Professional Documents
Culture Documents
บทที2
่
ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง
2.1 โครงสร้างและชนิดของแร่ดน
ิ เหนียว
Grim(1968)ได้กล่าวว่าเป็ นเวลาช้านานทีเ่ ข้าใจกันว่าดินเหนี ยว
มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น Amorphous
และมีลกั ษณะคล้ายเม็ดกรวดเม็ดทรายทั่วไป ปัจจุบน ั เป็ นทีท่ ราบกันว่า
อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ดิ น เ ห นี ย ว ส่ ว น ใ ห ญ่ จ ะ อ ยู่ ใ น ส ภ า พ ผ ลึ ก
แบ่ ง ออกเป็ นสามก ลุ่ ม ใหญ่ ได้ แ ก่ Kaolinite , Montmorillonite
แ ล ะ Hydrous Mica ห รื อ Illiteน อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี พ ว ก
Vermiculiteแ ล ะ Chlorite ส่ ว น พ ว ก ที่ ไ ม่ อ ยู่ ใ น รู ป ผ ลึ ก เ รี ย ก ว่ า
Alloplane
Das ( 1 9 8 5 )
ได้แ สดงลัก ษณะโครงสร้า งพื้ น ฐานที่ส าคัญ ของแร่ดิน เหนี ย วมี อ ยู่ 2
รูปแบบ ได้แก่
(1) Silicon-Oxygen Tetrahedral ประกอบด้วยธาตุ Silica
1 อะตอม ล้อมรอบด้วย
Oxygen 4 อะตอม เป็ นรูปทรงทีม ่ ีช่องรูปสีเ่ หลีย่ มเชื่อมต่อกัน เรียกว่า
Silica sheet
(2) Aluminum ห รื อ Magnesium Octahedral
ประกอบด้วยธาตุ Alumina หรือ
Magnesium 1 อ ะ ต อ ม ล้ อ ม ร อ บ ด้ ว ย Oxygen 6 อ ะ ต อ ม
เ ป็ น รู ป ท ร ง ที่ มี ช่ อ ง แ ป ด ด้ า น เ ชื่ อ ม ต่ อ กั น Alumina
ทีเ่ ชือ
่ มต่อกันเป็ นแผ่น เรียกว่า Gibbsite sheet สาหรับ Magnesium
ทีเ่ ชือ่ มต่อกันเป็ นแผ่นเรียกว่า Brucite sheet
ส ร สิ ท ธิ ์ วั ช โ ร ท ย า น แ ล ะ ค ณ ะ ( 2 5 3 5 )
ได้สรุปเปรียบเทียบคุณสมบัตต ิ า่ งๆทีส
่ าคัญของแร่
ดินเหนียว Kaolinite , Montmorillonite และ Illite แสดงดังตาราง 2-
1
ตารางที่ 2-1 เปรียบเทียบคุณสมบัตท ิ ส
ี่ าคัญของแร่ดน
ิ เหนียวที่สาคัญ 3
ชนิด
( สรสิทธิ ์ วัชโรทยานและคณะ , 2535 )
4
2.2 ธรณี วท
ิ ยาดินเหนียวกรุงเทพ
ดินเหนียวกรุงเทพ เป็ นชือ ่ ทีต ้ โดย ชัย มุกตาพันธ์ (อ้างอิงจาก
่ ง้ ั ขึน
เจริญ เพียรเจริญ และคณะ , 2519) เพื่อใช้เรียกชั้นดินเหนี ย วเนื้ อ นิ่ ม
สี เ ท า ชั้ น บ น สุ ด ข อ ง ต ะ ก อ น ที่ ปิ ด ค ลุ ม ที่ ร า บ ลุ่ ม ภ า ค ก ล า ง
เพิม ่ เติมอีกหลายด้าน จนสามารถแบ่งดินเหนียวออกเป็ นหน่ วยย่อยได้ 3
