Professional Documents
Culture Documents
MA216
MA216
Borworn Khuhirun
สารบัญ
1 [Pleaseinsertintopreamble][Pleaseinsertintopreamble][Pleaseinsertintopreamble][Pleaseinsertintopreamble][Pleas
(Limits and Continuity) 3
1.1 ลิมิต (Limits) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 3
1.2 ลิมิตที่อนันต์ (Limit at Infinity) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 17
1.3 ลิมิตของฟังก์ชันตรีโกณมิติ (Limits involving Trigonometric Functions) . . . . . . . . . . . . . . 20
1.4 ความต่อเนื่อง (Continuity) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 25
2 อนุพันธ์ (Derivatives) 34
2.1 อนุพันธ์ของฟังก์ชัน (Derivatives of Functions) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 34
2.2 กฏอนุพันธ์ (Derivative Rules) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 40
2.3 อนุพันธ์ของฟังก์ชันโดยปริยาย (Derivatives of Implicit Functions) . . . . . . . . . . . . . . . . . 57
2.4 อนุพันธ์อันดับสูง (Higher Order Derivatives) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 65
2x + 1
x−1
ตัวอย่าง 1.1.2. จงหาค่าของ lim f (x) เมื่อกำหนดให้ f (x) = √
x→1 x−1
f (x)
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 4
จงหาค่าของ
นอกจากนี้ lim f (x) = +∞, lim f (x) = −∞, lim f (x) = +∞ และ lim f (x) = −∞ สามารถ
x→a− x→a− x→a+ x→a+
นิยามได้ในทำนองเดียวกัน
จงหาค่าของ
1. lim f (x)
x→0−
2. lim f (x)
x→0+
3. lim f (x)
x→0
4. f (0)
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 7
1. lim k = k
x→a
2. lim x = a
x→a
1. lim (x2 − 4x + 3)
x→5
√
2. lim 3 x4 + 3x − 5
x→2
[f (x)]3
3. lim เมื่อ lim f (x) = 2 และ lim g(x) = 4
x→5 g(x) − 3 x→5 x→5
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 8
n
X
f (x) = ai xi = an xn + an−1 xn−1 + . . . + a1 x + a0
i=0
1. f (x) = sin x
2. f (x) = x5 + 3x + 1
1
3. f (x) = x2 − 2x 2
4. f (x) = πx3 + 4
5. f (x) = x3 + x2 − x + 1 − x−1
x2 − 1
6. f (x) =
x−1
f (x) f (a)
2. ถ้า p(x) = เป็นฟังก์ชันตรรกยะ และ g(a) 6= 0 แล้ว lim p(x) = p(a) =
g(x) x→a g(a)
1. lim (x3 + 3x − 7)
x→2
x2 − 5
2. lim
x→−1 x3 + x − 4
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 9
x−1
2. lim √
x→1 x − 1
x4 − 1
3. lim
x→1+ x − 1
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 10
จงหาค่า
1. lim f (x)
x→−2
2. lim f (x)
x→0
3. lim f (x)
x→3
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 12
√ √
ข้อสังเกต. ( x)2 = x ในขณะที่ x2 = |x|
2. lim x3 ecos(1/x)
x→0
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 15
|x|
2. lim
x→0 x
−x + 2
3. lim
x→2 |x − 2|
|x2 − 4|
4. lim
x→2− x − 2
|1 + x − 2x2 |
5. lim √
x→1+ x+3−2
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 16
4x − 1
2. lim
x→0 2x − 1
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 17
จงหาค่าของ
1. lim f (x)
x→+∞
2. lim f (x)
x→−∞
1
2. lim = 0 ถ้า xr เป็นจำนวนจริง เมื่อ x < 0
x→−∞ xr
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 18
x−3
2. lim
x→+∞ x2 + x
−2x2 − 1
3. lim
x→+∞ 3x
√
2x2 + 1
4. lim
x→+∞ 3x − 5
ex + e−x
5. lim
x→+∞ ex − e−x
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 19
3x3 + 1
2. lim
x→−∞ −x3 − x2
√
1 + x2
3. lim
x→−∞ x − 1
√
3x2 + 6
4. lim
x→−∞ 5 − 2x
x3 − |x|
5. lim
x→−∞ |x3 − 2x2 − x + 2|
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 20
6. 1 + tan2 x = sec2 x
7. 1 + cot2 x = cosec 2 x
1 − cos(2x)
8. sin2 x =
2
1 + cos(2x)
9. cos2 x =
2
10. sin 2x = 2 sin x cos x
2. lim cos x = 1
x→0
sin x
3. lim =1
x→0 x
sin 2x
ตัวอย่าง 1.3.1. จงหาค่าของ lim
x→0 x
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 21
sin kx
ทฤษฎีบท 1.3.2. lim =k
x→0 x
1 − cos x
ตัวอย่าง 1.3.2. จงหาค่าของ lim
x→0 x
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 22
x2 − 3 sin x
2. lim
x→0 x
1 − cos 3x
3. lim
x→0 cos2 5x −1
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 24
1. f (c) หาค่าได้
1. f (x) = x3 + 2x + 4
x2 + 3x − 3 ,x < 1
2. f (x) =
4 − 3x ,x ≥ 1
x2 + 4 ,x ≤ 1
3. f (x) =
1 − x2 ,x > 1
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 27
