You are on page 1of 45

หิน (ROCK)

ความหมายในเชิงธรณีวทิ ยา

หิ น หมายถึง มวลสารที่เป็ นของแข็งซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากอนิ


นทรี ยว์ ตั ถุ และบางครั้งมีอินทรี ยวัตถุประกอบอยูด่ ว้ ย หิ นประกอบด้วยแร่
แต่บางครั้งก็ประกอบไปด้วยอินทรี ยวัตถุเป็ นส่ วนใหญ่ หิ นแบ่งออกเป็ น 3
ชนิด ตามการเกิด คือ หิ นอัคนี หิ นตะกอน และหิ นแปร
หินอัคนี (IGNEOUS ROCK)
หมายถึงหิ นที่เกิดจากการเย็นตัว ตกผลึก และแข็งตัวจากหิ นหนืด มี
ส่ วนประกอบหลักจาพวกซิลิเกต แบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิด ตามลักษณะเนื้อ
หิ น และตามตาแหน่งที่แร่ ตกผลึก
1. หิ นอัคนีพุ (extrusive rock)
2. หิ นอัคนีแทรกซอน (intrusive rock)
หินอัคนีพุ (EXTRUSIVE ROCK)
เกิดจากหิ นหลอมเหลวได้แข็งตัวขึ้นภายหลังจากได้มีแรงขับเคลื่อน
ขึ้นมาบนผิวโลก หิ นเหล่านี้อาจทะลักออกมาจากปล่องภูเขาไฟ หรื อจากรอย
แยกขนาดมหึ มาในเปลือกโลก เมื่อหิ นหนืดมาถึงผิวโลกจะเกิดการเย็น
ตัวอย่างรวดเร็ ว ทาให้ได้ผลึกขนาดเล็ก
หินอัคนีพุ (EXTRUSIVE ROCK)
1.หินบะซอลต์ (Basalt)
เป็ นหิ นที่แพร่ กระจายมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มีสีเข้มถึงดา เนื้อ
ละเอียด แร่ ประกอบเบื้องต้น ได้แก่ ไพรอกซีน แพลจิโอเคลส
เฟลด์สปาร์ โอลิวีน เมืองไทยพบมากแถบจังหวัดศรี สะเกษ
กาญจนบุรี และจันทบุรี
2.หินแอนดีไซต์ (Andesite)
มีสีเขียวหรื อเขียวเทา เนื้อละเอียด แร่ ประกอบเบื้องต้น ได้แก่
แร่ แพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ ไพรอกซีน ฮอร์นเบลนด์ มักเกิด
เป็ นแนวเทือกเขา เช่น ที่จงั หวัดสระบุรี ลพบุรี และแพร่
3.หินไรโอไลท์ (Rhyolite)
มีสีขาวเทา น้ าตาลอ่อน จนถึงชมพู เนื้อละเอียด แร่ ประกอบเบื้องต้น
ได้แก่ ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ ไบโอไทท์ มักเกิดเป็ นภูเขาหรื อเนิน
