Professional Documents
Culture Documents
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
- เครื่องจักสาน หมายถึง ภาชนะเครื่องใช้ประจำบ้านที่ท ำจากวัตถุดิบ ใน
ท้องถิ่น เช่น ไผ่ หวาย กระจู ลำเจียก โดยการนำมาจักและสาน จึงเรียกว่า
เครื่องจักสาน กลวิธีในการทำเครื่องจักสาน ได้แก่ การถัก ผูกรัด มัด ร้อย
โดยการใช้ต อก หวาย เพื่อ ให้เ ครื่อ งจัก สานคงทนและคงรูป อย ู่ไ ด้ต าม
ต้องการ
ตัวอย่าง
ที่มาภาพ: http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th
ที่มาภาพ: https://sites.google.com/
หวดและมวยนึ่งข้าวเหนียว ความจริงแล้วหวดจะมีรูป ร่างแตกต่าง
จากมวย เพราะจะมีลก
ั ษณะเหมือนรูปกรวย แต่ส่วนล่างจะปิ ด ไม่เป็ น
รูปทรงกระบอกเหมือนมวย ส่วนการใช้ประโยชน์ทงั ้ สองชนิดทำหน้าที่
เหมือนกันคือใช้สำหรับนึ่งข้าวเหนียวหรือนึ่งอาหาร เพียงแต่มวยจะให้
ปริมาณได้มากกว่าและแข็งแรงทนทานกว่าเพราะมีความหนา
หวด
ที่มาภาพ: https://pantip.com/
มวยนึ่งข้าว
ที่มาภาพ: https://shopee.co.th
ตัวอย่าง
เครื่องปั ้ นดินเผาไฟสูง ที่โดดเด่นของภาคอีสานมีแหล่งผลิตสำคัญอยู่
5 แห่งใน 5 จังหวัด คือ บ้านด่าน เกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัด
นครราชสีมา บ้านดอนกลาง บ้านโพนบก บ้านโพนเงิน อำเภอโพนพิสัย
จังหวัดหนองคาย บ้านกลาง อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม บ้านท่า
ไห อำเภอเขื่องใน และบ้านท่าเตา ไห อำเภอเมือง จังหวัด
อุบลราชธานี เป็ นเครื่องปั ้ นดินเผาเนื้อแกร่ง จัดว่าเป็ นเครื่องใช้ในชีวิต
ประจำวันที่ สำคัญในการดำรงชีวิต เพราะใช้เก็บถนอมรักษาสิ่งจำเป็ น
ในการดำรงชีวิต เช่น ใช้เป็ นภาชนะใส่ข้าว น้ำ ดื่ม น้ำใช้ เกลือ ผัก
ดอง ปลาแดก (ปลาร้า) ตลอดจนใช้เก็บน้ำตาล สุรา รวมทัง้ เก็บนุ่นฝ้ าย
และเสื้อผ้า นอกจากนี ้ ยังมีความจำเป็ นที่จะต้องใช้เป็ นเครื่องครัว
จำพวกครกแลพถ้วยชามต่างๆ ด้วย
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
เครื่องปั ้ นดินเผาไฟต่ำ (Earthenware) มีแหล่งผลิตอยู่ทั่วทุกจังหวัด
ในภาคอีสาน มีประวัติความเป็ นมา ยาวนาน แหล่ง ที่ม ีช่ อ
ื เสีย งมาก
คือ แหล่ง โบราณคดีบ ้า นเชีย ง อำเภอหนองหาน จัง หวัด อุด รธานี ซึ่ง เป็ น
ภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดาชนิดสีดำขูดลายในผิวเนื้อ ชนิดสีเทาลาย
เชือกทาบ ชนิดสีนวลก้นโค้ง และ ช น ิด ม ีล า ย เ ข ีย น ส ีเ ป็ น ร ูป แ ล ะ
ลวดลายต่างๆ สันนิษฐานว่าใช้ประโยชน์ในพิธีกรรมความเชื่อ เกี่ยวกับ
ความตาย รวมถึงบริเวณแอ่งโคราชก็พบหลักฐานภาชนะดิน เผาเนื้อ
ดินธรรมดา เผาไฟต่ำ ทัง้ ที่ทำ เพื่อใช้ สอยในชีวิตประจำวัน และใช้
ในพิธีกรรมความเชื่อเกี่ยวกับความตายกระจายอยู่ทั่วไป
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
ตัวอย่าง
เครื่องทองเหลืองของบ้านปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
ที่มาภาพ: https://www.isangate.com
- งานช่างไม้
งานไม้เป็ นงานช่างที่ใช้ฝีมือภาคอีสาน และความคิดสร้างสรรค์ ต้องมีความ
อดทน ขยัน มีความรับผิดชอบสูง สามารถนำทรัพยากรธรรมชาติที่เป็ นไม้
