You are on page 1of 14

แบบทดสอบเรื่อง การสังเคราะห์ดว้ ยแสงและการสืบพันธุ์ของพืชดอก

จงศึกษาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามข้อ 1 – 2
ก. พืชใช้ CO2 เป็ นวัตถุดบิ ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ข. ผลจากปฏิกริ ยิ าสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ออกซิเจน
ค. คลอโรฟิ ลล์เป็ นสารดูดพลังงาน
ง. พืชดูดแสงสีต่าง ๆ ในปริมาณไม่เท่ากัน
1. “ พืชสีเขียวบรรจุในตู้กระจกปิ ดมิดชิด น้ าหนักจะไม่เพิม่ ขึน้ ถ้าในตู้ไม่มสี ตั ว์อยู่ดว้ ย ” จาก
ปรากฏการณ์น้ยี นื ยันข้อเท็จจริงในข้อใด
2. “ เมื่อนาถ่านก้อนเล็ก ๆ หย่อนลงไปในขวดแก้วซึ่งมีน้ า คลอโรพลาสต์ซ่งึ สกัดจากพืชและ
สารประกอบอื่น ๆ พบว่าถ่านติดไฟได้ ” จากปรากฎการณ์น้ยี นื ยันข้อเท็จจริงในข้อใด
3. สมการข้างล่างทัง้ สองนี้
CO2 + H2 O* + พลังงาน กลูโคส + O2 * + น้ า
CO2 * + H2 O + พลังงาน กลูโคส + O2 + น้ า

เป็ นหลักฐานทีย่ นื ยันว่า


ก. ออกซิเจนทีเ่ กิดขึน้ ได้จาก CO2 ทีพ่ ชื ใช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ข. ออกซิเจนในโมเลกุลของกลูโคสได้จากน้ า ซึ่งใช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ค. ออกซิเจนในโมเลกุลของน้าทีเ่ กิดขึน้ ได้มาจาก CO2 ทีใ่ ช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ง. ออกซิเจนทีเ่ กิดขึน้ ได้มาจากน้าทีใ่ ช้ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
4. จากการทดสอบหาแป้ งในใบด่างสีเขียว ขาว พบว่า บริเวณทีม่ สี ขี าวไม่มแี ป้ ง การทดลองนี้
อธิบายข้อใดต่อไปนี้ได้ดที สี่ ุด
ก. แสงจาเป็ นสาหรับการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ข. ตาแหน่งทีม่ กี ารสังเคราะห์ดว้ ยแสงคือใบ
ค. คลอโรฟิ ลล์จาเป็ นต่อสาหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง
ง. บริเวณทีม่ สี ขี าวมีการหายใจ
5. กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืชเกิดขึน้ ในเวลาใด
ก. เฉพาะกลางวันทีม่ แี ดดจัด ข. ตลอดเวลาทีม่ แี สงสว่าง
ค. กลางคืนน้อยกว่ากลางวัน ง. กลางวันเท่านัน้

6. พืชชัน้ สูงสามารถสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้ดที สี่ ุด เมื่อได้รบั แสงสีใด


