Professional Documents
Culture Documents
2. เชื้อเพลิงซากดึกดาบรรพ์และผลิตภัณฑ์
2.1 ถ่านหิ น
ถ่านหิ น คือ หินตะกอนชนิดหนึ่งและเป็ นแร่เชื้อ เพลิงสามารถติดไฟได้ มีสนี ้ าตาลอ่ อ น
จนถึงสีดา มีทงั ้ ชนิดผิวมันและผิวด้าน น้ าหนักเบา ถ่านหินประกอบด้วยธาตุทส่ี าคัญ 4 อย่างได้แก่
คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และออกซิเจน นอกจากนัน้ มีธาตุหรือสารอื่น เช่น กามะถัน เจือปน
เล็กน้อย ถ่านหินทีม่ จี านวนคาร์บอนสูงและมีธาตุอ่นื ๆ ต่ า เมื่อนามาเผาจะให้ความร้อนมาก ถือว่า
เป็นถ่านหินคุณภาพดี
รูปที่ 2 ถ่านหิน
(ทีม่ า:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Co
al.jpg)
ปริมาณร้อยละของธาตุองค์ประกอบในถ่านหินชนิดต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับไม้แสดงในตารางที่
2.1
2.1.3 ปัจจัยที่มีผลต่อสมบัติของถ่านหิ น
การที่สมบัติทางกายภาพและเคมีของถ่ านหินตามแหล่ งต่ างๆ แตกต่ างกัน เป็ นผลจาก
ปจั จัยหลายอย่างเช่น ชนิดของพืช การเน่ าเปื่ อยทีเ่ กิดขึน้ ก่อนการถูกฝงั กลบ ปริมาณสารอินทรียท์ ่ี
ปนเปื้อนในขัน้ ตอนการเกิด และอุณหภูมแิ ละความดันขณะทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลง
ประโยชน์ อ่ ืน ได้อีก เช่ น ก ามะถัน ใช้ ท ากรดก ามะถัน และแร่ ย ิป ซัม แอมโมเนี ย ใช้ ท าปุ๋ ยเพื่อ
เกษตรกรรม เถ้าถ่านหินใช้ทาวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
2.2 หิ นน้ามัน
หินน้ ามัน คือ หินตะกอนชนิดหนึ่งทีป่ ระกอบด้วยอินทรียวัตถุในรูปของสารทีเ่ รียกว่า เคอ
โรเจน (Kerogen) แทรกอยู่ระหว่างชัน้ หินตะกอน หินน้ ามันโดยทัวไปมี ่ ความถ่วงเฉพาะ 1.6-2.5
หินน้ ามันคุณภาพดีมสี นี ้ าตาลไหม้จนถึงดา มีลกั ษณะแข็งและเหนี ยว เมื่อนาหินน้ ามันมาสกัดด้วย
ความร้อนทีเ่ พียงพอ เคอโรเจนจะสลายตัวให้น้ ามันหิน ซึง่ มีลกั ษณะคล้ายน้ ามันดิบ ถ้ามีปริมารเคอ
โรเจนมากก็จะได้น้ามันหินมาก การเผาไหม้น้ามันหินจะมีเถ้ามากกว่าร้อยละ 33 โดยมวล ในขณะที่
ถ่านหินมีเถ้าน้อยกว่าร้อยละ 33
กรรมวิธขี องการสกัดหรือผลิตน้ามันจากหินน้ ามัน เริม่ ต้นด้วยการเปิดผิวดิน เพื่อขุดตักเอา
หินน้ ามันออกมาบดให้ได้ขนาด แล้วป้อนไปยังโรงงาน ผ่านกรรมวิธตี ่าง ๆ เพื่อเปลีย่ นรูปของสาร
เคอโรเจนให้กลายเป็ นไอของไฮโดร์คาร์บอน ไอของไฮโดรคาร์บอนนี้ก็จะถูกแยกออกไป ทาให้