กลมๆ เช่น ที่จงั หวัดสระบุรี ลพบุรี และแพร่
4.หินพัมมิซ (Pumice)
เกิดจากลาวาที่แข็งตัวในขณะที่ไอร้อนและแก๊สต่างๆยังเป็ น
ฟองอากาศเล็ดลอดออกมา มีรูขนาดเล็กกระจายอยูท่ วั่ ไป มีน้ าหนัก
เบา ลอยน้ าได้ ในประเทศไทยพบในจังหวัดลพบุรี
5.หินออบซิเดียน (Obsidian)
อาจเรี ยกอีกชื่อว่า แก้วภูเขาไฟ จัดเป็ นหิ นอัคนีพเุ นื้อแก้ว เกิดจากการ
เย็นตัวอย่างรวดเร็ วมากจนไม่มีการก่อรู ปผลึกที่แยกจากกันได้ มีสีดา
หรื อน้ าตาลแกมแดง ความวาวแบบแก้ว แสดงรอยแตกโค้งเว้า ที่
ขอบแหลมคม
หินอัคนีแทรกซอน (INTRUSIVE ROCK)
หมายถึงหิ นอัคนีเนื้อหยาบที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างช้าๆ
ตกผลึกและแข็งตัวจากการหลอมละลาย ณ ระดับหนึ่งใต้ผิวโลก
หินอัคนีแทรกซอน (INTRUSIVE ROCK)
1.หินเพอริโดไทต์ (Peridotite)
เป็ นหิ นอัคนีแทรกซอนที่ประกอบด้วยแร่ สีคล้ าเพียงไม่กี่ชนิด คือ
โอลิวีน ไพรอกซีน มักมีสีดาเขียว ถึงเขียว
2.หินแกบโบร (Gabbro)
มีสีเข้ม ผลึกใหญ่ แร่ ประกอบเบื้องต้น ได้แก่ ไพรอกซีน แพลจิโอ
เคลสเฟลด์สปาร์ โอลิวีน
3.หินไดโอไรท์ (Diorite)
ผลึกค่อนข้างใหญ่ มีแร่ สีดา หรื อสี เข้มจนทาให้เห็น
เป็ นสี คล้ าๆ แร่ ประกอบเบื้องต้น ได้แก่ แพลจิโอเคลส
เฟลด์สปาร์ ไพรอกซีน ฮอร์นเบลนด์
4.หินแกรนิต (Granite)
เป็ นหิ นที่มีผลึกใหญ่มองเห็นชัด มีแร่ สีดา หรื อสี เข้มจนทา
ให้เห็นเป็ นสี คล้ าๆ แร่ ประกอบเบื้องต้น ได้แก่ ควอตซ์
เฟลด์สปาร์ ไบโอไทท์
หินตะกอน (SEDIMENTARY ROCK)
คือ หิ นที่เกิดจากการแข็งตัวและอัดตัวของเศษหิ นหรื อสารละลายที่ถูก
ตัวกลาง เช่น ลมและน้ าพัดพามาสะสมตัวบนที่ต่าๆ ของผิวโลก
หิ นตะกอนแบ่งได้เป็ น 2 แบบ ตามแหล่งวัสดุก่อกาเนิด คือ
1. หิ นตะกอนเนื้อประสม (clastic sedimentary rock)
2. หิ นตะกอนเคมี (chemical หรื อ nonclastic sedimentary rock)
หินตะกอนเนือ้ ประสม (CLASTIC SEDIMENTARY ROCK)

