Professional Documents
Culture Documents
Tectona Grandis L.f-11
Tectona Grandis L.f-11
โดย
สุทธิ ทองขาว
วิโรจน์ ฤทธาธร
กชพรรณ สุกระ
โสภาวดี มูลเมฆ
วาสินี ศรีปล้อง
ธีรพล ฆังคมณี
ปิติ มังคลางกูร
สานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
กันยายน 2555
ก
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นความส้าคัญและให้การสนับสนุน
งบประมาณส้าหรับการวิจัย เรื่อง “การทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงของสารสกัดจากสัก (Tectona grandis L.f.) ต่อยุงลาย
บ้าน (Aedes aegypti (L.))” และขอขอบคุณ ศ.ดร. ธีรภาพ เจริญวิริยะภาพ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน และ รศ.ดร. อรัญ งามผ่องใส ภาควิชาการจัดการศัตรูพืช คณะ
ทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่ให้ค้าปรึกษาและเอื้อเฟื้อสถานที่ พร้อมทั้ง
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการท้าวิจัยในครั้งนี้ นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้อ้านวยการส้านักงานป้องกัน
ควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ให้การสนับสนุนการด้าเนินงานวิจัย รวมทั้งผู้ร่วมปฏิบัติงานและ
สนับสนุนการด้าเนินงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่มิได้เอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ ที่มีส่วนร่วมในการด้าเนินงานวิจัยครั้งนี้
จนประสบความส้าเร็จ
คณะผู้วิจัย
กันยายน 2555
ค
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ....................................................................................................................................................................................... ก
กิตติกรรมประกาศ....................................................................................................................................................................... ข
สารบัญ .......................................................................................................................................................................................... ค
สารบัญตาราง................................................................................................................................................................................ง
สารบัญภาพ.................................................................................................................................................................................. จ
บทที่ 1 บทน้า
ความส้าคัญและที่มาของปัญหา ............................................................................................................................... 1
วัตถุประสงค์ของการวิจัย........................................................................................................................................... 2
ขอบเขตของการวิจัย................................................................................................................................................... 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ........................................................................................................................................ 3
นิยามศัพท์เฉพาะ ........................................................................................................................................................ 3
บทที่ 2 ทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ทบทวนวรรณกรรม ..................................................................................................................................................... 5
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ..................................................................................................................................................... 9
บทที่ 3 วิธีด้าเนินการวิจัย
การสกัดสารจากสัก................................................................................................................................................... 10
การทดสอบฤทธิ์ในการไล่ของสารสกัดจากสักต่อยุงลายบ้าน ............................................................................ 10
การเก็บรวบรวมข้อมูล.............................................................................................................................................. 12
การควบคุมการวิจัย .................................................................................................................................................. 12
การวิเคราะห์ข้อมูล ................................................................................................................................................... 13
บทที่ 4 ผลการศึกษา............................................................................................................................................................... 14
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผล ........................................................................................................................................................................ 19
อภิปรายผล................................................................................................................................................................. 19
ข้อเสนอแนะ............................................................................................................................................................... 20
บรรณานุกรม.............................................................................................................................................................................. 21
ง
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1 การออกแบบการทดลองส้าหรับทดสอบพฤติกรรมการหลีกหนีสารเคมี ......................................................... 8
ตารางที่ 2 ผลการทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงของสารสกัดจากสักซึ่งสกัดด้วยวิธีแช่ยยุ่ และวิธี Soxhlet ................................... 14
ที่ระดับความเข้มข้นต่าง ๆ ต่อยุงสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการและสายพันธุ์นครศรีธรรมราช