tan kx
,x < 0
f (x) = x
−3x + 2k 2 ,x ≥ 0
ต่อเนื่องที่ x = 0
บทที่ 1. ลิมิตและความต่อเนื่อง (LIMITS AND CONTINUITY) 28
• f ต่อเนื่องทางซ้าย (Continuous from the left) ที่ x = c ถ้า lim f (x) = f (c)
x→c−
• f ต่อเนื่องทางขวา (Continuous from the right) ที่ x = c ถ้า lim f (x) = f (c)
x→c+
1. f + g
2. f − g
3. kf
4. f g
f
5. โดยที่ g(c) 6= 0
g
(f ◦ g)(x) = f (g(x))
เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องที่ x = c
อนุพันธ์ (Derivatives)
นอกจากนี้ อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย (Avarage Rate of Change) ของ y = f (x) จาก x1 ถึง x2 คือ
f (x2 ) − f (x1 )
x2 − x1
f (x + h) − f (x)
บทนิยาม. กำหนดฟังก์ชัน f ซึ่ง lim มีค่า เรานิยามอนุพันธ์ของ f เทียบกับ x (Derivative
h→0 h
df
of f with respect to x) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ f 0 หรือ คือ
dx
f (x + h) − f (x)
f 0 (x) = lim
h→0 h
จงหา f 0 (3)
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 38
y − y0 = m(x − x0 )
d√ 1 √
ตัวอย่าง 2.1.6. เราทราบว่า x = √ จงหาสมการเส้นสัมผัสของฟังก์ชัน f (x) = x ที่ x = 1
dx 2 x
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 40
1. f (x) = −2x5 + x3 − 5x + 9
√
2. f (x) = x + 2x
√ 7
3. f (x) = 3
x−
x
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 41
(f ◦ g)(x) = f (g(x))
เป็นฟังก์ชันที่หาอนุพันธ์ได้ที่ x และ
d
[f (g(x))] = (f ◦ g)0 (x) = f 0 (g(x))g 0 (x)
dx
ข้อสังเกต. จากกฏลูกโซ่ข้างต้น เมื่อกำหนดให้ y = f (u) และ u = g(x) จะได้ว่า y = f (g(x)) = (f ◦ g)(x) และ
dy dy du
= ·
dx du dx
dy
du
du
dx
1. f (x) = x2 + 2x + 1
2. f (x) = (x + 1)2
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 43
1. f (x) = sin x2
2. f (x) = sin2 x
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 45
1. f (x) = sin(2x + 1)
2. f (x) = tan(x2 − x)
1. f (x) = x7 sec(2x + 1)
1. f (x) = arcsin(3x − 1)
√
2. f (x) = arctan x2 − 1
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 50
1 4
1
1. f (x) = − arcsin
x x
1 x P∞ 1
บทนิยาม. เรานิยาม e = lim 1+ หรือ e = โดยที่ n ∈ Z≥0 และจะได้ว่า e ≈ 2.718281 . . .
x→+∞ x n=0 n!
นอกจากนี้ เรานิยาม
และจะได้ว่า y = ln x ก็ต่อเมื่อ x = ey
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 53
4. loga a = 1
5. loga 1 = 0
6. ln(xy) = ln x + ln y
x
7. ln = ln x − ln y
y
8. ln xp = p ln x เมื่อ p ∈ R
9. ln e = 1
10. ln 1 = 0
1. ln ex = x
3. ax = ex ln a
1. f (x) = x ln x
2. f (x) = ex tan x
5−x
3. f (x) =
x2
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 56
ex − e−x
1. f (x) =
ex + e−x
2. f (x) = ln(1 − xex )
3. f (x) = ln(arccos x)
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 57
1. 2x2 + 3x − y = 0
2. x3 + 4x2 y + 5xy + 1 = 0
3. x2 + xy 2 + 3xy − 5 = 0
3. หาอนุพันธ์ทั้งสองข้างของสมการ โดยใช้กฏลูกโซ่เมื่อมีตัวแปร y
dy
4. จัดรูปสมการเพื่อให้ได้คำตอบ
dx
1. x3 + 4x2 y + 5xy + 1 = 0
2. x2 + xy 2 + 3xy − 5 = 0
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 58
2. sin xy = 1
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 60
1. exy tan x = x + y
2. y cos x2 = xey
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 61
1. x cos y = y 2
2. y + arctan y = x2
3. exy + yey = 1
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 62
1. f (x) = 22
2. f (x) = x2
3. f (x) = 2x
1. ใส่ ln ทั้งสองข้างของสมการ
2. ใช้สมบัติของ ln
3. หาอนุพันธ์ทั้งสองข้างของสมการ
1. f (x) = xx
2. f (x) = xln x
บทที่ 2. อนุพันธ์ (DERIVATIVES) 63
1. f (x) = xsin x
d2 f d2 y
f 00 , y 00 , ,
dx2 dx2
d3 f d3 y
f 000 , y 000 , ,
dx3 dx3
1. f (x) = x3
1. f (x) = x3 − 3x2 + 1
2. f (x) = 5 + 12x − x3
2. f (x) = x4
3. f (x) = x3 − 3x2 + 1
1. f (x) = x3
1. f (x) = x3 − 3x2 + 1
2. f (x) = 5 + 12x − x3
2. f (x) = x4
• f มีค่าสูงสุดสัมพัทธ์ (Relative Maximum) ที่ x0 ถ้ามีช่วงเปิด (a, b) ที่ x0 ∈ (a, b) ซึ่ง f (x0 )
เป็นค่ามากที่สุดในช่วงเปิด (a, b) นั้น นั่นคือ
เราเรียก f (x0 ) ว่าเป็นค่าสูงสุดสัมพัทธ์ (Relative Maximum) ของ f และเรียก (x0 , f (x0 )) ว่าเป็น
จุดสูงสุดสัมพัทธ์ (Relative Maximum Point) ของ f