หมายถึง หิ นตะกอนที่ประกอบด้วยเศษหิ นที่มาจากการสลายตัว หรื อ


แตกสลายของหิ นอัคนี หิ นตะกอน หิ นแปร และซากสิ่ งมีชีวิต
เนื่องจากตะกอนที่เกิดเป็ นหิ นชนิดนี้ถูกพัดมาด้วยเชิงกลของน้ า ลม
ธารน้ าแข็ง จึงเป็ นการคัดขนาดโดยทางธรรมชาติ ดังนั้นหิ นตะกอนเนื้อ
ประสมจึงประกอบด้วยเศษหิ นหลากหลายชนิด และมีขนาดแตกต่างกัน จึง
ใช้เป็ นบรรทัดฐานในการจาแนก
หินตะกอนเนือ้ ประสม (CLASTIC SEDIMENTARY ROCK)

1.หินกรวดมน (Conglomerate)
ประกอบด้วยกรวดมนหลายขนาดที่ผสมกับทรายและยึดประสานกันด้วย
ซีเมนต์ธรรมชาติ เมืองไทยพบไม่มากนักอาจมีบา้ งเช่นที่จงั หวัดกาญจนบุรี
ระยอง และลพบุรี
2.หินกรวดเหลีย่ ม (Breccia)
ประกอบด้วยกรวดเหลี่ยมหลายขนาดที่ผสมกับทรายและยึดประสานกันด้วย
ซีเมนต์ธรรมชาติ
3.หินทราย (Sandstone)
องค์ประกอบหลักเป็ นเม็ดทรายที่ประสานติดกัน จึงมีเนื้อหิ นแบบเม็ด เป็ น
หิ นตะกอนที่แพร่ หลายเป็ นอันดับสอง นอกจากแร่ ควอตซ์แล้วหิ นทรายอาจ
ประกอบด้วยแร่ แคลไซต์ ยิปซัมหรื อสารประกอบเหล็กต่างๆ ที่มีขนาดเม็ด
ทราย เมืองไทยพบแทบทุกจังหวัดในภาคอีสาน
4.หินดินดาน (Shale)
เป็ นหิ นที่แพร่ หลายมากที่สุด เกิดมาจากทรายแป้ งและดินเหนียวที่แข็งตัว
เป็ นหิ น เม็ดละเอียด ชั้นบาง และแซะออกได้ง่ายตามระนาบชั้นหิ น
หิ นดินดานเนื้อถ่าน สี ดาและมีสารอินทรี ยส์ ูง อาจให้ปิโตรเลียมหรื อถ่านหิ น
หินตะกอนเคมี (CHEMICAL หรือ NONCLASTIC SEDIMENTARY ROCK)

หมายถึงหิ นที่เกิดจากการตกผลึกหรื อตกตะกอนจากสารละลายที่พดั มา


โดยน้ า หรื อตะกอนทับถมโดยร่ วมกับซากพืชหรื อสัตว์
แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ
1. หิ นตะกอนเคมีอนินทรี ย ์
2. หิ นตะกอนชีวเคมีหรื ออินทรี ย ์
หิ นตะกอนเคมี (CHEMICAL หรื อ NONCLASTIC SEDIMENTARY ROCK)