ตารางที่ 3 การเปรียบเทียบประสิทธิผลของสารสกัดจากสัก โดยให้ยุงทดสอบสัมผัสสารสกัดความเข้มข้นต่างกัน..... 15
ตารางที่ 4 ฤทธิ์ไล่ของสารสกัดจากสักต่อยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) สายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ ............................. 16
และสายพันธุ์นครศรีธรรมราช จากการสัมผัสให้สารและไม่ให้สัมผัสสารสกัด
จากวิธีแช่ชุ่ยและวิธี Soxhlet ทีร่ ะดับความเข้มข้นต่าง ๆ
จ
สารบัญภาพ
หน้า
รูปที่ 1 เครื่องมือทดสอบ Excito-Repellency assay........................................................................................................... 4
รูปที่ 2 กล่องทดสอบการต้านทานสารเคมีฆ่าแมลงเชิงพฤติกรรมในยุงพาหะน้าโรคมาลาเรียชนิดพับเก็บได้ (EREC)........8
รูปที่ 3 รูปแบบการหลีกหนีสารเคมีของยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) สายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ................................ 17
ทีม่ ีการให้สัมผัสสาร (บน) และไม่ให้สัมผัสสาร (ล่าง) โดยใช้สารสกัดจากสัก
ทั้งวิธีแช่ยุ่ย และวิธี Soxhlet ที่ระดับความเข้มข้นต่าง ๆ
รูปที่ 4 รูปแบบการหลีกหนีสารเคมีของยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) สายพันธุ์นครศรีธรรมราช ............................. 18
ทีม่ ีการให้สัมผัสสาร (บน) และไม่ให้การสัมผัสสาร (ล่าง) โดยใช้สารสกัดจากสัก
ด้วยวิธีแช่ยยุ่ และวิธี Soxhlet ทีร่ ะดับความเข้มข้นต่าง ๆ
1
บทที่ 1
บทนา
ความสาคัญและที่มาของปัญหา
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อนาโดยแมลง ที่ยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สาคัญของประเทศไทย ในแต่
ละปีจะมีรายงานพบผู้ป่วยเป็นจานวนมาก เฉลี่ยประมาณปีละ 50,000–60,000 คน และพบผู้ป่วยเสียชีวิตในทุกปี
จากสถานการณโรคไขเลือดออกในพื้นที่ภาคใต้ ปี พ.ศ. 2553 มีจานวนผู้ปว่ ยทั้งสิ้น 28,572 ราย (อัตราป่วยเท่ากับ
324.17 ต่อประชากรแสนคน) และผู้เสียชีวิต 60 ราย (อัตราตายเท่ากับ 0.68 ต่อประชากรแสนคน) ซึ่งสูงกว่าภาค
อื่น ๆ เนื่องจากโรคไขเลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) และยังไมมีวัคซีนใช้ป้องกัน การป้องกัน
ควบคุมโรคไขเลือดออกจึงมุ่งเน้นไปที่การควบคุมพาหะนาโรค ซึ่งมียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นแมลงพาหะ
นาโรคไข้เลือดออก (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, 2543) ดังนั้น แนวทางป้องกันการระบาดของโรคไข้เลือดออก คือ
การควบคุมยุงพาหะนาโรค สามารถทาได้หลายวิธี เช่น การทาลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง การป้องกันยุงกัดโดยใช้มุ้ง
การใช้ทายากันยุง การใช้สารฆ่าแมลงแบบพ่นหมอกควัน หรือใช้สารฆ่าแมลงเทมีฟอส (ทรายอะเบท) ฆ่าลูกน้า
ยุงลาย (กรมควบคุมโรค, 2552) ซึ่งการใช้สารฆ่าแมลงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จาก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ทั่วประเทศ ได้สั่งซื้อสารฆ่าแมลงคิดเป็นมูลค่านับพันล้านบาทต่อปี ซึ่งสารออกฤทธิ์ (Active ingredient) ของสาร
ฆ่าแมลงดังกล่าวต้องนาเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบรายงานการสร้างความต้านทานของลูกน้า
ยุงลายต่อสารเคมีดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ (Saelim et al., 2005; Wirth and Georghiou, 1999; Braga et
al., 2004) ดังนั้น การป้องกันไม่ให้ยุงเข้ามากัด น่าเป็นมาตรการที่สาคัญในการควบคุมโรคนี้ ในปัจจุบันมีสารสกัด
จากพืชหลายชนิดที่ได้นามาศึกษา และคาดว่ามีคุณสมบัติในการไล่ยุง ได้แก่ สะเดา (Azadirachta indica A. Juss)
แมงลัก (Ocimum americanum) ขมิ้นชัน (Curcuma longa) มะกรูด (Citrus hystrix) ตะไคร้หอม
(Cymbopogon winterianus) กานพลู (Syzygium aromaticum L.) ข่า (Alpinia galangal L.) ทาย์ม (Thymus
vulgaris L.) (Barnard 1999, Tawansin et al. 2000)
การป้องกันการระบาดของโรคติดต่อนาโดยแมลง โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกนั้น การควบคุมยุงพาหะนา
โรคสามารถทาได้หลายวิธี เช่น การทาลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง การป้องกันยุงกัดโดยใช้มุ้ง การใช้ยาทากันยุง การใช้
สารเคมีกาจัดแมลงพ่นเคมีแบบหมอกควันหรือแบบฝอยละออง และการใช้สารเคมีกาจัดลูกน้ายุงลาย ซึ่งการใช้
สารเคมีกาจัดแมลงดังกล่าวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เห็นได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวง
สาธารณสุข เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัดทัว่ ประเทศ ได้สั่งซื้อสารกาจัด
แมลงคิดเป็นมูลค่านับพันล้านบาทต่อปี ซึ่งสารออกฤทธิ์ (Active ingredient) ของสารเคมีดังกล่าวต้องนาเข้าจาก
ต่างประเทศทั้งหมด เพื่อใช้ในการผลิตสารเคมีกาจัดแมลง นอกจากนี้ ยังพบรายงานการสร้างความต้านทานของ
ทั้งตัวเต็มวัยและลูกน้ายุงลายต่อสารเคมีดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ เมื่อพิจารณามาตรการในการป้องกันการ
ระบาดของยุงลาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่นิยมใช้สารฆ่าแมลงดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉีดพ่นหมอกควัน
หากฉีดพ่นบ่อยๆ ก็จะเป็นตัวเร่งให้ยุงลายสร้างความต้านทานต่อสารเคมีเร็วขึ้นและเพิ่มระดับความต้านทานสูงขึ้น
นอกจากนี้ มีการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการไล่ยุง รูปแบบของสารเคมีไล่แมลงในทางการค้าที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดส่วน
ใหญ่จะประกอบด้วย สาร DEET (N,N-diethyl-3-methylbenzamide) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการไล่ยุงและแมลงกัด
เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาความเป็นพิษต่อมนุษย์หลังจากการใช้ DEET มีความแตกต่างกันไป ตั้งแต่อย่าง
อ่อนถึงรุนแรง (Qui et al. 1998) ดังนั้น การที่จะหลีกเลี่ยงผลที่เป็นอันตรายเหล่านี้ จึงหาสารไล่แมลงที่มาจากสาร
สกัดจากพืชมาแทน DEET
2
1) rear door cover 2) Plexiglas with rubber-sealed door 3) Plexiglas holding frame 4) screened inner chamber
5) outer chamber 6) front panel 7) exit portal
รูปที่ 1 เครื่องมือทดสอบ Excito-Repellency assay
ที่มา: Noosidum et al., 2008
5
บทที่ 2
ทบทวนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
vitiated conditions of pitta & kapha, อาการปวดประสาท (neuralgia), ข้ออักเสบ (arthritis), อาหารไม่ย่อย
(dyspepsia), อาการท้องอืด (flatulence), ไอ (cough), โรคผิวหนัง (skin diseases), โรคเรื้อน (leprosy), ภาวะ
กรดมาก (hyperacidity), อาการปวดระดู (menorrhagia), ระดูขาว (leucorrhoea), แท้งลูก (abortion), ริดสีดวง
ทวาร (hemorrhoids), antibilious and lipid disorders.
