Professional Documents
Culture Documents
การศึกษาลวดลายผ้า
นักเรียนชัน
้ มัธยมศึกษาปี ที่ 5/9
รายงานประกอบรายวิชาการสื่อสารและการนำเสนอ
I30202
ข
โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร
ก
คำนำ
รายงานฉบับนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชาการศึกษาค้นคว้าเเละ
สร้างองค์ความรู้จากมรดกโลก(IS1) ผู้จัดทำได้จัดทำรายงานฉบับนี ้
ขึน
้ เพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษาค้นคว้า ลักษณะลวดลายผ้าของ
เเต่ละยุคสมัยพร้อมทัง้ ประโยชน์ของลวดลายผ้า โดยได้ทำการศึกษา
เเละรวบรวมข้อมูลจากหนังสือ อินเทอร์เน็ตเเละเเหล่งเรียนรู้ต่างๆ
คณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนีจ
้ ะเป็ นประโยชน์เเก่ผู้สนใจเกี่ยว
กับลวดลายผ้าเพื่อนำไปสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆต่อไป
คณะผู้จัดทำ
ข
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
รายงานเล่มนีส
้ ําเร็จเรียบร้อยได้ด้วยความกรุณาของอาจารย์น
นทพร หน่อคํา ที่ปรึกษา รายงานเล่มนีท
้ ี่ได้ให้ความรู้และช่วย
แนะนำ ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วยความเอาใจใส่อย่างดี
สม่ำเสมอตลอดมา นอกจากนีผ
้ ู้จัดทำรายงานยังได้รับความกรุณา
จากอาจารย์ศิริลักษณ์ ชาญเชี่ยว อาจารย์ พรสุภา อิ่มเนย ที่กรุณา
แนะนำข้อบกพร่องแก้ไขรายงานเล่มนีใ้ ห้ถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึน
้
ตลอดระยะเวลาในการจัดทำรายงานเล่มนี ้ ขอกราบขอบพระคุณ
บิดา มารดา ผู้ซึ่งให้ ความรัก ความเมตตา ความห่วงใย และเป็ น
กำลังใจให้กับผู้จัดทำรายงานจนสำเร็จ และขอขอบพระคุณพี่ ๆ
น้อง ๆ รวมทัง้ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจ ผู้จัดทำรายงานรู้สึก
ซาบซึง้ ใน พระคุณอย่างสูง
คณะผู้จัดทำ
จ
สารบัญ
หน้า
คำนำ
ก
บทคัดย่อ
ข
กิตติกรรมประกาศ
ค
สารบัญ
ง
สารบัญภาพ
จ
สารบัญตาราง
ฉ
1.บทนำ
1
2.ความเป็ นมาของผ้า
1
ฉ
3.ความเป็ นมาของผ้าสมัยสุโขทัย
2
3.1 ลวดลายผ้าในสมัยสุโขทั
3
4.ความเป็ นมาของลวดลายผ้าสมัยอยุธยา
8
4.1 ลวดลายผ้าในสมัยกรุงศีอยุธยา
8
5.ความเป็ นมาของผ้าสมัยรัตนโกสินทร์
11
5.1 ลวดลายผ้าในสมัยรัตนโกสินทร์
12
6.ลวดลายและสัญลักษณ์ในผ้า
14
7.การเปรียบเทียบความแตกต่างของผ้าสมัย สุโขทัย –
รัตนโกสินทร์ 16
8.สรุป
17
ช
บรรณานุกรรม
18
ภาคผนวก
19
ซ
สารบัญภาพ
ภาพที่
หน้า
1.ลายเครือน้อย
3
2.ลายเครือกลาง
3
3.ลายเครือใหญ่
4
4.ลายดอกมนสิบหก
4
5.ลายสิบสองหน่วยตัด
5
6.ลายน้ำอ่าง
5
7.ลายสองท้อง
6
8.ลายแปดขอ
6
ฌ
9.ลายสี่ขอ
7
10.ผ้าลายอย่าง
9
11.ผ้าลายทอง
10
12.ผ้าลายเทียมยกทองลาย
10
13.ผ้าตาดระกำไหม
12
14.ผ้ายกดิน
้ ทอง
12
15.ผ้ากรองทอง
13
16.ผ้าตาดทอง
13
17.ภาพภาคผนวก
19
ญ
สารบัญตาราง
ตารางที่
หน้า
1.การเปรียบเทียบความแตกต่างของลวดลายผ้าในสมัย
สุโขทัย – รัตนโกสินทร์ 16
ฎ
1.บทนำ
ที่ไม่เหมาะสมกับงานนัน