หน่ วย หน่ วยล่ า งประกอบด้ ว ยตะกอนดิ น เหนี ย วปนทรายละเอี ย ด
สี เ ทาอ่ อ น มี จุ ด ปะสี เ หลื อ งประมาณ 5% เนื้ อ ค่ อ นข้ า งแน่ นเหนี ย ว
ท ร า ย ล ะ เ อี ย ด ที่ ป น มี ข น า ด 1 0 0 ไ ม ค ร อ น มี ก า ร คัด ข น า ด ดี
เ ม็ ด ท ร า ย ก ล ม ม น ดี ไ ม่ พ บ เ ศ ษ พื ช ห รื อ เ ป ลื อ ก ห อ ย ใ น ชั้ น นี้
แต่ จ ากการศึ ก ษาเรณู วิ ท ยา พบว่ า ในชั้น นี้ มี เ รณู ข อง Gramineae
และสปอร์จากพืชทีข ึ้ ในป่ าโปร่ง ชัน
่ น ้ นี้ มีความหนาประมาณ 3-4 เมตร
ว า ง อ ยู่ บ น ชั้ น ท ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ นื้ อ แ น่ น อ ย่ า ง ไ ม่ ต่ อ เ นื่ อ ง
จากลักษณะตะกอนและเรณู จงึ ถูกอนุมานว่าเป็ นตะกอนทีส ่ ะสมตัวในสภ
า พ แ ว ด ล้ อ ม แ บ บ ดิ น ด อ น ส า ม เ ห ลี่ ย ม ป า ก แ ม่ น้ า
ซึง่ มีอทิ ธิพลของน้าจืดมากกว่าน้าทะเล
ดังภาพที2 ่ -1
5
ปั ญ ห า ต่ อ เ ส า เ ข็ ม
เนื่อ งจากการก่อ สร้า งอาคารบนดินเหนี ย วกรุ งเทพมี ปัญ หาแก้ไ ขยาก
ดังนัน้ วิศวกรจึงมักจะหลีกเลีย่ งโดยใช้เสาเข็มทีย่ าวกว่าความหนาของกา
ร ต อ ก เ ส า เ ข็ ม มั ก จ ะ พ บ ว่ า เ ส า เ ข็ ม แ ต ก หั ก ห รื อ เ อี ย ง ไ ด้ ง่ า ย
ทั้ง นี้ เกิ ด จากดิ น เหนี ยวที่ ถู ก บี บ อัด เกิ ด แรงเฉื อนในระนาบราบ
ในแหล่งชุมชนมักจะใช้ดน ิ เหนี ยวถมทีเ่ พือ ่ ยกระดับสาหรับการสร้างบ้า
น เ รื อ น คุ ณ ส ม บั ติ ที่ มี ค ว า ม แ ก ร่ ง ข อ ง เ นื้ อ ดิ น ต่ า
ท า ใ ห้ ดิ น เ ห นี ย ว ที่ ใ ช้ ถ ม ไ ม่ ค่ อ ย เ ก า ะ กั น แ น่ น
จึ ง ท าให้ เ กิ ด รอยแยกและการเคลื่ อ นหลุ ด เป็ นกะบิ ข องดิ น ได้ ง่ า ย
ประกอบกับความเค็มและความเป็ นกรดของเนื้อดินทีม ่ ีผลต่อปูนซีเมนต์
ทาให้ปูนเปื่ อยง่ายและเร็ว
2.4 ลักษณะการไหลของน้าในดิน
น้ า ใ น ดิ น จ ะ ไ ห ล ผ่ า น ช่ อ ง ว่ า ง ภ า ย ใ น ม ว ล ดิ น
ซึ่ ง โ ด ย ป ก ติ แ ล้ ว ช่ อ ง ว่ า ง ใ น ม ว ล ดิ น ก้ อ น ห นึ่ ง ๆ จ ะ ต่ อ เ นื่ อ ง ก า ร
ส าหรับ ดินเม็ ด หยาบ ซึ่งได้แ ก่ กรวดและทรายจะมี ช่อ งว่า ขนาดใหญ่
ส่ ง ผ ล ใ ห้ น้ า ส า ม า ร ถ ไ ห ล ซึ ม ผ่ า น ดิ น ป ร ะ เ ภ ท นี้ ไ ด้ ง่ า ย
ใ น ข ณ ะ ที่ เ ม็ ด ดิ น ล ะ เ อี ย ด ไ ด้ แ ก่ ท ร า ย แ ป้ ง แ ล ะ ดิ น เ ห นี ย ว