• f มีค่าต่ำสุดสัมพัทธ์ (Relative Minimum) ที่ x0 ถ้ามีช่วงเปิด (a, b) ที่ x0 ∈ (a, b) ซึ่ง f (x0 )
เป็นค่าน้อยที่สุดในช่วงเปิด (a, b) นั้น นั่นคือ
เราเรียก f (x0 ) ว่าเป็นค่าต่ำสุดสัมพัทธ์ (Relative Minimum) ของ f และเรียก (x0 , f (x0 )) ว่าเป็น
จุดต่ำสุดสัมพัทธ์ (Relative Minimum Point) ของ f
1. f 0 (c) = 0
2. f 0 (c) หาค่าไม่ได้
x2
1. f (x) =
x3 + 8
ex
2. f (x) =
x+1
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 80
1. ถ้า f 0 (x) < 0 บน (a, c) และ f 0 (x) > 0 บน (c, b) แล้ว f มีค่าต่ำสุดสัมพัทธ์ที่ c
2. ถ้า f 0 (x) > 0 บน (a, c) และ f 0 (x) < 0 บน (c, b) แล้ว f มีค่าสูงสุดสัมพัทธ์ที่ c
ข้อสังเกต. (วิธีการหาจุดสูงสุดสัมพัทธ์หรือจุดต่ำสุดสัมพัทธ์ของฟังก์ชัน)
1. หาจุดวิกฤติทั้งหมดของฟังก์ชัน f
2. เลือกวิธีการทดสอบอนุพันธ์อันดับหนึ่งหรือการทดสอบอนุพันธ์อันดับสอง
1. f (x) = x4 − 2x2
1. f (x) = 1 + 8x − 3x2
2. f (x) = x4 − 12x3
4. f (x) = x4 − 2x3 + 2x − 1
เราเรียก f (x0 ) ว่าเป็นค่าสูงสุดสัมบูรณ์ (Absolute Maximum) ของ f และเรียก (x0 , f (x0 )) ว่าเป็น
จุดสูงสุดสัมบูรณ์ (Absolute Maximum Point) ของ f
เราเรียก f (x0 ) ว่าเป็นค่าต่ำสุดสัมบูรณ์ (Absolute Minimum) ของ f และเรียก (x0 , f (x0 )) ว่าเป็น
จุดต่ำสุดสัมบูรณ์ (Absolute Minimum Point) ของ f
ข้อสังเกต. (ขั้นตอนการแก้โจทย์ประยุกต์ค่าสูงสุดและค่าต่ำสุด)
1. วาดรูปประกอบความเข้าใจ
2. กำหนดตัวแปรแทนค่าปริมาณต่างๆ
3. สร้างสมการแสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรจากข้อ 2
4. ลดทอนตัวแปรที่สร้างให้เหลือเพียงตัวแปรเดียว
5. หาค่าสุดขีดสัมบูรณ์ของฟังก์ชันที่ได้จากข้อ 4
1. จุดวิกฤติ
2. ช่วงฟังก์ชันเพิ่ม ช่วงฟังก์ชันลด
3. ช่วงเว้าบน ช่วงเว้าล่าง
4. จุดเปลี่ยนเว้า
5. จุดสูงสุดสัมพัทธ์ จุดต่ำสุดสัมพัทธ์
6. จุดสูงสุดสัมบูรณ์ จุดต่ำสุดสัมบูรณ์
7. จุดตัดแกน x (แทนค่า y = 0)
8. จุดตัดแกน y (แทนค่า x = 0)
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 91
• f 0 (x) =
• f 00 (x) =
• จุดวิกฤติของ f คือ
• f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม บนช่วง
• f เป็นฟังก์ชันลด บนช่วง
• f เว้าบน บนช่วง
• f เว้าล่าง บนช่วง
• จุดเปลี่ยนเว้าของ f คือ
• จุดสูงสุดสัมพัทธ์ของ f คือ
• จุดต่ำสุดสัมพัทธ์ของ f คือ
• จุดสูงสุดสัมบูรณ์ของ f คือ
• จุดต่ำสุดสัมบูรณ์ของ f คือ
f 0 (x)
f 00 (x)
Graph
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 92
• f 0 (x) =
• f 00 (x) =
• จุดวิกฤติของ f คือ
• f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม บนช่วง
• f เป็นฟังก์ชันลด บนช่วง
• f เว้าบน บนช่วง
• f เว้าล่าง บนช่วง
• จุดเปลี่ยนเว้าของ f คือ
• จุดสูงสุดสัมพัทธ์ของ f คือ
• จุดต่ำสุดสัมพัทธ์ของ f คือ
• จุดสูงสุดสัมบูรณ์ของ f คือ
• จุดต่ำสุดสัมบูรณ์ของ f คือ
f 0 (x)
f 00 (x)
Graph
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 93
1. f (x) = 1 + 9x − 3x2 − x3
4. f (x) = 2 − x + 2x2 − x3
5. f (x) = x4 − 6x2 + 5
6. f (x) = x4 − 2x3 + 2x − 1
ข้อสังเกต. (ขั้นตอนการทำโจทย์อัตราสัมพัทธ์)
1. วาดรูปประกอบความเข้าใจ
2. กำหนดตัวแปรแทนค่าปริมาณต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา
3. สร้างสมการแสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรจากข้อ 2
4. หาอนุพันธ์เทียบกับเวลา โดยใช้สมการจากข้อ 3
5. แทนค่าที่ทราบเพื่อหาอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ
ข้อสังเกต. กำหนดตัวแปรดังต่อไปนี้
1. s แทนระยะทาง
2. v แทนความเร็ว
3. a แทนความเร่ง
จะได้ว่า
ds dv
=v และ =a
dt dt
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 95
1. เงาของชายคนนี้ยาวขึ้นหรือสั้นลงด้วยอัตรากี่ฟุตต่อวินาที
2. เงาของศีรษะของชายคนนี้เคลื่อนที่ออกจากเสาโคมไฟด้วยอัตรากี่ฟุตต่อวินาที
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 98
6. One rainy day, a girl broke up with her boyfriend after being together for eight long years. They
decided to separate at the place where everything about them began, at the same time. The boy is
due north crying and running at a rate of 5 ft/sec and the girl is walking due east at a rate of 1 ft/sec
thinking is she made the right decision. How fast are the separating from each other 5 seconds after
they started moving to a new life without each other?
