากเรือ ซึ่งส่วน
ใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าที่เป็นอันตราย หรืออาจทาให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือ
ความเสียหายอื่น ๆ การจัดการกับบัลลาสต์ การกาจัดของเสียระหว่าทอดสมอ การป้องกันอนามัย
สิ่งแวดล้อม และการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและนาเสนอโครงการ
(๔) จัดทาข้อกาหนดเกี่ยวกับความคุ้มครองประกันภัยสาหรับเรือที่สัญจรในคลอง
ความรับผิดในค่าเสียหายที่เกิดจากเรือดังกล่าวได้ก่อให้เกิดขึ้นกับคลอง ทรัพย์สิน แรงงาน หรือ
บุคคลภายนอก
65 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๕๘
66 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
หมวด ๕
คณะกรรมการตรวจสอบและติดตาม
มาตรา ๕๓ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังต่อไปนี้67
(๑) ดาเนินการตรวจสอบเรือ ที่ สัญจรเข้ามาในคลอง และสอบสวนข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับการกระทาหรือการงดเว้นการกระทาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เรือ สินค้า ลูกเรือ ผู้โดยสาร
ตลอดจนทรัพยืสินหรือแรงงานขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย
(๒) ส่งรายงานการสอบสวนให้แก่ผู้บริหาร พร้อมทั้งแสดงสาเหตุและความผิดของ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยระบุลักษณะ ขอบเขต และประเมินค่าเสียหายที่เป็นผลหรืออาจเป็นผลมาจาก
อุบัติเหตุดังกล่าว
ให้ มี ร ะเบี ย บที่ บั ญ ญั ติ องค์ ประกอบของคณะกรรมการสอบสวน กระบวนการ
สอบสวน ระบุผู้มีส่วนได้เสียที่จะสามารถเข้าถึงรายงานได้ ขั้นตอนในการส่งคาร้องไปยังองค์กรผู้มี
อานาจ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่องค์กรผู้มีอานาจเห็นว่าจาเป็น
มาตรา ๕๔ ในการตรวจสอบหรือสอบสวนดังที่กล่าวไว้ในมาตราก่อน คณะกรรมการ
ตรวจสอบสามารถกระทาการดังต่อไปนี้68
(๑) เรียกพยาน หรือบุคคลอื่นที่สามารถเป็นพยานได้
(๒) เรียกให้สาบานตนในการให้ถ้อยคาเป็นพยาน
(๓) เรียกให้ส่งมอบบันทึกหรือเอกสารตามที่เห็นว่าจาเป็น
67 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๖๐
68 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
หมวด ๖
ค่าเสียหายที่เกิดจากการเดินเรือในคลองไทย
69 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๖๓
มาตรา ๕๖ อายุความในการเรียกร้องค่าเสียหายจากองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการ
คลองไทยตามที่บัญญัติไว้ในมาตราก่อน มีอายุความ ๒ ปี นับจากวันที่เกิดเหตุ70
มาตรา ๕๗ ในการกาหนดจานวนค่าเสียหายที่ต้องจ่ายสาหรับความเสียหายที่เกิด
กับเรือ สามารถนาปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้เพื่อพิจารณาประกอบ71
(๑) ค่าเสียหายตามความเป็นจริงหรือประมาณการค่าเสียหายที่ต้องเสียไปเพื่อการ
ซ่อมแซม
(๒) กรณีการชาร์เตอร์เรือ ค่าเสียหายที่เจ้าของเรือหรือผู้ชาร์เตอร์เรือได้จ่ายไป
ตามความเป็นจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสัญญาชาร์เตอร์เรือว่าบุคคลใดเป็นผู้มีหน้าที่ซ่อมแซมเรือ
(๓) การบารุงรักษาเรือและค่าจ้างลูกเรือ หากพิสูจน์ได้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
หรือความเสียหายเกิดขึ้นนอกเหนือจากการชาร์เตอร์เรือ
(๔) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เหมาะสมและชัดเจนว่าเป็นผลมาจากอุ บัติเหตุหรือความ
เสียหายที่เกิดขึ้น
เจ้าของเรือมีหน้าที่ต้องนาเรือไปซ่อมแซมและนากลับมาให้บริการโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้
การเรียกค่าเสียหายจะไม่ได้รับอนุมัติสาหรับความเสียหายอันเป็นผลมาจากความประมาทของเจ้าของ
เรือที่มิได้นาเรือไปซ่อมแซมและนากลับมาให้บริการโดยไม่ชักช้า
การเรียกค่าเสียหายจะต้องแสดงเอกสารหลักฐานประกอบเสมอ
70 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๖๔
71 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
กิจการซึ่งแสดงผลประกอบการที่แท้จริงของเรือในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุหรือได้รับความเสียหายจะ
ถูกนามาพิจารณาในฐานะพยานหลักฐานเพื่อแสดงผลประกอบการที่ควรจะได้รับในระหว่างช่วงเวลา
ที่ถูกกักเรือ หากหนังสือดังกล่าวไม่มีก็อาจใช้หลักฐานอื่น ๆ ที่เหมาะสมแทนได้72
มาตรา ๖๐ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดจาก
การขนส่งล่าช้าหรือค่าเสียเวลา หากปรากฏพฤติการณ์ครบดังรายละเอียดต่อไปนี้74
(๑) การดาเนินการสอบสวนอุบัติเหตุกระทาเกิน ๒๔ ชั่วโมง
72 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๖๖
73 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
มาตรา ๖๑ ผู้ไม่พึงพอใจการกาหนดความรับผิดและค่าเสียหายซึ่งบัญญัติไว้ในหมวด
นี้ และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการจัดการขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทย สามารถใช้
สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ โดยมีอายุความ ๑ ปี นับแต่ผู้ฟ้อง
คดีหรือตัวแทนของผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคาตัดสินเกี่ยวกับจานวนเงินค่าเสียหายที่องค์กรผู้มีอานาจ
บริหารจัดการคลองไทยกาหนดให้ตามที่บัญญัติไว้ในระเบียบ75
75 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มี การจั ดตั้ งองค์ กรผู้ มี อานาจรั บผิ ดชอบคลองปานามาขึ้น ” มาตรา ๗๐ หากแต่ สาธารณรั ฐ
ปานามากาหนดว่า การใช้สิทธิตามมาตรานี้ให้ยื่นฟ้องต่อศาลพาณิชย์นาวีแห่งสาธารณรัฐปานามา ซึ่ง
มีเขตอานาจคลอบคลุมสาธารณรัฐและมีอานาจพิเศษในการรับฟ้องคดี ในขณะที่ประเทศไทยยังมิได้มี
การจัดตั้งศาลพาณิชย์นาวีขึ้นเป็นศาลชานัญพิเศษ ทาให้ปัจจุบันคดีแพ่งเกี่ยวกับการกักเรืออยู่ภายใต้
อานาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๗ (๗) ซึ่ ง ในส่ ว นนี้ ผู้ เ ขี ย นเห็ น ด้ ว ยกั บ การให้ ค ดี พิ พ าทตามร่ า ง
พระราชบัญญตินี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลชานัญพิเศษซึ่งมีผู้พิพากษาสมทบที่มีความรู้ ความ
ช านาญพิ เ ศษ ส่ ว นการเสนอให้ มี ก ารจั ด ตั้ ง ศาลพาณิ ช ย์ น าวี ขึ้ น หรื อ ไม่ นั้ น คงต้ อ งพิ จ ารณาใน
รายละเอียดบริบทความจาเป็นของประเทศต่อไป
มาตรา ๖๒ เงินค่าเสียหายที่จ่ายโดยองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยตาม
หมวดนี้ ใ ห้ จ่ า ยจากเงิ น ทุ น ซึ่ ง จั ด สรรไว้ เ พื่ อ การนี้ โ ดยเฉพาะ ทั้ ง นี้ โ ดยเป็ น ไปตามที่ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น
ระเบียบ76
(๑) ผ่านกระบวนการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุและความเสียหายที่เกิดขึ้น
ตามขั้นตอนที่กาหนด และได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการจนแล้วเสร็จ ทั้งนี้โดยเป็นไปตามที่
บัญญัติไว้ในระเบียบ
(๒) ได้มีการกาหนดสิทธิเรียกร้องไว้แล้วโดยคู่กรณี
76
บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๗๓
77 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
หมวด ๗
การกาหนดค่าผ่านทาง และอัตราค่าบริการที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๖๔ ค่าผ่านทางจะถูกกาหนดในอัตราที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จัดการและปรับปรุงคลองให้มีความทันสมัย ซึ่งอย่างน้อยจะต้องประกอบด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้78
(๑) ค่าดาเนินการของคลอง ซึ่ งรวมถึง ค่าเสื่อมราคา เงินสนับสนุนการรักษา
ทรัพยากรน้า เงินทุนหมุนเวียน และกองทุนสารอง
(๒) เงินที่ชาระให้แก่กระทรวงการคลัง ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายนี้
โดยคานวณตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในระเบียบ
(๓) เงินทุนสาหรับการซ่อมบารุง ขยาย พัฒนา และปรับปรุงคลองไทยให้มีความ
ทันสมัย
(๔) ดอกเบี้ยจากการประเมินมูลค่าทางภาษีของคลองไทย
(๕) ยอดขาดทุนที่ยกมาจากปีก่อน
ค่าผ่านทางและค่าธรรมเนียมที่กาหนดโดยองค์กรผู้มีอานาจต้องคานึงถึงเงื่อนไข
เกี่ยวกับความปลอดภัย ความต่อเนื่อง ความมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนผล
กาไรจากการบริการของคลอง
มาตรา ๖๕ รัฐบาลและองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยไม่สามารยกเว้นค่า
ผ่านทาง และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการใช้คลอง เว้นแต่เป็นการยกเว้นโดยอาศัยอานาจตาม
สนธิสัญญาระหว่างประเทศซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันแล้ว79
78 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๗๕
79 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
มาตรา ๖๗ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องกาหนดเงื่อนไขในการ
สัญจรของเรืออย่างชัดเจน โดยกาหนดความรับผิดและการประกันความรับผิดทางการเงินในจานวนที่
เหมาะสม เพียงพอ และสอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติสากล เพื่อให้ครอบคลุมค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
จากการสัญจรผ่านคลอง
เรือที่รัฐบาลต่างประเทศเป็นเจ้าของ เป็นผู้ดาเนินการ หรือเป็นผู้รับผิดชอบ จะต้อง
ได้รับการประกันความรับผิดทางการเงินโดยการรับรองของรัฐบาลแต่ละประเทศว่าจะรับผิดในหนี้