กลายเป็ นของเหลว และนาเอาของเหลวที่ได้นาไปทาการกลัน่ ณ โรงกลันต่ ่ อไป จากกรรมวิธ ี
ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมการสกัดน้ ามันจากหินน้ ามัน จะก่อให้เกิดปญั หาสภาพมลภาวะ
ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในส่วนของฝุ่นละอองทีป่ ลิวขึน้ ไปสู่บรรยากาศ และการทิง้ กากหินน้ ามัน
ทีผ่ ่านกรรมวิธแี ล้ว
ตาแหน่ งและรูปร่างลักษณะโครงสร้างใต้ทะเลเพื่อเราจะได้เลือกโครงสร้างที่เหมาะสมที่สุดเพื่อ
กาหนดพืน้ ทีเ่ ป้าหมายสาหรับการเจาะสารวจต่อไป ดังรูปที่ 2.7
2.3.3 การขุดเจาะ
จากผลการสารวจจะเป็นข้อมูลเบือ้ งต้นทีช่ ่วยให้สนั นิษฐานว่าจะมีปิโตรเลียมหรือไม่ จากนัน้
จะเป็ นการเจาะสารวจเพื่อนาปิ โตรเลียมมาใช้ ถ้าหลุมใดมีก๊าซธรรมชาติ หรือ ปิ โตรเลียม และมี
ความดันภายในสูง ปิ โตรเลียมจะถูกดันให้ไหลขึน้ มาเอง แต่ถ้าหลุมใดมีความดันภายในต่ าจะต้อง
เพิม่ แรงดันจากภายนอกโดยการอัดก๊าซบางชนิด เช่น ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ
ไอน้าลงไป
note
ประเทศไทยมีการสารวจพบน้ามันดิบครัง้ แรกในปี พ.ศ. 2464 ทีอ่ าเภอฝาง จังหวัด
เชียงใหม่
แหล่งน้ ามันดิบในประเทศทีส่ าคัญ ได้แก่ น้ ามันดิบเพชร จากแหล่งสิรกิ ติ ิ ์ จังหวัด
กาแพงเพชร
2.3.7.2 เลขซีเทน
เป็ นเลขที่กาหนดขึน้ เพื่อบอกคุณสมบัตกิ ารเผาไหม้ของน้ ามันดีเซล เมื่อเทียบกับ
การเผาไหม้ของซีเทน และ แอลฟาเมทิลแนฟทาลีน
กาหนดว่า
น้ามันดีเซลทีม่ สี มบัตกิ ารเผาไหม้เช่นเดียวกับซีเทนมีเลขซีเทน เท่ากับ 100
น้ามันดีเซลทีม่ สี มบัตกิ ารเผาไหม้เช่นเดียวกับแอลฟาเมทิลแนฟทาลีนมีเลขซีเทน เท่ากับ 0
2.3.10 การแยกก๊าซธรรมชาติ
กระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติ มีกระบวนการดังนี้ (รูปที่ 2.13)
1) จะนาก๊าซธรรมชาติทไ่ี ด้มาเข้าหน่วยกาจัดของเหลวออกก่อน ได้แก่ น้า และก๊าซ
ธรรมชาติเหลว ซึง่ ก๊าซธรรมชาติเหลวทีไ่ ด้กส็ ่งกลับไปยังกระบวนการกลันน
่ ้ามันดิบอีกครัง้ หนึ่ง
2.3.12 ปิ โตรเคมีภณ ั ฑ์
ปิ โตรเคมีภ ัณ ฑ์ห มายถึงผลิต ภัณฑ์หรือ สารเคมี ซึ่ง ทาจากวัต ถุ ดิบที่ไ ด้จ ากปิ โตรเลีย ม
นอกจากใช้เป็ นเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ แล้ว บางชนิดได้นามาใช้เป็ นวัตถุดบิ ในอุตสาหกรรม ปิ โตร
เคมีภณ ั ฑ์ ได้มาจาก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึง่ หมายถึงอุตสาหกรรมทีเ่ กี่ยวข้องกับปิโตรเลียม แบ่ง