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 99
dy
f 0 (x) =
dx
นั้นเป็นอัตราส่วนของผลต่างเชิงอนุพันธ์ dy และ dx
นอกจากนี้ ถ้า dx 6= 0 จะได้ว่า
dy = f 0 (x)dx
∆t = 0.7 − 1 = −0.3
∆t = 5 − (−2) = 7
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 100
∆y = f (x + ∆x) − f (x)
f (x + ∆x) − f (x) ∆y
f 0 (x) = lim = lim
∆x→0 ∆x ∆x→0 ∆x
นั่นคือ เมื่อ ∆x → 0
∆y
f 0 (x) ≈
∆x
ดังนั้น ถ้า ∆x มีค่าน้อยๆ จะได้ว่า
f 0 (x)∆x ≈ ∆y
= f (x + ∆x) − f (x)
จึงสรุปได้ว่า
f (x + ∆x) ≈ f (x) + f 0 (x)∆x เมื่อ ∆x มีค่าน้อยๆ
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 101
ข้อสังเกต. (หลักการประมาณค่าของฟังก์ชันโดยใช้ผลต่างเชิงอนุพันธ์)
ในการประมาณค่า f (x + ∆x) เราต้องคำนึงถึงสองปัจจัยต่อไปนี้
1. ∆x มีค่าน้อยๆ
2. f (x) หาค่าได้ง่าย
√
ตัวอย่าง 3.3.3. จงประมาณค่า 65
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 102
5. 3.024
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 104
0
ทฤษฎีบท 3.5.1. (L’Hôspital’s Rule for Form )
0
กำหนดให้ f และ g เป็นฟังก์ชันที่หาอนุพันธ์ได้บนช่วงเปิดที่คลุม x = a แต่ไม่จำเป็นต้องหาอนุพันธ์ได้ที่
x = a โดยที่
lim f (x) = 0 และ lim g(x) = 0
x→a x→a
f 0 (x)
จะได้ว่า ถ้า lim มีค่าเป็นจำนวนจริง, −∞ หรือ +∞ แล้ว
x→a g 0 (x)
f (x) f 0 (x)
lim = lim 0
x→a g(x) x→a g (x)
1 − cos x
2. lim
x→0 sin x
ex − 1
3. lim
x→0 x3
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 106
∞
ทฤษฎีบท 3.5.2. (L’Hôspital’s Rule for Form )
∞
กำหนดให้ f และ g เป็นฟังก์ชันที่หาอนุพันธ์ได้บนช่วงเปิดที่คลุม x = a แต่ไม่จำเป็นต้องหาอนุพันธ์ได้ที่
x = a โดยที่
lim f (x) = ∞ และ lim g(x) = ∞
x→a x→a
f 0 (x)
จะได้ว่า ถ้า lim มีค่าเป็นจำนวนจริง, −∞ หรือ +∞ แล้ว
x→a g 0 (x)
f (x) f 0 (x)
lim = lim 0
x→a g(x) x→a g (x)
cot x
2. lim
x→0 cot 2x
ln x
3. lim
x→0+ cosec x
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 108
cot x
2. lim
x→0+ ln x
ln(sin x)
3. lim
x→0+ ln(tan x)
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 109
1. lim x ln x
x→0+
1. lim x2 ln x
x→0+
2. lim tan x ln x
x→0+
3. lim (x − π) cot x
x→π
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 111
0 ∞
ซึ่งเราสามารถหาลิมิตของรูปแบบไม่กำหนดข้างต้นได้ โดยการแปลงให้อยู่ในรูป หรือ
0 ∞
• รูปแบบต่อไปนี้ไม่เป็นรูปแบบไม่กำหนด ∞ − ∞
(+∞) + (+∞) = +∞
(−∞) + (−∞) = −∞
(+∞) − (−∞) = +∞
(−∞) − (+∞) = −∞
1. พิจารณาฟังก์ชันในรูป y = f (x)g(x)
3. หาลิมิตของรูปแบบไม่กำหนด 0 · ∞ ค่าที่ได้คือลิมิตของ ln y
4. หาค่าลิมิตของ y โดยใช้สมบัติของ ln
1
ตัวอย่าง 3.5.9. จงหาค่าของ lim (1 + sin x) x
x→0
บทที่ 3. การประยุกต์ของอนุพันธ์ (APPLICATIONS OF DERIVATIVE) 114
1. lim xsin x
x→0+
1. lim (x + 1)cot x
x→0
1
2. lim (1 + 3x) 2x
x→0+
π
3. lim (tan x) 2 −x
x→ π2 −
บทที่ 4
1. f (x) = x2
2. f (x) = e2x
1
3. f (x) =
1 + x2
บทที่ 4. ปริพันธ์และเทคนิคการหาปริพันธ์ (INTEGRATIONS AND TECHNIQUES OF INTEGRATION) 117
เมื่อกำหนดให้
