Professional Documents
Culture Documents
นางสาวณัตธิตา พลซา รหัส 64110003-7
นางสาวณัตธิตา พลซา รหัส 64110003-7
ระบบหลักประกันสุขภาพในประเทศไทย
1. ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 2.1 อัตราตายของทารกอายุต่ำกว่า 7 วัน 3.อัตราเจริญพันธุ์ทั่วไป
2. ระบบประกันสังคม (carly neonatal mortality หรือ perinatal ( general fertility rate )
3.ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
สถิติชีพการตาย
หลักประกันสุขภาพ และสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับมารดาและทารก สถิติการเกิด 1. อัตราตายอย่างหยาบ
1. บัตรประกันสุขภาพ ( สิทธิ 30 บาท, สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วน 1.อัตราการเกิดอย่างหยาบ (crude (crude death rate)
หน้า) เป็นสวัสดิการรักษาพยาบาลในระบบกองทุนบัตรสุขภาพให้กับผู้ขอทำบัตร โดยไม่ birth rate) คือ จำนวนเกิดมีชีพในปี
สถิติชีพเกี่ยวข้อง
ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นยานอกบัญชียาหลัก และการใช้บริการห้องพิเศษ) หนึ่งต่อประชากร1,000 คน เป็นการ 2.อัตราเจริญพันธุ์เฉพาะกลุ่ม
กับการพยาบาล
2. บัตรประกันสังคม เป็นสวัสดิการลูกจ้างตามกฎหมายประกันสังคม โดยผู้มีรายได้ และ เปรียบเทียบจำนวนการเกิดมีชีพ ในช่วง อายุ (age specific
มารดา-ทารก
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน ระยะเวลาหนึ่งปีกับจำนวนประชากรใน fertility rate)
สิทธิอื่น ๆ ที่ได้รับความคุ้มครองเกี่ยวกับมารดาและทารก ระยะเวลาเดียวกัน
แนวโน้มของการพยาบาลมารดาทารก และครอบครัว
แนวโน้มของครอบครัวไทยมีขนาดเล็กลง อัตราการ
4. ปัจจัยด้านบริการสุขภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสุขภาพ มารดา-ทารกและประเด็นและแนวโน้ม หย่าร้างสูงขึ้น อัตราการตั้งครรภ์วัยรุ่นเพิ่มขึ้น
ปัจจัยด้านบริการสุขภาพได้แก่ ระบบจัดการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เช่น การรักษา
ในการการพยาบาลมารดา-ทารก
พยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคอย่างเป็นระบบ เป็นต้น 1. การสร้างครอบครัวใหม่
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสุขภาพมารดาและทารกในครรภ์ 2. การให้การปรึกษาก่อนตั้งครรภ์ การดูแลขณะตั้งครรภ์
ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสุขภาพมารดาและทารกในครรภ์ พบว่ามีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดาและทารก 3. ความรุนแรงในครอบครัวมีมากขึ้น
เติบโตของทารกในครรภ์ มีรายละเอียดดังนี้ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดาและทารก 4. แนวโน้มการมีพ่อ-แม่เดี่ยว (single parents)
1. ปัจจัยทางด้านปัจเจกบุคคล ได้แก่ แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ การเปลี่ยนแปลง 5. ความต้องการการดูแลอย่างมีคุณภาพของผู้รับบริการมีมากขึ้น
