Professional Documents
Culture Documents
ปฐพีกลศาสตร์
บทที 1
บทนํา
Introduction
to
Soil Mechanics
แบ่ งตามขนาด
แบ่ งตามความเหนียว
Rhyolite
Pumice
(From Burirum)
นํา
อากาศ
แรงโน้ มถ่ วง
Sand stone
from Lum ta kong
Arkose ( sandstone > 25 % feldspar grains)
Chalk
Shale
เกิดจากการเปลี&ยนแปลงอุณหภูมิ หรื อ
ความดัน ทําให้ หินอัคนี และหรื อหิ นชั น
เปลีย& นแปลงโครงสร้ างไปจากเดิม
Quartz
Quartz
(แก้วขนเหล็ก)
Mylonite
Slate
Physical Weathering
Chemical Weathering
Physical Weathering
Residual soil
Transported soil
Residual soil
คือ ดิ นที&แตกตัว หรื อย่ อยสลายจากหิ นหลักโดย
ไม่ ได้ เคลื&อนที&ไปยังบริ เวณอื&น หรื อเกิดจากอัตราการ
ย่ อยสลายของหินมากกว่ าอัตราการพัดพา
ลักษณะพิเศษของดินนี คือจะมีเม็ดดินขนาดเล็กที&
ผิวดินและขนาดของเม็ดดินจะใหญ่ ขนึ ตามความลึก
Transported soil
คือ ดินที&เกิดจากการพาไปของตัวกลางต่ าง ๆ เช่ น
นํา
ลม
แรงโน้ มถ่ วง
ธารนํา แข็ง
ผลกระทบ คือ
มีการจัดเรียงขนาดของเม็ดดิน
Sand
and
gravel Silt Clay
Large body
of water
Original profile
Wind
Sandy
Sand Loess
loess
Original profile
Very Well
Angular Subangular Subrounded Rounded
angular rounded
เม็ดดินที&มีเหลีย& ม (Angular particles) มักจะพบในที&ที&ใกล้ กบั
หินที&เป็ นต้ นกําเนิด
ลักษณะการเรียงตัว
ดินที&มีความเชื&อมแน่ น (Cohesive soil)
ดินเหนียว (Clay)
โมเลกุลของนําส่ วนที&อยู่ติดกับเม็ด
ดิ น จะมี ค วามหนื ด สู งกว่ านํ า
ธรรมดา ซึ&งเรียกว่ า Adsorbed water
ดั ง นั นดิ น เหนี ย วจึ ง เป็ นดิ น ที& มี
ความเชื&อมแน่ น (Cohesive soil) และ
คุ ณ ส ม บั ติ จึ ง ขึ น อ ยู่ กั บ ป ริ ม า ณ
ความชืนในดิน
ประจุไฟฟ้าลบ
------------------------
-----
-----
Clay particle
------------------------
Silica tetrahedron
Aluminium octrahedron
Silica
Aluminium
tetrahedron octrahedron
Octrahedral
Silica sheet sheet
or
Gibbsite sheet
Silica Atomic
tetrahedron structure of
Silica sheet
Symbolic
structure of Silica sheet
Silica sheet
Aluminium Atomic
octrahedron structure of
Gibbsite sheet
Symbolic
structure of Gibbsite sheet
Gibbsite sheet
แร่ ดนิ เหนียวทีส& ํ าคัญ คือ
Kaolinite
Montmorillonite
Illite
Silica sheet
เป็ นการจับตัวเรี ยงกันเป็ นชุ ดของ Gibbsite sheet
silica และ gibbsite sheets แล้วเรียงต่ อ Silica sheet
Silica sheet
ชุ ดแข็งแรงมาก ดังนันดินเหนียวนีจะ Gibbsite sheet
Gibbsite sheet
กระทํา Silica sheet
Gibbsite sheet
Silica sheet
Gibbsite sheet
Silica sheet
Silica sheet
Montmorillonite Gibbsite sheet
Silica sheet
Water
Silica sheet
ประกอบด้ วย silica sheets Gibbsite sheet
Gibbsite sheet
ตั ว กั น ข อ ง แ ต่ ล ะ ชุ ด ไ ม่ Silica sheet
Water
แข็งแรง เมื&อโดนนําจะทําให้ Silica sheet
เกิดการบวมตัวสู ง Gibbsite sheet
Silica sheet
Illite
Silica sheet
Silica sheet
montmorillonite แ ต่ มี K K
potassium ions คอยเชื&อม Silica sheet
Gibbsite sheet
ประสานทําให้ โครงสร้ างมี
Silica sheet
ความแข็ ง แรงมากกว่ า K K
Gibbsite sheet
Silica sheet
Kaolinite
Kaolinite
Montmorillonite
Illite
Illite
ลักษณะการเรียงตัว
ขนาดเม็ดดิน
ใหญ่ ดินเม็ดหยาบ
กรวด (Gravel) (Coarse grained soil
ดินทีไ ม่ มีความเชือมแน่ น
ทราย (Sand) or Granular soil)
(Cohesionless soil)
ดินตะกอน (Silt) ดินเม็ดละเอียด
ดินเหนียว (Clay) ดิน(Fine grained
ทีม ีความเชื soil)น
อมแน่
เล็ก
(Cohesive soil)
ขนาดของเม็ดดิน
ROCK
เช่ น
Boulder
Cobble
ดังนัน
วิศวกรจึงเกีย& วข้ องกับดินที&มีขนาด
เม็ดเล็กกว่ า 3 นิว
ASTM ระบุขนาดของเม็ดดินดังนี
ขนาดเม็ดดินเล็กกว่ า 0.075 mm
Fines (Silt + clay)
ความสั มพันธ์ ระหว่ าง
นํา หนักกับปริมาตรของดิน
Air
อากาศ Water
ช่ องว่างระหว่างเม็ดดิน
นํา
Soil solid
เม็ดดิน
Ws = นํา หนักของเม็ดดิน
Vs Soil
Ws W = Ws + Ww + Wa
solid
Wa = 0
W = Ws + Ww
Va Air
Vv
Vw Water Porosity, n
V
n = Vv/V
Vs Soil
solid
Degree of saturation, S
S = Vw/Vv
ความสั มพันธ์ โดยปริมาตร
ปริมาตร
Va Air
Vv
Vw Water
n = e/(1 + e)
V
Vs Soil e = n/(1 – n)
solid
นํา หนัก
Air Wa
Va Air Wa
J = W/V
Vv
Vw Water Ww
V W Dry density, Jd
Vs Soil
solid
Ws
Jd = Ws/V
Relative density, Dr
Dr = {(emax – e)/(emax – emin)} x 100
นอกจากนีย งั มีสูตรอืน& ๆ อีก ดังนี
S.e = m.Gs
J = Gs.Jw(1 + m)/(1 + e)
J = Jw(Gs + S.e)/(1 + e)
Jd = Gs.Jw/(1 + e)
Jd = J/(1 + m)
ตัวอย่ างที 1.3
A saturated clay has a weight of 152.6 g, and its oven
dry weight is 105.3 g. If the specific gravity of this clay is
2.71, determine the moisture content, void ratio, porosity
and unit weight of this soil.
วิธีทํา
S = 1.0, W = 152.6 g, Ws = 105.3 g, Gs = 2.71, Jw = 1.0 g/cc
กําหนดให้
S = 1.0
W = 152.6 g
Ws = 105.3 g จากสมการ 1.10 , m = (Ww/Ws) x 100
Gs = 2.71
แทนค่ า m = [(152.6 –105.3)/105.3] x 100
Jw = 1.0 g/cc
กําหนดให้
S = 1.0
W = 152.6 g
Ws = 105.3 g
จากสมการ 1.17, S.e = m.Gs
Gs = 2.71
Jw = 1.0 g/cc
แทนค่ า 1.0 x e = 0.449 x 2.71
หาค่า
m, e, n และ J Ans.
e = 1.22
m = 44.9 %
กําหนดให้
S = 1.0
W = 152.6 g
Ws = 105.3 g
Gs = 2.71 จากสมการ 1.8, n = e/(1 + e)
Jw = 1.0 g/cc
แทนค่ า n = 1.22/(1 + 1.22)
หาค่า
m, e, n และ J Ans.
n = 0.55 หรือ 55.0 %
m = 44.9 %
e = 1.22
กําหนดให้
S = 1.0
W = 152.6 g
Ws = 105.3 g
Gs = 2.71
จากสมการ 1.19, J = Jw(Gs + S.e)/(1 + e)
Jw = 1.0 g/cc
แทนค่ า J = 1.0 x (2.71 + 1.0 x 1.22)/(1 + 1.22)
หาค่า
m, e, n และ J
J = 1.77 g/cc Ans.
m = 44.9 %
e = 1.22
n = 0.55
กําหนดให้
S = 1.0
W = 152.6 g
Ws = 105.3 g
m = 44.9 %
Gs = 2.71 e = 1.22
Jw = 1.0 g/cc
n = 0.55
หาค่า
m, e, n และ J J = 1.77 g/cc Ans.
ดินเหนียวปนดินตะกอนในสภาพธรรมชาติก้อนหนึ&ง มีปริมาตร
15.8 ลบ.ซม.หนัก 30.9 กรัม นําตัวอย่ างดินมาอบในตู้อบจนแห้ งสนิท
แล้วนําไปชั&งได้ 26.6 กรัม ค่ าความถ่ วงจําเพาะของเม็ดดินเท่ ากับ 2.68 จง
หาค่ า e, n, S, J และ Jd
ตัวอย่ างที 1.4
ดินเหนียวปนดินตะกอนในสภาพธรรมชาติก้อนหนึ&ง มีปริมาตร
15.8 ลบ.ซม.หนัก 30.9 กรั ม นําตัวอย่ างดินมาอบในตู้อบจนแห้ งสนิท
แล้วนําไปชั&งได้ 26.6 กรัม ค่ าความถ่ วงจําเพาะของเม็ดดินเท่ ากับ 2.68 จง
หาค่ า e, n, S, J และ Jd
วิธีทํา
V = 15.8 cc, W = 30.9 g, Ws = 26.6 g, Gs = 2.68, Jw = 1.0 g/cc
กําหนดให้
V = 15.8 cc
W = 30.9 g
จากสมการ 1.4, W = Ws + Ww
Ws = 26.6 g
Gs = 2.68 แทนค่ า 30.9 = 26.6 + Ww
Jw = 1.0 g/cc
Ww = 4.3 g
หาค่ า
e, n, S, J และ Jd
กําหนดให้ Ww = 4.3 g
V = 15.8 cc
W = 30.9 g
Ws = 26.6 g
Gs = 2.68
Jw = 1.0 g/cc
จาก Jw = Ww/Vw
หาค่า
Vw = 4.3 cc
e, n, S, J และ Jd
หาค่า Va = 1.6 cc
e, n, S, J และ Jd
แทนค่ า e = 5.9/9.9
แทนค่ า n = 5.9/15.8
แทนค่ า J = 30.9/15.8
แทนค่ า Jd = 26.6/15.8
วิธีทํา
V = 1/30 cu.ft, W = 4.1 lb, m = 21.0 %,
Gs = 2.67, Jw = 62.4 lb/cu.ft
กําหนดให้
หาค่ า Ws = 3.39 lb
n, e, S และ Jsat
กําหนดให้
V = 1/30 cu.ft
W = 4.1 lb
m = 21.0 %
และจากสมการ 1.10, m = (Ww /Ws) x 100
Gs = 2.67
Jw = 62.4 lb/cu.ft แทนค่ า 21.0 = (Ww /3.39) x 100
Ww = 0.71 lb
หาค่ า
n, e, S และ Jsat
Ws = 3.39 lb Ww = 0.71 lb
กําหนดให้
V = 1/30 cu.ft
W = 4.1 ls
Va = 0.0016 ft3
หาค่า
n, e, S และ Jsat
Vv = 0.01298 ft3
หาค่า
n, e, S และ Jsat
Ws = 3.39 lb Ww = 0.71 lb Vs = 0.02035 ft3 Vw = 0.01138 ft3
กําหนดให้
Va = 0.0016 ft3 Vv = 0.01298 ft3
V = 1/30 cu.ft
W = 4.1 ls
m = 21.0 %
Gs = 2.67
จากสมการ 1.6, n = Vv / V
Jw = 62.4 lb/cu.ft
แทนค่ า n = 0.01298/(1/30)
n = 0.39 Ans.
หาค่า
n, e, S และ Jsat
แทนค่ า e = 0.01298/0.02035
e = 0.64 Ans.
หาค่า
n, e, S และ Jsat
Ws = 3.39 lb Ww = 0.71 lb Vs = 0.02035 ft3 Vw = 0.01138 ft3
กําหนดให้
Va = 0.0016 ft3 Vv = 0.01298 ft3
V = 1/30 cu.ft
W = 4.1 ls
m = 21.0 %
Gs = 2.67
จากสมการ 1.7, S = (Vw/Vv) x 100
Jw = 62.4 lb/cu.ft
S = 87.7 % Ans.
หาค่า
n, e, S และ Jsat
วิธีทํา
m = 30.0 %, J = 18.6 kN/m3, Gs = 2.7, Jw = 9.81 kN/m3
กําหนดให้
m = 30.0 %
J = 18.6 kN/m3
J = 18.6 kN/m3 หมายความว่ า ถ้ าดินก้ อนนีม ี
Gs = 2.7
ปริมาตร 1 ลบ.เมตร จะหนัก 18.6 kN
Jw = 9.81 kN/m3
Vw = 0.44 m3
หาค่า
e และ S
หาค่า
Va = 0.02 m3
e และ S
V = 1.0 m3 W = 18.6 kN Ws = 14.3 kN Ww = 4.3 kN Vs = 0.54 m3
กําหนดให้
Vw = 0.44 m3 Va = 0.02 m3
m = 30.0 %
J = 18.6 kN/m3
Gs = 2.7
Jw = 9.81 kN/m3
จากสมการ 1.2, Vv = Vw + Va
หาค่า Vv = 0.46 m3
e และ S
แทนค่ า e = 0.46/0.54
S = 95.6 % Ans.
