Professional Documents
Culture Documents
เรื่อง การศึกษาและพัฒนาการส่งพลังไฟฟ้าในรูปแบบของคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้าโดยมีลำเเสงความถี่
สูงเป็นตัวกลาง
The research of electric transport in electromagnetic radiation formation with
light amplification stimulated emission in high frequency
โดย
นาย อภิญญา นิยะนุช
ครูที่ปรึกษา
นาย ศรสนั่น นนที
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานวิทยาศาสตร์/คณิตศาสตร์
สาขาฟิสิกส์พลังงานและดาราศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น/ตอนปลาย ปีการศึกษา 2565
ตามหลักสูตรโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เลย
โครงงานวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ พลังงานและดาราศาสตร์
เรื่อง การศึกษาและพัฒนาการส่งพลังไฟฟ้าในรูปแบบของคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้าโดยมีลำเเสงความถี่
สูงเป็นตัวกลาง
The research of electric transport in electromagnetic radiation formation with
light amplification stimulated emission in high frequency
โดย
นาย อภิญญา นิยะนุช
ลงชื่อ...........................................ครูที่ปรึกษาหลัก
(นาย ศรสนั่น นนที)
ลงชื่อ...........................................หัวหน้างานโครงงาน ลงชื่อ...........................................รองผู้อำนวยการ
(…………………………………..) (นายปรัชญากร ฮดมาลี)
ลงชื่อ...........................................ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน
(นายกิตติชัย กรวยทอง)
ชื่อโครงงาน : การศึกษาและพัฒนาการส่งพลังไฟฟ้าในรูปแบบของคลื่นเเม่เหล็กมีลำเเสงความถี่สูง
เป็นตัวกลาง
ชื่อผู้จัดทำ : นาย อภิญญา นิยะนุช
ชื่อครูที่ปรึกษา : นาย ศรสนั่น นนที
สาขา : ฟิสิกส์ พลังงาน และดาราศาสตร์
ปีการศึกษา : 2565
โรงเรียน : วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เลย
บทคัดย่อ
ในยุคปัจจุบันนับว่าไฟฟ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในชีวิตมนุษย์แต่กลับพบว่าการส่งกระแสไฟฟ้าในปัจจุบัน
ยังมีปัญหาที่เกิดจากการส่งกระแสไฟฟ้าแบบเดินสายจำนวนมาก เช่น การสึกกร่อนของสายไฟ การไหม้ของสายไฟ
ที่มีปริมาณกระแสไฟฟ้าเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุในการทำให้เกิดความเสีย หายในหลายๆด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ หรือ
ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ด้วยเหตุผู้จัดทำโครงงานจึง มีความประสงค์ในการศึกษาการส่งพลังงานไฟฟ้ าใน
รูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยใช้แสงเลเซอร์ความถี่สูงเป็นตัวกลาง เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถ
เคลื่อนที่โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้สามารถลดปัญหาต่างๆที่กล่าวมาในขั้นต้นได้ โดยผู้ทำการทดลองได้นำแบบ
ทดลองของเฮิรตซ์ มาประยุกต์โดยมุ่งเน้นไปที่ขยายระยะทางในการส่งกระแสไฟฟ้าจากแบบทดลองเดิม ผลการ
ทดลองผู้จัดทำพบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงสามารถเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำจากชุดทดลอง
ของเฮิรตซ์ ให้มีระยะทางที่ไกลขึ้นซึ่งเป็นไปตามกฎแม่เหล็กไฟฟ้าทั้ง 4 ข้อ ของแมกซ์เวลล์ โดยมีระยะทาง 1.5 ม.,
3 ม. และ 4.5 ม. ตามลำดับ เท่านั้นที่ไดโอดส่องสว่าง โดยวัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปได้ 0.12mA ,0.07mA และ
0.036mA ตามลำดับ จากการคำนวณพบว่าไดเวอเจนท์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นมีขนาด 1.46 ตร.ม. เสมอ
โดยผลการทดลองจำเป็นต้องควบคุมปัจจัยหลาย เช่น แสงสว่างในสถานที่ทดลอง อุณหภูมิ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าของ
โลก สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิ ดขึ้น และความต่างศักย์ไ ฟฟ้าในการทดลอง จากผลการทดลองสามารถยืนยัน
สมมติฐานที่ว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถเหนี่ยวนำสนามไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ เนื่องจากผลทดลอง
ที่ได้มีความใกล้เคียงกับค่าไดเวอเจนท์ที่ได้จากการคำนวณที่แสดงถึงการเกิดรีโซแนนซ์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คำสำคัญ: คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สนามไฟฟ้า การเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
กิตติกรรมประกาศ
ผู้จัดทำ
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
บทที่ 1 บทนำ 1
1.1 ที่มาและความสำคัญ 1
1.2 วัตถุประสงค์ 1
1.3 ขอบเขตของการศึกษา 2
1.4 สมมติฐาน 2
1.5 ตัวแปรที่ศึกษา 2
1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
1.7 นิยามเชิงปฏิบัติการ 2
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3
2.1 กฎและสมการของแมกซ์เวลล์ (Maxwell) 3
2.2 การทดลองของเฮิรตซ์ 5
2.3 การสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้น 6
2.5 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 7
บทที่ 3 วิธีดำเนินการทดลอง 10
3.1 วัสดุ 10
3.2 ขั้นตอนในการทดลอง 11
บทที่ 4 ผลการทดลอง 12
4.1 ตารางบันทึกค่าตัวแปรควบคุมต่างๆ 12
4.2 ผลการทดลอง 12
4.3 วิเคราะห์ข้อมูล สมการ และข้อเท็จจริงจากการทดลอง 13
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 15
5.1 สรุปผลการทดลอง 15
5.2 อภิปรายผลการทดลอง 15
5.3 ข้อเสนอแนะ 15
บรรณานุกรม 16
ภาคผนวก ก 18
จ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
ตารางที่ 1 ตารางบันทึกค่าตัวแปรควบคุม 12
ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการทดลอง 12
ฉ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
ภาพที่ 1 วงจรชุดทดลองของเฮิรตซ์ 5
ภาพที่ 2 แบบจำลองการรวมกันของคลื่นทั้งสอง 13
ภาพผนวกที่
1 ตัวรับสัญญาณแบบเสา(รับสัญญาณคลื่นไฟฟ้า) 19
2 ภาพการวัดยะหะห่างในการต่อแบบทดลองเฮิรตซ์แบบปกติ 19
3 ภาพวงจรภายในที่ต่อเสร็จแล้ว 19
4 ตัวส่งสัญญาณ 19
5 การติดตั้งแผ่นโลหะเพื่อควบคุมทิศทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 20
6 วงจรแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ(ไฟบ้าน)เป็นกระแสตรง 20
7 ภาพการทดสอบการทดลองครั้งแรก 20
8 ภาพระยะทางที่ไดโอดเปล่งแสงครั้งแรก (4.5 ม ) 20
1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบัน ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมนุษย์ แสงสว่าง ความก้าวหน้า และ
