Professional Documents
Culture Documents
ฟังก์ชันหลายตัวแปร
ฟังก์ชันหลายตัวแปร
3 บทที่ 5. 4 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
รูปที่ 5.1.2
รูปที่ 5.1.3
7 บทที่ 5. 8 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
รูปที่ 5.1.7
11 บทที่ 5. 12 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
รูปที่ 5.1.11
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
15 บทที่ 5. 16 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
รูปที่ 5.2.1
หมายเหตุ รูปที่ 5.2.2
ในกรณีท่เี ราไม่ต้องการเจาะจงรัศมีของแผ่นกลมเปิ ด จากรูปที่ 5.2.2 จะได้ ว่า D1 เป็ นเซตเปิ ด D 2 เป็ นเซตปิ ด
เราจะใช้ สญั ลักษณ์ B(A) และ D 3 ไม่เป็ นทั้งเซตเปิ ดและเซตปิ ด
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
17 บทที่ 5. 18 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
19 บทที่ 5. 20 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
| f(x, y) – L | < ε
2
+ y2 ) x 2 + y2
แล้ ว ≤ 3(x
x 2 + y2
= 3 x 2 + y2
< 3δ
เพราะฉะนั้นเราควรเลือก δ ซึ่ง 3δ ≤ ε หรือ δ ≤ 3ε
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
21 บทที่ 5. 22 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
23 บทที่ 5. 24 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
ข้อสังเกต x2y
ตัวอย่าง 5.2.2 กําหนดให้ f(x, y) =
1. ถ้ า lim f(x, y) = L x + y2
4
( x , y ) →( x 0 , y 0 )
จงแสดงว่า lim f(x, y) ไม่มีค่า
( x , y ) →( 0 , 0 )
แล้ ว lim f(x, y) = L
( x , y ) →( x 0 , y 0 ) วิธีทํา ให้ C1 เป็ นเส้ นตรง y = 0
บน C
และ C 2 เป็ นเส้ นโค้ ง y = x 2
สําหรับทุก ๆ เส้ นโค้ ง C ที่ผ่านจุด ( x 0 , y0 )
เพราะฉะนั้น C1 และ C 2 ผ่านจุด (0, 0)
2. จากผลใน ข้ อ 1. ถ้ าเรามีเส้ นโค้ ง 2 เส้ น สําหรับจุด (x, y) ใด ๆ บน C1 ซึ่ง (x, y) ≠ (0, 0)
คือ C1 และ C 2 ซึ่งต่างก็ผ่านจุด ( x 0 , y 0 ) แต่ จะได้ ว่า f(x, y) = 04 = 0
x
lim f(x, y) ≠ lim f(x, y) และสําหรับจุด (x, y) ใด ๆ บน C 2 ซึ่ง (x, y) ≠ (0, 0)
( x , y) →( x 0 , y 0 ) ( x , y ) →( x 0 , y 0 )
4
บน C1 บน C2 จะได้ ว่า f(x, y) = 4x 4 = 12
x +x
เราจะสรุปได้ ทนั ทีว่า f(x, y) ไม่มีลิมิตเป็ นจํานวนจริง เพราะฉะนั้น lim f(x, y) = 0
เมื่อ (x, y) เข้ าใกล้ ( x 0 , y 0 ) ( x , y ) → ( 0, 0 )
บน C1
ซึ่งอาจเขียนได้ ว่า lim f(x, y) ไม่มคี ่า 1
( x , y ) →( x 0 , y 0 ) และ lim f(x, y) =
( x , y ) → ( 0, 0 ) 2
บน C2
3. จากผลในข้ อ 1. ถ้ าเรามีเส้ นโค้ ง C ที่ผ่านจุด เพราะฉะนั้น
( x 0 , y 0 ) และ lim f(x, y) ไม่มคี ่า
( x , y ) →( x 0 , y 0 ) lim f(x, y) ≠ lim f(x, y)