ก. สีฟ้าและสีสม้ ข. สีสม้ และสีแดง
ค. สีฟ้าและสีแดง ง. สีแดงและสีสม้
7. ทีใ่ ต้ต้นไม้ใหญ่ทมี่ ใี บหนาแน่นมาก ๆ มักจะไม่พบหญ้าขึน้ อยู่บริเวณรอบ ๆ โคนต้น ทัง้ นี้
เพราะเหตุใด
1
ก. มีความชุ่มชื้นมาก ข. มี CO2 น้อย
ค. มีอาหารน้อย ง. มีแสงสว่างน้อย
8. ถ้าความเข้มข้นของ CO2 เป็ นสิง่ จากัดอัตราการสังเคราะห์ดว้ ยแสง เมื่อวัดทีค่ วามเข้มแสงต่า
การเพิม่ ความเข้มแสงเป็ น 2 เท่า อัตราการสังเคราะห์ดว้ ยแสงจะ
ก. เพิม่ 2 เท่า ข. เพิม่ น้อยกว่า 2 เท่า
ค. ลดต่ากว่าเดิม ง. คงเดิม
9. ในการศึกษาเกี่ยวกับรูปร่าง การจัดเรียงตัวของใบรอบลาต้นเพื่อรับแสงแดดและลักษณะโครง
สร้างภายในของใบตัดตามขวาง พบว่ามีความสอดคล้องกันในการช่วยให้มปี ระสิทธิภาพของ
การสังเคราะห์ด้วยแสงเป็ นอย่างดี ข้อใดแสดงความสอดคล้อง ดังกล่าว
ก. ทุกใบได้รบั แสงสว่างเท่า ๆ กัน และด้านหลังรับแสงสว่างมีกลุ่มแพลิเซดเซลล์เรียงตัว
หนาแน่น
ข. ก้านใบทุกใบพยายามชูใบขึน้ มาให้เสมอกัน และมีกลุ่มเซลล์ไซเลม โฟลเอมจานวนมาก
ค. แผ่นใบเรียบมัน สะท้อนแสงได้ดแี ละมีควิ ติเคิลหนามาก กลุ่มเซลล์ภายในใบกระจัดกระจาย
ง. ใบมีต่อมขนมาก ป้ องกันการเกาะจับของน้ ามันและมีเซลล์คุมทีเ่ อพิเดอร์มสิ ด้านรับแสงสว่าง
10. เพราะเหตุใดจึงตัง้ ตู้เลี้ยงปลาไว้รมิ หน้าต่าง และปลูกต้นไม้น้ าไว้ดว้ ย
ก. ทาให้ตู้เลี้ยงปลาเหมือนธรรมชาติ
ข. เมื่อพืชสังเคราะห์ดว้ ยแสงให้ O2 แก่ปลา
ค. พืชจะใช้ CO2 ทีป่ ลาหายใจออกมาเพื่อสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ง. ปลาและพืชจะแลกเปลีย่ น O2 และ CO2 ซึ่งกันและกัน
11. เมื่อตัดใบหูกวางตามขวาง ส่องดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ เราสามารถแยกได้ว่าด้านใดเป็ นด้านบน
ของใบ โดยดูจากกลุ่มเซลล์
ก. เอพิเดอร์มสิ ข. สปั นจีเซลล์
ค. แพลิเซดเซลล์ ง. เซลล์คุม
12. คาร์โบไฮเดรตทีพ่ ชื สังเคราะห์ขน้ึ เกิดจากปฏิกริ ยิ าของ
ก. คาร์บอนไดออกไซด์รวมตัวกับน้ า
ข. คาร์บอนไดออกไซด์รวมตัวกับไฮโดรเจนจากน้ า
ค. คาร์บอนไดออกไซด์รวมตัวกับออกซิเจนและไฮโดรเจนจากน้ า
ง. คาร์บอนรวมตัวกับไฮโดรเจนและออกซิเจนจากน้ า

13. โพรทิสต์คู่ใดทีม่ คี วามสามารถใช้พลังงานแสงได้คล้ายพืชสีเขียว

2
ก. ยีสต์ , ไลเคน ข. ราขนมปั ง , สาหร่ายสีน้ าตาล
ค. แบคทีเรียบางชนิด , นอสตอก ง. ราเมือก , ยูกลีนา
14. จากข้อมูลในกราฟข้างบนแสดงให้เห็นว่าต้องการพิสูจน์สมมุตฐิ านในข้อใด
ก. ความเข้มข้นของแสงมีบทบาทน้อยกว่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในการเพิม่ อัตราการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสง
ข. ความเข้มข้นของแสงมีบทบาทเท่ากับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในการเพิม่ อัตราการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสง
ค. ความเข้มข้นของแสงและปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มบี ทบาทต่ออัตราการสังเคราะห์ดว้ ย
แสง
ง. ความเข้มข้นของแสงมีบทบาทมากกว่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในการเพิม่ อัตราการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสง
15. จากภาพ คาร์บอนไดออกไซด์มอี อกซิเจนธรรมดา แต่น้ าจะมีออกซิเจนซึง่ เป็ นกัมมันตภาพรังสี
คือ O18 เมื่อปล่อยให้กระบวนการต่าง ๆ ดาเนินไประยะเวลาหนึ่ง

ก. ออกซิเจนทีอ่ อกมาเป็ น O18


ข. ออกซิเจนเป็ น O18 และออกซิเจนใน CO2 บางส่วนเป็ น O18
ค. ออกซิเจน , ออกซิเจนใน CO2 บางส่วน และออกซิเจนในสารประกอบอินทรียบ์ างส่วนใน
สาหร่ายเป็ น O18
ง. ออกซิเจน และออกซิเจนในสารประกอบอินทรียบ์ างส่วนในสาหร่ายเป็ น O18
16. ในการเขียนสมการแสดงการสังเคราะห์ดว้ ยแสงในพืชข้อใดถูกต้องทีส่ ุด
แสง
คลอโรพลาสต์ 3
ก. 6CO2 + 6H2O C6 H12 O6 + 6O2