เทคโนโลยี ทั้งหมดล้วนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่การส่งกระแสไฟฟ้าในปัจจุบันยังมีข้ อเสียอย่างมากเพราะ
จำเป็นต้องผ่านตัวกลางที่เรียกว่า สายไฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสียหลักของการส่งกระแสไฟฟ้าเนื่องจากกระแสไฟฟ้า
จำเป็นต้องมีตัวกลางซึ่งมีของจำกัดในแรงดันไฟฟ้า ระยะทาง และปัจจัยภายนอกต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้นเราก็
สามารถพบเห็นปัญหาต่างๆจนเคยชิน เช่น การสึกกร่อนของสายไฟฟ้าจนเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร การถูก ทำลาย
โดยปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น สัตว์ต่างๆ ภัยทางธรรมชาติ หรือจะเป็นการสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นปัญหา
ทางขยะที่จัดการยากเป็นอันดับต้นๆของโลก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้จัดทำต้องการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา
1.3 ขอบเขตของการศึกษา
การศึกษาระยะทางที่สามารถเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยใช้ชุดทดลองของเฮิรตซ์
เป็นต้นแบบ ที่ใช้ชุดยิงแสงเลเซอร์ที่มีความถี่สูงมาซ้อนทับกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จากการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้า
โดยยิงผ่านจุดที่เกิดการแลกเปลี่ยนประจุของกระแสไฟฟ้าปรากฏในชุ ดทดลองของเฮิรตซ์ โดยมีตัวรับเป็นแผ่น
โลหะที่มีขดลวด ที่มีความถีร่ ีโซแนนซ์ของวงจรส่งคลื่นพอดี เพื่อรับคลื่นไฟฟ้ามาทำให้ไดโอดเปล่งแสง
1.4 สมมติฐาน
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาในความถี่ต่างกันสามารถเหนี่ยวนำคลื่นไฟฟ้าไปตามลำแสงของเลเซอร์
ไปสู่ตัวรับสัญญาณที่อยู่ไกลออกไปสามารถรับคลื่นไฟฟ้าส่งไปยังไดโอดเพื่อใช้เปล่งแสงสว่างขึ้นได้
1.5 ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น ระยะทางที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำสนามไฟฟ้าไปสู่ตัวรับสัญญาณ
ตัวแปรตาม ตัวรับได้รับกระแสไฟฟ้าเข้ามาในระบบจนทำให้ไดโอดเปล่งแสง
ตัวแปรควบคุม ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความถี่คลื่น แสงสว่างในสถานที่ทดลอง อุณหภูมิ แรง
แม่เหล็กไฟฟ้าของโลก สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.6.1 เปิดทางหรือเป็นโอกาสใหม่ๆในการถ่ายทอดพลังงานในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
1.6.2 สามารถเป็นที่อ้างอิงให้กับการวิจัยหรือพัฒนาการส่งพลังงานในรูปแบบไร้สายในอนาคตได้
1.6.3 เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับการส่งพลังงานรูปแบบใหม่
1.7 นิยามเชิงปฏิบัติการ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ( Electromagnetic wave ) คือ คลื่นชนิดหนึ่งที่เคลื่อนที่โดยไม่อาศัยตัวกลาง โดย
อาศัยการเหนี่ยวนำกันระหว่างสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทิศของสนามทั้งสองตั้ง
ฉากกันและตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่
การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Electro magnetic induction) คือ กระแสไฟฟ้าในขดลวดตัวนำเกิดจาก
การที่มีการเปลี่ยนแปลงฟลักซ์แม่เหล็กที่ผ่านขดลวดตัวนำเรียกการทำให้เกิดกระเกิดกระแสไฟฟ้า
สนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Field: EMF) คือ เส้นสมมุติที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงอาณาเขตและ
ความเข้มของเส้นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุที่มี ความแตกต่างของศักย์ไฟฟ้าหรือแรงดันไฟฟ้า (เรียกว่า สนามไฟฟ้า)
และที่เกิดขึ้นโดยรอบ วัตถุที่มีกระแสไฟฟ้าไหล (เรียกว่า สนามแม่เหล็ก) ในกรณีกล่าวถึง สนามไฟฟ้า
3
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จากที่กล่าวมาในบทนำ เราจึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าลงไปในคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยสิ่งแรกที่เราจะ
กล่าวถึงและเป็นพื้นฐานในการศึกษาเรื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ได้แก่
∮ 𝐸⃑ ∙ 𝑑𝐴 = ∫(𝐷
⃑ ∙ 𝐸⃑ )𝑑𝑣
จะได้
4
⃑ ∙ 𝐸⃑ )𝑑𝑣 = ∫ 𝜌 𝑑𝑣0-
∫(∇ 𝜀 0
∫ 𝐸⃑ ∙ 𝑑𝑙 = ∫(∇
⃑ × 𝐸⃑ ) ∙ 𝑑𝐴
จะได้ว่า
⃑ × 𝐸⃑ ) ∙ 𝑑𝐴 = − 𝑑 ∫ 𝐵
∫(∇ ⃑ ∙ 𝑑𝐴
𝑑𝑡
⃑ ∙ 𝑑𝑙 = 𝜇0 (𝐼 + 𝐼𝑑 )
∮𝐵
จาก Stokes' Theorem
⃑ × 𝐸⃑ ) ∙ 𝑑𝐴 = 𝜇0 (∫ 𝐽 ∙ 𝑑𝐴 + 𝜀0 ∫ (𝑑𝐸⃑) ∙ 𝑑𝐴)
∫(∇ 𝑑𝑡
⃑ × 𝐸⃑ = 𝜇0 𝐽 + 𝜇0 𝜀0 𝑑𝐸⃑
∇
𝑑𝑡
2.2 การทดลองของเฮิรตซ์
เฮิรตซ์ ได้ทดลองเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์ โดยใช้ขดลวดเหนี่ยวนำที่ให้ค่าความ
ต่างศักย์สูงเชื่อมต่อกับโลหะทรงกลม 2 ลูกซึ่งวางใกล้กันมาก จะมีหน้าที่คล้ายกับตัวเก็บประจุ อุปกรณ์ชิ้นนี้คล้าย
กับวงจร LC ของเครื่องส่งคลื่นวิทยุ การออสซิลเลตของคลื่นทำได้โดย ป้อนความต่างศักย์เป็นช่วงคลื่นสั้นๆ เข้าไป
ที่ขดลวดตัวนำ จะเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ประมาณ 100 MHz จากนั้นเฮิรตซ์สร้างวงจรขึ้นมาอีกวงหนึ่ง
ภาพที่ 1 วงจรชุดทดลองของเฮิรตซ์
6
2.3 การสูญเสียต่างๆที่เกิดขึน้
ในระบบการสื่อสารแบบไร้สายนั้น จะได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิประเทศโดยรอบเป็น เสียส่วนใหญ่
และจากสภาพภูมิประเทศนั้นจะทำให้สัญญาณการส่งข้อมูลนั้นกระเจิง สะท้อน เลี้ยวเบนและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่ง
นั้นก็ขึ้นอยู่กับระหว่างทางภาครับและภาคส่งนั้ นจะมีสิ่ง ใดมากีด ขวางบ้าง ดังนั้ นจึงเป็นเรื่องปกติที่สัญ ญาณที่
ภาครับนั้นจะมีค่าของกําลังสัญญาณที่ ลดลงไปโดยจะ ขึ้ นอยู่กับระยะห่างและสภาพโดยรอบของภาครับและ
ภาคส่ง โดยการสูญเสียของสัญญาณนั้นจะ ยกตัวอย่างมาได้ดังนี้
2.3.1 การสูญเสียในอากาศว่าง (Free Space Loss: FSL)
การสูญเสียในอากาศว่าง (Free Space Loss : FSL) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่จะมีผล มากขึ้นเมือ่ เป็น
การสื่อสารที่ ไร้สาย โดยเป็นอีกหนึ่ งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดการลดทอนสัญญาณ ระหว่างภาครับและภาคส่ง
เนื่องจากการเดินทางของคลื่นในอากาศพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะ ลดลงตามระยะทางที่ เคลื่อนที่ไป ซึ่งจะ
สามารถอธิบายได้จากสมการส่งกําลังฟริส (Friss)
𝑃𝑟 = 𝑃𝑡 𝐺𝑡 𝐺𝑟
เมื่ อ 𝑃𝑟 คื อ กํ า ลั ง สั ญ ญาณของภาครับ 𝑃𝑡 คื อ กํ า ลั ง สั ญ ญาณของภาคส่ ง 𝐺𝑟 คื อ อั ต ราขยาย ของ
สายอากาศภาครับ 𝐺𝑡 คืออัตราขยายของสายอากาศภาคส่ง 𝑟 คือระยะทางระหว่างภาครับ และภาคส่ง และ λ
คือความยาวคลื่นของสัญญาณ(แปรผกผันกับความถี)