หาค่า
e และ S
การวิเคราะห์ ขนาดของเม็ดดิน
Sizes of sieves
Set #1 Set #2
Sieve #10
Sieve #20
Sieve #40
Sieve #60
Sieve #100
Sieve #200
ถาดรอง (Pan)
ห ลั ง จ า ก ทํ า ค ว า ม ส ะ อ า ด ตัวอย่ างดิน
ตะแกรงและชั& ง นํา หนั ก แต่ ล ะอัน
แล้ ว นํ า ตะแกรงเหล่ า นั น มาวาง
ซ้ อ นกั น โดยเรี ย งจากขนาดที& มี รู
เปิ ดเล็กไปหาใหญ่ #4
#10
#20
จากนันเทตัวอย่ างดินลงไปใน #40
ชุ ดตะแกรง #60
#100
#200
ปิ ดฝา แล้ ว นํ า ไปเข้ า เครื& อ งสั& น Pan
ตะแกรง (Sieve shaker machine)
Motion
#4
#10
#20
#40
#60
#100
#200
Pan
Timer
Sieve shaker
0
เป็ นการทดลองสํ าหรั บหาขนาดเม็ดดิน ที&
เล็กกว่ า 0.075 mm การทดลองอาศัยหลักการ
ตกตะกอนของวัตถุ ซึ&งอ้ างอิงกฏของสโตรค
60 (Strokes’s law) จากการทดลองจะสามารถหา
ค่ า เปอร์ เซ็นต์ ละเอียดกว่ า (Percent finer) กับ
ขนาดเส้ นผ่ าศูนย์ กลางของเม็ดดินได้
กฏของสโตรค
“ความเร็ วของวัตถุทรงกลมทีจมลงในของเหลว มี
ความสั มพันธ์ กับขนาดเส้ นผ่ าศูนย์ กลางของวัตถุนั9น
ยกกําลังสอง”
Soil + water
+ dispersing agent
Hydrometer
Sedimentation
cylinder 1000 cc
Specific gravity
Meniscus correction
Viscosity (Temperature)
Dispersing agent
จากการทดลอง :
Sieve analysis
Hydrometer analysis
กราฟการกระจายขนาดเม็ดดิน
Grain size distribution curve
% finer
จาก Sieve
จาก Hydrometer
Uniform soil
or
Poorly graded soil
ระบายนํา ได้ ดี
ความหนาแน่ นตํ&าเมื&อถูกบดอัด
ความต้ านทานแรงเฉือนตํ&า
ระบายนํา ไม่ ดี
Uniform
Well
Gapgraded
graded
soil soil
soil
Coefficient of uniformity, Cu
Coefficient of curvature, Cc
Effective size
D10
Cu = D60/D10
Coefficient of curvature
Cc = D302/(D10.D60)
การใช้ งาน
Selection of fill materials Embankment, earth dam
Drainage filter
Groundwater drainage
Concrete materials
etc.
วิธีทํา
นํา หนักดินแห้ งก่อนล้างผ่ านตะแกรงเบอร์ 200 = 500.0 กรัม
นํา หนักดินแห้ ง(หลังล้าง) ที&ค้างตะแกรงเบอร์ 200 = 472.5 กรัม
ดังนันนํา หนักดินแห้ งทีผ& ่านตะแกรงเบอร์ 200 เนื&องจากการล้าง
500.0 – 472.5 = 27.5 กรัม
%%ค้%าค้งตะแกรง = นน.ดิ
าผ่งตะแกรงสะสม
านตะแกรง น= ค้6-างตะแกรง
= 100 % x 100/500
งตะแกรงสะสม
% ค้ างตะแกรง
D10 = 0.19
D30 = 0.29
D60 = 0.53
จากสมการ 1.28, Cu = D60/D10
แทนค่ า Cu = 0.53/0.19
Cu = 2.8
Cc = 0.8
ดังนัน ดินชนิดนีม ีค่า
ดังนัน ดินชนิดนีเ ป็ น
ดินทีมีขนาดคละกันไม่ ดี
(Uniform soil หรื อ Poorly graded soil)
สรุ ป ดินชนิดนี มีค่าต่ าง ๆ ดังนี
สถานะของดินเหนียว
ดินเหนียวโดยทั&วไปจะมีเม็ดขนาดเล็กกว่ า 0.002 mm
คํานิยามของดินเหนียวคือ เม็ดดินที&สามารถอยู่ใน
สภาพพลาสติกเมื&อถู กผสมด้ วยปริ มาณนําจํานวน
หนึ&ง (Those particles which develop plasticity
when mixed with a limited amount of water)
เนื&องจากเม็ดดินมีขนาดเล็กมากและประกอบด้ วยแร่
ดินเหนียวอีกทังยังมีรูปทรงเป็ นแผ่ นแบนยาวดังนันมัน
จึงมีความพยายามจะจับโมเลกุลของนําเข้ ามารวมกับ
เม็ดดิน
Liquid
plastic state
Semi state
Solid solid
state state
m ,%
พิกดั อัตเทอร์ เบอร์ ก
Atterberg limits
Liquid
plastic state
Semi state
Solid solid
state state
S L. P L. L L. m ,%
ถ้ วยทองเหลืองจะถูกยกขึน สู ง 10 mm และตกกระแทก
ลงบนแผ่ นยางแข็ง ด้ วยความเร็ว 2 รอบต่ อวินาที
นับจํานวนครังของการเคาะจนกระทัง& ร่ องดินชิดกันยาว 12.7 mm
Spatula
Soil paste
Soil groove
Grooving tool
Moisture
content, %
LL.
LL = m (N/25) tan E
Plastic
pronged
plate
Shrinkage dish
Volume dish
Soil cake
Mercury
Container
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
Mercury
SL. = [Ww – (Vi –Vf)Jw] x 100/Ws
Soil Parameter
Plasticity Index
Liquidity Index
Activity
Flow Index
Plasticity Index, PI.
Liquid state
plastic state
Semi solid
state
Solid state
S L. P L. L L. m ,%
PI
Activity, Ac
Flow Index, Fi
m2
m1
N2 N1
แผนภูมิสภาพพลาสติก
Casagrande ได้ คิ ด แผนภู มิ ส ภาพพลาสติ ก
(Plasticity chart) สํ าหรับแยกชนิดของดินระหว่ าง ดิน
ตะกอนกับดินเหนียวโดยใช้ ค่า
Liquid limit
Plasticity index
Plasticity chart
Shrinkage limit
LL. = -43.5 %
PI. = -46.5 %
บทที 2
ระบบการจําแนกดิน
ระบบของ MIT
ระบบของ USDA
ระบบของ MIT
ชนิดของดิน ขนาด
กรวด (Gravel) ใหญ่ กว่ า 2.0 mm
ทราย (Sand) 2.0 – 0.06 mm
ดินตะกอน (Silt) 0.06 – 0.002 mm
ดินเหนียว (Clay) เล็กกว่ า 0.002 mm
ระบบของ USDA
ชนิดของดิน ขนาด
กรวด (Gravel) ใหญ่ กว่ า 2.0 mm
ทราย (Sand) 2.0 – 0.05 mm
ดินตะกอน (Silt) 0.05 – 0.002 mm
ดินเหนียว (Clay) เล็กกว่ า 0.002 mm
ต่ อมาระบบจําแนกดินได้ นําค่ าความเหนียวของ
ดิน มาร่ ว มพิจ ารณาด้ ว ยซึ& ง ทํ า ให้ ก ารจํา แนกดิน
ละเอียดขึน
คุณสมบัติของดินทีใ& ช้ จําแนก
Plasticity index
ตารางเปรียบเทียบขนาดเม็ดดินตามระบบการจําแนกดินต่ าง ๆ
75
AASHTO Soil classification system
ดินอินทรียสาร A-8
ขนาดของเม็ดดินในระบบ AASHTO
ชนิดของดิน ขนาด, mm
Sieve
analysis
Atterberg
limits
นอกจากนี ในการจําแนกดิน ยังต้ องมี Group index วงเล็บไว้ ข้าง
หลังกลุ่มด้ วย เช่ น A - 4(5) ซึ&ง GI นีส ามารถคํานวณได้ จากสมการ
หรือ
GI = (F – 35)[0.2 + 0.005(LL – 40)] + 0.01(F – 15)(PI – 10)
F = % ผ่ านตะแกรง #200
GI = 0.01 B.D
สํ าหรับดินกลุ่ม
A-1-a, A-1-b, A-2-4, A-2-5 และ A-3
ค่ า GI จะเท่ ากับ ศูนย์ เสมอ
สั ญลักษณ์ ของดิน
LLR = Liquid limit ratio อัตราส่ วนของ LL ทีใ& ช้ ตัวอย่ างอบแห้ งต่ อตัวอย่ างเปี ยก
ขนาดของเม็ดดินในระบบ USCS
วิธีทาํ
97 %
ขนาดของดินในระบบ MIT
ชนิดของดิน ขนาด, mm 53 %
กรวด
ใหญ่กว่า 2.0
(Gravel) 22 %
ทราย
2.0 – 0.06
(Sand) 2.0 0.06
0.002
ดินตะกอน
0.06 – 0.002
(Silt)
ดินเหนียว
เล็กกว่า 0.002 % ละเอียดกว่ า 2 mm. = 97 %
(Clay)
% ละเอียดกว่ า 0.06 mm. = 53 %
ทราย
หมายความว่ าดินมีเม็ดเล็กกว่ า 2.0 mm อยู่
2.0 – 0.06
(Sand)
97 % ของทังหมด
ดินตะกอน
0.06 – 0.002
(Silt)
ดินเหนียว
เล็กกว่า 0.002
แสดงว่ าดินมีเม็ดใหญ่ กว่ า 2.0 mm อยู่
(Clay)
100 – 97 = 3 %
% ละเอียดกว่ า 2 mm. = 97 %
% ละเอียดกว่ า 0.06 mm. = 53 % ดินนีม ีกรวด = 3 %
% ละเอียดกว่ า 0.002 mm. = 22 %
ดินเหนียว
เล็กกว่า 0.002
ของทังหมด
(Clay)
แสดงว่ ามีเม็ดดินขนาด 2.0 – 0.06 mm อยู่
% ละเอียดกว่ า 2 mm. = 97 % 97 – 53 = 44 %
% ละเอียดกว่ า 0.06 mm. = 53 %
% ละเอียดกว่ า 0.002 mm. = 22 %
ดินนีม ีทราย = 44 %
ขนาดของดินในระบบ MIT จากกราฟ :
ชนิดของดิน ขนาด, mm % ละเอียดกว่ า 0.06 mm = 53 %
กรวด
ใหญ่กว่า 2.0
(Gravel) หมายความว่ าดินมีเม็ดเล็กกว่ า 0.06 mm
ทราย
(Sand)
2.0 – 0.06 อยู่ 53 % ของทังหมด
ดินตะกอน
0.06 – 0.002 และมีดินทีเ& ม็ดเล็กกว่ า 0.002 mm อยู่
(Silt)
ดินเหนียว
เล็กกว่า 0.002
22 % ของทังหมด
(Clay)
แสดงว่ ามีเม็ดดินขนาด 0.06 – 0.002 mm อยู่
% ละเอียดกว่ า 2 mm. = 97 % 53 – 22 = 31 %
% ละเอียดกว่ า 0.06 mm. = 53 %
% ละเอียดกว่ า 0.002 mm. = 22 %
ดินนีม ีดินตะกอน = 31 %
ขนาดของดินในระบบ MIT
ชนิดของดิน ขนาด, mm
จากกราฟ :
กรวด
ใหญ่กว่า 2.0
(Gravel)
% ละเอียดกว่ า 0.002 mm = 22 %
ทราย
2.0 – 0.06
(Sand)
ดินตะกอน
หมายความว่ าดินมีเม็ดเล็กกว่ า 0.002 mm
0.06 – 0.002
(Silt) อยู่ 22 % ของทังหมด
ดินเหนียว
เล็กกว่า 0.002
(Clay)
ดินนีม ีดินเหนียว = 22 %
% ละเอียดกว่ า 2 mm. = 97 %
% ละเอียดกว่ า 0.06 mm. = 53 %
% ละเอียดกว่ า 0.002 mm. = 22 %
ขนาดของดินในระบบ MIT
31 % ดินนีม ดี ินตะกอน = 31 %
ดินนีม ดี ินเหนียว = 22 %
22 %
47 %
ตะแกรงเบอร์ % ผ่ าน
10 88.2 จงจําแนกดินโดยระบบ
40 67.9 AASHTO
200 56.3
LL. 53.2 %
PL. 33.7 %
วิธีทาํ
ตะแกรงเบอร์ % ผ่าน
10 88.2
40 67.9 PI.= LL. – PL.
200 56.3
= 53.2 – 33.7
LL. 53.2 %
PI. 19.5 %
ตะแกรง %
เบอร์ ผ่ าน
10 88.2
40 67.9
200 56.3
LL. 53.2 %
PI. 19.5 %
ตะแกรง %
เบอร์ ผ่ าน
10 88.2
40 67.9
200 56.3 19.5 %
LL. 53.2 %
53.2 %
PI. 19.5 %
PI. ≤ LL. - 30
GI = 9.6 GI = 10
ดังนันดินชนิดนี คือ
A –7 – 5 (10)
Ans.
ตัวอย่ างที 2.3
การทดสอบดินในห้ องปฏิบัติการได้ ให้ ค่าต่ าง ๆ ดังนี
D10 0.30 mm
D30 0.73 mm
D60 1.27 mm
วิธีทาํ
เนื& อ งจากมี ดิ น ผ่ า นตะแกรง #200
เพียง 4 % ซึ&งแสดงว่ า มีเม็ดใหญ่ กว่ า
ตะแกรง
% ผ่ าน #200 อยู่ 100 – 4 = 96 %
เบอร์
4 78.0
200 4.0
ดินเม็ดหยาบ
D10 0.30 mm
D30 0.73 mm
D60 1.27 mm G หรือ S
96 % 4%
ตะแกรง
% ผ่ าน เนื&องจากมีดินผ่ านตะแกรง #4 = 78.0 %
เบอร์
4 78.0 ซึ&งแสดงว่ า มีเม็ดใหญ่ กว่ า #4 อยู่
200 4.0 100 – 78.0 = 22.0 %
D10 0.30 mm
D30 0.73 mm
D60 1.27 mm
G = 22.0 %
ตะแกรง เนื&องจากมีดินผ่ านตะแกรง #4 = 78.0
% ผ่ าน
เบอร์ % และผ่ าน #200 อยู่ 4 %ซึ&งแสดงว่ า มี
4 78.0 เม็ดเล็กกว่ า #4 และใหญ่ กว่ า #200 อยู่
200 4.0 78.0 – 4.0 = 74.0 %
D10 0.30 mm
D30 0.73 mm
D60 1.27 mm S = 74.0 %
เพราะฉะนันดินชนิดนี มี
G = 22.0 %
S = 74.0 %
Fines = 4.0 %
ดังนันดินชนิดนีจ ึงมีสัญลักษณ์ S
22.0 %
74.0 %
G = 22.0 %
pass #200
=4%
S = 74.0 %
Fines = 4.0 %
จากนันทําการตรวจสอบขนาดคละ
Cu = D60/D10
ตะแกรง = 1.27/0.30
% ผ่ าน
เบอร์
4 78.0 = 4.23
200 4.0 Cu > 4.0 = Well graded soil
ดังนันดินชนิดนีเ ป็ น
ดินที&มีขนาดคละกันดี
Well graded soil
ดังนันดินชนิดนี คือ
SW
Ans.