จึงได้ว่า ˆ ˆ
0
f (g(x))g (x) dx = f (u) du
ข้อสังเกต. (ขั้นตอนการหาปริพันธ์โดนการแทนค่า)
1. พิจารณาส่วนประกอบของฟังก์ชันที่จะหาปริพันธ์
4. หาปริพันธ์ตามปกติ
6. สำหรับการหาปริพันธ์จำกัดเขตในรูป
ˆ b
f (g(x))g 0 (x) dx
a
• แทนค่าที่ตัวแปร x: ˆ ˆ b
b
0 0
f (g(x))g (x) dx = f (g(x))g (x) dx
a a
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ˆ x
d
f (t) dt = f (x)
dx c
ˆ x
d 3
ตัวอย่าง 4.4.1. จงหาค่าของ t dt
dx 1
บทที่ 4. ปริพันธ์และเทคนิคการหาปริพันธ์ (INTEGRATIONS AND TECHNIQUES OF INTEGRATION) 128
ˆ xp
ตัวอย่าง 4.4.2. กำหนดฟังก์ชัน F (x) = t2 + 9 dt จงหาค่าของ F (4) และ F 0 (4)
4
บทที่ 4. ปริพันธ์และเทคนิคการหาปริพันธ์ (INTEGRATIONS AND TECHNIQUES OF INTEGRATION) 129
ˆ x2 +1
d
ตัวอย่าง 4.4.3. จงหาค่าของ sin5 t dt
dx −7
ให้ ˆ x
F (x) = sin5 t dt และ g(x) = x2 + 1
−7
จะได้ว่า ˆ x2 +1
F (g(x)) = sin5 t dt
−7
โดยกฏลูกโซ่ จะได้ว่า
ˆ x2 +1
d
sin5 t dt = (F (g(x)))0 = F 0 (g(x))g 0 (x)
dx −7
บทที่ 4. ปริพันธ์และเทคนิคการหาปริพันธ์ (INTEGRATIONS AND TECHNIQUES OF INTEGRATION) 130
ˆ x2
d
ตัวอย่าง 4.4.4. จงหาค่าของ ln t dt
dx 2
บทที่ 4. ปริพันธ์และเทคนิคการหาปริพันธ์ (INTEGRATIONS AND TECHNIQUES OF INTEGRATION) 131
ˆ 5
d
ตัวอย่าง 4.4.5. จงหาค่าของ t3 dt
dx cos x
บทที่ 5
โดยที่
a = x0 < x1 < x2 < . . . < xn−1 < xn = b
ˆ xp
ตัวอย่าง 5.1.2. 1. กำหนดให้ F (x) = t2 + 9 dt จงหา F (4) และ F 0 (4)
4
ˆ x2 +1
d
2. จงหาค่าของ sin5 t dt
dx −7
บทที่ 5. ปริพันธ์จำกัดเขตและการประยุกต์ (DEFINITE INTEGRALS AND ITS APPLICATION) 138
ทฤษฎีบท 5.2.1. กำหนดให้ f และ g เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องบนช่วงปิด [a, b] โดยที่ f (x) ≥ g(x) สำหรับทุก
x ∈ [a, b] จะได้ว่า พื้นที่ซึ่ง
• ถูกปิดล้อมด้านบนโดยเส้นโค้ง y = f (x)
• ถูกปิดล้อมด้านล่างโดยเส้นโค้ง y = g(x)
• ถูกปิดล้อมทางซ้ายด้วยเส้นตรง x = a
• ถูกปิดล้อมทางขวาด้วยเส้นตรง x = b
คือ ˆ b
A= [f (x) − g(x)] dx
a
บทที่ 5. ปริพันธ์จำกัดเขตและการประยุกต์ (DEFINITE INTEGRALS AND ITS APPLICATION) 139
• ถูกปิดล้อมด้านบนโดยเส้นโค้ง y = x + 6
• ถูกปิดล้อมด้านล่างโดยเส้นโค้ง y = x2
• ถูกปิดล้อมทางซ้ายด้วยเส้นตรง x = 0
• ถูกปิดล้อมทางขวาด้วยเส้นตรง x = 2
บทที่ 5. ปริพันธ์จำกัดเขตและการประยุกต์ (DEFINITE INTEGRALS AND ITS APPLICATION) 140
ข้อสังเกต. (หลักในการหาพื้นที่ระหว่างเส้นโค้ง)
1. หาจุดตัดของสมการ
2. ร่างกราฟของสมการ
3. แรเงาพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม
5. ใช้สูตรการหาพื้นที่ที่ถูกปิดล้อม
• ถูกปิดล้อมทางซ้ายโดยเส้นโค้ง x = v(y)
• ถูกปิดล้อมทางขวาโดยเส้นโค้ง x = w(y)
• ถูกปิดล้อมด้านล่างด้วยเส้นตรง y = c
• ถูกปิดล้อมด้านบนด้วยเส้นตรง y = d
คือ ˆ d
A= [w(y) − v(y)] dy
c
√
ตัวอย่าง 5.2.9. จงหาพื้นที่ซึ่งถูกปิดล้อมโดยเส้นโค้ง y = x, y = 12 − x และ y = 1
บทที่ 5. ปริพันธ์จำกัดเขตและการประยุกต์ (DEFINITE INTEGRALS AND ITS APPLICATION) 148
√
ตัวอย่าง 5.2.10. จงหาพื้นที่ซึ่งถูกปิดล้อมโดยเส้นโค้ง y = x − 1, x + 2y = 4 และ y = 2