ออกได้เป็น 2 ขัน้ ตอน ดังนี้
1) อุตสาหกรรมขัน้ ต้น เป็ นการผลิตสารโมเลกุลเล็กๆ ที่เรียกว่า มอนอเมอร์ โดยใช้
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนบางชนิดที่ได้จากการกลันน ่ ้ ามันดิบ หรือ การแยกก๊าซธรรมชาติเป็ น
วัตถุดบิ เช่น การใช้มอนอเมอร์อเี ทน และมอนอเมอร์โพรเพนเป็ นวัตถุดบิ ในการผลิต พอลิเอทิลนี
และ พอลิโพรพิลนี ตามลาดับ ในอุตสาหกรรมขัน้ ต่อเนื่องต่อไป
2) อุตสาหกรรมขัน้ ต่อเนื่ อง เป็นการผลิตสารโมเลกุลใหญ่ทเ่ี รียกว่า พอลิเมอร์ โดยใช้สาร
มอนอเมอร์จากอุตสาหกรรมขัน้ ต้น เป็นวัตถุดบิ ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ด้ของ อุตสาหกรรมขัน้ นี้ คือ พลาสติก
ชนิดต่างๆ ยางสังเคราะห์ชนิดต่างๆ วัตถุดบิ ทีใ่ ช้ผลิตเส้นใยสังเคราะห์ วัตถุดบิ สี สารซักล้าง และ
ตัวทาละลายชนิดต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ด้จากอุตสาหกรรมขัน้ ต่อเนื่อง จะถูกนาไปใช้เป็ นสารตัง้ ต้นใน
อุ ต สาหกรรมต่ า งๆ ต่ อ ไป เช่ น อุ ต สาหกรรมการผลิต เครื่อ งนุ่ ง ห่ ม ยางรถยนต์ ท่ อ พลาสติก
ถุงพลาสติก ฟิลม์ สี ผงซักฟอก ปุ๋ย เป็ นต้น
ข) โคพอลิ เมอร์ ได้แก่ พอลิเ มอร์ซ่งึ ในสายโซ่พอลิเ มอร์มหี น่ ว ยซ้าๆ กัน 2 ชนิดหรือ
มากกว่า 2 ชนิด เช่น พอลิเมอร์ของสไตรีนและไวนิลคลอไรด์มที งั ้ สไตรีนและไวนิลคลอไรด์ในโซ่
ของพอลิเมอร์ดงั นี้
รูปที่ 16 ลักษณะของพอลิเมอร์แบบกิง่
(ทีม่ า: http://neon.mems.cmu.edu/cramb/27-100/lab/S00_lab2/Image2.gif)
พอลิเ มอร์ช นิ ด เดีย วกัน แต่ ม ีโ ครงสร้า งต่ า งกัน จะมีส มบัติต่ า งกัน ซึ่ง หากเราพิจ ารณา
โครงสร้างของของพอลิเมอร์ทม่ี กี ารจัดเรียงตัวในสามมิติ เราสามารถแบ่งออกได้เป็นสามแบบดังนี้
1) แบบไอโซแทกติ ก (isotactic) พอลิเมอร์แบบนี้มหี มู่ R จัดอยู่ขา้ งเดียวกันของระนาบ
ดังนี้
โดยทัวไปพอลิ
่ เมอร์แบบไอโซแทกติกและซินดิโอแทกติกมีจุดหลอมเหลวสูงกว่า เหนียว
และแข็งแรงกว่าพอลิเมอร์แบบอะแทกติก
hหรือ
Propagation: ขัน้ ตอนนี้เกิดพอลิเมอร์อย่างรวดเร็วได้โมเลกุลทีม่ หี น่วยซ้าๆ กัน
สมบัติและการใช้ประโยชน์ : โดยทัวไปไนลอนจะมี
่ สมบัตคิ ล้ายคลึงกัน คือต่างสามารถทน
ต่อแรงกระแทกสูง มีความเหนียว ยืดหยุน่ ทนต่อการสึกกร่อน ทาความสะอาดง่ายและแห้งเร็ว และ
ไม่นาไฟฟ้า การนาไปใช้มกั ทาเป็ นเส้นใยเพื่อทาเครื่องนุ่ งห่ม ชุดชัน้ ใน ถุงน่ อง เครื่องกีฬา เช่น ตา