ตัวอย่ างที 2.4
การทดสอบดินในห้ องปฏิบัติการได้ ให้ ค่าต่ าง ๆ ดังนี
LL. 27.4 %
PL. 19.1 %
ดังนันจึงเป็ นดินเม็ดละเอียด
LL. 27.4 %
PL. 19.1 %
L หรือ H
37.7 % 62.3 %
ตะแกรง
% ผ่ าน
เบอร์
4 91.5 PI.= LL. – PL.
200 62.3
= 27.4 – 19.1
LL. 27.4 %
PI. 8.3 %
ตะแกรง
% ผ่าน
เบอร์
4 91.5
200 62.3
LL. 27.4 %
8.3 %
PI. 8.3 %
27.4 %
หรือใช้ สมการ PI. = 0.73(LL. – 20)
แทนค่ า PI. = 0.73(27.4 – 20)
จะได้ PI. = 5.4 ซึ&ง น้ อยกว่ า PI. ของดิน (8.3 %)
LL. 27.4 %
PI. 8.3 %
ดังนันดินชนิดนี คือ
CL
Ans.
บทที 3
การไหลของนํ9าในดิน
Ground level
Bore hole
Contact water
CapillarySoil
Saturation
profile zone
Water table
Saturated soil
สภาพคาพิวลารี (Capillary)
เกิดจากแรงตึงผิว (Surface tension) ของ
ของเหลว ทําให้ ของเหลวที&อยู่ในหลอดถูกดึงให้ มี
ระดับสู งขึน กว่ าบริเวณอืน&
Water
FT 2r FT
α α
W = FT cos α
h
γw(π.r2.h) = Ts (2 π r) cos α
W
h = (2 Ts/ γw.r) cos α
การไหลของนํา
Turbulent flow
Laminar flow
Turbulent flow
เฮดทางชลศาสตร์ ในดิน
เฮด (Head) หมายถึง พลังงานต่ อหน่ วย
มวล (Energy per unit mass) มีหน่ วยเป็ น
ความยาว
เฮดที&สําคัญมีดังนี
h = hp + he + hv
hp = u/Jw
เมื&อ
u = ความดันของนํา ทีจ& ุดทีพ& จิ ารณา
Jw = หน่ วยนํา หนักของนํา
เฮดระดับนํา (Elevation head), he
he = z
เมื&อ
z = ระยะทางวัดจาก Datum ถึงจุดทีพ& จิ ารณา
hv = v2/2g
เมื&อ
v = ความเร็วในการไหลซึม
g = ความเร่ ง
แต่ เนื&องจากในดิน ค่ าความเร็วในการไหลซึมของนํา น้ อยมาก
( v » 0) ดังนัน จึงให้ hv = 0
h = hp + he
' h = h A - hB
hpA 'h
A
hA hpB
heA B hB
heB
Datum
hpA
A
hpB
hA hB
heA B
heB
Datum
'h
A
hA1 hA2
hB2
B hB1
Datum #2
Datum #1
ตัวอย่างที 3.1
จากอุปกรณ์ ดงั รูป ตัวอย่างดินทีถ& ูกบรรจุอยู่มคี ุณสมบัติและพืน ทีห& น้ าตัด
สมํา& เสมอตลอดความยาว จากการทดลองจะพบว่ านํา ไหลผ่ านดินจากด้ านซ้ ายไป
ด้ านขวา และระดับนํา ทังสองด้ านถูกทําให้ คงทีต& ลอดการทดลอง ถ้ าให้ ระดับ
อ้างอิง (Datum) อยู่ที&ก้นถังใบล่ าง จงหาค่ าเฮดทังหมด เฮดระดับนํา และเฮดความ
ดันทีจ& ุด A B C D E และ F
วิธีทํา
นํา ไหลจากซ้ ายไปขวา = Total head ด้ านซ้ าย (50.0 cm) มากกว่ า ด้ านขวา (10.0 cm)
พิจารณาทีจ& ุด A
จากสมการ 3.5, hp = u/Jw
hp = (50.0 – 40.0).Jw/Jw
hp = 10.0 cm (เท่ ากับระยะทางจากระดับนํา ถึงจุด A)
พิจารณาทีจ& ุด A
พิจารณาทีจ& ุด A
พิจารณาทีจ& ุด B
พิจารณาทีจ& ุด C
เนื&องจากจุด C อยู่ในตัวอย่ างดินห่ างจากจุด B เท่ ากับ 7.5 cm หรือ
¼ ของความยาวทังหมด ซึ&งการไหลผ่านดินจาก B ไป E จะทําให้ มี
การสู ญเสี ยเฮดเท่ ากับ 40.0 cm ดังนันการสู ญเสี ยเฮดเนื&องจากการ
ไหล ¼ ของความยาวทังหมดจะเท่ ากับ 40.0/4 = 10.0 cm
พิจารณาทีจ& ุด C
Total head ที&จุด C = Total head ที&จุด B – Head loss เนื&องจากการไหลของนําจาก B ไป C
Total head ทีจ& ุด C = 50.0 – 10.0
Total head ทีจ& ุด C = 40.0 cm
พิจารณาทีจ& ุด C
he = 25.0 cm (เท่ ากับระยะทางจากระดับอ้างอิงถึงจุด C)
พิจารณาทีจ& ุด D
Total head ที&จุด D = Total head ที&จุด C – Head loss เนื&องจากการไหลของนําจาก C ไป D
Total head ทีจ& ุด D = 40.0 – 10.0
Total head ทีจ& ุด D = 30.0 cm
พิจารณาทีจ& ุด D
he = 25.0 cm (เท่ ากับระยะทางจากระดับอ้างอิงถึงจุด D)
พิจารณาทีจ& ุด E
เนื&องจากจุด E อยู่ในตัวอย่ างดินห่ างจากจุด D เท่ ากับ 15.0 cm
หรือ 1/2 ของความยาวทังหมด ซึ&งการไหลผ่ านดินจาก B ไป E จะทํา
ให้ มกี ารสู ญเสี ยเฮดเท่ ากับ 40.0 cm ดังนันการสู ญเสี ยเฮดเนื&องจาก
การไหล 1/2 ของความยาวทังหมดจะเท่ ากับ 40.0/2 = 20.0 cm
พิจารณาทีจ& ุด E
Total head ที&จุด E = Total head ที&จุด D – Head loss เนื&องจากการไหลของนําจาก D ไป E
Total head ทีจ& ุด E = 30.0 – 20.0
Total head ทีจ& ุด E = 10.0 cm
พิจารณาทีจ& ุด E
he = 25.0 cm (เท่ ากับระยะทางจากระดับอ้างอิงถึงจุด E)
พิจารณาทีจ& ุด F
สรุป
สรุป
Ans.
กฎของดาร์ ซี (Darcy’s law)
Water
Area, A
Δh
Soil sample
L
q ∞ A.i
q = k.A.i
เมื&อ
q = ปริมาณนํา ที&ไหลผ่ านดินต่ อช่ วงเวลา
A = พืน ทีห& น้ าตัดของตัวอย่ างดินทีน& ํา ไหลผ่าน
i = ความลาดเชิงชลศาสตร์ = Δ h/L
k = สั มประสิ ทธิความซึมผ่ าน (Coefficient of permeability)
v = k.i
ve = q/(n.A)
เมื&อ
v = ความเร็วในการไหลตามผิว (Superficial velocity)
ve = ความเร็วในการไหลซึม
n = ค่ าความพรุน
A = พืน ทีห& น้ าตัดของดิน
ตัวอย่างที 3.2
ตัวอย่างที 3.2
ให้ ระดับอ้ างอิงอยู่ทกี& ้นอ่ างใบล่ าง ดังนัน 'h = 55.0 – 10.0 = 45.0 cm
สั มประสิ ทธิความซึมผ่ าน
สัมประสิทธิXความซึมผ่ าน, k
k = c (D10)2
เมื&อ
k = สั มประสิ ทธิความซึมผ่ าน เป็ น เซนติเมตร/วินาที
c = ค่ าคงที&
D10 = ขนาดประสิทธิผล เป็ น เซนติเมตร (0.1 – 3.0 mm)
เนื&องจากค่ า k มีขนาดเล็กมากทําให้ ความหนืดของนํา มีผลต่ อ
ค่ า k มาก ดังนันเวลาอ้ างถึง จึงต้ องอ้ างอิงที&อุณหภูมิมาตราฐาน
คือที& 20 องศาเซลเซียส
เมื&อ
k20oc = ค่ าสั มประสิ ทธิความซึมผ่ านที& 20oc
ηToc= ค่ าความหนืดของนํา ทีอ& ุณหภูมิทดลอง
kToc = ค่ าสั มประสิ ทธิความซึมผ่ านทีอ& ุณหภูมิทดลอง
η20oc = ค่ าความหนืดของนํา ที& 20oc
การทดลองหาค่ าสั มประสิ ทธิความซึมผ่ าน
การทดลองในห้ องปฏิบัตกิ าร
เนื&องจากค่ า k มีขนาดเล็กมาก การทดลองในห้ องปฏิบัติการจึง
ต้ องมีความระมัดระวังอย่ างมาก เช่ น เครื&องมือต้ องอยู่ในสภาพที&
ดี และอาจจะต้ อ งมี การควบคุ มอุณหภู มิใ นห้ อ งปฏิ บั ติ การเพื&อ
ป้ องกั น การระเหยของนํ า ขณะทดลอง การทดลองใน
ห้ องปฏิบัติการมี 2 วิธี คือ
1. Constant head test
2. Falling head test
H (คงที)&
Soil sample
water
H (คงที)&
Soil sample
Q
L
k = Q.L/(t.H.A)
เมื&อ
Q = ปริมาณนํา ทีไ& หลในเวลา t
L = ความหนาของตัวอย่ างดิน
H = ระยะแตกต่ างของระดับนํา
A = พืน ทีห& น้ าตัดของตัวอย่ าง
t = ระยะเวลาทีท& ดลอง
Soil sample
H 1 ทีเ& วลา 0
H2 ทีเ& วลา t
Soil sample
L
k = {a.L/(A.t)} ln (H1/H2) หรือ k = {2.3 a.L/(A.t)} log (H1/H2)
เมื&อ
a = พืน ทีห& น้ าตัดของ Standpipe
A = พืน ที&หน้ าตัดของตัวอย่ างดิน
L = ความหนาของตัวอย่ าง
H1 = ระดับนํา ที&เริ&มต้ น เมื&อ t = 0
H2 = ระดับนํา ทีส& ินสุ ด
t = ระยะเวลาทีน& ํา ลดจาก H1 มายัง H2
การทดลองในสนาม
1. Pumping test
2. Seepage velocity
3. Open end pipe
Pumping test
เป็ นการทดลองที&นิยมใช้ มานาน กระทําโดยการสู บนํา
ออกจากบ่ อนําบาดาล (Pumping well) ด้ วยอัตราคงที&
จนกระทั&งระดับนําในบ่ อสั งเกตการณ์ (Observation well)
อยู่ในระดับคงที& ลักษณะการไหลของนําจะเป็ นการไหล
แบบรัศมี (Radial flow)
Unconfined flow
Seepage velocity
การทดลองวิธีนีเหมาะกับดินเม็ดหยาบ การทดลองทําโดย
การเจาะบ่ อสั งเกตการณ์ 2 บ่ อให้ ห่างกันพอประมาณ จากนัน
ใส่ สารเคมีหรือสารเรื องแสงที&บ่อแรก และใช้ เครื& องมือสํ าหรั บ
ตรวจจับสารดังกล่ าวที&บ่อที& 2 จับเวลาที&สารเดินทางมาถึง แล้ ว
นําไปคํานวณหาค่ า k
Open end pipe
หลักการทดลองของวิธีนี คือความสามารถในการรับนําที&ใส่
ลงในท่ อปลายเปิ ดที&ฝังอยู่ในชั นดินที&ต้องการหาค่ า k ในกรณี
ที&ดินมีค่า k ตํ&าอาจจะต้ องใช้ ความดันอัดนํา ลงไปด้ วย
ค่ าความซึมผ่ านของดินทีม& คี ุณสมบัตไิ ม่ สมํา& เสมอ
ในบางกรณี ชั นดินที&พิจารณาไม่ ได้ มีลักษณะ
สมํา& เสมอ (Nonhomogeneous) ทําให้ ค่า k มีหลาย
ค่ า ดั ง นั น จึ ง ต้ อ งหาค่ า k เฉลี& ย ซึ& ง ค่ า นี จ ะไม่
เท่ ากันในแต่ ละทิศทาง
การหาค่ า k ในแนวขนานกับชันดิน
A C
A1
H1 kx1 Soil layer #1
A2
H2 kx2 Soil layer #2
A3
B D
L
B D
L
ข้ อกําหนด
ปริมาณนํา ทีไ& หลผ่ านจาก AB ไปยัง CD
= ปริมาณนํา ไหลผ่ านชันที& 1 + ชันที& 2 + ชันที& 3
หรือ q = q1 + q2 + q3
ความลาดเชิงชลศาสตร์ ระหว่ าง AB ถึง CD เท่ ากัน
หรือ i = i1 = i2 = i3
ถ้ าชันดินกว้ าง 1 หน่ วย
