Professional Documents
Culture Documents
อสังหาริมทรัพย์ คือ ทีด่ นิ และทรัพย์ทต่ี ดิ อยู่กบั ทีด่ นิ ในลักษณะถาวร (ไม่ว่าจะเป็ นทีด่ นิ ทีม่ กี รรมสิทธิหรื
์ อไม่ก็
ต้องทาตามแบบ) ยกเว้น การขายทีด่ นิ ให้เป็ นสาธารณะสมบัตขิ องแผ่นดิน การซื้อขายเรือนทีต่ กเป็ นส่วนควบของทีด่ นิ ที่
ได้ซ้อื ไปโดยทาเป็ นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าทีไ่ ปก่อนแล้ว ไม่ตอ้ งทาตามแบบ
สังหาริมทรัพย์พิเศษ ได้แก่ เรือมีระวางตัง้ แต่ 5 ตันขึน้ ไป แพ สัตว์พาหนะ(ช้าง ม้า โค กระบือ ลา ล่อ)ทีไ่ ด้ทา
ตั ๋วรูปพรรณ
****รถยนต์จดั เป็ นทรัพย์ประเภทสังหาริมทรัพย์****
ตัวอย่าง ฎ.3276/2548
ตัวอย่าง ฎ.1651/2493
ทาสัญญาจะซื้อขายทีด่ นิ กันด้วยปากเปล่า และยังมิได้ชาระราคาทีด่ นิ แก่กนั แต่ผ้ขู ายได้ มอบที่ดินให้ผ้ซู ื้อ ผู้ซื้อ
ก็ได้เข้าครอบครองที่ดิน ดังนี้ ถือว่าได้มีการปฏิ บตั ิ การชาระหนี้ บางส่วนแล้ว ย่อมเป็ นสัญญาจะซื้อขายถูกต้องตาม
มาตรา 456 วรรคสอง ผูซ้ ้อื ฟ้ องขอบังคับให้ผขู้ ายโอนขายตามสัญญาได้
*****การชาระหนี้เต็มส่วนเต็มจานวน ก็เป็ นการชาระหนี้บางส่วนเช่นกัน*****
จาก มาตรา453(ลัษณะของสัญญาซื้อขาย)
ลักษณะของสัญญาซื้อขายมีดงั นี้
เป็ นสัญญา เป็ นสัญญาต่างตอบแทน เป็ นสัญญาทีผ่ ขู้ ายมุ่งโอนกรรมสิทธิ ์ เป็ นสัญญาทีผ่ ซู้ ้อื มุ่งชาระราคา
“ในการซื้อขายสังหาริมทรัพย์นนั ้
(1) หากว่าผูข้ ายส่งมอบทรัพย์สนิ น้อยกว่าทีไ่ ด้สญั ญาไว้ ท่านว่าผูซ้ ้อื จะปั ดเสียไม่รบั เอาเลยก็ได้ แต่ถา้ ผูซ้ ้อื รับเอา
ทรัพย์สนิ นัน้ ไว้ ผูซ้ ้อื ก็ตอ้ งใช้ราคาตามส่วน
(2) หากว่าผูข้ ายส่งมอบทรัพย์สนิ มากกว่าทีไ่ ด้สญั ญาไว้ ท่านว่าผูซ้ ้อื จะรับเอาทรัพย์สนิ นัน้ ไว้แต่เพียงตามสัญญา
และนอกกว่านัน้ ปั ดเสียก็ได้ หรือจะปั ดเสียทัง้ หมดไม่รบั เอาไว้เลยก็ได้ ถ้าผูซ้ ้อื รับเอาทรัพย์สนิ อันเขาส่งมอบเช่นนัน้ ไว้
ทัง้ หมด ผูซ้ ้อื ก็ตอ้ งใช้ราคาตามส่วน
(3) หากว่าผูข้ ายส่งมอบทรัพย์สนิ ตามทีไ่ ด้สญ
ั ญาไว้ระคนกับทรัพย์สนิ อย่างอื่นอันมิได้รวมอยูใ่ นข้อสัญญาไซร้ ท่าน
ว่าผูซ้ ้อื จะรับเอาทรัพย์สนิ ไว้แต่ตามสัญญา และนอกกว่านัน้ ปั ดเสียก็ได้ หรือจะปั ดเสียทัง้ หมดก็ได้”
***เน้น (3)***
ใน(1) หมายความว่า ถ้าผูข้ ายส่งทรัพย์สนิ มาน้อยกว่าตามสัญญา ผูซ้ ้อื ทาได้2ทาง คือ 1.ปั ดทิง้ ไม่รบั ทัง้ หมด 2.