ข. 6CO2 + 12H2O แสง C6 H12 O6 + 6O2 + 6H2O


คลอโรฟิ ลล์
ค. 6CO2 + 12H2O แสง C6 H12 O6 + 6O2 + 6H2O
คลอโรพลาสต์
ง. 6CO2 + 12H2O แสง C6 H12 O6 + 6O2 + 6H2O
เซลล์พืช

17. ภาพแสดงกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงในข้อใดถูกต้อง

18. CO2 เข้ามาร่วมในปฏิกริ ยิ าการสังเคราะห์ดว้ ยแสงในช่วงใด


ก. การถ่ายทอดอิเล็กตรอน ข. วงจรคัลวิน
ค. Hill reaction ง. Light reaction
19. Hill reaction คล้ายกับกระบวนการหายใจแบบใช้ออกซิเจนในข้อใด
ก. ใช้ O2 ข. ใช้ H2O ค. ได้ CO2 ง. ได้ ATP
20. ในวัฏจักรคัลวินของกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงนัน้ CO2 ทาปฏิกริ ยิ ากับสารใด
ก. ribulose bisphosphate ข. Phosphoglycerric acid
ค. phosphoglyceraldehyde ง. Hydrogen
21. Light reaction ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงนัน้ พลังงานแสงจะถูกเก็บไว้ในสารใด
ก. ATP ข. NADPH ค. โมเลกุลของกลูโคส ง. ATP และ NADPH

22. ผลการทดลองทีไ่ ด้จากพืชสีเขียวโดยให้ 14CO2 แก่พชื แล้วตรวจหา 14C ทีม่ อี ยู่ใน PGA และ
RuBP พบว่าปริมาณของ PGA เพิม่ ขึน้ ส่วน RuBP ลดลง แต่เมื่อดูด CO2 ออกผลปรากฏดัง
ภาพ แสดงว่า
4
ก. PGA เปลีย่ นเป็ นสารอื่น
ข. RuBP จะเปลีย่ นเป็ นสารอื่นได้จะต้องได้รบั CO2
ค. RuBP ไม่ต้องมี CO2 ก็เปลีย่ นเป็ นสารอื่นได้
ง. PGA ได้รบั CO2 เท่านัน้ จึงเปลีย่ นเป็ นสารอื่น

23. หน้าทีข่ อง NADP ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงคือข้อใด


ก. สลายโมเลกุลของน้า ข. สร้าง ATP
ค. นาไฮโดรเจน ง. กระตุ้นในการสร้างคลอโรฟิ ลล์
24. ใน CO2 fixation ของกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ไฮโดเจนจะทาปฏิกริ ยิ ากับสารใด
ก. RuBP ข. G3P ค. PGA ง. NADP+
25. สารประกอบทีอ่ ยู่ตวั ชนิดแรกทีน่ ับว่าเป็ นผลลัพธ์ของการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช คือ
ก. ATP และ NADPH + H+ ข. กลูโคส
ค. PGA ง. G3P
26. จากแผนภาพคลอโรพลาสต์ การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็ นวัฏจักรเกิดขึน้ ทีบ่ ริเวณใด ( a – d )

ก. a แห่งเดียว
ข. a และ b
ค. c และ d
ง. d แห่งเดียว
27. สารประกอบอินทรียท์ ี่เป็ นสารตัง้ ต้นในกระบวนการคาร์บอนไดออกไซด์ฟิกเซซันคื
่ อ
ก. PGA ข. RuBP ค. RuBP และ CO2 ง. RuBP และ PGA
28. การสลายตัวของโมเลกุลน้าเพื่อให้ได้อเิ ล็กตรอนไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง อยู่
บริเวณใดของพืช
ก. ภายในคลอโรพลาสต์ ข. กรานุม
ค. สโตรมา ง. สโตรมาลาเมลลา

29. ในปฏิกริ ยิ าแสงของการสังเคราะห์ดว้ ยแสง การถ่ายทอดอิเล็กตรอน แบบเป็ นวัฏจักรแตกต่าง


จากการถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็ นวัฏจักรอย่างไร
ก. แบบแรกให้เฉพาะ NADPH ส่วนแบบหลังให้ NADPH และ ATP
ข. แบบแรกให้เฉพาะ ATP ส่วนแบบหลังให้ NADPH และ ATP
ค. แบบแรกให้ NADPH และ ATP ส่วนแบบหลังให้เฉพาะ ATP