ข่ายไม้แบดมินตันและไม้เทนนิส เนื่องจากพอลิเมอร์มคี วามเหนียวและทนต่อการสึกกร่อนจึงมัก
นาไปทาเป็ นชิน้ ส่วนเครื่องจักรกล เช่น เกียร์ เฟือง และมีสมบัตอิ กี ประการคือไม่นาไฟฟ้าจึงนาไป
ทาปลอกหุม้ สายไฟฟ้า เป็ นต้น
3) พอลิ ค าร์บ อเนต (polycarbonate; PC) คือ พอลิเ มอร์ท่ีม ีห มู่ค าร์น อเนต
(ทีม่ า: http://www.made-in-china.com/image/2f0j00nBWQrOidSDcFM/Polycarbonate-Sheet
-For-Rain-Tent.jpg,http://www.learntohealthyourself.com/index.php?main_page=
product_info&products_id=141)
สมบัติ แ ละการใช้ ป ระโยชน์ : พอลิเ มอร์ช นิ ด นี้ ม ีส มบัติ แข็ ง เปราะ ทนความร้อ นที่
อุณหภูมสิ งู ทนสารเคมี และเป็ นฉนวนไฟฟ้า มักนาไปทาเป็ นกาวและแผงวงจรไฟฟ้า
6) อะมิ โนพอลิ เมอร์ (aminopolymer) เป็ นเทอร์โมเซต อีกชนิดหนึ่ง เป็ นพอลิเมอร์ท่ี
เตรียมจากปฏิก ริยาระหว่างเอมีนหรือเอไมด์กับแอลดีไฮด์ ที่สาคัญ มีส องชนิดได้แก่ พอลิยู เ รีย
ฟอร์มาลดีไฮด์ (poly(urea formaldehyde); UF) และ พอลิเมลามีน ฟอร์มาลดีไฮด์ (poly(melamine
formaldehyde); MF)
สมบัติและการใช้ประโยชน์ : สาหรับพอลิยเู รียฟอร์มาลดีไฮด์ มีสมบัตแิ ข็ง เปราะ ทน
ความร้อน ทนสารเคมี มักนาไปทาเป็ นแผงวงจรอิเล็กทรอนิก กาว และ โฟม ส่วนพอลิเมลามีน
ยางพารา (cis-polyisoprene)
นีโอพรีน
เส้นใย
โดยทัวไปพอลิ
่ เมอร์มสี มบัตเิ ป็ นฉนวนกันไฟฟ้า แต่มพี อลิเมอร์บางประเภทแสดงสมบัติ
เป็ นสารกึ่งนาหรือนาไฟฟ้าได้ โครงสร้างทางเคมีท่สี าคัญของพอลิเมอร์กลุ่มนี้ได้แก่ อะตอมของ
คาร์บอนต่อ กันอยู่ด้วยพันธะเดี่ยวสลับกับพันธะคู่ หรือมีวงแหวนอะโรมาติก หรือ มีอะตอมของ
กามะถันและไนโตรเจนอยู่ในวงแหวน จึงทาให้มกี ารกระจายของอิเล็กตรอนได้ เช่นเดียวกับโลหะ
ตัวอย่างโครงสร้างของพอลิเมอร์นาไฟฟ้า ได้แก่
ซิส-พอลิอะเซทิลนี ทรานส์-พอลิอะเซทิลนี
2.5.1 มลภาวะทางอากาศ
มลพิษทางอากาศมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชือ้ เพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมหรือ
ในเครื่อ งยนต์ของยานพาหนะ การเผาถ่ านหินหรือ เชื้อ เพลิงที่มกี ามะถันและสารประกอบของ
กามะถันเป็นองค์ประกอบ จะมีแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดขึน้ เมื่อปะปนมากับน้ าฝนทาให้เกิดเป็ น
ฝนกรด ซึง่ มีผลกระทบต่อการดารงชีวติ ของสัตว์น้า ทาให้สใี บไม้ซดี จางและสังเคราะห์แสงไม่ได้ กัด