( x , y ) → ( 0, 0 ) ( x , y ) → ( 0, 0 )
บน C
บน C1 บน C2
lim
เราสรุปได้ ว่า
( x , y ) →( 0 , 0 )
f(x, y) ไม่มีค่า เพราะฉะนั้น lim f(x, y) ไม่มีค่า
( x , y ) →( 0 , 0 )
4.3 lim
f ( x , y)
= A
B
เมื่อ B ≠ 0
( x , y ) →( x 0 , y 0 ) g ( x , y )
4.5 lim m f ( x , y) = mA
( x , y ) →( x 0 , y 0 )
27 บทที่ 5. 28 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
= 43 − 8 + 8
=0
ในการแสดงว่า lim f(x, y)g(x, y) = 0 บทพิสูจน์ กําหนดให้ f(x, y), g(x, y) เป็ นฟังก์ชัน และ
( x , y ) →( x 0 , y 0 )
แล้ ว
lim f(x, y)g(x, y) = 0
( x , y ) →( x 0 , y 0 )
31 บทที่ 5. 32 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
35 บทที่ 5. 36 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
xy xy
ตัวอย่าง 5.2.8.1 กําหนดให้ f(x, y) = x−y
ตัวอย่าง 5.2.8.2 กําหนดให้ f(x, y) = x−y
จงพิจารณาว่า f มีความต่อเนื่องที่จุด (1, –1) หรือไม่ จงพิจารณาว่า f มีความต่อเนื่องบนโดเมนของ f หรือไม่
วิธีทํา วิธีทํา
เพราะว่า โดเมนของ f คือ D = {(x, y) | x ≠ y}
(1) f(1, –1) = 11−(−(−1)1) ให้ ( x 0 , y 0 ) เป็ นจุดใด ๆ ใน D
x y
= – 12 (1) f( x 0 , y 0 ) = x 0− y0 ซึ่งมีค่าเป็ นจํานวนจริง
0 0
xy xy
(2) lim f(x, y) = lim (2) lim f(x, y) = lim
( x , y )→(1, −1) ( x , y )→(1, −1) x − y ( x , y ) →( x 0 , y 0 ) ( x , y ) →( x 0 , y 0 ) x−y
= – 12 x 0 y0
= x 0 − y0
และ (3) lim f(x, y) = f(1, –1)
( x , y )→(1, −1)
ซึ่งมีค่าเป็ นจํานวนจริง
(จากข้ อ (1) และ (2)) และ
เพราะฉะนั้น f มีความต่อเนื่องที่จุด (1, –1) (3) lim f(x, y) = f( x 0 , y0 )
( x , y ) →( x 0 , y 0 )
39 บทที่ 5. 40 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
รูปที่ 5.2.5
รูปที่ 5.2.6
เราจะต้ องแสดงว่า สําหรับทุก ๆ จํานวนจริง ε > 0
ที่กาํ หนดให้ จะมีจาํ นวนจริง δ > 0
ที่ทาํ ให้ | h(x, y) – h( x 0 , y 0 ) | < ε ทุก ๆ (x, y) ∈ D1
ซึ่ง 0 < || (x, y) – ( x 0 , y 0 ) || < δ
43 บทที่ 5. 44 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
2
+ y2 ) F( x , y)
ตัวอย่าง 5.2.10 กําหนดให้ f(x, y) = 3 An(x2 เพราะว่า f(x, y) = G ( x , y)
x −y
จงพิจารณาว่า f มีความต่อเนื่องที่จุดใดบ้ าง เพราะฉะนั้น f มีความต่อเนื่องที่ทุก ๆ จุด (x, y) ซึ่ง
พร้ อมทั้งเขียนรูปแสดงอาณาบริเวณที่ f มีความต่อเนื่อง (x, y) ≠ (0, 0) และ G(x, y) ≠ 0
วิธีทํา ให้ F(x, y) = 3 An( x 2 + y 2 ) ซึ่งก็คือ x 2 – y ≠ 0
G(x, y) = x 2 – y เพราะฉะนั้น f มีความต่อเนื่องที่ทุก ๆ จุด (x, y) ซึ่ง y ≠ x 2
(กล่าวคือ f มีความต่อเนื่องที่ทุกจุดใน R 2 ยกเว้ นจุดบน
u(x, y) = An( x 2 + y2)