้ ๆ จะไม่ได้รับความนิยมและที่สำคัญจะไม่
ได้บุญได้กศ
ุ ลและไม่ร้จ
ู ักกาลเทศะประกอบกิจอันใดก็จะไม่เจริญ
รุ่งเรือง
เนื่องด้วยเหตุนก
ี ้ ลุ่มของผูศ
้ ึกษาสนใจจะจัดทำรายงานเรื่อง “ลว
ยลายของผ้าในสมัยต่างๆ”โดยผู้ศก
ึ ษาจะศึกษาประวัติความเป็ นมา
ของผ้าและลวดลายของผ้าในสมัยต่างๆ เพื่อนำความรู้มาใช้
ประโยชน์และพัฒนาให้ได้มากที่สุด
2.ความเป็ นมาของลวดลายผ้า
จากหลักฐานทางโบราณคดีแสดงว่า ดินแดนที่เป็ น
ประเทศไทยในปั จจุบันนีเ้ คยมีการใช้ผ้าและทอผ้าได้ตงั ้ แต่สมัยก่อน
ประวัติศาตร์ เมื่อราว 2000-4000 ปี มาแล้ว โดยได้พบเศษผ้าติดอยู่
กับคราบสนิมของกำไลทองสำริด และแวดินเผาซึ่งเป็ นอุปกรณ์ปั่น
ด้ายแบบง่ายๆ รวมทัง้ ลูกกลิง้ แกะลายสำหรับใช้ทำลวดลายบนผ้า
เป็ นจำนวนมาก อยู่ที่บริเวณแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง อำเภอ
หนองหาน จังหวัดอุดรธานี นับเป็ นหลักฐานเก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับการ
ใช้ผ้า และการทอผ้าของไทยในอดีต
3
สมัยสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีหลักฐานที่ระบุไว้
ค่อนข้างชัดเจน และ ลวดลายผ้านับเป็ นหัตถกรรมอย่างหนึ่งที่ทำ
สืบต่อกัน
3.1 เอกลักษณ์ผ้าตีนจกศรีสัชนาลัยสมัยสุโขทัย
เอกลักษณ์ผ้าตีนจกศรีสัชนาลัย
ผ้าตีนจกศรีสัชนาลัย มีแหล่งทอที่สำคัญอยู่ที่อำเภอศรีสัชนาลัย
จังหวัดสุโขทัย ซึง่ มีเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ที่การจกลาย “จก” หมาย
ถึง ผ้าที่ทอให้เกิดลวดลายตามที่กำหนด โดยใช้ขนเม่น หรือเครื่อง
มือที่มีลักษณะเรียวแหลม ควัก หรือล้วง เส้นด้ายพุ่งพิเศษ ให้
ปรากฏเป็ นลายบนผืนผ้า นิยมใช้วิธีการจกล้วงแบบอิสระ มีการทอ
ลายเต็มผืนผ้า และจกลายเต็ม ลวดลายที่ทอนัน
้ จะเป็ นลวดลายหลัก
ในท้องถิ่นเดิมที่มีอยู่ 9 ลาย ได้แก่
1. ลายเครือน้อย
มีลักษณะเป็ นลายน้อยเป็ นลายง่ายลายประกอบของลายหลักนีจ
้ ึง
เป็ นลายนกหมู่ ซึ่งเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะลาย
6
2. ลายเครือกลาง
มีลายหลักที่เหมือนกับลายเครือน้อย เพียงแต่มค
ี วามยาวใน
การจกลายเพิ่มขึน
้ ลายประกอบของลายหลักนีเ้ ป็ นลายนกคาบ
ลายพันคีง ลายดอกหมีแ
่ ละลายสร้อยลา ลายเครือกลางนีเ้ ป็ นที่นิยม
มาต่อกับซิ่นเข็น
7
รูปที่ 2 ผ้าลายเครือกลาง
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.htm
3. ลายเครือใหญ่
ลายหลักที่มีดอกไม้อยู่ตรงกลาง ลายเครือประกอบของ
ลายนีค
้ ือลายนกคุ้ม ลายนกคาบ ลายพันคีง ลายเครือขอและลาย
เครือใหญ่นิยมนำมาต่อกับซิ่นมุก
รูปที่3 ผ้าลายเครือใหญ่
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
8
4. ลายดอกมนสิบหก
ลายดอกมนสิบหกหรือบางแหล่งเรียกลายสิบหกหน่วยตัด
หมายถึงลายที่มีมุม 16 มุม ลายประกอบของลายหลักนีจ
้ ะเหมือน
กับลายอื่นทั่วไป แต่จะต้องนำไปต่อกับซิ่นตาเติบ
รูปที่4 ผ้าลายดอกมนสิบหก
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