บทที่ 5. ปริพันธ์จำกัดเขตและการประยุกต์ (DEFINITE INTEGRALS AND ITS APPLICATION) 149
1. y = x2 − x − 4 และ y = x − 1
2. 2y 2 = x + 4 และ x = y 2
3. 3y − x = 6, x + y = −2 และ x + y 2 = 4
x
4. y = และ y 2 = 8 − x
2
√
5. y = −x, y = x และ y = 2
√ −1
6. y = x, y = x และ x = 4
4
7. y = x, xy 2 = 1 และ y = 2
8. y = −x, x = 2 − y 2 และแกน X
x 2
9. y = 6 − x และ y = 9 −
2
√ 3 x
10. y = x, y = − และแกน X
2 2
11. y = x2 + 2x และ y = x3 − 4x
บทที่ 6
1
ตัวอย่าง 6.1.1. พื้นที่สามเหลี่ยม = × ความยาวฐาน × ความสูง
2
1
−→ x 6= 0
x
√
x −→ x≥0
ln x −→ x>0
3. f (x, y) = ln(x2 − y)
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 152
1. f (x, y) = 1 − x − 12 y
p
2. f (x, y) = 1 − x2 − y 2
p
3. f (x, y) = − x2 + y 2
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 153
p
ทุก > 0 มี δ > 0 ซึ่งทำให้ |f (x, y) − L| < โดยที่ 0 < (x − x0 )2 + (y − y0 )2 < δ
x2
2. lim
(x,y)→(0,0) y 4
xy
3. lim
(x,y)→(0,0) x2 + y2
x2 − 1
4. lim
(x,y)→(1,1) y − 1
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 154
aij xi y j
P
2. f (x, y) = (ฟังก์ชันสองตัวแปร)
i=0,1,...,n
j=0,1,...,m
3. lim (f (x, y)g(x, y)) = ( lim f (x, y))( lim g(x, y))
(x,y)→(x0 ,y0 ) (x,y)→(x0 ,y0 ) (x,y)→(x0 ,y0 )
lim f (x, y)
f (x, y) (x,y)→(x0 ,y0 )
4. lim = เมื่อ lim g(x, y) 6= 0
(x,y)→(x0 ,y0 ) g(x, y) lim g(x, y) (x,y)→(x0 ,y0 )
(x,y)→(x0 ,y0 )
x4 − y 4
2. lim
(x,y)→(0,0) x2 − y 2
x2 − 81y 4
3. lim
(x,y)→(0,0) x + 9y 2
sin(x2 + y 2 )
4. lim
(x,y)→(0,0) x2 + y 2
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 155
นอกจากนี้
xy
ตัวอย่าง 6.2.4. ฟังก์ชัน f (x, y) = ต่อเนื่องที่ (−1, 2) หรือไม่ จงอธิบาย
x2 + y 2
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 157
1. f (x, y) = 3x2 y 5
x3 y 2
2. f (x, y) =
1 − xy
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 158
1. ถ้า h(x, y) มีความต่อเนื่องที่ (x0 , y0 ) และ g(u) มีความต่อเนื่องที่ u0 = h(x0 , y0 ) จะได้ว่า g(h(x, y))
มีความต่อเนื่องที่ (x0 , y0 )
2. ถ้า f (x, y) มีความต่อเนื่องที่ (x0 , y0 ) และ x(t), y(t) มีความต่อเนื่องที่ t0 โดยที่ x(t0 ) = x0 และ
y(t0 ) = y0 จะได้ว่า f (x(t), y(t)) มีความต่อเนื่องที่ t0
1. f (x, y) = 4x2 y 5
2. f (x, y) = sin(4x2 y 5 )
1. f ± g, f g มีความต่อเนื่องที่ (x0 , y0 )
f
2. ถ้า g(x0 , y0 ) 6= 0 จะได้ว่า มีความต่อเนื่องที่ (x0 , y0 )
g
∂f f (x + h, y0 ) − f (x, y0 )
fx (x0 , y0 ) = (x, y0 ) = lim
∂x x=x0 h→0 h
∂f f (x0 , y + h) − f (x0 , y)
fy (x0 , y0 ) = (x0 , y) = lim
∂y y=y0 h→0 h
∂f ∂z
ข้อสังเกต. ให้ f (x, y) = z เป็นฟังก์ชันสองตัวแปร เราใช้สัญลักษณ์ fx , , แทน อนุพันธ์ย่อยของ f เทียบกับ
∂x ∂x
x นอกจากนี้เราใช้สัญลักษณ์
∂f ∂f ∂z ∂f ∂z
, , , (x0 , y0 ), (x0 , y0 ), fx (x0 , y0 )
∂x x=x0 ,y=y0 ∂x (x0 ,y0 ) ∂x (x0 ,y0 ) ∂x ∂x
∂f ∂f ∂z ∂f ∂z
, , , (x0 , y0 ), (x0 , y0 ), fy (x0 , y0 )
∂y x=x0 ,y=y0 ∂y (x0 ,y0 ) ∂y (x0 ,y0 ) ∂y ∂y