Paste made from the wood is used as a ยาขับปัสสาวะ (diuretic), ยาบารุง (stimulant),
hepatic, ยาสมนา (astringent), บรรเทาอาการปวดฟัน (relief from tooth ache)
Wood ash is applied to the swollen eyelids to strengthen the eye sight.
น้ามันที่ได้จากเศษไม้ ใช้รักษาโรคเรื้อนกวาง (eczema)
2. ราก (Root): .ใช้ในการรักษาภาวะไร้ปัสสาวะ (anuria) และกั้นปัสสาวะ (urine retention)
3. ใบ (Leaves): ใช้ในการมุงหลังคา ห้ามเลือด (haemostatic), depurative, ยาแก้อักเสบ (anti-
inflammatory), vulnery, โรคผิวหนัง (skin diseases), โรคเรื้อน (leprosy), puritus, ปากอักเสบ (stomatitis),
indolent ulcers, อาการเลือดไหลไม่หยุด (hemorrhages), การไอเป็นเลือด (Haemoptysis), vitiated
conditions of pitta
4. เมล็ด (Seed): ขับปัสสาวะ (Diuretic), สารทาให้นุ่มและชุมชื้น (emollient), ยาบรรเทาระคาย
(demulcent), โรคผิวหนัง (skin diseases), prurities and in vitiated conditions of vata
น้ามันจากเมล็ดใช้ในการปลูกผม และใช้รักษาโรคเรื้อนกวาง (eczema), ขี้กลาก (ringworm) โรคหิด
(scabies)
5. เปลือก (Bark): โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis), อาการท้องผูก (Constipation), Anthelmentic,
Depurative, ภาวะกรดมาก (hyperacidity), โรคบิด (dysentery), การติดหนอนพยาธิ (verminosis), burning
sensation, โรคเบาหวาน (diabetes), โรคเรื้อน (leprosy), โรคผิวหนัง (skin diseases), leucoderma, อาการปวด
หัว (headache), โรคริดสีดวงทวาร (piles), ยาระบาย (laxative), ยาขับเสมหะ (expectorant), ยาแก้อักเสบ (anti-
inflammatory), ไฟธาตุพิการ (indigestion), ยาขับพยาธิ (expels worms from the body) และ in vitiated
conditions of pitta.
6. ดอก (Flowers): โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis), biliousness, urinary discharge, ยาขับปัสสาวะ
(diuretic), depurative, ยาแก้อักเสบ (anti-inflammatory), burning sensation, dipsia, โรคเรือ้ น (leprosy), โรค
ผิวหนัง (skin diseases), อาการปวดขัดเบา (strangury), โรคเบาหวาน (diabetes) และ vitiated conditions of
pitta and kapha.
น้ามันจากดอกใช้ในการปลูกผม และรักษาโรคหิด (scabies) โรคเรื้อนกวาง (eczema)
Infusion of flowers is taken in congestion of liver.
7. ผล (Fruits): ยาขับปัสสาวะ (diuretic), demulcent, อาการปวดขัดเบา (strangury), นิ่ว (vesicle
calculi), pruritus, ปากอักเสบ (stomatitis)
All the parts of the plant seeds, flowers, fruits, wood, bark, roots, and leaves are useful
either alone or along with other plants for many applications.
องค์ประกอบทางเคมีที่พบในใบสัก
1. Quinones: Tectoquinone, lapachol, deoxylapachol and its isomer, tectoleafoquinone,
anthraquinone – napthaquinone pigment.
2. Steroidal compounds: Squalene, poly isoprene-α -tolyl methyl ether, betulinic acid,
tecto grandone, monoterpene, Apocarotenoids: Tectoionols-A, Tectoionols-B.