กร่อนโลหะและอาคารบ้านเรือน ถ้าร่างกายได้รบั แก๊สนี้จะทาให้เกิดอาการปวดเมื่อยเรือ้ รัง โลหิต
จาง และเป็ นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและปอด การเผาไหม้เชื้อเพลิง ปิ โตรเลียมอย่างไม่
สมบูรณ์จะได้เขม่าและออกไซด์ของคาร์บอนซึง่ ได้แก่ CO2 และ CO นอกจากนี้ยงั เกิดแก๊สอื่น ๆ อีก
หลายชนิดเช่น SO2 NO2 และ H2S รวมทัง้ เถ้าถ่านทีม่ โี ลหะปริมาณน้อยมากเป็ นองค์ประกอบ
แก๊ ส CO2 จะทาหน้ าที่ค ล้า ยกับผ้า ห่มที่ห่อ หุ้มโลกและกัก เก็บความร้อ นเอาไว้ ทาให้
อุณหภูมขิ องโลกสูงขึน้ ที่เรียกว่าเกิดภาวะเรือนกระจก ซึ่งส่งผลกระทบต่อมนุ ษย์และสิง่ แวดล้อม
2.5.2 มลภาวะทางน้า
สาเหตุสาคัญประการหนึ่งทีก่ ่อให้เกิดมลพิษทางน้ า คือ การใช้ปิโตรเคมีภณ ั ฑ์ เช่น ปุ๋ยเคมี
สารปราบศัตรูพชื และผงซักฟอก แม้ว่าปุ๋ยเคมีและผลซักฟอกจะไม่เป็ นพิษโดยตรงต่อมนุ ษย์แต่ ก็
เป็นอาหารทีด่ ขี องพืชน้าบางชนิด จากการศึกษาวิจยั น้ าจากแหล่งชุมชนพบว่ามีปริมาณฟอสเฟตสูง
มาก ทัง้ นี้เป็ นเพราะน้ าทิง้ จากอาคารบ้านเรือนมีฟอสเฟตในผลซักฟอกปนอยู่ด้วย สารดังกล่าวจะ
กระตุ้น การเจริญ งอกงามของพืช น้ า ได้ดีแ ละรวดเร็ว เมื่อ พืช น้ า ตาย จุล ิน ทรีย์ใ นน้ า จะต้อ งใช้
ออกซิเจนจานวนมากในการย่อยสลายซากพืชเหล่านัน้ เป็ นเหตุให้ปริมาณออกซิเจนในน้ าลดลง จึง
ทาให้เกิดน้ าเน่ าเสีย สารเคมีและวัตถุมพี ษิ ที่ใช้ในการเกษตรเพื่อเพิม่ ผลผลิตในการเพาะปลูก สาร
ก าจัด แมลงและก าจัดวัชพืช เช่น สารประกอบไนไตรต์แ ละไนเตรต สารประกอบคอลริเ นเตด
ไฮโดรคาร์บอน ออร์แกโนฟอสเฟต คาร์บาเมต เมือ่ ตกค้างอยูใ่ นอากาศหรือดินก็จะถูกน้ าชะล้างลงสู่
แหล่งน้ า ทาให้แหล่งน้ าในบริเวณเกษตรกรรม หรือสายน้ าที่ไหลผ่านมีสารพิษสะสมหรือปะปนอยู่
การจับสัตว์น้าจากแหล่งนี้ในบริเวณนัน้ มาบริโภคก็จะมีโอกาสได้รบั พิษจากสารดังกล่าวด้วย
น้ามันเป็นสารอีกชนิดหนึ่งทีก่ ่อให้เกิดมลพิษทางน้า เมือ่ น้ามันรัวไหลลงสู
่ ่ทะเลหรือแม่น้ าลา
คลองจะเกิดคราบน้ามันลอยอยูท่ ผ่ี วิ น้า คราบน้ามันจะเป็นแผ่นฟิลม์ ปกคลุมผิวน้ าทาให้ออกซิเจนใน
อากาศไม่สามารถละลายลงไปในน้าได้ ทาให้น้าขาดออกซิเจน สัตว์น้ าทีอ่ ยู่ในแหล่งน้ าบริเวณนัน้ ๆ
อาจตายได้ ตามปกติน้าในธรรมชาติจะมีออกซิเจนละลายอยู่ประมาณ 5-7 ส่วนในล้านส่วน ปริมาณ
ออกซิเจนในน้ าหรือ DO (Dissolved Oxygen) จึงมีความสาคัญและจาเป็ นอย่างยิ่งสาหรับการ