หินตะกอนเคมีอนินทรีย์
1.หินปูน (Limestone) ประกอบด้วยแร่ เบื้องต้นเดียว คือ แคลไซต์
หิ นปูนซึ่งก่อตัวเป็ นหิ นงอก (stalagmite) หิ นย้อย (stalactite) ภายในถ้ า เป็ นเนื้อ
ผลึก เรี ยกว่า คราบหิ นปูน (travertine) ส่ วนที่มีรูพรุ นแบบฟองน้ า อยูบ่ ริ เวณน้ าพุ
ทะเลสาบ หรื อจากการซึมผ่านของน้ าบาดาล เรี ยกว่า คราบหิ นพรุ น (tufa)
2.หินโดโลไมต์ (Dolomite)
คือ หิ นปูนแมกนีเซียม เกิดขึ้นเมื่อแคลเซียมในหิ นปูนถูกแทนที่ดว้ ยแมกนีเซียม
มีผวิ แตกลายหนังช้าง และเกิดเป็ นสะเก็ดแหลม
2.หินเกลือ (Rock Salt)
เกิดขึ้นจากแร่ ที่ตกตะกอนจากการระเหยของน้ าทะเล ประกอบด้วยแร่ เกลือหิ น
(halite) โดยปกติมีเนื้อเนียน มีสีขาวใส หรื อไม่มีสี แต่อาจมีสีต่างๆ ได้ เช่น สี
ส้ม เหลือง แดง เนื่องจากมีมลทินของสารจาพวกเหล็ก พบมากในจังหวัดต่างๆ
ทางภาคอีสาน
หินตะกอนชีวเคมีหรืออินทรีย์
1.หินปูน (Limestone)
เกิดขึ้นจากการทับถมของเปลือกหอย ปะการัง และสาหร่ าย
2.ถ่ านหิน (Coal)
ประกอบด้วยส่ วนต่างๆ ของพืชที่อดั กันแน่นจนกลายเป็ นสภาพหิ น สี ดา มันวาว
ทึบแสง และไม่เป็ นผลึก
หินแปร (METAMORPHIC ROCK)
คือ หิ นที่ถือกาเนิดขึ้นภายในชั้นเปลือกโลก โดยเปลี่ยนแปลงมาจากหิ น
เดิมที่อาจเป็ นหิ นอัคนี หิ นตะกอน หรื อหิ นแปรก็ได้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เกิดขึ้นในสถานะของแข็ง ไม่ผา่ นการหลอมเหลว ด้วยผลจากอุณหภูมิสูง
ความดันสูง หรื อทั้ง 2 ประการ ในกระบวนการนี้อาจมีสารใหม่หรื อไม่มีเพิ่ม
เข้าไปด้วยก็ได้
หิ นแปรแบ่งออกเป็ น 2 ชนิด ตามลักษณะโครงสร้างหรื อเนื้อหิ น คือ
1. หิ นเป็ นริ้ วขนาน (foliated rock)
2. หิ นไม่เป็ นริ้ วขนาน (Non-foliated rock)
หินเป็ นริ้วขนาน (FOLIATED ROCK)
หิ นแปรชนิดนี้มีลกั ษณะการจัดเรี ยงตัวของแร่ หรื อเนื้อหิ นไปในแนว
หนึ่งแนวใดโดยเฉพาะ ริ้ วลายในหิ นแปรนี้เกิดจากขบวนการแปรสภาพ
บริเวณไพศาล (regional metamorphism) เท่านั้น ซึ่งมีผลจากความดันเป็ น
หลัก ความร้อนอาจมีส่วนช่วยบ้าง
หินเป็ นริ้วขนาน (FOLIATED ROCK)
1.หินชนวน (slate)
เป็ นหิ นที่มีลกั ษณะเนื้อละเอียดมาก ตรวจผลึกแร่ ไม่พบด้วยตาเปล่า
แสดงแนวแตกเรี ยบแบบหิ นชนวน (slate cleavage) และกะเทาะ
ออกเป็ นแผ่นเรี ยบบางได้ง่าย มีได้หลายสี เช่น สี เทา ดา เขียว แดง มี
ประโยชน์ในการนามาทาหลังคา กระดานดา และทางเท้า อุตสาหกรรม
ซีเมนต์
2.หินฟิ ลไลต์ (phyllite)
เป็ นหิ นที่มีลกั ษณะคล้ายหิ นชนวน เป็ นเม็ดละเอียดกว่าหิ นชีสต์ แต่
หยาบกว่าหิ นชนวน ผิวที่แตกใหม่จะมีลกั ษณะวาวแบบไหมหรื อเป็ น
มันเงา เนื่องจากมีแร่ ไมกาเนื้อละเอียดอยู่ มักแปรมาจากหิ นดินดานด้วย
ความดันมหาศาลกว่าหิ นชนวนได้รับ แต่ไม่รุนแรงกว่าที่เกิดกับหิ น
ชีสต์
3.หินชีสต์ (schist)
มีเม็ดปานกลางถึงหยาบ เกิดขึ้นภายใต้ความดันมหาศาลกว่าหิ นชนวน
ประกอบด้วยแร่ ไมกา เป็ นแร่ หลัก บางครั้งก็มีคลอไรต์ ทัลก์ แกรไฟต์