3. Glycosides: Anthraquinone glycosides
4. Phenolic acids: Tannic acid, Gallic acid, Ferulic acid, Caffeic acid and ellagic acid.
7
บทที่ 3
วิธีดาเนินงานวิจัย
การวิเคราะห์ข้อมูล
ใช้ Kaplan-Meier survival analysis method ในการวิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลพฤติกรรมการ
ตอบสนองของยุง (Kleinbaum, 1995, Roberts et al. 1997) ซึ่ง Survival analysis ถูกใช้ในการประมาณค่าความ
น่าจะเป็นของเวลาที่ยุงหนีออกจากกล่องทดสอบ (escape time, ET) และเปรียบเทียบความแตกต่างของการ
ตอบสนองในยุงต่อลักษณะการหลีกหนีสารสกัดจากสักในแต่ละระดับความเข้มข้น (Kleinbaum, 1995) โดยดูจาก
รูปแบบการหลบหนีของยุงในแต่ละนาที ซึ่งยุงที่หนีออกจากกล่องทดสอบในแต่ละนาทีก่อนสิ้นสุดการทดสอบ ให้
หมายถึง ยุงที่ตอบสนองและได้รับผลกระทบจากสิ่งเร้า ซึ่งก็ คือ สารไล่ยุง ซึ่งในการวิเคราะห์ survival analysis จะ
เรียกยุงเหล่านี้ว่า deaths ส่วนยุงที่ยังเหลืออยู่ในกล่องทดสอบในแต่ละนาทีนั้น ๆ ถือว่าเป็นยุงที่รอดอยู่ ซึ่งต่อไป
จะเรียกยุงเหล่านี้ว่า survivals ส่วนยุงที่หลงเหลืออยู่ในกล่องทดสอบตามจานวนที่พบจริง จะถูกเรียกว่า
censored (Roberts et al., 1997, Chareonviriyaphap et al. 1997). และหลังจากนั้นแต่ละความเข้มข้นหรือ
วิธีการจะถูกนามาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มและภายในกลุ่มด้วยวิธี log-rank test (Mantel and Haenzel, 1959)
ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ต่อไป
14
บทที่ 4
ผลการศึกษา
การทดสอบฤทธิ์ไล่สารสกัดจากสักจากวิธีแช่ยุ่ยและวิธี Soxhlet ต่อยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) สาย
พันธุ์ห้องปฏิบัติการ (USDA) และสายพันธุ์นครศรีธรรมราช ที่ระดับความเข้มข้น 0.5%, 1%, 2.5%, 5% และ 10%
พบว่า สารสกัดจากสักจากวิธีสกัดทั้งสองวิธีที่ระดับความเข้มข้น 0.5%, 1%, 2.5%, และ 5% เมื่อเปรียบเทียบฤทธิ์
ไล่ยุงทั้งโดยใช้กล่องทดสอบแบบไม่ให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง (มีแผ่นมุ้งลวดตาข่ายกั้น) หรือใช้กล่องทดสอบ
แบบให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง (ไม่มแี ผ่นมุ้งลวดตาข่ายกั้น) พบว่า ฤทธิ์การไล่ยุงระหว่างกล่องควบคุม (ไม่มี
สารสกัด) และกล่องทดสอบ (มีสารสกัด) ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติในยุงลายบ้านทั้งสองสายพันธุ์ แต่พบว่าสาร
สกัดจากสักที่ได้จากวิธี Soxhlet ทีร่ ะดับความเข้มข้น 10% เมื่อทดสอบกับยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ
(USDA) โดยใช้กล่องทดสอบแบบไม่ให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง มีฤทธิ์ในการไล่ยุง โดยผลการไล่ยุงในกล่อง
ควบคุมและกล่องทดสอบมีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสาคัญ (P < 0.05) และฤทธิ์ไล่ยุงโดยใช้กล่อง
ทดสอบแบบให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง พบว่าฤทธิ์การไล่ยุงในกล่องควบคุมและกล่องทดสอบมีความแตกต่าง
กันทางสถิติอย่างมีนัยสาคัญเช่นกัน (P < 0.05) (ตารางที่ 2)
ตารางที่ 2 ผลการทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงของสารสกัดจากสักซึ่งสกัดด้วยวิธีแช่ยยุ่ และวิธี Soxhlet ที่ระดับความ
เข้มข้นต่าง ๆ ต่อยุงสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการและสายพันธุ์นครศรีธรรมราช
สายพันธุห์ ้องปฏิบัตกิ าร (USDA) สายพันธุน์ ครศรีธรรมราช
ความเข้มข้น
วิธีแช่ยุ่ย วิธี Soxhlet วิธีแช่ยุ่ย วิธี Soxhlet
0.5% CN vs CC (0.55) CN vs CC (0.63) CN vs CC (0.55) CN vs CC (0.55)
1.0% CN vs CC (0.15) CN vs CC (1.00) CN vs CC (0.31) CN vs CC (0.98)
2.5% CN vs CC (0.57) CN vs CC (1.00) CN vs CC (0.32) CN vs CC (0.32)
5.0% CN vs CC (0.98) CN vs CC (0.57) CN vs CC (0.98) CN vs CC (0.61)
10% CN vs CC (0.53) CN vs CC (0.54) CN vs CC (0.56) CN vs CC (0.99)
0.5% CN vs TN (0.29) CN vs TN (0.29) CN vs TN (0.29) CN vs TN (0.41)
1.0% CN vs TN (0.94) CN vs TN (0.25) CN vs TN (0.24) CN vs TN (0.25)
2.5% CN vs TN (0.98) CN vs TN (0.99) CN vs TN (0.16) CN vs TN (0.09)
5.0% CN vs TN (0.98) CN vs TN (0.11) CN vs TN (0.17) CN vs TN (0.11)
10% CN vs TN (0.18) CN vs TN (0.01)* CN vs TN (0.10) CN vs TN (0.38)
0.5% CC vs TC (0.27) CC vs TC (0.38) CC vs TC (0.25) CC vs TC (0.09)
1.0% CC vs TC (0. 10) CC vs TC (0.42) CC vs TC (0.05) CC vs TC (0.25)
2.5% CC vs TC (0.67) CC vs TC (0.66) CC vs TC (0.10) CC vs TC (0.10)
5.0% CC vs TC (0.51) CC vs TC (0.42) CC vs TC (0.51) CC vs TC (0.22)
10% CC vs TC (0.44) CC vs TC (0.03)* CC vs TC (0.41) CC vs TC (0.41)
0.5% TN vs TC (0.50) TN vs TC (0.76) TN vs TC (0.50) TN vs TC (0.75)