2.3.2 การสูญเสียจากการเลี้ยวเบน (Diffraction loss)
การเลี้ยวเบนเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่ งที่ทำให้เกิดผลทำให้สูญเสียของสัญญาณที่ภาครับซึ่ง จะเกิดจาก
สองลักษณะคือ ในกรณีที่เส้นทางระหว่างภาคส่งและภาครับมีสิ่งกีดขวาง ทำให้ภาครับ และส่งไม่สามารถที่จะเห็น
กันได้ หรือเส้นทางที่มองไม่เห็นกัน(Non Line of sight: NLOS) และใน กรณีที่เส้นทางระหว่างภาคส่งและภาครับ
ไม่มีสิ่งกีดขวางมากนัก ทำให้ภาคส่งและภาครับเห็นกัน (Line of sight :LOS)
7
2.5 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า (Electromagnetic Radiation) เป็ น คลื่ น ชนิ ด หนึ่ ง ที่ ไ ม่ ต ้ อ งใช้ ต ั ว กลางใน การ
เคลือ่ นที่ เช่น คลื่นวิทยุ(Radio waves) คลืน่ ไมโครเวฟ (Microwaves)
ปัจจุบันมีการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในหลายๆด้านเช่น การติดต่อสื่อสาร (มือถือ โทรทัศน์ วิทยุ เรดาร์ ใย
แก้วนําแสง) ทางการแพทย์ (รังสีเอกซ์) การทําอาหาร (คลื่นไมโครเวฟ) การควบคุม รีโมท (รังสีอินฟราเรด)
8
2.8.2 ความยาวคลืน่
ความยาวคลื่นคือระยะทางระหว่างส่วนที่ ซ้ำกันของคลื่นสัญลักษณ์แทนความยาวคลื่ นที่ใช้ กันทั่วไปคือ
อักษรกรีกแลมบ์ดา (λ) แกนนอนในแผนภูมิแทนระยะทางและแกนตั้งแทนค่า ณ เวลาหนึ่งของปริมาณหนึ่งซึ่ง
กําลังเปลี่ยนแปลง (ตัวอย่างเช่น สำหรับคลืน่ เสียงปริมาณที่กําลัง เปลี่ยนแปลงก็คือแรงดันอากาศ หรือสำหรับคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าปริมาณที่กําลังเปลี่ยนแปลงก็คือ สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก) ซึ่งเป็นฟังก์ชันของระยะทาง
𝜆 = ความยาวคลื่น
𝑓 = ความถี่ของคลื่น
เมื่อคลื่นแสง (หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ) เดินทางในตัวกลางใดที่ ไม่ใช่สุญญากาศ ความยาวคลื่ นจะ
ลดลงด้วยอัตราส่วนเท่ากับดรรชนีหักเห 𝑛 ของตัวกลางนั้นแต่ความถี่ จะยังคงเท่าเดิม ความยาวคลื่ นแสงใน
ตัวกลางใดๆ สามารถเขียนได้เป็น
𝜆0
𝜆′ = 𝑛
เมือ่ 𝜆0 คือความยาวคลื่นในสุญญากาศ
ไม่ว่าคลื่นแสงจะเดินทางอยู่ในตัวกลางใด เมื่ อเราอ้างถึงความยาวคลื่น มักหมายถึงความ ยาวคลื่ นใน
สุญญากาศเสมอหลุยส์-วิคทอร์ เดอบรอยล์ค้นพบว่าอนุภาคที่ มีโมเมนตัมมีความยาว คลื่นซึ่งสัมพันธ์กับฟังก์ชัน
คลืน่ ของอนุภาคนั้น เรียกว่าความยาวคลื่นของเดอบรอยล
10
บทที่ 3
วิธีดำเนินการทดลอง
จากบทก่อนหน้านำมาซึ่งอุปกรณ์และวัสดุที่เราจำเป็นในการต่อชุดทดลองของเฮิรตซ์ และการวางวงจร
เพื่อเพิ่มปริมาณความต่างศักย์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มระยะทางในการส่งกระแสไฟฟ้าให้เป็นไปตามทฤษฎีของแมกซ์เวลล์
3.2 ขั้นตอนในการทดลอง
3.2.1 ทำการต่อแบบทดลองของเฮิรตซ์ เข้ากับสวิตช์เปิด-ปิด และต่อไฟฟ้าบ้านเข้าไปในวงจรไฟฟ้า พร้อม
ทั้งติดตั้งตัวเหนียวนำปลายแหลมเพื่อให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้าระหว่างตัวเหนียวนำ
3.2.2 วัดระยะทางห่างจากตัวเหนี่ยวนำทั้งสองที่ทำให้การถ่ายเทประจุไฟฟ้า สังเกตุและบันทึกผล
3.2.3 ติดตั้งชุดยิงเเสงเลเซอร์ ให้ลำเเสงฉายไปในช่องระหว่างตัวเหนี่ยวนทั้งสองที่ถ่ายเทประจุกันในชุด
ทดลองของเฮิรตซ์
3.2.4 ติดตั้งเเผ่งโลหะที่ตัวรับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าบริเวณตัวเหนี่ยวนำ และนำตัวรับสัญญาณไปตั้งให้อยู่ใน