ดังกล่าวเพื่อชาระค่าเสียหายที่เกิดจากการกระทาการหรืองดเว้นกระทาการของเรือดังกล่าว ซึ่ง
สอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติสากล
ข้อยกเว้นตามที่ระบุไว้ในวรรคก่อนไม่ใช้กับเรือ ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่นใดซึ่งใช้สาหรับ
การพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศ82
80 บางส่วนของบทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบ
รั ฐ ธรรมนู ญ เรื่ อ งองค์ ก รผู้ มี อ านาจรั บ ผิ ด ชอบคลองปานามา กฎหมายฉบั บ ที่ ๑๙ ลงวั น ที่ ๑๑
มิถุนายน ๑๙๙๗ “ให้มีการจัดตัง้ องค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๗๗
81 เนื่องจากการเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องของทางปฏิบัติซึ่งสามารถกาหนดวิธีการ
หมวด ๘
แรงงานสัมพันธ์ และการบริหารงานบุคคล
มาตรา ๖๘ การจ้างงานขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยเป็นการจ้าง
งานแบบพิเศษบนพื้นฐานของระบบคุณธรรม ต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากความแตกต่าง
ทางเพศ เชื้อชาติ อายุ ศาสนา สถานภาพ อุดมการณ์ ทางการเมือง หรือความพิการของร่างกาย และ
ห้ามกระทาการอันเป็นการคุกคามทางเพศ ทั้งนี้ให้กาหนดหลักเกณฑ์ขั้นตอนการตรวจสอบและ
บทลงโทษสาหรับการกระทาดังกล่าว83
มาตรา ๖๙ เพื่ อ ให้ มั่ น ใจได้ ว่ า การจ้ า งงานอยู่ บ นพื้ น ฐานของระบบคุ ณ ธรรม
สานักงานต่าง ๆ ภายใต้ขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยจะต้องจัดให้มีการรับสมัคร
กาหนดคุณสมบัติ และทดสอบความสามารถของบุคคลที่จะเข้าดารงตาแหน่งในองค์กรผู้มีอานาจ
83
การจ้ า งงานบนพื้ น ฐานของ “ระบบคุ ณ ธรรม” ซึ่ ง พระราชบั ญ ญั ติ ร ะเบี ย บ
ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กาหนดนิยามไว้ในมาตรา ๔๒ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๔๒ การจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญั ตินี้ ให
คานึงถึงระบบคุณธรรม ดังตอไปนี้
(๑) การรับบุคคลเพื่อบรรจุเขารับราชการและแตงตั้งใหดารงตาแหนงตองคานึงถึง
ความรู้ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเปนธรรม และประโยชนของทางราชการ
(๒) การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคานึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพขององค
กรและลักษณะของงาน โดยไมเลือกปฏิบัติอยางไมเปนธรรม
(๓) การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตาแหนง และการใหประโยชนอื่นแก
ขาราชการตองเปนไปอยางเปนธรรมโดยพิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติ และจะนา
ความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได
(๔) การดาเนินการทางวินัย ตองเปนไปดวยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ
(๕) การบริหารทรัพยากรบุคคลตองมีความเปนกลางทางการเมือง
บริหารจัดการคลองไทย โดยในระเบียบจะต้องระบุองค์กรและนโยบายของสานักงานที่ผู้สมัครจะต้อง
ยอมรับปฏิบัตติ ามไว้อย่างชัดเจนในใบสมัครสอบเข้าทางาน84
84 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๘๓
85 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
87 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๘๗
88 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็ น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
อนึ่งองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องใช้มาตรการทางวินัยอย่างค่อย
เป็นค่อยไปเพื่อให้ โอกาสบุคคลากรแก้ไขพฤติกรรมของตน เว้นแต่ในกรณีที่มีการกระทาผิดอย่าง
ร้ายแรงทีบ่ ทลงโทษถึงขนาดทีอ่ าจถูกไล่ออก
การลงโทษตามบทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบต่อความรับผิดทางแพ่งหรือทางอาญา
ใด ๆ ที่ผู้กระทาผิดอาจก่อให้เกิดขึ้นจากการกระทานั้น90
90 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น ” มาตรา ๙๐ ทั้งนี้ผู้เขียนเห็นด้วยกับ
การการกาหนดบทลงโทษสาหรับการกระทาที่เป็นความผิดหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายนี้ โดยอาจบัญญัติไว้
เป็นหมวดหนึ่งในพระราชบัญญัติก็ได้ หรืออาจให้มีการออกกฎหมายลาดับรองเพื่อกาหนดกฎระเบียบ
และบทลงโทษที่ชัดเจนก็ได้เช่นกัน โดยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบ
คลองปานามาได้ใช้วิธีการออกเป็นกฎหมายลาดับรอง
91 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
บุคลากรขององค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยทุกคนต้องได้รับการอบรม
ข้อกาหนดเกี่ยวกับหลักจรรยาบรรณเหล่านี้ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสาระสาคัญของข้อกาหนดถ้ามี
มาตรา ๗๗ ห้ามมิให้มีการชุมนุมประท้วงและการนัดหยุดงานที่ส่งผลให้การบริการ
สาธารณะระหว่างประเทศของคลองไทยได้รับผลกระทบหรือขัดจังหวะไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวร หากมี
การประท้วงและการนัดหยุดงานเกิดขึ้นองค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยสามารถใช้มาตรการ
แก้ไขที่เหมาะสม บทลงโทษ ตลอดจนการเลิกจ้างงานได้92
92 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๙๒
93 บทบัญญัติ ในมาตรานี้เป็น ไปในลัก ษณะเดีย วกับกฎหมายประกอบรัฐ ธรรมนู ญ
หมวด ๙
การบารุงรักษาคลอง
94 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตัง้ องค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๑๑๘
95 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
(๗) การวิเคราะห์ความเป็นไปได้และประสิทธิผลของแผนการ
(๘) การจัดตั้งกองทุนสารองเพื่อปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ กองทุนสาหรับการ
จัดซื้อและเปลี่ยนอุปกรณ์ กองทุนเพื่อการก่อสร้างหรือปรับปรุงสิ่งอานวยความสะดวกหรือโครงสร้าง
พื้นฐาน กองทุนเพื่อการบารุงรักษาทั่วไป
(๙) การจัดตั้งโปรแกรมอิสระในการบารุงรักษาเชิงป้องกันการซ่อมแซมปรับปรุง
ตกแต่งปรับปรุงและอัพเกรด
(๑๐) การบรรลุ ผลสัมฤทธิ์ ของแผนการดังกล่าว โดยสามารถดาเนินการอย่าง
ปลอดภัย ไม่ติดขัด มีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลกาไร ไม่ว่าจะเป็นจากตัวคลอง อสังหาริมทรัพย์หรือ
สังหาริมทรัพย์ของคลอง ระบบและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดาเนินงานของคลอง
(๑๑) การทาสัญญาบริการและการบารุงรักษา เมื่อใดพิจารณาถึงความจาเป็นของ
การดาเนินงาน ค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยของการให้บริการคลอง
(๑๒) หลักเกณฑ์ และเกณฑ์อื่น ๆ ที่กาหนดไว้ในระเบียบ
หมวด ๑๐
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้า
มาตรา ๘๑ องค์ ก รผู้ มี อ านาจบริ ห ารจั ด การคลองไทยต้ อ งมี ข้ อ บั ง คั บ ในเรื่ อ ง
ทรัพยากรน้าในลุ่มน้าคลองไทย โดยข้อบังคับดังกล่าวจะต้องมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้96
(๑) การจัดการทรัพยากรน้าเพื่อการดาเนินงานของคลองไทย และการจัดหาน้า
เพื่อการบริโภคของชุมชนโดยรอบ
(๒) เพื่อป้องกันทรัพยากรธรรมชาติของลุ่มน้าคลองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
พื้นที่ที่สาคัญเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้าที่จาเป็นตามที่ระบุไว้ในอนุมาตราก่อน
มาตรา ๘๒ องค์กรผู้มีอานาจบริหารจัดการคลองไทยต้องมีหลักเกณฑ์ข้อบังคับใน
เรื่องต่อไปนี97้
(๑) การป้องกัน อนุรักษ์ และบารุงรักษาแหล่งน้าของลุ่มน้าคลองไทย โดยการ
ประสานงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอานาจ
(๒) การคุ้มครอง อนุรักษ์ บารุงรักษาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณคลองไทย
และพื้นที่โดยรอบตลอดจนระบบของแหล่งกักเก็บน้า โดยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่มีอานาจ
(๓) การทาความสะอาดคลองและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ที่มีอานาจในการ
ปกป้องคุณภาพของน่านน้าในลุ่มน้าคลองไทย
(๔) การควบคุมปริมาณและคุณภาพของน้าในลุ่มน้าคลองไทยและพื้นที่ที่ได้รับ
ผลกระทบ
(๕) การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการและกิจกรรมใด ๆ ที่อาจ
ส่งผลกระทบต่อสิ่ งแวดล้อมโดยบูรณาการจากภายในหน่วยงาน รวมทั้งมีมาตรการเกี่ยวกับการ
คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่คลองและลุ่มน้าคลองโดยสอดรับกับบทบัญญัติของกฎหมายนี้
96 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา กฎหมายฉบับที่ ๑๙ ลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๑๙๙๗
“ให้มีการจัดตัง้ องค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น” มาตรา ๑๒๐
97 บทบัญญัติในมาตรานี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
บรรณานุกรม
หนังสือ
บทความวารสาร
บทความหนังสือ
ไกรฤกษ์ นานา. “ตะลึง Blue Print คอคอดกระ สมัยรัชกาลที่ ๕ มีจริง ตอนที่ ๑ ทาไมรัชกาลที่ ๕
ทรงยอมให้ฝรั่งเศสสารวจเมืองไทย”. ใน สามเมกกะโปรเจคของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาล
ที่ ๕ โครงการรถไฟไทยไปจีน โครงการขุดคอคอดกระ โครงการสร้างแผนที่เมืองไทยฉบับ
แรก. (2558)
จีระ หงส์ลดารมภ์. “ผลดีและผลเสียของการขุดคอคอดกระ”. ใน เขมรที่รัก - ข้องใจคอคอดกระ?.