พาราโบลา y = x 2 นั่นเอง)
v(x, y) = x 2 + y 2 และอาณาบริเวณที่ f มีความต่อเนื่อง
g(v) = An v คือ บริเวณที่แรเงาในรูปที่ 5.2.7
จะเห็นว่า G และ v มีความต่อเนื่องบน R 2 (เป็ นฟังก์ชันพหุ
นามของสองตัวแปร)
g มีความต่อเนื่อง เมื่อ v > 0 ซึ่งก็คอื x 2 + y 2 > 0
เพราะฉะนั้น (x, y) ≠ (0, 0)
และ u(x, y) = g(v(x, y)) = An( x 2 + y 2 )
เพราะฉะนั้น โดยทฤษฎีบท 5.2.5 จะได้ ว่า u = g D v
มีความต่อเนื่องที่ทุก ๆ จุด (x, y) ซึ่ง (x, y) ≠ (0, 0)
เพราะว่า F(x, y) = 3u(x, y) = 3An( x 2 + y 2 ) รูปที่ 5.2.7
เพราะฉะนั้น F มีความต่อเนื่องที่ทุก ๆ จุด (x, y)
ซึ่ง (x, y) ≠ (0, 0)
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
45 บทที่ 5. 46 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
การหาอนุพันธ์ย่อยคือ การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันของหนึ่งตัว
แปร
เพราะฉะนั้นเรานําสูตรการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันของหนึ่งตัว
แปรมาใช้ ได้
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
47 บทที่ 5. 48 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
2 2
เพราะว่า g(y) = 3 y ไม่มีอนุพันธ์ท่จี ุด 0
= e x y (2 sin(3y)cos(3y))(3) + ( sin 2 (3y)) e x y ( x 2 ) ∂f
เพราะฉะนั้น การหา ∂y (0, 0) ต้ องใช้ บทนิยาม 5.3.1
2
= e x y sin(3y)(6 cos(3y) + x 2 sin(3y)) จากบทนิยาม 5.3.1 เราทราบว่า
f (0, k ) − f (0,0)
ถ้ า lim มีค่า
k →0 k
แล้ ว ∂f (0, 0) = lim f (0, k ) − f (0,0)
∂y k →0 k
f (0, k ) − f (0, 0)
เพราะว่า lim k
= lim 0 −k 0 = lim 0 =0
k →0 k →0 k →0
เพราะฉะนั้น ∂∂yf (0, 0) = 0
51 บทที่ 5. 52 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
55 บทที่ 5. 56 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
ความหมายทางเรขาคณิตของ f x ( x 0 , y 0 ) ความหมายทางเรขาคณิตของ f y ( x 0 , y 0 )
เพราะฉะนั้น ถ้ า f x ( x 0 , y 0 ) มีค่า ในทํานองเดียวกัน ถ้ า f y ( x 0 , y 0 ) มีค่า
ค่านี้กจ็ ะเป็ นค่าความชันของเส้ นโค้ งที่จุด ( x 0 , y 0 , f( x 0 , y 0 )) ค่านี้กค็ อื ค่าความชันของเส้ นโค้ งที่เป็ นรอยตัดของ
พื้นผิว z = f(x, y)
กับระนาบ x = x 0 ที่จุด ( x 0 , y 0 , f( x 0 , y 0 ))
รูปที่ 5.3.1
รูปที่ 5.3.2
⎪ 0 เมือ่ Δx = 0
ซึ่ง z มีค่าเป็ นลบ ⎩
เราจึงให้ f(x, y) = – 8 − 3x 2 − y2 จะได้ ว่า Δf = f ′( x 0 ) Δx + ε(Δx) Δx
จะได้ ว่า f x (x, y) = 3x
2 2
และ lim ε(Δx) = lim ( ΔΔxf – f ′( x 0 ))
8 − 3x − y Δx →0 Δx →0
59 บทที่ 5. 60 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
63 บทที่ 5. 64 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