เป็นปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสุขภาพเฉพาะตัวบุคคลโดยตรง ได้แก่ พันธุกรรม วิถีการดำเนินชีวิตของมารดาที่ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา และการ 6. การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายราคาสูง
มีผลต่อภาวะสุขภาพ และภาวะสุขภาพของมารดา เปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลกระทบจาก อย่างเหมาะสม
2. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ เป็นต้น และแนวโน้มในการพยาบาล 7. ผู้รับบริการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลเร็วขึ้น เน้นการดูแล
สิ่งแวดล้อม หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งแบ่งได้เป็น สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มารดาทารก ดังรายละเอียดต่อไปนี้ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ ตนเองและต้องติดตามเยี่ยมบ้าน
ที่มนุษย์สร้างขึ้น การพยาบาลมารดาและทารก 8. การดูแลด้วยใจเพื่อป้องกันการฟ้องร้องของผู้รับบริการ
3. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น 1. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ 9. การพยาบาลที่เน้นพิทักษ์สิทธิ์ของผู้รับบริการ
ในปัจจุบัน มีผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์เป็นอันมาก 2. การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการ 10. การส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกให้
ศึกษา เร็วขึ้น และเน้นการให้นมมารดาอย่างมีคุณภาพเพิ่มขึ้น
การให้คำปรึกษาก่อนสมรสมุ่งหวังให้ทั้งหญิงและชายมีสุขภาพดีเป็นการเตรียมบุคคลทั้ง 2 เพศ เพื่อให้มีชีวิตสมรสที่สมบูรณ์และเป็นสุข มีหลักการ
และแนวคิด ดังนี้
1.การให้การ
บทที่ 2 แนวคิดการอนามัย
บทที่ 2 แนวคิดการอนามัยเจริญพันธุ์
1. ส่งเสริมสถาบันครอบครัวและความผูกพันซึ่งกันและกัน
ปรึกษาก่อนสมรส เจริญพันธุ์และการวางแผน
2. ส่งเสริมสุขภาพและความอยู่เป็นสุขของครอบครัวและคู่สมรส และการวางแผนครอบครัว
ครอบครัว
3. ส่งเสริมให้คู่สมรสชายหญิงคิดในด้านบวก หากมีปัญหาเกิดขึ้นให้ชายหญิงและคู่สมรสร่วมใจในการแก้ไขปัญหา
4. ส่งเสริมให้ชายหญิงหรือคู่สมรสร่วมกันตัดสินใจในทางเลือกต่างๆ และให้ยึดถือการตัดสินใจของคู่สมรสเป็นหลักเสมอ เช่น คู่สมรสอาจจะตัดสิน
ใจจะไม่มีบุตร หรือยอมเสี่ยงในกรณีมีความผิดปกติของ ทารก เป็นต้น
การส่งเสริมการเลี้ยง การช่วยมารดาให้เรียน
การช่วยมารดาให้เรียนรู้
การเตรียมตัวเพื่อการ บทที่66การเลี้ยง
การเลี้ยง การส่งเสริมการเลี้ยงลูก
บทที่ ลูกด้วยนมเเม่ในระยะ รู้สื่อสัญญาณที่แสดงว่า
สื่อสัญญาณที่แสดงว่า
เลี้ยงลูกด้วยนมเเม่ใน ลูกด้วยนมเเม่
ลูกด้วยนมเเม่ ด้วยนมเเม่ในระยะคลอด