5. ลายสิบสองหน่วยตัด
รูปที่5 ผ้าลายสิบสองหน่วยตัด
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
6. ลายน้ำอ่าง
หมายถึง ลายหลักที่มีหงส์สองตัวคาบดอกไม้รวมกันคล้ายกับ
ว่าหงส์สองตัวคาบอกไม้ในอ่างน้ำนั่นเอง ลายหลักนีเ้ ป็ นที่นิยมทอ
กันมากที่สุดและนิยมเอามาต่อกับซิ่นเข็น
รูปที่6 ผ้าลายน้ำอ่าง
10
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
7. ลายสองท้อง
รูปที่7 ผ้าลายสองท้อง
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
8. ลายแปดขอ
11
รูปที่8 ผ้าลายแปดขอ
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
9.ลายสี่ขอ
รูปที่ 9 ผ้าลายสี่ขอ
ที่มา http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/thai-
phuan-teenjok.html
13
4.ความเป็ นมาของลายผ้าสมัยอยุธยา
จากหลักฐานจดหมายเหตุของชาวจีนและชาวยุโรป และ
วรรณคดีบางเรื่อง กล่าวถึงผ้าชนิดต่างๆ มากมาย ทัง้ ที่ทำขึน
้ ใน
ประเทศไทยและที่นำมาจากต่างประเทศ ได้แก่ ผ้าฝ้ าย ผ้าไหม ผ้า
แพร ผ้าหนังไก่ (ผ้าแพรมีเนือผ้าหยุ่นๆ คล้ายหนังไก่) ผ้าสมปั ก (ผ้า
ทอด้วยไหมเพลาะมีลวดลายและสีต่างๆ) ผ้าปูม(ผ้าไหมทอมีลวด
ฃายเป็ นสีต่างๆ โดยลวดลายแลเห็นไม่เด่นชัดนัก) ผ้าจวน(ผ้าแพร
วังเก่าในประชุมพงศาวดารภาคที่ 63 กล่าวถึงแหล่งค้าผ้าที่
สำคัญหลายแห่งในกรุงศรีอยุธยา เช่น ย่านป่ าไหมขายไหม
ครุย ไหมฟั่ น ไหมเบญจพรรณ(ไหมย้อมเป็ นสีตา่ งๆ) สำหรับ
ฉลองพระองค์ของพระเจ้าแผ่นดิน ทรงโพกพระเศียรด้วยผ้า
สีขาว ทรงพระภูษาผ้าไหมปั กผ้าสี่เหลี่ยมมีรัตพัสตร์ (ผ้าสี
แดง) ทำด้วแพรต่วน เวลาเสด็จทำสงครามหรือเสด็จ
ประพาสล่าสัตว์จทรงฉลองพระองค์ชุดสีแดง เสื้อของทหาร
ที่ตามเสด็จประพาสล่าสัตว์จะทรงฉลองพระองค์ชุดสีแดง
เสื้อของทหารที่ตามเสด็จก็เย็บด้วยผ้ามัสลินย้อมสีแดง
ขุนนางที่มีความดีความชอบ เช่น รบศึกชนะ พระเจ้าแผ้น
ดินจะพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้ โดยของอย่างหนึง่ ที่
ทรงใช้ปน
ู บำเหน็จรางวัล คือ ผ้า นอกจากนี ้ ขุนนางจะได้รับ
14
4.1 ลวดลายผ้าในสมัยอยุธยา
การออกแบบลวดลายผ้าลายอย่างนัน
้ ต้องทำอย่างประณีต
พิถพ
ี ิถัน ด้วยเหตุว่าในสมัยก่อนนัน
้ ผ้าลายอย่างเป็ นผ้าชัน
้ สูง คือ
เป็ นผ้าทรงสำหรับกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ชน
ั ้ สูง สามัญชนจะนุ่งได้เมื่อ
ได้รับพระราชทานตามบรรดาศักดิ ์ อยู่ๆแค่มีเงินจะไปซื้อมานุ่งตาม
อำเภอใจไม่ได้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีความนิยมให้ลักษณะของผ้า
เป็ นเครื่องแสดงฐานะ และตำแหน่งของผู้สวมใส่ ข้าราชการที่
ทำความดีความชอบ พระเจ้าแผ่นดินก็จะทรงมีบำเหน็จรางวัลให้
และของอย่างหนึ่งที่ใช้ปูนบำเหน็จรางวัลก็คือ ผ้า ขุนนางจะรับ
พระราชทานผ้าสมปั กไว้นุ่งเข้าเฝ้ า ผ้าพระราชทานนีเ้ ปรียบเสมือน
เงินเดือน แต่พระราชทานรายปี เรียกว่า ผ้าหวัดรายปี ผ้าสมปั ก มี