5
ง. แบบแรกให้ NADPH และ ATP ส่วนแบบหลังให้เฉพาะ NADPH
30. ข้อใดเป็ นปฏฺกริ ยิ าโฟโตลิซสิ
ก. H2 O H+ + OH-
ข. H2 O H+ + OH- + 2e
ค. 2H2 O 2H2 + 2e- + O2
ง. 2H2 O 4H+ + 4e- + O2
31. ลาดับการถ่ายทอดอิเล็กตรอนในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงเป็ นอย่างไร
ก. NADP+ รงควัตถุระบบ 1 ระบบ 2 H2 O
ข. H2 O รงควัตถุระบบ 1 ระบบ 2 NADP+
ค. H2 O รงควัตถุระบบ 2 ระบบ 1 NADP+
ง. H2 O NADP+ รงควัตถุระบบ 1 ระบบ 2
32. การทาให้วฏั จักรของคัลวินดาเนินไป 1 รอบ ( หรือเทียบได้เท่ากับการตรึง CO2 1 โมเลกุล ) ใช้
พลังงานโดยเฉลีย่ เท่ากับ
ก. 3 NADPH + 3 ATP ข. 3 NADPH + 2ATP
ค. 2 NADPH + 3 ATP ง. 12ATP
33. ข้อใดจัดเป็ นข้อด้อยสาหรับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
ก. ใช้สงิ่ มีชวี ติ เพียงตัวเดียว ข. ลูกทีเ่ กิดมามีลกั ษณะเหมือนกันหมด
ค. ลูกทีเ่ กิดมาอยู่ใกล้ตวั แม่มากเกินไป ง. ลูกมีการกระจายพันธุ์ได้ดพี อประมาณ
34. ประโยชน์ทสี่ าคัญสาหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช คือ
ก. ได้ต้นใหม่มจี านวนมากมายในเวลาอันสัน้ ข. ได้ลกั ษณะของพืชใหม่ ๆ
ค. พืชเจริญเติบโตได้เร็วหลังจากนามาปลูกลงดิน
ง. ปราศจากเชื้อโรครบกวนตลอดชีวติ พืช
35. ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช พืชเหล่านัน้ จะได้อาหารจากทีใ่ ด
ก. จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ข. จากอาหารสังเคราะห์ที่เลี้ยง
ค. จากเซลล์แรกทีน่ าไปเลี้ยง ง. จากธรรมชาติเหมือนพืชอื่น ๆ

36. ภายใน Embryo sac ของพืชมีดอกส่วนมาก ประกอบด้วย


ก. Ovule , Synergids , Polar nuclei
ข. Ovule , Antipodal cell , Synergids , Polar nuclei
ค. Egg , Antipodal cells , Synergids , Polar nuclei
ง. Egg , Synergids , Polar nuclei
37. ถุงเอ็มบริโอของพืชดอก เมื่อเทียบกับพืชไร้ท่อลาเลียงหรือพืชมีท่อลาเลียงชัน้ ต่า คือ
โครงสร้างใด

6
ก. Megasporangium ข. Archegonium
ค. Megaspore ง. Mature female gemetophyte
38. ส่วนใดถือว่าเป็ นแกมีโตไฟต์ของพืชดอก
ก. รังไข่ ข. ออวูล ค. ถุงเอ็มบริโอ ง. นิวเคลียสอสุจิ
39. ในการสืบพันธุ์แบบสลับของพืชจะต้องมี
ก. พืชสองชนิด คือ ชนิดสปอรโรไฟต์ซง่ึ มีโครโมโซม 2 ชุด กับชนิดแกมีโทไฟต์ ซึ่งมี
โครโมโซม 1 ชุด สลับกัน
ข. พืชสองชนิด คือ ชนิดสปอร์โรไฟต์ซง่ึ มีโครโมโซม 1 ชุด กับชนิดแกมีโทไฟต์ ซึ่งมี
โครโมโซม 2 ชุด สลับกัน
ค. อาจเป็ นพืชชนิดเดียวกันก็บได้ แต่จะต้องมีส่วนสร้างสปอแรงเกียมกับแกมีแทนเกียม
สลับกัน
ง. อาจเป็ นพืชชนิดเดียวกันก็ได้ แต่ต้องสร้างอารคีโกเนียมและแอนเทอริเดียมสลับกัน
40. ในระยะทีล่ ะอองเรณูสร้างหลอดละอองเรณูย่นื เข้าสู่ก้านชูยอดเกสรตัวเมียจะมีนิวเคลียสจานวน
เท่าใด และในการเจริญของเซลล์แม่ของเมกะสปอร์ไปเป็ นถุงเอ็มบริโอมีการแบ่งไมโทซิสกี่ครัง้
ก. 1 นิวเคลียส , 1 ครัง้ ข. 2 นิวเคลียส , 2 ครัง้
ค. 3 นิวเคลียส , 4 ครัง้ ง. 4 นิวเคลียส , 4 ครัง้
41. ข้อแตกต่างระหว่างแกมีโตไฟต์และสปอโรไฟต์ของพืชมีดอกคือข้อใด
ก. ขนาด และอายุ ข. ขนาดและจานวนโคโมโซม
ค. อายุ และจานวนโครโมโซม ง. ขนาด อายุ และจานวนโครโมโซม
42. ละอองเรณู หมายถึงอะไร
ก. เซลล์ทไี่ ด้จากการแบ่งตัวแบบไมโอซิสของไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์
ข. เซลล์ทไี่ ด้จากการแบ่งตัวแบบไมโทซิสของนิวเคลียสในไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์
ค. เซลล์ทไี่ ด้จากการแบ่งตัวแบบไมโอซิสของไมโครสปอร์
ง. เซลล์ทไี่ ด้จากการแบ่งตัวแบบไมโทซิสของนิวเคลียสในไมโครสปอร์