รับทรัพย์สนิ ตามทีผ่ ขู้ ายเอามาให้ แต่จ่ายเงินตามจานวนของทีผ่ ขู้ ายเอามาให้ เช่น สัญญาสั ่ง100ผูข้ ายเอามาให้80 ผูซ้ ้อื
จะปั ดทิง้ ไม่รบั ของและไม่จา่ ยเงินเลยก็ได้ หรือ รับของ80ตามทีผ่ ขู้ ายเอามาให้และชาระเงินแค่80ตามทีไ่ ด้
ใน(2) หมายความว่า ว่า ถ้าผูข้ ายส่งทรัพย์สนิ มามากกว่าตามสัญญา ผูซ้ ้อื ทาได้3ทาง คือ 1.ปัดทิง้ ไม่รบั ทัง้ หมด
2.รับทรัพย์สนิ ตามทีผ่ ขู้ ายเอามาให้ แต่จ่ายเงินตามจานวนของทีผ่ ขู้ ายเอามาให้ 3.รับทรัพย์สนิ ตามจานวนทีส่ ั ่งไว้ใน
สัญญา เช่น สัญญาสั ่ง100ผูข้ ายเอามาให้180 ผูซ้ ้อื จะปั ดทิง้ ไม่รบั ของและไม่จา่ ยเงินเลยก็ได้ หรือ รับของ180ตามที่
ผูข้ ายเอามาให้และชาระเงิน180 ตามทีไ่ ด้ หรือ รับแค่100ตามจานวนในสัญญาทีท่ ากันไว้ระหว่างผูซ้ ้อื และผูข้ าย
ใน(3) หมายความว่า ว่า ถ้าผูข้ ายส่งทรัพย์สนิ มาปนกับทรัพย์สนิ อื่นทีเ่ ราไม่ได้สั ่งไว้ตามสัญญา ผูซ้ ้อื ทาได้2ทาง
คือ 1.ปั ดทิง้ ไม่รบั ทัง้ หมด 2.รับทรัพย์สนิ เฉพาะตามทีอ่ ยู่ในสัญญา เช่น ผูซ้ ้อื สั ่งซื้อแตงโม แต่ผขู้ ายเอาแตงโมกับแตงกวา
และแตงไทย มาให้ผซู้ ้อื ผูซ้ ้อื สามารถทาได้2ทาง คือ 1.ปั ดทิง้ ไม่รบั ทัง้ หมด 2.รับเฉพาะแตงโมและจ่ายเงินแค่ค่าแตงโม
ตัวอย่าง
ผูซ้ ้อื ผูข้ ายตกลงซื้อขายข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ จานวน 10,000 กิโลกรัม แต่ผขู้ ายส่งมอบข้าวโพดเลีย้ งสัตว์จานวน
10,000 กิโลกรัม และข้าวโพดขาวจานวน 3,000 กิโลกรัม ดังนี้ ผูซ้ ้อื มีสทิ ธิ 2ทาง คือ 1. ผูซ้ ้อื สามารถรับเอาเฉพาะ
ข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ได้ แล้วบอกปัดไม่รบั ข้าวโพดขาวได้ แล้วชดใช้ราคาข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ หรือ 2. ผูซ้ ้อื สามารถปฏิเสธไม่รบั
ข้าวโพดทัง้ หมดก็ได้ และไม่ตอ้ งชดใช้ราคา
***ข้อสังเกต มาตรา 465 (1) (2) (3) เป็ นสิทธิของผูซ้ ้อื ทีจ่ ะรับเอาหรือปั ดเสียก็ได้ผขู้ ายบังคับให้ผซู้ ้อื รับ
เอาไม่ได้
ความรับผิดในการรอนสิ ทธิ (มาตรา477 478)
มาตรา 477 (สิ ทธิ ของผูซ้ ื้อ เมื่อเกิ ดการรอนสิ ทธิ จากบุคคลภายนอก)
“ เมื่อใดการรบกวนขัดสิทธินนั ้ เกิดเป็ นคดีขน้ึ ระหว่างผูซ้ ้อื กับบุคคลภายนอก ผูซ้ ้อื ชอบทีจ่ ะขอให้ศาลเรียกผูข้ าย
เข้าเป็ นจาเลยร่วมหรือเป็ นโจทก์ร่วมกับผูซ้ ้อื ในคดีนนั ้ ได้ เพื่อศาลจะได้วนิ ิจฉัยชีข้ าดข้อพิพาทระหว่างผูเ้ ป็ นคู่กรณีทงั ้ หลาย
รวมไปเป็ นคดีเดียวกัน”
กล่าวคือ เมื่อผูซ้ ือ้ กับบุคคลภายนอก(บุคคลที่สาม) เกิดปั ญหากัน สิทธิของผูซ้ ือ้ ที่เกิดขึน้ คือ ผูซ้ ือ้ สามารถเรียกผูข้ าย
มาเป็ นโจทก์รว่ มได้ในกรณีท่ผี ซู้ ือ้ เป็ นผูฟ้ ้องบุคคลภายนอก หรือสามารถเรียกผูข้ ายมาเป็ นจาเลยร่วมได้ในกรณีท่ตี นถูก
บุคคลภายนอกฟ้อง
ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดตามเจตนาของคู่สญ
ั ญา (มาตรา 483 484 485)
“คู่สญ