∂f ∂f
ตัวอย่าง 6.3.1. จงหา (x0 , y0 ) และ (x0 , y0 ) ของฟังก์ชัน f และ (x0 , y0 ) ดังต่อไปนี้
∂x ∂y
1. f (x, y) = 2x3 y 2 + 2y + 4x, (x0 , y0 ) = (1, 3)
∂f ∂f ∂f
ตัวอย่าง 6.3.2. จงหา (x0 , y0 , z0 ), (x0 , y0 , z0 ) และ (x0 , y0 , z0 ) ของฟังก์ชัน
∂x ∂y ∂z
f (x, y, z) = x3 y 2 z 4 + 2xy + z ที่ตำแหน่ง (x0 , y0 , z0 ) = (−1, 1, 2)
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 163
∂f ∂f ∂f
ตัวอย่าง 6.3.3. จงหา , และ ของฟังก์ชัน f (ρ, θ, φ) = ρ2 cos φ sin θ
∂ρ ∂θ ∂φ
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 164
..
.
∂f ∂y
n. fxn , , คืออนุพันธ์ของ f เทียบกับ xn โดยที่พิจารณา x1 , x2 , . . . , xn−1 เป็นค่าคงที่
∂xn ∂xn
∂f
ตัวอย่าง 6.3.4. จงหา โดยที่ i = 1, 2, . . . , n ของฟังก์ชัน n ตัวแปร f ดังต่อไปนี้่
∂xi
x1 + x2 + . . . + xn
1. f (x1 , x2 , . . . , xn ) =
n
2. f (x1 , x2 , . . . , xn ) = ex1 +x2 +...+xn
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 165
2. xy 2 z 2 = 1
1
3. tan(x2 5y z) =
2
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 168
∂z ∂z
ตัวอย่าง 6.3.8. กำหนดให้ z = f (x, y) จงหา และ ของฟังก์ชันต่อไปนี้
∂x ∂y
1. x2 y + xz 3 = 5
2. cos(xyz) = 1
3. ln(yz 2 ) + xz = 6
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 170
2 1 2
ตัวอย่าง 6.3.9. จงหาความชันของพื้นผิวทรงกลม x2 + y 2 + z 2 = 1 ในทิศทางของ y ที่ตำแหน่ง ( , , ) และ
3 3 3
2 1 −2
( , , )
3 3 3
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 171
p
ตัวอย่าง 6.3.10. จากทฤษฎีบทของพิทาโกรัส ความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก D = x2 + y 2 เมื่อ x และ y เป็นด้าน-
ประกอบมุมฉาก จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงของระยะ D เทียบกับ x โดยที่พิจารณาให้ y เป็นค่าคงที่ เมื่อกำหนดให้
x = 3 และ y = 4
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 172
∂2f ∂ ∂f
1. = = fxx หาอนุพันธ์ย่อยเทียบกับ x สองครั้ง
∂x2 ∂x ∂x
∂2f ∂ ∂f
2. = = fyy หาอนุพันธ์ย่อยเทียบกับ y สองครั้ง
∂y 2 ∂y ∂y
∂2f ∂ ∂f
3. = = fxy หาอนุพันธ์ย่อยเทียบกับ x ก่อน แล้วจึงเทียบกับ y
∂y∂x ∂y ∂x
∂2f ∂ ∂f
4. = = fyx หาอนุพันธ์ย่อยเทียบกับ y ก่อน แล้วจึงเทียบกับ x
∂x∂y ∂x ∂y
1. f (x, y) = x2 y 3 + x4 y
2. f (x, y) = xy 2 + ln x + sin 2y
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 173
ทฤษฎีบท 6.3.1. ให้ f เป็นฟังก์ชันสองตัวแปร ถ้า fxy และ fyx มีความต่อเนื่องบนแผ่นกลมเปิด (Open Disk)
แล้วจะได้ว่า fxy = fyx บนแผ่นกลมเปิดนั้น
∂3f ∂ ∂2f
1. = = fxxx
∂x3 ∂x ∂x2
∂3f ∂ ∂2f
2. = = fxyy
∂y 2 ∂x ∂y ∂y∂x
∂4f ∂ ∂3f
3. = = fxyxy
∂y∂x∂y∂x ∂y ∂x∂y∂x
dy dy dx
=
dt dx dt
dy
dx
dx
dt
ทฤษฎีบท 6.4.1. ให้ x = x(t) และ y = y(t) เป็นฟังก์ชันหนึ่งตัวแปรซึ่งหาอนุพันธ์ ได้ที่ t และ z = f (x, y)
เป็นฟังก์ชันสองตัวแปรซึ่งหาอนุพันธ์ได้ที่ (x, y) = (x(t), y(t)) จะได้ว่า z = f (x(t), y(t)) สามารถหาอนุพันธ์-
ได้ที่ t และ
dz ∂z dx ∂z dy
= +
dt ∂x dt ∂y dt
∂z ∂z
∂x ∂y
x y