คลอดและหลังคลอด ทารหิว(feedingcues)
ทารกหิว(feedingcues)
ระยะตั้งครรภ์ และหลังคลอด
4.ตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
4.ตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
การสัมผัสหัวนม/เต้า
การสัมผัสหัวนม/เต้า
นมด้วยมือ การจ้อง
นมด้วยมือ การจ้อง
มองหัวนมและลาน
มองหัวนมและลานนม
นม
การช่วยจัดท่าให้นมแม่
การช่วยจัดท่าให้นมแม่ท่ี
ท่ี สะดวกสบายลด
สะดวกสบายลดอาการเจ็บ การแลบลิ้นและ
การแลบลิ้นและ
5.แนะนำสามีและญาติให้มีบทบาทในการเลี้ยงลูก
5.แนะนำสามีและญาติให้มีบทบาทในการเลี้ยง แผล
อาการเจ็บแผล ขยับปากไปมา
ขยับปากไปมา
ลูกด้วยนมเเม่ ด้วยนมเเม่
6.ดูแลเต้านมเพื่อเตรียมให้นมลูก
6.ดูแลเต้านมเพื่อเตรียมให้นมลูก กระตุ้นให้มารดามีการสัมผัส
กระตุ้นให้มารดามีการสัมผัส
กับทารกแบบเนื้อแนบเนื้อ
กับทารกแบบเนื้อแนบเนื้อ
อาบน้ำปกติไม่ใช้สบู่
อาบน้ำปกติ ไม่ใช้สบู่ครีมทา
ครีมทา โดยเร็วที่สุด เมื่อทั้งมารดาและทารก
โดยเร็วที่สุด เมื่อทั้งมารดาและ
หรือขัดถูบริเวณหัวนม
หรือขัดถูบริเวณหัวนม มีความพร้อม
ทารกมีความพร้อม
ตรวจสอบและแก้ไขความผิดปกติของหัวนม
ตรวจสอบและแก้ไขความผิดปกติของหัวนม
และลานนมก่อนคลอด
และลานนมก่อนคลอด ภายใต้การดูแลของ
ภายใต้การดูแลของ
สวมเสื้อชั้นในขนาดที่เหมาะสม
สวมเสื้อชั้นในขนาดที่เหมาะสม แพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ
ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป
ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป
บทที่
บทที่ ๗ การพยาบาลทารก
๗ การพยาบาลทารกแรกเกิดปกติ
แรกเกิดปกติ
การประเมินและการดูแลทารกแรกเกิดท่ีมีความ
การประเมินและการดูแลทารกแรกเกิดท่ีมีความ
การประเมินสภาพทารกแรกเกิด
การประเมินสภาพทารกแรกเกิด การพยาบาลทารกแรกเกิดประจําวัน
การพยาบาลทารกแรกเกิดประจําวัน การให้วัคซีน ผิดปกติเล็กน้อย
ผิดปกติเล็กน้อย
1. การตรวจร่างกายตามระบบ
1. การตรวจดูลักษณะทั่วไปของทารก เป็นการ 1. เท้าปุก (clubfoot/talipes equinovarus) เท้าบิดผิดรูป
1.1 ลักษณะร่างกายทั่วไป ตรวจดูลักษณะผิวหนัง มี
ตรวจดูความผิดปกติทวิธีดูและคลำตั้งแต่ศีรษะ การดูแล ให้เท้าใช้เดินได้ใกล้เคียงกับเท้าปกติมากที่สุดโดยเท้า
ความตึงตัวดี เรียบ ยึดหยุ่น ไม่มีผื่น ผิวหนังถูก จรดเท้า
2. การดูแลให้ความอบอุ่น โดยดูแลให้อุณหภูมิ วางราบกับพื้นเต็มเท้า ฝ่าเท้าตรง ไม่ตะแคงและไม่เขย่ง การดัด
ปกคลุมด้วยไข
ร่างกายทารกอยู่ระหว่าง 36.5- 37 องศา ดูแลไม่ เท้าและการใส่เผือกจะได้ผลดีในช่วง 6เดือนแรก
1.2 ศีรษะ ลักษณะปกติที่พบ ได้แก่ กระดูกศีรษะเกย
ให้ทารกตัวเย็น 2.ภาวะลิ้นติด (tongue tie or ankyloglossia) คือ ภาวะที่มี
ซ้อนกัน (molding) ก้อนบวมจากน้ำคั่ง(caput 3. การดูแลให้ทารกได้รับน้ำนมมารดาอย่าง เนื้อเยื่อที่ยึดระหว่างใต้ลิ้นกับลิ้นล่างของช่องปาก (lingual