มาประดิษฐ์เป็ นของเล่นของใช้ได้อย่างเหมาะสมตามภูมิภาคและ วิถีชีวิต
ของชาวอีสาน ทัง้ ที่จะต้องมีทักษะในการใช้เครื่องมือและกระบวนการใน
การใช้ จึงจะสามารถทำงาน ไม้ได้อย่างสวยงาม เรียบร้อย มี
ประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือและใช้วัสดุ ปั จจุบันไม้มีคณ
ุ ค่ามาก หา
ยาก เพราะป่ าไม้ถูกทำลายไปเกือบหมด จนต้องใช้วัสดุอ่ น
ื ๆ มาทดแทน
ไม้ เช่น พลาสติก โลหะ งานช่างไม้ในงานช่างพื้นฐานเป็ นงานช่างไม้เบื้อง
ต้นสามารถปฏิบัติได้ทงั ้ ชายและหญิง เช่น การรู้จักเครื่องมือเครื่องใช้ วิธี
การใช้วัสดุ และการเก็บรักษา การซ่อมบำรุงสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน
เช่นเฟอร์นิเจอร์ ส่วนประกอบของอาคารบ้านเรือน
ตัวอย่างเครื่องไม้ภาคอีสาน
ที่มาของภาพ https://www.sac.or.th/databases/traditional-
objects/th/equipment-detail.php?ob_id=35
ส่วนประกอบของบวย
ตัวบวย ทำจากกะลามะพร้าวแห้ง
ตัดแต่งผิวให้เรียบ ขนาดของบวย
ใหญ่เล็กขึน
้ อยู่กับขนาดของกะลา
มะพร้าว ขอบปากกระบวยด้านบน
เจาะรูเพื่อใส่ด้ามไม้สำหรับมือจับ
ด้ามบวย หรือ คันบวย ทำจากไม้จริงหรือไม้ไผ่ ถ้าเป็ นด้ามบวยที่ใช้ตักน้ำใช้
นิยมทำคันหรือด้ามเรียบไม่แกะสลักลวดลาย แต่ถ้าเป็ นด้ามบวยที่ใช้ตักน้ำ
ดื่ม จะแกะสลักวิจิตรสวยงาม หางหรือปลายด้ามนิยมแกะสลักเป็ นพระยา
นาคตามคติความเชื่อโบราณว่า หมายถึงความอุดมสมบูรณ์จากนาคให้น้ำ
ด้ามติดกับตัวบวย จะบากใส่เข้าไปในตัวบวย และทำให้แน่นไม่ให้หลุดเลื่อน
ด้วยการใส่ “ไล” (ลูกสลัก) เล็ก ๆ
ที่มาของภาพ http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/?
p=149
ไม้หนีบข้าวหรือค้อนฟาด
ข้าว ไม้นวดข้าว หรือบางที่
เรียกว่าไม้ตีข้าว ไม้ทุบข้าว ไม้
หนีบ หรือไม้หีบ เป็ นเครื่องมือ
ของชาวนาใช้สำหรับรัดฟ่ อน
ข้าวเพื่อทุบหรือตีรวงข้าวที่มัด
อยู่ในฟ่ อนให้เมล็ดข้าว
กระเด็นออกมาจากรวง
ไม้นวดข้าวทำจากไม้ไผ่ที่มีเนื้อ
แน่น ไม้แก่จัด ข้อสัน
้ ลำต้น
เล็ก มีขนาดพอดีมือ กำได้รอบ
อาจะใช้ไม้อ่ น
ื เช่น ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้ชิงชันหรือไม้สัก การทำไม้นวดข้าวเริ่ม
จากการตัดไม้มา 2 ท่อนให้มีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เส้นผ่า
ศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร เหลาไม้ให้เรียบ หากใช้ไม้จริงต้องใช้กบไสแล้วใช้บุ้ง
ถูให้เรียบ เจาะรูที่ปลายไม้ทงั ้ 2 ท่อน ห่างจากปลายไม้ประมาณ 50
เซนติเมตร แล้วใช้เชือกหนังที่เรียกว่าหนังหัวเกวียน หรือใช้เชือกยาว
ประมาณ 50 เซนติเมตร หรือให้ยาวประมาณเส้นรอบวงของฟ่ อนข้าว ร้อยรู
ไม้ที่เจาะทัง้ 2 ท่อนแล้วขมวดปมที่ส่วนปลายเชือก
ปั จจุบันนีก
้ ารใช้ไม้นวดข้าวไม่ค่อยเป็ นที่นิยมใช้เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยี
เข้ามาใช้งานแทนเช่นรถไถเดินตาม รถแทรกเตอร์หรือเครื่องนวดข้าวที่
ออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งสะดวกสบายและประหยัดแรงงานกว่า
ที่มาของภาพ
http://www.siamfreestyle.com/photos/supanburi/พิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติชาวนาไทย/650010019
อัก จะทำด้วยไม้จริงประกอบด้วยส่วนต่าง