หลายชนิด สำหรับฐานะ และตำแหน่งแตกต่างกัน เช่น สมปั ก ลาย
หัวหมื่นนายเวรใช้ สมปั กไหมเจ้ากรมปลัดกรมใช้ ส่วนมหาดเล็กใช้
ผ้าลาย บางทีการนุ่งผ้าสมปั กก็ขน
ึ ้ อยู่กับโอกาส หรือพิธีบางอย่างอีก
ด้วย
15
กระบวนลายในกรุงศรีอยุธยา
สำหรับการรวบรวมกระบวนลายผ้าในสมัย
อยุธยานัน
้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแทบไม่ได้มีการบันทึกไว้นอกเสียจาก
ลายไทยที่อยู่ตามวัด คุณธนิตจึงเริ่มภารกิจตามหาลายไทยสมัย
อยุธยาในสถานที่ประวัติศาสตร์ของเพชรบุรี
ลายอย่าง
นอกจากลายที่ถอดมาจากภาพจิตรกรรมสมัยอยุธยา คุณธนิต
ยังได้เพิ่มเติมเรื่องความประณีต ในเส้นสายความเป็ นไทย ซึ่ง
แตกต่างจากผ้าลายอย่างในสมัยอยุธยา ที่แม้ช่างในราชสำนักจะ
เขียนลายออกมาสวยหวานขนาดไหน ทว่าคนแกะลายคือช่างชาว
อินเดีย ดังนัน
้ ความเข้าใจในลวดลายไทยจึงมีไม่ถ่องแท้ และบ่อย
ครัง้ ยังใส่กลิ่นอายอินเดียแถมเข้ามาในลายผ้า ผ้าลายอย่างของ
อยุธยาจริงๆ มักจะเขียนลายไทย แบบไม่สุด ตวัดหางไม่คมชัด
เพราะต่างชาติทำ พอเรามาทำเองเราจึงอยากบอกให้รู้ว่านี่คือ
ผ้าลายอย่างที่คนไทยทำ ดังนัน
้ ความละเอียดในลายไทยจึงต้องสุด
พลาดไม่ได้ และก็ได้มีการพัฒนามาเป็ นการพิมพ์ลายบนผ้าไหม
ทอมือจากสุรินทร์ พร้อมทัง้ รื้อฟื้ นการเขียนลายทองแบบอยุธยาขึน
้
มา โดยใช้เทคนิคตามแบบอยุธยาโบราณเช่นกัน
16
รูปที่ 10 ผ้าลายอย่าง
ที่มา https://thestandard.co/buppae-sunniwas-beauty-of-
the-fabric/
ลายทอง
สำหรับการเขียนลายทองนัน
้ เป็ นการผสมผสานระหว่างผ้าลาย
อย่าง และการเขียนเส้นทองเพื่อใช้เป็ นผ้าสำหรับกษัตริย์ แต่ความ
ยากของการเขียนลายทองคือต้องเขียนยางไม้ให้เป็ นลายก่อน จาก
นัน
้ จึงนำทองคำเปลวมาปิ ดเกิดเป็ นลาย ซึ่งข้อดีของเทคนิคนีค
้ ือลาย
ทองสวยเงางาม มีความนูน แต่ถ้าใช้บ่อยหรือมีการพับ เส้นทองจะ
แตก คุณธนิตจึงทดลองว่าทำอย่างไรไม่ให้เส้นทองแตก กระทั่งมา
ค้นพบสูตรยาง มะเดื่อ ผสมน้ำผึง้ ซึง่ เป็ นสูตรเดียวกับที่ช่างอยุธยา
ใช้เขียนลายในพระอุโบสถของวัดใหญ่สุวรรณาราม
17
รูปที่ 11 ผ้าลายทอง
ที่มา https://thestandard.co/buppae-sunniwas-beauty-of-
the-fabric/
ผ้าลายเทียมยกทองลาย ประจำยามราชวัตร
นำยางมะเดื่อที่ขน
ึ ้ อยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรีมาทดลอง ปรากฏว่า
เขียนลายทองบนผ้าได้ดีกว่าสีสมัยใหม่มาก แต่ก็ต้องใช้เวลาทำนาน
มากเช่นกัน ไหนจะต้องเปลี่ยนพู่กันทุกชั่วโมง เพราะยางมะเดื่อจะ
รัดพู่กันจนเขียนไม่ได้ ด้ามหนึ่งใช้ได้ไม่นานต้องทิง้ ผ้าเขียนลายทอง
ชิน
้ แรกที่ทำสำเร็จต้องใช้เวลานานถึง 11 เดือน
รูปที่ 12 ผ้าลายเทียมยกทองลาย
ที่มา https://thestandard.co/buppae-sunniwas-beauty-of-
the-fabric/
18
5.ความเป็ นมาของลายผ้าสมัยรัตนโกสินทร์
5.1 ลวดลายผ้าในกรุงรัตนโกสินทร์
ผ้าตาดระกำไหม
รูปที่ 13 ผ้าตาดระกำไหม
ที่มา
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?