(2515)
บทความหนังสือพิมพ์
วิทยานิพนธ์
สื่ออิเล็กทรอนิกส์
เอกสารอื่น ๆ
Books
Barbara Weber and Hans Wilhelm Alfen. Infrastructure as an Asset Class : Investment
Stratesies, Project Finance and PPP. Wiltshire : CPI Antony Rowe, 2010
Duncan E. McKinley. THE PANAMA CANAL. San Francisco: WHITAKER & RAY-WIGGIN CO.,
1912
European Commission. Guidelines for Successful Public-Private Partnerships. Brussels:
European Commission, 2003
James McCarthy. Surveying and exploring in Siam. London: J. Murray, 1900
John Barrett. PANAMA CANAL: What it is what it means. Washington, D.C.: Union of
American Republics, 1913
Joseph A. Obieta and Richard A. Baxter. The international status of the Suez canal.
Hague: Martinus Nijhoff, 1960
Mackay, Ruddock F. Fisher of Kilverstone. Oxford: Clarendon Press, 1973
Rudolf Dolzer and Christoph Schreuer. Principles of International Investment Law.
London: Oxford, 2012
The Fiscal Affairs Department (In consultation with other departments, the World Bank,
and the Inter-American Development Bank). INTERNATIONAL MONETARY FUND
Public-Private Partnerships. Washington D.C. : International Monetary Fund,
2004
United Nations Economic Commission for Europe. Guide book on promoting good
governance in Public – Private Partnerships. Geneva : United Nations
Publications, 2008
Articles
Electronic Media
Other Materials
British Foreign Office Papers (Cited hereafter as F.O.) 69/14, E.Hammound to F.O., No
53, January 23, 1858.
Captain Thomas Forrest, A Voyage From Calcutta to Mergui Archipelago, London:
Robson, 1972
F.O. 69/105 “Wise to Lord Clarendon January 11, 1858.
Ernest O. Hauser, “Britain Faces Japan Across Siam,” Asia newspaper (February 1937)
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก.
บทสัมภาษณ์ ศ.พิเศษ ดร.วิสูตร ตุวยานนท์
(นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศ)
วันที่ 23 มีนาคม 2559
ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
1. อาจารย์ความคิดเห็นอย่างไรคะ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการขุดคลอง
กระเพื่อเชื่อมระหว่างทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ? และอาจารย์ความคิดเห็นว่าอะไรคือประโยชน์
ที่ประเทศไทยจะได้รับเมื่อมีการขุดคลองกระบ้างคะ ?
ศ.พิ เ ศษ ดร.วิ สู ต ร ตุ ว ยานนท์ : สมั ย นั้ น คนที่ จ ะมาท า คื อ จี น เกาหลี ญี่ ปุ่ น
มาเลเซีย สิงคโปร์ ใช้เงินมหาศาล เขาจะมาลงลงทุนกันเป็นหลายแสนล้านดอลลาร์ โดยเขาต้องการ
สิ่งทีเ่ ราเรียกว่า Turnkey ซึ่งหมายถึงบิดกุญแจแล้วทุกอย่างเรียบร้อยหมด คือ เขาเป็นคนทาหมดเป็น
โอเปอร์เรทเก็บเงินเก็บทองแล้วแบ่งผลประโยชน์ให้เรา และเขาจะเอาไว้เท่าไหร่ 40 ปีหรืออะไร แต่
เราบอกว่าไม่ได้ ดังนั้นไปให้เขามา Turnkey project มันจะมีปัญหายุ่งยากอีกเยอะเลย 40 - 50 ปี
กว่าจะถึงจุดที่ เขาบอกว่าถอนทุนคืน ซึ่งต่างชาติจะมาทาเฉย ๆ ไม่ได้ จะต้องมี concession ค่า
สัมปทานที่ต้องจ่ายให้เรา และค่าสัมปทานนี้จะเป็นทุนส่วนหนึ่ง และสิ่งที่สาคัญที่ สุดคือการเวนคืน
การเวนคืนที่ดินมันก็ต้องเสียเงินซึ่งคิดตามราคาท้องตลาดซึ่งไม่ใช่ราคาประเมิน เพราะเวลาทาสัญญา
กับต่างประเทศเขาเอาตามกฎหมายระหว่างประเทศไม่ใช่กฎหมายไทย กฎหมายระหว่างประเทศการ
เวนคืนจะต้องจ่ายเงิน Prompt and adequate คือ ต้องเพียงพอโดยไม่ชักช้า เราควรลงทุนอย่างนี้
คือ บอกว่าเวนคืนที่ดินของไทย และไปตีราคาเลยว่าเวนคืนเท่าไหร่ก็คิดเป็นหุ้นของไทย เงินหุ้นของ
ไทยเท่ากับการเวนคืน สัมปทานก็เป็นหุ้นของไทย
ภาคผนวก ข.
บทสัมภาษณ์นักเดินเรือ คุณประธาน จูตะกะสุต
(นักเดินเรือต่างประเทศ ตาแหน่งต้นเรือ บริษัท Reginal Container Line (RCL))
วันที่ 15 กันยายน 2559
ณ อาคารเดอะทรัสต์ ปิ่นเกล้า
ในฐานะที่ท่านเป็นนักเดินเรือซึ่งเป็นผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ในกรณีที่มี
การขุดคลองไทย (คลองกระ) ขึ้น ขอให้ทา่ นช่วยตอบคาถามและให้ขอ้ เสนอแนะในประเด็น
ดังต่อไปนี้
สะดวกสบาย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขามองว่าผ่านช่องแคบมะละกาเสี่ยงกับโจรสลัดก็เลยคิดว่าไป
อ้อมด้านล่างน่าจะดีกว่า ปลอดภัยกว่า อาจจะมีเสี่ยงเพียงแค่เรื่องของคลื่นลมแรงเท่านั้น
2. ในฐานะที่ท่านเป็นนักเดินเรือ ท่านคิดว่าการบริหารจัดการด้านการจราจร
ความปลอดภัย และความสะดวกรวดเร็ว ของเส้นทางข้างต้น เส้นทางใดที่ท่านประทับใจเป็น
พิเศษ พร้อมเหตุผล
ในฐานะนักเดินเรือผู้ปฏิบัติการจริง ท่านคิดเห็นอย่างไรกับคากล่าวของทั้งสอง
ฝ่ายนี้
สาหรับเรื่องการเปลี่ยนน้ามันเตาเป็นน้ามันดีเซล น้ามันเตามันเป็นน้ามันที่คล้ายกับ
น้ามันดิบ คือมันจะมีความหนืดค่อนข้างสูง ก่อนที่ จะนามาใช้จึงต้องมีการวอร์มอุ่นน้ามันให้เรียบร้อย
ก่อน เมื่ออุ่นน้ามันเสร็จแล้วถึงจะสามารถใส่เข้าไปในเครื่องจักรใหญ่เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ ซึ่ง
เหตุผลที่จะต้องเปลี่ยนจากน้ามันเตาเป็นน้ามันดีเซล เพราะน้ามันดีเซลที่เราใช้กับรถกระบะเป็น
น้ามันที่มีการเผาไหม้ค่อนข้างสมบูรณ์ เวลานาเข้าสู่เครื่องยนต์จึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไร และไม่จาเป็น
จะต้องมีการวอร์มหรืออุ่นน้ามันก่อนนามาใช้ อีกทั้งการจุดระเบิดก็ดีกว่า ส่วนน้ามันเตาเวลาทาการ
อุ่นเราจะต้องอุ่นตลอดจึงเหมาะสาหรับใช้ในการเดินทางระยะยาวโดยที่ไม่มีการเปลี่ยน สมมุติว่าเรือ
วิ่งจากประเทศญี่ปุ่นมาประเทศสิงคโปร์ใช้เวลาประมาณ 5 วัน หลังจากออกจากประเทศญี่ปุ่นในร่อง
น้าจาเป็นต้องใช้น้ามันดีเซล เพราะว่าหากเราเปรียบเรือเสมือนรถยนต์ เมื่อการจราจรหนาแน่น เราก็
จะต้องมีการใช้เครื่องเพื่อเดินหน้า ถอยหลัง หรือเบาเครื่อง คือ ใช้เกียร์ 1 เกียร์ 2 เกียร์ 3 และอาจจะ
ต้องมีการลดจากเกียร์ 4 ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงหยุดเครื่อง น้ามันเตามันจึงไม่เหมาะสม เนื่องจากบางที
น้ามันมีความหนืดมาก หากไม่มีการวอร์มก่อนนาไปใช้ก็อาจจะทาให้เรือประสบปัญหากับเครื่องจักร
หรือเกิดอุบัติเหตุในการบังคับควบคุมได้ ดังนั้นจึงต้องใช้น้ามันดีเซลเพราะว่ามีการเผาไหม้ค่อนข้าง
สมบูรณ์กว่า
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนจากน้ามันเตาเป็นน้ามันดีเซลแล้วจะคุ้มหรือไม่ ? ถ้าเราทา
เหมือนคลองปานามาซึ่งเรือแค่แสตนบายเครื่อง คือ แค่สตาร์ทเครื่องทิ้งไว้เพื่อให้พร้อมที่จะเดินหน้า
ถอยหลังเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยในการข้ามคลองปานามาจะมีอุปกรณ์เป็นล้อเลื่อนอยู่บริเวณหัวเรือ
ด้านข้าง และด้านท้ายของเรือ เพื่อช่วยในการดึงเรือไปข้างหน้าหรือถอยหลัง สาหรับนักเดินเรือมอง
ว่ามันน่าจะช่วยลดต้นทุนค่าน้ามันได้มากกว่า เพราะปัจจัยเรื่องค่าน้ามันมีผลพอสมควร สายเรือยอม