ดังนัน A1 = 1 x H1, A2 = 1 x H2, A3 = 1 x H3
จาก q = q1 + q2 + q3 และ q = k.A.i
จะได้ kx.i.(A1+A2 +A3) = kx1.i1.A1 + kx2.i2.A2 + kx3.i3.A3
n n
kx = Σ(k
j=1 x.H)j/ΣH
j=1 j
การหาค่ า k ในแนวตังฉากกับชันดิน
A1 = A2 = A 3
h1
Water, q
A1 = A2 = A 3
h1
จาก k = q/(A.i )
จะได้ ky = (q/A).[H1 + H2 + H3]/[h1 + h2 + h3]
n n
ky = ΣH /Σ(H/ky)j
j=1 j j=1
การไหลของนํา ในดินสองทิศทาง
Sheet pile
H1 h
H2
ผิวดิน
Impervious layer
Sheet pile
H1 h
H2
Impervious layer
ก้อนดิน A
ทิศทางการไหลเข้ าของนํา
ก้อนดิน A
ตาข่ ายการไหล
ตาข่ ายการไหล (Flow net) เป็ นวิธีการหาปริมาณนําที&
ไหลผ่ านลอดใต้ เขื&อน โดย Forcheimer ได้ คิดขึน และถูก
ปรับปรุ งโดย Casagrande เมื&อปี 1937 หลักการวิเคราะห์
ได้ มาจาก กฎของดาร์ ซี& และ สมการของลาปลาส
สมมุติฐานของการวิเคราะห์
ดินอยู่ในสภาพ Saturated
Water
จากรู ป จะเห็ นว่ า มีตัวอย่ างดิน
Homogeneous ยาว 12 cm และนํา
จะไหลจาก A ไป B โดยมี Head
A
loss = 20 cm
ถ้ าให้ ปริมาณนําไหลจาก A ไป
20 cm Soil
12 cm B เท่ ากับ q และแบ่ งดินตามยาว
Sample
จาก A ไป B เป็ น 2 ช่ อง ดังนันใน
แต่ ละช่ องจะมีนํา ไหลเท่ ากับ q/2
B
และถ้ าแบ่ งดินจาก A ไป B เป็ น
4 ช่ อง ดังนันในแต่ ละช่ องจะมีนํา
ไหลเท่ ากับ q/4
Water
Water
ถ้ าให้ Datum อยู่ทผี& วิ นําด้ านล่ างจะ
ได้ แนว A มี Total head = 20 cm
และ แนว B มี Total head = 0 cm
A
ดังนัน จะได้
D
Flow line
Flow channel
Equipotential line
Equipotential line
Equipotential line
ถ้ าให้ 'h เป็ น Head loss
เนื& องจากนํา ซึ มลอดใต้ เขื& อ น
และ ''h เป็ น Head loss ต่ อ
ช่ อง Eqipotential drop
Flow 'q
channel
'q
a b
Flow ดังนัน ''h = 'h/Nd
line
Equipotential line
q = k . 'h (Nf/Nd)
เมื&อ
Flow 'q
channel q = ปริมาณนําที&ไหลลอดใต้
'q
Flow
a b
line เขื& อ นต่ อหนึ& ง หน่ วยความ
กว้ าง
Equipotential line
Boundary condition
1. ให้ เส้ นระดับผิวดิน เป็ น Equipotential line โดยด้ านที& Total
head สู ง เป็ นเส้ นแรก และ ด้ าน Total head ตํ&า เป็ นเส้ นสุ ดท้ าย
3. ให้ ชัน Impervious layer เป็ น Flow line เส้ นสุ ดท้ าย
Equipotential line เส้ นแรก
Equipotential line
เส้ นสุ ดท้ าย
วิธีการวาด
1. วาดรูปหน้ าตัดของเขื&อนให้ ได้ ตามสั ดส่ วน
ke = (kx.kz)1/2
ตัวอย่ างที 3.5
วิธีทํา
ให้ Datum อยู่ทชี& ันหินแข็ง
Datum
Datum
1 5
1 4
2 2 3
4
3
Datum
Datum
E E
E F E
1 1 11
2
2 10
3 4 5 9
6 7 8
4
จากรู ป จะได้
Flow channel (Nf) = 4 ช่ อง Equipotential drop (Nd) = 11 ช่ อง
จากสมการ q = k . 'h (Nf/Nd)
วิธีทํา
แปลงความยาวของเขื&อนในแนวแกน x ให้ เป็ น x’ โดยใช้ สมการ
x’ = (kz/kx)1/2 . x
x’ = [(6.0 x 10-4)/(3.0 x 10-3)]1/2 x 20
x’ = 8.94 m
8.94 m
จากรู ป จะได้
Flow channel = 4 ช่ อง
Equipotential drop = 8 ช่ อง
1 2
0
Focus
Directrix
p p
1 2
0
Focus
Directrix
x
p p
(x2 + z2)1/2 = 2p + x
เขื&อนดินที&มีการระบายนํา
Drain
Ground level
ส่ วนที&ต้องปรับแก้
เส้ นโค้งพาราโบลา
ภาพขยายส่ วนที&ต้องปรับแก้
จากการศึกษาพบว่ าสามารถ หาค่ า q อย่ างคร่ าว ๆ ได้ จากสมการ
q = k.S
เขื&อนดินที&ไม่ มีการระบายนํา
Ground level
ส่ วนที&ต้องปรับแก้
การปรับแก้
การหาปริมาณนําไหลซึมผ่ านเขื&อนดินประเภทนี สามารถหาค่ า
ได้ อย่ างคร่ าว ๆ จากสมการ
H
F
100 m
G S Directrix
H K
F
100 m
4. ที&จุด F ลากเส้ นตังฉาก และกําหนดจุด A, B, C และ D ที&
ตําแหน่ งใด ๆบนผิวดิน แล้วลากเส้ นตังฉาก
5. ให้ F เป็ นจุดศู นย์ กลาง กางวงเวียนรั ศมี FE, EA, EB, EC
และ ED ไปตัดเส้ นตังฉากต่ าง ๆ ทีจ& ุด 1, 2, 3, 4 และ 5
G Directrix
5
4
3
2
1
E
D C B AF
G Directrix
E
F
จากรูป ได้ Nf = 3 , Nd =13
Water
จากรู ป ความดันของนําที&
จุด B เท่ ากับจุด A
ic = (Gs – 1)/(1 + e)
Pervious soil
วิธีของ Lane
วิธีของ Hanza
Concrete dam D C
A B
Concrete dam D C
A B
Concrete dam D C
A B
FS = ic/iav
เมื&อ
ic = Critical hydraulic gradient
iav = ค่ า Hydraulic gradient จาก AB ถึง CD
วิธีของ Lane
3.5
WCR = WCD/hL
เมื&อ WCD = Weighted creep distance
ถ้ าเป็ นแนวดิ&ง = ระยะทางทีว& ดั ได้
ถ้ าเป็ นแนวนอน = ระยะทาง/3
ถ้ านํา ไม่ ได้ ไหลเลาะ = ระยะทาง x 2
hL = Head loss
วิธีของ Hanza
iexit = 'h/d
FS = ic/iexit
เมื&อ 'h = Head loss ต่ อ Equipotential drop
d = ระยะห่ างของ Eqipotential line 2 เส้ นสุ ดท้ าย
ตัวอย่ างที 3.9
If the silty sand under this concrete dam has Gs = 2.65 and
e = 0.60 and if the water level at the face of this dam is 5.5 m
above the ground. Determine whether this dam is safe from
piping.
ic = 1.03
5.5 m
5.5 m
5.5 m
5.5 m
5.5 m
5.5 m E D
Concrete dam
G H
A
F
A
F
5.5 m
7.8 m
ดังนัน
WAB/A = J1.H1 + Jsat.H2 หรือ
V J1.H1 + Jsat.H2 หรือ
H1 , J 1 n
V 6H
Soil #1
i =1 i.Ji
เมื&อ
H2 , Jsat Soil #2 V =Total stress
A B Ji = Unit weight
Hi = Thickness
ความเค้ นประสิ ทธิผล (Effective stress)
a a
P3 P4
P2
P1 a4 P5 P6 Pn
a2 a3
a1 a5 a6 an
P3 P4
P2
P1 a4 P5 P6 Pn
a2 a3
a1 a5 a6 an
P3 P4
P2
P1 a4 P5 P6 Pn
a2 a3
a1 a5 a6 an
Vc = V - u
H1
Ground level A จุด A, V = H1.Jw
Z จุด B, V = H1.Jw + H2.Jsat
C
จุด C, V = H1.Jw + z.Jsat
H2
Valve (Closed)
Total stress
H1 A
Ground level H1.Jw
H2 C H1.Jw + z.Jsat
B
H1.Jw + H2.Jsat
Valve (Closed)
H2 C
(H1 + z)Jw
B
(H1+ H2)Jw
Effective stress Vc = V - u
H1
Ground level A จุด A, Vc = H1.Jw - H1.Jw = 0
Z จุด B, Vc = H1.Jw+ H2.Jsat - (H1 + H2)Jw
H2 C
= H2.Jsat - H2.Jw = H2.Jsub
B จุด C, Vc = H1.Jw + z.Jsat- (H1 + z)Jw
= z.Jsat - z.Jw = z.Jsub
Valve (Closed)
Effective stress
H1 A
Ground level 0
H2 C z.Jsub
B
H2.Jsub
H1 H1.Jw H1.Jw 0
H1 + H2 H2.Jsub
H1.Jw + H2.Jsat (H1+ H2)Jw
h
Total stress V = 6H .J
i =1 i i
H1
Ground level A จุด A, V = H1.Jw
Z จุด B, V = H1.Jw + H2.Jsat
H2 C
จุด C, V = H1.Jw + z.Jsat
B
Valve (Open)
ดินอิม& ตัวด้ วยนํา กรณีการไหลซึมขึน ของนํา
h Total stress
H1 A
Ground level H1.Jw
Z
H2 C H1.Jw + z.Jsat
B
H1.Jw + H2.Jsat
Valve (Open)
ดินอิม& ตัวด้ วยนํา กรณีการไหลซึมขึน ของนํา
Z
H2 C
(H1 + z + i.z)Jw
B
(H1+ H2 + h)Jw
h Effective stress
H1 A
Ground level 0
Z
H2 C z.Jsub- i.z.Jw
B
H2.Jsub – h.Jw
H1 H1.Jw H1.Jw 0
H1 + H2 H2.Jsub – h.Jw
H1.Jw + H2.Jsat (H1+ H2 + h)Jw
ic = Jsub/Jw
เมื&อ
ic = Critical hydraulic gradient
H1
Ground level A h จุด A, V = H1.Jw
Z จุด B, V = H1.Jw + H2.Jsat
H2 C
จุด C, V = H1.Jw + z.Jsat
B
Valve (Open)
ดินอิม& ตัวด้ วยนํา กรณีการไหลซึมลงของนํา
Water
Total stress
H1 A h
Ground level H1.Jw
Z
H2 C H1.Jw + z.Jsat
B
H1.Jw + H2.Jsat
Valve (Open)
ดินอิม& ตัวด้ วยนํา กรณีการไหลซึมลงของนํา
Water
Z
H2 C (H1 + z - i.z)Jw
B
(H1+ H2 - h)Jw
H1
จุด A, Vc = H1.Jw - H1.Jw = 0
A h
Ground level
จุด B, Vc = H1.Jw+ H2.Jsat - (H1 + H2 - h)Jw
Z
H2 C = H2.Jsat - H2.Jw + h.Jw
B
= H2.Jsub + h.Jw
จุด C, Vc = H1.Jw + z.Jsat- (H1 + z - i.z)Jw
Valve (Open) = z.Jsat- z.Jw+ i.z.Jw= z.Jsub+ i.z.Jw
ดินอิม& ตัวด้ วยนํา กรณีการไหลซึมลงของนํา
Water
Effective stress
H1 A h
Ground level 0
Z
H2 C
z.Jsub+ i.z.Jw
B
H2.Jsub + h.Jw
Vc = V – ua + F(ua – uw)
เมื&อ
F= ค่ าจากรูปกราฟ
ua = ความดันของอากาศในช่ องว่ าง
uw = ความดันโพรง
ความดันโพรงเนื&องจากสภาพคาพิวลารี
u = - S.Jw.h/100
เมื&อ
u = ความดันโพรง
S = ระดับความอิม& ตัวด้ วยนํา ในบริเวณคาพิวลารี, %
5 ft J = 102.4 pcf
c c
d d
กรณีที& 1 กรณีที& 2 กรณีที& 3
ตัวอย่ างที 4.1
จงหาค่ า ความเค้ น รวม ความดั น โพรง และ ความเค้ น
ประสิ ทธิผล ของดิน 3 กรณีดังรูป
