You are on page 1of 3

4 กูรู แนะจัดพอร์ตลงทุน สร้างความมั่งคั่ง 'เลขสองหลัก'

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วันที่ 17 มกราคม 2554 01:00

กระต่ายต้องไม่ตื่นตูม ตลาดหุ้นปี 2554 เล่นไม่ง่าย-ผันผวนสูง 4 กูรูแนะจัดพอร์ต 'ลงทุนทางเลือก' สร้างผลตอบแทน 'เลขสองหลัก'

วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด และกรรมการสมาคมนักวางแผนการเงิน แนะนำนักลงทุนปี นี้


ต้องระวังเรื่องความผันผวนของตลาดหุ้นให้มาก ขณะเดียวกันยังมีโอกาสทำกำไรได้พอสมควร การจัดพอร์ตลงทุนที่ดีควรจะมีการกระจายสินทรัพย์
การลงทุนให้มีความหลากหลาย

ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ 2.75% ผู้ลงทุนควรเน้นตราสารหนี้ระยะสั้นหรือ


ลงทุนในตลาดเงินไปเลย ถ้าถือตราสารหนี้ระยะยาวอาจเสียโอกาสกับผลตอบแทนที่ลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น

ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากตราสารหนี้ไม่รวมหุ้นกู้เอกชนควรจะอยู่ที่ 2-2.5% ถ้าตราสารที่มีอายุนานขึ้นควรจะมีผลตอบแทนมากกว่า 3% ซึ่งเป็น


อัตราเงินเฟ้ อที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี นี้ ขณะที่หุ้นกู้เอกชนถ้าเป็นไปได้ควรเลือกแบบที่อัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดส่วนตราสารหนี้ต่าง
ประเทศควรมีการป้ องกันความเสี่ยงจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย

นักวางแผนการเงินหญิงรายนี้ ชี้แนะว่า การจัดพอร์ตลงทุนสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ "ต่ำ" ปี นี้ควรลงทุนในหุ้นเพียง 10% อสังหาริมทรัพย์


10% ตราสารหนี้ 80% สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ "ปานกลาง" สามารถถือหุ้นเพิ่มเป็น 20% อสังหาริมทรัพย์ 20% สินทรัพย์อื่นๆ เช่น
ทองคำ น้ำมัน สินค้าคอมมอดิตี้ 5-10% ตราสารหนี้ลดเหลือ 50-55% ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้ "สูง" ลงในหุ้นได้ 30% อสังหาริมทรัพย์
20% ทองคำ น้ำมัน คอมมอดิตี้ 10% ตราสารหนี้ 40%

“การลงทุนปี นี้มีความผันผวนสูงนักลงทุนต้องเน้นเทรดดิ้งมากขึ้นหรือเล่นเป็นรอบๆ เมื่อกำไรถึงระดับหนึ่งแล้วต้องขายออกมาบ้าง” เธอเน้นย้ำ

ด้าน ภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ ให้คำแนะนำว่า “ทองคำ” ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปี นี้
แม้ปี ที่ผ่านมาจะทำสถิติสูงสุดที่ 1,420 เหรียญต่อออนซ์ไปแล้วก็ตาม โดยคาดการณ์จุดสูงสุดใหม่ของราคาทองคำปี นี้อยู่ที่ 1,650 เหรียญต่อ
ออนซ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี

“ตัวเลขนี้เรามองตรงกับ Svotia Mocatta ซึ่งเป็นผู้ค้าทองรายใหญ่ 1 ใน 5 ของโลก ถ้าเทียบกับราคาในช่วงนี้ผลตอบแทนทั้งปี น่าจะอยู่ที่


10% ซึ่งเอาชนะเงินเฟ้ อได้ ใครที่ยังไม่มีทองเลยตอนนี้ยังทันไม่ตกขบวน”

สาเหตุที่ราคาทองปี นี้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นมาจากมาตรการ QE2 ที่สหรัฐอเมริกามีการพิมพ์ธนบัตรออกสู่ตลาดเพิ่มทำให้เกิดเงินเฟ้ อสูง ทองคำจะมา