ระนาบเดียวกับลำเเสง
3.2.5 เปิดสวิตช์ไฟจ่ายกระเเสไฟฟ้า สังเกตุการเปล่งเเสงของไดโอด พร้อมทั้งวัดค่าในตัวแปรควบคุมต่างๆ
3.2.6 เปลี่ยนระยะห่างตัวส่งสัญญาณกับตัวรับสัญญาณเป็น 1.5 ม. ,3 ม. และ 4.5 ม. ตามลำดับ สังเกต
ว่า ไดโอดเปล่งเเสงหรือไม่ สังเกตและบันทึกผล
12
บทที่ 4
ผลการทดลอง
4.1 ตารางบันทึกค่าตัวแปรควบคุมต่างๆ
จากบทที่ 2 สามารถกล่าวได้ว่าการทดลองนี้มีตัวแปรต่างๆที่ส่งผลต่อผลการทดลองอยู่เป็นจำนวนมาก
เช่น ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความถี่คลื่น แสงสว่างในสถานที่ทดลอง อุณหภูมิ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าของ
โลก สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
ระยะทางที่ใช้ทดลอง ความต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าสลับ ความถี่คลื่น แสงสว่างในสถานที่ทดลอง อุณหภูมิ
เลเซอร์
1.5 ม. 1200 v 50 Hz 532nm 112.6 Lux 27.1
3 ม. 1200 v 50 Hz 532nm 136.8 Lux 27.3
4.5 ม. 1200 v 50 Hz 532nm 122.1 Lux 26.5
ตารางที่ 1 ตารางบันทึกค่าตัวแปรควบคุม
4.2 ผลการทดลอง
จากการทดลองผู้จัดทำมุ่งเน้นไปที่ระยะทาง และความสามารถในการส่งกระแสไฟฟ้า ไปยังตัวรับสัญญาณ
โดยมีระยะทาง 1.5 ม. , 3 ม. และ 4.5 ม. ดังนี้
ระยะทาง กระแสไฟฟ้าในตัวรับ ค่าเฉลี่ย ความต่างศักย์ในตัวรับ ค่าเฉลี่ย ไดโอดสว่างหรือไม่
1.5 .ม 0.12 0.13 0.11 0.12 mA 4.48 v 4.47 v 4.49 v 4.48 v สว่าง
3 ม. 0.07 0.07 0.08 0.07 mA 3.50 v 3.36 v 3.42 v 3.426 v สว่างปานกลาง
4.5 ม. 0.03 0.04 0.04 0.036 mA 2.40 v 2.26 v 2.35 v 2.336 v สว่างน้อย
ตารางที่ 2 ตารางแสดงผลการทดลอง
13
ภาพที่ 2 แบบจำลองการรวมกันของคลื่นทั้งสอง
4.3.2 สมการ
อันดับแรกของการคำนวณจากข้อมูลที่เก็บมาทำให้ ข้อมูลที่สามารถบ่งบอกสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้โดยตรง
เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถวัดค่าของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้โดยตรงเราจึงต้องคำนวณ หาสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
ℎ𝑐
ด้วยสมการ Ε = ℎ𝑣 หรือ Ε = 𝜆
ด้วยสมการดั่งกล่าวเราจึงคำนวณหาค่าพลังสนามแม่เหล็กของลำแสงเลเซอร์ได้
6.6 𝑥 10−34 𝑥 3.0 𝑥 108
Ε=
532 𝑥 10−9
Ε = 3.7𝑥10−19
หาค่าพลังสนามแม่เหล็กของตัวส่งสัญญาณ
Ε = 6.6 𝑥 10−34 𝑥 5 𝑥 107
Ε = 3.3 𝑥 10−26
ก่อนเราจะทำการคำนวณใดๆในขั้นตอนนี้ เราจำเป็นต้องหาการกระจัดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 𝜓
จากการทดลองเสียก่อน โดยจากการคำนวณผู้จัดทำพบว่าค่าที่ได้คือ
14
⃑ =Ε
Ε ⃑ เลเซอร์ + Ε
⃑ ตัวส่ง
𝑑𝐸⃑
⃑∇ × 𝐵
⃑ = 𝜇0 𝐽 + 𝜇0 𝜀0
𝑑𝑡
⃑ ×𝐵
∇ ⃑ = (4𝜋 × 10−7 )(11.9 × 105 )
−7 −12
𝑑(3.7 × 10−19 )
+(4𝜋 × 10 )(8.85 × 10 )
𝑑𝑡
⃑∇ × 𝐵
⃑ ≈ 1.49438 𝑚2
4.3.3 ข้อเท็จจริงจากผลการทดลอง
จากทั้งผลการทดลองและการคำนวณในสมการพบว่าค่าทั้งสองที่ได้มีความใกล้เคียงกัน การคำนวณพบว่า
สนามแม่เหล็กที่ไดเวอเจนท์ 1.46 ตร.ม แสดงว่าในปลายสุดของห้องไดเวอเจนท์จะเกิดรีโซแนนซ์ของคลื่น พอดี
ตามการทดลองของเฮิรตซ์ที่กล่าวว่า “วงจรรับคลื่น จะสามารถรับคลื่นได้ก็ต่อเมื่อ ความถี่ที่ส่งมานั้นเป็นความถี่รี