1.0% TN vs TC (0.22) TN vs TC (0.67) TN vs TC (0.52) TN vs TC (0.97)
2.5% TN vs TC (0.32) TN vs TC (0.65) TN vs TC (0.23) TN vs TC (0.45)
5.0% TN vs TC (0.31) TN vs TC (0.77) TN vs TC (0.31) TN vs TC (0.99)
10% TN vs TC (0.96) TN vs TC (0.99) TN vs TC (0.75) TN vs TC (0.96)
CN = กล่องควบคุมทีไ่ ม่มกี ารสัมผัสสารสกัดโดยตรง (มีตะแกรงกัน้ ) CC = กล่องควบคุมที่มีการสัมผัสสารสกัดโดยตรง (ไม่มีตะแกรงกั้น)
TN = กล่องทดสอบทีไ่ ม่มกี ารสัมผัสสารสกัดโดยตรง (มีตะแกรงกัน้ ) TC = กล่องทดสอบที่มีการสัมผัสสารสกัดโดยตรง (ไม่มีตะแกรงกั้น)
* P < 0.05 แตกต่างอย่างมีนยั สาคัญ P > 0.05 ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญ
15
สัดส่วนของยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการที่เหลืออยู่ในกล่องทดสอบในช่วงเวลาต่าง ๆ ในการทดสอบ
ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 30 นาที สามารถใช้สังเกตรูปแบบการหลีกหนีสารสกัดของยุงลายได้ พบว่า สารสกัดจากสักโดย
วิธี Soxhlet ที่ความเข้มข้น 10% มีฤทธิ์ไล่ยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการมากที่สุด โดยพบว่าจานวนยุงที่
เหลือในกล่องทดสอบที่มีสารสกัดทั้งแบบให้ยุงมีการสัมผัสสารและไม่มีการสัมผัสสารมียุงเหลืออยู่น้อยที่สุด เมื่อ
เปรียบเทียบกับความเข้มข้นอื่น ๆ ที่สกัดโดยวิธี Soxhlet และวิธีแช่ยุ่ย (รูปที่ 3)
สัดส่วนของยุงลายบ้านสายพันธุ์นครศรีธรรมราชที่เหลืออยู่ในกล่องทดสอบในช่วงเวลาต่าง ๆ ในการทดสอบ
ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 30 นาที เพื่อสังเกตรูปแบบการหลีกหนีสารสกัดของยุงลายได้ พบว่า สารสกัดจากสัก ทั้งวิธี
Soxhlet และวิธีแช่ยุ่ย ที่ความเข้มข้นต่าง ๆ ยุงลายบ้านมีรูปแบบการหลีกหนีไม่แตกต่างกัน (รูปที่ 4)
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
สรุปผล
จากการทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ (USDA) และสายพันธุ์นครศรีธรรมราชของสาร
สกัดจากสักด้วยวิธีแช่ยุ่ยและวิธี Soxhlet ที่ระดับความเข้มข้น 0.5%, 1%, 2.5%, 5% และ 10% พบว่า สารสกัด
จากสักในทุกระดับความเข้มข้นจากวิธีสกัดทั้งสองวิธี ไม่มีความแตกต่างทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกล่องควบคุม
ยกเว้นสารสกัดจากสักจากวิธี Soxhlet ระดับความเข้มข้น 10% ที่ทดสอบกับยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ
(USDA) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างยุงในกล่องควบคุมและกล่องทดสอบแบบไม่ให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง มี
ความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสาคัญ (P = 0.01) และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างยุงในกล่องควบคุมและกล่อง
ทดสอบแบบให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง มีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสาคัญเช่นกัน (P = 0.03)
ฤทธิ์ไล่ยุงของสารสกัดจากสักระหว่างระดับความเข้มข้นต่าง ๆ ของวิธีแช่ยุ่ยและวิธี Soxhlet พบว่า สาร
สกัดจากสักโดยวิธีแช่ยยุ่ ต่อยุงลายบ้านสายพันธุ์นครศรีธรรมราชแบบให้ยุงสัมผัสกับสารสกัดโดยตรง ที่ระดับความ
เข้มข้น 0.5% กับ 10.0% เท่านั้นที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p = 0.04) ส่วนการเปรียบเทียบอื่น ๆ
ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติใดใด
สัดส่วนของยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการที่ยังอยู่ในกล่องทดสอบ โดยมีการสัมผัสสารสกัดและไม่มี
การสัมผัสสารสกัดจากสัก หลังจากทดสอบกับสารสกัดจากสักด้วยวิธีแช่ยยุ่ และวิธี Soxhlet เป็นเวลา 30 นาที
สัดส่วนนี้จะใช้บอกแบบการหลีกหนีสารของยุงลาย ซึ่งสารสกัดจากสักโดยวิธี Soxhlet ที่ความเข้มข้น 10% มียุง
หลีกหนีออกจากกล่องทดสอบมากที่สุด โดยในกล่องที่มีการสัมผัสสาร มียุงเหลืออยู่ 84.48% และกล่องที่ไม่มีการ
สัมผัสสาร มียุงเหลืออยู่ 84.48% เช่นกัน
จากผลการทดสอบทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากสักมีฤทธิ์ในการขับไล่ยุงทั้งแบบสัมผัสสารแล้วบิน
หนี และแบบขับไล่โดยตรงโดยไม่ต้องสัมผัสสารก่อน
อภิปรายผล
พฤติกรรมการหลีกหนีต่อสารเคมีของยุงพาหะนาโรค นับเป็นสิ่งสาคัญสาหรับใช้ในการควบคุมยุงพาหะ
นาโรค ซึ่งได้มีการพยายามพัฒนาเครื่องมือทดสอบพฤติกรรมการหลีกหนีต่อสารเคมีที่มีความน่าเชื่อถือในหลาย
รูปแบบของ Excito-repellency test system (Roberts et al. 1984, Chareonviriyaphap et al. 1997,
Rutledge et al. 1999, Sungvornyothin et al. 2001) แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนา Excito-repellency test
system ให้มีขนาดกะทัดรัดได้สาเร็จสามารถนาไปใช้ทดสอบยุงในสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวก (Polsomboon et al.