ดารงชีวติ ของพืชและสัตว์น้าการบ่งชีค้ ุณภาพของน้ าอาจทาได้ เช่น
สาขาวิชาเคมี โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (องค์การมหาชน) หน้า 52
2
เชื้อเพลิ งซากดึกดาบรรพ์และผลิ ตภัณฑ์ 2/2554
2.5.3 มลภาวะทางดิ น
ดินเป็ นปจั จัยที่สาคัญประการหนึ่งของสิง่ มีชวี ติ จึงจาเป็ นต้องรักษาดินให้ใช้ประโยชน์ได้
นานทีส่ ุด การกาจัดสารพิษด้วยวิธกี ารฝงั ดินรวมทัง้ การกาจัดขยะมูลฝอยและสิง่ ปฏิกูลต่าง ๆ โดย
การทิง้ บนดิน จะเป็ นสาเหตุทาให้ดนิ มีสภาพไม่เหมาะสมสาหรับการเพาะปลูก และก่อให้เกิดภาวะ
มลพิษทางดิน ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทใ่ี ช้ปราบศัตรูพชื ก็เป็ นอีกสาเหตุหนึ่งทีท่ าให้เกิดภาวะมลพิษทาง
ดินได้ เครือ่ งมือเครือ่ งใช้ในชีวติ ประจาวัน เช่น ยางรถยนต์ พลาสติก บรรจุภณ ั ฑ์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้
สลายตัวยาก มีความทนทานต่อน้า แสงแดด และอากาศ จึงตกค้างอยูใ่ นสิง่ แวดล้อมทัง้ ในดินและน้ า
นักวิทยาศาสตร์จงึ คิดค้นวิธกี าจัดพลาสติกทีใ่ ช้แล้ว รวมทัง้ ค้นคว้าเพื่อสังเคราะห์พลาสติกชนิดใหม่
ๆ ทีส่ ามารถใช้งานได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนัน้ จะเสื่อมสลายไปหรือสังเคราะห์พลาสติกที่
จุลนิ ทรียส์ ามารถย่อยสลายได้ ในปจั จุบนั มีวธิ กี าจัดพลาสติกทีใ่ ช้แล้วหลายวิธดี งั นี้
1) ใช้ ปฏิ กิริยาชี วเคมี เนื่องจากพลาสติกส่วนใหญ่มคี วามทนทานต่อการย่อยสลายของ
เอนไซม์จากจุลนิ ทรีย์ นักวิทยาศาสตร์จงึ ได้ค ิดค้นพลาสติกที่มโี ครงสร้างทางเคมีท่สี ามารถถู ก
ทาลายได้ด้วยเอนไซม์ของจุลนิ ทรียพ์ วกแบคทีเรียและเชือ้ รา ตัวอย่างเช่น เซลลูโลสซานเทต และ
เซลลูโลสแอซีเตต หรือการผสมแป้งข้าวโพดในพอลิเอทิลนี แล้วนามาผลิตวัสดุบรรจุภณ ั ฑ์
2) ใช้ ส มบัติการละลายในน้ า พลาสติกบางชนิด เช่น พอลิไวนิล แอลกอฮอล์ส ามารถ
ละลายในน้ าได้เมื่ออยู่ในสิง่ แวดล้อมที่มคี วามชื้นสูง หรืออยู่ในน้ าซึ่งเป็ นตัวทาละลายในธรรมชาติ
เมือ่ อุณหภูมสิ งู ขึน้ พลาสติกจะละลายได้เพิม่ ขึน้
3) ใช้แสงแดด นักเคมีชาวแคนาดาพบว่าการเติมหมูฟ่ งั ก์ชนั ทีไ่ วต่อแสงอัลตราไวโอเลต
เข้าไปในโซ่พอลิเมอร์ เมือ่ พลาสติกถูกแสงแดดจะเกิดสารทีท่ าปฏิกริ ยิ ากับออกซิเจนในอากาศทาให้
พลาสติกเสื่อมคุณสมบัติ เปราะ แตก และหักง่าย