โซแนนซ์ของวงจรรับคลื่นพอดี ถ้าความต่างศักย์บนขดลวดชุดรับคลื่นมีค่าสูง จะทำให้เกิดประกายไฟข้ามไปมา
ระหว่ า งทรงกลมทั ้ งสอง” ทำให้ ต รงกับ บั นทึ กผลการทดลองที ่ส ามารถระบุไ ด้ ว่ า ในประมาณทุ ก ๆ 1.5 m
กระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งไปนั้นก็หายไปประมาณครึ่งของระยะก่อน เช่นกัน กล่าวคือ การทดลองนี้มีอัตราการสูญเสีย
พลังงานแปรผันตรงกันกับระยะทาง และปัจจัยภายนอกต่างๆหากไม่มีการควบคุมอย่างแน่นหนา
15
บทที่ 5
5.1 สรุปผลการทดลอง
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองสามารถสรุปได้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง สามารถเหนี่ยวนำเอา
สนามไฟฟ้าที่เกิดจากตัว ส่ง สัญญาณไปยัง ตัวรั บสัญ ญาณที่อ ยู่ไ กลขึ ้นได้ ถึง แม้เมื่อนำเอาข้อมู ลที่บ ันทึ ก มา
ประมวลผลตามสมการแล้วพบว่าในหนึ่งห้องไดเวอเจนท์มีปริมาตร 1.46 ตร.ม นั้นคือหนึ่งห้องของพื้นที่ที่คลื่นวิ่ง
ไปสุดห้องแล้วเกิดการรีโซแนนซ์กันพอดี จึงสรุปได้ว่าถึงแม้จะส่งกระแสไฟฟ้าได้จริงแต่ตัวรับสัญญาณจะต้องอยู่ใน
ระยะที่คลื่นทั้งสองเคลื่อนที่รีโซแนนซ์กันพอดี นั้นก็คือในทุกๆประมาณ 1.5 ม (โดยตัวแปรควบคุมที่ทำการทดลอง)
จะเกิดการรีโซแนนซ์ของคลื่นจนสามารถรับกระแสไฟฟ้าไปทำให้ไดโอดเปล่งแสงได้ อาจเกิดจากความคลาดเคลื่อน
หรือปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ แต่ไม่มีการเก็บข้อมูลข้างต้น
แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองนั้นเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้ง ไว้ โดยที่กระแสไฟฟ้าถูกส่งไปยัง ตัวรับ
สัญญาณและวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้จากตัวรับสัญญาณได้ หมายความว่าไฟฟ้าถูกส่งมาถึงตัวรับสัญญาณ แม้จะมี
ปริมาณน้อยลงเนื่องจากการสูญเสียพลังงานระหว่างการส่งแต่ระยะทางในการส่งเพิ่มขึ้นจากก่อนอย่างมาก
5.2 อภิปรายผลการทดลอง
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถเหนี่ยวนำสนามไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้แต่พลังงานจะค่อยๆสูญเสีย
ไปตามปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นตัวนำ
5.3 ข้อเสนอแนะ
5.3.1. สร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น การ
ควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง และปัจจัยอื่นๆในพื้นที่ระหว่างการส่ง
5.3.2. การเปลี่ยนตัวนำจากลำแสงเลเซอร์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดอื่น เช่น คลื่นในย่านความถี่อื่น
5.3.3. พัฒนาให้สามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น
5.3.4. ศึกษาปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่อการส่งผลกระทบต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
16
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
18
รูปภาพที่ 1 ตัวรับสัญญาณแบบเสา(รับสัญญาณคลื่นไฟฟ้า)
ภาพที่ 3 ภาพวงจรภายในที่ต่อเสร็จแล้ว
ภาพที่ 4 ตัวส่งสัญญาณ
ภาพที่ 2 ภาพการวัดยะหะห่างในการต่อแบบทดลองเฮิรตซ์แบบปกติ
19
ภาพที่ 7 ภาพการทดสอบการทดลองครั้งแรก
ภาพที่ 5 การติดตั้งแผ่นโลหะเพื่อควบคุมทิศทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ภาพที่ 6 วงจรแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ(ไฟบ้าน)เป็นกระแสตรง