succedaneum) เพียงพอ โดยดูแลให้ทารกได้เข้าเต้าอย่างถูกวิธี frenulum)
1.3 ใบหน้า ดูการเคลื่อนไหวของใบหน้าสมมาตร ดูดถูกวิธี และดูดบ่อย สังเกตอาการสำรอกนม การดูแล หากมีภาวะลิ้นติดที่ทำให้เกิดปัญหาการดูดนมมารดา
กันทั้งสองข้างเมื่อร้อง 4. การชั่งน้ำหนักทารก ควรชั่งทุกวันขณะอยูโรง
แพทย์จะทำการผ่าตัด
1.4 ตา ตรวจดูลูกตา เลนส์ตาใส เยื่อบุตาขาวสะอาด พยาบาล เพื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักแรกเกิดดู
การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก 3.ภาวะขี้เทาอุดกั้น (meconium impact) หรือ กลุ่มอาการขี้เทา
หนังตาบวมเล็กน้อย อาจพบมีเลือดออกที่บริเวณ อุดกั้น (meconium plugsyndrome) คือ การมีขี้เทาอัดแน่นอยู่
5. การอาบน้ำทารก มีวัตถุประสงค์ เพื่อทำความ
ตาขาว(subconjunctiva hemorrhage) สะอาด ให้ทารกสุขสบาย บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายหรือทวารหนัก
1.5 จมูก จมูกสมมาตรกัน รูจมูกมีขนาดเท่ากัน มี 6. การทำความสะอาดสะดือ การดูแล ทารกแรกเกิดที่มีการขับถ่ายขี้เทาช้า จะติดตาม
septum กั้นตรงกลาง 7. การทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ให้ ประเมินและตรวจวินิจฉัย
ทำความสะอาดทุกครั้งที่อาบน้ำและภายหลังขับ
1.6 ปาก ตรวจดูมุมปากอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีฟัน ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ 4. ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโทสบกพร่อง หรือ ภาวะไม่ทนต่อน้ำตาล
เพดานเรียบ เพดานบนอาจตรวจพบจุดขาวเล็ก ๆ 8. การขับถ่าย ภายหลังการถ่ายปัสสาวะให้ แลคโทส (actoseintolerance) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถ
เปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งถ้าปล่อยไว้นานทารกจะ 9. ภาวะอุณหภูมิกายต่ำ (hypothermia)
(Epstein pearis) ย่อยน้ำตาลแลคโทสได้สมบูรณ์ภายหลังจากได้รับนมประมาณ 30
ตัวเย็นสำหรับการถ่ายอุจจาระ การดูแล ป้องกันและดูแลการสูญเสียความร้อนทั้ง 4 ทาง
1.7 หู ตรวจดูลักษณะรูปร่าง ตำแหน่งของใบหูขอบ
9. การสังเกตอาการอื่น ๆ ได้แก่ การสะดุ้งหรือ นาที ถึง 2 ชั่วโมง ทำให้ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน
จากการระเหยการพา การนำ และการแผ่รังสี
บนอยู่ในระดับเดียวกับหางตา ผวา การกระตุก การบิดตัว การดูแล แนะนำบิดามารดาให้สังเกตอาการผิดปกติของระบบ
10.ภาวะตัวเหลืองในทารก (neonatal
1.8 คอ ตรวจดูไม่มีปีก (web) ต่อมไทรอยด์ไม่โต 10. การสังเกตอาการผิดปกติของผิวหนังทารก ทางเดินอาหารภายหลังทารกแรกเกิดดูดนมมารดาได้ประมาณ 30
ซึ่งหายเองได้ ดังนี้ การลอกของผิวหนัง ปลาย hyperbilirubinemia/jaundice) เกิดจากสารสีเหลืองที่เรียก