4) ใช้ความร้อน พลาสติกพวกทีเ่ ป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เมือ่ ได้รบั ความร้อนถึง
ระดับหนึ่งจะสลายตัวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ในทีส่ ุดจะได้คาร์บอนไดออกไซด์กบั น้ าหรือสารอื่นซึง่
เป็นพิษปนออกมาด้วย ทัง้ นี้ขน้ึ อยูก่ บั ชนิดของพลาสติก เช่น พอลิเอทิลนี ติดไฟง่าย พอลิสไตรีนเผา
ไหม้ให้ควันดาและเขม่ามาก ส่วนพอลิเวนิลคลอไรด์ตดิ ไฟยากต้องให้ความร้อนตลอดเวลาและมี
แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ซง่ึ เป็นแก๊สพิษเกิดขึน้ ด้วย การเผาเป็นวิธกี าจัดพลาสติกทีร่ วมเร็ว แต่ม ี
ข้อเสียคืออาจเกิดสารพิษทีก่ ่อให้เกิดภาวะมลพิษทางอากาศได้
2.7 บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. (2549) หนังสือเรียน
สาระการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่ มเติ ม เคมี เล่ม 5. พิมพ์ครัง้ ที่ 2; กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุ
สภาลาดพร้าว.
บริษทั อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จากัด (มหาชน). (2550).สารอะโรมาติ กส์ เฉลิ มพระเกียรติ
ตะวัน สุขน้ อย. พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพฯ
สืบค้นออนไลน์จาก http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/sunshine/SUN-2.htm
สืบค้นออนไลน์จากhttp://std.kku.ac.th/4930406251/PRODUCTION/
PROCESS_PRODUCTION.htm
สืบค้นออนไลน์จาก http://www.chevronthailand.com/energy.asp
การไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย. (2547). ถ่านหิ น. [ออน-ไลน์]. แหล่งทีม่ า:
http://www.egat.co.th/fuel/lignite/coal.html
______. (2547). การทาเหมืองถ่านหิ น. [ออนไลน์]. แหล่งทีม่ า:
http://www.egat.co.th/fuel/lignite/mining2.html
กรมเชือ้ เพลิงธรรมชาติ. (2547). เทคโนโลยีถ่านหิ นสะอาด. [ออนไลน์]. แหล่งทีม่ า:
htpp://www.dmf.go.th/petro_focus/ coal.diagram.htm.
______. (2547). ปริ มาณสารองถ่านหิ น. [ออนไลน์]. แหล่งทีม่ า:
htpp://www.dmf.go.th/petro_focus/coal.reservation.htm.
Associated Mining Consultants Limited. (2005). Open Pit Mining. [On-line]. Available:
http://www.amcl.ca/images/ verticalimages-4.jpg
Australian Coal Association. (2005). Coal Mining Method. [On-line]. Available:
http://www.australiancoal.com.au/methods.htm