43. การสร้างเซลล์สบื พันธุ์เพศเมียของพืชมีดอกและสัตว์ชนั ้ สูง มีความแตกต่างกันในเรื่องใด


ก. จานวนเซลล์ทไี่ ด้จากการแบ่งเซลล์ดพิ ลอยด์
ข. จานวนครัง้ ของการแบ่งไมโอซิสของเซลล์ดพิ ลอยด์
ค. จานวนครัง้ ของการแบ่งไมโทซิสของเซลล์แฮพลอยด์และไมโอซิสของเซลล์ดพิ ลอยด์
ง. จานวนเซลล์ทไี่ ด้และจานวนครัง้ ของการแบ่งไมโทซิสของเซลล์ทไี่ ด้จากจานวนเซลล์ดิ
พลอยด์
44. ในถุงเอ็มบริโอของพืช เซลล์ทจี่ ะเจริญเกี่ยวข้องกับการปฏิสนธิคอื
ก. เซลล์ไข่ ข. เซลล์ทมี่ โี พลาร์นิวเคลียส

7
ค. ทัง้ เซลล์ไข่และเซลล์ทมี่ โี พลาร์นิวเคลียส ง. เซลล์ทอี่ ยู่ตรงข้ามกับไมโครไพล์
45. การปฏิสนธิในพืชได้แก่การที่
ก. ละอองเรณูเข้าผสมกับโอวูล
ข. ละอองเรณูเข้าผสมกับเซลล์ไข่
ค. สเปิ รม์ นิวเคลียสตัวที่ 1 เข้าผสมกับเซลล์ไข่
ง. สเปิ รม์ นิวเคลียสตัวที่ 2 เข้าผสมกับโพลาร์นิวเคลียส
46. ลาดับของพืชทีเ่ รียงตามความเด่นของช่วงสปอร์โรไฟต์จากน้อยไปมากคือ
ก. มอส เฟิ น มะม่วง ข. มอส มะม่วง เฟิ น
ค. มะม่วง เฟิ น มอส ง. มะม่วง มอส เฟิ น
47. ถุงเอ็มบริโอ ( Embryo sac ) ของพืชดอกเทียบได้กบั โครงสร้าง ( Structure ) ใด ของพวกเฟิ น
ก. แกมีโทไฟต์ ข. ไซโกต
ค. อวัยวะทีส่ ร้างเซลล์สบื พันธุ์เพศเมีย ( Archegonium ) ง. อับสปอร์ ( Sporangium )
48. น้ าเป็ นปัจจัยสาคัญในการทาให้เกิดปฏิสนธิในพืชชัน้ ต่ เช่น มอส เฟิ น เป็ นต้น สาหรับในพืชมีดอก
และสนนัน้ การปฏิสนธิเกิดขึน้ ได้โดย
ก. การถ่ายละอองเรณู ข. ละอองเรณู
ค. หลอดละอองเรณู ง. สเปิ รม์ นิวเคลียส
49.
ไข่
3
ต้นแกมีโตไฟต์ ไซโกต
ทีเ่ จริญเต็มที่

