Professional Documents
Culture Documents
14051923232225
14051923232225
เสียงในภาษาไทย
เสียงในภาษา หมายถึง เสียงที่มนุษยเปลงออกมาเพื่อสื่อความหมายระหวางกัน ซึ่งการที่เสียงในภาษาจะเกิดขึ้น
ไดนั้น ก็ตองอาศัยอวัยวะตาง ๆ ที่ทําใหเกิดเสียง สําหรับอวัยวะทีท่ าํ ใหเกิดเสียง ไดแก ริมฝปาก ปุมเหงือก ฟน ลิ้น
เพดานปาก ลิ้นไก กลองเสียง หลอดลม และปอด
ขอสังเกต
จากการที่สระเดี่ยวมี ๑๘ เสียง เมื่อรวมกับสระประสมอีก ๖ เสียง ก็จะพบวามีแคเพียง ๒๖ เสียง ทั้งทีต่ อน
เรียนมาคุณครูสอนวาเสียงสระ มีทงั้ หมด ๓๒ เสียง... อาวแลวเสียงสระหายไปไหนอีก ๘ เสียงหละเนี่ย ?
คําตอบก็คือ... นอกจากเสียงสระทั้ง ๒๔ เสียงนี้แลว ยังมีรูปสระอีก ๘ รูป ที่ไมรวมอยูในเสียงขางตน ซึ่งสาเหตุที่
มันไมถูกรวมอยูดวยก็เพราะ สระเหลานีม้ ีเสียงซ้ํากับเสียงแทนั่นเอง แถมยังมีเสียงพยัญชนะประสมอยูดวย สําหรับสระ
๘ รูปจําพวกนี้เรียกวา “สระเกิน” ไดแก “อํา ไอ ใอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ” ดังนี้
อํา = อะ + ม (เกิดจากเสียงสระอะ ผสมกับเสียงพยัญชนะ ม.มา)
ไอ = อะ + ย (เกิดจากเสียงสระไอ ผสมกับเสียงพยัญชนะ ย.ยักษ)
ใอ = อะ + ย (เกิดจากเสียงสระใอ ผสมกับเสียงพยัญชนะ ย.ยักษ)
เอา = อะ + ว (เกิดจากเสียงสระเอา ผสมกับเสียงพยัญชนะ ว.แหวน)
ฤ = ร + อึ (เกิดจากเสียงพยัญชนะ ร.เรือ ผสมกับเสียงสระอึ)
ฤๅ = ร + อื (เกิดจากเสียงพยัญชนะ ร.เรือ ผสมกับเสียงสระอี)
ฦ = ล + อึ (เกิดจากเสียงพยัญชนะ ล.ลิง ผสมกับเสียงสระอึ)
ฦๅ = ล + อื (เกิดจากเสียงพยัญชนะ ล.ลิง ผสมกับเสียงสระอี)
3
เสียงและรูปสระ
สระลดรูป - สระเปลี่ยนรูป
สระในภาษาไทย เมื่อนําไปประสมกับพยัญชนะเพื่อใหเกิดพยางคหรือคํา จะมีวิธีใช ๓ แบบ คือ
๑. นําสระไปใชไดทันที เชน จะ พา ไป เที่ยว สวน เงาะ
๒. เปลี่ยนรูปเมื่อมีตัวสะกด ไดแก
๓. ลดรูปเมื่อมีตัวสะกดไดแก
4
การเขียนรูปสระ
การเขียนรูปสระในภาษาไทย มีดังนี้
๑. เขียนหนาพยัญชนะ เชน เป แก โอ ใช ไหม
๒. เขียนหลังพยัญชนะ เชน จะ มา ขอ กวน หนอย
๓. เขียนเหนือพยัญชนะ เชน วิ ธี ฝก ปรือ ครับ ก็
๔. เขียนใตพยัญชนะ เชน คุณ หนู
๕. เขียนหนาและหลังพยัญชนะ เชน เละ และ โปะ เรา เกาะ เธอ เลอะ
๖. เขียนเหนือและหลังพยัญชนะ เชน จํา ตัว ผัวะ
๗. เขียนหนาและเหนือพยัญชนะ เชน เห็น เกิด เทิด
๘. เขียนหนา เหนือ และหลังพยัญชนะ เชน เสีย เกี๊ยะ เรือ
๒.) เสียงพยัญชนะ หรือเสียงแปร คือ เสียงที่เปลงออกมาจากลําคอ แลวกระทบกับอวัยวะสวนใดสวนหนึ่งใน
ปาก เชน คอ ปุมเหงือก ฟน ริมฝปาก ซึ่งทําใหเกิดเปนเสียงตาง ๆ กัน โดยพยัญชนะไทยมี ๒๑ เสียง ๔๔ รูป
ดังตอไปนี้
พยัญชนะ ๒๑ เสียง พยัญชนะ ๔๔ รูป
๑. ก ก
๒. ค ขฃคฅฆ
๓. ง ง
๔. จ จ
๕. ช ชฌฉ
๖. ซ ซศษส
๗. ด ดฎ
๘. ต ตฏ
๙. ท ทธฑฒถฐ
๑๐. น นณ
๑๑. บ บ
๑๒. ป ป
๑๓. พ พภผ
๑๔. ฟ ฟฝ
๑๕. ม ม
๑๖. ย ยญ
๑๗. ร ร
๑๘. ล ลฬ
๑๙. ว ว
๒๐. ฮ ฮห
๒๑. อ อ
5
อักษรควบ - อักษรนํา
มาตราตัวสะกด
6
ทบทวนความรู : บอกเสียงของพยางคในประโยคตอไปนี้
เสียงวรรณยุกต
ประโยค
สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
หัวลานไดหวี - - ได ลาน หัว / หวี
ดินพอกหางหมู ดิน - พอก - หาง / หมู
แผนดินกลบหนา ดิน แผน / กลบ หนา - -
ฝนตกขี้หมูไหล ฝน / หมู /
- ตก ขี้ -
ไหล
ขี่ชางจับตั๊กแตน แตน ขี่ / จับ - ชาง / ตั๊ก -
7
เสียงวรรณยุกต
ลักษณะของเสียงดนตรี หรือเสียงวรรณยุกต
๑. เปนเสียงที่มีระดับเสียงสูงต่ํา เหมือนเสียงดนตรี
๒. เสียงวรรณยุกต ทําใหคํามีความหมายแตกตางกันไป เชน เสือ เสื่อ เสื้อ
๓. เสียงวรรณยุกตมี ๔ รูป คือ
รูป เรียกวา ไมเอก
รูป เรียกวา ไมโท
รูป เรียกวา ไมตรี
รูป เรียกวา ไมจัตวา
และมี ๕ เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา
พยางคในภาษาไทย
พยางค หมายถึง เสียงที่เปลงออกครั้งหนึ่ง ๆ โดยเสียงนั้นจะมีความหมายหรือไมมีความหมายก็ได โดยเสียงที่
เปลงออกมา ๑ ครั้ง เรียกวา ๑ พยางค หรือถาเปลงเสียงออกมา ๒ ครั้ง เรียกวา ๒ พยางค เชน
ประวัติศาสตร อานวา ประ-หวัด-ติ-สาด มีจํานวน ๔ พยางค
สวรรค อานวา สะ-หวัน มีจํานวน ๒ พยางค
8