ให้สินค้าไปถึ งไวดีกว่าให้สินค้าไปอ้อม ดังนั้นคานวณแล้วจึงคุ้มกว่า เนื่องจากตอนนี้ค่าระวางเพิ่ม
ขึ้นมาเยอะ เพราะแทนที่จะเอาน้ามันไปวิ่งอ้อมกับการใช้น้ามันสแตนบายเครื่องอยู่เฉย ๆ ความเสี่ยง
ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นก็แตกต่างกันแล้ว การสแตนบายเครื่องยนต์เรือไม่ได้เสี่ยงใด ๆ ความเสี่ยงมีเพียง
แค่เรืออาจจะมีการกระแทกกับชนนิดหน่อย แต่ถ้าหากเรือไปวิ่งอ้อมความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ คือ 1. โจร
สลัด 2. เรือโดนกัน 3. เรื่องเวลา 4. อุปกรณ์ต่าง ๆ อาจมีการสึกหรอ ข้อกาหนดบางอย่างในสัญญา
ประกันภัยทางทะเลก็อาจจะน้อยลง
กรณีที่เรือขนาดใหญ่มาก ๆ จะมาวิ่งผ่านก็คงต้องทาเหมือนปานามา คือ การขุด
คลองปานามาหรือคลองสุเอซจะมีขนาด (Size) อยู่ ว่าเขาจะขุดแบบขนาดใหญ่ เช่น Panamax มัน
จะมีขนาดของเรืออยู่ว่าจะสามารถรับเรือได้ขนาดไหน ซึ่งถ้าเราจะขุดคลองก็จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับ
เรื่องธุรกิจว่าจะรับเรือที่วิ่งผ่านบริเวณนี้ ความลึกของน้าที่เท่าไหร่ และคลองที่ขุดจะรับเรือได้ขนาด
ไหน ? ทั้งนี้เรือที่มีขนาดใหญ่มากเกินกว่าที่คลองจะรองรับไหวก็ยังต้องไปผ่านทางช่องแคบมะละกา
อยู่ดี แต่ก็ เป็น อัตราส่ วนน้อย เพราะว่ าเรื อที่ถู กต่อให้มีข นาดใหญ่ ม าก ๆ เช่นนั้น มีจ านวนน้อ ย
เนื่องจากไม่คุ้มกับปริมาณการบริโภคน้ามัน
5. ในฐานะที่ท่านได้มีโอกาสเดินทางไปยังเมืองท่าในประเทศต่าง ๆ ท่านคิดว่ามี
สิ่งใดที่เป็นปัญหาสาคัญสาหรับเมืองท่า (เช่น โจรสลัด ก่อการร้าย มลภาวะ อาชญากรรม ผัง
เมือง ฯลฯ) ที่ต้องการฝากนักกฎหมายให้เตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการขุดคลองไทยและ
พัฒนาบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยให้กลายเป็นเมืองท่า
ดื่มเหล้าและแอลกอฮอล์บริเวณริมถนนเพิ่มเข้ามาซึ่งจะมีช่วงเวลาระบุไว้ บรรดาลูกเรือก็มีพาสปอร์ต
ซึ่งเวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็สามารถแสดงพาสปอร์ตว่าเป็นซีแมน แล้วเขาก็จะวิ่งมาหาที่กัปตัน ไปที่
Port authority ว่าลูกเรือคุณมีปัญหาแบบนี้ ซึ่งกัปตันก็จะแจ้งกับทางตัวแทนเรือในแต่ละประเทศว่า
เกิดปัญหาเช่นนี้กับลูกเรือ ตัวแทนเรือจะสามารถช่วยเหลืออะไรลูกเรือได้บ้าง เช่น เหตุเกิดที่ประเทศ
ออสเตรเลีย มีปัญหาว่าโดนตรวจจับ External hard disk ของลูกเรือซึ่งมีข้อมูลต้องห้าม ทาให้ลูกเรือ
โดนกักตัวไว้ไม่ได้ไปกับเรือจนต้องให้ตัวแทนเรือเป็นคนจัดการ ซึ่งเมื่อดาเนินการสาเร็จก็ให้ลูกเรือคน
ดังกล่าวบินจากเมืองท่าเมืองนี้ตามไปยังอีกเมืองท่าหนึ่งเพื่อไปลงเรือลาที่ตนโดยสารมา
ปัจจุบัน ระบบการจัดการของท่าเรือแหลมฉบัง อาจยังไม่ดี เพียงพอเมื่อเทียบกับ
ประเทศสิงคโปร์ที่มีระบบการจัดการที่ค่อนข้างดีมาก ตู้ สินค้าถูกจัดวางเป็นชั้น ๆ การเคลื่อนย้ายตู้
สะดวกรวดเร็ว การโหลดตู้เป็นไปอย่างว่องไว สิงคโปร์ ไม่ใช่แค่ สร้างท่าเรืออย่างเดียวแต่ มีระบบ
บริหารจัดการเรื่องตูส้ ินค้าที่ค่อนข้างที่จะเป็นมืออาชีพอย่างมาก
6. ในฐานะที่ท่านเป็นนักเดินเรือ ผู้ซึ่งเข้าใจการปฏิบัติงานทางพาณิชย์ นาวี และ
การขนส่งทางทะเลเป็นอย่างดี ท่านคิดเห็นด้วยหรือไม่กับผู้ที่กล่าวว่า “โครงการแลนด์บริด จ์
(ถนน) ก็เพียงพอที่จะนาพาสินค้าข้ามฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งทะเลอ่าวไทย โดยไม่จาเป็นต้องมี
การขุดคลองไทย”
ภาคผนวก ค.
บทสัมภาษณ์ รศ.ดร. รุธิร์ พนมยงค์
(นักวิชาการด้านโลจิสติกส์)
วันที่ 30 กันยายน 2559
ณ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. จากการสัมมนาหลายครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการขุดคลองไทย
มักจะหยิบยกเรื่องของความคุ้มทุนขึ้นมาอธิบายว่าค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการขุดคลองไทยไม่คุ้มกับค่า
ผ่านทางที่จะได้รับภายหลังจากขุดคลองแล้ว อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรคะ ?
3. โครงการขุดคลองไทยนี้มากว่า300ปีแล้ว แต่เมื่อพิจารณาบริบทของประเทศ
ไทยในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีซึ่งก้าวหน้าขึ้น
อย่างรวดเร็ว อาจารย์มองว่าโครงการขุดคลองไทยนี้จะยังคงมีความจาเป็นอยู่หรือไม่คะ?
รศ.ดร. รุธิร์ พนมยงค์ : ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์ หรือแม้แต่สมัยคุณปู่ผม (ปรีดี
พนมยงค์) ก็มีการพูดกันเหมือนกัน มันมีมาตลอด แต่ถ้าสังเกตดูดี ๆ มันไม่เคยเป็นความคิดของคน
ไทยก่อน มันเป็นความคิดที่มาจากต่างชาติ มันก็คือเพื่อตอบผลประโยชน์ของต่างชาติมาตั้งแต่ไหนแต่
ไรแล้ว มันไม่เคยมีความจาเป็นสาหรับประเทศไทยเลย แต่เป็นต่างชาติมากกว่าที่จะได้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
มา ตอนที่ประธานาธิบดีประเทศอียิปต์จะมาทาให้คลองสุเอซตกเป็นของประเทศอียิปต์ ทางฝรั่งเศส
อังกฤษก็ส่งกองรบเพื่อไปยึดคืน หรือคลองปานามาคนบริหารก็คือสหรัฐ เพิ่งมาคืนให้ทีหลังแต่ก็ยัง
ควบคุมอยู่ค่อนข้างเยอะ มันเป็น Interest ของต่างชาติ ซึ่งถ้าเกิดจากโจทย์ตรงนี้ สุดท้ายถ้ามันขุดได้
ผมถามว่าแล้วเราควรเป็นคนลงทุนหรอ? ถ้าเกิดมองในด้านผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ เช่น จีนได้
ประโยชน์ ถ้าเผื่อขุดเขาก็ได้ประโยชน์ ดังนั้นมันอยู่ใน Interest ของเขาในการที่จะขุด
แม้ประเทศไทยขุดคลองคอดกระก็ไม่ได้เป็นเหมือนประเทศสิงคโปร์ เพราะว่าเรา
ไม่ได้เป็นจุดศูนย์รวมสินค้าแต่จะเป็นแค่ทางผ่านที่ทะลุออกไปอีกที ถ้าเกิดเราดูเราจะเห็นว่าสิงคโปร์
เป็นจุดเชื่อมในการรับสินค้าจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ถ้าเกิดของเราเราทาท่าเรือขนถ่าย
สินค้า อย่าลืมว่ามันจะมีอยู่ 2 ฝั่ง มันไม่ได้การประหยัดจากขนาด เพราะเราต้องทา 2 ฝั่ง ดังนั้นมันก็
ได้แค่สินค้าบางส่วนจากพม่า ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็ทางฝั่งอ่าวไทย มันไม่ได้รวมอยู่ในที่เดียวกัน
หากขุ ด เมื่ อ 50 ปี ที่ แ ล้ ว ยั ง มี โ อกาสมากกว่ า ตอนนี้ ทั้ ง ความเข้ ม งวดในเรื่ อ ง
สิ่งแวดล้อม เรื่องสังคม ทุกวันนี้แค่สร้างโรงไฟฟ้ายังยากเลย เพราะเวลามันผ่านไปไงตรงนี้ยิ่งยาก
Land Bridge ยังจะมีโอกาสมากกว่า ถ้าเผื่อขุดจริง ๆ 50 ปีที่แล้วอาจจะได้ 100 ปีที่แล้วอาจจะได้
กฎหมายระหว่างประเทศอาจจะถูกสหประชาชาติฟ้องในการทาลายระบบนิเวศมั้ง ไม่รู้เราเซ็นต์หรือ
เปล่า แล้วมันจะมีเรื่องของ Cop 21 เรื่อง Emission ที่จะเกิดขึ้น พวกกฎหมายในเรื่องสิ่งแวดล้อมผม
ว่าเราโดนแน่นอนเลย เราเปลี่ยนระบบนิเวศของโลกเลย NGO ก็จะมาประท้วง
4. กรณีที่ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนโครงการขุดคลองไทย ได้หยิบยกโครงการ “แลนด์
บริดจ์” เพื่อเชื่อมโยงการขนถ่ายสินค้าระหว่างชายฝั่งทะเลตะวันออก และชายฝั่งทะเลตะวันตก
ขึ้นมาเพื่อเป็นทางออก โดยไม่จาเป็นต้องขุดคลองเพื่อเชื่อมสองฝั่งทะเลอีกต่ อไป อาจารย์มองว่า
โครงการแลนด์บริดจ์นี้จะช่วยสนับสนุนการคมนาคมขนส่ง และมีความเพียงพอโดยไม่จาต้องขุด
คลองไทยอีกต่อไป ดังที่ฝ่ายคัดค้านได้กล่าวอ้างหรือไม่คะ ?