2 เซลล์สบื พันธุ์เพศผู้ 4
1
สปอร์ ต้นสปอรโรไฟต์ทเี่ จริญเต็มที่
จากแผนภาพวงชีวติ แบบสลับนี้ จะมีการแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิสทีร่ ะยะใด
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
50. เอ็มบริโอของพืชมีดอกคือ
ก. กลุ่มเนื้อเยื่อทีก่ าลังเจริญภายในเยื่อหุม้ เมล็ดทัง้ หมด
ข. กลุ่มเนื้อเยื่อทีก่ าลังเจริญภายในเยื่อหุม้ เมล็ด ยกเว้นใบเลี้ยง
ค. กลุ่มเนื้อเยื่อทีก่ าลังเจริญภายในเยื่อหุม้ เมล็ด ยกเว้นเอนโดสเปิ รม์
ง. กลุ่มเนื้อเยื่อทีก่ าลังเจริญภายในเยื่อหุม้ เมล็ด ยกเว้นใบเลี้ยงและเอนโดสเปิ รม์
51. ส่วนใดทีไ่ ม่ใช่ ส่วนประกอบของเอ็มบริโอของข้าวโพด
ก. ใบเลี้ยง ข. เอนโดสเปิ รม์ ค. เอพิคอทิล ง. แรดิเคิล

8
52. ส่วนใดต่อไปนี้ พบได้ทงั ้ ในเมล็ดละหุ่งและเมล็ดข้าวโพด
ก. เอนโดสเปิ รม์ และไฮโพคอทิล ข. ใบเลี้ยง และแรดิเคิล
ค. เอนโดสเปิ รม์ และใบเลี้ยง ง. เอพิคอทิล และเยื่อหุม้ เอพิคอทิล
53. ในการงอกของเมล็ดถัวด ่ า ข้อใดแสดงลาดับของส่วนที่ปรากฎให้เห็นได้ถูกต้อง
ก. เอพิคอทิล ไฮโพคอทิล รากแก้ว ข. ไฮโพคอทิล รากแก้ว
เอพิคอทิล
ค. รากแก้ว เอพิคอทิล ไฮโพคอทิล ง. รากแก้ว ไฮโพคอทิล เอพิคอทิล
54. เนื้อเยื่อบริเวณใดของเอ็มบริโอของพืชทีม่ บี ทบาทมากทีส่ ุด ในการเริม่ ต้นทาให้เมล็ดเริม่ งอกเป็ นต้น
กล้า
ก. แรดิเคิล ข. ไฮโพคอทิล ค. เอพิคอทิล ง. พลูมูล
55. ถ้านาเมล็ดถัวด ่ ามาเพาะลงในกะบะดิน จะพบการเจริญเป็ นอย่างไร
ก. ไฮโพคอทิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อชูลาต้นขึน้ ไปในอากาศเพื่อให้พชื ได้รบั แสง
ข. แรดิเคิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อเจริญต่อไปเป็ นรากเพื่อยึดดิน และช่วยดูดน้ าและเกลือแร่
ค. เอพิคอทิลจะงอกออกมาก่อนเพื่อให้พชื ได้สร้างใบใช้ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
ง. แรดิเคิลและไฮโพคอทิลจะงอกออกมาพร้อม ๆ กันเพื่อจะมีรากเจริญลงไปในดินและต้น
เจริญขึน้ ในอากาศ
56. ถ้าใส่สารเคมีบางชนิดไปทาลายไมโครทูบูลของเซลล์พชื ทีก่ าลังแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส และอยู่ใน
ระยะเมตาเฟส แล้วปล่อยให้การแบ่งเซลล์ดาเนินต่อไปจะมีผลอย่างไร
ก. เซลล์พชื ไม่มกี ารสร้างเซลล์เพลต จึงทาให้ไม่แบ่งออกเป็ น 2 เซลล์
ข. เซลล์พชื ไม่มกี ารแบ่งนิวเคลียสจึงไม่มกี ารแบ่งเซลล์ออกเป็ น 2 เซลล์
ค. เซลล์พชื มีการแบ่งตามปกติและได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ ทีม่ จี านวนโครโมโซม
ง. เซลล์พชื มีการแบ่งตามปกติ แต่เซลล์หนึ่งมีโครโมโซม ส่วนอีกเซลล์หนึ่งไม่มโี ครโมโซม