a a
5 ft Water
b Ground level b
5 ft J = 102.4 pcf
c c
d d
กรณีที& 1 กรณีที& 2 กรณีที& 3
วิธีทํา
b b V = 0
u=0
Vc = 0
15 ft
Jsat = 122.4 pcf
d d
ที&ระดับ d – d
V = 122.4 x 15 = 1836 psf
u = 62.4 x 15 = 936 psf
Vc = 1836 - 936 = 900 psf
กรณีที& 1
a a V = 0
5 ft Water
b b u=0
Vc = 0
15 ft
Jsat = 122.4 pcf
ที&ระดับ b – b
V = 62.4 x 5 = 312 psf
d d
กรณีที& 2
a a
5 ft Water ที&ระดับ d – d
b b
V = 62.4 x 5 + 122.4 x 15 = 2148 psf
15 ft u = 62.4 x 20 = 1248 psf
Jsat = 122.4 pcf
Vc = 2148 - 1248 = 900 psf
d d
กรณีที& 2
กรณีที& 3 ที&ระดับ b – b
V = 0
b b u=0
5 ft J = 102.4 pcf
c c Vc = 0
10 ft Jsat = 122.4 pcf
ที&ระดับ c – c
V = 102.4 x 5 = 512 psf
d d
u=0
Vc = 512 - 0 = 512 psf
กรณีที& 3
ที&ระดับ d – d
b b
5 ft J = 102.4 pcf V = 102.4 x 5 + 122.4 x 10 = 1736 psf
c c
u = 62.4 x 10 = 624 psf
10 ft Jsat = 122.4 pcf
Vc = 17368 - 624 = 1112 psf
d d
กรณีที& 3
Boussinesq’s method
Approximate solution
Boussinesq’s method
Ground surface
Stress distribution
ในแนวนอน
Stress distribution
ในแนวดิง&
P, Point load
Ground surface
P, Point load
Ground surface
z
'Vz = 3.P.z3/[2. S(r2 + z2)2.5]
'Vz
r 'Vz = Ipz.P/z2
นํา หนักแบบ Infinite line load
P = นํา หนักที&กระทํา มีหน่ วย
P เป็ นนํ า หนั ก /ความยาวเช่ น
นิ ว ตั น /เมตร, ปอนด์ /ฟุ ต ,
Ground surface กิโลกรัม/เมตร, ตัน/เมตร
z
'Vz = 2.P.z3/[ S(z2 + x2)2]
'Vz
x 'Vz = ILz.P/z
เช่ น
นํา หนักแบบ Infinite strip load
B q
Ground surface q = นําหนักที&กระทํา มีหน่ วย
เป็ นนํ า หนั ก /พืน ที& เช่ น นิ ว
z ตั น /ตารางเมตร, ปอนด์ /
D
G 'Vz ตารางฟุต
x
A B
q q = นําหนักที&กระทํา มีหน่ วย
Ground surface เป็ นนํ า หนั ก /พืน ที& เช่ น นิ ว
ตั น /ตารางเมตร, ปอนด์ /
R3 z ตารางฟุต
D E'V
z
R
q q = นําหนักที&กระทํา มีหน่ วย
เป็ นนํ า หนั ก /พืน ที& เช่ น นิ ว
z ตั น /ตารางเมตร, ปอนด์ /
'Vz ตารางฟุต
'Vz = I.q
เมื&อ
I = Influence value
เช่ น
นํา หนักแบบ Uniformly loaded rectangular area
q = นําหนักที&กระทํา มีหน่ วย
q เป็ นนํ า หนั ก /พืน ที& เช่ น นิ ว
ตั น /ตารางเมตร, ปอนด์ /
Ground surface
ตารางฟุต
z U.S. Navy ได้ คิดกราฟ
'Vz
สํ าหรั บหาความเค้ นที&ความ
ลึกต่ าง ๆ ตรงมุมของรู ปโดย
ใช้ สมการ
'Vz = I.q
เมื&อ
I = Influence value
เช่ น
ตัวอย่ างที 4.2
5m 5m Ground level
10 m
x
5m 5m Ground level
10 m
x
วิธีทํา 400 kN 500 kN 400 kN
5m 5m Ground level
10 m
x
5m 5m Ground level
10 m
x
หาค่ า 'Vz500
จากรู ป r = 0, z = 10 m
ดังนัน r/z = 0
r = 0, z = 10 m , r/z = 0
จากรูป 4.8 จะได้ Ipz = 0.4775
5m 5m Ground level
10 m
x
หาค่ า 'Vz400
จากรู ป r = 5 m , z = 10 m
ดังนัน r/z = 0.5
0.2733
r = 5 m, z = 10 m , r/z = 0.5
จากรูป 4.8 จะได้ Ipz = 0.2733
5m 5m Ground level
10 m
x
15 m
Determine the vertical H
stresses due to uniformly F
10 m q = 100 N/m2
loaded area 100 N/m2, at 5m
C E
point x and y , 10 m
D
below ground level. A
10 m
B
x 10 m
จงหาค่ า ความเค้ น ใน H
15 m
แนวดิ&งที&จุด x และ y ลึกลง F
10 m q= 100 N/m2
ไปจากผิวดิน 10 เมตร 5m
เนื&องจากนํา หนักแผ่ กระจาย C E
y
วิธีทํา
จากรู ป หากมองจาก Top view ลงมา จะเห็นว่ ารู ปนําหนักเป็ น
ดังรูป
15 m
H
H F
F
10 m q = 100 N/m2
5m
C E q = 100 N/m2
x E
D C
A B
10 m
x 10 m y
A B D
y
0.5
รูป x (m) y (m) z (m) x/z y/z I 'Vz
(N/m2)
CGHI 10 5 10 1.0 0.5 0.128 12.8
CIAB 10 5 10 1.0 0.5 0.128 12.8
CEFG 5 5 10 0.5 0.5 0.083 8.3
หมายเหตุ 'Vz = I.q q = 100 N/m2
0.5 1.5
รูป x (m) y (m) z (m) x/z y/z I 'Vz
(N/m2)
DFHA 15 10 10 1.5 1.0 0195 19.5
DECB 5 5 10 0.5 0.5 0.083 8.3
หมายเหตุ 'Vz = I.q q = 100 N/m2
Approximate solution
Ground surface
Approximate solution
Boussinesq’s method
Ground surface
51o 51o
'Vz
r = y/tan 51o
q
Ground surface
60o 60o
B
'Vz
x = y/tan 60o
'Vz /q 0.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
R/z 0.0 0.27 0.40 0.52 0.64 0.77 0.92 1.11 1.39 1.91 f
รู ป ตั ว อ ย่ า ง Newmark
Influence chart
วิธีใช้ งาน
ให้ ระยะ AB เท่ ากับความลึกจากผิวดินถึงจุดที&ต้องการหา
ความเค้ น
วาดรูปพืน ทีท& นี& ํา หนักกระทําตามสเกล AB
10 m
q = 2.4 kN/m2
A B
10 m 10 m
Top view
วิธีทํา
เนื&องจากรู ปของนําหนัก
ที& ก ระทํ า ที& ผิ ว ดิ น เป็ นรู ป
สามเหลี&ยมมุ มฉาก จึงต้ อง
ใช้ Newmark chart ในการ
วิเคราะห์
10 m
A B
กระเปาะความเค้ น
เช่ น
Ground level
P
Dense sand
Soft clay
Stiff clay
ความเค้ นทีจ& ุด
Soil # 1
พิจารณาจุด A ในชั นดิน ดัง
รูป จะเห็นว่ า ดินที&จุด A นีถ ูกอัด
ด้ วยความเค้ นรอบด้ าน เนื&องจาก Soil # 2
A Wyx Wxz
Vy
Vz
Vz
Wzx
จะเห็นว่ าในแต่ ละระนาบ
Wzy Wxy (Plane) จะมีความเค้ นอยู่ 3
Vx Wyz Vx อั น คื อ ความเค้ นตั งฉาก
Wyx Wxz (Normal stress, V) 1 อัน
Vy
และความเค้ น เฉื อ น (Shear
Vz
stress, W) 2 อัน
ในการวิเคราะห์ เพื&อให้ เป็ นการง่ าย จะทําการหมุนลูกบาศก์
ดินไปยัง Principal plane ซึ&งจะทําให้ Shear stress ที&อยู่ในแต่
ละระนาบ เท่ ากับศูนย์
Vz
V3
Wzx V1
Wzy Wxy
Vx Wyz Vx V2
Wyx Wxz
Vy V2
V1
Vz
V3
V3 V1
V1
V2
V3 V3
V2
V1
V3
V1
VT
WT A
A
V3 V3 V3
B T T
B C
V1
V1
VT
WT A
V3 สมการที&ใช้ หาค่ าความเค้ นที&
B
T
C
อยู่ ในระนาบที& เ อี ย งทํ า มุ ม T
(VT และ WT กับแนวนอน คือ
V1
วงกลมมอร์
การใช้ งาน
Vy
จากรูป จะเห็นก้อนดิน ABCD
Wxy
D C ที&มีความเค้ นกระทํา 2 ชนิด คือ
Wxy
VT
WT
F
Normal stress, V และ Shear
Vx Wxy Vx stress, W ค่ าความเค้ นที&เกิดขึน
T
AE Wxy B บนระนาบ EF ที& ทํ า มุ ม กั บ
Vy
แนวนอน T คือ
VT และ WT
Vy
Wxy
ซึ& งการหาค่ า Normal stress
D C และ Shear stress บนระนาบ EF
VT F
Wxy WT สามารถกระทํ า ได้ โ ดยใช้ Mohr
Vx Wxy Vx
circle ดังนี
T
AE Wxy B
ตังแกน x และ y โดยให้ แกน x
Vy
W เป็ น Normal stress, V และ แกน y
R (V ,W )
x xy เป็ น Shear stress, W
V
นําค่ า ความเค้ นบนระนาบ AD
และ AB มาพล๊ อตได้ จุด R และ M
(Vy,-Wxy)
M ตามลําดับ
Vy
Wxy
วาดวงกลมให้ ผ่าน 2 จุดนี และ
D C ให้ จุ ด ศู น ย์ ก ลางของวงกลมอยู่ ที&
VT F
Wxy WT แกน x วงกลมนี คือ Mohr circle
Vx Wxy Vx
T ลากเส้ นจากจุด R และ M ไปยัง
AE Wxy B
จุดศูนย์ กลางของวงกลม
Vy
W
R (V ,W ) จากจุด M วัดมุมที&จุดศู นย์ กลาง
x xy
Q (VT,WT)
เท่ ากับ 2T ทวนเข็ม แล้ วลากเส้ น
2T V
ตรงไปตัดวงกลมมอร์ ที&จุด Q พิกัด
ทีจ& ุด Q คือ ค่ าความเค้ นบนระนาบ
EF (VT, WT)
(Vy,-Wxy)
M
V1
ในบางครั ง การหาค่ า Normal
D C stress และ Shear stress บน
VT F
WT ระนาบ EF ที&ดินอยู่ใน Principal
V3 V3
plane สามารถกระทําได้ โดยใช้
T
AE B Mohr circle ดังนี
V1 ตังแกน x และ y โดยให้ แกน x
W
เป็ น Normal stress, V และ แกน y
เป็ น Shear stress, W
R M
(V3,0) (V1,0) V
นําค่ า ความเค้ นบนระนาบ AD
และ AB มาพล๊ อตได้ จุด R และ M
ตามลําดับ
V1
D C
VT F วาดวงกลมให้ ผ่าน 2 จุดนี และ
WT
V3 V3 ให้ จุ ด ศู น ย์ กลางของวงกลมอยู่ ที&
T แกน x วงกลมนี คือ Mohr circle
AE B
V1
W
จากจุด M วัดมุมที&จุดศูนย์ กลาง
Q (VT,WT) เท่ ากับ 2T ทวนเข็ม แล้ วลากเส้ น
2T
ตรงไปตัดวงกลมมอร์ ที&จุด Q พิกัด
R M
(V3,0) (V1,0) V
ทีจ& ุด Q คือ ค่ าความเค้ นบนระนาบ
EF (VT, WT)
V1
จากรู ป Mohr circle จะได้
D C
VT
WT
F ox = (V1 + V3)/2
V3 V3
T
r = (V1 - V3)/2
AE B
เมื&อ
V1
W ox = ระยะจาก x ถึงจุดศูนย์ กลาง
Q (VT,WT)
r
2T
r = รัศมีของวงกลมมอร์
R M
V
V1 = Major principal stress
x (V3,0) o (V1,0)
จุดกําเนิดของระนาบ
(V3,0) (V1,0)
V
Origin of plane
W
a (800,235)
V3,0 V1,0 V
b (125,-100)
จากรู ป จะได้
V1 = 870 kN/m2
V3 = 105 kN/m2 Ans.