ช่วยประกันความเสี่ยงตรงนี้ได้ ธนาคารกลางจีนจะเข้าซื้อทองเก็บเป็นทุนสำรองเพิ่มจากตอนนี้มีแค่ 2% รวมถึงฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าสินค้า
โภคภัณฑ์บวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่จะอ่อนตัวลงอีกเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองปี นี้ยังเป็น "ขาขึ้น" ปัจจัยที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ "ถ้าขึ้น" ราคาทองจะ "พักฐานแรง" เพราะแปลว่าเศรษฐกิจดีขึ้นและค่าเงินดอลลาร์จะแข็ง

กลยุทธ์การลงทุนทองปี นี้ ไตรมาสแรกขอให้ซื้อลงทุนระยะสั้น จากข้อมูลเก่า 10 ปี ระบุว่าราคาทองไตรมาสแรกจะปรับตัวขึ้น 3% โกลเบล็กคาด


การณ์ว่าราคาทองจะอยู่ที่ 1,450-1,470 เหรียญต่อออนซ์ จากนั้นให้ขายทำกำไรไปก่อน เนื่องจากช่วงไตรมาสสองและสามจะเป็น "ช่วงพัก
ฐาน" ของราคาทอง โดยจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งใน "ไตรมาสสี่" โดยจุดพีคอยู่ที่ราคา 1,650 เหรียญต่อออนซ์

ภาคภูมิ แนะนำว่า ให้นักลงทุนแบ่งเงินส่วนหนึ่งประมาณ 10-20% มาลงทุนในทองคำไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือกองทุนที่ลงทุนในทองคำจะ


ช่วยป้ องกันเงินเฟ้ อได้ สำหรับผู้ที่อยากเก็งกำไรระยะสั้นโกลด์ฟิ วเจอร์สเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจแต่ต้องรู้จัก Cut Loss ให้เป็นเพราะผู้ที่
ลงทุนทองแท่งมาก่อนจะไม่คุ้นกับการตัดขาดทุน ถ้าคิดว่าลงทุนผิดทางต้องออกให้ทัน สำหรับผู้ที่ตั้งใจลงทุนระยะยาว คาดการณ์ว่าวัฏจักรทองรอบ
นี้ขึ้นมาเป็นปี ที่ 11 แล้ว จากวงจร 15 ปี จึงยังพอมีเวลาให้ลงทุนระยะกลางถึงยาวได้อีก 4 ปี จากนี้

สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าลงทุน “อนุพันธ์” ในปี นี้ ผู้บริหาร บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง ชี้ว่า เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจเพราะตลาดหุ้นปี นี้จะมีความผันผวน
สูง SET50 Future จะสามารถเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงได้โดยเฉพาะ "ช่วงขาลง" สามารถใช้ Put Option ช่วยได้ ส่วน Single
Stock จริงแล้วก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจถ้าคิดว่าราคาหุ้นจะเป็นขาลงเพราะมีความคล่องตัวสูงกว่าธุรกรรมยืนหุ้นมาขาย (SBL) แต่ติดปัญหาที่
สภาพคล่องเพราะคนยังเล่นน้อย

ส่วนอนุพันธ์อื่นๆ เขาบอกว่าปี นี้ตลาดอนุพันธ์น่าจะเปิ ดตัวตราสารประเภทเงิน (Silver) กับน้ำมัน (Oil) เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุน ส่วน


ตัวมองว่าน่าสนใจเพราะอดีตที่ผ่านมาราคาเงินกับทองจะวิ่งพร้อมกันแต่เงินให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพียงแต่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก ส่วนน้ำมันต้องดู
ก่อนว่าอ้างอิงกับราคาตลาดไหน ปี 2554 โกลด์ฟิ วเจอร์สยังเปิ ดให้ลงทุนได้ถึง 4 ทุ่มครึ่งด้วย ซึ่งเวลาดังกล่าวนักลงทุนฝั่งยุโรปกำลังซื้อขายเป็น
โอกาสของผู้ที่ต้องการเก็งกำไรราคาทองอย่างจริงจังเพราะราคาเปิ ดมักจะกระโดด