9
1. ก 24. ข 70. ก
2. ข 71. ง
3. ง 72. ข
73. ค
74. ค 97. ข

7. ค 30. ก 99. ค
8. ข 31. ง
9. ค
10. ง

35. ค 58. ค 81. ง


59. ข 105. ค

39. ค
40. ค
41. ค

43. ก 89. ง
67. ข 90. ข
68. ง 91. ข

10
12. เฉลยข้อ ข
เหตุผล การสื บพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศ ทาให้ สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาใหม่ มีลักษณะ
เหมือนตัวเดิมหากเป็ นลักษณะที่ไม่ดีจะมีลกั ษณะเหมือน ๆ กันหมด
13. เฉลยข้อ ก
เหตุผล ประโยชน์ที่สาคัญของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือ การได้ปริ มาณพืชจานวน
มากมายตามความต้องการ เช่น เป็ นแสนเป็ นล้านต้นพร้อมกัน ในขณะที่
วิธีอื่นจะได้จานวนพืชมากมายเช่นนี้ตอ้ งใช้เวลานานกว่าจะขยายพันธุ์ได้
14. เฉลยข้อ ข
เหตุผล ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จะต้องให้อาหารสังเคราะห์แก่เนื้อเยื่อเหล่านั้น ไม่ว่าจะ
เป็ นฮอร์โมน กรดอะมิโน เอนไซม์หรื ออาหารอื่น ๆ
15. เฉลยข้อ ค
เหตุผล ภายใน Embryo sac ของพืชดอกส่ วนประกอบด้วยเซลล์ ต่าง ๆ คือ
1. Egg , 3 Antipodal cells
2. Synergids
3. Polar nuclei ดังภาพ

16. เฉลยข้อ ข.
เหตุผล ภายในถุงเอ็มบริ โอของพืชดอก มีไข่เช่นเดียวกับ Archegonium พืชชั้นต่า
17. เฉลยข้อ ค
เหตุผล แกมีโตไฟต์ของพืช ดอก คือ ถุงเอ็มบริ โอถือเป็ นแกมีโตไฟต์ของเพศเมีย
18. เฉลยข้อ ก
เหตุผล การสืบพันธุ์สลับของพืช หมายถึง การสลับระหว่างช่วงแกมีโตไฟต์ ซึ่งมี
โครโมโซมเพียง 1 ชุด กับสปอโรไฟต์ซ่ ึงมีโครโมโซม 2 ชุด
19. เฉลยข้อ ค

11
เหตุผล ในระยะที่ละอองเรณูสร้างหลอดละอองเรณูยื่นเข้าไปสู่ กา้ นชูยอดเกสรตัว
เมีย จะมีนิวเคลียส 3 นิวเคลียส คือ 2 สเปิ ร์มนิวเคลียส และ 1 ทิวบ์
นิวเคลียส ส่วนเซลล์แม่ของเมกะสปอร์ไปเป็ นถุงเอ็มบริ โอ มีการแบ่งไมโอซิสได้
4 เซลล์ 3 ใน 4 เซลล์สลายไป เหลือเซลล์เดียว เรี ยกว่า เมกะ สปอร์นิวเคลียสในเม
กะสปอร์จึงแบ่งไมโทซิส 3 ครั้ง 8 นิวเคลียส
20. เฉลยข้อ ง
เหตุผล ความแตกต่างระหว่างแกมีโตไฟต์ และสปอร์โรไฟต์ของพืชดอก ขึ้นกับ
1. ขนาดแกมีโตไฟต์ลดรู ปลงมาเหลือเพียงดอกอยู่บนต้นสปอโรไฟต์
2. อายุ แกมีโตไฟต์มีอายุนอ้ ยและสั้นกว่าต้นสปอร์โรไฟต์
3. จานวนโครโมโซมของแกมีโตไฟต์มี n ส่วนสปอโรไฟต์มี 2n
21. เฉลยข้อ ง
เหตุผล ละอองเรณูเป็ นส่วนที่มี 2 สเปิ ร์มนิวเคลียส 1 ทิวบ์นิวเคลียส ซึ่งทั้งหมด
นั้นเกิดจากไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ แบ่งตัวให้4 ไมโครสปอร์ ไมโคร
สปอร์แต่ละนิวเคลียสจะแบ่งตัวอีก 2 หน จึงได้นิวเคลียสทั้งหมดของ
ละอองเรณู
22. เฉลยข้อ ง
เหตุผล การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียมีดอกในคราวเดียวจะได้ 8 เซลล์ ส่ วนใน
เซลล์สัตว์ได้ 4 เซลล์ การแบ่งไมโทซิสของเซลล์ที่ได้จากเซลล์ดิพลอยด์
นั้น เซลล์สืบพันธุ์พืชแบ่งถึง 3 หน ส่ วนเซลล์สัตว์ไม่มีการแบ่งไมโทซิส
23. เฉลยข้อ ค
เหตุผล ในถุงเอ็มบริ โอของพืชเซลล์ที่จะเกี่ยวข้องกับการปฏิสนธิมีอยู่ 2 พวก คือ
เซลล์ไข่ซ่ ึงปฏิสนธิแล้วจะกลายเป็ นไซโกตกับโพลาร์นิวเคลียส เมื่อ
ปฏิสนธิแล้วกลายเป็ นเอนโอสเปิ ร์ม
24. เฉลยข้อ ค
เหตุผล การปฏิสนธิในพืช คือ การที่สเปิ ร์มนิวเคลียสตัวที่ 1 เข้าผสมกับเซลล์ไข่
โดยเฉพาะในพืชพวกสนสองใบ แต่พืชมีดอกจะมีการผสมของสเปิ ร์ม
นิวเคลียสอีกตัว โดยการผสมกับโพลาร์นิวเคลียสกลายเป็ นเอนโดสเปิ ร์ม
25. เฉลยข้อ ก
เหตุผล ลาดับของพืชที่มีสปอโรไฟต์จากต้นเล็กไปจนกระทัง่ ต้นใหญ่ คือ มอส
เฟิ น มะม่วง
26. เฉลยข้อ ค