ภาคผนวก ง.
บทสัมภาษณ์ ศ.ดร.ไผทชิต เอกจริยกร
(นักวิชาการด้านกฎหมายพาณิชย์นาวีและโลจิสติกส์)
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560
ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
8. อาจารย์มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรคะ ?
ภาคผนวก จ.
บทสัมภาษณ์ รศ.ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
(นักวิชาการด้านวิศวกรรม และผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคมนาคมขนส่ง)
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560
ณ อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี
1. อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรคะ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการขุด
คลองเพื่อเชื่อมระหว่างทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ?
รศ.ดร. ชั ช ชาติ สิ ท ธิ พั น ธุ์ : จริ ง ๆ แล้ว เรื่อ ง Rail - canal มัน ก็เป็ นเรื่อ งทาง
เทคนิคนะ ผมว่ามันก็เป็นไปได้ยากเหมือนกันนะ คือเขาเอาคอนเซปต์มาจากเวลาที่ต่อเรืออะไรก็ตาม
ในเกาหลีเขาจะต่อบนบก แล้วตอนที่จะเอาเรือลงน้ามันจะต้องวางบนรางแล้วรางก็เป็นตัวที่ขับเคลื่อน
เรือลงน้า แต่ว่า Rail - canal อันนี้ก็เหมือนกับเป็นกระบวนการย้อนกลับ คือ แทนที่จะเอาเรือลงน้าก็
เอาเรือจากในน้าขึ้นมาบนบกแทนด้วยระบบเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อะไร แต่เป็น
เทคโนโลยีเก่าที่มีอยู่แล้ว แต่วิธีกรที่เขานาเสนอมานี้มันก็อาจจะไม่ง่ายนัก เพราะการนาเรือที่ต่อเสร็จ
4. อาจารย์มีขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างไรบ้างคะ ?
ภาคผนวก ฉ.
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ
สมาคมเจ้าของเรือกรุงเทพ
(The Bangkok Shipowners and Agents Assosiation)
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560
ณ ห้องไลบราลี่ โรงแรมดุสิตธานี
1. ถ้ า ถามว่ า ผู้ ป ระกอบการเรื อ สนั บ สนุ น หรื อ ไม่ ส นั บ สนุ น ให้ ขุ ด คลองไทย ?
ผู้ประกอบการเรือไม่สามารถให้คาตอบได้ แต่หากขุดคลองไทยแล้วเรือสามามารถแล่นผ่านได้โดยไม่
เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็จะเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการพึงพอใจ แต่ขณะเดียวกันถ้าหากรัฐบาลตัดสินใจขุด
คลองไทยรัฐบาลก็คงไม่ อนุญาตให้ผู้ประกอบการเรือเข้ามาใช้ บริการเส้นทางสายนี้ได้โดยไม่เสีย
ค่าใช้จ่าย แต่คงเลือกที่จะทาตามโมเดลของคลองสุเอซและคลองปานามา คือ ขุดคลองและเรียกเก็บ
ค่าผ่านทางจากเรือที่มาใช้บริการ
อนึ่ง สภาพปัญหาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ คลองสุเอซและปานามา
เก็บค่าผ่านทางค่อนข้างสูง อาทิ กรณีของคลองสุเอซหากเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ค่าผ่านทางจะ
อยู่ ที่ ป ระมาณ 300,000 - 400,000 เหรี ย ญ ซึ่ ง ผู้ ป ระกอบการเรื อ ยอมจ่ า ยเพราะสามารถ
ประหยัดเวลาได้มาก ถ้าไม่มีคลองสุเอซผู้ประกอบการเรือที่วิ่งในเส้นทางเอเชีย - ยุโรป จะต้องวิ่งอ้อม
แหลมกู๊ดโฮปทวีปแอฟริกา ลงใต้แ ล้วย้อนกลับขึ้นมาใหม่ ดังนั้นคลองสุเอซจึงช่วยร่นระยะเวลาการ
เดินเรือได้ถึงประมาณ 10 - 12 วัน ฉะนั้นการจ่ายค่าผ่านทางราว 300,000 - 400,000 เหรียญ ก็ยัง
พอที่จะคุ้มกับระยะเวลาที่ต้องเสียไป อย่างไรก็ดีในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาราคาน้ามัน เรือได้ลด
ต่าลงจากเดิมที่ราคาน้ามันเรือเคยขึ้นสูงถึงตันละ 400 เหรียญ แต่ในปัจจุบันลดลงมาเหลือไม่ถึง 200
เหรี ย ญ ท าให้ ผู้ ป ระกอบการเรื อ บางรายมองว่ า ไม่ คุ้ ม ที่ จ ะเดิ น ทางผ่ า นคลองสุ เ อซ คื อ ขาไป
(Westbound) ยังคงใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ แต่ขากลับ (Eastbound) ซึ่งขนตู้เปล่ากลับมายอมวิ่ง
อ้อมแหลมกู๊ดโฮปไม่วิ่งผ่านคลองสุเอซ เพราะเมื่อคานวณค่าน้ามันแล้ว ประหยัดกว่าค่าผ่านทางของ
คลองสุเอซ
4. ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่อาจทาให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น
เรื่องระบบการไหลเวียนของน้า ซึ่งบริเวณชายหาดที่จังหวัดสงขลาเคยมีเรือน้ามันขนาดเล็กลาหนึ่ง
เกยตื้นที่หาดและถูกทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานพอสมควรจนกีดขวางเส้นทางการไหลและตกตะกอนของ
น้า ทาให้เกิดการกัดเซาะของชายหาดสงขลา อันจะเห็นได้ว่าเพียงเรือแค่ลาเดียวยังสามารถก่อให้เกิด
ปัญหาได้ ถ้าขุดคลองระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรก็อาจทาให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปได้มากมาย
เช่นกัน เรื่องนี้จึงเป็นข้อพึงระวังอีกประการหนึ่ง
6. ประเทศสิ งคโปร์ มีค วามคล่ องตัวที่ เยอะกว่า ในแง่ข องการเป็ น Supply ทั้ง ที่
ประเทศไทยมีทรัพยากรและสินค้าที่เรือต้องการมากกว่าแต่กลับมีกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนมีกฎ
กติกามากมายและการขออนุญาตที่เป็นรายครั้งคราว อันเป็นอุปสรรคต่อการเป็น Supply ในขณะที่
ประเทศสิ ง คโปร์ มี ค วามสะดวกและง่ า ยดายกว่ า ท าให้ สิ ง คโปร์ มี เ รื อ มากมายเข้ า ไป Supply
Provision
7. หากถามว่าประเทศไทยมีโอกาสหรือไม่ที่จะขุดคลองไทยและสร้างท่าเรือแล้ ว
กลายเป็น Hub แบบสิงคโปร์ ? หากจะทาเช่นนั้นก็ต้องต่อสู้กันเรื่อง "ราคา" ดังเช่นกรณีที่มาเลเซียซึ่ง
มีท าเลที่ ตั้ง อยู่ต รงข้ า มกับ สิ งคโปร์ ก็ ต่อ สู้ กั บสิ ง คโปร์ใ นเรื่ อ งของราคาค่ า Transhipment และค่ า
Handling ซึ่งมาเลเซียยอมคิดราคาถูกกว่าสิงคโปร์ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้ นหากประเทศไทยต้องการที่
จะกลายเป็น Hub ก็ต้องลงทุนเรื่องการ "ตัดราคา" แต่หากทาเช่นนี้ก็มีข้อพิจารณาต่อไปว่าจะคุ้มกับ
ค่าเงินลงทุนขุดคลองไทยของเราหรือไม่ ? และอาจได้มาเพียงแค่ market share ดังเช่นในอดีตยุค
หนึ่งที่มาเลเซียเคยเปิดท่าเรือตันจงปาลาปัสให้ที่ดินแก่ สายเรือยักษ์ใหญ่ อาทิ Maersk line หรือ
Evergreen เพื่อดึงวอลลุ่มจากสิงคโปร์แต่ก็ยังไม่สามารถจะกลายเป็น Hub แทนที่สิงคโปร์ได้ และ
แม้ว่ามาเลเซียจะคิดราคาถูกกว่าสิงคโปร์แต่ก็สามารถดึงเรือสินค้าไป Transhipment ได้เพียง 10
กว่าล้านตู้ ในขณะที่สิงคโปร์ยังคงมีอยู่ 30 กว่าล้านตู้
ภาคผนวก ช.
รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐปานามา
หมวดที่ 14
Article 317. The Panama Canal Authority, and all other institutions and
authorities of the Republic related to the maritime sector shall be included in the
national maritime strategy. The Executive Branch shall propose to the Legislative
Branch the Law to coordinate all these institutions in order to promote the country's
social and economic development.