“ปี นี้ใครที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ ตราสารอนุพันธ์สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นได้เป็นเท่าตัวแต่นักลงทุนต้องให้เวลากับมันอย่างมาก


เพราะตลาดจะผันผวนสูงกว่าปี นี้” ภาคภูมิ กล่าวสรุป

สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ ชี้แนะว่า การจัดพอร์ตลงทุนในปี นี้ควรแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนใน “หุ้นต่าง


ประเทศ” เพราะหุ้นไทยสองปี ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาสูงมาก นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะมีจุดสูงสุดที่ 1,200 จุด คิดเป็นผล
ตอบแทนจากปัจจุบันแค่ 15% แต่ตลาดหุ้นอื่นในเอเชียยังไม่สามารถดีดกลับมายังจุดเดิมได้เลยจึงยังมี Upside Gain ให้ทำกำไรมากกว่า

"พีอีตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่ นตอนนี้ยังเทรดที่ 14 เท่า ยังมีโอกาสเทรดที่พีอีสูงกว่านี้ได้อีก ปี 2554 คาดการณ์ว่าจีดีพีของเอเชียจะโต 6-7%


ขณะที่สหรัฐฯและยุโรปจะโตไม่ถึง 1% ยิ่งมีมาตรการ QE2 เข้ามาทำให้ฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียได้อีก”

ประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนคงหนีไม่พ้นประเทศจีน ซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดดเด่นมากจนรัฐบาลต้องสั่งชะลอด้วยมาตรการสกัด
ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์จนทำให้ตลาดหุ้นปี 2553 ไม่โดดเด่น

ถ้าจะลงทุนควรเลือกกองทุน FIF ที่ลงทุนในตลาด H-Share (หุ้นจีนที่ list ในตลาดฮ่องกง) ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่เป็น


ถาบันต่างประเทศที่สำคัญยังเทรดที่พีอี 11-12 เท่า แต่ถ้าเป็น A-Share จะลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ ฐานนักลงทุนจะเป็นรายย่อยและเทรดที่พี
อีสูงกว่า

นอกเหนือจากจีนที่น่าสนใจคือ "อินเดีย" แต่ยังมีกองทุนที่ไปลงทุนน้อยกว่า ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่ นยังไงก็โตขึ้นแน่นอนแม้ว่าจะขึ้นมา


เยอะแล้ว เมื่อเทียบกับในอดีตสามารถเทรดที่พีอี 16 เท่าได้สบาย นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ตรงกันว่าปี 2554 กำไรต่อหุ้นยังจะโตขึ้นเมื่อเทียบกับ
ปี 2553 ด้วย ส่วนปัจจัยเสี่ยงต้องจับตาปัญหาหนี้ที่ยุโรปอาจส่งผลทางจิตวิทยาการลงทุนสั้นๆ แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น

“สำหรับหุ้นจีนเรามองผลตอบแทน 30-40% น่าจะเป็นไปได้ ส่วนหุ้นเอเชียในภาพรวมน่าจะสร้างผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 20%”

ส่วนการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ น่าจะรอจังหวะที่ธนาคารกลางในเอเชียทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเสียก่อนซึ่งน่าจะเป็นช่วงกลางปี 2554


เป็นต้นไป ถ้าจะลงทุนช่วงต้นปี ควรเน้นตราสารหนี้ระยะสั้น สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์คาดว่าจะราคาในตลาดโลกจะปรับขึ้นทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น
Hard หรือ Soft Commodity หรือพวกโลหะต่างๆ สามารถลงทุนได้เช่นกัน

ด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย มองว่า แม้ปี นี้แบงก์ชาติจะออกมาตรการควบคุม