dx dy
dt dt
t t
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 175
dz
ตัวอย่าง 6.4.1. กำหนดให้ z = x2 y, x = t2 , y = t3 จงหา โดยวิธีดังต่อไปนี้
dt
1. ใช้กฎลูกโซ่
2. แทนค่าโดยตรง
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 176
1 dz
ตัวอย่าง 6.4.2. กำหนดให้ z = 3 cos x − sin(xy), x = , y = 3t จงหา โดยใช้กฎลูกโซ่
t dt
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 177
dw ∂w dx ∂w dy ∂w dz
= + +
dt ∂x dt ∂y dt ∂z dt
w
∂w ∂w ∂w
∂x ∂y ∂z
x y z
dx dy dz
dt dt dt
t t t
p dw π
ตัวอย่าง 6.4.3. กำหนดให้ w = x2 + y 2 + z 2 , x = 2 cos θ, y = 3 sin θ, z = 4 cos(4θ) จงหา เมื่อ θ =
dθ 2
โดยใช้กฎลูกโซ่
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 178
∂z ∂z ∂x ∂z ∂y ∂z ∂z ∂x ∂z ∂y
1. = + 2. = +
∂u ∂x ∂u ∂y ∂u ∂v ∂x ∂v ∂y ∂v
z
∂z ∂z
∂x ∂y
x y
∂x ∂x ∂y ∂y
∂u ∂v ∂u ∂v
u v u v
u ∂z ∂z
ตัวอย่าง 6.4.4. กำหนดให้ z = exy , x = 2u + v, y = จงหา และ โดยใช้กฎลูกโซ่
v ∂u ∂v
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 179
∂w ∂w ∂x ∂w ∂y ∂w ∂z ∂w ∂w ∂x ∂w ∂y ∂w ∂z
1. = + + 2. = + +
∂u ∂x ∂u ∂y ∂u ∂z ∂u ∂v ∂x ∂v ∂y ∂v ∂z ∂v
w
∂w ∂w ∂w
∂x ∂y ∂z
x y z
∂x ∂x ∂y ∂y ∂z ∂z
∂u ∂v ∂u ∂v ∂u ∂v
u v u v u v
∂w ∂w
ตัวอย่าง 6.4.5. กำหนดให้ w = exyz , x = 3u + v, y = 3u − v และ z = u2 v จงหา และ โดยใช้กฎลูกโซ่
∂u ∂v
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 180
ข้อสังเกต. เราสามารถสรุปกฎลูกโซ่ทั้งหมดที่ผ่านมาได้ดังนี้
1. พิจารณาว่าตัวแปรแต่ละตัวขึ้นกับตัวแปรใดบ้าง
2. วาดเขียนแผนภูมิต้นไม้
dw
ตัวอย่าง 6.4.7. กำหนดให้ w = xy + yz, y = sin x และ z = ex จงหา โดยใช้กฎลูกโซ่
dx
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 182
เราสามารถให้นิยามในทำนองเดียวกันนี้สำหรับฟังก์ชันสามตัวแปรได้เช่นกัน
−−
f (x, y)หาอนุพันธ์ได้ที่(x0 , y0 ) )−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−−
−*
− f (x, y)ต่อเนื่องที(่ x0 , y0 )
∂f ∂f
∂x
(x0 ,y0 ) และ ∂y
(x0 ,y0 ) หาค่าได้
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 184
4f ≈ df
= fx (x0 , y0 )dx + fy (x0 , y0 )dy
= fx (x0 , y0 ) 4 x + fy (x0 , y0 ) 4 y
2x + y
ตัวอย่าง 6.5.4. จงประมาณค่าการเปลี่ยนแปลงของฟังก์ชัน f (x, y) = จากตำแหน่ง (1, 3) ไปยัง (1.03, 2.99)
x + 3y
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 187
4f ≈ df
= fx (x0 , y0 , z0 )dx + fy (x0 , y0 , z0 )dy + fz (x0 , y0 , z0 )dz
= fx (x0 , y0 , z0 ) 4 x + fy (x0 , y0 , z0 ) 4 y + fz (x0 , y0 , z0 ) 4 z
ตัวอย่าง 6.5.5. จงประมาณค่าการเปลี่ยนแปลงของฟังก์ชัน f (x, y, z) = ln(x + yz) จากตำแหน่ง (2, 1, −1) ไปยัง
(2.02, 0.97, −1.01)
บทที่ 6. ฟังก์ชันหลายตัวแปร (MULTIVARIABLE FUNCTIONS) 188
4f ≈ fx (x0 , y0 ) 4 x + fy (x0 , y0 ) 4 y
และเนื่องจาก
จึงได้ว่า
f (x, y) ≈ f (x0 , y0 ) + fx (x0 , y0 )(x − x0 ) + fy (x0 , y0 )(y − y0 )
[1] Anton, Howard, et al. Calculus Early Transcendentals (10th Edition). John Wiley & Sons, Inc., Hoboken,
NJ, 2012.