จะมี ช่ อ งว่า งขนาดเล็ ก ท าให้น้ า ไหลซึ ม ผ่า นได้ย ากกว่า ดิน เม็ ด หยาบ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในดินเหนี ยวซึ่งอาจจะมีช่องว่างบางส่วนในมวลดินที่
ไ ม่ เ ชื่ อ ม ต่ อ กั บ ช่ อ ง ว่ า ง ข อ ง ม ว ล ดิ น ที่ อ ยู่ ติ ด กั น
อีกทัง้ ผลประจุไฟฟ้ าในแร่ดน ิ เหนียวจึงทาให้น้าไหลซึมผ่านดินประเภท
นี้ได้ยาก
ลัก ษณะการไหลของน้ า สามารถแบ่ ง ออกได้ เ ป็ น 2 ลัก ษณะ
ตามการแปรผันของพลังงานทีส ่ ูญเสียกับความเร็วในการไหล คือ
( 1 ) ก า ร ไ ห ล แ บ บ ร า บ เ รี ย บ ( Laminar Flow) คื อ
การไหลของน้าทีม ่ ีการสูญเสียพลังงานแปร
ผั น เ ป็ น แ บ บ เ ชิ ง เ ส้ น ต ร ง กั บ ค ว า ม เ ร็ ว ใ น ก า ร ไ ห ล
ท า ใ ห้ อ นุ ภ า ค ข อ ง น้ า เ ค ลื่ อ น ที่ ต่ อ เ นื่ อ ง กั น ไ ป แ บ บ ร า บ เ รี ย บ
ลักษณะการไหลแบบนี้จะเกิดกับน้าทีไ่ หลด้วยความเร็วต่า
( 2 ) ก า ร ไ ห ล แ บ บ สั บ ส น ( Turbulent Flow) คื อ
การไหลของน้าทีม ่ ีการสูญเสียพลังงานแปร
7
ผั น แ บ บ ไ ม่ เ ป็ น เ ชิ ง เ ส้ น ต ร ง กั บ ค ว า ม เ ร็ ว ใ น ก า ร ไ ห ล
การไหลลักษณะนี้จะเกิดกับน้าทีไ่ หลด้วยความเร็วสูงและอนุภาคของน้า
จะเคลือ่ นทีใ่ นทิศทางสับสน
ก า ร ไ ห ล ข อ ง น้ า ใ น ดิ น ส า ม า ร ถ แ ส ด ง ไ ด้ ดั ง ภ า พ ที่ 2 - 2
จะเห็นได้วา่ ในความเป็ นจริงน้าจะไม่สามารถไหลเป็ นแนวเส้นตรงได้แ
ต่ จ ะ ไ ห ล ใ น ทิ ศ ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ต า ม ช่ อ ง ว่ า ง ที่ ต่ อ เ นื่ อ ง กั น
อย่างไรก็ตามในทางทฤษฎีจะถือว่าน้าไหลในแนวเส้นตรงด้วยความเร็ว
ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล ( Effective Velocity)
และเนื่องจากอัต ราการไหลของน้าผ่านดินเป็ นการไหลแบบราบเรีย บ
( Laminar Flow)
นั่นคือพลังงานทีส ่ ูญเสียไปจะเป็ นสัดส่วนแบบเชิงเส้นตรงกับความเร็วก
ารไหล
เมือ
่ q = อัตราการไหลของน้าผ่านดิน
k = สัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่านดิน
hin = เฮดทัง้ หมดด้านทีน ่ ้าไหลเข้าตัวอย่างดิน
hout = เฮดทัง้ หมดด้านทีน ่ ้าไหลออกจากตัวอย่างดิน
L = ความยาวของตัวอย่างดิน
A = พื้นทีห ่ น้าตัดของตัวอย่างดิน
i = ความชันทางชลศาสตร์ (Hydraulic Gradient)
ก ฎ ก า ร ไ ห ล ข อ ง ด า ร์ ซี่ เ ป็ น ก า ร ไ ห ล ใ น ลั ก ษ ณ ะ 1 มิ ติ
( ค ว า ม เ ร็ ว ข อ ง น้ า
ทิศทางความชันทางชลศาสตร์จะอยูใ่ นทิศทางเดีย วกันและอยูใ่ นแกนใด
แ ก น ห นึ่ ง ข อ ง พิ กั ด ค า ร์ ที เ ชี ย น )
ถูกใช้เป็ นพื้นฐานในการวิเคราะห์การไหลของน้าทัง้ แบบ 2 มิติและ 3
มิติ
ค่าสัมประสิทธิก ์ ารซึมของน้าผ่านดินเป็ นคุณสมบัตท ิ างกายภาพข
องดินแต่ละชนิด โดยค่าสัมประสิทธิก ์ ารซึมของน้าผ่านดินจะอยูร่ ะหว่าง
1-10 - 9 เ ซ น ติ เ ม ต ร / วิ น า ที ดั ง ต า ร า ง ที่ 2 - 2
แสดงค่าพิสยั สัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่านดินตามชนิดของดิน
ค ว า ม ดั น ใ น น้ า ก็ จ ะ ล ด ล ง
ในขณะเดี ย วกัน หน่ วยแรงประสิ ท ธิ ผ ลในเม็ ด ดิ น ก็ จ ะเพิ่ ม สู ง ขึ้ น
จนกระทั่ง น้ า ได้ ถ่ า ยแรงดัน ส่ ว นเกิ น นั้น ให้ แ ก่ เ ม็ ด ดิ น จนหมดสิ้ น
ก็ ถื อ ว่ า เ ป็ น ก า ร สิ้ น สุ ด ก ร ะ บ ว น ก า ร consolidation
เ นื่ อ ง จ า ก แ ร ง ก ร ะ ท า นั้ น
ถ้ า ส ม ม ติ ใ ห้ ส ป ริ ง แ ท น ชั้ น ดิ น เ ห นี ย ว แ ล ะ มี น้ า บ ร ร จุ อ ยู่
สปริ ง และน้ า จะอยู่ ใ นสภาพสมดุ ล ปิ ดวาล์ ว เมื่ อ เริ่ ม ใช้ แ รงกด P
จ ะ พ บ ว่ า น้ า จ ะ รั บ แ ร ง P นี้ ไ ว้ แ ต่ น้ า ไ ม่ ส า ม า ร ถ ยุ บ อั ด ตั ว ไ ด้
จ ะ เ กิ ด แ ร ง ดั น น้ า U0 ( Initial excess pressure)
เ มื่ อ เ ปิ ด ว า ล์ ว น้ า ก็ จ ะ ร ะ บ า ย อ อ ก ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น แ ร ง P
ก็ จ ะ ถ่ า ย ใ ห้ กั บ ส ป ริ ง
ส ป ริ ง จ ะ ห ด ตั ว เ ป รี ย บ เ ส มื อ น กั บ เ ม็ ด ดิ น ที่ รั บ แ ร ง แ ท น น้ า
จนกระทั่ง เข้า สู่ ส มดุ ล อี ก ครั้ง คื อ excess pore pressure เป็ นศู น ย์
ซึ่งในชัน ้ ดินจริงเวลาทีจ่ ะใช้มากหรือน้อยขึน ้ อยูก่ บ
ั ชนิดของดิน ดังภาพ
2-4
เมือ
่ t = เวลาในการเกิดการทรุดตัวใดๆ
H =
ระยะทางไกลสุดทีน่ ้าในมวลดินจะต้องไหลออกจากจุดสมดุล
Cv = Coefficient of Consolidation
T = Time factor ขึน ้ อยูก
่ บ
ั Percentage of
Consolidation และลักษณะ ของ Initial
Excess Pore pressure ดังในตารางที่ 2-3 Time
factor
ตารางที่ 2-3 Time factor ( สุทธิศกั ดิ ์ ศรลัมพ์ , 2551 )
PERCENTAGE OF Time Factor T
CONSOLIDATION, CASE 1 CASE 2 CASE 3
U
12
0 0 0 0
5 0.0020 0.0030 0.0208
10 0.0078 0.0111 0.0427
15 0.0177 0.0238 0.659
20 0.0314 0.0405 0.904
ภาพที่
2-6
การเปลีย่ นแปลงความดันของน้าในมวลดินจาพวกดินเหนียวภายใต้กระ
บวนการ
14
เมือ
่ Sc = ปริมาณการทรุดตัวสูงสุด
Cc = ดัชนีการยุบตัว
P’o = Effective overburden pressure
∆P = External pressure
H = ความหนาของชัน ้ ดิน
2.7 การทดสอบหาค่าความถ่วงจาเพาะ ( Specific Gravity )
ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ คื อ
อัตราส่วนระหว่างความหนาแน่ นของมวลดินและความหนาแน่ นของน้า
ที่ อุ ณ ห ภู มิ 4º ที่ มี ป ริ ม า ต ร เ ท่ า กั บ ม ว ล ดิ น นั้ น
มวลดินประกอบด้วยอนุ ภาคเล็กๆของแร่ธาตุหลายชนิดมาประกอบกันซึ่
งแร่ธาตุแต่ละชนิดก็ จะมีคา่ ความถ่วงจาเพาะคงที่เป็ นคุณสมบัติเฉพาะ
ส า ห รั บ ม ว ล ดิ น ที่ มี แ ร่ ธ า ตุ ห ล า ย ช นิ ด ป ร ะ ก อ บ กั น
ค่ า ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ ก็ คื อ ค่ า เ ฉ ลี่ ย ข อ ง ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ ข อ ง
แ ร่ ธ า ตุ ที่ มี อ ยู่ ใ น ม ว ล ดิ น นั้ น
โดยปกติค่า ความถ่ว งจ าเพาะของดิน จะมี ค่า ประมาณ 2.60 ถึง 2.80
ขึ้ น กั บ แ ร่ ธ า ตุ ที่ ม า ป ร ะ ก อ บ ว่ า เ ป็ น แ ร่ ห นั ก ห รื อ แ ร่ เ บ า
ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ เ ป็ น คุ ณ ส ม บั ติ เ ฉ พ า ะ ข อ ง ม ว ล ดิ น
เป็ นค่ า ดัช นี ที่ ใ ช้ บ่ ง บอกชนิ ด ของดิ น ในการแยกประเภทของดิ น
แ ล ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ค า น ว ณ ค ว า ม พ รุ น อั ต ร า ส่ ว น ช่ อ ง ว่ า ง
ความอิม ่ ตัวและยังใช้เป็ นคุณสมบัตส ิ าคัญในการทดสอบการบดอัดและก
ารทดสอบการทรุดตัว
มาตรฐานทีใ่ ช้อา้ งอิง : ASTM D 854-58
จากนิยามของความถ่วงจาเพาะของเม็ดดิน
MS
PSoil VS
GS = = MS
ΡWater At 4°C
VW At 4°C
(2-4)
เมือ
่ Psoil = ความหนาแน่ นเฉพาะของเม็ดดิน
Ms = มวลของเนื้อดิน
15
เมือ
่ PL = ขีดจากัดพลาสติก
LI = ดัชนีเหลว
PI = ดัชนีพลาสติก
Wn = ความชื้นของดินในธรรมชาติ
ิ มีสภาพเป็ นกึง่ ของแข็ง
ถ้า LI เป็ นลบ แสดงว่าในธรรมชาติดน
ถ้ า 0.0 < LI < 1.0
ิ มีสภาพในช่วงระหว่างพลาสติกและกึง่ ของแข็ง
แสดงว่าในธรรมชาติดน
18
ถ้ า LI > 1.0
แสดงว่าในธรรมชาติดน
ิ มีสถานะในช่วงของเหลวถึงพลาสติก
( 3 ) ดั ช นี ก า ร ไ ห ล ( Flow index, If) คื อ
ค ว า ม ชื้ น ข อ ง เ ส้ น ก ร า ฟ ค ว า ม สั ม พัน ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ค ว า ม ชื้ น ( w%)
และจานวนครัง้ การเคาะ (N) ในสเกลลอการิทม ึ ดังสมการ (2-6)
W1 - W2
If = N (2-6)
LogN2
1
เมือ
่ If = ดัชนีการไหล
W1 = ความชื้นบน Flow Curve ทีจ่ ุด 1
W2 = ความชื้นบน Flow Curve ทีจ่ ุด 2
N1 = จานวนการเคาะทีจ่ ุด 1
N2 = จานวนการเคาะทีจ่ ุด 2
ค่ า ค ว า ม ชื้ น ใ ช้ บ อ ก ถึ ง ค ว า ม ไ ว ตั ว ข อ ง ดิ น
ถ้ า ดิ น มี ค ว า ม ชื้ น ม า ก แ ส ด ง ว่ า ดิ น มี ค ว า ม ไ ว ต่ า
ค ว า ม ชื้ น เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ ม า ก
แต่จานวนครัง้ ของการเคาะเปลี่ย นแปลงไม่มากนัก จากคุณสมบัติข อง
Flow curve นี้
จึงได้มกี ารทดสอบเพือ ่ หาค่ามาตรฐานสาหรับหาค่าขีดจากัดเหลวได้งา่ ย
้ โดยการเคาะเพียงครัง้ เดียว โดยมีจานวนครัง้ การเคาะอยู่ในช่วง 20
ขึน
- 30 ครัง้ ค่าขีดจากัดเหลวหาได้ จากสมการที่ (2-7)
N0.12
LL = Wn ( 0.12 ) (2-7)
25
เมือ
่ Wn = ความชื้นของมวลดินทีเ่ คาะ N ครัง้
N = จานวนครัง้ การเคาะ
LL = ขีดจากัดเหลว
2 . 8 . 4 ค่ า แ อ ค ติ วิ ตี้ ข อ ง ดิ น ( Activity)
คุณสมบัตเิ กีย่ วกับความเหนียวของดินขึน ้ อยูก่ บ
ั องค์ประกอบ 2 อย่างคือ
จานวนของเม็ดดินทีม ่ ีขนาดเล็กกว่า 0.002 มม. ซึ่งถือว่าเป็ นขนาดของ
ดิ น เหนี ย ว (Clay fraction) และแร่ ป ระกอบดิ น เหนี ย ว Skempton
19
( 1953) ไ ด้ แ ส ด ง ว่ า
อัต ราส่วนของค่า ดัช นี พ ลาสติกต่อเปอร์ เซ็ นต์ ดินเหนี ยวขนาดเล็ กกว่า
0.002 มม. มี ค่ า คงที่ ส าหรับ ดิ น แต่ ล ะชนิ ด ค่ า อัต ราส่ ว นนี้ เ รี ย กว่ า
Activity เกณฑ์การแบ่งค่า Activity ของดินแสดงในตารางที่ 2-4
ตารางที่ 2-4 Classification of soils based on activity (
Skempton , 1953 )
Description Activity
Inactive clays < 0.75
Normal clays 0.75 – 1.25
Active clays 1.25 – 2.00
Highly active clays > 2.00
PI
Activity = (2-8)
%Clay (<0.002 Mm.)
เมือ
่ PI = ดัชนีพลาสติก
2.9 คุณสมบัตด
ิ ชั นีและคุณสมบัตวิ ศิ วกรรมของดินเหนียวกรุงเทพ
ร ส สุ ค น ธ์ ( 2 5 4 8 )
ได้ทาการทดสอบและรวบรวมคุณสมบัตด ิ ชั นีและคุณสมบัตวิ ศ
ิ วกรรมข
องดินเหนียวอ่อนกรุงเทพ ดังตารางที่ 2-5
Craig (1997) ได้ทาการทดสอบและรวบรวมค่าParameter A
at failure ของดินเหนียว ดังตารางที่ 2-6
ตารางที่ 2-5 คุณสมบัตต ิ า่ งๆของดินเหนียวอ่อนกรุงเทพ ( รสสุคนธ์ ,
2548 )
Properties Bangkok Clay
Liquid Limit , LL (%) 75 - 90
Plastic Limit , PL (%) 31 - 36
Plasticity Index , PI (%) 47 - 56
Natural Water Content , % 52 - 75
Unit Weight , t/m 3 1.60 - 1.90
Specific Gravity , Gs 2.50 - 2.75
Undrained Shear Strength , 1.20 - 4.60
t/m 2
20
Cc = 0.21 +
0.008LL
Cc = 0.22 + 0.29e0
Cc = -0.014 + 0.870 All Clays
0.010Wn 0.870
Cc = -0.015 + 0.760
0.38e0 -
Cc = -0.28 +
0.012LL
Cc = -0.59 +
0.04PL
Cc = 0.20 + - Chicago Azzouz and All
0.008Wn - Clay (1976)
Cc = 0.0083 + -
0.208e0 Brazilian
Cc = -0.0414 + Clay
0.0046LL
Cc = 0.0002Wn2 + - All Clays Muktabhant et
0.0067Wn al. (1977)
-0.014
Cc = -0.091 + 0.768 All Clays ศรัญยุทธ์ (2520)
0.013Wn
0.810
Cc = -0.1593 +
-
0.514e0
Cc = -0.005 +
0.01LL
Cc = -0.965 + 0.890 All Clays Tonygate (1978)
0.029Wn
0.680
Cc = -0.847 + 0.880
0.024LL
Cc = -0.941 +
1.057e0
23
ซึ่ ง ท า ใ ห ร ะ บ า ย น้ า อ อ ก จ า ก ตั ว อ ย า ง ดิ น มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
สูงกว ากระบวนการอัดตัวคายน้าในแนวดิง่ เพียงอย างเดียว
2.12
ปัจจัยทีม
่ ีผลกระทบต่อการอัดตัวคายน้าและความซึมน้าของดินเหนียวอ่
อนกรุงเทพ
จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ผ ล จ า ก ก า ร ร บ ก ว น ตั ว อ ย า ง ดิ น
อั ต ร า ก า ร เ พิ่ ม น้ า ห นั ก ใ น ร ะ ห ว า ง ก า ร ท ด ส อ บ
ระยะเวลาในการทดสอบและวิธีการหาค าสัมประสิทธิ ์ การอัดตัวคายน้า
ทีม
่ ีผลต อการอัดตัวคายน้าและความซึมน้าของดินเหนียวอ อนกรุงเท
พ ได ผลดังนี้
2.12.1 ผลของการรบกวนตัวอย างดิน
า ดั ช นี ก า ร ยุ บ ตั ว ข อ ง ดิ น แ ล ะ ค ว า ม ซึ ม น้ า
ส งผลต อพฤติกรรมการอัดตัวคายน้าของดิน
2.12.5
์ องการอัด ตัว คายน้ า
การศึก ษาเปรี ย บเที ย บวิธี ก ารหาค่า สัม ประสิท ธิข
ดั ง แ ส ด ง ใ น ภ า พ ที่ 2 - 1 6
การเปรียบเทียบวิธีการหาค่าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าของดินชุด
ก และดินชุด ข
ภาพที่ 2-18
์ องการอัดตัวคายน้า ดินชุด ก
การเปรียบเทียบวิธีการหาค่าสัมประสิทธิข
และ ดินชุด ข
( ไตรภพ คนชม , 2547 )
2.12.6
การศึกษาเปรียบวิธีการหาค่าหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดิน
34
(a) ผลการทดสอบการอัดตัวคายน้าจานวน 2
รอบของดินชุด ก
ทาให้การระบายน้าออกจากตัวอย่างดินในกระบวนการอัดตัวคายน้ามีป
ระสิทธิภาพสูงกว่าการเพิม
่ น้าหนักอย่างรวดเร็ว
(3) การทดสอบการอัดตัวคายน้าด้วย LIP = EOP ค่า Cv และ
ค่ า Kv มากกว่ า การทดสอบด้ ว ย LID = 1 วัน อยู่ ร ะหว่ า ง 1-2 เท่ า
เนื่องจากการเพิม
่ น้าหนักหลังจากเสร็จสิน ้ กระบวนการอัดตัวคายน้านาน
ๆโครงสร้า งดิน จัด เรี ย งตัว ใหม่ใ นช่ว งการยุ บ ตัว ชั้น ที่ 2 (Secondary
Consolidation) ทาให ค า Cv และ ค่า Kv มีคา่ ลดลง
์ องการอัดตัวคายน้าในแนวดิง่ โดยวิธี
(4) การหาค่าสัมประสิทธิข
Log Time และ วิธี Velocity มีความน่ าเชือ่ ถือมากกว่าวิธี Root Time
และวิธี Hyperbola เน้นผลทดสอบส่วนท้าย ซึง่ ต่างจากวิธี Root Time
ที่ เ น้ น ท ด ส อ บ ส่ ว น เ ริ่ ม ต้ น แ ล ะ วิ ธี Hyperbola
ทีเ่ น้นผลการทดสอบส่วนท้ายและทุกวิธีมีความน่ าเชือ
่ ถือสูงเมือ
่ หน่ วยแร
งมากกว่าหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดิน
( 5 )
การหาหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดินโดยวิธีหลักของงาน และ วิธี
Log-Log มี ค วามน่ าเชื่ อ ถื อไม่ น้ อยไปกว่ า วิ ธี ข อง Casagrande
ซึ่ ง เ ป็ น วิ ธี ที่ นิ ย ม
ทัง้ ยังมี ข้อ ได้เ ปรีย บที่ส าคัญ คือ มี ค วามแน่ นอนเนื่อ งจากการสร้างเส้น
(Graphic Construction) สูงกว าวิธีของ Casagrande
2.13 อุณหภูมส
ิ ง่ ผลต่อการทรุดตัวของดินเหนียวอ่อน
อุณหภูมเิ ป็ นปัจจัยหนึ่งทีส ่ ง่ ผลต่อการทรุดตัวของดินเหนี ยวอ่อน
โ ด ย อ้ า ง อิ ง จ า ก ง า น วิ จั ย ก า ร ศึ ก ษ า ห า ป ริ ม า ณ ค ว า ม ชื้ น ใ น ดิ น
โดยใช้ตอ ู้ บไมโครเวฟเพือ ่ การตรวจสอบความแน่ นของการบดอัดดินใน
ภาคสนาม (นิ ค ม เทพบุ ต รและสุ ร สิ ท ธิ ์ บัว บาน , 2552) กล่ า วว่ า
ก า ร ห า ค ว า ม ชื้ น ข อ ง วั ส ดุ ใ น ห้ อ ง ป ฎิ บั ติ ก า ร ภ า ค ส น า ม
และตรวจสอบความแน่ นของการบดอัดชัน ้ ดินจาเป็ นอย่างยิง่ ในการทรา
บค่าความชื้นของวัสดุทีม ่ ีอยูจ่ ริง เพือ ่ นาไปคานวณหาค่าความหนาแน่ น
ก า ร ห า ค ว า ม ชื้ น อ า ศั ย ก า ร อ บ จ า ก ตู้ อ บ แ ห้ ง (Drying
Oven)ในห้อ งปฏิบ ต ั ิก ารที่อุ ณหภูมิ 110o± 5oC เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า
12-16 ชั่ ว โ ม ง จ า ก ก า ร ส รุ ป ผ ล ก า ร วิ จั ย
ม ว ล ดิ น ที่ มี ค ว า ม ล ะ เ อี ย ด ม า ก จ ะ ใ ช้ เ ว ล า ใ น ก า ร อ บ เ พิ่ ม ขึ้ น
37