ๆ ดังนี ้
แขนอัก เป็ นไม้รว
ิ ้ 4-6 ริว้ เหลี่ยมขนาด
กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ
40 เซนติเมตร ปลายสองข้างเรียวเล็กน้อย ห่างจากปลายสองข้างประมาณ
ข้างละ 5 เซนติเมตร เจาะรูเพื่อสอดใส่กับ “ตีนกา” ซึ่งถือเป็ นแกนกลางของ
อัก แต่ละริว้ ห่างกันประมาณ 15 เซนติเมตร
ตีนกา เป็ นไม้ 2 อัน ขนาดกว้างอันละประมาณ 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ
อันละ 25 เซนติเมตร ประกบกันเป็ นรูปเหมือนกากบาท แกนกลางของ
ตีนกา เจาะเป็ นรูกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร
เพื่อใส่กับ “โคยอัก” ได้ ปลายตีนกาแต่ละข้างยึดติดกับ “แขนอัก”
แท่นอัก หรือ ไม้คอนอัก เป็ นแท่นไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างประมาณ
20 เซนติเมตร ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร หนาประมาณ 5 เซนติเมตร
ปลายข้างหนึง่ ของแท่นปั กเสาไม้ 2 เสา เพื่อยึด “โคยอัก” (เพลาอัก)
สำหรับสอดใส่อักให้แกว่งหรือหมุน เมื่อต้องการจะคัดไหมหรือด้ายให้แยก
เป็ นตอน ๆ ตามต้องการ
ที่ม าของภาพ http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/?
p=171
- เครื่องหนัง
ที่มาของภาพ
https://www.lib.ru.ac.th/journal/isan/music/tee.html
- เครื่องประดับ
ที่มาของภาพ https://so02.tci-thaijo.org
- งานศิลปะกรรมพื้นบ้าน
ฮูปแต้ม หรือภาพจิตรกรรมฝาผนังใน
อาคารที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา
ภาพจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์ วิหาร
เป็ นงานจิตรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธ
ศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ภาพจิตรกรรมฝา
ผนังในภาคอีสานหรือที่เรียกว่า “ฮูป
แต้ม” รูปแบบและกรรมวิธีการจัดองค์ประกอบศิลป์ ในฮูปแต้มอีสานไม่มี
กฎเกณฑ์ตายตัว
ช่างแต้มมีอิสระเสรีในการแสดงออกอย่างเต็มที่
ช่างแต้มคนเดียวกันหากได้ไปเขียนภาพ ณ สถาน
ที่ที่ต่างกันรูปลักษณ์ขององค์ประกอบศิลป์ รวมทัง้
รายละเอียดก็จะแตกต่างกันออกไป ช่างแต้มจะ
เลือกสรรเรื่องราวจากพุทธประวัติหรือจาก
วรรณกรรมพื้นบ้านเฉพาะส่วนหรือตอนที่ช่างแต้ม
ประทับใจนำมาพรรณนาด้วย เส้นสี และองค์
ประกอบภาพที่ต่อเนื่องกันไป จากภาพหนึ่งเชื่อม
ต่อกับอีกภาพหนึง่ เพื่อสื่อสารความคิดให้ผู้ชมเกิด
จินตนาการ มองเห็นความงามทางสุนทรียศาสตร์และคุณค่าทางคุณธรรมที่
แฝงอยู่ในปฐมธาตุทัศนศิลป์ เนื้อหาของภาพแต่ละตอนจะจบลงในตัวของ
มันเอง
ที่มาของภาพ https://cac.kku.ac.th/esanart/paint.html
การปั ้ นและลวดลายประดับ
(Sculpture and Decorating)
ได้แก่งานประติมากรรม และการ
ปั ้ นลวดลายประดับอาคารต่าง ๆ เช่น ตุ๊กตาเด็กเล่น ตุ๊กตาเสียกบาล การ
ปั ้ นลวดลายประดับโบสถ์ วิหาร
ประติมากรรมในงานพุทธศิลป์ อีสานมีหลากหลายลักษณะรวมไปถึงงานแกะ
สลักต่างๆที่ช่าง พื้นบ้านได้คิดค้นกระบวนเทคนิควิธีการต่างๆมาสร้างสรรค์
ให้เป็ น ศาสนวัตถุในบวรพระพุทธศาสนา ดังเช่น การปั ้ น การบุ การตี การ
เชื่อม เพื่อให้เกิดรูปลักษณะตามต้องการ โดยการสร้างจำลองหรือ เหมือน
จริงตามความรู้ความคิดของช่างพื้นบ้าน ประติมากรรมจะแบ่งลักษณะออก