1.9 ทรวงอก รูปร่างกลม สมมาตรกัน ไม่บุ๋ม ไม่โป่ง นาทีถึง 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะมีอาการเล็กน้อยนาน 1-2สัปดาห์
มือและเท้าเขียว ผด ผื่นแพ้ ว่า บิลิรูบิน (iirubin) ในเลือดสูงกว่าปกติ
นูน เสียงการหายใจ (breath sounds)เท่ากันทั้ง 2 ข้าง และกลับเป็นปกติ แต่หากทารกมีอาการรุนแรง ควรพามาพบแพทย์
การดูแล แนะนำบิดามารดาในการป้องกันภาวะตัวเหลือง
1.10 หน้าท้อง ดูขนาด รูปร่าง การปิดของผนังหน้า 5. กลุ่มอาการดาวน์ (Down syndrome) เป็นโรคที่เกิดจาก
2. การประเมินระบบประสาท จากการได้รับน้ำนมไม่พอ โดยให้ทารถได้ดูดนมมารดาอย่าง
ท้อง อาจคลำพบตับ ม้าม และไตได้ ความผิดปกติของโครโมโชมคู่ที่21 มีลักษณะผิดปกติทั้งด้าน
ถูกวิธี
1.11 แขนขา ดูลักษณะการงอ การเหยียด กำลังของ ร่างกายและสติปัญญา
การดูแล ควรได้รับคำแนะนำบิดา มารดา ปรึกษาเกี่ยวกับการก
กล้ามเนื้อ จำนวน ลักษณะนิ้วมือนิ้วเท้า เส้นลาย
ระตุ้นพัฒนาการของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่อทารกเกิด ทารกจะ
ฝ่ามือฝ่าเท้า
ได้รับการตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติ
1.12 หลัง ดูและคลำแนวกระดูกสันหลังตั้งแต่กระดูก
6. ฟันงอกแรกเกิด (neonatal or predeciduous teeth) หรือ
ต้นคอไปจนถึงกระดูกกันกบ ตรวจดูความโค้งงอ
ฟันงอกแต่กำเนิด (congenital
ผิดรูปของกระดูก หารูเปิดหรือก้อนโปงนูน การดูแล ควรส่งปรึกษาทันตแพทย์ ซึ่งอาจพิจารณาถอนฟัน
1.13 ทวารหนัก ดูรูเปิด สังเกตการขับถ่ายขี้เทา 7. ภาวะท่อน้ำตาอุดตัน (dacryostenosis or nasolacrimal
ภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังเกิด duct obstruction) เป็นการอุดตันของท่อระบายน้ำตา
1.14 อวัยวะเพศ ในเพศชาย ดูขนาดรูปร่าง องคชาติ (acrimal canaiculus) บริเวณปลายท่อที่เปิดสู่โพรงจมูก
ตำแหน่งรูเปิดท่อปัสสาวะ ความผิดปกติที่อาจตรวจ การดูแล แนะนำให้บิดามารดาสังเกตอาการ หากพบว่าทารกมี
พบคือ รูเปิดของท่อปัสสาวะอยู่ด้านบนของ น้ำตาไหลตลอดเวลา ควรพามาพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจ
องคชาติ (epispadias) หรืออยู่ด้านล่างขององคชาติ วินิจฉัยและรับคำแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้อง
(hypospadias) ในทารกที่คลอดท่ากัน อาจตรวจพบถุง 8. อัณฑะค้าง (undescended testis or cryptorchidism)
อัณฑะบวมน้ำได้ (hydrocele)ซึ่งจะหายได้เองภายใน หรืออัณฑะไม่ลงถุงเมื่อแรกเกิดอาจเป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
1-3 วัน ในเพศหญิง ดูการชิดกันของ labia ดูขนาด การดูแล การดูแลรักษา แนะนำให้บิดามารดาสังเกตและคลำ
และรูปร่างของ clitorisสิ่งคัดหลั่งจากช่องคลอดและ
ลูกอัณฑะอยู่เสมอ เมื่อพบความผิดปกติหรือคลำไม่พบอัณฑะ ควร
นำบุตรมาพบแพทย์ และนำบุตรมาตรวจรักษาตามแพทย์นัดทุก
การขับถ่ายปัสสาวะ
ครั้ง