book=
15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
ผ้ายกดิน
้ ทอง
21
รูปที่ 14 ผ้ายกดิน
้ ทอง
ที่มา
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?
book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
ผ้ากรองทอง
รูปที่ 15 ผ้ากรองทอง
ที่มา
22
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?
book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
ผ้าตาดทอง
รูปที่ 16 ผ้าตาดทอง
ที่มา
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?
book=15&chap=5&page=t15-5-infodetail05.html
23
6.ลวดลายและสัญลักษณ์ในผ้าไทย
ลายเส้นตรงและเส้นขาด
ลายลักษณะนีป
้ รากฏเป็ นเส้นตรงทางยาวหรือทาง
ขวาง เส้นเดียวหรือหลายๆเส้นขนาดกัน โดยอาจเป็ นเส้นยาวติดต่อ
กันหรือขาดเป็ นช่วงๆ แยกจากกัน
ลายเส้นตรงทางยาวมักพบในผ้านุ่งของคนไทยกลุ่ม
ลาวโซ่ง หรือไทยดำในภาคอีสาน โดยผู้หญิงมักนุง่ ซิ่นสีดำ หรือสี
ครามแก่ มีลายเป็ นเส้นตรงสีขาวยาวลงมา ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่
วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผาจังหวัดน่าน ก็แสดงการทอผ้าพื้นเมือง
โดยหญิงชาวบ้านนุ่งผ้าที่มีลายเส้นตรงและเส้นขาดตามขวาง
ลายเส้นตรงหรือเส้นขาดนีย
้ ังพัฒนารูปแบบเป็ นลา
ยอื่นๆ เช่น ลายฝนตก ลายน้ำไหล ลายดอกหญ้า ลายต้นไผ่
24
ลายฟั นปลา
ลายสี่เหลี่ยมขนมเปี ยกปูนและลายกากบาท
ลายนีพ
้ บอยู่ทั่วไปบนผ้าจก ผ้าขิต และผ้ามัดหมี่ ในทุก
ภาคของประเทศไทย รวมทัง้ บนลวดลายผ้าของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง
และกะเหรี่ยงด้วย ในประเทศใกล้เคียง เช่น ลาว อินโดนีเซีย และ
ตอนใต้ของจีน ก็พบลายชนิดนีบ
้ นผ้าพื้นเมืองเช่นกัน
ลายสี่เหลี่ยมขนมเปี ยกปูนและลายกากบาทมีการพฒ
นาเป็ นรูปลายต่างๆ ได้หลายแบบ เช่น ภายในรูปขนมเปี ยกปูนอาจ
บรรจุดาว 8 เหลี่ยม หรือกากบาทเส้นตรง หรือรุปขนมเปี ยกปูน
ขนาดเล็ก ภาคอีสานเรียกลายชนิดนีใ้ นผ้าหมี่ว่า “ลายโคม”
นอกจากนีอ
้ าจผสมลายสี่เหลี่ยมขนมเปี ยกปูนกับลายตะขอ และ
25
ลายขดเป็ นวงเหมือนกันหอยหรือตะขอ
ลายนีพ
้ บอยู่ทั่วไปบนผ้าจก ผ้าขิต และผ้ามัดหมี่ ชาว
บ้านภาคเหนือและภาคอีสานเรียกว่า “ลายผักกูด”ผักกูดเป็ นพืช
ชนิดหนึ่งในตระกูลเฟิ ร์นมีอยู่ทั่วไปในภาคต่างๆ ของประเทศไทย
ผ้าไทยนับเป็ นงานศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาติ
ควรแก่การศึกษาค้นคว้าและการอนุรักษ์ไว้ ตลอดจนมีการส่งเสริม
พัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึน
้ ปั จจุบันผ้าไทยที่เป็ นผ้าโบ
ราน มีอายุเก่าแก่หลายสิบปี หรือนับร้อยปี กลายเป็ นของมีค่าซึ่งนัก