67 บทที่ 5. 68 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
จากกฎลูกโซ่
dz = ∂z dx + ∂z dy
จากกฎลูกโซ่ dt ∂x dt ∂y dt
dz = ∂z dx + ∂z dy = ( 4x2 + y )( 1 ) +( x )(3)
dt ∂x dt ∂y dt 2 x + xy 2 t 2 x 2 + xy
= 2xy(–t sin t + cos t) + x 2 (t cos t + sin t) เมื่อ t = 1 จะได้ x = 1 และ y = 2
= 2(t cos t)(t sin t)(cos t – t sin t) เพราะฉะนั้น
+ (t cos t) 2 (t cos t + sin t) dz
dt
= ( 42(1) + 2 )( 1 ) + ( 1 )(3)
t =1 2(1 ) + (1)(2) 2 1 2(12 ) + (1)(2)
= 2 t 2 (sin t cos t)(cos t – t sin t)
= ( 64 )( 12 ) + ( 14 )(3)
+ t 2 ( cos 2 t)(t cos t + sin t)
= 3
= 2 t 2 sin t cos 2 t – 2 t 3 sin 2 t cos t + t 3 cos 3 t + t 2 sin t cos 2 t 2
ทฤษฎีบท 5.4.4 ให้ z = f(x, y), x = x(u, v) ตัวอย่าง 5.4.4 กําหนดให้ z = e xy , x = 2u + v และ y = u
v
และ y = y(u, v) เป็ นฟังก์ชันของสองตัวแปร จงหาค่าของ ∂∂uz และ ∂∂vz โดยใช้ กฎลูกโซ่
ถ้ า x และ y มีอนุพันธ์ย่อยที่จุด ( u 0 , v0 ) วิธีทํา แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ คือ
และ f มีอนุพันธ์ย่อยที่จุด (x( u 0 , v 0 ), y( u 0 , v 0 ))
แล้ ว z = f(x(u, v), y(u, v)) มีอนุพันธ์ย่อยที่จุด ( u 0 , v 0 )
โดยที่
∂z
∂u u = u , v = v
0 0
= ∂∂xf (x( u 0 , v 0 ), y( u 0 , v 0 )) ∂∂xu ( u 0 , v 0 ) จากกฎลูกโซ่
∂z = ∂z ∂x + ∂z ∂y
+ ∂∂yf (x( u 0 , v 0 ), y( u 0 , v 0 )) ∂∂uy ( u 0 , v 0 ) ∂u ∂x ∂u ∂y ∂u
และ
∂z = ∂f ∂x + ∂f ∂y ∂z ∂z ∂x ∂z ∂y
∂u ∂x ∂u ∂y ∂u ∂v
= ∂x ∂v
+ ∂y ∂v
∂z ∂f ∂x ∂f ∂y
∂v
= ∂x ∂v
+ ∂y ∂v = (y e xy )(1) + (x exy )(– u2 )
v
u
u e (2u + v) v u (2u + v) ( 2u + v) uv
∂z ∂z ∂x ∂z ∂y = – e
∂u
= ∂x ∂u
+ v v2
∂y ∂u
∂z ∂z ∂x ∂z ∂y 2 ( 2u + v) u
∂v
= ∂x ∂v
+ ∂y ∂v
= – 2u2 e v
v
71 บทที่ 5. 72 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
∂f – ∂f
จากกฎลูกโซ่ ∂t
∂x
= ∂∂ut ∂∂ux + ∂∂vt ∂∂xv = ∂x ∂y
= (3)(1 + xy ) + (–2v)(2x) และ ∂z = ∂f ∂x + ∂f ∂y
∂v ∂x ∂v ∂y ∂v
= 3(1 + xy ) – 4vx = ∂f (–1) + ∂f (1)
∂x ∂y
และ ∂t = ∂∂ut ∂∂uy + ∂∂vt ∂∂vy ∂f ∂ f
∂y = – ∂x + ∂y
= (3)(An x) + (–2v)(–1 – An y) เพราะฉะนั้น
∂z + ∂z = ( ∂f – ∂f ) + (– ∂∂xf + ∂f ) =0
= 3 An x + 2v(1 + An y) ∂u ∂v ∂x ∂y ∂y
=2
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
73 บทที่ 5. 74 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
75 บทที่ 5. 76 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
การหา h เมื่อ V = 20π ลูกบาศก์ฟุต และ r = 2 ฟุต ตัวอย่าง 5.4.9 ให้ x และ y เป็ นความยาวของด้ านที่ขนานกัน