ตัวอย่ างที 4.6
B
40 kN/m2 40 kN/m2
20 kN/m2
20 kN/m2
วิธีทํา
ตังแกน x และ y คือ V และ W B
40 kN/m2 40 kN/m2
นําค่ าความเค้ นที&ระนาบทังสอง
B
คือ 40,0 และ 20,0 มาพล๊ อตลงใน
แกน 20 kN/m2
W
หาจุดศู นย์ กลางของวงกลมที&ผ่าน
2 จุดนี โดยจุดศู นย์ กลางจะต้ อง
อยู่บนแกน x 20,0 40,0 V
วาดวงกลมมอร์ ผ่ าน 2 จุดนี
20 kN/m2
B หาจุดกําเนิดของระนาบ โดย
40 kN/m2 40 kN/m2
การที& เ ราทราบว่ า ระนาบที& มี ค่ า
B
ความเค้ นเท่ ากั บ 20,0 อยู่ ใน
แ น ว น อ น ( พิ จ า ร ณ า จ า ก รู ป
20 kN/m2
ลูกบาศก์ ดิน) ดังนั นจากวงกลม
W
มอร์ ลากเส้ นตรงจากพิกัด 20,0
origin of plane
ข น า น กั บ ร ะ น า บ แ น ว น อ น
เส้ นตรงนีจะไปตัดวงกลมมอร์ ที&
20,0 40,0 V
จุ ด กํ า เนิ ด ของระนาบ คื อ จุ ด
40,0
20 kN/m2
จากจุด Origin of plane
B ลากเส้ นขนานกับระนาบ B - B
40 kN/m2 40 kN/m2
ไปตัดวงกลมมอร์ ที&จุด K พิกดั ที&
B จุ ด K คือค่ าของความเค้ นที&
ระนาบ B - B
20 kN/m2
W จากรู ป จะได้
V 1 W1 V 2 W2 V 3 W3
V1 V2 V3 Normal stress
Shear
stress
C I
W3
B Mohr strength envelope
W2
A
W1
c
V1 V2 V3 Normal stress
Shear
stress
C I
W3
B Mohr strength envelope
W2
A
W1
c
V1 V2 V3 Normal stress
ตัวอย่ างดิน
Disturbed sample
คือ ตัวอย่ างดินทีเ& ก็บมาแล้วมีสภาพไม่ เหมือนเดิม
Undisturbed sample
คือ ตัวอย่ างดินที&มีสภาพเหมือนกับในสนาม
Disturbed sample ใช้ ทดสอบ ………
Loading plate
Porous stone
Shear box
N (คงที&)
P
Soil sample
N (คงที)&
P
Soil sample
N (คงที&)
P
Soil sample
N (คงที&)
P
Soil sample
N (คงที)&
P
Soil sample
N (คงที&)
P
Soil sample
N (คงที&)
c
V1 V2 V3 Normal stress
Cutting ring
Sample pusher
Loading plate
Porous stone
ราคาถูก
รวดเร็ว
เนื&องจากการทดลองนีเป็ นการบังคับให้ ดินวิบัติในระนาบ
แนวนอนเท่ านัน ซึ&งอาจไม่ ใช่ ระนาบที&อ่อนแอที&สุด ดังนัน ค่ า
Shear strength parameter ที&ได้ จึงมักจะมีค่าสู งกว่ าความ
เป็ นจริงเล็กน้ อย
การทดลองโดยวิธีแรงอัดสามแกน
Triaxial compression test เป็ นการทดลองที&เป็ นมาตราฐานใน
การอ้ างอิงถึงความแข็งแรงของดิน วิธีการทดลองสามารถแบ่ งได้
เป็ น 2 ขันตอน คือ
วาล์ว B วาล์ว A
วาล์ว A
'V
V3
V W
V3 V3
V3
'V
Soil Sample
V1 = V3 + 'V
c V1C
V3A V3B V1A V3C V1B Normal stress
V1 = V3 + 'V
W
B
c 2T
V3B VB V1B Normal stress
'VB
V3B
VB W
B
V3B T V3B
V3B
'VB
Soil Sample B
การทดลองลักษณะ
นี ในขันตอนที& 1 และ
2 Valve A จะถูกปิ ด
อยู่ ต ลอดเวลา เมื& อ นํ า
ในช่ องว่ างระหว่ างเม็ด
Valve A ดิ น เกิ ด ความดั น ก็ จ ะ
ไม่ สามารถไหลหนี
ออกไปได้
จากนัน ในขันตอน
ที& 2 ให้ กด 'V ลงมา
อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ ว
จนกระทั&งตัวอย่ างดิน
Valve A วิบัติ
Consolidated Undrained test, CU test
การทดลองลักษณะ
นี ใ น ขั น ต อ น ที& 1
Valve A จะถูกเปิ ด
อยู่ ต ลอดเวลา เมื& อ นํ า
ในช่ องว่ างระหว่ างเม็ด
Valve A ดิ น เกิ ด ความดั น ก็ จ ะ
ไ ห ล ห นี อ อ ก ไ ป จ น
หยุด
จากนัน ในขันตอน
ที& 2 ให้ ปิด Valve A
แล้ วกด 'V ลงมา
อย่ างรวดเร็ ว จนดิ น
Valve A
วิบัติ
Consolidated Drained test, CD test
การทดลองลักษณะ
นี ในขันตอนที& 1 และ
2 Valve A จะถูกเปิ ด
อยู่ ต ลอดเวลา เมื& อ นํ า
ในช่ องว่ างระหว่ างเม็ด
Valve A ดิ น เกิ ด ความดั น ก็ จ ะ
ไ ห ล ห นี อ อ ก ไ ป จ น
หยุด
จากนัน ในขันตอน
ที& 2 ให้ กด 'V ลงมา
อย่ า งช้ า ๆ จนกระทั& ง
ตัวอย่ างดินวิบัติ
Valve A
การทดลองโดยวิธีแรงอัดแบบไม่ มีขอบเขตจํากัด
การทดลอง Unconfined compression test คือ การทดลอง
Triaxial compression test แบบ UU test ที&ให้ V3 = 0
'V
Shear
stress
V3 = 0 T
V3 = 0
'V V1 Normal
Soil Sample stress
'V V1 Normal
Soil Sample stress
การทดลองหาแรงเฉือนโดยใช้ ใบพัด
เมื&อ
Su = Undrained shear strength
T = แรงบิดสู งสุ ด
H = ความสู งของใบพัด
D = ความกว้ างของใบพัด = H/2
Bjerrum ได้ เสนอค่ าปรั บแก้ ค่า Su ก่ อนนําไปวิเคราะห์
เกีย& วกับเสถียรภาพของดิน
(Su)Design = P.(Su)Vane
การทดลองหาแรงเฉือนโดยใช้ การทะลุทะลวง
Ac = Ao/[1 – 'L/Lo]
ความต้ านทานแรงเฉือนของดินเม็ดหยาบ
B
ถ้ าให้ เส้ นสี ฟ้าแทนตัวอย่ างดิน
ในสภาพแน่ น และเส้ นสี แสดแทน
ตัวอย่ างดินในสภาพหลวม
% Strain
จะเห็นว่ าดินในสภาพแน่ นจะมี
จุดยอด (Peak point) คือจุด A ซึ&ง
Increase
stress
B
ในสภาพแน่ น และเส้ นสี แสดแทน
ตัวอย่ างดินในสภาพหลวม
จากรู ป จะเห็ น ว่ า ดิ น ในสภาพ
% Strain
แน่ นจะมีการลดลงของปริมาตรใน
ขณะที&เริ&มกด Deviator stress แต่
Increase
การลดลงของปริ มาตรตลอดการ
ทดลอง
Deviator ถ้ าให้ เส้ นสี ฟ้าแทนตัวอย่ างดิน
stress A
B
ในสภาพแน่ น และเส้ นสี แสดแทน
ตัวอย่ างดินในสภาพหลวม
% Strain
ส า เ ห ตุ ที& ทํ า ใ ห้ ดิ น เ กิ ด
Dilatancy เนื&องจากดินอยู่ใน
สภาพที&แน่ นอยู่แล้ วเมื&อได้ รับแรง
Increase
ก ร ะ ทํ า เ ม็ ด ดิ น ก็ จ ะ พ ย า ย า ม
% Vol. เคลื&อนที& แต่ เนื&องจากไม่ มีที&ว่างจึง
change % Strain
ทํ า ให้ เ ม็ ด ดิ น ดั น กั น จนทํ า ให้ เ กิ ด
Decrease
การขยายปริมาตร
วัตถุก้อนหนึ&งมีนําหนัก
W เมื&อวางบนพืน จะมีแรง S = Vtan I
ปฏิกริ ิยาเท่ ากับ N
S = Vtan I
เมื&อ
S = ค่ าความต้ านทานแรงเฉือนเนื&องจากความฝื ด
V = ความเค้ นในแนวตังฉาก
I = มุมเสี ยดทานภายในทีส& ู งทีส& ุ ด
ความต้ านทานเนื&องจากการขัดกัน (Interlock)
Deviator
stress A จ า ก รู ป แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น
B ความสั มพันธ์ ระหว่ าง Deviator
stress กับ % strain ของดินชนิด
เดี ย วกัน แต่ อ ยู่ ค นละสภาพ ซึ& ง
% Strain จากกราฟดิ น สภาพแน่ นจะมี
Peak point (จุด A) ดังนันความ
ถ้ าให้ เส้ นสี ฟ้าแทนตัวอย่ างดิน ต้ านทานแรงเฉื อนเนื&องจากการ
ในสภาพแน่ น และเส้ นสี แสดแทน ขั ด กั น ของเม็ ด ดิ น ก็ คื อ บริ เ วณ
ตัวอย่ างดินในสภาพหลวม พืน ทีร& ะหว่ างจุด A กับจุด B
ความต้ านทานแรงเฉือนของดินเหนียว
cc
Normal stress
V1
V3 Normal stress
V1
V3c V3 V1c Normal stress
u u
Su
Normal stress
Su
Normal stress
ดินแบบ Normally consolidated clay (NCC)
การทดลองแบบ UU test
Shear
Strength envelope
stress
Su
qu Normal stress
ความต้ านทานแรงเฉือนของดินเหนียว
ดินแบบ Overconsolidated clay (OCC)
เมื&อ
Vcc = ค่ าความเค้ นที&กดทับดินในอดีต (ซึ&งอยู่บนระนาบที&ดิน
วิบัติ เนื&องจากพิกดั บน Strength envelope คือค่ าความเค้ นบน
ระนาบที&ดินวิบัติ)
'V
V3
V3 V3
V3
'V
Soil Sample
'V Shear Strength envelope
V3 stress
I
V3 V3
T
2T V1
V3 O Normal stress
V3
'V
ถ้ าจุด O เป็ นจุดศู นย์ กลางของวงกลม
มอร์ ลากเส้ นไปที&จุด สั ม ผัส ของวงกลมกับ
จากรู ป ถ้ าให้ มุมที&วิบัติ Strength envelope จะได้ มุมที&จุด O เท่ ากับ
เท่ ากับ T และ V1 = V3 2T และจะได้
+ 'V จะสามารถวาด
วงกลมมอร์ ได้ T = 45o + I/2
V3 V3
T
2T V1
V3 O Normal stress
V3
'V ในกรณีการทดลองแบบ UU test หรือ
จากรู ป ถ้ าให้ มุมที&วิบัติ การทดลอง Unconfined compression
เท่ ากับ T และ V1 = V3 test จะได้ มุม I = 0 ดังนัน จะได้
+ 'V จะสามารถวาด T = 45o
วงกลมมอร์ ได้
สมการของคูลอมบ์
ในปี ค.ศ. 1773 วิศวกรทหารชาวฝรั&งเศส ชื&อ C.A. Coulomb ได้ คิด
สมการความต้ านทานแรงเฉือนของวัสดุใด ๆ (Coulomb’s equation)
เป็ นสมการเส้ นตรง
S = c + V.tan I
เมื&อ
c = แรงยึดเหนี&ยว (Cohesion)
V = ความเค้ นในแนวตังฉาก
I = มุมเสี ยดทานภายใน
Shear
stress S = c + V.tan I
I
c
Normal stress
Shear
stress
S = V.tan I
I
Normal stress
Shear
stress
S= c
Normal stress
ความไวตัวของดิน
เมื&อโครงสร้ างของดินถูกกระทบกระเทือนจะทําให้ คุณสมบัติของ
ดินเปลีย& นแปลงไป โดยเฉพาะความต้ านทานแรงเฉือน วิศวกรจึงได้
คิดค่ า ความไวตัวของดิน (Sensitivity,S) ขึน
S = qu1/qu2
เมื&อ
qu1 = Unconfined compressive strength of undisturbed sample
qu2 = Unconfined compressive strength of remolded sample
ค่ าความไวตัว คุณลักษณะ
2–4 ดินเหนียวทัว& ไป
4–8 ดินเหนียวทีม& ีความไวตัว
8 - 16 ดินเหนียวทีม& คี วามไวตัวสู ง
ดิ น ชนิ ด เดี ย วกั น (Leda
clay, Ottawa, Ontario
Canada) ความชืนเท่ ากันแต่
ด้ านขวาถูกกระทบกระเทือน
มีค่า Sensitivity > 1500
ตัวประกอบความดันโพรง
'V
ซึ&ง 'u จะสามารถแบ่ งได้ ว่าเกิดจาก 'ua และ 'ud โดย 'ua
คือ ความดันโพรงซึ&งเกิดจาก 'V3 (All around pressure) และ
'ud คือความดันโพรงทีเ& กิดจาก 'V1 – 'V3 (Deviator stress)
'V 'V3 'V1 - 'V3
V1 = V3 + 'V
วิธีทํา
จากข้ อมูลทีไ& ด้ จะสามารถคํานวณหาค่ าต่ าง ๆ ได้ ดังนี
V3c = V3 - u เมื&อวิบัติ
วิธีทํา
จากข้ อมูลทีไ& ด้ จะสามารถคํานวณหาค่ าต่ าง ๆ ได้ ดังนี
V1c = V1 - u เมื&อวิบัติ
200
cc
200 400 600 800 1000 V, kN/m2
Kf line
p =(V1 +V3)/2
ความสั มพันธ์ ระหว่ างเส้ น I และ Kf สามารถอธิบายได้ จากรู ป
ชนิดของการทรุ ดตัว
กลไกในการอัดตัวคายนํา
เมื&อดินที&อิ&มตัวด้ วยนํา (Saturated soil) ได้ รับความเค้ น
เพิ&มขึนเนื& องจากนําหนั กกระทํา ที&ผิวดิน นํา ที&อยู่ ใ นช่ อ งว่ า ง
ระหว่ างเม็ดดินจะเกิดความดันขึน ความดันนีเรียกว่ า ความดัน
โพรงที&เพิม& ขึน (Excess pore water pressure) และเนื&องจาก
นํา อัดตัวไม่ ได้ จึงทําให้ นํา พยายามหนีออกจากช่ องว่ างระหว่ าง
เม็ดดินไปยังบริเวณอืน&
ถ้ านํา หนีออกได้ ปริมาตรของดินก็จะลดลง ซึ&งจะเห็นอยู่
ในรู ปของขนาดการทรุ ดตัว แต่ เนื& องจากค่ า k ของดินตํ&า
มาก ทําให้ การไหลหนีของนําช้ ามากด้ วย ซึ&งทําให้ การทรุ ด
ตัวของดินเกิดช้ าตามไปด้ วย
อุปกรณ์ ทใี& ช้
สปริง ดิน
เกจวัดความดันนํา
10 กระบอกสู บ
kN
10 0.6 m
1.0 m kN
0.4 m
0.4 m
0
10
kN
1.0 m
100
1.0 m
100 95
10 10
kN kN
10
kN
1.0 m
100 95
50
10 10