ั ญาซื้อขายจะตกลงกันว่าผูข้ ายจะไม่ตอ้ งรับผิดเพื่อความชารุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิกไ็ ด้”
กล่าวคือ
ตัวอย่าง
(1)…
(2)…
(3)หากว่าผูข้ ายส่งมอบทรัพย์สินตามที่ได้สญ
ั ญาไว้ระคนกับทรัพย์สินอย่างอื่นอันมิได้รวมอยู่ในข้อ
สัญญาไซร้ ท่านว่า ผูซ้ ือ้ จะรับเอาทรัพย์สิน ท่านว่าผูซ้ ือ้ จะรับเอาทรัพย์สินไว้แต่ตามสัญญา และนอกกว่านัน้
ปัดเสียก็ได้ หรือจะปั ดเสียทัง้ หมดก็ได้
วินิจฉัย
ซึ่งเป็ นการส่งมอบทรัพย์สินตามที่สญ
ั ญาไว้ระคนกับทรัพย์สินอย่างอื่นอันมิได้รวมอยู่ในข้อสัญญา
ดังนีน้ ายเมฆผูซ้ ือ้ จะรับเอาทรัพย์สินไว้แต่ตามสัญญา ซึ่งคือเฉพาะเพียงแต่เก้าอีจ้ านวน 50 ตัว และปัดการส่ง
มอบโต๊ะจานวน 50 ตัวเสียก็ได้ หรือนายเมฆจะปัดรับการส่งมอบของทัง้ เก้าอีแ้ ละโต๊ะเสียก็ได้ ดังนัน้ ถ้าหาก
นายเมฆไม่พอใจจะสามารถบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 465(3)
สรุป หากนายสามารถบอกเลิกสัญญาได้ถา้ หากว่านายไม่พอใจ เพราะ นายหมอกได้สง่ มอบ
ทรัพย์สินตามที่สญ
ั ญาไว้ระคนกับทรัพย์สินอย่างอื่นอันมิได้รวมอยู่ในข้อสัญญา ตาม ป.พ.พ. มาตรา465(3)
3.นายครุฑทาสัญญาขายที่ดินให้แก่นายนาคเนือ้ ที่ 900 ตร.วา โดยมีขอ้ สัญญาว่าผูข้ ายไม่ตอ้ งรับผิด
ในกรณีผซู้ ือ้ ถูกรอนสิทธิใดๆก็ตาม นายนาคไม่ได้อ่านสัญญาโดยละเอียด จึงตกลงทาสัญญาซือ้ ขายที่ดินกับ
นายครุฑ โดยทาเป็ นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ ต่อมาภายหลัง นายนาคถูกนายอินฟ้องเพิกถอน
กรรมสิทธิใ์ นที่ดินดังกล่าวทัง้ หมด ดังนัน้ นายนาคจะฟ้องให้ใครรับผิดชอบได้บา้ ง และศาลจะพิจารณาคดี
อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ
ตอบ (กรณีนายนาคสามารถฟ้องให้ใครรับผิดชอบได้บา้ ง)
การที่นายครุฑทาสัญญาซือ้ ขายที่ดินกับนายนาคและภายหลังนายนาคถูกนายอินฟ้องเพิกถอน
สิทธิในที่ดินดังกล่าว เป็ นกรณีท่กี ารรบกวนขัดสิทธิเกิดขึน้ เป็ นคดีระหว่างผูซ้ ือ้ กับบุคคลภายนอก กล่าวคือ
นายนาคเป็ นผูซ้ ือ้ และนายอินเป็ นบุคคลภายนอก นายนาคชอบที่จะให้ศาลเรียกนายครุฑผูข้ าย เข้าเป็ นจาเลย
ร่วมกับนายนาคในคดีนไี ้ ด้ตามมาตรา 477 เพื่อศาลจะได้วินิจฉัยชีข้ าดข้อพิพาทระหว่างผูเ้ ป็ นคู่กรณีทงั้ หลาย
รวมไปเป็ นคดีเดียวกัน
(กรณีศาลจะพิจารณาอย่างไร)
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้อสัญญาระหว่าง นายครุฑและนายนาคว่า ผูข้ ายไม่ตอ้ งรับผิดในกรณีผซู้ ือ้
ถูกรอนสิทธิใดๆ เป็ นกรณีท่ีค่สู ญ
ั ญาตกลงกัน ตามมาตรา 483 นายครุฑชอบที่จะยกสัญญาดังกล่าวขึน้ กล่าว
เพื่อไม่ให้ตนต้องรับผิด แต่ขอ้ สัญญาว่าไม่ตอ้ งรับผิดนัน้ ไม่อาจคุม้ ความรับผิดของผูข้ ายในผลของการอันผูไ้ ด้
กระทาไปเอง หรือผูข้ ายปกปิ ดความจริง ซึ่งการที่นายนาคตกลงทาสัญญาโดยไม่อ่านให้ดีเสียก่อน ไม่เป็ นกรณี
ที่นายครุฑปกปิ ดข้อสัญญากับนายนาค ตามมาตรา485 ดังนัน้ นายครุฑยังคงได้รบั การคุม้ ครองอยู่