จาก V = πr2h ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูรปู หนึ่ง ซึ่งมีความสูงเป็ น h
จะได้ ว่า 20π = π(2) 2 h ถ้ า x เพิ่มขึ้นในอัตรา 2 นิ้วต่อวินาที
เพราะฉะนั้น h =5 ... (3) y ลดลงในอัตรา 1 นิ้วต่อวินาที
โดยการแทนค่า (1) และ (3) ใน (2) และ h เพิ่มขึ้นในอัตรา 3 นิ้วต่อวินาที
จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมนี้
จะได้ ว่า – 54 π = 2π(2)(5)(0.002) + π(2) 2 dh dt
dh = –0.21
ขณะที่ x = 30 นิ้ว y = 50 นิ้ว และ h = 10 นิ้ว
เพราะฉะนั้น dt วิธีทํา ณ เวลา t ใด ๆ ให้ A เป็ นพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
เพราะฉะนั้น การหา dA dt
เมื่อ dx
dt
= 2 นิ้ว/วินาที, dy
dt
= –1 นิ้ว/วินาที,
ความสูงของนํา้ ในถังกําลังลดลงด้ วยอัตรา 0.21 ฟุตต่อนาที dh = 3 นิ้ว/วินาที x = 30 นิ้ว, y = 50 นิ้ว, h = 10 นิ้ว ... (1)
dt
จะได้ ว่า A = 12 (x + y)h
เพราะว่า A เป็ นฟังก์ชันของสามตัวแปรคือ x, y และ h
โดยที่ x, y และ h เป็ นฟังก์ชันของ t
เพราะฉะนั้น A ย่อมเป็ นฟังก์ชันของ t จากกฎลูกโซ่ จะได้ ว่า
dA
dt
= ∂∂Ax dx
dt
+ ∂∂Ay dy
dt
+ ∂∂Ah dh
dt
= h2 dx
dt
+ h2 dy
dt
+ ( x +2 y ) dh
dt
เพราะฉะนั้น จาก (1) จะได้ ว่า
dA = 10 (2) + 10 (–1) + ( 30 + 50 )(3) = 125
dt 2 2 2
เพราะฉะนั้น พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมูกาํ ลังเพิ่มขึ้นด้ วยอัตรา
125 ตารางนิ้วต่อวินาที
ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559 ภาคฤดูรอ้ น ปี การศึกษา 2559
79 บทที่ 5. 80 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
= 12xy – 2 cos y = lim D1f (0, k ) k− D1f (0, 0) ถ้ าลิมิตมีค่า ... (1)
k →0
จากตัวอย่าง 5.3.5 จะได้ D1f(0, 0) = 0 และ D2 f(0, 0) = 0
การหา D1f(0, k) เมือ่ k ≠ 0 และ D2 f(h, 0) เมือ่ h ≠ 0
เมือ่ (x, y) ≠ (0, 0)
3 3
เพราะว่า D1f(x, y) = ∂ ( x y − xy )
∂x x 2 + y 2
( x 2 + y 2 )(3x 2 y − y 3 ) − ( x 3 y − xy 3 )(2 x )
=
(x 2 + y 2 ) 2
x y + 4x y − y5
4 2 3
=
(x 2 + y2 )2
83 บทที่ 5. 84 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
= ∂f ∂ 2 x + ∂x [ ∂ ( ∂f ) ∂x + ∂ ( ∂f ) ∂y ]
∂x ∂r 2 ∂r ∂x ∂x ∂r ∂y ∂x ∂r
2
+ ∂f ∂ y + ∂y ∂ ∂f ∂x
[ ( ) + ∂ ( ∂f ) ∂y ]
∂y ∂r 2 ∂r ∂x ∂y ∂r ∂y ∂y ∂r
= ∂f ∂ 2 x +∂ 2f ( ∂x ) 2 + ∂ 2f ∂x ∂y
∂x ∂r 2 ∂x 2 ∂r ∂y∂x ∂r ∂r
2 2 2
∂
+ ∂f
∂y ∂r 2
y
+ ∂∂x∂fy ∂∂xr ∂∂yr + ∂ f2 ( ∂∂yr ) 2
∂y
87 บทที่ 5. 88 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
91 บทที่ 5. 92 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร
95 บทที่ 5. 96 บทที่ 5.
ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร ฟังก์ชนั ของหลายตัวแปร