The Law shall establish the requirements for the post of board member,
guaranteeing the staggered replacement of the board members mentioned in Item 3
of this article, in groups of three, every three years. After the first replacement, all
board members shall serve for a period of nine years.
Article 319. The board of directors shall have the following powers and
duties, without prejudice to any other as determined by the Constitution and the Law:
1. Appoint and remove the Administrator and Deputy Administrator of the Canal,
and establish their duties in accordance with the Law.
2. Set tolls, charges, and fees for the use of the Canal and its related services,
subject to final approval by the Cabinet Council.
3. Make loans, with the prior approval of the Cabinet Council and within the limits
established by the Law.
Article 320. The Panama Canal Authority shall adopt a triennial financial
planning and management system, according to which it shall approve its annual
budget by means of a justified resolution; this budget shall not be included in the
general budget of the government of Panama.
The Panama Canal Authority shall submit its draft budget to the Cabinet
Council, which in turn shall submit it to the Legislative Assembly for consideration and
review, approval or rejection, in accordance with Chapter II, Title IX of this Constitution.
Article 321. The Panama Canal Authority shall make annual payments
to the Panama National Treasury per Panama Canal net ton or its equivalent, from the
monies collected from vessels transiting the Panama Canal, which are subject to the
payment of tolls. The rates for these payments shall be set by the Panama Canal
Authority, and shall not be less than those paid to the Republic of Panama for the
same concept on December 31, 1999.
By reason of their transit through the Panama Canal, vessels, their cargo,
passengers, owners or operators, or their operation, as well as the Panama Canal
Authority may not be subject to any other national or municipal tax.
All employees as well as those employees who must make use of the
special retirement that year, whose positions are deemed necessary according to
applicable provisions shall be guaranteed employment with the same benefits and
conditions as they enjoyed up to that date.
Any labor conflicts between the employees of the Panama Canal and
its administration shall be resolved by the employees or their unions and the
Administration, through the mechanisms established by the Law to resolve such
conflicts. Arbitration shall constitute the last administrative instance.
ภาคผนวก ซ.
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่ององค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามา
สภานิติบญ
ั ญัติแห่งสาธารณรัฐปานามา
กฎหมายฉบับที่ 19
(วันที่ 11 มิถุนายน 1997)
“ให้มีการจัดตั้งองค์กรผู้มีอานาจรับผิดชอบคลองปานามาขึ้น”ORGANIC LAW
Title Articles
Preamble
Chapter I Character, Definitions, and General Rules 1 - 11
Chapter II Administrative Organization 12
Section One: Board of Directors 13 - 21
Section Two: The Administrator and Deputy Administrator 22- 27
Section Three: The Inspector General 28 - 32
Chapter III Patrimony, Finances, and Oversight
Section One: Patrimony and Budget 33 - 38
Section Two: Payments to the National Treasury 39
Section Three: Oversight, Exemptions, and Payments 40 - 51
Preamble
That the purpose of this Law is to furnish the Panama Canal Authority
with legislation for its organization, operation, and modernization to make the Canal
a safe and profitable enterprise, a pillar in the human, social, and economic
development of the country, open, without discrimination, to the participation of
men and women and integrated to the national maritime strategy.
In compliance with the provisions of Article 317 of the National
Constitution, the regulations herein issued are of a general nature and shall provide
the framework for the regulations to be issued so that the Canal will provide
uninterrupted, efficient, and safe service.
Article 2. For the purposes of this Law and the Regulations, the
following words and terms will be understood in accordance with the definitions
established in this article, unless used in a different manner, or that in the respective
context another meaning may result therefrom.
Authority: The legal entity defined in Article 1 of this Law.
The Canal: The Panama Canal, including the waterway itself, as well as
its anchorages, berths, and entrances; lands and sea, river, and lake waters; locks;
auxiliary dams; dikes and water control structures.
Directors: The members of the Board of Directors.
Canal Watershed: The geographic area whose surface and underground
waters flow toward the Canal or are emptied into it, as well as into its reservoirs and
lakes.
Article 7. The Authority has financial autonomy, its own patrimony, and
the right to manage it. Consequently, the Authority shall exercise freely the right to
receive, safeguard, and assign its financial resources, and it may deposit its funds in
private or official banks.
Article 9. The Authority shall set the tolls to be charged for use of the
Canal, fees, and rates for services rendered, as well as the rules for the admeasurement
of ships which will be in force in the Canal, in accordance with the National
Constitution, this Law, and the Regulations.
Article 10. By reason of their transit through the Canal, the vessels, their
cargo, passengers, owners, and operators shall not be subject to any national or
municipal tax, fee, rate, charge, lien, levy, or payment, except as established in the
preceding article.
Article 11. The Authority has the primary responsibility to provide what
is necessary to ensure the adequate protection and surveillance of the installations of
the Canal, as well as guarantee safe, unimpeded navigation, and will, therefore,
The Directors shall serve in their posts for a term of 9 years, and may
only be removed for the reasons set forth in Article 20 of this Law.
Provisional paragraph: For the initial designation, the President of the
Republic shall appoint three Directors for a period of three years each, three others
for six years each, and the remaining three for nine years each. Upon expiration of the
initial periods, every Director's appointment shall be made for a period of 9 years.
Article 17. The decisions and resolutions of the Board of Directors shall
be adopted by the favorable vote of the absolute majority of its members, except
when this Law or the Regulations require a different majority.
modernization of the Canal, and the limits, conditions, and restrictions that shall
govern therein.
d. Regulations on the criteria and procedures applicable to
contracting special services the Authority may render or receive and to granting
concessions.
e. Regulations applicable to the admeasurement and inspection of
vessels, Canal navigation, marine traffic control, vessel pilotage, the procedures for
investigation of accidents, the formulation and recognition of claims arising from
accidents in the Canal, and other matters relative to Canal navigation.
f. Regulations on the criteria and procedures applicable to financial
planning, accounting, and treasury standards; audits of Canal finances; and the budget
preparation and execution process.
g. Regulations applicable to the criteria and procedures relative to
the rendering of services and the disposition of movable property of the Authority to
the National Government, autonomous entities, municipalities, non-government
organizations, private enterprises, and civic organizations.
h. Regulations that apply to the lease, sale, or other transfer or
concession for the use of the real or movable property of the Authority granted to
third parties when this property is no longer used or becomes obsolete or otherwise
ceases to be necessary or suitable for the adequate management, operation,
conservation, maintenance, or modernization of the Canal.
i. Regulations for the application of laws for ecological preservation
in a manner that may not affect the adequate operation of the Canal.
j. Regulations concerning surveillance and security of the Canal.
k. Regulations to set tolls, rates, and fees charged by the Authority
and its concessionaires for the transit of vessels through the Canal, and the rendering
of related services.
l. Regulations to organize and establish the responsibilities for the
administration of the Canal, the organization of functions and duties of the various
bureaus and departments of the Authority.
Article 21. The Chairman of the Board of Directors shall exercise the
following functions:
Chair the meetings of the Board of Directors. During the temporary or
occasional absences of the Chairman, the Director selected by the Board for such
purpose shall perform his duties.
Attend the meetings of the Cabinet Council, having the right to voice
and vote, and provide reports, suggestions, and explanations regarding projects and
activities of the Authority.
Article 23. The following are the requirements to occupy the post of
Administrator or Deputy Administrator:
Be a Panamanian citizen.
Hold a university degree or have sufficient practical experience, in the
judgment of the Board of Directors.
Must not have been convicted of an offense with criminal intent or an
offense against the Public Administration.
Must not be related, at the time of appointment, to the members of
the Board of Directors up to the fourth degree of consanguinity or second of affinity.
The Administrator and Deputy Administrator may not be related to each other in any
manner as described above.
Article 25. The Administrator shall have the following functions and
duties:
Represent the Authority in any judicial or administrative action and
negotiation.
Develop and implement the decisions of the Board of Directors.
Establish salaries and other payments, as well as appoint, transfer,
promote, apply disciplinary actions, and remove Authority officials, workers in positions
of trust, and workers whose appointment is not the direct responsibility of the Board
of Directors, pursuant to what is established in this Law, the Regulations, and the
collective bargaining agreement in any case.
Prepare the draft annual budget and supplementary reports of the
Authority, in conjunction with the annual report on Authority activities and projects,
and submit them for consideration by the Board of Directors.
Article 30. The Inspector General shall report solely to the Board of
Directors, shall be under its general supervision, and shall not be under the supervision
of any other official of the Authority.
Article 31. The Inspector General shall discharge the following duties:
Develop policies for the steering, performance, oversight, and
coordination of audits and investigations into the operation of the Canal.
Review current and future laws, regulations, and procedures pertaining
to the operation of the Authority, and make appropriate recommendations on the
impact of such legislation or regulation on the economy and efficiency of the Authority
or for the prevention of fraud, waste, or abuse, and other anomalies in the Authority.
Any other property, rights, or assets assigned to it by the Law, the State,
municipalities, international organizations, autonomous Government entities, workers,
or corporations.
Article 37. The Authority shall forward its draft budget to the Cabinet
Council. After granting their approval, they will forward it to the Legislative Assembly.
Once the draft budget has been examined by the Legislative Assembly,
it may only approve or reject it. An absolute majority vote of its members is required
to reject it. In such an event, the budget of the previous year shall remain in effect
with the changes and adjustments the Board of Directors may make, as proposed to
and approved by the Cabinet Council, to ensure the continued safe, uninterrupted,
efficient, and profitable operation of the Canal.
If a vote on the Authority's budget is not held by the first day of the
corresponding fiscal year, the draft budget proposed by the Authority shall become
effective, and shall be adopted by a decision of the Cabinet Council.
In both cases, the items in the draft budget relative to the Authority's
public debt, the labor and contractual obligations it must meet, and investment
financing shall be automatically approved.
Article 41. After covering the costs for Canal operation, investment,
modernization, and expansion, as well as the necessary reserves provided by the Law
and the Regulations, any surplus shall be forwarded to the national treasury in the
following fiscal period.