เป็ นสามประเภท อันได้แก่ ภาพนูนต่ำ คือมองได้เห็นแค่ด้านเดียวลักษณะ
นูนเพียงเล็กน้อย ภาพนูนสูง คือภาพที่จำหลัก ลึกลงทำให้ภาพ
ประติมากรรมดูเด่นชัดขึน
้ สามารถมองให้เห็นทัง้ สามด้านทัง้ ด้านหน้าและ
ด้านข้าง
ที่มาของภาพ
http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/2373/1/60
004214.pdf
ที่มาของภาพ https://cac.kku.ac.th/esanart/sculpture.html
พระไม้อีสาน การสร้างพระไม้ใน
อีสานไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามี
ประวัติความเป็ นมาและการสร้าง
อย่างไร ใครเป็ นผู้สร้างขึน
้ ครัง้ แรก
เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เป็ นเอกสารอ้างอิงชัดเจน จากการศึกษารูปแบบ
พระไม้อีสานเมื่อเปรียบเทียบกับพระไม้ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว จะมีลักษณะใกล้เคียงกันมากจนแทบจะแยกขาดจากกันโดย
สิน
้ เชิงไม่ได้หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็ นสกุลช่างเดียวกันที่ได้รับและแลกเปลี่ยน
อิทธิพลซึ่งกันและกัน นักวิชาการบางท่านได้ให้ความเห็นว่าพระไม้ในอีสาน
ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่ งซ้ายแม่น้ำโขง โดยศิลปะแบบล้านช้าง แล้วแผ่ขยาย
อิทธิพลข้ามมายังฝั่ งไทย จากการอพยพโยกย้ายก็ดีหรือจากการถ่ายโอนโดย
ทางเครือญาติก็ดี
ที่มาของภาพ https://cac.kku.ac.th/esanart/sculpture.html
เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี
รูปแบบของต้นเทียนพรรษา
จังหวัดอุบลราชธานีในปั จจุบัน
นัน
้ มี 3 ประเภท คือ เทียน
พรรษาประเภทแกะสลัก
เทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์
และเทียนพรรษาแบบโบราณ
ซึ่งต้นเทียนพรรษาแต่ละ
ประเภทนัน
้ ประกอบด้วย “ต้นเทียนและองค์ประกอบของต้นเทียน” หรือ
รวมเรียกว่า ขบวนเทียนพรรษา เทียนพรรษาแต่ละขบวนจะมีต้นเทียนเพียง
ต้นเดียวตัง้ อยู่ส่วนกลางและห้อมล้อมด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ตัง้ อยู่บนรถ
ลากเพื่อความพร้อมในการเคลื่อนที่ไปแสดงยังจุดต่าง ๆ
ที่มาของภาพ http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?
p=4333
- ผลิตภัณฑ์อย่างอื่น
การทำปราสาทผึง้ หรือต้นดอกผึง้
ถวายเป็ นพุทธบูชา ซึง่ เป็ นศิลปะ
ประเพณีที่สืบทอดกันมานาน ตาม
ฮีตสิบสองของคนอีสาน มีความเชื่อ
และตำนานเล่าสืบต่อกันมาในเรื่องลิงถวายรวงผึง้ เมื่อครัง้ ที่พระพุทธเจ้า
เสด็จจำพรรษาในป่ ารักขิตวัน ซึง่ เป็ นดงไม้สาละใหญ่ มีช้างปาลิเลยยะ
(ปาลิไลยก์) เป็ นอุปัฏฐาก ได้จัดที่ประทับทัง้ หาน้ำและผลไม้มาถวายตลอด
ระยะ 3 เดือน ลิงตัวหนึ่งจึงนำรวงผึง้ มาถวายพระพุทธเจ้าด้วย และเมื่อเห็น
พระองค์ทรงเสวยน้ำผึง้ ทำให้ลิงดีใจกระโดดโลดเต้นจนกิ่งไม้หัก ผลัดตกลง
มาถูกตอไม้เสียบตาย ด้วยอานิสงส์ในการถวายรวมผึง้ ลิงจึงได้ไปเกิดเป็ น
เทพบุตรบนปราสาทวิมานสูง 30 โยชน์ ครัง้ ถึงวันปวารณาออกพรรษา (ขึน
้
15 ค่ำ เดือน 11) พระพุทธองค์เสด็จออกจากป่ าเข้าเมืองโกสัมพี ช้าง
ปาลิไลยก์ร้ส
ู ึกเศร้าโสกจนหัวใจแตกสลายล้มลงและด้วยอานิสงส์ของการ
อุปัฏฐากพุทธองค์จึงได้ไปเกิดบนประสาทสูง 30 โยชน์ ในสวรรค์ชน
ั ้ ดาวดึงส์
เช่นกัน