การปล่อยสินเชื่อบ้านรวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาขึ้นแต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังน่าสนใจอยู่ เพียงแต่ต้องเลือกทำเลที่มีศักยภาพมาก
ขึ้น

“ข้อมูลราคาอสังหาริมทรัพย์ชี้ว่าราคาคอนโดมิเนียมปี ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 1.43% ขณะเดียวกันผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง


มั่นใจว่ายังไม่เป็นฟองสบู่แน่นอน ราคาอสังหาฯ ในประเทศไทยยังห่างจากฮ่องกงและสิงคโปร์ พอสมควร”
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้มีความเสี่ยงน้อยควรจะลงทุนระยะยาวเพื่อปล่อยเช่ามากกว่าซื้อมาขายไประยะสั้น ปัจจุบันต้องบอกว่าอพาร์ตเมนต์และ
คอนโดมิเนียมยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนระดับสูง ขณะที่บ้านเดี่ยวให้ผลตอบแทนน้อยกว่า

“ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับถ้าเป็นบ้านเดี่ยวให้เช่าอยู่ที่ 3-5% คอนโดมิเนียม 5-8% และอพาร์ตเมนต์ 7-10% ผมให้ตัวเลขค่าเฉลี่ยค่าเช่า


ห้องสำหรับบ้านเดี่ยวควรอยู่ที่ 50-150 บาทต่อตารางเมตร ส่วนคอนโดมิเนียมประมาณ 200-500 บาทต่อตารางเมตร”

ทำเลที่มีศักยภาพน่าลงทุนในปี 2554 ได้แก่ ย่านที่มีรถไฟฟ้ า BTS หรือ MRT วิ่งผ่านหรือพื้นที่ใกล้เคียง ถ้าเขตชานเมืองต้องตั้งอยู่ในส่วน


ต่อขยายของรถไฟฟ้ าซึ่งคาดว่าจะวิ่งผ่านแน่นอน ทำเลที่ใกล้กับทางด่วน ทางลอยฟ้ าต่างๆ รวมถึงทำเลใกล้แหล่งชุมชนอย่างเช่นศูนย์การค้า สถานที่
ราชการ สถานที่ทำงาน โรงเรียน

ส่วนทำเลที่ไม่น่าลงทุนคือพื้นที่ใกล้แหล่งมลภาวะ โรงงานอุตสาหกรรม ที่ทิ้งขยะ ทางหลวงที่มีการจราจรหนาแน่น พื้นที่แก้มลิงซึ่งมีน้ำท่วม รวม


ถึงที่ห่างไกลเกินไปเดินทางไม่สะดวก

หลักการลงทุนที่สำคัญควรต้องคำนวณรายได้สุทธิต่อเดือนให้เพียงพอต่อการผ่อนชำระ สำหรับบ้านเดี่ยวหรือห้องชุดให้เช่าควรมีสัดส่วนของเงินสด
ส่วนตัว 20% และวงเงินกู้จากธนาคาร 80% ถ้าเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่าควรใช้เงินทุนส่วนตัว 40% และเงินกู้จากธนาคาร 60% แต่ที่ดีที่สุด
ควรใช้เงินสดส่วนตัวทั้ง 100%

วิธีการคัดเลือกอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสำหรับนักลงทุนถ้าเป็นโครงการทั่วไปควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ ความพร้อมของ
ระบบสาธารณูปโภค ทางเข้าออกสะดวกหรือไม่หรือเป็นทางตาบอดหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ประกอบการแบรนด์ดังราคาให้เช่าจะสูงขึ้น อีกทางเลือกหนึ่ง
สามารถเลือกอสังหาริมทรัพย์มือสองมาลงทุนได้เช่นกันเพื่อลดต้นทุน รวมทั้งทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จากสถาบันการเงินและทรัพย์สินขาย
ทอดตลาดจากกรมบังคับคดี ซึ่งทั้งสองต้องดูเรื่องข้อสัญญาให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ

You might also like