2008)
สารเคมีสามารถป้องกันยุงกัดได้ 3 ทาง คือ ฤทธิ์ทาให้ยุงที่เกาะบนสารเกิดการระคายเคืองแล้วบินหนีไป
(irritancy effect) ฤทธิ์ในการไล่ยุง (repellency effect) และฤทธิ์ในการการฆ่า (killing effect) (Grieco et al.
2007) ในการศึกษาครั้งนี้ ยุงลายบ้านทั้งสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการ (USDA) และสายพันธุ์นครศรีธรรมราช แสดงให้
เห็นชัดเจนว่า มีพฤติกรรมหลีกหนีต่อสารสกัดจากสักทั้งวิธีสกัดแบบแช่ยุ่ยและแบบ Soxhlet ในแบบทั้งการสัมผัส
สารและไม่สัมผัสสารต่า ซึ่งแสดงว่าสารสกัดจากสักที่สกัดได้จากวิธีสกัดทั้งแบบแช่ยุ่ยและแบบ Soxhlet ทีร่ ะดับ
ความเข้มข้น 0.5%, 1%, 2.5%, 5% และ 10% มีฤทธิ์ไล่ต่า อย่างไรก็ตามสารสกัดจากสักด้วยวิธี Soxhlet ทีร่ ะดับ
ความเข้มข้น 10% มีฤทธิ์ไล่ยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการมากที่สุด เนื่องจากมีจานวนยุงหลบหนีมากที่สุด
ซึ่งสถิติ survival analysis ที่ใช้ในการเปรียบเทียบฤทธิ์การขับไล่ยุงของสารเคมีนั้น นอกจากจะใช้จานวนยุงที่
หลงเหลืออยู่ในกรงเมื่อสิ้นสุดการทดสอบแล้ว ยังใช้ความไวในการหลบหนีออกจากกล่องทดสอบด้วย แต่ผลการ
ทดลองนี้ให้ผลไม่เด่นชัดนักอาจเนื่องมาจากการเลือกระดับความเข้มข้นของสารสกัดจากสักต่าเกินไป จึงทาให้ผล
การไล่ยุงของแต่ละความเข้มข้นมีความใกล้เคียงกันมากและมีผลที่คลุมเครือแปรปรวนมาก และเห็นการไล่ไม่
20
ชัดเจนนัก นอกจากนั้นการที่สารทดสอบแสดงผลการไล่ต่อยุงสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการได้ดีโดยการสกัดแบบ
Soxhlet อาจเนื่องมาจากยุงสายพันธุ์นี้ไม่สามารถต้านทานต่อสารเคมีใด ๆ เลย เพราะถูกเลี้ยงไว้ในห้องเลี้ยงแมลง
โดยไม่ให้มีการสัมผัสสารเคมีใด ๆ เลย ในขณะที่ยุงสายพันธุ์นครศรีธรรมราชเป็นยุงในธรรมชาติซึ่งย่อมต้องทนทาน
ต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ได้มากกว่า และการสกัดสารโดยใช้ Soxhlet น่าจะให้สารออกฤทธิ์ที่เข้มข้นกว่า จึงพบว่าที่น้าหนัก
สารเท่ากันจึงมีอัตราการไล่ดีกว่ากัน
นอกจากนี้ขี้เลื่อยของสักที่นามาใช้ในการสกัดสารสาหรับใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ก็ไม่ทราบว่าได้จากไม้สักที่
มีอายุกี่ปี เพราะอายุของไม้สักที่แตกต่างกันจะมีปริมาณสารปริมาณเทคโทควิโนนที่แตกต่างกัน ซึ่งจากการศึกษา
ของทรรศนีย์ (2554) ได้ทาการศึกษาปริมาณเทคโทควิโนน (2-เมทธิลแอนทราควิโนน) ในสารสกัดจากกระพี้และ
แก่นไม้สักจากสวนป่าที่อายุต่าง ๆ (13-30 ปี) จากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ สวนป่าแม่มาย จังหวัดลาปาง สวนป่าขุนแม่
คามี จังหวัดแพร่ สวนป่าแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สวนป่าทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และสวนป่าน้าสวยห้วย
ปลาดุก จังหวัดเลย พบว่า สารสกัดจากกระพี้มีปริมาณเทคโทควิโนนน้อยมาก (ปริมาณน้อยมาก-0.009 %) และ
สารสกัดจากแก่นพบปริมาณเทคโควิโนนมีค่าตั้งแต่ 0.030-0.099% และจากรายงานการศึกษาการกระจายของสาร
แทรกในไม้สักจากป่าธรรมชาติ พบว่า ปริมาณเทคโทควิโนนที่พบในแก่นไม้สักป่าธรรมชาติจากจังหวัดกาญจนบุรี
จะมีค่าระหว่าง 0.2-1% และปริมาณเทคโทคิวโนนที่พบในแก่นไม้สักป่าธรรมชาติจากจังหวัดลาปาง มีค่าระหว่าง
0.2-0.7 (Thanom and Dietrichs, 1967) ซึ่งการศึกษานี้ นาขี้เลื่อยไม้สักซึ่งไม่สามารถทราบอายุได้มาทาการสกัด