12
เหตุผล ถุงเอ็มบริ โอ ( Embryo sac ) ของพืชดอกเทียบได้กบั อวัยวะสร้างเซลล์สืบ
พันธุ์เพศเมีย ( Archegonium ) ของพวกเฟิ นที่มีไข่อยู่ภายในเหมือน ๆ กัน
27. เฉลยข้อ ค
เหตุผล ในพืชดอกไม่อาศัยน้ าเป็ นตัวกลางในการผสมพันธุ์ แต่จะมีท่อให้สเปิ ร์ม
นิวเคลียสไหลไปผสมกับไข่แทนที่จะต้องว่ายน้ าเข้าไปผสมดังภาพ

ภาพแสดงการเกิดละอองเรณูและการงอกหลอดละอองเรณู
28. เฉลยข้อ ก
เหตุผล การแบ่งไมโอซิสจะเกิดที่ระยะที่ 1 ของวงชีวิตแบบสลับเนื่องจากเป็ นการ
แบ่งตัวจากต้นสปอโรไฟต์ที่เจริ ญเต็มที่มีโครโมโซม 2n ไปเป็ นสปอร์มี
โครโมโซม n จากการแบ่งเซลล์โดยลดจานวนโครโมโซมลงครึ่ งหนึ่ง คือ
กระบวนการไมโอซิส
29. เฉลยข้อ ค
เหตุผล เอ็มบริ โอของพืชมีดอก คือ กลุ่มเนื้อเยื่อที่เจริ ญมาจากไซโกต แล้วเจริ ญ
เป็ นเอ็มบริ โอ ส่วนเอนโดสเปิ ร์มเกิดแตกต่างจากไซโกต แล้วใช้เป็ น
อาหารของเอ็มบริ โอ
30. เฉลยข้อ ข
เหตุผล เอนโดสเปิ ร์มใช้เป็ นอาหารของตัวอ่อนไม่ใช่ส่วนของเอ็มบริ โอพืช
13
31. เฉลยข้อ ง
เหตุผล พืชพวกแองจิโอสเปิ ร์มในเมล็ด พบทั้งใบเลี้ยง แรดิเคิล เอนโดสเปิ ร์ เอพิ
คอทิล ยกเว้นในถัว่ เอนโดสเปิ ร์มจะรวมกับใบเลี้ยง และในข้าวโพดจะมี
ทั้งเยื่อหุ้มเอพิคอทิล และเยื่อหุ้มแรดิเคิล
32. เฉลยข้อ ง
เหตุผล การงอกของเมล็ดถัว่ ดาเป็ นไปตามลาดับภาพ

33. เฉลยข้อ ก
เหตุผล ในการงอกของเมล็ดส่ วนแรกที่งอกออกมา คือ แรดิเคิล ซึ่งต่อไปจะกลาย
เป็ นราก ดูดน้ าเข้าสู่ ลาต้น
34. เฉลยข้อ ข
เหตุผล แรดิเคิลต่อไปกลายเป็ นรากจะงอกออกมาก่อน เพื่อดูดน้ า นอกจากนั้น
ขณะที่เมล็ดงอกยังไม่มีการสังเคราะห์ดว้ ยแสง เนื่องจากยังมีอาหารอยู่ใน
เอนโดสเปิ ร์ม
35. เฉลยข้อ ข
เหตุผล เซลล์พืชไมโครทูบูลสร้างใยไมโทติก ( Mitotic spindle ) ดังนั้น เมื่อใส่
สารเคมีทาลายไมโครทูบูล จะไม่เกิดการดึงโครมาทิด แยกออกจากกัน
หรื อไม่มีการแบ่งนิวเคลียสนั่นเอง นิวเคลียสจึงไม่แยกไปคนละข้างของ
เซลล์ จึงไม่แบ่งเซลล์ออกเป็ นสองเซลล์

14

You might also like