kN kN
10
kN
10
kN
1.0 m
100 95
50 0.4 m
0
สินสุ ดกระบวนการอัดตัวคายนํา
10 0.6 m
1.0 m kN 1.0 m
0.4 m
0
10 10
kN kN
10
kN
10
kN
1.0 m
100 95
50 0.4 m
0
การทดลองการอัดตัวคายนํา
Coefficient of compressibility, av
mv = 'H/'Vc
Coefficient of compressibility, av
av = 'e/'Vc
e – log p curve
พิจารณาส่ วน AB หาจุดที&
มีรัศ มีค วามโค้ ง น้ อยที&สุ ด ได้
จุด x
จากจุด x ลากเส้ นขนานกับ
แนวนอนได้ เส้ น xy
o
จ า ก ช่ ว ง เ ส้ น ต ร ง BC
z
ลากเส้ นตรงไปตัด xo ที& k
Cc = 'e/'log Vc
Cc = 0.009(LL – 10)
Swell index, Ce
e
คือ ค่ าความลาดชันของช่ วง
คลายตัวของกราฟ e – log p ค่ านี
มักจะมีค่าน้ อยกว่ า Cc ประมาณ
5 – 10 เท่ า Ce
Ce = 0.0463(LL.Gs/100)
Vc (Log scale)
การอัดและคลายตัวของดิน
สาเหตุ ที&ทําให้ ค่า e ไม่ เท่ าเดิมเนื& องจากดินไม่ ได้ เป็ น Elastic
material ดังนันเมื&อถูกนําหนักกระทําแล้ วเกิดการยุบตัว จะมีการคลาย
ตัวไม่ เท่ าเดิม
Virgin curve
Recompression curve
Rebound curve
การทรุดตัวของดินเหนียว
ชนิดของการทรุ ดตัว
Water Vv0
V0
Soil
Vs
Solid
V0
Soil
Vs
Solid
'V
Water Vv0
Water Vv1
V0 V1
Soil Soil
Vs Vs
Solid Solid
'V
Water Vv0
Water Vv1
V0 V1
Soil Soil
Vs Vs
Solid Solid
'V
Water Vv0
Water Vv1
V0 V1
Soil Soil
Vs Vs
Solid Solid
e
Vpc=Voc การเพิ&มของความเค้ นใน
eo
ดิน (เนื&องจากนําหนักกระทํา
ที& ผิ ว ดิ น ) มี ช่ วงจาก ความ
เค้ นเนื& อ งจากนํ า หนั ก ดิ น
(Voc) ถึงความเค้ นเนื&องจาก
นําหนักดินรวมกับความเค้ น
0.42eo เนื&องจากนําหนักกระทําที&ผิว
Vpc
Vc (Log scale)
ดิน (Voc + 'V)
จากรู ป หาค่ า Voc + 'V
แล้ ว ลากเส้ นขึ น ไปตั ด กราฟ
e
Vpc=Voc Field virgin comp. curve
eo
จากสมการ
'e
Cc = 'e/'log Vc
แทนค่ า
'e = Cc . 'log Vc
Voc Voc + 'V
Vc (Log scale) 'e = Cc [log (Voc + 'V) – log Voc]
'V 'e = Cc. log (Voc + 'V)/Voc
เมื&อ
Voc = ความเค้ นประสิ ทธิผลเนื&องจากนํา หนักดิน
'V = ความเค้ นในแนวดิ&งเนื&องจากนํา หนักกระทําที&ผวิ ดิน
กรณีที& 2 ดิน Overconsolidated clay (OCC)
ห า ค่ า Preconsolidation
e pressure และ Overburden
V c Vpc
eo M o pressure เนื&องจากดินเป็ น
OCC ดังนัน Vpc > Voc
จาก eo ลากเส้ นขนานกั บ
แนวนอนมาตัด Overburden
pressure ที& M
Lab virgin comp. curve
P
Voc'V!Vpc
Voc'V!Vpc
e
การเกิดกรณีนีมักจะเกิดใน Vo c Vp cVoc+ 'V
M
'e1 N
บริ เ วณที& ใ กล้ กับ ผิว ดิ น ซึ& ง ค่ า
'V มีค่ามาก ทําให้ ค่า Vo c + 'e ' e2
'V มีค่ามากกว่ า Vp c ดังรูป
ซึ& ง จากรู ปจะเห็ น ว่ ามี ค่ า
ความลาดชั น 2 ช่ วง คือ MN P
และ NP หรือ
Vc (Log scale)
'e = 'e1 + 'e2 'V
Voc'V!Vpc
e
จากรูป Vo c Vp cVoc+ 'V
M
'e1 N
ความลาดชัน MN คือ Ce
'e ' e2
ความลาดชัน NP คือ Cc
ดังนัน
'e1 = Ce. log (Vpc/Voc) P
'H = H0[Ce. log (Vpc /Voc) + Cc. log [(Voc + 'V)/Vpc]]/(1 + e0)
เมื&อ
Ce = Swell index Cc = Compression index
Voc = Overburden pressure H0 = Depth of soil layer
'V = Stress due to load e0 = Initial void ratio
Vpc = Preconsolidation pressure
Voc'VdVpc
Voc+ 'V
e
การเกิ ด กรณี นี มั ก จะเกิ ด ใน Vo c Vp c
M
N
บริเวณที&ลึกจากผิวดินมาก ซึ&งค่ า 'e
'V มีค่าน้ อย ทําให้ ค่า Vo c +
'V มีค่าน้ อยกว่ า Vp c ดังรู ป
เมื&อ
Ce = Swell index H0 = Depth of soil layer
Voc = Overburden pressure e0 = Initial void ratio
'V = Stress due to load
สรุป
ดิน NCC
'H = Cc. H0 .log [(Voc + 'V)/Voc] /(1 + e0)
ดิน OCC
Voc'V!Vpc
'H = H0[Ce. log (Vpc /Voc) + Cc. log [(Voc + 'V)/Vpc]]/(1 + e0)
Voc'VdVpc
'H = H0.Ce. log [(Voc + 'V)/Voc]/(1 + e0)
รูปที& 2
วิธีทํา
แบ่ งชั น Soft clay ออกเป็ น 3
ชัน โดยให้ ชันที& 1 และ 2 หนา 10
0
J = 112 pcf Fine sand
ฟุต และชันที& 3 หนา 20 ฟุต
-10 ft
Jsat = 118 pcf Fine sand
-20 ft
ชันที& 1 เนื&องจากโจทย์ ต้องการหาขนาด
Jsat = 122 pcf ชันที& 2
การทรุ ดตัวที&บริเวณกึง& กลางอาคาร
Soft clay
ชันที& 3
ดังนันจึงต้ องหาความเค้ นบริ เวณ
-60 ft
ดังกล่าวที&จุดกึง& กลางของชันดินทัง
3 ดังรู ป
0
J = 112 pcf Fine sand
-10 ft
Jsat = 118 pcf Fine sand ความเค้ นที& ต้ องการหา คื อ
-20 ft
ชันที& 1
Overburden pressure, Voc และ
Jsat = 122 pcf
Stress due to load, 'V
ชันที& 2
Soft clay
ชันที& 3
-60 ft
0
J = 112 pcf Fine sand
-10 ft
จากรู ป จะได้ ค่ า Overburden Jsat = 118 pcf Fine sand
-20 ft
A ชันที& 1
pressure ดังแสดงในตาราง
Jsat = 122 pcf B ชันที& 2
Soft clay
C ชันที& 3
-60 ft
จากนัน หาค่ า
Stress due to load, 'V
40 ฟุต
0
J = 112 pcf Fine sand
-10 ft
Jsat = 118 pcf Fine sand
-20 ft 100 ฟุต
ชันที& 1
Jsat = 122 pcf ชันที& 2
Soft clay
ชันที& 3
Top view
-60 ft
40 ฟุต
Top view
1.0 2.0
1.4
ปรับแก้กราฟ
Vpc=Voc
หาค่ าความลาดชัน
0.64
หาขนาดการทรุดตัวของดินชันต่ าง ๆ
ความหนา,
ชันที& Voc (psf) 'V (psf) 'H (ft)
(ft)
1 10 1974 1448 0.62
2 10 2570 1192 0.43
3 20 3464 824 0.48
ความลึก (ft) Cc Ce e0
25 0.42 0.03 0.81
35 0.50 0.042 0.76
50 0.46 0.034 0.68
วิธีทํา
ชันที& ความลึก (ft) Voc (psf) 'V (psf) Voc+ 'V (psf)
1000 psf
Vp c
1000 psf
Effective vertical stress, Vc (psf)
1000 psf
Vp c
ชั9นที 3 V oc
ของชันที& 2 และ 3 พอดี
1000 psf
Effective vertical stress, Vc (psf)
1000 psf
แสดงว่ า
Vp c
Voc+ 'V
ดินชันที& 1 และ 2 มีค่า
ชั9นที 1
ชั9นที 2 Voc'V!Vpc
V oc
และดินชันที& 3 มีค่า
ชั9นที 3
Voc'VdVpc
1000 psf
Effective vertical stress, Vc (psf)
ดังนัน ดินชันที& 1 และ 2 จะใช้ สมการ
'H = H0[Ce. log (Vpc /Voc) + Cc. log [(Voc + 'V)/Vpc]]/(1 + e0)
ความหนา
ชันที& Voc (psf) 'V (psf) 'H (ft)
(ft)
3 20 3464 824 0.04
2 10 2570 1192 0.43
หมายเหตุ
'H = H0.Ce. log [(Voc + 'V)/Voc]/(1 + e0)
3 20 3464 824 0.48
ชันที& Ce e0
3 0.034 0.68
ดังนันขนาดการทรุดตัวทังหมด
= 0.17 + 0.06 + 0.04 = 0.27 ft
Ans
อัตราการอัดตัวคายนํา
'V
Sand
0.4 m
0
10 10
kN kN
10
kN
10
kN
1.0 m
100 95
50 0.4 m
0
Sand
Soft
2H clay
Sand
Sand 'V
to
Soft
2H clay
Sand
'V
Sand 'V
t1 to
Soft
2H clay
Sand
Sand 'V
t1 to
Soft t2
2H clay t3
Sand
'V
Sand 'V
t1 to
Soft t2
2H clay t3
tf
Sand
Sand 'V
t1 to
Soft t2
2H clay t3
tf
Sand
ตัวอย่างที& 6.6
ชันดินประกอบด้ วยชันบนเป็ นดิน
ตะกอนหนา 7.3 เมตร ถูกขุดให้ ลึก
2.0 เมตร เพื&อก่ อสร้ างอาคาร โดย
อาคารจะทําให้ เกิดความเค้ นที&ผิวดิน
เท่ ากับ 100 กิโลนิวตันต่ อตารางเมตร
เป็ นบริเวณกว้ าง ใต้ ชันดินตะกอนเป็ น
ชั น ดิ น เหนี ย วอ่ อ นอิ& ม ตั ว หนา 4.26
เมตร และใต้ ชั น ดิ น เหนี ย วเป็ นชั น
ทราย ดั ง รู ป หลั ง จากสร้ างอาคาร
เสร็จ 6 เดือน จงหาค่ าความดันโพรง
ทีเ& พิม& ขึน ที&ความลึก 8.37 เมตร
วิธีทํา
เนื&องจากชั นดินที&ประกบชั นดินเหนียวอยู่เป็ นชั นดินที&มีค่า k
สู งกว่ าดินเหนียว ดังนันจึงเป็ นการระบายนําสองทิศทาง (Double
drainage)
0.5
จะได้ ค่า
Uz = 0.33
0.33
จากสมการ Uz = 1 – u/ui แทนค่ า ui = 100 kN/m2
0.33 = 1 - u/100
จากการที&มีนําหนักมากระทําที&
ผิ ว ดิ น ค่ า การกระจายความดั น
โพรงที&เพิ&มขึนมีลักษณะแปรผัน
เป็ นเส้ นตรงกับความลึก ดังนั น
จึงใช้ ตารางที& 6.5 Case 1 เพือ& หา
ค่ า Average degree of
consolidation
เมื&อ T = 0.0548 ดังนัน
U = 26.4 %
ดังนัน การทรดตัวที&ระยะเวลา 3 ปี
เท่ ากับ 0.264 x 21.0 = 5.5 นิว
Ans
และ U = 50 %
จากการที&มีนําหนักมากระทําที&
ผิวดิน ถ้ ากราฟการกระจายความ
ดั น โพรงที& เ พิ& ม ขึ น เป็ นรู ป Sine
curve ดั ง นั นจึ ง ใช้ ตารางที& 6.6
Case 3 เพือ& หาค่ า Time factor
เมื&อ U = 50 % ดังนัน
T = 0.281
แทนค่ าลงในสมการ T = cv.t/H2
0.281 = 0.019 x t /(15 x 100)2
t = 3.32 x 107 min = 63.3 yrs Ans
สั มประสิ ทธิการอัดตัวคายนํา
ค่ า Coefficient of consolidation มีรากฐานจากสมการ
cv = k/(Jw.mv)
ซึ&งการหาค่ าจากสมการดังกล่ าวไม่ เป็ นที&นิยม แต่ มักจะนิยม
หาค่ า cv จากสมการ T = cv.t/H2 ซึ&งการหาค่ า t จะหาจากการ
ทดลองการอัดตัวคายนํา
การวิเคราะห์ ผลการทดลอง Consolidation test
Dial
reading
นํ า ค่ า การทรุ ด ตั ว กั บ เวลามา
พล๊ อตลงในกราฟ Normal scale
โดยให้ ขนาดการทรุ ดตัวอยู่ในแกน
ตัง และค่ า Squareroot ของเวลา
อยู่ในแกนนอน
Squareroot of time
Dial
พยายามลากเส้ นตรงให้ ผ่านจุด reading O
ให้ มากทีส& ุ ด ได้ เส้ น OA
จากจุ ด ใด ๆ ในแกนตั ง วั ด
ระยะทางในแนวนอนมายังเส้ น OA
ให้ เท่ ากับ 1.0 แล้ ววัดออกไปอีก 1.0 0.15
0.15 จากนันลากเส้ น OB ผ่ านจุดที& A B
วัดออกไปอีก 0.15 Squareroot of time
Dial
เส้ น OB จะตัดเส้ นกราฟที& reading O
Squareroot of time 90 %
Dial
reading
Dial d0
reading 'd
'd
Dial d0
reading 'd
'd
d100
Dial d0
reading
d50
d100
cv = 0.197 H2/t50
Dial d0
reading
d50
d100
ผลกระทบที&มีต่อความหนาแน่ นของดิน
ความถ่ วงจําเพาะ
ลักษณะการกระจายขนาดเม็ดดิน
รู ปร่ างของเม็ดดิน
เครื&องมือที&ใช้ ในการบดอัด
ปริมาณความชืน
ความหนาแน่ นของดิน
ความหนาแน่ นแห้ ง
Dry density, Jd
การที& ป ริ ม าณความชื น น้ อย
ดิ น จะมี ค่ า ความหนาแน่ น แห้ ง
น้ อย เนื& อ งจากปริ มาณนํา มีน้อ ย
เกินไปที&จะหล่ อลื&นให้ เม็ดดินเข้ า
ไปอยู่ชิดกัน
และการที&ปริมาณความชืนมาก
ดิ น จะมี ค่ า ความหนาแน่ น แห้ ง
ลดลง เนื&องจากปริ มาณนํามีมาก
เกินไปจึงเป็ นตัวทําให้ เม็ดดินลื&น
เมื&อถูกบดอัดจึงมีสภาพไม่ แน่ น
จุดยอดของกราฟ A เรี ยกว่ า
ค่ าความหนาแน่ นแห้ งสู งสุ ด
(Maximum dry density, Jd max)
และค่ า ปริ ม าณความชื น ที& ทํ า ให้
Jd max
เกิด Jd max เรียกว่ า ค่ าความชืนที&
เ ห ม า ะ ส ม ที& สุ ด (Optimum
moisture content, OMC.)