สาร ซึ่งหากเป็นไม้สักที่มีอายุน้อย อาจทาให้ปริมาณเทคโทควิโนนที่พบขี้เลื่อยน้อยไปด้วย และมีรายงาน
ผลการวิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสารสกัดและขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นสักที่ปลูกไว้ในสวนป่าของ
กรมป่าไม้ที่อาเภองาว จังหวัดลาปาง ว่าปริมาณสารสกัดจากไม้สักที่สกัดด้วยตัวทาละลายคลอโรฟอร์มและเมทธา
นอล จะขึ้นกับสภาวะแวดล้อมและลักษณะทางพันธุกรรม (Simatupang,1995)
นอกจากนี้ Cheng และคณะ (2008) ได้ศึกษาฤทธิ์การฆ่าลูกน้าของสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของ
Cryptomeria japonica D. Don ต่อลูกน้ายุงลายบ้านและยุงลายสวนวัยที่ 4 พบว่า สารสกัดจากกระพี้มีผลใน
การฆ่าลูกน้ายุงลายบ้านและยุงลายสวนดีที่สุด ค่า LC50 ที่ 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 2.4 และ 3.3 µg/ml ตามลาดับ
และยังศึกษาส่วนประกอบของสารที่อยู่ในกระพี้ของ C. Japonica พบว่า มีเทคโทคิวโนน (tectoquinone) เป็น
ส่วนประกอบ ซึ่งค่า LC50 ที่ 24 ชั่วโมง ของเทคโทคิวโนนต่อยุงลายบ้านและยุงลายสวน มีค่าเท่ากับ 3.3 และ 5.4
µg/ml ตามลาดับ ดังนั้น สารเทคโทคิวโนนที่อยู่ในไม้สักน่าจะมีฤทธิ์ในการฆ่าลูกน้ายุงลายบ้านและยุงลายสวนได้
เช่นกัน
ข้อเสนอแนะ
1. สารสกัดจากมีแนวโน้มในการไล่ยุงลายบ้านได้ในระดับความเข้มข้นที่สูงขึ้น เพราะจากการศึกษาพบว่า
ที่ระดับความเข้มข้น 10% โดยสกัดด้วยวิธี Soxhlet ต่อยุงลายบ้านสายพันธุ์ห้องปฏิบัติการมีฤทธิ์ไล่ในระดับต่า
ซึ่งหากเพิ่มความเข้มข้นให้สูงขึ้นอาจจะมีฤทธิ์ในการไล่ยุงลายบ้านได้ ซึ่งน่าจะทาการศึกษาต่อไป
2. ในการสกัดสารจากสักนั้น ควรพิจารณาอายุของต้นสัก และแหล่งที่ปลูก เพื่อจะได้ต้นสักที่มีปริมาณ
สารเทคโทคิวโนน (tectoquinone) มากสาหรับใช้ในการทดสอบ
3. ควรจะมีการวิเคราะห์ตรวจหาระดับความเข้มข้นของสารเทคโทคิวโนน ที่อยู่ในสารสกัดจากสัก เพื่อจะ
ได้ทราบถึงปริมาณของสารเทคโทคิวโนนที่มีอยู่ในสารสกัดที่ใช้ในการทดสอบ ซึ่งได้ข้อมูลยืนยันถึงผลการทดสอบที่
ได้ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
4. ควรจะทาการศึกษาฤทธิ์การฆ่าลูกน้าของสารสกัดจากสักต่อลูกน้ายุงลายบ้านและยุงลายสวนด้วย ซึง่
มีการศึกษาพบว่า สารเทคโทคิวโนนมีฤทธิ์ในการฆ่าลูกน้ายุงลายบ้านและยุงลายสวนได้ ซึ่งหากสารสกัดจากสักมี
ประสิทธิผลในการฆ่าลูกน้าได้ ก็จะสามารถนามาใช้ทดแทนสารเคมีกาจัดลูกน้าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้
บรรณานุกรม
Mantel, N. and W. Haenzel. 1959. Statistic aspects of the analysis of data from retrospective studies
of diseases. J. Natl. Cancer Inst. 22: 719-748.
Noosidum A., A. Prabaripai, T. Chareonviriyaphap and A. Chandrapatya. 2008. Excito-repellency
properties of essential oils from Melaleuca leucadendron L., Litsea cubeba (Lour.) Persoon,
and Litsea salicifolia (Nees) on Aedes aegypti (L.) mosquitoes. Journal of Vector Ecology. Vol.
33, no. 2. 305-312.
Premrasmi T. and H.H. Dietrichs. 1967. Nature and Distribution of Extractives in Teak (Tectona grandis
Linn.) from Thailand. The Natural Histry Bulletin of Siam Society. Bangkok. Vol. 22 No. 1&2.: 1-
14.