Article 43. The Authority is exempt from the payment of any national
or municipal levy, tax, duty, fee, rate, charge, or contribution, with the exception of
Panama Social Security payments, educational insurance, workmen's compensation,
fees for public services, and those provided in Article 39 of this Law.
Article 45. The National Government may not commit the gross
revenues received by or through the Authority, or offer any property from its patrimony
as collateral for loans or any financial transaction of the State or by any of its
autonomous agencies.
Also, the National Government may not charge, on its own, any expense
against future Canal revenues.
Article 46. Neither the National Government nor the Authority may pay
any debt, liability, or financial obligation undertaken prior to December 31, 1999,
except as backed by funds received for the liquidation of the Panama Canal
Commission, or as may arise from express acknowledgments or commitments
undertaken by the State by reason of the transfer of the Canal.
Article 47. Without prejudice to the provisions of this Law, the Authority
may not make any payment or transfer of money to any individual or corporation,
whether state or private, except for services hired by the Authority, for property it may
acquire, or for an obligation it has lawfully contracted.
Article 48. The Authority may render services by contract to the State,
Government and non-governmental entities, as well as to workers, provided that an
adequate surety for payment or a deposit has been posted similar to those set forth
in Article 78 of this Law, or that the requirements established in the Regulations are
met.
Article 49. The Authority may dispose of any personal or real property
incorporated into its patrimony that is not required for the operation of the Canal, in
favor of the State, autonomous agencies, or private individuals or corporations,
pursuant to the provisions of the Regulations.
Article 50. The Authority may obtain loans or assume any other type
of credit obligations for the purpose of having funds available for emergency expenses
or to make investments, with the prior authorization of the Cabinet Council, and
pursuant to the decisions made to this regard by the Board of Directors.
locally or abroad, to ensure the best quality, the most favorable prices, efficiency and
competitiveness. It is the exclusive right of the Authority to establish the regulations
under which the general rules in this section will be applied.
Article 54. The Regulations the Authority may adopt shall contain
provisions that establish objective mechanisms to promote the broadest competition
in the selection of suppliers and contractors, shall establish the limiting amounts for
each type of contracting, and must be updated in accordance with the provisions of
the Board of Directors.
Article 59. The Authority has the right to deny entry to the Canal of any
vessel not abiding by the rules and regulations for navigational safety established in
this Law and the Regulations.
Article 65. In determining the amount of the damage award for injuries
to a vessel, the following factors may be considered:
The actual or estimated cost of repairs.
Charter hire actually lost by the owners or charter hire actually paid,
depending upon the terms of the charter party, for the time the vessel is undergoing
repairs.
Maintenance of the vessel and wages of the crew, if they are found to
be actual additional expenses or losses incurred outside of the charter hire.
Other expenses which are definitely and accurately shown to have been
incurred by reason of the accident or injuries.
The shipowner is responsible for promptly performing repairs to the
vessel and putting it into service. Claims shall not be allowed for losses incurred as a
result of the shipowner's negligence to promptly repair and return the vessel to service.
Every claim shall be accompanied by supporting evidence.
Article 67. Given the nature and characteristics of the Canal operation,
the Authority shall not be responsible for the damages that may result from any
excessive time, demurrage, or delays while in transit of the Canal; therefore, it shall
not accept claims resulting from the following events or circumstances:
Landslides or other natural causes.
Article 74. No action may be filed for damages under this section unless
the following conditions are met prior to the departure from the Canal of the vessel
involved:
That an investigation of the accident and the injury caused has been
completed according to a procedure that shall include a hearing by the Board of
Inspectors of the Authority, as provided in this Law and the Regulation.
That the basis for the claim has been laid before the Authority.
Section Three: Tolls for use of the Canal and Rates for Services
Article 75. Tolls shall be set at rates estimated to cover the costs of
operation and modernization of the Canal, and will include at least:
The costs of operating the Canal, including depreciation costs, support
for water resources protection, working capital, and the required reserves.
Payments to the National Treasury, as stipulated in the National
Constitution and this Law, estimated according to the bases established in the
regulation for this purpose.
Article 76. Neither the Government nor the Authority may authorize
exemption from the payment of tolls, fees, or tariffs for Canal services.
Notwithstanding, vessels exempted by virtue of international treaties in effect, ratified
by the Republic of Panama, shall not pay tolls for transiting the Canal.
Article 77. All Canal users subject to tolls, fees, and tariffs shall make
the payment in cash, in the legal currency of the Republic of Panama or the currency
established by the Authority before the service requested is rendered, in an amount
equivalent to the cost of the service.
The above-mentioned payment may be substituted by a surety posted
by a bank that meets the requirements of the Authority for such purpose.
Article 78. The Authority may require, as a previous condition for transit,
that vessels clearly establish the financial responsibility and guarantees for payment
of a reasonable and adequate amount, consistent with the rules of international
practice, to cover any damages that may result from their transit through the Canal.
In the case of a government-owned or government-operated vessel, or
for which the government of a country has accepted responsibility, it shall suffice to
guarantee such financial responsibility by means of a certification by the respective
country stating that it shall comply with its obligations, in accordance with International
Law, to pay any damages arising from actions or omissions of such ships during their
passage through the Canal.
The exception set forth in the previous paragraph will not be applicable
when the vessel, property of a State or operated by the same, is engaged in maritime
trade.
Article 80. The fees and rates established for the rendering of other
services will take into consideration at least the corresponding cost of such services,
as determined by the Regulations.
Article 83. To ensure a highly qualified labor force based on merit, the
designated Office within the Authority will receive applications, determine the
qualifications, and test the abilities of those aspiring to positions in the Authority. The
Regulations shall establish the organization and policies of the office charged with
admitting and testing applicants.
Article 85. For the purpose of promoting the capability, stability, and
productivity of the work force required for the efficient operation of the Canal, the
Authority shall guarantee:
Employment, transfers, and promotions shall be governed by merit
competition based on the education, qualifications, skills, and experience of the
workers or applicants.
Position classification according to the complexity of duties and
responsibility of the position and compensation determined by wage scales in
accordance with said classification in a manner to implement the principle of equal
pay for substantially equal work.
and it may include alternate dispute-resolution mechanisms, pursuant to this Law and
the Regulations.
incurred and the degree of responsibility of the violator. The Regulations shall establish
a schedule of offenses and sanctions and a statute of limitations, as well as minimum
and maximum sanctions for each offense incurred. The Authority shall apply
disciplinary measures progressively, allowing the worker to correct his conduct, except
in the case of a serious offense that warrants dismissal.
Sanctions shall be applied without prejudice to any civil or criminal
liability that may accrue to the offender arising from the action itself.
Article 92. To ensure that the international public service for which the
Panama Canal was created is not affected, its operation may not be interrupted,
neither fully nor partially, nor impaired in any way. Strikes, slowdowns, and any other
unjustified work stoppages are prohibited. If any such actions occur, the Administration
of the Authority shall proceed to adopt the necessary measures to immediately restore
the service and shall apply the sanctions established in the Law and the Regulations,
including that of dismissal.
Article 93. The only mandatory days off for national holidays or
memorial days are those provided by law or issued cabinet decrees. On mandatory
holidays, an effective work force shall be ensured with the number of workers required
for uninterrupted operation of the Canal.
Article 95. Workers who are members or who are eligible for
membership in a bargaining unit shall have the right to do the following:
To freely establish or join labor unions or participate or refrain from
participating in them, and, in all instances, to be protected in the exercise of their right.
To act on behalf of a labor union as its representative and, in this
capacity, present the views of the labor union before appropriate forums.
To engage in collective bargaining concerning issues that are subject
to negotiation through representatives chosen by the workers pursuant to this section.
To request the presence of the corresponding exclusive
representative in any investigation by a representative of the Authority which the
worker has reason to believe may result in disciplinary action against him or her.
To seek to resolve conflicts with the administration of the Authority
following applicable procedures established in this Law, the Regulations, or collective
bargaining agreements.
Article 96. All workers who are members of a bargaining unit shall have
the right to have their union dues deducted from their salaries, regularly and
periodically, as members of the corresponding union for their bargaining unit. The
Authority shall make such deductions, which must be authorized in writing by each
worker, free of cost to the union or to the employee. Such authorizations may not be
revoked for a period of one year.
Article 98. Labor unions shall have the right to maintain their affiliation
with international labor organizations.
Article 99. Workers may be granted representational time to carry out
their authorized representational duties, provided this activity is carried out during the
time the worker was scheduled to work. The purpose of granting representational time
is to avoid loss of salaries or benefits by the worker to which he would have a right if
he were not carrying out his duties as a representative. Representational time may not
be authorized for recruitment, officer elections, or dues collection activities, nor for
other internal union business.
Article 100. The administration of the Authority shall have the right to:
Determine the mission, budget, organization, number of workers, and
internal security practices of the Authority.
Hire, assign, direct, dismiss, and retain workers of the Authority;
suspend, remove, reduce in grade or pay, or take other disciplinary actions against
workers.
Assign work, make decisions with respect to contracting out, and
determine the personnel needed for the activities related to the operation of the
Canal.
Select, for hiring and promotion purposes, those candidates who have
been duly evaluated and certified as the best qualified, from lists or other
appropriate sources, as established in the Regulations.
Undertake the necessary actions to carry out the mission of the
Authority during an emergency.
Article 105. The following matters are excluded from the grievance
procedure to which the preceding article refers:
Prohibited political activities pursuant to Article 88 of this Law.
Retirement, life and medical insurance.
Tests, certifications, and personnel appointments.
Classification of any position that does not result in a grade or salary
reduction.
Those excluded from collective bargaining agreements by mutual
agreement.
when based upon an erroneous interpretation of the Law or the Regulations, because
of manifest partiality of the arbitrator, or noncompliance of due process in the course
of the arbitration.
Article 108. For the purposes of this Section, the following shall be
considered unfair labor practices on the part of the Authority:
Article 109. For the purposes of this Chapter, the following shall be
considered unfair labor practices by a union:
To interfere with, restrict, or coerce a worker in the exercise of any right
under this Section.