ฮีมาไทต์ เป็ นต้น ที่เรี ยงตัวเกือบขนานกัน เรี ยกว่า แนวแตกแบบหิ น
ชีสต์ (schistosity)
4.หินไนส์ (gneiss)
เป็ นหิ นลายเม็ดหยาบที่เกิดจากการแปรสภาพอย่างรุ นแรงมาก มี
ลักษณะแร่ สีอ่อน เช่น ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ เรี ยงตัวเป็ นแถบเป็ นลาย
สลับกับแถบของแร่ สีเข้ม เช่น แร่ ไบโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ แถบมีการ
โค้งงอและบิดเบี้ยว
หินไม่ เป็ นริ้วขนาน (NON-FOLIATED ROCK)
ลักษณะของเนื้อหิ นมีเม็ดแร่ ขนาดเท่ากัน อาจเกิดได้ท้ งั การ
แปรสภาพสัมผัส (contact metamorphism) และบริ เวณไพศาล
ไม่มีการจัดเรี ยงตัวจึงไม่แสดงลักษณะริ้ วลาย ทาให้เป็ นเนื้อ
ลักษณะสมานแน่น มักพบในหิ นที่ประกอบด้วยแร่ ชนิดเดียว
เช่น หิ นควอตไซต์ หิ นอ่อน หิ นฮอร์นเฟลส์
หินไม่ เป็ นริ้วขนาน (NON-FOLIATED ROCK)
1.หินควอตไซต์ (quartzite)
เป็ นหิ นที่ประกอบด้วยมวลเนื้อผลึกของเม็ดทรายขนาดไล่เลี่ยกัน
ประสานติดกันแนบแน่น และอาจแสดงการเสี ยรู ปหรื อหลอมเชื่อมกัน
ได้ หากเกิดจากทรายแก้วบริ สุทธิ์จะได้หินควอตไซต์สีขาว แต่อาจมี
สิ่ งเจือปนที่อาจย้อมให้หินมีสีแดง เหลือง หรื อน้ าตาล ประโยชน์ใช้ใน
อุตสาหกรรมเครื่ องแก้ว ทาหิ นลับมีด หิ นประดับ
2.หินอ่อน (marble)
เป็ นหิ นที่เนื้อผลึกค่อนข้างหยาบ แปรสภาพมาจากหิ นปูนและหิ นโดโล
ไมต์ เกิดจากการเกิดผลึกใหม่ ทาให้หลักฐานซากดึกดาบรรพ์หรื อการปู
ตัวของหิ นบางอย่างที่พบบ่อยในหิ นปูนถูกทาลายไป หิ นอ่อนบริ สุทธิ์มี
สี ขาว หากมีสิ่งเจือปนจะทาให้หินอ่อนมีได้หลายสี มักนามาทาหิ น
ประดับ หิ นก่อสร้าง ตลอดจนแกะสลัก
3.หินแอมฟิ โบไลต์ (amphibolites)
เป็ นหิ นที่มกั ไม่แสดงริ้ วลายประกอบด้วยแร่ ฮอร์นเบลนด์ และแพลจิโอ
เคลสเป็ นส่ วนสาคัญ โดยมากมาจากหิ นภูเขาไฟ
วัฏจักรของหิน (ROCK CYCLE)
เรื่องของหิน
หิน…รู้ ไว้ เถิด
แบ่ งตามการเกิดมีสามชนิด
บะซอลต์ สคอเรีย พัมมิซ
อีกหินแกรนิตรวมเรียก หินอัคนี
เกิดจากหินหนืดลาวา
ผุดขึน้ มาเย็นตัวเร็วรี่
ได้ หินเนือ้ ละเอียดดี
ส่ องกล้องดูซีจะเห็นผลึกมัน
บางชนิดเกิดจากแมกมา
ใต้ เปลือกโลกหนาเย็นตัวที่นั่น
ผลึกใหญ่ เร็วมาดูกนั
สวยงามสี สันประโยชนมากมี
หิ นตะกอนเกิดจากดิน ทราย
ซากสัตว์ท้ งั หลายทับถมนานปี
มีสารเชื่อมประสานดี
ตะกอนเหล่านี้เป็ นหิ นแข็งแรง
หิ นทราย หิ นกรวด หิ นปูน
ล้วนแต่ให้คุณหาได้หลายแหล่ง
หิ นดินดาน อีกหิ นสี แดง
คือศิลาแลงหิ นอัคนีผพุ งั
หิ นแปร แปรแล้วแข็งขึ้น
เคยเป็ นหิ นอื่นมาแต่หนหลัง
ชนวน ไนส์ ควอร์ตไซต์ ดีจงั
รู ้หรื อยังแปรจากหิ นใด
หิ นอัคนี หิ นตะกอน หิ นแปร
ไม่มีหมดแน่หมุนเวียนเปลี่ยนไป
ความร้อน แรงดันคือปัจจัย
ให้หินคงไว้อยูใ่ นโลกเรา
จัดทาโดย
ครู มณีรัตน์ กาลสุ วรรณ
ครู ผู้สอน
รายวิชาวิทยาศาสตร์ 3 ว22101 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี

You might also like