Polsomboon S., P. Poolpraset, M. J. Bangs, W. Suwonkerd, J. P. Grieco, N. L. Achee, Parbaripai A. and
Chareonviriyaphap T.. 2008. Effects of physiological conditioning on behavioral avoidance by
using a single age group of Aedes aegypti exposed to deltamethrin and DDT. J. Med.
Entomol. 45 251-259.
Qui, H., H. W. Jun, and J. W. McCall. 1998. Phamacokinetics, formulation, and safty of insect
repellent N,N-diethyl-3-methylbenzamide (deet): A review. J. Mosq. Contr. Assoc. 14: 12-27.
Roberts, D.R., W.D. Alecrim, A.M. Tavares, and K.M. McNeil. 1984. Influence of physiological condition
on the behavioral response of Anopheles darlingi to DDT. Mosq. News 4: 357-561.
Roberts, D. R., T. Chareonviriyaphap, H. H. Harlan, and P. Hshieh. 1997. Methods of testing and
analyzing excitorepellency responses of malaria vectors to insecticides. J. Am. Mosq. Contr.
Assoc. 13: 13–17. [Online] Available HTTP: http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9152869 (ค้น
เมื่อ 17 กันยายน 2554)
Roberts D. R, Chareonviriyaphap T, Harlan HH, Hshieh P. 1997. Methods of testing and analyzing
excito-repellency responses of malaria vectors to insecticides. J. Amer. Mosq. Control Assoc.
13: 13-17.
Rutledge, L.C., N.M. Echana, and R.K. Gupta. 1999. Responses of male and female mosquitoes to
repellents in the World Health Organization insecticide irritability test system. J. Am. Mosq.
Contr. Assoc. 15: 60-64.
Saelim, V., Kankaew, P and Sithiprasasna, R. 2005. Temephos resistance by bottle and biochemical
assays in Aedes aegypti in Thailand. Pattani Provincial Public Health Office, Muang District,
Pattani, Thailand. [Online]. Available from: http://esa.confex.com/esa/2004/tech-
program/paper_14849.htm. (ค้นเมื่อ 17 กันยายน 2554)
Sen-Sung Cheng, Chin-Gi Huang, Wei-June Chen, Yueh-Hsiung Kuo, Shang-Tzen Chang. 2008.
Larvicidal activ ity of tectoquinone isolated from red heartwood-type Cryptomeria japonica
against two mosquito species. Bioresource Technology 99 (2008) 3617–3622.
Simatupang, M.H. 1999. Importance of Teakwood Extractives to Wood Properties and Tree Breeding.
Regional Seminar on Site, Technology and Productivity of Teak Plantations. Chiang Mai,
Thailand. P. 235-246.
23
ประวัติผู้วิจัย
1. ที่ปรึกษาโครงการวิจัย
1) ศ.ดร. ธีรภาพ เจริญวิริยะภาพ ตาแหน่งศาตราจารย์ ระดับ 10
ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน
50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร. 0-2942-7131 โทรสาร 0-2942-7130
E-mail address: faasthc@ku.ac.th
2) รศ.ดร. อรัญ งามผ่องใส ตาแหน่งรองศาตราจารย์ ระดับ 9
ภาควิชาการจัดการศัตรูพืช คณะทรัพยากรธรรมชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90112
โทร. 0-7428-6101-2 โทรสาร 0-7421-2823
E-mail address: aran.n@psu.ac.th
2. หัวหน้าโครงการวิจัย
นายสุทธิ ทองขาว ตาแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ
กลุ่มพัฒนาวิชาการ สานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช
184/117 ถนนเทวบุรี ตาบลโพธิ์เสด็จ อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
โทรศัพท์ 0-7534-1147 ต่อ 13 โทรสาร 0-7534-2328
E-mail address: thongkhao.sootthi@gmail.com
3. ผู้ร่วมวิจัย
1) นายวิโรจน์ ฤทธาธร ตาแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชานาญการ
ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนาโดยแมลงที่ 11.2 จังหวัดนครศรีธรรมราช
ถนนเทวบุรี ตาบลโพธิ์เสด็จ อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
โทรศัพท์ 0-7535-6509 โทรสาร 0-7536-6587
E-mail address: wirote_138@hotmail.com
2) นางสาวกชพรรณ สุกระ ตาแหน่งนักกีฏวิทยา
ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนาโดยแมลงที่ 11.2 จังหวัดนครศรีธรรมราช
ถนนเทวบุรี ตาบลโพธิ์เสด็จ อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
โทรศัพท์ 0-7535-6509 โทรสาร 0-7536-6587
E-mail address: nasawansukra@hotmail.com
3) นางสาวโสภาวดี มูลเมฆ ตาแหน่งนักกีฏวิทยา
ศูนย์อ้างอิงแมลงพาหะนาโรค สานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
428 ถนนไทรบุรี ตาบลบ่อยาง อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000
โทรศัพท์ 0-7431-1411 โทรสาร 0-7431-1411
E-mail address: sopavadee14a@yahoo.com
4) นางสาววาสินี ศรีปล้อง ตาแหน่งนักกีฏวิทยา
ศูนย์อ้างอิงแมลงพาหะนาโรค สานักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
428 ถนนไทรบุรี ตาบลบ่อยาง อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000
โทรศัพท์ 0-7431-1411 โทรสาร 0-7431-1411
E-mail address: wawa_jung@hotmail.com
25