Article 111. A Labor Relations Board is hereby created for the purpose
of promoting cooperation and understanding in good labor-management relations and
to resolve any labor-management disputes under its jurisdiction. The Labor Relations
Board shall consist of five members, designated by the President of the Republic, from
lists supplied by the administration of the Authority and the exclusive representatives.
The Labor Relations Board will make decisions with full autonomy and
independence, and its decisions will be of mandatory compliance by the parties. The
members of the Labor Relations Board will serve for a period of five years and may be
reappointed.
The first designation will be for staggered terms so that the terms do
not conclude at the same time. The Chairmanship of the Board will be held for a one-
year period and shall rotate among the members of the Board.
Article 112. The Labor Relations Board will prepare its own budget and
submit it for approval by the Board of Directors to become part of the general budget
of the Authority, and will appoint the staff required for the fulfillment of its duties.
The Board will submit an annual report of its activities to the President
of the Republic.
Article 113. The Labor Relations Board shall have exclusive jurisdiction
in the exercise of the following functions:
To issue its own regulations.
To resolve disputes on negotiability.
To resolve negotiation impasses.
To resolve charges of unfair labor practices.
To recognize, certify, and revoke certifications of the exclusive
representatives; determine and certify appropriate bargaining units in accordance with
the Regulations, as well as to revoke the recognition of any labor organization that
violates the provisions of Article 92. The Labor Relations Board will grant exclusive
representation to the labor organization elected as exclusive representative by secret
ballot by a majority of the workers of that unit who cast lawful votes in an election.
Article 114. The Labor Relations Board shall promptly process any
matter subject to its jurisdiction that is submitted for its consideration. In accordance
with its regulations, it shall have discretionary power to recommend to the parties the
procedures for the resolution of the matter or to resolve it by the means and
procedures it deems appropriate.
The decisions of the Labor Relations Board may not be appealed, unless
they are in conflict with this Law, in which case the appeal must be brought before
the Administrative Disputes Section of the Supreme Court of Justice, whose decision
shall be definitive and binding.
Policies and practices that may allow the adoption and execution of
dynamic maintenance programs, subject to periodic adjustments, according to real
needs.
Designation of the required frequency for short-, medium-, and long-
term programs according to the nature of applicable techniques, as well as their
review, evaluation, and modification.
Permanent supervision to optimize general maintenance by investing in
modern equipment that will increase the confidence of users.
Tailoring said programs to the applicable standards of practice in this
industry.
Analyses of the feasibility and effectiveness of programs.
The establishment of reserve funds for refurbishment of equipment and
installations; capital funds for procurement and replacement of equipment; funds for
construction or improvement of facilities or infrastructures; funds for maintenance in
general; and funds for financing the aforementioned programs.
Establishment of independent programs of preventive maintenance,
repair, refurbishment, improvements, upgrading, and replacement.
Attainment, through the aforementioned programs, of a safe,
uninterrupted, efficient, and profitable operation of the various fixed and movable
structures, systems, and equipment engaged in the operation of the Canal.
Contracting out for services and maintenance, whenever feasible from
the point of view of operations, cost, and safety.
Other principles and criteria set forth in the regulations of the Authority.
Article 125. The Authority shall have all the powers, rights, and
privileges granted to the State by procedural laws in any judicial action to which it is a
party.
Article 127. Any violation of the provisions of this Law or its Regulations
concerning the rules of navigational safety in the Canal shall be punished by the
Authority with a fine of up to One Million Balboas (B/.1,000,000). In determining the
amount of the fine, the following shall be taken into consideration:
Whether it is an individual or a legal entity.
The nature of the violation and the gravity of the offense.
Recidivism by the violator.
Any mitigating or aggravating circumstances under which the violation
was incurred.
The Regulations shall determine the classification of the offenses and
the appropriate procedure.
The fines referenced in the present article will be imposed without
precluding the civil or criminal responsibilities that may arise from the penalized
actions.
Article 128. An unpaid fine shall be assessed a surcharge of one percent
(1%) for every 10 working days of late payment. The Authority may collect the unpaid
fine and any accumulated surcharges through an executory proceeding.
Article 130. The Executive Branch, through the Ministry of Finance and
Treasury, shall transfer to the Authority property rights to all assets described in item
1 of Article 33 of this Law received with the transfer of the Canal at the values
established by the corresponding transfer document.
Article 131. The Public Registry, at the request of the Authority, shall
register all the lands and improvements built thereon which are used for the operation
of the Canal to form one or several real estate properties registered in the name of
said Authority.
Article 132. The State shall endow the Authority, or the agency in
charge of the Canal transition, with the necessary funds for its operation during the
transition period that will end on December 31, 1999; these funds may be reimbursed
to the Central Government, pursuant to agreements between the Executive Branch
and the Authority.
the Authority, whether of a general or special nature, national or municipal, the organic
Law of the Authority and its Regulations will take precedence.
ภาคผนวก ฌ.
พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกากับการประกอบกิจการ
วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา ๖ ให้มี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทั ศน์และกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติเรียกโดยย่อว่า “กสทช.” จานวนสิบเอ็ดคน ประกอบด้วย
(๑) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านกิจการ
กระจายเสียงจานวนหนึ่งคน และกิจการโทรทัศน์จานวนหนึ่งคน
(๒) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านกิจการ
โทรคมนาคม จานวนสองคน
(๓) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านกฎหมาย
ด้านเศรษฐศาสตร์อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการ
โทรคมนาคม ด้านละสองคน
(๔) ผู้ ที่ มี ผ ลงานหรื อ มี ค วามรู้ แ ละมี ค วามเชี่ ย วชาญหรื อ ประสบการณ์ ด้ า นการ
คุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับ
ดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จานวนหนึ่งคน และการกากับดูแลกิจการโทรคมนาคม
จานวนหนึง่ คน
(๕) ผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านการศึกษา
วัฒนธรรมหรือการพัฒนาสังคม อันเป็นประโยชน์ต่อการกากับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการ
โทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม จานวนหนึ่งคน
ให้เลขาธิการ กสทช. เป็นเลขานุการ กสทช.
(๔) ไม่ติดยาเสพติดให้โทษ
(๕) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(๖) ไม่เป็นบุคคลที่ต้องคาพิพากษาให้จาคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
(๗) ไม่เคยต้องคาพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทาความผิดใด เว้นแต่เป็นความผิดอันได้
กระทาโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
(๘) ไม่ เ คยถูกไล่ อ อก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรื อ
รัฐวิสาหกิจหรือจากหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือ
ถือว่ากระทาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
(๙) ไม่เคยต้องคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาลให้ทรั พย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะ
ร่ารวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
(๑๐) ไม่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน
กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติ
(๑๑) ไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตาแหน่ง
(๑๒) ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงานผู้ถือหุ้น
หรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุ คคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจาย
เสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนได้รับการเสนอชื่อตามมาตรา
๑๐ หรือก่อนได้รับการคัดเลือกตามมาตรา ๑๕
(๑๓) ไม่อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดารงตาแหน่งทางการเมือง
มาตรา ๘ กรรมการต้อง
(๑) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตาแหน่งหรือเงินเดือนประจา
(๒) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วน
ท้องถิ่นและไม่เป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐ วิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ
(๓) ไม่ ประกอบอาชีพ หรือวิ ชาชีพ อิสระอื่นใดที่มีส่ วนได้ เสียหรื อมีผ ลประโยชน์
ขัดแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตาแหน่งกรรมการ
(๒) ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(๓) ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี
(๔) ปลัดกระทรวงกลาโหม
(๕) ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(๖) ผู้อานวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(๗) นายกสภาวิศวกร
(๘) ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
(๙) นายกสมาคมวิชาการนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
(๑๐) นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
(๑๑) ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน
(๑๒) ประธานกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
(๑๓) ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
(๑๔) ประธานสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ
(๑๕) ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค
ประธานและกรรมการสรรหาไม่มีสิทธิสมัครเป็นกรรมการ และองค์กรตามวรรคหนึ่ง
ไม่มีสิทธิขึ้นทะเบียนเพื่อเสนอชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการตามส่วนที่ ๒
ให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการสรร
หา และคัดเลือกกรรมการสรรหาอีกคนหนึ่ง เป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา
ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาในตาแหน่งใด หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ถ้า
กรรมการสรรหาที่เหลืออยู่นั้นมีจานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วย
กรรมการสรรหาที่เหลืออยู่
ให้สานักงานเลขาธิการวุฒิสภาทาหน้าที่เป็นหน่วยธุรการในการดาเนินการสรรหา
และคัดเลือกกรรมการ
ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งแทน
อยู่ในตาแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งตนแทน และในกรณีที่วาระที่เหลืออยู่ไม่ถึงสาม
ปี ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งอีกวาระหนึ่งได้
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการพ้นจากตาแหน่งตามวรรค
หนึ่ ง ให้ กสทช. ประชุ ม กั น เพื่ อ เลื อ กกรรมการคนหนึ่ ง เป็ น ประธานกรรมการหรื อ รองประธาน
กรรมการแล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ และให้นายกรัฐมนตรีนาความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานกรรมการหรือรองประธานกรรมการ แล้วแต่กรณี
มาตรา ๖๗ บรรดาอสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ที่ ส านั ก งาน กสทช. ได้ ม าโดยการซื้ อ หรื อ
แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสานักงาน กสทช. ตามมาตรา ๖๕ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือที่มีผู้บริจาคให้
ตาม (๔) ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสานักงาน กสทช.
อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ที่ เ ป็ น ที่ ร าชพั ส ดุ ต ามกฎหมายว่ า ด้ ว ยที่ ร าชพั ส ดุ ที่ อ ยู่ ใ นความ
ครอบครองของสานักงาน กสทช. ให้สานักงาน กสทช. มีอานาจในการปกครอง ดูแลบารุงรักษา ใช้
และจัดหาผลประโยชน์ได้ตามระเบียบที่กสทช. กาหนด
ทรัพย์สินของสานักงาน กสทช. ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ประวัติผู้เขียน
ผลงานทางวิชาการ
พ.ศ. 2560
นิติกร กฎหมายสินเชื่อ
ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน)