You are on page 1of 35

3

บทที2

ทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง
2.1 โครงสร้างและชนิดของแร่ดน
ิ เหนียว
Grim(1968)ได้กล่าวว่าเป็ นเวลาช้านานทีเ่ ข้าใจกันว่าดินเหนี ยว
มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น Amorphous
และมีลกั ษณะคล้ายเม็ดกรวดเม็ดทรายทั่วไป ปัจจุบน ั เป็ นทีท่ ราบกันว่า
อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ดิ น เ ห นี ย ว ส่ ว น ใ ห ญ่ จ ะ อ ยู่ ใ น ส ภ า พ ผ ลึ ก
แบ่ ง ออกเป็ นสามก ลุ่ ม ใหญ่ ได้ แ ก่ Kaolinite , Montmorillonite
แ ล ะ Hydrous Mica ห รื อ Illiteน อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี พ ว ก
Vermiculiteแ ล ะ Chlorite ส่ ว น พ ว ก ที่ ไ ม่ อ ยู่ ใ น รู ป ผ ลึ ก เ รี ย ก ว่ า
Alloplane
Das ( 1 9 8 5 )
ได้แ สดงลัก ษณะโครงสร้า งพื้ น ฐานที่ส าคัญ ของแร่ดิน เหนี ย วมี อ ยู่ 2
รูปแบบ ได้แก่
(1) Silicon-Oxygen Tetrahedral ประกอบด้วยธาตุ Silica
1 อะตอม ล้อมรอบด้วย
Oxygen 4 อะตอม เป็ นรูปทรงทีม ่ ีช่องรูปสีเ่ หลีย่ มเชื่อมต่อกัน เรียกว่า
Silica sheet
(2) Aluminum ห รื อ Magnesium Octahedral
ประกอบด้วยธาตุ Alumina หรือ
Magnesium 1 อ ะ ต อ ม ล้ อ ม ร อ บ ด้ ว ย Oxygen 6 อ ะ ต อ ม
เ ป็ น รู ป ท ร ง ที่ มี ช่ อ ง แ ป ด ด้ า น เ ชื่ อ ม ต่ อ กั น Alumina
ทีเ่ ชือ
่ มต่อกันเป็ นแผ่น เรียกว่า Gibbsite sheet สาหรับ Magnesium
ทีเ่ ชือ่ มต่อกันเป็ นแผ่นเรียกว่า Brucite sheet
ส ร สิ ท ธิ ์ วั ช โ ร ท ย า น แ ล ะ ค ณ ะ ( 2 5 3 5 )
ได้สรุปเปรียบเทียบคุณสมบัตต ิ า่ งๆทีส
่ าคัญของแร่
ดินเหนียว Kaolinite , Montmorillonite และ Illite แสดงดังตาราง 2-
1
ตารางที่ 2-1 เปรียบเทียบคุณสมบัตท ิ ส
ี่ าคัญของแร่ดน
ิ เหนียวที่สาคัญ 3
ชนิด
( สรสิทธิ ์ วัชโรทยานและคณะ , 2535 )
4

2.2 ธรณี วท
ิ ยาดินเหนียวกรุงเทพ
ดินเหนียวกรุงเทพ เป็ นชือ ่ ทีต ้ โดย ชัย มุกตาพันธ์ (อ้างอิงจาก
่ ง้ ั ขึน
เจริญ เพียรเจริญ และคณะ , 2519) เพื่อใช้เรียกชั้นดินเหนี ย วเนื้ อ นิ่ ม
สี เ ท า ชั้ น บ น สุ ด ข อ ง ต ะ ก อ น ที่ ปิ ด ค ลุ ม ที่ ร า บ ลุ่ ม ภ า ค ก ล า ง
เพิม ่ เติมอีกหลายด้าน จนสามารถแบ่งดินเหนียวออกเป็ นหน่ วยย่อยได้ 3
หน่ วย หน่ วยล่ า งประกอบด้ ว ยตะกอนดิ น เหนี ย วปนทรายละเอี ย ด
สี เ ทาอ่ อ น มี จุ ด ปะสี เ หลื อ งประมาณ 5% เนื้ อ ค่ อ นข้ า งแน่ นเหนี ย ว
ท ร า ย ล ะ เ อี ย ด ที่ ป น มี ข น า ด 1 0 0 ไ ม ค ร อ น มี ก า ร คัด ข น า ด ดี
เ ม็ ด ท ร า ย ก ล ม ม น ดี ไ ม่ พ บ เ ศ ษ พื ช ห รื อ เ ป ลื อ ก ห อ ย ใ น ชั้ น นี้
แต่ จ ากการศึ ก ษาเรณู วิ ท ยา พบว่ า ในชั้น นี้ มี เ รณู ข อง Gramineae
และสปอร์จากพืชทีข ึ้ ในป่ าโปร่ง ชัน
่ น ้ นี้ มีความหนาประมาณ 3-4 เมตร
ว า ง อ ยู่ บ น ชั้ น ท ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ นื้ อ แ น่ น อ ย่ า ง ไ ม่ ต่ อ เ นื่ อ ง
จากลักษณะตะกอนและเรณู จงึ ถูกอนุมานว่าเป็ นตะกอนทีส ่ ะสมตัวในสภ
า พ แ ว ด ล้ อ ม แ บ บ ดิ น ด อ น ส า ม เ ห ลี่ ย ม ป า ก แ ม่ น้ า
ซึง่ มีอทิ ธิพลของน้าจืดมากกว่าน้าทะเล
ดังภาพที2 ่ -1
5

ภาพที่ 2-1 Isopach map of the Bangkok Clay showing the


Holocene Bangkok
Embayment ( Nutalaya and Rua , 1981 )
2.3 ส่วนประกอบของดินเหนียวกรุงเทพ
ดิ น เ ห นี ย ว ก รุ ง เ ท พ มี เ นื้ อ ดิ น ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น แ ร่ เ ค ล ย์
จากการตรวจวิ เ คราะห์ ด้ ว ยเครื่ อ งเอ็ ก ซ์ เรย์ พ บว่ า ประกอบด้ ว ย
แร่ม อนโมริล โลไนต์ ถึง 60 % แร่เ คโอลิไ นต์ 25 % และแร่อิล ไรต์
15% มีน้าปนอยู่ในเนื้ อดิน 24.30 % มีคา่ ความเป็ นกรดด่างประมาณ
5 . 5 มี ค่ า ค ว า ม เ ห นี่ ย ว น า ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ้ า สู ง ม า ก
จากการทดสอบคุ ณ สมบัติ ท างวิ ศ วกรรมพบว่ า ดิ น เหนี ย วกรุ ง เทพ
มี เ นื้ อ นิ่ ม จึ ง มี ค่ า ค ว า ม แ ก ร่ ง ต่ า ค ว า ม ยื ด ห ยุ่ น สู ง ม า ก
จึ ง ส า ม า ร ถ ห ด ตั ว แ ล ะ ข ย า ย ตั ว ไ ด้ ม า ก มี ค่ า ดั ช นี พ ล า ส ติ ก สู ง
แต่ความไวในการทาปฏิกิริยาต่อน้าค่อนข้างต่า น้าซึมผ่านได้ยากมาก
มีคา่ shear strength ประมาณ 20-40 KPa (ESCAP Secretariat
, 1988)
การประยุกต์ใช้
เ นื่ อ ง จ า ก ดิ น เ ห นี ย ว ก รุ ง เ ท พ เ ป็ น ดิ น ชั้ น บ น สุ ด ดั ง นั้ น
จึงมีสว่ นเกีย่ วพันกับการดารงชีวต ิ ของคนในทีร่ าบภาคกลางตอนล่างโด
ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ า ง ยิ่ ง ก รุ ง เ ท พ แ ล ะ เ ข ต ป ริ ม ณ ฑ ล
ซึ่ ง มี สิ่ ง ก่ อ ส ร้ า ง ข น า ด ใ ห ญ่ ม า ก ม า ย
แต่ดน ิ เหนียวกรุงเทพกลับมีคุณสมบัตท ิ างวิศวกรรมไม่เหมาะสมต่องาน
ฐ า น ร า ก เ พ ร า ะ มี ค ว า ม ห ยุ่ น สู ง
เ มื่ อ มี น้ า ห นั ก ก ด ทั บ ม า ก ๆ จ ะ บี บ น้ า อ อ ก ไ ป จ า ก เ นื้ อ ดิ น
ท า ใ ห้ ห ด ตั ว ล ง ม า ก จ น ท า ใ ห้ ฐ า น ร า ก แ ต ก ร้ า ว เ สี ย ห า ย
ดังนั้นการออกแบบของวิศวกรจึงต้องระมัดระวังต่อเรือ ่ งนี้ เป็ นอย่างยิ่ง
ต้ อ ง ศึ ก ษ า ใ ห้ เ ข้ า ใ จ จึ ง ส า ม า ร ถ อ อ ก แ บ บ ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม ไ ด้
ปั ญ ห า ใ น ก า ร ส ร้ า ง ถ น น ใ น ดิ น เ ห นี ย ว ก รุ ง เ ท พ
มั ก จ ะ พ บ ว่ า ถ น น ท รุ ด ตั ว เ ป็ น แ อ่ ง ห รื อ เ ป็ น ร่ อ ง ไ ด้ ง่ า ย
ทั้ ง ๆ ที่ ป รั บ พื้ น ไ ว้ ค่ อ น ข้ า ง ห น้ า จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง Poopath
พบว่าแรงกดทีเ่ กิดจากรถวิง่ ผ่านถูกส่งไปถึงชัน ้ ดินเหนียวกรุงเทพทีร่ อง
รับ อยู่ ใ ต้ ล่ า ง ท าให้ ดิ น เหนี ย วถู ก บี บ อัด ออกไปทางด้ า นข้ า งมากขึ้ น
จึงเกิดเป็ นแอ่งหรือร่องตรงกลางถนน และจะดันด้านข้างให้โก่งตัวขึน ้
6

ปั ญ ห า ต่ อ เ ส า เ ข็ ม
เนื่อ งจากการก่อ สร้า งอาคารบนดินเหนี ย วกรุ งเทพมี ปัญ หาแก้ไ ขยาก
ดังนัน้ วิศวกรจึงมักจะหลีกเลีย่ งโดยใช้เสาเข็มทีย่ าวกว่าความหนาของกา
ร ต อ ก เ ส า เ ข็ ม มั ก จ ะ พ บ ว่ า เ ส า เ ข็ ม แ ต ก หั ก ห รื อ เ อี ย ง ไ ด้ ง่ า ย
ทั้ง นี้ เกิ ด จากดิ น เหนี ยวที่ ถู ก บี บ อัด เกิ ด แรงเฉื อนในระนาบราบ
ในแหล่งชุมชนมักจะใช้ดน ิ เหนี ยวถมทีเ่ พือ ่ ยกระดับสาหรับการสร้างบ้า
น เ รื อ น คุ ณ ส ม บั ติ ที่ มี ค ว า ม แ ก ร่ ง ข อ ง เ นื้ อ ดิ น ต่ า
ท า ใ ห้ ดิ น เ ห นี ย ว ที่ ใ ช้ ถ ม ไ ม่ ค่ อ ย เ ก า ะ กั น แ น่ น
จึ ง ท าให้ เ กิ ด รอยแยกและการเคลื่ อ นหลุ ด เป็ นกะบิ ข องดิ น ได้ ง่ า ย
ประกอบกับความเค็มและความเป็ นกรดของเนื้อดินทีม ่ ีผลต่อปูนซีเมนต์
ทาให้ปูนเปื่ อยง่ายและเร็ว
2.4 ลักษณะการไหลของน้าในดิน
น้ า ใ น ดิ น จ ะ ไ ห ล ผ่ า น ช่ อ ง ว่ า ง ภ า ย ใ น ม ว ล ดิ น
ซึ่ ง โ ด ย ป ก ติ แ ล้ ว ช่ อ ง ว่ า ง ใ น ม ว ล ดิ น ก้ อ น ห นึ่ ง ๆ จ ะ ต่ อ เ นื่ อ ง ก า ร
ส าหรับ ดินเม็ ด หยาบ ซึ่งได้แ ก่ กรวดและทรายจะมี ช่อ งว่า ขนาดใหญ่
ส่ ง ผ ล ใ ห้ น้ า ส า ม า ร ถ ไ ห ล ซึ ม ผ่ า น ดิ น ป ร ะ เ ภ ท นี้ ไ ด้ ง่ า ย
ใ น ข ณ ะ ที่ เ ม็ ด ดิ น ล ะ เ อี ย ด ไ ด้ แ ก่ ท ร า ย แ ป้ ง แ ล ะ ดิ น เ ห นี ย ว
จะมี ช่ อ งว่า งขนาดเล็ ก ท าให้น้ า ไหลซึ ม ผ่า นได้ย ากกว่า ดิน เม็ ด หยาบ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในดินเหนี ยวซึ่งอาจจะมีช่องว่างบางส่วนในมวลดินที่
ไ ม่ เ ชื่ อ ม ต่ อ กั บ ช่ อ ง ว่ า ง ข อ ง ม ว ล ดิ น ที่ อ ยู่ ติ ด กั น
อีกทัง้ ผลประจุไฟฟ้ าในแร่ดน ิ เหนียวจึงทาให้น้าไหลซึมผ่านดินประเภท
นี้ได้ยาก
ลัก ษณะการไหลของน้ า สามารถแบ่ ง ออกได้ เ ป็ น 2 ลัก ษณะ
ตามการแปรผันของพลังงานทีส ่ ูญเสียกับความเร็วในการไหล คือ
( 1 ) ก า ร ไ ห ล แ บ บ ร า บ เ รี ย บ ( Laminar Flow) คื อ
การไหลของน้าทีม ่ ีการสูญเสียพลังงานแปร
ผั น เ ป็ น แ บ บ เ ชิ ง เ ส้ น ต ร ง กั บ ค ว า ม เ ร็ ว ใ น ก า ร ไ ห ล
ท า ใ ห้ อ นุ ภ า ค ข อ ง น้ า เ ค ลื่ อ น ที่ ต่ อ เ นื่ อ ง กั น ไ ป แ บ บ ร า บ เ รี ย บ
ลักษณะการไหลแบบนี้จะเกิดกับน้าทีไ่ หลด้วยความเร็วต่า
( 2 ) ก า ร ไ ห ล แ บ บ สั บ ส น ( Turbulent Flow) คื อ
การไหลของน้าทีม ่ ีการสูญเสียพลังงานแปร
7

ผั น แ บ บ ไ ม่ เ ป็ น เ ชิ ง เ ส้ น ต ร ง กั บ ค ว า ม เ ร็ ว ใ น ก า ร ไ ห ล
การไหลลักษณะนี้จะเกิดกับน้าทีไ่ หลด้วยความเร็วสูงและอนุภาคของน้า
จะเคลือ่ นทีใ่ นทิศทางสับสน
ก า ร ไ ห ล ข อ ง น้ า ใ น ดิ น ส า ม า ร ถ แ ส ด ง ไ ด้ ดั ง ภ า พ ที่ 2 - 2
จะเห็นได้วา่ ในความเป็ นจริงน้าจะไม่สามารถไหลเป็ นแนวเส้นตรงได้แ
ต่ จ ะ ไ ห ล ใ น ทิ ศ ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ต า ม ช่ อ ง ว่ า ง ที่ ต่ อ เ นื่ อ ง กั น
อย่างไรก็ตามในทางทฤษฎีจะถือว่าน้าไหลในแนวเส้นตรงด้วยความเร็ว
ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล ( Effective Velocity)
และเนื่องจากอัต ราการไหลของน้าผ่านดินเป็ นการไหลแบบราบเรีย บ
( Laminar Flow)
นั่นคือพลังงานทีส ่ ูญเสียไปจะเป็ นสัดส่วนแบบเชิงเส้นตรงกับความเร็วก
ารไหล

ภาพที่ 2-2 ลักษณะการไหลของน้าในดิน


2.5 กฎของดาร์ซี่ (Darcy’s law)
H.Darcy (1856) ได้ท าการศึก ษาการไหลของน้ า ผ่า นทราย
ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง อุ ป ก ร ณ์ ท ด ล อ ง ส า ม า ร ถ แ ส ด ง ไ ด้ ดั ง รู ป ที่ 2 - 3
ในการทดลองครัง้ นี้ตวั อย่างขนาดความยาวต่างๆได้ถูกศึกษารวมกับกา
รเปลี่ ย นความดัน ของน้ า ที่ ด้ า นบนและด้ า นล่ า งของดิ น ตัว อย่ า ง
โ ด ย น้ า ไ ห ล ผ่ า น ตั ว อ ย่ า ง ดิ น ด้ ว ย ค ว า ม เ ร็ ว ที่ ช้ า ม า ก
ลั ก ษ ณ ะ ก า ร ไ ห ล แ บ บ ร า บ เ รี ย บ ( Laminar Flow)
และสภาพการไหลอยูใ่ นลักษณะคงตัว
8

ภาพที่ 2-3 ลักษณะอุปกรณ์ ทดลองของดาร์ซี่ ( H.Darcy , 1856 )


จากการศึกษาพบว่าอัตราการไหลแปรผันตรงกับความแตกต่างระ
หว่างเฮดทัง้ หมดทีด
่ า้ นบนและด้านล่างของดินตัวอย่างและแปรผกผันกั
บความยาวของตัวอย่างดินซึง่ แสดงได้ดงั สมการที่ 1-3
hin - hout
q=k A = kAi (2-1)
L

เมือ
่ q = อัตราการไหลของน้าผ่านดิน
k = สัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่านดิน
hin = เฮดทัง้ หมดด้านทีน ่ ้าไหลเข้าตัวอย่างดิน
hout = เฮดทัง้ หมดด้านทีน ่ ้าไหลออกจากตัวอย่างดิน
L = ความยาวของตัวอย่างดิน
A = พื้นทีห ่ น้าตัดของตัวอย่างดิน
i = ความชันทางชลศาสตร์ (Hydraulic Gradient)
ก ฎ ก า ร ไ ห ล ข อ ง ด า ร์ ซี่ เ ป็ น ก า ร ไ ห ล ใ น ลั ก ษ ณ ะ 1 มิ ติ
( ค ว า ม เ ร็ ว ข อ ง น้ า
ทิศทางความชันทางชลศาสตร์จะอยูใ่ นทิศทางเดีย วกันและอยูใ่ นแกนใด
แ ก น ห นึ่ ง ข อ ง พิ กั ด ค า ร์ ที เ ชี ย น )
ถูกใช้เป็ นพื้นฐานในการวิเคราะห์การไหลของน้าทัง้ แบบ 2 มิติและ 3
มิติ
ค่าสัมประสิทธิก ์ ารซึมของน้าผ่านดินเป็ นคุณสมบัตท ิ างกายภาพข
องดินแต่ละชนิด โดยค่าสัมประสิทธิก ์ ารซึมของน้าผ่านดินจะอยูร่ ะหว่าง
1-10 - 9 เ ซ น ติ เ ม ต ร / วิ น า ที ดั ง ต า ร า ง ที่ 2 - 2
แสดงค่าพิสยั สัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่านดินตามชนิดของดิน

ตารางที่ 2-2 ค่าสัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่านดิน (สุรฉัตร


สัมพันธารักษ์ , 2540)
9

ชนิดของดิน ค่าสัมประสิทธิก์ ารซึมของน้าผ่


านดิน (k)
เซนติเมตร/วินาที
กรวด 1 - 102
ทรายหยาบและกรวดเม็ดละเอียด 10-3 - 1
ทรายแป้ งไม่อดั แน่ นและทรายละเอีย 10-5 - 10-3

ทรายแป้ งปนดินเหนียวและทรายแป้ ง 10-6 - 10-5
อัดแน่ น
ดินเหนียวปนทรายแป้ งและดินเหนียว 10-9 - 10-6

2.6 การทดสอบการอัดตัวคายน้า (Consolidation Test)


การทรุ ด ตัว ของมวลดิน ใช้ ท ฤษฎี ก ารอัด ตัว คายน้ า 1 มิติ ของ
Terzaghi ( 1 8 8 3 ) โ ด ย เ อ า ผ ล จ า ก ก า ร ท ด ล อ ง ใ น ห้ อ ง ท ด ล อ ง
การนาไปประมาณการทรุดตัวในสนาม แต่การทรุดตัวในสนามจริงมัก
มี ค่ า ไ ม่ เ ท่ า กั บ ใ น ห้ อ ง ท ด ล อ ง
สาเหตุเพราะดินในสนามจะมีการเคลือ ่ นตัวในลักษณะ 2 หรือ 3 มิติ
มาตรฐานทีใ่ ช้อา้ งอิง : ASTM D 2435 Standard Test
Methods for OneDimensional Consolidation
Consolidation คื อ
กระบวนการรีดน้าออกจากมวลดินโดยทีเ่ นื้อดินส่วนทีเ่ ป็ นของแข็ง ยังคง
มี ป ริ ม า ต ร ค ง ที่ ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง แ ต่ อ ย่ า ง ใ ด
มี เ พี ย งปริ ม าตรของน้ า เท่ า นั้น ที่ ล ดลง ดิ น เมื่ อ ผ่ า นกระบวนการ
consolidation ห รื อ ถู ก รี ด น้ า อ อ ก แ ล้ ว ช่ อ ง ว่ า ง ใ น ดิ น ก็ จ ะ ล ด ล ง
เ ม็ ด ดิ น ก็ จ ะ อั ด ตัว กั น แ น่ น เ ข้ า ป ริ ม า ต ร ร ว ม ข อ ง เ ม็ ด ดิ น ล ด ล ง
ส า ห รั บ ปั จ จั ย ที่ ท า ใ ห้ เ กิ ด ก ร ะ บ ว น ก า ร consolidation นี้
อ า จ จ ะ เ ป็ น แ ร ง ก ร ะ ท า จ า ก ภ า ย น อ ก
ห รื อ ค ว า ม ร้ อ น ที่ เ ผ า ไ ห ม้ ใ ห้ น้ า ร ะ เ ห ย อ อ ก ไ ป เ ช่ น
ความร้อนจากแสงอาทิตย์หรือดูดน้าออกจากดิน เช่น กรณี สูบน้าบาดาล
เป็ นต้น
ก ร ะ บ ว น ก า ร consolidation คื อ ม ว ล ดิ น ที่ อุ้ ม น้ า อ ยู่ เ ต็ ม
เมือ่ ได้รบั ปัจจัยทีท ่ าให้เกิด Consolidation เพิ่มสูงขึน ้ ในปริมาณหนึ่ ง
เ มื่ อ ป ล่ อ ย ทิ้ ง ไ ว้ น้ า ก็ จ ะ ไ ห ล อ อ ก จ า ก ม ว ล ดิ น นั้ น
ใ น ข ณ ะ ที่ น้ า ไ ห ล ห นี อ อ ก ไ ป นี้ ก็ จ ะ ถ่ า ย แ ร ง ใ ห้ กั บ เ ม็ ด ดิ น
10

ค ว า ม ดั น ใ น น้ า ก็ จ ะ ล ด ล ง
ในขณะเดี ย วกัน หน่ วยแรงประสิ ท ธิ ผ ลในเม็ ด ดิ น ก็ จ ะเพิ่ ม สู ง ขึ้ น
จนกระทั่ง น้ า ได้ ถ่ า ยแรงดัน ส่ ว นเกิ น นั้น ให้ แ ก่ เ ม็ ด ดิ น จนหมดสิ้ น
ก็ ถื อ ว่ า เ ป็ น ก า ร สิ้ น สุ ด ก ร ะ บ ว น ก า ร consolidation
เ นื่ อ ง จ า ก แ ร ง ก ร ะ ท า นั้ น
ถ้ า ส ม ม ติ ใ ห้ ส ป ริ ง แ ท น ชั้ น ดิ น เ ห นี ย ว แ ล ะ มี น้ า บ ร ร จุ อ ยู่
สปริ ง และน้ า จะอยู่ ใ นสภาพสมดุ ล ปิ ดวาล์ ว เมื่ อ เริ่ ม ใช้ แ รงกด P
จ ะ พ บ ว่ า น้ า จ ะ รั บ แ ร ง P นี้ ไ ว้ แ ต่ น้ า ไ ม่ ส า ม า ร ถ ยุ บ อั ด ตั ว ไ ด้
จ ะ เ กิ ด แ ร ง ดั น น้ า U0 ( Initial excess pressure)
เ มื่ อ เ ปิ ด ว า ล์ ว น้ า ก็ จ ะ ร ะ บ า ย อ อ ก ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น แ ร ง P
ก็ จ ะ ถ่ า ย ใ ห้ กั บ ส ป ริ ง
ส ป ริ ง จ ะ ห ด ตั ว เ ป รี ย บ เ ส มื อ น กั บ เ ม็ ด ดิ น ที่ รั บ แ ร ง แ ท น น้ า
จนกระทั่ง เข้า สู่ ส มดุ ล อี ก ครั้ง คื อ excess pore pressure เป็ นศู น ย์
ซึ่งในชัน ้ ดินจริงเวลาทีจ่ ะใช้มากหรือน้อยขึน ้ อยูก่ บ
ั ชนิดของดิน ดังภาพ
2-4

ภาพที่ 2-4 แสดงแบบจาลองการเกิดการทรุดตัวของชัน ้ ดิน (


Das and Sobhan , 2013 )
ส า ห รั บ ชั้ น ดิ น เ ห นี ย ว อ ยู่ ใ น ส ภ า พ ชุ่ ม น้ า
เมื่อน้าระบายออกจะเกิดการทรุดตัว ปริมาณการทรุดตัวสูงสุด (Total
Settlement) จ ะ ม า ก ห รื อ น้ อ ย ขึ้ น อ ยู่ กั บ ดั ช นี ก า ร ท รุ ด ตั ว
( Compressibility Index , Cc)
นอกจากนี้ อัต ราความเร็ ว ในการทรุ ด ตัว ( Rate of settlement)
เ ป็ น คุ ณ ส ม บั ติ ที่ ส า คั ญ ที่ ต้ อ ง ท ร า บ ค่ า
อัตราความเร็วในการทรุดตัวนัน ้ กับอิทธิพลของสิง่ เหล่านี้
้ ขึน
11

(1) มวลดินมีความชุมน้ามากน้อยเพียงใด (Degree of


saturate)
(2) ความสามารถของดินทีใ่ ห้น้าซึมผ่านได้ดเี พียงใด
(Coefficient of permeability)
(3) ระยะทางน้าทีต ่ อ
้ งซึมผ่าน (Drainage path)
ไปสูจ่ ุดสมดุล
2.6.1 การทรุดตัว
คุณสมบัตก ิ ารทรุดตัวมี 2 ประการ ได้แก่
2.6.1.1 อัตราความเร็วในการทรุดตัว
อัตราความเร็วในการทรุดตัว คือ
อัตราเร็วของน้าทีส ่ ามารถไหลออกจากชัน ้ อยู่
้ ดินขึน
กับมวลดินนัน ้ มีความชุม ่ ชืน
่ มากน้อยเพียงใด
ความสามารถในการซึมน้าของดินจาก
Terzaghi’s Consolidation Theory ( 1883 )
ซึง่ ได้ทาการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ได้คา่
หนึ่งซึ่งบ่งชี้ถงึ คุณสมบัตเิ กีย่ วกับการทรุดตัว
เรียกว่า“ดัชนีบง่ ถึงสมบัตเิ กีย่ วกับการทรุดตัว”
(Coefficient of Consolidation ) ดังสมการที่ 2-2
TH2
Cv = (2-2)
t

เมือ
่ t = เวลาในการเกิดการทรุดตัวใดๆ
H =
ระยะทางไกลสุดทีน่ ้าในมวลดินจะต้องไหลออกจากจุดสมดุล
Cv = Coefficient of Consolidation
T = Time factor ขึน ้ อยูก
่ บ
ั Percentage of
Consolidation และลักษณะ ของ Initial
Excess Pore pressure ดังในตารางที่ 2-3 Time
factor
ตารางที่ 2-3 Time factor ( สุทธิศกั ดิ ์ ศรลัมพ์ , 2551 )
PERCENTAGE OF Time Factor T
CONSOLIDATION, CASE 1 CASE 2 CASE 3
U
12

0 0 0 0
5 0.0020 0.0030 0.0208
10 0.0078 0.0111 0.0427
15 0.0177 0.0238 0.659
20 0.0314 0.0405 0.904

25 0.0491 0.0608 0.128


30 0.0707 0.0847 0.145
35 0.0962 0.112 0.187
40 0.126 0.143 0.207
45 0.159 0.177 0.242

50 0.197 0.215 0.281


55 0.239 0.257 0.324
60 0.286 0.305 0.371
65 0.342 0.359 0.435
70 0.403 0.422 0.488

75 0.477 0.495 0.562


80 0.567 0.586 0.652
85 0.674 0.702 0.769
90 0.848 0.867 0.933
95 1.129 1.148 1.214
100 ∞ ∞ ∞

Case 1 Initial Pore


Pressure Constant
13

Case 2 Initial Pore Pressure Half Sine


Curve

Case 3 Initial Pore


Pressure Sine Curve
ภาพที่ 2-5 Case Initial Pore Pressure
2.6.1.2 ปริมาณการทรุดตัวสูงสุดโดยดัชนีของการทรุดตัว
( Compressibility Index , Cc )

ภาพที่
2-6
การเปลีย่ นแปลงความดันของน้าในมวลดินจาพวกดินเหนียวภายใต้กระ
บวนการ
14

อัดตัวคายน้า ( มานะ อภิพฒ


ั นะมนตรี , 2543 )
Cc P' o+∆P
Sc = H log (2-3)
1+e0 P'o

เมือ
่ Sc = ปริมาณการทรุดตัวสูงสุด
Cc = ดัชนีการยุบตัว
P’o = Effective overburden pressure
∆P = External pressure
H = ความหนาของชัน ้ ดิน
2.7 การทดสอบหาค่าความถ่วงจาเพาะ ( Specific Gravity )
ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ คื อ
อัตราส่วนระหว่างความหนาแน่ นของมวลดินและความหนาแน่ นของน้า
ที่ อุ ณ ห ภู มิ 4º ที่ มี ป ริ ม า ต ร เ ท่ า กั บ ม ว ล ดิ น นั้ น
มวลดินประกอบด้วยอนุ ภาคเล็กๆของแร่ธาตุหลายชนิดมาประกอบกันซึ่
งแร่ธาตุแต่ละชนิดก็ จะมีคา่ ความถ่วงจาเพาะคงที่เป็ นคุณสมบัติเฉพาะ
ส า ห รั บ ม ว ล ดิ น ที่ มี แ ร่ ธ า ตุ ห ล า ย ช นิ ด ป ร ะ ก อ บ กั น
ค่ า ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ ก็ คื อ ค่ า เ ฉ ลี่ ย ข อ ง ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ ข อ ง
แ ร่ ธ า ตุ ที่ มี อ ยู่ ใ น ม ว ล ดิ น นั้ น
โดยปกติค่า ความถ่ว งจ าเพาะของดิน จะมี ค่า ประมาณ 2.60 ถึง 2.80
ขึ้ น กั บ แ ร่ ธ า ตุ ที่ ม า ป ร ะ ก อ บ ว่ า เ ป็ น แ ร่ ห นั ก ห รื อ แ ร่ เ บ า
ค ว า ม ถ่ ว ง จ า เ พ า ะ เ ป็ น คุ ณ ส ม บั ติ เ ฉ พ า ะ ข อ ง ม ว ล ดิ น
เป็ นค่ า ดัช นี ที่ ใ ช้ บ่ ง บอกชนิ ด ของดิ น ในการแยกประเภทของดิ น
แ ล ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ค า น ว ณ ค ว า ม พ รุ น อั ต ร า ส่ ว น ช่ อ ง ว่ า ง
ความอิม ่ ตัวและยังใช้เป็ นคุณสมบัตส ิ าคัญในการทดสอบการบดอัดและก
ารทดสอบการทรุดตัว
มาตรฐานทีใ่ ช้อา้ งอิง : ASTM D 854-58
จากนิยามของความถ่วงจาเพาะของเม็ดดิน
MS
PSoil VS
GS = = MS
ΡWater At 4°C
VW At 4°C

(2-4)

เมือ
่ Psoil = ความหนาแน่ นเฉพาะของเม็ดดิน
Ms = มวลของเนื้อดิน
15

Mw = มวลของน้าทีม ่ ีปริมาตรเท่ากับเม็ดดินทีอ ่ ุณหภูมิ 4oc


Vs = ปริมาตรของเม็ดดิน
Vw = ปริมาตรของน้า
2.8 การทดสอบหาค่าขีดจากัดความข้นเหลว
น้ า ใ น ม ว ล ดิ น มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ คุ ณ ส ม บั ติ ข อ ง ม ว ล ดิ น ม า ก
โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ ง ในมวลดิ น เม็ ดละเอี ย ด ที่ เ รี ย กว่ า ดิ น เหนี ย ว
เ นื่ อ ง จ า ก ดิ น เ ห นี ย ว ส า ม า ร ถ ยึ ด ติ ด อ ยู่ ด้ ว ย กั น ไ ด้
ด้ ว ย แ ร ง ยึ ด เ ห นี่ ย ว ร ะ ห ว่ า ง เ ม็ ด ดิ น ซึ่ ง แ ร ง ยึ ด เ ห นี่ ย ว ร ะ ห ว่ า ง
เ ม็ ด ดิ น ขึ้ น อ ยู่ กั บ ป ริ ม า ณ น้ า ใ น ม ว ล ดิ น ถ้ า มี ป ริ ม า ณ น้ า ม า ก
แ ร ง ยึ ด เ ห นี่ ย ว ก็ จ ะ น้ อ ย ล ง ถ้ า น้ า มี ป ริ ม า ณ ม า ก พ อ
ม ว ล ดิ น ก็ จ ะ อ ยู่ ใ น ส ถ า น ะ เ ห ล ว
ปริ ม าณน้ า ที่ ใ ช้ บ อกถึ ง สถานภาพของมวลดิ น เรี ย กว่ า “ขี ด จ ากัด ”
( Limit) ซึ่ ง เ ป็ น คุ ณ ส ม บั ติ ข อ ง ม ว ล ดิ น นั้ น ๆ
รวมทั้ง สามารถใช้ บ อกคุ ณ สมบัติ ท างวิ ศ วกรรมได้ ห ลายอย่ า ง เช่ น
คุณสมบัตท ิ างด้านกาลังรับน้าหนัก การทรุดตัวและแรงดันด้านข้าง
(K0) เป็ นต้น
มาตรฐานทีใ่ ช้อา้ งอิง : ASTM D 4318-84
Atterberg ( 1 9 1 1 )
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนได้เป็ นผูเ้ สนอจัดเปลีย่ นสภาพของมวลดินขึน ้
ม า 5 ขี ด จ า กั ด
ซึง่ จัดเปลีย่ นสภาพของมวลดินขึน ้ อยูก่ บ
ั ปริมาณน้าในมวลดินนัน ้ ๆ
16

ภาพที่ 2-7 ความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับดินและสถานะของดิน ( มานะ


อภิพฒ
ั นะมนตรี , 2543 )
2.8.1 Liquid Limit (WL ห รื อ L.L.) คื อ
ค ว า ม ชื้ น ใ น ม ว ล ดิ น ข ณ ะ ที่ ม ว ล ดิ น เ ริ่ ม เ ป ลี่ ย น ส ภ า พ
จากของเหลวไปเป็ นสารหนืดตัวในสถานภาพพลาสติกทีจ่ ุด B
2.8.2 ขี ด จ า กั ด พ ล า ส ติ ก ( Plastic Limit, PL) คื อ
ความชื้นในมวลดินขณะทีเ่ ปลีย่ นสถานภาพจากพลาสติกเป็ นกึง่ ของแข็ง
(Semi-solid state) ทีจ่ ด ุ C จากภาพที่ 2-7 จากจุด LL ความชื้นลดลง
ป ริ ม า ต ร ดิ น ล ด ล ง จ น ถึ ง จุ ด เ ป ลี่ ย น ส ถ า น ภ า พ
ซึ่ ง ห า ไ ด้ โ ด ย น า ดิ น ม า ค ลึ ง เ ป็ น เ ส้ น ย า ว ใ ห ม่ ข น า ด 1/8 นิ้ ว
แ ล้ ว มี ร อ ย ป ริ แ ต ก ที่ ผิ ว เ กิ ด ขึ้ น ค ว า ม ชื้ น ณ จุ ด นี้ เ ร า เ รี ย ก ว่ า
“ขีดจากัดพลาสติก”
2.8.3 ขีดจากัดหดตัว (Shrinkage Limit, SL) คือ ความชื้น ณ
จุ ด ที่ ดิ น เ ริ่ ม เ ป ลี่ ย น ส ภ า พ จ า ก กึ่ ง ข อ ง แ ข็ ง เ ป็ น ข อ ง แ ข็ ง
ซึ่งหลังจากนี้ แล้วดินจะไม่มีการเปลีย่ นแปลงปริมาตรถึงแม้วา่ ความชื้นจ
ะ ล ด ล ง ก็ ต า ม
แต่ ค วามชื้ นที่ ล ดลงนี้ จะถู ก แทนที่ ด้ ว ยอากาศท าให้ ดิ น ไม่ อิ่ ม ตัว
ซึ่ ง ส า ม า ร ถ ห า ไ ด้ จ า ก ก า ร ท ด ล อ ง ส า ห รั บ อี ก 2 ขี ด จ า กั ด คื อ
Cohesionและ Sticky Limit นั้นทางด้านปฐพี ก ลศาสตร์ ไม่ได้น ามา
ใช้ประโยชน์ จะใช้เพียง 3 ขีดจากัดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจากค่าทัง้ 3 ค่านี้
สามารถนามาวิเคราะห์เพือ ่ บอกคุณสมบัตข ิ องมวลดินได้หลายค่า ดังนี้
17

(1) ดัชนีพลาสติก (Plasticity Index, PI) คือ


ค่าทีบ
่ ง่ บอกถึงช่วงสถานภาพพลาสติกของดิน
แสดงถึงความเหนียวของดิน
ความไวต่อการเปลีย่ นสภาพของมวลดินซึ่งสามารถหาได้จากผลต่างของ
ขีดจากัดเหลวและขีดจากัดพลาสติก ดังสมการที่ 2-4
PL = LL – PI (2-4)
เมือ
่ PL = ขีดจากัดพลาสติก
LL = ขีดจากัดเหลว
PI = ดัชนีพลาสติก
ถ้ า ดิ น ที่ มี ค่ า PI
สูงแสดงว่าดินมีความไวตัวต่อการเปลีย่ นแปลงปริมาณน้ามากจึงจะทาใ
ห้ ดิ น เปลี่ ย นสถานภาพ เช่ น ดิ น เหนี ย วอ่ อ น เป็ นต้ น ถ้ า ดิ น มี ค่ า PI
ต่ า แ ส ด ง ว่ า ดิ น มี ค ว า ม ไ ว ตั ว สู ง
ปริมาณน้าเพียงเล็กน้อยก็สามารถทาให้ดน ิ เปลีย่ นสภาพจากกึง่ พลาสติก
เป็ นของเหลว เช่น ดินเหนียวทีท ่ รายแป้ งปนอยูม ่ าก
( 2) ดั ช นี เ ห ล ว ( Liquidity Index, LI) คื อ
ค่ า ที่ ใ ช้ บ่ ง บอกถึ ง สถานภาพของดิ น ในสนามว่ า อยู่ ใ นสภาวะใด
โดยนามาเปรียบเทียบกับค่า PL และ LL โดยคานวณได้จากสมการ 2-
5
Wn - PL
LI = (2-5)
PI

เมือ
่ PL = ขีดจากัดพลาสติก
LI = ดัชนีเหลว
PI = ดัชนีพลาสติก
Wn = ความชื้นของดินในธรรมชาติ
ิ มีสภาพเป็ นกึง่ ของแข็ง
ถ้า LI เป็ นลบ แสดงว่าในธรรมชาติดน
ถ้ า 0.0 < LI < 1.0
ิ มีสภาพในช่วงระหว่างพลาสติกและกึง่ ของแข็ง
แสดงว่าในธรรมชาติดน
18

ถ้ า LI > 1.0
แสดงว่าในธรรมชาติดน
ิ มีสถานะในช่วงของเหลวถึงพลาสติก
( 3 ) ดั ช นี ก า ร ไ ห ล ( Flow index, If) คื อ
ค ว า ม ชื้ น ข อ ง เ ส้ น ก ร า ฟ ค ว า ม สั ม พัน ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ค ว า ม ชื้ น ( w%)
และจานวนครัง้ การเคาะ (N) ในสเกลลอการิทม ึ ดังสมการ (2-6)
W1 - W2
If = N (2-6)
LogN2
1

เมือ
่ If = ดัชนีการไหล
W1 = ความชื้นบน Flow Curve ทีจ่ ุด 1
W2 = ความชื้นบน Flow Curve ทีจ่ ุด 2
N1 = จานวนการเคาะทีจ่ ุด 1
N2 = จานวนการเคาะทีจ่ ุด 2
ค่ า ค ว า ม ชื้ น ใ ช้ บ อ ก ถึ ง ค ว า ม ไ ว ตั ว ข อ ง ดิ น
ถ้ า ดิ น มี ค ว า ม ชื้ น ม า ก แ ส ด ง ว่ า ดิ น มี ค ว า ม ไ ว ต่ า
ค ว า ม ชื้ น เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ ม า ก
แต่จานวนครัง้ ของการเคาะเปลี่ย นแปลงไม่มากนัก จากคุณสมบัติข อง
Flow curve นี้
จึงได้มกี ารทดสอบเพือ ่ หาค่ามาตรฐานสาหรับหาค่าขีดจากัดเหลวได้งา่ ย
้ โดยการเคาะเพียงครัง้ เดียว โดยมีจานวนครัง้ การเคาะอยู่ในช่วง 20
ขึน
- 30 ครัง้ ค่าขีดจากัดเหลวหาได้ จากสมการที่ (2-7)
N0.12
LL = Wn ( 0.12 ) (2-7)
25

เมือ
่ Wn = ความชื้นของมวลดินทีเ่ คาะ N ครัง้
N = จานวนครัง้ การเคาะ
LL = ขีดจากัดเหลว
2 . 8 . 4 ค่ า แ อ ค ติ วิ ตี้ ข อ ง ดิ น ( Activity)
คุณสมบัตเิ กีย่ วกับความเหนียวของดินขึน ้ อยูก่ บ
ั องค์ประกอบ 2 อย่างคือ
จานวนของเม็ดดินทีม ่ ีขนาดเล็กกว่า 0.002 มม. ซึ่งถือว่าเป็ นขนาดของ
ดิ น เหนี ย ว (Clay fraction) และแร่ ป ระกอบดิ น เหนี ย ว Skempton
19

( 1953) ไ ด้ แ ส ด ง ว่ า
อัต ราส่วนของค่า ดัช นี พ ลาสติกต่อเปอร์ เซ็ นต์ ดินเหนี ยวขนาดเล็ กกว่า
0.002 มม. มี ค่ า คงที่ ส าหรับ ดิ น แต่ ล ะชนิ ด ค่ า อัต ราส่ ว นนี้ เ รี ย กว่ า
Activity เกณฑ์การแบ่งค่า Activity ของดินแสดงในตารางที่ 2-4
ตารางที่ 2-4 Classification of soils based on activity (
Skempton , 1953 )
Description Activity
Inactive clays < 0.75
Normal clays 0.75 – 1.25
Active clays 1.25 – 2.00
Highly active clays > 2.00

PI
Activity = (2-8)
%Clay (<0.002 Mm.)

เมือ
่ PI = ดัชนีพลาสติก
2.9 คุณสมบัตด
ิ ชั นีและคุณสมบัตวิ ศิ วกรรมของดินเหนียวกรุงเทพ
ร ส สุ ค น ธ์ ( 2 5 4 8 )
ได้ทาการทดสอบและรวบรวมคุณสมบัตด ิ ชั นีและคุณสมบัตวิ ศ
ิ วกรรมข
องดินเหนียวอ่อนกรุงเทพ ดังตารางที่ 2-5
Craig (1997) ได้ทาการทดสอบและรวบรวมค่าParameter A
at failure ของดินเหนียว ดังตารางที่ 2-6
ตารางที่ 2-5 คุณสมบัตต ิ า่ งๆของดินเหนียวอ่อนกรุงเทพ ( รสสุคนธ์ ,
2548 )
Properties Bangkok Clay
Liquid Limit , LL (%) 75 - 90
Plastic Limit , PL (%) 31 - 36
Plasticity Index , PI (%) 47 - 56
Natural Water Content , % 52 - 75
Unit Weight , t/m 3 1.60 - 1.90
Specific Gravity , Gs 2.50 - 2.75
Undrained Shear Strength , 1.20 - 4.60
t/m 2
20

Modulus of Elasticity , E , 340 - 740


t/m2
Compression Index , Cc 0.59 - 1.15
Recompression Index , Cr 0.08 - 0.15
Coefficient of Consolidation 0.34 - 1.47
, Cv , m2/year
Maximum Past Pressure , 1.02 - 18.15
σ' pm , t/m2
OCR 0.60 - 2.73
Internal Friction Angle , ∅’ , 15 - 24
Degree

ตารางที่ 2-6 ค่าParameter A at failure ของดินเหนียว ( Craig ,


1997 )
Type of Clay Af
Highly Sensitive Clay +0.75 to +1.50
Normally Consolidation +0.50 to +1.00
Clay
ตารางที่ 2-6 (ต่ อ ) ค่ า Parameter A at failure ของดิ น เหนี ย ว (
Craig , 1997 )
Type of Clay Af
Lightly Overconsolidated 0.00 to +0.50
Clay
Compacted Clay - Gravel -0.25 to +0.25
Heavily Overconsolidated -0.50 to 0.00
Clay

2.10 ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัตข ิ องดิน


2.10.1 Plasticity Index กับ Liquid Limit
เ ป็ น ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ที่ มี ค ว า ม ส า คั ญ เ นื่ อ ง จ า ก Plasticity chart
ใช้ ใ นการจ าแนกดิน เม็ ด ละเอี ย ดในวิธี Unified soil classification
system ( USCS)
ความ สัม พัน ธ์ ดัง ก ล่ า วซึ่ ง วิ เ คราะห์ จาก ดิ น เหนี ย วอ่ อ นก รุ ง เทพ
มีผวู้ จิ ยั หลายท่านดังแสดงในตารางที่ 2-7
21

ตารางที่ 2-7 ความสัม พัน ธ์ ร ะหว่ า ง Plasticity Index กับ Liquid


Limit สาหรับดินเหนียวกรุงเทพ
สมการถดถอย R2 ชนิดของดิน ผูว้ จิ ยั
PI = 0.740LL – - ก รุ ง เ ท พ ฯ ( Soft – Muktabhant
9.21 Medium Clay) et al. (1966)
PI = 0.805LL – - เ ข ต รั ง สิ ต ( Soft – Dumn Muh ()
11.48 Medium Stiff Clay)
PI = 0.745LL – 0.96 เขตปทุมวัน (All Clay) Tongyagate
9.48 8 (1978)
PI = 0.740LL – 0.93 กรุงเทพฯ (Soft Clay) Kerdsuwan
11.47 4 (1984)
PI = 0.735LL – 0.93 กรุงเทพฯ (Soft Clay) กวีวงษ์ (2530)
12.26 4

2.10.2 Compression Index แ ล ะ Recompression


Index กับพารามิเตอร์ตา่ งๆ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง Compression Index แ ล ะ
Recompression Index กับพารามิเตอร์ตา่ งๆ ได้แก่ Natural water
content ( Wn) , Plastic Limit ( PL) , Plasticity Index ( PI) ,
Specific gravity ( GS) แ ล ะ Initial void ratio ( e0)
มีผวู้ จิ ยั หลายท่านแสดงได้ดงั ตารางที่ 2-8

ตารางที่ 2-8 ความสัมพันธ์ระหว่างCompression Index และ


Recompression Index
กับพารามิเตอร์ตา่ งๆ
สมการถดถอย R2 ชนิดของดิน ผูว้ จิ ยั
Cc = -0.09 + - All Clays Skempton
0.009LL (1944)
Cc = 0.20 + 0.770 Soft Clay Adikari (1977)
0.008LL 0.700
0.770
22

Cc = 0.21 +
0.008LL
Cc = 0.22 + 0.29e0
Cc = -0.014 + 0.870 All Clays
0.010Wn 0.870
Cc = -0.015 + 0.760
0.38e0 -
Cc = -0.28 +
0.012LL
Cc = -0.59 +
0.04PL
Cc = 0.20 + - Chicago Azzouz and All
0.008Wn - Clay (1976)
Cc = 0.0083 + -
0.208e0 Brazilian
Cc = -0.0414 + Clay
0.0046LL
Cc = 0.0002Wn2 + - All Clays Muktabhant et
0.0067Wn al. (1977)
-0.014
Cc = -0.091 + 0.768 All Clays ศรัญยุทธ์ (2520)
0.013Wn
0.810
Cc = -0.1593 +
-
0.514e0
Cc = -0.005 +
0.01LL
Cc = -0.965 + 0.890 All Clays Tonygate (1978)
0.029Wn
0.680
Cc = -0.847 + 0.880
0.024LL
Cc = -0.941 +
1.057e0
23

Cc = 0.5 - All Clays Wroth and


(PI/100)Gs Wood (1978)
Cc = 0.1882 + - Soft Clay Sivandran
0.3097e0 (1979)
Cc = -0.5879 + 0.802 Soft Clay Kerdsuwan
0.0217Wn 0.811 (1984)
Cc = -0.5906 + 0.516
0.8019e0
Cc = -0.1029 +
0.0087LL
ตารางที่ 2-8 (ต่อ) ความสัมพันธ์ระหว่างCompression Index และ
Recompression Index
กับพารามิเตอร์ตา่ งๆ
สมการถดถอย R2 ชนิดของดิน ผูว้ จิ ยั
Cc = 0.2343 - All Clays Nagaraj and
(LL/100)Gs Murthy (1985)
Cc = -0.007 + 0.702 Soft–Medium กวีวงษ์ (2530)
0.0117Wn 0.735 Clay
Cc = -0.100 +
0.464e0
Cc = 0.6402 + 0.702 ม.เกษตรศาสตร์ สุพฒ ั น์ (2530)
0.02027Wn 0.735 บ า ง เ ข น
Cc = 0.6554 + - กรุงเทพฯ
0.7549e0 Soft Clay
Cc = 0.1486 +
0.0090LL
Cc = -1.4148 + - Verginia Clay Martin et al.
0.0326LL - (1995)
Cr = 0.00045 +
0.00535LL
Cc = 0.0463 - All Clays Nagaraj and
(LL/100)Gs Murthy (1985)
2.10.3 Coefficient of consolidation กับ Liquid limit
24

การหาค่า Coefficient of consolidation ในสนามทาได้ยาก


ดั ง นั้ น U.S. Department of Navy ( 1 9 7 1 )
จึงได้เสนอความสัมพันธ์ระหว่าง Cc กับ LL ดังภาพที่ 2-7

ภาพที่ 2-8 แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Coefficient of


consolidation กับ Liquid limit
( U.S. Department of Navy , 1971 )
2.11
สัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าในแนวราบและแนวรัศมีของดินเหนีย
วอ่อนกรุงเทพ
การปรับ ปรุ ง คุ ณ ภาพดิ น เหนี ย วอ อนกรุ ง เทพด วยระบบ
Sand Drain (SD) ห รื อ Prefabricated Vertical Drain (PVD)
เพือ
่ เร งการทรุดตัวในระหว างการก อสร างนัน ้ จาเป นต องใช
ค าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าในลักษณะเดียวกับสภาพความเป
น จ ริ ง
แต การหาค าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้ามักจะทาการทดสอบใ
น แ น ว ดิ่ ง ใ น ง า น วิ จั ย นี้ ไ ด ศึ ก ษ า ค า สั ม ป ร ะ สิ ท ธิ ์ ข อ ง
การอัดตัวคายน้าซึง่ ได จากการทดสอบตัวอย างในแนวราบและแนวรั
ศมีและแนวรัศมีร วมกับแนวดิง่
ในการทดสอบการอัด ตัว คายน้ า แบ งตัว อย างออกเป น 4
ตัว อย าง ซึ่ ง ตัว อย างที่ 1 ทดสอบการอัด ตัว คายน้ า ในแนวดิ่ ง
ตัว อย างที่ 2 ทดสอบการอัด ตัว คายน้ า ในแนวราบ ตัว อย างที่ 3
ท ด ส อ บ ก า ร อั ด ตั ว ค า ย น้ า ใ น แ น ว รั ศ มี แ ล ะ ตั ว อ ย า ง ที่ 4
25

ทดสอบการอัด ตัว คายน้ า ในแนวรัศ มี ร วมกับ แนวดิ่ง ดัง ภาพที่ 2-8


และ การเปรียบเทียบค า Cv ,Ch ,Cr และ Crv กับ Pressure ดังภาพที่
2-9

ภาพที่ 2-9 แผนภูมก


ิ ารเตรียมตัวอย่างการทดสอบอัดตัวคายน้า (
ไตรภพ คนชม , 2546 )

ภาพที่ 2-10 การเปรียบเทียบค า Cv ,Ch ,Cr และ Crv ( ไตรภพ


คนชม , 2546 )
์ องการอัด ตัว คายน้ า ในแนวดิ่ง
เปรี ย บเที ย บกับ ค่า สัม ประสิท ธิข
จากผลการทดสอบ ก า ร อั ด ตั ว ค า ย น้ า
สามารถเปรียบเทียบค าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าในแนวต าง
ๆได ดังนี้
2 . 1 1 . 1
สัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าในแนวดิง่ และแนวราบ
จากผลการทดสอบดัง แสดงในภาพที่ 2-10 พบว าค า Ch
ม า ก ก ว า ค า Cv อ ยู ร ะ ห ว า ง 1-1.5เ ท า
เนื่องจากโครงสร างของดินในแนวราบยอมให น้าไหลผ านได ดีก
ว า โ ค ร ง ส ร า ง ข อ ง ดิ น ใ น แ น ว ดิ่ ง
26

ซึ่ ง สอดคล องกับ ผลการศึ ก ษาของ อรรถสิ ท ธิ แ ละคณะ ( 2545)


พบว าค าสัมประสิทธิข์ องการอัดตัวคายน้าของดินในแนวราบมีค าสู
งกว าแนวดิง่ ประมาณ 1.10-2.50 เท า

ภาพที่ 2-11 อัตราส่วน Ch/Cv ( ไตรภพ คนชม , 2546 )


จากผลการทดสอบดังแสดงในภาพที่ 2-11พบว าอัตราส วน
Cr/ Cv มี ค าอยู ระหว าง 4-12 เท า เนื่ อ งจากยุ บ ตัว ของดิน ใน
กระบวนการอัดตัวคายน้าในแนวรัศมีลกั ษณะโครงสร างดินในแนวรา
บยอมให น้าไหลผ านได ดีกว าในกระบวนการอัดตัวคายน้า ในแน
วดิง่

ภาพที่ 2-12 อัตราส่วน Cr/Cv ( ไตรภพ คนชม , 2546 )


จากผลการทดสอบดังแสดงในภาพที่ 2-12 พบว าอัต ราส วน
Crv / Cv มี ค า อ ยู ร ะ ห ว า ง 12-44 เ ท า
เนื่องจากการระบายน้า ออกจากตัวอย างดินในกระบวนการอัดตัวคาย
น้ า ในแนวรัศ มี ร วมกับ แนวดิ่ง เกิ ด ขึ้ น ทั้ง ในแนวรัศ มี แ ละแนวดิ่ ง
27

ซึ่ ง ท า ใ ห ร ะ บ า ย น้ า อ อ ก จ า ก ตั ว อ ย า ง ดิ น มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
สูงกว ากระบวนการอัดตัวคายน้าในแนวดิง่ เพียงอย างเดียว

ภาพที่ 2-13 อัตราส่วน Crv / Cv ( ไตรภพ คนชม , 2546 )


จากการศึกษาค าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าในแนวราบ
แนวรัศมี และแนวรัศมีร วมกับแนวดิง่ ของดินเหนียวอ อนกรุงเทพ
สรุปได ดังนี้
( 1 )
พฤติกรรมการอัดตัวคายน้าและความซึมน้า ในแนวดิง่ และแนวราบของ
ดิ น ไ ม ส ม นั ย กั น
เนื่องจากโครงสร างดินในแนวราบยอมให น้าไหลผ านได ดีกว า
ในแนวดิง่ จากการวิจยั พบว าอัตราส วน Ch / Cvอยู ระหว าง 1.0-
1.5 เท า
( 2 )
ความสัมพันธ ระหว างทิศทางการทดสอบและทิศทางการระบายน้ามี
ผ ล ต อ
ค าสัมประสิทธิก ์ ารอัดตัวคายน้าและความซึมน้าของดินจากการวิจยั พ
บว าอัต ราส วน Cr/Cv อยู ระหว าง 4-12
เท า
( 3 )
ประสิทธิภาพการอัดตัวคายน้าในแนวรัศมีร วมกับแนวดิง่ ดีกว าการอั
ด ตั ว ค า ย น้ า ใ น แ น ว ดิ่ ง เ พี ย ง อ ย า ง เ ดี ย ว
เนื่ อ งจากทิศ ทางของการระบายน้ า เกิด ขึ้น อย างอิส ระ จากการวิจ ยั
พบว าอัตราส วน Crv / Cv อยู ระหว าง 12-44 เท า
28

2.12
ปัจจัยทีม
่ ีผลกระทบต่อการอัดตัวคายน้าและความซึมน้าของดินเหนียวอ่
อนกรุงเทพ
จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ผ ล จ า ก ก า ร ร บ ก ว น ตั ว อ ย า ง ดิ น
อั ต ร า ก า ร เ พิ่ ม น้ า ห นั ก ใ น ร ะ ห ว า ง ก า ร ท ด ส อ บ
ระยะเวลาในการทดสอบและวิธีการหาค าสัมประสิทธิ ์ การอัดตัวคายน้า
ทีม
่ ีผลต อการอัดตัวคายน้าและความซึมน้าของดินเหนียวอ อนกรุงเท
พ ได ผลดังนี้
2.12.1 ผลของการรบกวนตัวอย างดิน

จากเส นโค งการอัดตัวคายน้าเปรียบเทียบระหว างตัวอย างดินคงส


ภาพ (US) กับตัวอย างดินเปลีย่ นสภาพ (RS) ดังแสดงในภาพที่ 2-13
จะเห็นได ว ามีความแตกต างกันมากโดยค่าดัชนีการยุบตัวของตัวอ
ย า ง ดิ น ค ง ส ภ า พ ม า ก ก ว า 1-2
เท าและดินคงสภาพมีลกั ษณะแสดงถึงประวัตก ิ ารรับแรงของดินในอดี
ต ที่ ชั ด เ จ น Cc ส า ห รั บ ตั ว อ ย า ง ดิ น เ ป ลี่ ย น ส ภ า พ
ผลทีไ่ ด จากการทดสอบพบว ามีการเปลีย่ นแปลงไม มากเนื่องจากเมื่
อ ดิ น ถู ก ท า ใ ห เ ป ลี่ ย น ส ภ า พ ( Remolded)
จ ะ เ กิ ด ก า ร จั ด เ รี ย ง เ ม็ ด ดิ น แ บ บ โ ค ร ง ส ร า ง Dispersed
ทาให สูญเสียประวัตก ิ ารรับน้าหนักในอดีตและใช แรงเพียงเล็กน อย
ในการเปลีย่ นรูป ดังนัน้ ค าดัชนีการยุบตัวจึงมีคา่ เกือบคงที่
เ มื่ อ พิ จ า ร ณ า เ ป รี ย บ เ ที ย บ ค า สัม ป ร ะ สิ ท ธิ ์ ก า ร อัด ตัว Cv
ตัวอย่างดินคงสภาพกับตัวอย างดินเปลีย่ นสภาพ ดังแสดงในภาพที่ 2-
1 3 พ บ ว า ตั ว อ ย า ง ดิ น ค ง ส ภ า พ Cv
มีค ามากกว าตัวอย างดินเปลีย่ นสภาพมากในช วงหน วยแรงน
อยๆและมี ค่ า ลดลงเรื่ อ ยๆจนเข าใกล กัน เมื่ อ หน วยแรงสู ง ๆ
ในขณะที่ ค า Cv ของดินเปลีย่ นสภาพมีค าเกือบคงที่โดยตลอด
ดังนัน้ จึงเห็นได ว าการจัดเรียงตัวของโครงสร างดินจึงมีผลต อค
29

า ดั ช นี ก า ร ยุ บ ตั ว ข อ ง ดิ น แ ล ะ ค ว า ม ซึ ม น้ า
ส งผลต อพฤติกรรมการอัดตัวคายน้าของดิน

ภาพที่ 2-13 ผลของการรบกวนตัวอย่างดินชุด ก. ( ไตรภพ


คนชม , 2547 )

ภาพที่ 2-14 ผลของการรบกวนตัวอย่างดินชุด ก ( ไตรภพ


คนชม , 2547 )
2.12.2 ผลของอัตราเพิม ่ น้าหนักในระหว่างการทดสอบ
จากเส นโค งการอัด ตัว คายน้ า ดัง แสดงในภา พที่ 2-14
พบว าการทดสอบโดยใช อัตราการเพิ่มน้าหนัก (Load increment
ratio, LIR) = 0.5 ค า Cc มากกว าการทดสอบด วย LIR = 1
อ ยู เ ล็ ก น อ ย ใ น ช ว ง OC ทั้ ง นี้ เ นื่ อ ง จ า ก ดิ น ใ น ส ภ า ว ะ OC
มี ลั ก ษ ณ ะ โ ค ร ง ส ร า ง ที่ แ ข็ ง แ ร ง ก ว า ดิ น ใ น ส ภ า ว ะ NC
ดั ง นั้ น ก า ร เ พิ่ ม น้ า ห นั ก ที ล ะ น อ ย ๆ ใ น ช่ ว ง OC
จะท าให โครงสร างดิ น จัด เรี ย งตัว ได ดี แ ละยุ บ ตัว ได มาก
ห ลั ง จ า ก นั้ น เ มื่ อ ดิ น เ ข า สู ส ภ า ว ะ NC
โ ค ร ง ส ร า ง ข อ ง ดิ น มี ค ว า ม แ ข็ ง แ ร ง น อ ย
30

อัต ราการเพิ่ ม น้ า หนัก จึ ง ไม มี ผ ลต อการยุ บ ตัว ของดิ น ค า Cc


จึงมีแนวโน มใกล เคียงกัน
ค า Cv ที่ ไ ด จ า ก ก า ร ท ด ส อ บ ด ว ย LIR = 0.5
มากกว าการทดสอบด วยLIR = 1 อยู ระหว าง 1-1.5
เ ท า เ นื่ อ ง จ า ก เ มื่ อ ท ด ส อ บ ด ว ย LIR = 0.5
ห รื อ เ พิ่ ม น้ า ห นั ก ที ล ะ น อ ย ๆ
ทาให การระบายน้าออกจากตัวอย่างดินในกระบวนการอัดตัวคายน้าเป
น ไ ป อ ย่ า ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
การทรุ ด ตัว ในแต ละน้ า หนัก ใช เวลาน อย ค า Cv และ kv
ที่ไ ด จึง มากกว าการทดสอบด วย LIR = 1 ซึ่ ง การทดสอบด วย
LIR = 1 นั้ น
น้าหนักทีเ่ พิม
่ อาจจะมากเกินไปทาให โครงสร างดินเปลีย่ นแปลงอย่า
งรวดเร็ ว ในช วง Initial Compression เนื่ อ งจาก Shock Effect
ดังนัน้ จึงทาให การระบายน้าออกจากตัวอย่างดินในกระบวนการอัดตัว
คายน้ า มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพน อยกว าการเพิ่ ม น้ า หนัก ที ล ะน อย ๆ
ดัง นั้น ในสภาพการเพิ่ ม น้ า หนัก ของการก อสร างจริ ง ในสนาม
ซึ่ ง เ ป น ไ ป อ ย า ง ช า ค า Cv
ในสภาพจริงจึงอาจให ค าสูงกว าผลทีไ่ ด จากการทดสอบในห อง
ปฏิบตั กิ าร
31

ภาพที่ 2-15 ผลของอัตราการเพิม


่ น้าหนักของดินชุด ก ( ไตรภพ
คนชม , 2547 )
2.12.3 ผลของระยะเวลาในการทดสอบ
จ า ก ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ ดั ง แ ส ด ง ใ น ภ า พ ที่ 2 - 1 4
เมื่อ เปรี ย บเที ย บการทดสอบระยะเวลาในการบรรทุ ก น้ า หนัก (Load
increment duration, LID) = 1 วั น แ ล ะ LID = End of Primary
(EOP) พ บ ว า มี ค่ า Cs แ ล ะ Cc มี ค า ใ ก ล เ คี ย ง กั น
แ ต เ มื่ อ พิ จ า ร ณ า ใ น แ น ว โ น ม ข อ ง ก ร า ฟ พ บ ว่ า LID = 1 วั น
อ ยู ต่ า ก ว่ า LID = EOP ม า ก
ทัง้ นี้ เ นื่อ งจากระยะเวลาสิ้นสุ ดการอัดตัวคายน้ า จากการทดสอบด วย
LID = EOP ไม เกิ น 1 ชั่วโมงแต การทดสอบด วย LID = 1
วั น ไ ด ร ว ม ก า ร ท รุ ด ตั ว ใ น ช ว ง ก า ร ยุ บ ตั ว ชั้ น ที่ 2
ซึ่งมีปริมาณมากสาหรับดินเหนี ยวอ อนกรุงเทพในการคานวณด วย
ดัง นั้น จึ ง ท าให กราฟ e-log p จากการทดสอบด วย LID = 1 วัน
อยู ต่ากว่ามาก

การเพิม ่ น้าหนักทันทีเมือ ่ เสร็จสิน ้ กระบวนการอัดตัวคายน้าจะทาให กา


รคายน้าในกระบวนการอัดตัวคายน้าเกิดขึน ้ อย่างต่อเนื่องแต่การเพิม ่ น้า
หนักหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการอัดตัวคายน้าไปนานๆจะมีผลทาให
โ ค ร ง ส ร า ง ดิ น จั ด เ รี ย ง ตั ว ใ ห ม ใ น ช ว ง ก า ร ยุ บ ตั ว ชั้ น ที่ 2
(Secondary Consolidation) ซึ่ ง ท า ใ ห ค า Cv แ ล ะ Kv
มีคา่ ลดลงจากผลการทดสอบพบว่าการเพิม ่ น้าหนักทันทีเมือ ่ เสร็จสิน ้ การ
32

ยุ บ ตัว ชั้น ที่ 1 ค า Cv และ Kv มากกว าการเพิ่ ม น้ า หนัก ช่ ว งเวลา


1วันอยู ระหว าง 1-2 เท า ในช วง OC

ภาพที่ 2-16 ผลของระยะเวลาในการทดสอบดินชุด ข ( ไตรภพ


คนชม , 2547 )
2.12.4 ผลของการยุบตัวชัน ้ ที่ 2
จากผลการทดสอบการอัด ตัว คายน้ า ค า C∞ ของดิน ชุ ด ก
มี ค า อ ยู ร ะ ห ว า ง 0.018 - 0.025 ค า เ ฉ ลี่ ย 0.021
และค า C∞ ดินชุ ด ข มี ค าอยู ระหว าง 0.011-0.025 ค าเฉลี่ย
0.018 ดั ง แ ส ด ง ใ น ภ า พ ที่ 2 - 1 5 จ า ก ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ
สามารถจ าแนกประเภทของความสามารถในการยุ บ ตัว ชั้น ที่ 2 ของ
ดิน เหนี ย วอ อนกรุ ง เทพอยู ในระดับ สู ง ถึง สู ง มาก ตามที่เ สนอโดย
Mesri (1973) ซึ่ ง ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ นี้
สอดคล องกับผลการวิจยั การหาค าสัมประสิทธิข ์ องการยุบตัวชั้นที่2
สาหรับดินกรุงเทพมหานคร (สมชัย, 2527)
33

ภาพที่ 2-17 การเปรียบเทียบค่าดัชนีการยุบตัวชัน


้ ที2
่ ดินชุด ก
และดินชุด ข
( ไตรภพ คนชม , 2547 )

2.12.5
์ องการอัด ตัว คายน้ า
การศึก ษาเปรี ย บเที ย บวิธี ก ารหาค่า สัม ประสิท ธิข
ดั ง แ ส ด ง ใ น ภ า พ ที่ 2 - 1 6
การเปรียบเทียบวิธีการหาค่าสัมประสิทธิข ์ องการอัดตัวคายน้าของดินชุด
ก และดินชุด ข

ภาพที่ 2-18
์ องการอัดตัวคายน้า ดินชุด ก
การเปรียบเทียบวิธีการหาค่าสัมประสิทธิข
และ ดินชุด ข
( ไตรภพ คนชม , 2547 )
2.12.6
การศึกษาเปรียบวิธีการหาค่าหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดิน
34

(a) ผลการทดสอบการอัดตัวคายน้าจานวน 2
รอบของดินชุด ก

(b) การหาค าpc โดยวิธีของ Casagrande


(1936)

(c) การหาค าpc โดยวิธีหลักของงาน (Becker, 1987)

(d) การหาค าpc โดยวิธี Log-Log (Jose,


1989)
35

ภาพที่ 2-19 การเปรียบเทียบวิธีการหาค่า pc โดยวิธีของ


Casagrande วิธีหลักของงานและ
วิธีิ Log-Log จากผลการทดสอบการอัดตัวคายน้าจานวน
2 รอบ ดินชุด ก
( ไตรภพ คนชม , 2547 )

ตารางที่ 2-9 การเปรียบเทียบการหาค่า pc ( ค่า pc จริงเท่ากับ 800


kN/m2 )
วิธีการหาค่า pc (kN/m2) ความคลาดเคลือ
่ น
(%)
วิธีของ 830 +3.75
Casagrande
วิธีหลักของงาน 770 -3.75
วิธี Log - Log 790 -1.25

จากการศึกษาป จจัยทีม ่ ีผลกระทบต อการอัดตัวคายน้า และความซึม


น้ า ข อ ง ดิ น เ ห นี ย ว อ อ น ก รุ ง เ ท พ ใ น ห อ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร
เ นื่ อ ง จ า ก ก า ร ร บ ก ว น ตั ว อ ย า ง ดิ น
อัตราการเพิ่มน้าหนักในระหว างการทดสอบ ระยะเวลาในการทดสอบ
วิ ธี ก ารหาค าสัม ประสิ ท ธิ ์ก ารอัด ตัว คายน้ า ดัช นี การอัด ตัว และ
หน วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดิน พอสรุปได้ดงั นี้
( 1 )
โครงสร้า งดิ น มี ผ ลต่ อ พฤติ ก รรมการอัด ตัว คายน้ า และความซึ ม น้ า
จากการวิจยั พบว่า การท าลายโครงสร้างดินอย่างสมบูรณ์ ท าให้ค่า Cv
ลดลงอย่างมากละค่อนข้างคงทีต ่ ลอดการทดสอบและเมือ ่ ทดสอบด้วยหน่
วยแรงสูงๆจะทาให้โครงสร้างดินคงสภาพถูกทาลายจนมีพฤติกรรมการ
อัดตัวคายน้าและความซึมน้าใกล้เคียงกับดินเปลีย่ นสภาพ
(2) การทดสอบการอัดตัวคายน้าด้วย LIR = 0.5 ค่า Cv และ ค่า
kv ม า ก ก ว่ า ก า ร ท ด ส อ บ ด้ ว ย LIR = 1 อ ยู่ ร ะ ห ว่ า ง 1 - 1 . 5 เ ท่ า
เ นื่ อ ง จ า ก ก า ร เ พิ่ ม น้ า ห นั ก อ ย่ า ง ช้ า ๆ
36

ทาให้การระบายน้าออกจากตัวอย่างดินในกระบวนการอัดตัวคายน้ามีป
ระสิทธิภาพสูงกว่าการเพิม
่ น้าหนักอย่างรวดเร็ว
(3) การทดสอบการอัดตัวคายน้าด้วย LIP = EOP ค่า Cv และ
ค่ า Kv มากกว่ า การทดสอบด้ ว ย LID = 1 วัน อยู่ ร ะหว่ า ง 1-2 เท่ า
เนื่องจากการเพิม
่ น้าหนักหลังจากเสร็จสิน ้ กระบวนการอัดตัวคายน้านาน
ๆโครงสร้า งดิน จัด เรี ย งตัว ใหม่ใ นช่ว งการยุ บ ตัว ชั้น ที่ 2 (Secondary
Consolidation) ทาให ค า Cv และ ค่า Kv มีคา่ ลดลง
์ องการอัดตัวคายน้าในแนวดิง่ โดยวิธี
(4) การหาค่าสัมประสิทธิข
Log Time และ วิธี Velocity มีความน่ าเชือ่ ถือมากกว่าวิธี Root Time
และวิธี Hyperbola เน้นผลทดสอบส่วนท้าย ซึง่ ต่างจากวิธี Root Time
ที่ เ น้ น ท ด ส อ บ ส่ ว น เ ริ่ ม ต้ น แ ล ะ วิ ธี Hyperbola
ทีเ่ น้นผลการทดสอบส่วนท้ายและทุกวิธีมีความน่ าเชือ
่ ถือสูงเมือ
่ หน่ วยแร
งมากกว่าหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดิน
( 5 )
การหาหน่ วยแรงกดทับสูงสุดในอดีตของดินโดยวิธีหลักของงาน และ วิธี
Log-Log มี ค วามน่ าเชื่ อ ถื อไม่ น้ อยไปกว่ า วิ ธี ข อง Casagrande
ซึ่ ง เ ป็ น วิ ธี ที่ นิ ย ม
ทัง้ ยังมี ข้อ ได้เ ปรีย บที่ส าคัญ คือ มี ค วามแน่ นอนเนื่อ งจากการสร้างเส้น
(Graphic Construction) สูงกว าวิธีของ Casagrande
2.13 อุณหภูมส
ิ ง่ ผลต่อการทรุดตัวของดินเหนียวอ่อน
อุณหภูมเิ ป็ นปัจจัยหนึ่งทีส ่ ง่ ผลต่อการทรุดตัวของดินเหนี ยวอ่อน
โ ด ย อ้ า ง อิ ง จ า ก ง า น วิ จั ย ก า ร ศึ ก ษ า ห า ป ริ ม า ณ ค ว า ม ชื้ น ใ น ดิ น
โดยใช้ตอ ู้ บไมโครเวฟเพือ ่ การตรวจสอบความแน่ นของการบดอัดดินใน
ภาคสนาม (นิ ค ม เทพบุ ต รและสุ ร สิ ท ธิ ์ บัว บาน , 2552) กล่ า วว่ า
ก า ร ห า ค ว า ม ชื้ น ข อ ง วั ส ดุ ใ น ห้ อ ง ป ฎิ บั ติ ก า ร ภ า ค ส น า ม
และตรวจสอบความแน่ นของการบดอัดชัน ้ ดินจาเป็ นอย่างยิง่ ในการทรา
บค่าความชื้นของวัสดุทีม ่ ีอยูจ่ ริง เพือ ่ นาไปคานวณหาค่าความหนาแน่ น
ก า ร ห า ค ว า ม ชื้ น อ า ศั ย ก า ร อ บ จ า ก ตู้ อ บ แ ห้ ง (Drying
Oven)ในห้อ งปฏิบ ต ั ิก ารที่อุ ณหภูมิ 110o± 5oC เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า
12-16 ชั่ ว โ ม ง จ า ก ก า ร ส รุ ป ผ ล ก า ร วิ จั ย
ม ว ล ดิ น ที่ มี ค ว า ม ล ะ เ อี ย ด ม า ก จ ะ ใ ช้ เ ว ล า ใ น ก า ร อ บ เ พิ่ ม ขึ้ น
37

การให้ค วามร้อ นที่เ หมาะสมจากการทดลองกับ ตู้อ บไมโครเวฟยี่ห้อ


Midea รุ่ น MM717CKC ไ ด้ ที่ อุ ณ ห ภู มิ M. High
ผลการทดลองยังพบอีกว่าหากใช้อุณหภูมก ิ ารอบทีส
่ ูงและอบเป็ นเวลานา
น ม า ก เ กิ น ไ ป
ความร้อนทีไ่ ด้จากคลืน
่ ไมโครเวฟจะทาให้มวลของดินเกิดความร้อนขึน ้
มาก และแตกกระจายออก ท าให้ไ ม่ส ามารถหาน้ า หนัก ที่ถู ก ต้อ งได้
มีผลทาให้การทดลองผิดพลาดได้เช่นกัน

You might also like