สะสมพยายามเสาะแสวงหาและเก็บรักษาไว้ ดังนัน
้ เราจึงควรศึกษา
หาความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยว่ามีความเป็ นมาอย่างไรและมีการพัฒนา
26
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบความแตกต่างของลวดลายผ้า
ในสมัย สุโขทัย - รัตนโกสินทร์
วิจิตร มี
เส้นทอง
ตามขอบ
ลาย
7.สรุป
28
การศึกษาความเป็ นมาของลวดลายผ้าในยุคสมัยสุโขทัย-
รัตนโกสินทร์ ทำให้ร้ถ
ู ึงประวัติความเป็ นมาของผ้าในสมัยสุโขทัยที่
เริ่มปรากฏ ในหลักศิลาจากรึกพ่อขุนรามคำแหงที่กล่าวไว้เกี่ยวกับ
ผ้าในสมัยสุโขทัยที่ทำด้วยการทอ ผ้าที่มีค่าในสมัยสุโขทัยคือ ผ้าไหม
ผ้าแพร และผ้ากำมะหยี่ ลายผ้าที่ใช้ทอขึน
้ เช่น ผ้าลายเครือน้อย
ลายอ่าง และลายสี่ขอ ความเป็ นมาของผ้าในสมัยอยุธยาคล้ายกับ
สมัยสุโขทัยที่มีการทอผ้าและมีการซื้อผ้าจากต่างประเทศ ผ้าที่มีใน
สมัยอยุธยา เช่น ผ้าฝ้ าย ผ้าไหม ผ้าสองปั ก ลวดลายของผ้า เช่น ผ้าลาย
อย่าง ผ้าลายทอง และผ้าลายเทียมยกทอง ลายผ้าในสมัยรัตนโกสินทร์
ผ้ามีความเปลี่ยนไปตามรัชสมัย ช่วงต้นรัตนโกสินทร์จะมีการทอเป็ น
เส้นไหม ผ้าในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลายลาย เช่น ผ้าผ้าลายเขียน
ทอง ช่วงรัตนโกสินทร์ตอนปลาย
จะมีการทอและมีเครื่องสาวไหม ผ้าในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลายลาย
เช่น ผ้าลายปราสาท
ซึ่งสมัยสุโขทัย-รัตนโกสินทร์ มีความแตกต่างกันที่วิธีการ
ทำคือ สมัยสุโขทัย ใช้การทอผ้าและการจกลวดลายผ้าเป็ นรูปสัตว์
ต่างๆ สมัยอยุธยาใช้การทอและมีการพิมพ์ลาย ผ้ามักเน้นลวดลาย
และมีเส้นทองตามขอบลาย ส่วนสมัยรัตนโกสินทร์ใช้การทอและ
เขียนลายทอง ผ้ามักเน้นเขียนด้วยลายทอง ดังนัน
้ การศึกษาลาย
ผ้าจึงมีความสำคัญเป็ นอย่างมาก เพราะแสดงถึง ศิลปะ คติความ
เชื่อ วัฒนธรรม และเป็ นสมบัติของชาติ จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้
พวกเราจึงนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยการนำลายผ้าไป
29
บรรณานุกรม
บริษัทวิริยะธุรกิจ จำกัด.
มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ สืบค้นเมื่อ 28
กรกฎาคม 2565 , จาก
https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/
book.php?book=15&chap=
https://thestandard.co/buppae-sunniwas-beauty-of-
the-fabric/
https://www.sacit.or.th/uploads/items/
attachments/2fcf433e2ef21ffdb3745d4a1ad2faf7/
_b778b5a663bc06ac36c717cd4614ef80.pdf
https://sites.google.com/site/khundaysmeemai/lwdlay-
laea-saylaksn-ni-pha-thiy
https://www.gotoknow.org/posts/660446
http://sukhothaicraftsandfolkart.com
ภาคผนวก
32
ภาคผนวก