OMC
OMC
Jd = Gs.Jw/[1 + (m.Gs/S)]
ในบางครั ง กราฟ
การบดอั ด ไม่ เ ป็ นรู ป
ระฆังควํ&า Lee &
Suedkamp ได้ ศึกษา
จากดิ น 35 ชนิ ด
สามารถแบ่ งรู ปกราฟ
ได้ เป็ น 4 แบบ คือ
รู ป ก เป็ นรู ปกราฟของ
ดินทัว& ๆไป
รู ป ข เป็ นรู ป กราฟรู ป
ตัว S พบในดินทราย
รูป ค และ ง พบในดินที&
มีแร่ Montmorillonites
โดยรู ป ง จะพบยากกว่ า
รู ป ค
จากรู ป แสดง
กราฟการบดอัด
ดิ น ของดิ น ชนิ ด
ต่ า ง ๆ ที& ใ ช้
พลั ง งานในการ
บดอัดเท่ ากัน
จากรู ป แสดงกราฟการ
บดอัดดินชนิดเดียวกัน แต่ ใช้
พลั ง งานในการบดอั ด ที& ไ ม่
เท่ า กัน โดยกราฟ a มี
พลั ง งานในการบดอั ด ที& ตํ& า
กว่ า กราฟ b
ค่ าความซึมได้ ลดลง
การอัดตัวได้ ลดลง
ผลของการบดอัดทีม& ตี ่ อดิน ดินเม็ดละเอียด
ความต้ านทานแรงเฉือน
ค่ าความหนาแน่ นแห้ ง
สู งสุ ดไม่ ได้ ให้ ค่ าความ
แข็ ง แรงที& สุ ด แต่ ความ
แข็ ง แรงจะค่ อ ย ๆลดลง
เมื&อใกล้ ค่า OMC และจะ
ลดลงอย่ า งมากหลั ง จาก
นัน ดังแสดงในรูป
Standard Modified
Proctor test Proctor test
เส้ นผ่ าศูนย์ กลางของกระบอก, นิว 4 4
ความสู ง, นิว 4.58 4.58
จํานวนชันทีบ& ดอัด 3 5
จํานวนกระแทกต่ อชัน 25 25
นํา หนักลูกตุ้ม, ปอนด์ 5.5 10.0
ระยะกระแทก, นิว 12 18
ปริมาตรของกระบอก, ลบ.ฟุต 1/30 1/30
พลังงานทีใ& ช้ บดอัด, ฟุต-ปอนด์ /ลบ.ฟุต 12,375 56,250
การคํานวณพลังงานในการบดอัดสามารถหาได้ จากสมการ
CE = Wh.Hd.NL.Nd/V
เมื&อ
Wh = นํา หนักที&ใช้ ในการบดอัด
Hd = ระยะความสู งในการยกตุ้มนํา หนัก
NL = จํานวนชันของดินทีบ& ดอัด
Nd = จํานวนครังต่ อการบดอัด 1 ชัน
V = ปริมาตรของดินทีถ& ูกบดอัด
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
อุปกรณ์ ทใี& ช้
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
กระบอกตัวอย่ าง
(Mould)
Top view
ปลอกคอ
(Collar)
ระยะ
ตก
กระบอกตัวอย่ าง กระทบ
(Mould)
นํ า ฐานรองมาประกอบเข้ า กั บ กระบอก
ตัวอย่ าง แล้วยึดให้ แน่ น
จากนันนําปลอกคอมาติดตังบนกระบอก
ตัวอย่ างอีกชันหนึ&ง แล้วยึดให้ แน่ น
Soil # 1
Soil # 1
ใส่ ดิ น กองแรกลงไปในกระบอกตั ว อย่ า ง
แล้ วบดอัดด้ วยลูกตุ้ม จํานวน 25 ครั งทั&ว
ผิวหน้ า
Soil # 1
Soil # 1
ใส่ ดิ น กองแรกลงไปในกระบอกตั ว อย่ า ง
แล้ วบดอัดด้ วยลูกตุ้ม จํานวน 25 ครั งทั&ว
ผิวหน้ า
Soil # 1
Soil # 1
ใส่ ดิ น กองแรกลงไปในกระบอกตั ว อย่ า ง
แล้ วบดอัดด้ วยลูกตุ้ม จํานวน 25 ครั งทั&ว
ผิวหน้ า
Soil # 1
Soil # 1
ใส่ ดิ น กองแรกลงไปในกระบอกตั ว อย่ า ง
แล้ วบดอัดด้ วยลูกตุ้ม จํานวน 25 ครั งทั&ว
ผิวหน้ า
Soil # 1
Soil # 1
ใส่ ดิ น กองแรกลงไปในกระบอกตั ว อย่ า ง
แล้ วบดอัดด้ วยลูกตุ้ม จํานวน 25 ครั งทั&ว
ผิวหน้ า
Soil # 1
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
ถอดปลอกคอออก แล้ วใช้ ไม้ บรรทัดเหล็ก
ปาดดินให้ เสมอกับขอบของกระบอกตัวอย่ าง
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
ถอดปลอกคอออก แล้ วใช้ ไม้ บรรทัดเหล็ก
ปาดดินให้ เสมอกับขอบของกระบอกตัวอย่ าง
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
ถอดปลอกคอออก แล้ วใช้ ไม้ บรรทัดเหล็ก
ปาดดินให้ เสมอกับขอบของกระบอกตัวอย่ าง
Soil # 3
Soil # 2
Soil # 1
Soil # 2
จากการทดลองจะได้ ค่าความหนาแน่ นแห้ ง
Soil # 1
กับปริมาณความชืน 1 ชุ ด
ทําการทดลองวิธีการเดิมกับตัวอย่ างดิน แต่ ให้
ดินมีปริมาณความชืนที&แตกต่ างจากเดิม จะทําให้
ได้ ค่ า ความหนาแน่ นแห้ ง กับปริ ม าณความชื น
หลายชุ ด แล้ ว นํ า ข้ อ มู ล ทั ง หมดมาพล๊ อ ตลงใน
กราฟโดยให้ ค่าความหนาแน่ นแห้ งอยู่ในแกนตัง
และปริมาณความชืนอยู่ในแกนนอน
Dry
Density
Max. dry density
Jd1
Standard Modified
Proctor test Proctor test
เส้ นผ่ าศูนย์ กลางของกระบอก, นิว 4 หรือ 6 4 หรือ 6
ความสู ง, นิว 4.58 4.58
จํานวนชันทีบ& ดอัด 3 5
จํานวนกระแทกต่ อชัน 25 หรือ 56 25 หรือ 56
นํา หนักลูกตุ้ม, ปอนด์ 5.5 10.0
ระยะกระแทก, นิว 12 18
ปริมาตรของกระบอก, ลบ.ฟุต 1/30 หรือ 1/13.33 1/30 หรือ 1/13.33
พลังงานทีใ& ช้ บดอัด, ฟุต-ปอนด์ /ลบ.ฟุต 12,375 56,250
การควบคุมการบดอัด
การควบคุมการบดอัดดินสามารถกระทําได้ โดยการเปรี ยบเทียบ
ค่ าความหนาแน่ นแห้ งของดินในสนาม กับค่ า ความหนาแน่ นแห้ ง
สู งสุ ดในห้ องปฏิบัติการ
Percent compaction
หรือ
Relative compaction
ในการวิเคราะห์ หาปริมาตรของดิน จะ
สมมุติให้ ปริมาตรของดินเท่ ากับปริมาตร
ของหลุ ม ที& ขุ ด ซึ& ง การหาปริ ม าตรของ
หลุ ม สามารถหาได้ จ ากการนํ า วั ส ดุ ที&
ทราบความหนาแน่ นใส่ ลงไปจนเต็ม แล้ ว
ชั&งนําหนัก แล้ วนํามาคํานวณหาปริมาตร
จากสมการ V = W/J
สํ าหรับวัสดุทใี& ช้ หาปริมาตรของหลุม มี 2 ชนิด คือ
การทดลองโดยใช้ ทรายแทนที&
กรวย
วาล์ว (ปิ ด)
ขวดแก้ว
Ottawa sand
ซึ&งนํา หนักของทรายในกรวย
วาล์ว (เปิ
(ปิ ด)ด)
จะเป็ นค่ ามาตราฐาน ดังนันจะ
สามารถหานําหนักของทรายใน
ห ลุ ม ไ ด้ แ ล ะ จ ะ ทํ า ใ ห้ ห า
ปริ มาตรของทรายในหลุมได้ ใน
ที&สุ ด (J ของทรายเป็ นค่ า
Compacted soil
มาตราฐาน)
การทดลองโดยใช้ นํา แทนที&
การทดลองวิธีนีเ รียกว่ า Water balloon method ซึ&ง
การทดลองจะคล้ ายกับวิธี Sand cone method แต่ แทนที&
จะเป็ นทราย จะใช้ นํ า แทน ซึ& ง ทํ า ให้ เครื& อ งมื อ ไม่
เหมือนกับวิธี Sand cone method
ในปั จ จุ บั น วิ ธี นี ไ ม่ เ ป็ นที& นิ ย ม เนื& อ งจากตั ว ลู ก โป่ ง
มักจะฉีกขาดเมื&อเก็บไว้ เป็ นเวลานาน
อุปกรณ์ ทใี& ช้
กระบอกตวง
ที&บีบอัดอากาศ
ลูกโป่ ง
แผ่นโลหะมีช่อง
ตรงกลาง
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
ว า ง อุ ป ก ร ณ์ ห า ค ว า ม
หนาแน่ นลงบนหลุม แล้ วเติมนํา ปริมาตร
ให้ เต็ม ปิ ดให้ แน่ น ของหลุม
บีบที&อัดอากาศเพื&อให้ อากาศ
เข้ าไปในกระบอกตวงที&ปิดสนิท
จะทํ า ให้ อากาศเข้ าไปอยู่ ใน
กระบอกตวงแล้ วดันลูกโป่ งซึ& ง
อยู่ ที& ส่ วนล่ า งของอุ ป กรณ์ ใ ห้
ย้ อยลงไปในหลุม
Compacted soil
Compacted soil
การทดลองหาค่ าความหนาแน่ นแห้ งของดินในสนาม
แบบใช้ รังสีแกมม่ า
Impact roller
ตัวอย่ างที& 7.1
ข้ อมูลสํ าหรับหาปริมาณความชืน
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
นน. ดินเปี ยก + กระป๋ อง, g 168.8 144.8 157.0 177.0 180.0
นน. ดินแห้ ง + กระป๋ อง, g 157.0 132.4 140.0 153.5 152.9
นน. กระป๋ อง, g 39.2 40.3 36.4 37.0 34.6
ข้ อมูลสํ าหรับหาความหนาแน่ นแห้ ง
นน. ดิน + กระบอกตัวอย่าง, kg 5.978 6.101 6.159 6.108 6.078
วิธีทํา หาปริมาณความชืนของดิน
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
นน. ดินเปี ยก + กระป๋ อง, g 168.8 144.8 157.0 177.0 180.0
นน. ดินแห้ ง + กระป๋ อง, g 157.0 132.4 140.0 153.5 152.9
นน. กระป๋ อง, g 39.2 40.3 36.4 37.0 34.6
นน. นํา ในดิน, g 11.8 12.4 17.0 23.5 27.1
นน. ดินแห้นน.
ง, นํg 9าในดิน = (นน. ดินเปี ยก + กระป๋
117.8 92.1ดินแห้103.6
อง) – (นน. ง + กระป๋116.5
อง) 118.3
ปริมาณความชื9นนน.
, %ดินแห้ ง = (นน. ดินแห้ ง10.0
+ กระป๋ อง)13.5 16.4อง 20.2
– นน. กระป๋ 22.9
ปริมาณความชื9น = นน. นํ9า x 100/นน. ดินแห้ ง
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
นน. ดิน + กระบอกตัวอย่าง, kg 5.978 6.101 6.159 6.108 6.078
นน. กระบอกตัวอย่าง, kg 4.231 4.231 4.231 4.231 4.231
นน. ดิน, kg 1.747 1.870 1.928 1.877 1.847
ความหนาแน่นน.
นของดิ
ดิน =น(นน.
, pcfดิน + กระบอกตั115.51
วอย่ าง) –123.64 127.48วอย่า124.11
นน. กระบอกตั ง 122.12
ความหนาแน่ นแห้ งความหนาแน่
ของดิน, pcfนของดิน =105.0
นน. ดิน 109.0 109.5 103.3
x 2.204/(1/30) 99.4
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
ปริมาณความชื9น, % 10.0 13.5 16.4 20.2 22.9
ความหนาแน่ นแห้ งที S = 1.0, pcf 133.8 124.6 117.6 109.9 104.8
ความหนาแน่ นแห้ งหาได้ จาก Jd = Gs.Jw/[1 + (m.Gs/S)] เมือ& Gs = 2.73, Jw = 62.4, S = 1.0
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
ปริมาณความชื9น, % 10.0 13.5 16.4 20.2 22.9
ความหนาแน่ นแห้ งของดิน, pcf 105.0 109.0 109.5 103.3 99.4
ดินส่ วนที& 1 2 3 4 5
ปริมาณความชื9น, % 10.0 13.5 16.4 20.2 22.9
ความหนาแน่ นแห้ งที S = 1.0, pcf 133.8 124.6 117.6 109.9 104.8
Jd max = 110.0 pcf
OMC = 15.5 %
จากรูปจะได้
ความหนาแน่ นแห้ งสู งสุ ด (Maximum dry density, Jd max) = 110.0 pcf
ความชืนที&เหมาะสม (Optimum moisture content, OMC) = 15.5 % Ans
จงคํานวณหาจํานวนครังต่ อชันในการบดอัดดินตะกอนทรายสี
แดง ลงในกระบอกตัวอย่ างที&มีขนาดเส้ นผ่ าศูนย์ กลาง 6 นิว สู ง 5
นิว จํานวน 6 ชั น โดยใช้ ต้ ุมนําหนักแบบสแตนดาร์ ดพรอคเตอร์
และให้ มีพลังงานในการบดอัดเท่ ากับการบดอัดแบบโมดิฟายส์
พรอคเตอร์
วิธีทํา
การบดอัดแบบโมดิฟายส์ พรอคเตอร์ จะใช้ ลูกตุ้มหนัก 10.0
ปอนด์ ระยะการยกตุ้ม 18.0 นิว บดอัด 5 ชัน ชันละ 25 ครังบด
อัดดินลงในกระบอกตัวอย่ างทีม& ีปริมาตร 1/30 ลบ.ฟุต
ข้ อมูลในห้ องปฏิบัติการ
ความหนาแน่ นแห้ งสู งสุ ดของดิน
(สแตนดาร์ ดพรอคเตอร์ ) = 118.8 pcf
ข้ อมูลในสนาม
ข้ อมูลปริมาณความชืน
นน.ดินเปี ยก + กระป๋ อง, g 156.0
นน.ดินแห้ ง + กระป๋ อง, g 138.5
นน. กระป๋ อง, g 36.8
ข้ อมูลความหนาแน่ นแห้ ง
ความหนาแน่ นของทราย, pcf 99.93
นน. ขวด + ทราย (ก่ อนทดสอบ), lbs 17.43
นน. ขวด + ทราย (หลังทดสอบ), lbs 9.43
นน. ทรายในกรวย, lbs 4.11
นน. ดินทีข& ุดออกจากหลุม, lbs 4.54
วิธีทํา
นําทรายใส่ ขวดที&จะใช้ หาความหนาแน่ นแห้ งของดินในสนามให้
เต็ม แล้ วนําไปชั&ง ได้ 17.43 lbs นําขวดนีม าควํ&าลงที&ปากหลุม แล้ ว
เปิ ดวาล์วให้ ทรายไหลลงไปในหลุมจนหยุด นําขวดที&มีทรายเหลืออยู่
กลับมาชั&งได้ หนัก 9.43 lbs
ปริมาตรของทรายในหลุม = ปริมาตรของหลุ
าตรของดินมทีข& ุดขึน มา